คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทพิเศษ เรื่องเก่าเศร้าใหม่
บทพิเศษ
เรื่องเก่าเศร้าใหม่
ร่างของเด็กหญิงวัยหกขวบเศษวิ่งถลาเข้ากระโดดกอดคนเป็นพี่ชายคนรองด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปแลบลิ้นใส่พี่ชายคนโตที่ยืนอยู่ข้างๆกัน อลัวซ์ได้แต่เลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจว่าตนเองไปทำผิดอะไรน้องสาวคนสวยถึงได้ทำท่าทีไม่ถูกใจเขาแบบนี้
“อลาวดี้ เจ้านี่มันสองมาตรฐานโดยแท้”อลัวซ์ส่ายหัวหน่อยๆ
“ฮึฮึ ไม่สนหรอกน่า ก็ท่านพี่อเล็กซ์ใจดีกว่านี่”อลาวดี้ตอบเสียงใสพร้อมรอยยิ้มแฉ่ง
“อ้าว ข้าใจร้ายหรือนี่ งั้นคนใจร้ายอย่างข้าคงจะไม่พาเจ้าเที่ยวเมืองวิญญาณแล้วล่ะ”
อลัวซ์พูดเรียบๆแต่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ อลาวดี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็หันควับไปหาพี่ชายคนโตทันที
“อะไรนะ? ท่านจะพาข้าไปเมืองวิญญาณเหรอ?”
“ทีแรกน่ะใช่ แต่ข้ามันคนใจร้ายนี่ จะพาเด็กไปเที่ยวได้ไง”
“ได้สิได้ ใครว่าท่านใจร้ายไม่มีเชียวล่ะ”
อเล็กซ์ขำหน่อยๆกับท่าทีกลับไปกลับมาที่ดูเจ้าเล่ห์เหมาะสมกับคนเลี้ยงดี ใครเลี้ยงก็นิสัยแบบนั้น อลัวซ์เลี้ยงเลยนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนอลัวซ์ไม่มีผิด นี่ถ้าเขาเลี้ยงจะออกมามีนิสัยแบบไหนเนี่ย?
“งั้นก็มา”อลัวซ์ส่งมือให้น้องสาวสุดที่รักของตนเอง
เด็กน้อยยิ้มร่า มือหนึ่งจับพี่คนโต มือหนึ่งจับพี่คนรองพลางเดินไปยังเมืองวิญญาณด้วยกัน เป็นภาพที่เหล่าบรรดาขุนนางหรือทหารที่ผ่านไปมาต่างยิ้มด้วยความเอ็นดู
อลาวดี้ดูตื่นตาตื่นใจกับข้าวของต่างๆที่วางขายอยู่ในเมืองวิญญาณเป็นอย่างมาก ตื่นตาตื่นใจจนไม่สนใจว่าใครจะโค้งคำนับตนบาง
“ท่านพี่อเล็กทางซ้าย ซ้ายอีก หว้า~”
เด็กหญิงร้องด้วยความผิดหวังเมื่อพี่ชายคนรองยิงปืนไม่โดยตุ๊กตาแกะน้อยขนปุย
“เอาแค่ลูกแก้วไปก่นละกันนะ”
อเล็กซ์ยิ้มแห้งๆ เพราะฝีมือเขาไม่ถึงเองแหละน่า อลาวดี้รับมันไปส่องดูก่อนจะคืนให้พี่ชายคนรอง
“ท่านพี่เก็บมันไว้ก่อน ข้าไม่มีกระเป๋า”
ร่างเล็กส่งคืนดูก็รู้ว่าไม่อยากได้เท่าที่ควรแต่ถึงกระนั้นก็พยายามหาของอ้าง อเล็กซ์รับลูกแก้วไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมของตนเอง
“ท่านพี่ไอ้ฟูๆนี่มันคืออะไรน่ะ”อลาวดี้ชี้ไปที่สายไหมสีฟ้าอ่อนที่เสียบไม้อยู่ข้างทาง
“ขนมน่ะ เจ้าจะกินไหมล่ะ?”อลัวซ์ย่อตัวลงเพื่อคุยกับน้องสาว
อลาวดี้หันมามองหน้าพี่ชายผมดำที่ยิ้มน้อยๆบนใบหน้า
“ได้งั้นเหรอ?”
“อืม ได้สิไม่เชื่อลองถามอเล็กซ์ดูก็ได้นะ”
เด็กหญิงหันไปมองพี่ชายคนรองที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง เจ้าของเรือนผมสีเทาพยักหน้ารับเบาๆเพียงเท่านั้นเด็กหญิงนก็ยิ้มกว้างออกมา
“เอาสามอันค่ะ!”
“เฮ้! สามอันเลยเหรอ?”อเล็กซ์ถามเสียงหลง
“ก็ของข้า ของท่านพี่อเล็กซ์ แล้วก็ของท่านพี่อลัวซ์ไง”
พี่ชายทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างงงๆ เขาก็ไม่ค่อยอยากจะกินมันเท่าไหร่ แต่ไหนๆอลาวดี้สั่งให้แล้วก็ขัดไม่ได้หรอกเดี๋ยวร้องไห้จะยุ่งเอานะนั่น
“นี่ขอรับองค์หญิง”
“อย่ามาเรียกข้าว่าองค์หญิงนะ!”
ชายทั้งสามรวมพ่อค้าสายไหมด้วยต่างเลิกคิ้วแปลกใจกับปฏิกิริยาของอลาวดี้ที่มีต่อสรรพนามการเรียก เด็กหญิงรับสายไหมไปชิมก่อนจะยิ้มจนแก้มปริด้วยความหวานของสายไหม
“เรียกข้าว่าท่านอลาวดี้ก็พอแล้ว”อลาวดี้ว่ายิ้มๆก่อนจะดึงมือลากพี่ชายคนโตไปอีกทางโดยมีอเล็กซืวิ่งตามไป
ใครว่าอลาวดี้ติดอเล็กซ์เอาตามจริงน่ะติดอลัวซ์มากกว่าเสียตั้งเยอะแน่ะ
ร่างในชุดกระโปงฟูฟ่องวิ่งร่าไปดูการแสดงโยนคทาไฟที่กลางตลาด ผู้คนมากมายต่างรุมล้อมการแสดงนั้น แต่พอเห็นรัชทายาทแห่งนรกมาเยี่ยมเยี่ยนก็ต่างเลียกทางให้ด้วยความเต็มใจ
“พวกเจ้าน่ะ”อลาวดี้หันไปเรียกชาวบ้านที่ยืนอยู่ห่างออกไปเพราการมาของเธอและพี่ชาย
“อยู่ตั้งไกลจะเห็นเหรอ มาอยู่ดูใกล้ๆกันดีกว่านะ”อลาวดี้ยิ้มหวานให้พลางควักมือเรียกหยอยๆ
ชาวบ้านค่อยๆยิ้มขึ้นทีละนิดก่อนจะเดินเข้ามา
“เจ้าน่ะก็เตี้ยจะมองเห็นเหรอ?”อลัวซ์แขวะ
“ข้าไม่ได้เตี้ยนะ ข้าแค่...เหวอ!”
ร่างเล็กลอยขึ้นสูงจากฝีมือพี่ชายคนโตที่อุ้มเด็กน้อยขึ้นไปขี่คอตนเอง นัยน์ตาสีเทาจับจ้องที่ไฟที่ปลายคทาด้วยแววตาเป็นประกาย
“ที่จริงน่ะแบบนั้นข้าก็ทำได้นะ”อเล็กซ์กระซิบบอกน้องคนเล็ก
“จริงเหรอ? ทำให้ข้าดูหน่อยสิ ข้าอยากเห็น”อลาวดี้ร้องขอ
อเล็กซ์ยิ้มหน่อยๆก่อนจะเอ่ยขอแรกเปลี่ยน”มีข้อแม้นะอลาวดี้”
“อะไร?”
“หอมแก้มข้าก่อนสิ”อเล็กซ์ว่าพลางชี้ที่แก้มขาวๆของตน
“เจ้านี่มันตลอดเลยนะอเล็กซ์”อลัวซ์บ่นพึมพัมกับความเจ้าเล่ห์ที่มีไม่แพ้กัน
อลาวฝังจมูกลงกับแก้มของคนผมเทาอีกคนเบาๆอย่างไม่มีลังเล จากนั้นอเล็กซ์ก็เดินเข้าไปในวงการแสดงพร้อมกับขอไม้คทาไฟมาควงด้วยความชำนาญ คทาไฟถูกโยนขึ้นสูงหมุนเป็นวงก่อนตกลงมาอยู่ในมือร่างเพียว เปลวไฟสีส้มพุ่งทะยานไปด้านหน้าราวกับมังกรที่พ่นเปลวเพลิงออกจาปาก อลาวดี้หัวเราะด้วยความสนุกสนานกับการแสดงที่พี่ชายคนรองเล่นให้ดู
“อลาวดี้เดี๋ยวดูอะไรนะ”อลัวซ์กระซิบเบาๆจนคนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้น
แล้วก็รู้ถึงน้ำเสียงกระซิบที่เจือปนความสนุกนั้น เมื่อไฟที่ปลายคทากลายเป็นน้ำแข็งในพริบตาเดียว คนที่กำลังโชว์ฝีมือเลิกคิ้วสูงก่อนหันมามองท่านพี่ที่ยิ้มสนุกอยู่กับฝูงชน
“ท่านพี่เนี่ยนะ”อเล็กซ์ได้แต่ส่ายหัว มีพี่เหมือนมีน้องเพิ่มอีกคนยังไงไม่รู้สิ
อลัวซ์ไม่ได้สนใจสีหน้าเซ็งๆของน้องชาย เขาดีดนึ้วดังป๊อก! น้ำแข็งที่ปลายคทาก็แตกออกและแพร่กระจายราวกับเกล็กหิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่ร่วงลงมาจากท้องนภาอันกว้างใหญ่
“ว้าว! ยอดเลยท่านพี่”อลาวดี้ก้มลงมองคนที่ให้ตนเองขี่คออยู่
“ชอบใช่ไหมล่ะ?”
เด็กน้อยพยักหน้ารับถี่ๆพลางยื่นมือออกไปรับเกล็ดหิมะที่ล่วงลงมา
“หิมะอยู่คู่ผืนดินไม่จางหาย พิรุณฝนโปรยปรายดั่งใจฝัน
หมู่เมฆาลอยคู่ลมแต่ละวัน ดั่งพระจันทร์ที่ขึ้นคู่บนนภา
ดวงดาราทอแสงระยิบยับ ตัวข้ากลับไม่เห็นร้องเรียกหา
เมื่อได้ตื่นจากฝันยามนิททรา ให้ตัวข้าอยู่กับเจ้าไม่จากไป”
“ไปเอามาจากไหนน่ะอลาวดี้?”อเล็กซ์ถามน้องสาวที่จู่ๆก็พูดบทกลอนออกมา เด็กสาวเพียงยิ้มรับแล้วเอ่ยกลอนบทใหม่
“เจ้าจะเปลี่ยนเจ้าจะแปลงสักเพียงไหน รู้เอาไว้ข้าไม่เปลี่ยนไม่แปรผัน
วันพรุ่งนี้เราจะยังคงมีกัน ดั่งพระจันทร์คู่นภาไม่จากไกล
แม้ไม่เห็นว่าข้ายืนที่ตรงนี้ ขอให้เจ้าคนดีอย่าหวั่นไหว
ขอให้เจ้าเชื่อใจข้าตลอดไป อยู่เคียงใจไม่ห่างแม้สักวัน
เสียงที่พูดเจ้าอาจไม่รับรู้ ไม่จำเป็นต้องดูต้องสงสัย
แค่ให้ฟังไม่ต้องจำให้ขึ้นใจ นานเท่าไหร่ข้าจะยังอยู่ที่เดิม
สิ่งที่ขออาจมากไปสำหรับเจ้า ขอแค่เรายังอยู่คู่ไม่ห่างเหิน
ไม่จำเป็นต้องรักต้องเพิ่มเติม ไม่ต้องเสริมเพียงเท่านี้ก็ดีพอ”
อลาวดี้ยิ้มน้อยทฃมองพี่ชายสองคนที่ทำหน้าเหรอเพราเดาอารมณ์คนตัวเล็กไม่ถูก
“ข้าน่ะชอบนะที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ มีท่านพี่ทั้งสอง มีท่านพอที่คอยรักที่คอยห่วงข้าข้าเองก็พอใจแล้ว มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องมีใครมาเพิ่มอีก สิ่งที่ข้าปราถนาของเพียงพวกท่านยังอยู่กับข้าตลอดไปก็พอ แม้มันดูเพ้อฝันแต่ข้าก็ยินดีจะฝันตลอดไปหากพวกท่านยังอยู่ไม่ไปไหน”
มือเรียวลูบหัวน้องคนเล้กที่เหงยหน้ามองท้องฟ้าที่ยังคงมีหิมะโปรยปรายไม่จางหาย
“พวกข้าก็อยู่กับเจ้านี่แหละอลาวดี้ จะไปไหนได้ล่ะ”อเล็กซ์ยิ้มอ่อนโยน
“เอาล่ะกลับกันดีกว่า เดี๋ยวท่านพ่อจะดุเอา”อลัวซ์ว่าพลางย้ายคนบนคอลงมาที่หลัง
"เดี๋ยวกระหม่อนจะแบกไปส่งถถึงห้องเลยพะย่ะค่ะ”
“ไปเลยท่านดยุดอลัวซ์”
“อ้าวๆ เป็นเจ้าชายดีๆไม่ชอบแหะ”
เสียงหัวเราะดังไปตลอดทางกลับและมาเงียบลงเมื่อเด็กน้อยหลับไป บนไหล่บางมีเสื้อคลุมของพี่คนรองห่มเอาไว้ สองพี่น้องคุยกันเบาๆมาตลอดทางจนถึงปราสาท แต่เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องน้องสาวกลับต้องชะงัก
“เจ้าเป็นใคร?”
บุรุษผมน้ำเงินยิ้มให้เล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พวกท่านต้องหนีไปจากที่นี่”
.........................................
ร่างเล็กตื่นขึ้นมาเพราความวุ่นวายด้านนอก บนตัวยังมีเสื้อคลุมขอลอเล็กซ์คลุมอยู่ เด็กหญิงเอื้อมมือผลักประตูห้องออก
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
ถามทั้งที่มือข้างหนึ่งขยี้ตาอีกมือหนึ่งกระชับผ้าคลุมไว้ไม่ห่าง
“ท่านอลัวซ์กับท่านอเล็กซ์หายไปเจ้าค่ะ!”
เด็กหญิงนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งไปที่ห้องของพี่ชายทั้งสอง ภาวนาให้หลอกกันเล่นที่เถอะ
ปัง!
ร่างเล็กเอื้อมเปิดประตูสุดแรง
‘ไงอลาวดี้ เปิดซะดังเชียวนะ’
เสียงที่น่าจะเอ่ยทักกลายเป็นเพียงมโนภาพในหัว ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีใครแม้แต่เงา
“ท่านพี่ ท่านเล่นซ่อนแอบเหรอ ข้าไม่สนุกนะ”เด็กหญิงเริ่มใจสั่น มือเล็กกำเสื้อคลุมแน่นพลางเดินวนหาพี่ชายทั่วห้อง ไม่ว่ายังไงก็ไม่เจอ
“ท่านพี่ออกมาซิ ข้ายอมแพ้แล้วนะ”ดวงแก้วสีเทาหม่นหมองและเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา น้ำใสๆไหลรินอาบแก้มใส
เพราอะไรท่านถึงหายไป.....
ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ความสนุกก่อนหลับกลายเป็นความทรงจำที่ไหลเวียนเข้ามาในหัวสมอง
ปึก! ปึกๆๆๆ
ลูงแก้วสีฟ้าใสกลิ้งออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม มันส่องแสงหน่อยๆก่อนจะมีเสียงดนตรีออกมา เธอจำได้มันเป็นเสียงของฟุตที่ท่านพี่ทั้งสองชอบเล่นด้วยกัน เธอมักไปนั่งฟังทั้งคู่เลยเพลงนี้อยู่ปล่อยไป
“We are together ever day.”
ร่างเล็กร้องหายปรานใจจะขาด บนศรี๊ษะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่’เคย’มี แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว
“ไม่มีแล้วภาพเก่าเก่าวันเหล่านั้น กลายเป็นฝันที่ล่องลอยไร้ความหมาย
จากข้าไปก็เหมือนทำให้ข้าตาย นิ่งดูดายมองข้าสิ้นอย่างเฉยเมย
เคยสัญญาว่าจะอยู่ไม่ไปไหน แล้วเหตุใดเจ้าจึงหนีโปรดเฉลย
ความอบอุ่นไม่ได้พบเหมือนที่เคย ทำละเลยไม่สนใจคำสัญญา
เพียงคำลาสักคำไม่มีให้ เพราะอะไรเจ้าถึงไปไกลเช่นนั้น
ที่เคยบอกเคยพูดอยู่ทุกวัน เป็นแค่ฝันที่ข้าคิดไปคนเดียว
ทั้งที่ข้าไม่คิดจะไปไหน แต่เหตุใดเจ้าจึงไปไม่แลเหลียว
เจ้าชอบใจที่ข้าจ้องเปล่าเปลี่ยว อยู่คนเดียวทุกค่ำคืนที่ผ่านไป”
ร่างเล็กนิ่งงันกับบทกลอนที่ตนเพิ่งแต่งขึ้นจากใจ นัยน์ตาสีเทามองลูกแก้วตรงหน้าด้วยความเสียใจ
“ท่านไม่สนใจข้า....ไม่สนว่าข้าจะเป็นเช่นไร”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ข้าสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝันที่ยาวนาน สายตาเหลือบไปเห็นลูกแก้วสีฟ้าที่สะท้อนแสงจันทร์ที่ปลายเตียง
“เมื่อไหร่ที่ท่านจะกลับมา ท่านพี่ข้า”
ทำใจค่ะช่ามันพวกชอบดราม่า จงทำใจ
อยากจะบอกว่ากลอนเหล่านั้นที่อยู่ในนิยายบทนี้ ชาช่าผู้น่ารักคนนี้ได้....แต่งสดต่อหน้าคอม
คือมันไม่มีการเตี้ยมกับตัวเองเลยว่า"เราจะมีกลอนในบทนี้นะ"
ไม่มีค่ะ...แต่งๆอยู่เห็นมันสั้นเอาไงดีท่านใส่กลอนและกัน และมันก็เป็นกลอนแปดธรรมดา
และอาจจะไม่ธรรมดาถ้าอ่านแล้วใส่ทำนองเสนาะ//โดนถีบฐานนอกเรื่อง//
คือเอาเป็นว่าตอนต่อไปก็อารมณ์พอๆกันเลย.....
โอเคย์ภาระงานคอมใกล้จะหมดแต่....ช่ามีแข่งคอมต่อ ฮา
ไม่ต้องแตกตื่นเพราะนิยายเรื่องนี้ได้ถ่ายทำไว้ล่วงหน้าและได้ปิดกล้องไปเป็นที่เรียบร้อย(ไม่ใช่ละครนะแก!!!)
เอาเป็นว่าสุดท้ายฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยก็แล้วกันค่ะ เรื่องใหม่นี้พล็อตลื้อและดราม่าหนักกว่าอีก
อารมณ์ไหนของแกเนี่ย Sha-cha the miror
ความคิดเห็น