คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่6 การที่เจอกันทุกวันจนชินเลยลืมไปว่าต้องจากกัน
บทที่6
การที่เจอกันทุกวันจนชินเลยลืมไปว่าต้องจากกัน
ข้าพลิกตัวไปพลิกตัวมาจนสุดท้ายก็หลับไปทั้งร้อนๆนั้นแหละ ตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่ข้าทำคือกระโดดถีบปลุกเจ้า
ฟรานแล้วไปอาบน้ำแบบไม่รอดูว่ามันตื่นหรือเปล่า พอออกมามันก็ยืนทำหน้ายักษ์ที่อยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ
“อลาวเมื่อครู่เจ้าทำอะไรข้า”เสียงเขียวปั๊ดเชียวนะ
“ข้าจูบเจ้ามั้ง”นั่นปากข้า
“ถ้าจูบมันต้องแบบนี้”มันเชยคางข้าขึ้นแค่นึกแกจะได้อะไรเหรอ
ก๊อกๆ
นั่นข้านึกแล้ว มันสะบัดหน้าอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป หึหึข้าชนะแล้วว้อย!
“อ้าว~เจลาโต้ เจ้ามาได้จังหวะมาก วันนี้ข้ารักเจ้าม๊ากมากเดี๋ยวซ่อมประตูเสร็จเดี๋ยวข้าให้ตามข้าไปโลกมนุษย์เดือนนึงเลยเชียว”ข้ายิ้มร่า แต่เจลาโต้มันทำหน้าเหมือนเจอวิญญาณอาฆาต (แต่ต้องสังเกตสุดๆถึงจะรู้นะ)พร้อมเอามือมาอังหน้าผากข้า
“ท่านไม่สบายหรือเปล่า ตัวร้อนเชียว”
“เจ้ามือเย็นต่างหากเจ้าซื่อบื้อ!”ตัวมันเย็นเป็นน้ำแข็งอยู่ตลอดมันไม่เคยจำใช่ไหม?
“เออใช่ ข้าขอโทษ”
“แล้วเจ้ามาทำไมล่ะเนี่ย”
ก่อนที่จะนอกเรื่องจนไม่ได้เรื่องข้าเลยต้องตัดบทถามมันก่อน
“อ๋อ ข้าจะมาบอกท่านว่าวันนี้ไม่ต้องประชุม”ถึงแม้ว่าไอ้’อ๋อ’มันต้องร้องเสียงสูงแต่ไอ้คนตรงมันดันพูดคีย์เดียวกันหมด นี่ถ้าน้องมันเจ้าคอรัสมาเจอต้องนั่งสวดว่ามันไม่มีดนตรีในหัวใจแน่ๆ
“ว่าแต่เจ้าเห็นแม่นมข้าบ้างไหม เจลาโต้?”
ข้าอดถามไม่ได้เมื่อข้าไม่เห็นแม่นมตัวเองมานานมากแล้ว อย่าบอกว่านางน้อยใจที่ไม่มีบทพูดเลยหนีไปเกิดน่ะ
“นางไปเกิดแล้วขอรับ”
“หา!!!”อย่าบอกว่านางน้อยใจจริงๆน่ะ ไม่นะม่ายยยยยย
เหมือนเจ้าเจลาโต้จะอ่านความคิดข้าออกเลยถอนหายใจอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ข้ารู้สึกว่าตัวเองแย่เลยล่ะที่ทำเจ้า
เจลาโต้มันแสดงอารมณ์ได้เนี่ย
“นางบอกว่าท่านมีฟรานดูแลแล้ว นางเองก็วางใจ”
หา!!! แม่นมข้าก็คิดได้ ฝากข้าไว้กับเจ้าฟรานบ้าไปแล้ว ฝากข้าไว้กับฟรานให้ข้าไปนั่งเล่นกับเดฟยังดีกว่าเลย อย่างน้อยๆมันก็แค่คุยไม่รู้เรื่อง ฝากข้าไว้กับฟรานเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมว ไม่ใช่แมวธรรมดาด้วยแมวหน้าม่อนะ
คร้าบ~~
“ข้าขอตัวก่อน”ว่าจบมันก็เดินไปแบบไม่รอฟังข้าลาหรือดูข้าโบกมือสักนิด โอเคย์ข้ามันไม่สำคัญ
ข้าเดินเซ็งจิตป่วยใจเข้าห้องไปตามเดิม เห็นเจ้าฟรานยืนเช็ดผมในสภาพ….ผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอว ข้าก็ผู้ชายนะเว้ย(แม้จะอยู่ในร่างผู้หญิงก็ตาม) ยั่วให้ตายพ่อก็ไม่หวั่นหรอก
“อลาวดี้ เจ้านิ่งอึ้งกับหุ่นข้าขนาดนั้นเชียว จะจับก็ได้นะข้าให้จับ”
“ไปตายซะไป ข้าแค่อิจฉา อยากมีหกห่อบ้างเว้ย!!”
“อะไรหกห่อ?”
“ซิกแพ็กไง ซิกแพ็กอ่ะ โง่นี่หว่า”
“ข้านึกไปถึงศพนู้นแน่ะ”
ข้าเซ็งกับความคิดเจ้าฟราน นึกไปได้นึกถึงศพให้เดาคงเป็นศพที่มัดตราสังข์ ห่อผ้าเตรียมเอาลงโลงแนเลย
“อย่ามาพูดนั่นพูดนี่ฟราน เจ้าคิดว่าข้าลืมเรื่องเมื่อคืนหรือไง”
“เจ้าพูดยังกับนางเอกที่โดนพระเอกปล้ำงั้นแหละ”
มัน…มันคิดได้ พระเจ้าเฟียร์เนอร์(รู้ชื่อและ)มันใช้อะไรคิด
“มันจะไปเหมือนได้ยังไงฟระ ข้าไม่ได้โดนเจ้าปล้ำแล้วที่สำคัญ ข้าไม่ใช่นางเอกแล้วเจ้าก็ไม่ใช่พระเอกด้วย
เพราะพระเอกคือข้า ส่วนเจ้ามันตัวประกอบ!!”
“พระเอกคนที่สองต่างหากอลาว ว่าแต่เมื่อครู่ใครมา”
มันเปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว ให้ตายเหอะน่าให้ตาย~~ โวยโน่นโวยนี่ใส่ฟรานก็เหมือนเดฟที่คุยกับก้อนหิน เปล่าประโยชน์เหมือนกัน
“เจลาโต้มาบอกว่าวันนี้ไม่ต้องประชุม”
“พูดจริงดิ โอ้เย้ ข้าจะได้นอนต่อเจ้าเล่นปลุกข้ามาต้งแต่เช้า”
“เจ้าคิดว่าจะได้นอนเหรอ ฟรานที่รัก♥”ข้าปล่อยจิตสังหารเต็มที่ ฟรานที่ลงไปนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงค่อยๆเงยหน้ามองข้า
“เจ้าจะปล้ำข้าหระ….”
โครม!!
คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าข้าถีบมันตกเตียง
“ข้าจะสอนเจ้าใช้บทผนึกกับบททำลายต่างหากเล่า!”
เจ้าฟรานค่อยๆลุกขึ้นมาในสภาพที่เหมือนผีตายโหงเด๊ะ!!
“เจ้าฆ่าข้า เจ้าฆ่าข้า เจ้าข้าฆ่า เฮ้ยฆ่าข้า”พูดเองงงเองนะนั่น
โครม!!
“ข้าสงเคาราะห์ เห็นเจ้ายังไม่ตายกลัวทรมาน”ข้าสะบัดหน้าหนี
“ฟิ้นแล้วไปประตูที่อยู่ถัดจากห้องทำงานไปทางขวาสองบาน ถ้าข้านับหนึ่งถึงสิบแล้วไม่เห็นหัวเจ้า”
^___^
“ตาย!!!”
ข้าโหดไปไหม ข้าว่าไม่นะ ถ้าใจดีแล้วมันชอบเหลิงเกินดังนั้นเล่นบทโหดนี่แหละ หึหึหึ
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย อลาว”
“บนหัวเจ้า(-_-)”
“อลาวกวนทีนข้า”
“เออข้ากวนทีนเจ้า”
ที่อ่านมาพวกเจ้ายังไม่รู้ใช่ไหมว่าที่นี่ที่ไหน อื้อ~ ข้าเองก็ไม่รู้! ล้อเล่นน่า ที่นี่คือห้องฝึกวิชาของข้า ชื่อมันดูโหดไปใช่ไหม ข้าเลยเรียกว่า”ห้องอาละวาด” ดูดีกว่าเยอะ ห้องนี่เป็นเหมือนอีกมิตินึงมันเลยกว้างเว่อร์ แล้วเวลาที่นี่หนึ่งชั่วโมง เท่ากับหนึ่งนาทีของข้างนอก ดังนั้นข้าก็สามารถรังแก เฮ้ย! สอนเจ้าฟรานได้อย่างเต็มที่
“เอาล่ะฟรานนั่งลง ก่อนที่จะเรียนภาคปฏิบัติเราต้องเรียนภาคทฤษฎีก่อน”
ฟรานนั่งลงอย่างว่าง่าย เพราะข้ายืนถือเคียวคู่กายอยู่ ข้าไม่ได้ขู่นะข้าแค่ทำให้กลัวเท่านั้นเอง
“ข้าจะเข้าเรื่องล่ะนะฟราน เดิมทีบนโลกมนุษย์นั้นมีวิญญาณอยู่สองแบบ คือวิญญาณปกติและวิญญาณอาฆาตรหรือที่ผู้คนทั่วไปเรียกว่าผี เดิมทีนอกจากพวกเรายมทูตจะต้องเก็บวิญญาณแล้วยังต้องชำระล้างวิญญาณพวกนี้ด้วย เพราะวิญญาณพวกนี้จะมีจิตอาฆาตรุนแรงถึงโคตรรุนแรง ดังนั้นพวกมันจึงมีหน้าตาที่ต่างออกไป บางตัวหัวหลุด บางตัวแขนขาด บางตัวไส้ทะลัก พวกนี้จะมีพลังวิญญาณสูงดังนั้นมันจะสู้เราได้ด้วย”
ฟรานนั่งพยักหน้าเป็นนัยๆว่าฟังอยู่ ข้ามองอย่างพิจารนาว่ามันไม่ได้หลับแล้วสัปหงก พอแน่ใจเลยพูดต่อ
“พวกนี้เมื่อมันมีพลังแล้วสิ่งที่จะจัดการมันได้คือบทผนึกและบททำลายที่จัดเป็นเวทย์มนตร์ของนรก และแน่นอนว่าข้าไม่สามารถใช้มันได้ ดังนั้นข้าจะให้เจ้าจัดการแทน ในเวลาที่เจ้าเจอกับวิญญาณอาฆาตรสิ่งแรกที่ต้องทำคือบทผนึกทำให้มันหยุดนิ่ง แล้วค่อยใช้บทชำระทำให้มันกลับไปเป็นวิญญาณดังเดิมแล้วนำมันมาที่นรกเพื่อชดใช้กรรม เอาล่ะคำถาม”
ฟรานเงยหน้ามองข้าที่ยืนคล้ำหัวมันอยู่อย่างงงๆว่าให้มันถามหรือถามมัน
“เอาล่ะข้าจะถามเจ้า สิ่งแรกที่เจ้าต้องทำเมื่อเจอวิญญาณอาฆาตคืออะไร?”
“เอ่อ….วิญญาณอาฆาตรนี่ก็คือผีดีๆใช่ไหม?”
ข้าพยักหน้ารับ มันเลยยิ้มก่อนจะตอบอย่างมั่นใจว่า…
“ขอหวย”
“ใช่เลย สามตัวตรงๆอย่าให้เฉียด ซะเมื่อไหร่ล่ะอีตาบ้า~~~”
คิดได้เนาะขอหวย โอ๊ยไอ้ศูนย์รวมผู้ผิดศีลแห่งชาติ(ชาตินี่ไม่พอต่อไปชาติหน้าด้วย!)
“ล้อเล่น ใช้บทผนึกใช่ไหมล่ะ”
“เออ”
“โอ๋ๆ อลาวอย่างอนน้าๆๆ อลาวจะสอนอะไรเค้าล่ะ?”
“ข้าจะสอนบทผนึกทั้งสิบให้เจ้า ข้าเห็นว่าเจ้าใช้บทที่หนึ่งได้อยู่แล้วนี่”
“อันนั้นข้าฝึกเป็นเดือนเลยนะอลาว”มันพูดพลางเกาหัวแก้เก้อ
“ข้าจะสอนให้เจ้าเป็นทั้งสิบภายในวันเดียวนี่แหละ”
มันอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ซึ่งไม่ว่าข้าเห็นกี่ทีกี่ทีก็สามารถลงความเห็นได้ว่า เว่อร์มาก
“เอาล่ะนะฟราน”
…………………
“ขอพลังแห่งมนตรา จะสถิตที่ข้าผู้เป็นใหญ่ ในนามแห่งพระเจ้าแห่งความตายจักขอตราตรึงเจ้าด้วยโซ่ทวนแห่งยาชาสวรรค์…”
ฉึก!
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอาชาสวรรค์ ไม่ใช่ยาชาสวรรค์ จะเอาไปทำบ้าอะไรไปฉีดใส่มันหรือไง สอนไม่จำ”ข้าว่าพลางยิงลูกธนูเวทย์อีกลูกไปที่เจ้าฟรานที่ยืนอยู่กลางห้อง อ่อ ข้าลืมบอกไปอย่างธนูเวทย์นี่เป็นอาวุธสำลองฉุกเฉินที่เจ้าแบล็กทำไว้ให้ข้า พวกเจ้าจะได้ไม่แปลกใจเวลาที่ข้าใช้มันต่อหน้าใครหลายๆคน
“ง่า~อลาวโหดอ่ะ”
“อย่าบ่น! เอาใหม่”
“ขอพลังแห่งมนตรา จะสถิดที่ข้าผู้เป็นใหญ่ ในนามแห่งพระเจ้าแห่งความตายจักขอตราตรึงเจ้าด้วยโซ่ทวนแห่งอาชาสวรรค์!”
อาชาตัวใหญ่พุ่งออกมาจากผ่ามือของฟรานวิ่งวนรอบหุ่นฟางลงเวทย์เคลื่อนไหวของข้า ก่อนที่อาชาสวรรค์จะพุ่งหายไปในตัวหุ่นแล้วหุ่นนั่นก็หยุดนิ่ง
แปะ แปะ แปะ
“ในที่สุดเจ้าก็ทำได้ฟราน”ข้าแทบกระโดดกอดมันไปเลยทีเดียว แค่บทผนึกที่สองมันเล่นไปสามชั่วโมง ข้าเชื่อแล้วว่าบทแรกมันต้องใช้เวลาเดือนนึง แปลว่าข้าเก่งที่สอนบทที่สองมันได้ภายในสามชั่วโมง
“สลาย! เอาล่ะฟรานข้าว่าจะทำบทที่สามให้เจ้าดูก่อนแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปกินข้าวกัน”
พอได้ยินคำว่ากินข้าวไอ้ลูกศิษย์จำเป็นก็เลยยิ้มร่า
“ข้าบอกก่อนว่าอันนี้จะยาวขึ้นอีกนะ”
(^_^)(_ _)(^_^)(_ _)
“ดั่งเมฆาที่ล่องลอยบนท้องนภา อยู่เหนือกาลเวลาแห่งความจริง ความมืดมิด แสงสว่างไม่จำเป็น การมองเห็น การได้ยิน การรับรส การสัมผัส การได้กลิ่น ไม่จำเป็น เมฆาไร้อิสระ!”
เกิดเมฆขึ้นที่รอบๆหุ้นฟางตัวใหม่ที่ข้าสร้างขึ้นมา เจ้าตัวนี้ข้าสร้างให้มันมีประสาทรับรู้ด้วย เมฆาครึมโอบรอบหุ่นฟางตัวนั้น หุ่นฟางดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดก่อนมันจะหยุดนิ่งเพราไม่สามารถรับรู้สิ่งไหนๆได้
“บทนี้จะตัดประสาททั้งห้าของวิญญาณอาฆาตรออก แม้จะเป็นวิญญาณก็ต้องการประสาทสัมผัสเข้าใจนะ”
“อ่า เอาล่ะนะอลาวดี้”
“อ้าวนี่เจ้า…”
“ดั่งเมฆาที่ล่องลอยบนท้องนภา อยู่เหนือกาลเวลาแห่งความจริง ความมืดมิด แสงสว่างไม่จำเป็น การมองเห็น การได้ยิน การรับรส การสัมผัส การได้กลิ่น ไม่จำเป็น เมฆาไร้อิสระ!”
เจ้าจำได้ตั่งแต่เมื่อไหร่…..
“แหม โอกาสที่จะได้อยู่กับอลาวดี้ที่น่ารักของข้าแบบตัวต่อตัว แบบที่อลาวดี้ไม่ค่อยระวังมันหายากน้า~ ข้าก็เลยแกล้งถ่วงเวลาไปงั้นแหละ”
ข้าไม่รู้ว่ามันแค่ข้ออ้างหรือความจริงแต่ว่าไม่ว่าอันไหนก็แย่พอกันแหละ!
……………………………..
“….จบการรายงาน”
“ขอบคุณ เชิญพวกท่านไปพักผ่อนเถอะ”ข้ายิ้มส่งและทันทีที่พวกขุนนางออกไปข้าก็….
“ฮ้าวววววว ง่วงอ่า~~”ข้าไหลอยู่บนบรรลังของตัวเองโดยมีเจ้าฟรานที่ปลดเก๊กยืนคอพับอยู่ข้างๆ
“พวกท่านไปทำอะไรกันมาถึงได้มีสภาพยังกับผ่านสงครามโลกครั้งที่สามมา”ซีโร่เอ่ยอย่าห่วงๆ
“ฝึกวิชา”ข้าตอบสั้นๆแบบเหนื่อยสุดชีวิต
ข้าเห็นพวกมันทำหน้างงเป็นคนเห็นปลากระโห้เล่นกระดานโต้คลื่นได้ว่าแต่….ปลากระโห้นี่มันโต้คลื่นได้ด้วยเหรอ?
“ท่านอลาวดี้”ซีโร่เอ่ยเสียงเอือมปนดุเล็กๆ
ข้าเลยจำใจลุกขึ้นนั่งตามปกติแม้จะลำบากมากมายตะกายตึกก็ตาม
“มีพวกเจ้าอยู่ก็ดี จะได้มีพยาน”ข้าว่าก่อนหันไปสะกิดฟรานที่ยืนหลับอยู่ด้านข้าง แกจะเทพไปไหนเนี่ย
หลังจากสะกิดอยู่นานมันก็ยังไม่เลิกเข้าชาญ ข้าเลยสัก(ที)ยัน(ด้วยเท้า)ให้มัน มันกลิ้งขลุกเป็นลูกบอลไปตกอยู่ที่พื้น ก่อนแผ่หลาเหมือนพวกศพไร้ญาติมันลืมตามองข้าก่อนจะหลับต่อ
“ฟราน”ข้าเรียกเสียงหวานก่อนจะยกธนูเวทย์ขึ้นประทับ
“ตื่นแล้ว ตื่นแล้วจ้า”ฟรานรีบลุกขึ้นยืนประหนึ่งว่าถ้ามันไม่ลุกขึ้นแล้วจะอดดูปลากระโห้เล่นกระดานโต้คลืนได้!!!
“เอาล่ะต่อจากนี้ไปข้าจะขอประกาศว่า ไวท์ทีเซอร์ ฟราน ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากข้าจนหมดแล้ว ข้าไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแล้วศิษย์ข้า”
“ท่านอาจารย์!”
“ศิษย์ข้า!”
“ท่านอาจารย์!!”
“ศิษย์ข้า!!”
“เอ่อ ข้าไม่อยากจะขัดจังหวะพวกท่านทั้งสองนะ เพียงแต่ท่านอลาวดี้ท่านสอนอะไรให้ท่านฟราน”สตาร์ยกมือขึ้นถามอย่างเกรงๆ มันเองก็เปลี่ยนมาเรียก’ท่าน’กับเจ้าฟรานเพราะเหตุการณ์วันที่รายงานผลการจับนักโทษแหกคุก นอกจากมันก็ยังมีอีกหลายคนเชียวล่ะ
“ก็บทผนึกและบททำลายไง เจ้าก็รู้ข้าใช้พวกมันไม่ได้”
“แล้วท่านจะให้ท่านฟรานใช้ตอนไหน?”เดม่อนเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่รู้ว่าที่ข้าสอนไปมันคือหลักสูตรของหน่วยกำจัดวิญญาณ
“ก็ตอนที่ขึ้นไปบนโลกมนุษย์ไงเล่า”ข้ายิ้มแฉ่ง ข้าฉลาดเนาะ
“แต่พอซ่อมประตูนรกเสร็จ ท่านฟรานก็ต้องกลับสวรรค์นะท่านอลาวดี้”ซีโร่เอ่ยเสียงอ่อนใจ มองข้าที่ยิ้มค้างแบบปลงตก
…เออ….เนาะ ทำไมข้าไม่คิดล่ะ ข้าว่าข้าโง่แล้วล่ะตอนนี้ ไม่นะเอาเวลาว่างของข้าคืนม๊า!!!!!!!
ข้านั่งลงบนเตียงที่อลาวอุตส่าห์ยกมาให้เมื่อสามอาทิตย์ก่อน ใช่ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่มาสามอาทิตย์แล้ว และอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่สี่ และเป็นอาทิตย์สุดท้ายที่ข้าจะได้อยู่ที่แดนนรกนี่ แต่ข้าว่าอลาวลืมเรื่องนี้ไปแหงแสะ ข้ารู้ตั้งแต่ตอนที่อลาวสอนข้าใช้บทผนึกและบททำลายแล้วล่ะ เขาคงคิดว่าข้าจะอยู่กับเขา…ตลอดไป เฮ้อ! พูดเองเจ็บเองนะเนี่ย ใจจริงใช่ข้าอยากจะไปแต่ทำไงได้ข้าไม่ใช่คนที่นี่นี่นา
พอคิดอะไรไปมาจนข้าเผลอหลับไปในที่สุด รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อลาวมาสะกิดข้าให้ตื่นนั่นแหละ
“ฟรานตื่นได้แล้ว”
น้ำเสียงนุ่มจนข้าแอบหวั่นเอ่ยเรียกข้าเบาๆ พอลืมตาข้าก็แทบลมจับตาย
….อลาวอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวที่ยาวปิดต้นขาขาวเนียไม่ถึงครึ่งขาอ่อน! บนใบหน้าและเส้นผมมีหยดน้ำเกาะพราว
“อะ อลาว! ทำไมเจ้าแต่งตัวแบบนี้”ข้ามองเขาอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็…”
“ก็เจ้าไม่ปล้ำข้าสักที ข้าก็ต้องทำอะไรสักอย่างสิ”
สาบานจากใจว่าข้าช็อกตาตั้งไปแล้ว อลาวเริ่มเดินนวยนาจมาหาข้าชนิดเซ็กซี่สุดกู่ แต่เจ้าคงไม่ลืมใช่ไหมว่าทั้งข้าและเจ้า เป็นเพศผู้!
“อลาวอย่า! ไม่!!!!!!!!!”
“ฟราน ฟราน ฟราน!! ไอ้บ้าฟรานตัณหากลับ!!!”เสียงเรียกข้าที่แสนจะคุ้นเคยทำเอาข้าสะดุ้งตื่นจากฝันประหลาด
“อะไร…เหรอ อลาว”เสียงข้าแทบกลืนเข้าไปในลำคอ ก็สภาพตรงหน้ามันคุ้นจริงอะไรจริง จะไม่ให้ข้าคุ้นได้ไงก็ข้าเพิ่งฝันเห็นไปเมื่อครู่นี้เอง!!!!
“อะ อลาว! ทำไมเจ้าแต่งตัวแบบนี้”ข้ามองเขาอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็…..”ข้าหลับตาปี๋ หรือนี่คือที่เรียกว่าฝันบอกเหตุ
“ก็…เจ้าจะหลับตาทำไมฟราน ที่ข้ารีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำเพราะได้ยินเสียงเจ้าร้องโวยวายต่างหากเจ้าเซ่อ
ฟราน!!!”พอข้าได้ยินเสียงตะคอกอันคุ้นเคยข้าก็ลืมตาขึ้นพลางยิ้มแหยๆ
“แล้วเมื่อครู่เจ้าร้องทำไม?”อลาวตีหน้ามุ่น
“ข้าฝันร้าย”และมีเจ้าอยู่ในนั้น
“ฝันอะไร?”ทีนี้หน้าสวยยิ่งขมวดเข้าไปอีก
“บอกไม่ได้”ขืนบอกข้าคงได้กลับสวรรค์ไม่ครบสามสิบสองประการแน่ ก็เล่นไปฝันมาอลาวมายั่วข้า ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่
“เออ ช่างเหอะข้าไปอาบน้ำต่อแล้ว”พูดพลางเดินกลับไปทางห้องน้ำตามเดิม
“เจ้าห่วงข้าเหรอ”ปากข้าพาเท้ามาหาปากซะและ
“ก็ใช่”
ผิดคาดแหะ อลาวแค่ตอบกลับมาเรียบๆโดยไม่มองหน้าข้า
“ทำไม?”
“หา?”
“ข้าถามว่าทำไมถึงต้องห่วงข้าขนาดนั้น”
อลาวทำท่าเหมือนคิดนิดนึงก่อนจะหันเซี้ยวหน้ามาตอบข้าว่า
“ก็เพราะเจ้าเป็นเพื่อนคนสำคัญของข้านะสิ”
“เพราะเจ้าคือเพื่อนที่สำคัญของข้า ตำแหน่งที่บนโลกนี้มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่ยืนได้ เพื่อนข้า”
ภาพที่ลอยเข้ามาให้หัวข้าสลับไปมา ข้าเห็นคนผมขาวตาสีม่วงกับ คนผมดำตาสีแดงสองคนสลับไปมา น่าแปลกว่าสิ่งที่ข้าเห็นกลับมีเพียงสีผมและสีดวงตาเท่านั้นที่เด่นชัด ข้าไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาแม้แต่น้อย
“บลังซ์….”
“นัวร์…..”
“ฟราน ฟราน ฟราน!”
ข้าสะดุ้งสุดตัวก่อนก้มลงมองอลาวที่มีสีหน้าเป็นกังวลอย่างที่เห็นได้ชัดเจน
“เจ้าเป็นอะไร”พูดจบอลาวก็เอามือขึ้นทาบหน้าผากข้า
“ข้า..ไม่เป็นไร”ข้าจับมืออลาวฮฮฏเบาๆ
“โอ่~เป็นฉากที่น่ารักนะ ว่าไหมซีโร่”เสียงที่สองสามวันมานี้มักคุ้นเป็นพิเศษดังขึ้น….เสียงของท่านน้าอลัน
“ก็ขอรับ สมกับเป็นคู่รักบันลือโลกจริงๆ”
“คู่รักบันลือโลกบ้าอะไรซีโร่!”อลาวตะวาดลั่นพลางดึงมือกลับสุดแรง
“อ้าว นี่ลูกไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ภาพถ่ายคู่เจ้ากับฟรานน่ะขายดีที่หนึ่งเลยนะ”ท่านน้าทำเสียงตื่นเต้น
ไม่ต้องแปลกใจที่ข้าเรียก’ท่านน้า’แทน’ท่านพ่อ’ ข้าจะเรียกท่านพ่อต่อหน้าอลาวเท่านั้น นั่นคือคำสั่งของท่านน้าต้องการแกล้งลูกตนเอง เฮ้อ!เศร้า
“พวกท่านมาทำไมกัน?”
“ข้าแค่จะมาบอกข่าวดีกับพวกเจ้าทั้งสองน่ะ”ท่านน้ากล่าวเรียบพลางยิ้มละไมตามแบบฉบับตนเอง
“ข่าวดี?”ข้ากับอลาวทวนคำก่อนจะหันหน้าไปมองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง
“ดูสิ ใจตรงกันด้วยล่ะซีโร่”
“ท่านพ่อ! ไม่ต้องมานอกเรื่องข่าวดีอะไรของท่านกัน?”
“อ๋อคือ อีกสองวันประตูนรกคงจะซ่อมเสร็จแล้วน่ะขอรับ ดูท่าว่าท่านฟรานจะไดกลับบ้านก่อนกำหนดนะขอรับ”ซีโร่บอกแทนด้วยรอยยิ้ม ที่นี่รอยยิ้มกำลังระบาดหรือไงกัน
“อ้าว? เจ้าไม่ดีใจเหรออลาวดี้?”ท่านน้าถามหน้าใสซื่อ ข้าต้องจำให้ขึ้นใจว่า จงอย่าได้หลงเปลือกนอกของราชานรกเป็นอันขาด!!
“อ่ะ..เอ่อ ดีใจสิ”ข้าเห็นแววตาเขาวูบไหวเล็กน้อย
“งั้นข้าไปก่อนดีกว่า เพราะมีงานที่ต้องเตรียมอีกเยอะ”พูดจบท่านน้าก็เดินไปโดยมีซีโร่ที่โค้งคำนับแล้วเดินตามไปอีกคน
“อลาว? เจ้าดีใจที่ข้าจะได้กลับไปใช่ไหม?”
“อ่า..ห๊ะ?..ดีใจสิ ดีใจที่สุดเลย ฮ่าๆๆ ทีนี้ชีวิตข้าจะได้พ้นจากเจ้าสักที”
ร่างนั้นหัวเราะร่าเดินเข้าไปในห้องน้ำตามที่ตั้งใจไว้ที่แรก ข้าไม่อยากจะบอกให้อลาวเสียฟอร์มนะแต่…อลาวเจ้าโกหกไม่เก่งจริงๆ อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนทำไมจะไม่รู้ว่าอลาวดีใจแบบไหน
“เจ้าอยากให้ข้าไป แต่ข้าไม่อยากกลับจริงๆนะอลาว”
ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า แต่ไหนๆก็ได้บรรยายเองแล้วขอเล่นเป็นพระเอกหน่อยแล้วกัน
ข้าที่เดินเข้ามาในห้องน้ำอยากหมดอะไรตายอยากก้มหน้ามองพื้นปรานจะไปแคทติ้งเล่นเป็นแอลเดทโน๊ตฉบับรีเมคยังไงอย่างนั้นแหละ
“เจ้าอยากให้ข้าไป แต่ข้าไม่อยากกลับจริงๆนะอลาว”
ถ้าพุ่งออกไปได้ข้าคงพุ่งออกไปบอกเลยว่า ข้าได้ยินนะเจ้าบ้า! ทีแรกข้าก็นึกว่ามันอยากจะกลับถึงได้ไม่พูดอะไร นี่เจ้าเล่นอยากกลับแบบนี้ข้าก็ทำใจลำบากสิฟระ!!!!
ข้าเดินออกมาพร้อมชุดนอนตัวเกลียด(เป็นญาติผู้น้องกับตัวโปรด)เห็นไอ้ฟรานมันหลับไปแล้ว เฮ้ออีกสองวันเตียงนี้ก็คงไม่มีคนนอนแล้วใช่ไหมเนี่ย? ข้าสะบัดหัวไล่ความคิดตัวเอง จะบ้าเหรอไงข้า โหยหาเป็นนางเอกเอมวีเชียว แต่อีกไม่นานข้าต้องเหงาแล้วใช่ไหม?....ว๊ากกกกกกกกกกก นี่ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย ท่องไว้ ท่องไว้ ต้องให้มันกลับ ต้องให้มันกลับ จงออกไปจากชีวิตข้าเสียเถิด please get out of my life Fran!
“ฮ่าๆๆๆๆ”พอหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังเสร็จ ข้าก็พูดอะไรออกไปแบบไม่รู้ตัว
“ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้ากลับหรอก ฟราน”
เอ่อจะเรียกได้ว่าเวลามันเดินเร็วก็ได้มั้ง พรุ่งนี้ฟรานมันต้องกลับแล้วแบบว่าเอาไงดีละ ข้าพูดไม่ออกเลยให้ตายเหอะน่าครั้งแรกในชีวิตเลยนะเนี่ย
“อลาวดี้”
“หา?”
“เจ้าจะพูดอะไรกับข้าหรือเปล่า จ้องหน้าข้าจังเลย”ฟรานมองหน้าข้างงๆ
“เปล่า”ถึงกระนั้นข้าก็ยังจ้องหน้ามันไม่วางตาอยู่ดีนั่นแหละ
“อลาว”
“อะไรอีก”
“พรุ่งนี้ข้าก็กลับแล้วนะ”
“……”ข้าพูดตอบไม่ถูกเลยอ่ะ
“เจ้าไม่เหงาแน่นะ”
“อือ”
“เจ้าอยู่ได้แน่นะ”
“อือ”
“เจ้าไม่อยากให้ข้ากลับกลับใช่ไหม?”
“อือ เฮ้ย! เจ้าบ้านี่”ข้าตวาดดังลั่น มันนี่เกินเยียวยาจริงๆ
“นี่อลาวเจ้าแน่ใจนะว่า….”
“โอ๊ย! เลิกพูดสักทีได้ไหมข้ารำคาญ”พูดจบข้าก็ลุกหนีไปจากตรงนั้นในทันที
มันพูดคล้ายคนที่กำลังจะบอกเลิกแฟนตัวเองอย่างไงอย่างงั้น แต่ที่น่าแปลกคือข้านี่สิหงุดหงิดอะไรฟระ! ปัดโถ่มันกลับก็ดีแล้วนี่ ข้าจะได้ไม่ต้องตื่นมาเห็นมันนอนเป็นหมอนข้างของข้า ไม่ต้องคอยตะโกนจนเส้นเสียงอักเสบ ไม่ต้องคอยหลบมันเวลามันหื่น ไม่ต้องคอยทะเลาะ คอยเอาใจใส่ ตื่นขึ้นมาก็อยู่คนเดียว
“…….”(สตั๊นไปห้าวินาที)
ชิ๊ง~
ข้าลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก เอ่อเมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
“เอ่อ ท่านอลาวดี้ท่านเป็นอะไรไป”เสียงที่ดังขึ้นทักข้าทำให้ข้าเงยหน้าขึ้นมอง
“ซีโร่”ข้าเรียกเสียงอ่อย มันช่วยพยุงข้าลุกขึ้นยืน พลางเดินตามข้าที่เดินเป็นซากซอมบี้เดินได้ไปที่สวนหย่อม
“มีอะไรบอกข้าได้นะขอรับ ท่านอลาวดี้”ซีโร่ว่าน้ำเสียงห่วงๆ
“ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นอะไร”ข้าเริ่มเกริ่นแล้วถอนหายใจ
“ข้ารู้สึกหงุดหงิด รู้สึกโหวงๆทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีอะไรหายไป แต่ว่าเวลาที่เจ้าฟรานมันพูดว่า”จะกลับ”ข้าก็ใจหายทุกรอบเลย ทั้งๆที่มันก็เป็นตัวปัญหาที่ข้าอยากให้กลับไปมากที่สุด แต่ว่าพอมาเป็นแบบนี้แล้วมันก็ใจหาย”
ซีโร่ระบายยิ้มอ่อนโยนก่อนเริ่มถาม
“ท่านรู้สึกเหงา”
ข้าพยักหน้า
“ท่านรู้สึกไม่อยากให้ท่านฟรานกลับไป”
ข้าพยักหน้า
“ท่านรู้สึกใจหายเมื่อท่านฟรานพูดว่าจะกลับสวรรค์”
และข้าก็พยักหน้าอีก
“ท่านกำลังมีความรัก”
ข้า…..
“เฮ้ย! นี่เจ้าจะบ้าเหรอ! ข้าจะรักมันได้ไงก็ในเมื่อข้า…..”
“อะไรงั้นเหรอขอรับ?”มันมองหน้าข้างงๆ ข้าเกือบหลุดปากบอกไปแล้วไงว่าข้าเป็น…ผู้ชาย
“ช่างเหอะ”ข้าตัดบทลุกขึ้นก่อนถอนหายใจเบาๆ
เอ่อเจ้าจะว่าอะไรไหมถ้าตอนนี้ข้ายืนอยู่ที่หน้าประตูนรก และกำลังยืนส่งเจ้าฟรานอยู่ ประเด็นคือถ้าเวลาไม่เดินเร็วยัยคนเขียนก็ขี้เกลียดมาก!!ตอนนี้มีข้า ท่านพ่อและเหล่าหัวหน้าหน่วยที่เหลือหกคน ยืนมองเจ้าฟรานในชุด…เจ้าชายเต็มยศ นี่เจ้าจะกลับบ้านนะฟรานไม่ได้ไปเปิดงานประชุมคนแคระโลกน่ะ
“ท่านนะ…ท่านพ่อข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน ข้ามาอยู่ที่นี่นานแล้วเดี๋ยวพ่อข้าจะอาละวาดสวรรค์แตกเอา”ฟรานค้อมตัวลาเล็กน้อยก่อนหันไปทางพวกหัวหน้าหน่วย
“ท่านสตาร์ขอบคุณสำหรับการดูแล ท่านแบล็กขอบคุณที่สอนเรื่องการยิ้มข่มขวัญศัตรูให้ข้า ซีโร่ข้าดีใจที่เจอเจ้า ท่านเจลาโต้ท่านเป็นคนที่น่าทึ่ง(สามารถพูดเสียงเรียบได้เสมอกันมาก) ท่านสมายด์รอยยิ้มท่านดูดีแต่สู้ท่านแบล็กไม่ค่อยได้นะ(?) แล้วก็เดม่อนขอบคุณที่สำหรับการสอนมารยาทข้านะ”
ฟรานพูดจบก็หันมามองข้าก่อนจะพูดสั้นๆ
“ข้าไปก่อนนะ””พูดจบมันก็หันหลังกลับไปทางประตู ข้ารู้สึกหน้าชาหน่อยๆ นี่เจ้าไม่คิดจะพูดอะไรที่มันยาวกว่านี้หน่อยหรือไงกันน่ะ? ร่างนั้นจำท่าจะเดินเข้าไปสู่ประตูมิติ
แต่ไม่รู้ปีศาจอะไรมันเข้าสิงข้า ข้าถึงได้….
หมับ!
สาบานเหอะข้าไม่ได้ตั้งใจจะจับมือมันจริงๆนะ ข้ามองที่มือมันก่อนสะบัดมือออกสุดแรง
“อลาว….”
พูดแค่นั้นมันก็ฉีกยิ้มกว้าง
“ถึงข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ แต่ข้าคงพาเจ้าไปสวรรค์ด้วยได้”พูดจบมันก็ฉุดมือข้าเข้าประตูไป และท่านพ่อและเหล่าพวกหัวหน้าหน่วยก็มีปฏิกิริยาดีมาก
“บ๊าย บาย”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก
****************************************************************TBC.*******************************************
ความคิดเห็น