คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 เขาว่ากันว่ายิ่งไม่อยากเจอยิ่งได้เจอ
บทที่2
เขาว่ากันว่ายิ่งไม่อยากเจอยิ่งได้เจอ
“อลาวดี้จางงงงงง”เสียงนี้มัน ถ้าไม่ใช่ชิลลี่ก็เจ้าซัมวันชัวร์ แล้วก็ปรากฏว่า…มันทั้งสองตัวนั่นแหละ
“พวกเจ้าหนีงานไปกันอีกแล้วนะ อย่ามาทำตัวไร้สาระแบบนี้ได้ไหม”ข้าตวาดทันทีที่เห็นหน้าพวกมัน เอ่อ...ไม่ต้องห่วงไม่มีใครนอกจากข้าและพวกมันสองตัวอยู่ตรงนี้หรอก ต้องให้ข้าบอกไหมว่ามันกลับมาหลังจากที่ข้ากลับมาจากโลกมนุษย์แล้วสามวันน่ะ(ก็บอกไปแล้วนี่อลาว)
“ก็ข้าแค่ไปตกปลาให้ท่านเท่านั้นเอง”
“เท่านั้นเอง”
-_-“แล้วเจ้าซัมวันจะมาแอ็คโค่ให้เจ้าชิลลี่เพื่อ?
“จะไปตกปลาตกปูข้าก็ไม่ได้ว่า แต่ช่วยทำอะไรให้มันเป็นเวลาหน่อยได้ไหมน่ะ ห๊ะ พวกเจ้าเป็นถึงหัวหน้าคนแต่กลับทำตัวไม่มีระเบียบกันแบบนี้ แล้วพวกลูกหน่วยที่เหลือจะไปเอาใครเป็นแบบอย่างน่ะ”
ก้มหน้าหงุดกันแบบดูโอ้เลยนะ คิดว่าข้าจะหลงกลงั้นเหรอ ไม่มีทางซะหรอกพวกเจ้าใช้แบบหงอยดูโอ้ไม่ได้ผลแล้ว
“ไม่ต้องมาแกล้งสำนึกผิดเลยนะ คราวนี้ข้าจะลงโทษพวกเจ้าไม่ให้ตามข้าไปโลกมนุษย์หนึ่งเดือน!”
“หา!! หนึ่งเดือน ไม่นะอลาวจัง อย่าลงโทษพวกข้าแบบนั้นเลย ได้โปรดเถอะ ข้าผิดไปแล้ว แง~”
เออๆร้องกันเข้าไป คิดว่าจะมีอะไรดีขึ้นมางั้นเหรอไง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะอลาวดี้ ทำไมซัมวันหน่วยสิบเอ็ดกับชิลลี่หน่วยสิบสอง ถึงได้ร้องไห้คร่ำครวญราวกับพรุ่งนี้โลกจะแตกเสียอย่างงั้น”เสียงท่านพ่อที่รักของข้าเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาเห็นสภาพเจ้าสองตัวที่นั่งกอดกันร้องไห้อยู่ ท่านก็เว่อร์ไป
“จะอะไรเสียอีกล่ะท่านพ่อ ก็เจ้าสองตัวนี้มันหนีไปเที่ยวกันอีกแล้ว”ข้าบ่นกึ่งฟ้องให้ท่านพ่อฟังพร้อมกับมุ่ยหน้าไปด้วย
“อลาวดี้ เจ้าก็เถรตรงเกินไป พวกเขาแค่ทำผิดเล็กน้อยเอง เจ้าก็ลดหย่อนกันบ้างสิ”
“ได้ไงท่านพ่อ พวกนี้ใช่ว่าทำผิดแค่ครั้งเดียว ผิดมากันตั้งหลายหนข้าทำมองผ่านไปในครั้งก่อนๆนี้ข้าก็เต็มที่แล้วนะ”ข้าสะบัดหน้าหนีจะปลายผมสีเงินของข้าเหวี่ยงไปโดนหน้าไอ้พวกที่นั้งร้องไห้กันอยู่
“ราชาอลัน โปรดช่วยพวกข้าด้วย”เจ้าซัมวันโอดครวญใส่ท่านพ่อของข้า เออๆเอาเลย อยากทำอะไรก็ทำไปเลยเชิญ
“อลาวดี้”ท่านพ่อเอ่ยเรียกชื่อข้าเสียงอ่อนใจ ท่านก็เป็นเสียแบบนี้ ใจอ่อน ใจดี ยังกับเป็นเทวดา ท่านเป็นเจ้านรกนะท่านพ่อ ข้าได้แต่ส่ายหัวเบาๆอย่างปลงตก นี่ข้าเห็นแก่ท่านพ่อหรอกนะ
“ก็ได้ ข้าจะไม่ลงโทษพวกเจ้าก็ได้”พอข้าเอ่ยแบบนั้นไอ้สองตัวที่คร่ำครวญราวกับเพิ่งเสียญาติที่รักและเคารพไปก็ฟื้นคือชีพขึ้นมาโผลจะกอดข้า ข้าก็เลยตอบสนองด้วยการ….เอาเท้ายันหน้าพวกมันไปคนละที ข้าใจดีไหมล่ะ?
หลังจากอารมณ์ดีขึ้นเพราะได้เอาบาทาประทับหน้าเจ้าสองคนนั้น ข้าก็กลับไปนอนเล่นที่ห้องส่วนตัวของข้าเอง โอ๊ย ที่นี่แหละที่ข้าชอบมากที่สุด สาเหตุไม่มากเพราะมันทำให้ข้าปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมามากที่สุดไงเล่า ทันทีที่ข้าถึงห้องข้าก็จัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด แม้ว่าข้าไม่ค่อยถูกใจกับครีมอาบน้ำกลิ่นดอกกุหลาบที่พวกนางกำนันเตรียมให้ก็เถอะ ข้าเปิดประตูตู้เสื้อผ้าดูว่าพอมีชุดไหนที่ข้าจะใส่แล้วไม่รำคาญลูกตาบ้างซึ่งมันไม่มีแม้แต่ชุดเดียว
ข้าหัวเสียแบบสุดๆทุกครั้งที่ข้าเปิดดูเสื้อผ้า ข้าหยิบชุดออกมาส่งๆผลคือชุดที่ได้เป็นชุดกระโปรงสั้นสีดำสนิทที่เป็นสายเดี่ยวและยาวถึงแค่ต้นขา เหอ~เซ็กซี่ตายล่ะ แหวะ! ข้าสวมชุดนั้นลวกๆอย่างไม่ใส่ใจ หน้าหรือหลังข้ายังไม่มองเลย
กรุก กรัก
ข้าหยุดแหวะตัวเองกับกระจกแล้วกันไปมองทางหน้าต่างห้องที่มีเสียงดัง อย่าบอกว่ามีหนูนรกมาทำรังที่หน้าต่างข้านะ ข้าสาวเท้าเข้าใกล้บานกระจกอย่างระมัดระวังแต่แล้ว
“แหว่!”
“เฮ้ย!”ข้าตกใจถอยหลังไปชนเตียง แล้วล้มไปนอนบนเตียงดังโครม อ๊ากกกกเจ็บ ใครมันมาเล่นบ้าอะไรที่หน้าต่างห้องข้าเนี่ย!!!
ข้าเตรียมจะยันตัวลุกขึ้น แต่เงาที่ทาบขึ้นมาทำให้ข้าเหลือบตาไปมอง ข้าถึงกับอ้าปากพะงาบๆอยู่เกือบนาที นัยน์ตาเบิกโพลงจนแทบจะถลนออกนอกเบ้า เจ้านี่มัน เจ้าฟราน!!
“เจ้ามาที่นี่ได้ไง อั่ก!”ข้าโดนมันผลักลงไปนอนกับเตียงตามเดิม ข้าใช้ความพยายามอยู่นานก็จะลุกขึ้นได้นะเนี่ย
“เจ้า!”
มันใช้มือตัวเองกดข้อมือข้าลงไปกับเตียง ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงมาทาบริมฝีปากมันกับริมฝีปากข้า! อีกแล้วเหรอแก ไอ้บ้าจูบแรกข้าเจ้าก็ขโมยไป จูบที่สองยังมีหน้า…เฮ้ยๆๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าดิ้นสุดแรงเมื่อมันพยายามจะ..ไซร้คอข้า!! ไม่ใช่แล้วเจ้าบ้า มันไม่ใช่แล้ว
“ข้ารักเจ้า”ยังมีหน้ามากระซิบข้างหูข้าอีก นัยน์ตาสีม่วงมองข้าด้วยแววตาขี้เล่น ข้ายอมรับนะว่าไอ้ดวงตาสีม่วงกับเส้นผมสีจขาวพิสุธนี่ทำให้เจ้าดูดีจนไม่อาจละสายตา แต่ไม่ใช่กับข้า
“ข้ามีสี่คำจะบอกเจ้า”ข้าพูดออกไป
“เจ้าจะบอกว่า’ข้าก็เหมือนกัน’ใช่ไหม”
“เปล่า”ทันทีที่ข้าปฏิเสธมันก็เลยยอมละจากคอข้ามามองหน้าข้า
“เจ้าจะบอกอะไรข้า แม่หญิงของข้า”มันยังมีหน้ามาเอียงคอถามด้วยแววตาใสซื่อ
เฮ้อ!นี่ข้าต้องบอกความลับที่สุดของข้าใช่ไหมเนี่ย แต่เพื่อความบริสุทธิ์ของข้า
“เจ้าตั้งใจฟังดีๆนะ ฟราน ทำใจดีๆด้วย”มันยิ้มรับสดใสชนิดที่มีดอกกุหลาบงอกออกมารอบๆมัน ตบท้ายด้วยฟองสบู่ใส่แจ๋ว ใครมาเล่นน้ำสบู่แถวนี้เนี่ย! นั่นมัน…ไม่ใช่ประเด็นใช่ไหม หลังจากที่ข้าวุ่นวายกับตัวเองไปครู่หนึ่ง ข้าก็ถอนหายใจก่อนจะบอกไปตามตรง
“ข้าเป็นผู้ชาย”
“......”
มิ้งๆๆๆๆ//ซาวด์ประกอบโดยจิ้งหรีด
มันอึ้งไปสามวิก่อนจะยิ้มสดใสให้ข้าอีกรอบ แต่เป็นรอยยิ้มที่เห็นได้ชัดว่าขมขืนสุดๆ… ก่อนมันจะปล่อยมือข้าแล้วตัวมันเองก็ลุกไปนั่งบนเตียงข้างๆข้า ข้าจึงได้โอกาสลุกขึ้นนั่ง
“เจ้าล้อข้าเล่น”
“ไม่ๆๆ ข้าพูดตามความจริง”ข้าตอบทันควัน
“แต่ว่ารูปกายเจ้าก็เป็นผู้หญิง”
“มันเป็นมนตร์แปลงกาย ถ้าเจ้าไม่เชื่อ นี่”ข้าชี้นิ้วไปที่ต้นคอตนเอง
“มาดมให้ดีๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่”
ไม่ใช่ว่าข้าจะพิศวาสมันถึงขั้นขอรอบสองนะแต่ว่าพ่อข้าฝังกลิ่นที่ทำให้รูเพศของข้าไว้ที่ต้นคอ เพื่อกรณีฉุกเฉินที่ข้าต้องแสดงเพศแล้วไม่มีใครเชื่อ อย่างเจ้าฟรานเป็นต้น ที่ต้องฝังไว้ที่ต้นคอเพรามันเป็นจุดที่ใช่ว่าใครจะดมได้ง่ายๆ นอกจากจะจงใจอย่างเดียว
มันก้มลงดมต้นคอข้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มอีกรอบ นี่แกจะยิ้มเอาโล่เลยใช่ไหมเนี่ยห๊ะ
“แต่ว่าอลาวดี้”
“อลาวเฉยๆ”ข้าแก้แบบทันทีเหมือนตอนที่มีใครมาเรียกข้าว่าเจ้าหญิงนั่นแหละ
“อลาว ริมฝีปากเจ้านั้นช่างนุ่มละมุน กลิ่นกายเจ้าก็ช่างหอมเย้ายวนจนถ้าไม่ตั้งใจดมดีๆก็ไม่ได้กลิ่นแยกเพศของเจ้า ส่วนผิวกายเจ้าก็เนียนนุ่มเสียจนข้าไม่อยากจะผละออก”พูดจบมันก็คร่อมข้าอีกรอบ อะไรของแก๊!!!!
“เฮ้ย! ข้าผู้ชายนะ!”ข้ากัดฟันพูดพร้อมดันอกมันสุดแรงผู้หญิงที่มี
“แต่ว่ายามที่ข้าเห็นใบหน้าเจ้าแดงระรื่นแล้ว ข้าก็ห้ามใจไม่ไหว สงสัยข้าจะเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชายเสียแล้ว”
“เจ้า!!!!”ข้าตวาดลั่น แต่มันกลับยิ้มร่าเหมือนพวกที่แกล้งคนได้สำเร็จ
“องค์หญิงเพคะ องค์หญิงเป็นอะไรหรือเปล่าเพคะ”ข้ากับเจ้าฟรานหันไปมองประตูและหันกลับมามองหน้ากัน เวร! นี่ข้าตะโกนดังไปใช่ไหมเนี่ย
“องค์หญิง!”นางกำนัลที่ไปเอากุญแจสำรองมาไข้ห้องข้าได้สำเร็จพุ่งพรวดเข้ามา
ข้านั่งบนเตียงด้วยท่าทีปกติเพียงแต่บนตักมีแมวน้อยสีขาวนั่งอยู่เท่านั้น อ๋อ ชื่อของมันน่ะเหรอ ชื่อฟรานไงล่ะ
“ต้องของโทษพวกเจ้าด้วยที่ทำให้พวกเจ้าเป็นกังวล เผอิญว่าข้าเล่นกับแมวนรกตัวนี้แล้วมันกัดข้าน่ะ ข้าก็เลยเผลอตวาดมันออกมัน อย่าได้เป็นกังวลไปเลย”ข้าเอ่ยก่อนยิ้มให้พวกนาง เฮ้ยนี่ข้าไม่ได้เจ้าฟรานว่า’นรก’นะแต่พวกเจ้าก็รู้ แทบทุกสิ่งที่นี่ต้องมีนรกต่อท้าย
“แต่ คอท่านไปโดนอะไรมาถึงได้แดงขนาดนั้น”
ข้าหันไปมองกระจกทันที อ๊ากกกก ไอ้ฟรานนนนน ไอ้แมวนรก!!!!! อันนี้ข้าด่ามันจริงๆ
“ก็แมวนี่นี่แหละไม่มีอะไรหรอก”ข้ายิ้มแล้วยกมันขึ้นมาจ้องหน้า มันยังไม่วายเอาปากมันมาชนปากข้า แก…(กดเสียงต่ำ)
“ออกไปได้แล้วล่ะ”ข้ายิ้ม(ไล่)ส่ง พวกนางทำท่าอึกอักข้าเลยย้ำอีกครั้ง”ออกไปสิ”ข้ายิ้มส่งอีกหน พวกนางถึงได้ออกไป
“ฟราน~”ข้าเรียกเสียงหวาน จนมันที่ข้าคลายมนตร์เสกเป็นแมวแล้วถึงกับสะดุ้งแล้วมองข้าด้วยสายตาเว้าวอน
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”ข้ายังคงยิ้มอยู่ เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากเพราะข้า….หันไปมองกระจกแล้ว
“ข้าก็ดัดแปลงประตูสวรรค์นิดหน่อยมันก็มาที่นี่ได้แล้ว แต่ว่า….”
“แต่ว่าอะไรเหรอฟรานที่น่ารัก”ข้าเน้นเสียง
“แต่ว่าประตูสวรรค์นั่นพังไปแล้วครับ อลาวดี้ที่น่ารัก”
“ข้ามีหนึ่งคำจะให้เจ้า ฟราน”
“รัก ใช่ไหม”
“ตาย!!!!”
สรุปแล้วคืนนั้นข้าเลยต้องให้มันนอนกับข้า แต่อย่าเข้าใจผิดไปนะข้าให้มันนอนข้างล่าง ส่วนข้านอนบนเตียงตามเดิม เหอะ อย่าหวังว่ามานอนห้องข้าแล้วจะได้นอนบนเตียงดีๆ ฝันไปเถอะแก
หาว~เช้านี่คราดว่าน่าจะสดใสหากไม่มีเจ้าฟรานมาข้องเกี่ยวกับข้าเมื่อวานนี้ ข้ามุดตัวลงไปใต้ผ้าห่ม หื้อ?เดี๋ยวนี่ผ้าห่มข้าอุ่นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ข้าว่า….มันอุ่นเกินจะมีแค่ผ้าห่มข้า ข้าลืมตาโพลงแล้วไอ้ที่อยู่ตรงหน้าข้าคือเจ้า
ฟราน แล้วใบหน้ามันห่างจากข้าแค่….ไม่ห่างเลยนี่หว่า มันลืมตามองข้าพลางยิ้มจนเห็นลักยิ้ม ข้าเตรียมอ้าปากร้อง แต่มันก็ชิงจูบข้าก่อน ไอ้บ้านี่ขนาดว่าข้าบอกว่าเป็นผู้ชายแล้วนะ!!!
“เป็นไงบางอลาว มอร์นิ่งคิสของข้า”
ยังจะมีหน้าอีกนะไอ้บ้านี่ ข้าลุกพรวดกระโดดไปยืนข้างเตียงพร้อมผ้าห่มที่ดึงมาเพื่อคลุมตัวเองไว้
“ต้องให้ข้าบอกเจ้าอีกี่ครั้ง ว่าข้าเป็นผู้ชาย!
“ถ้าเจ้าบอกแล้วกอดข้าแล้วพูดด้วยนำเสียงสั่นๆพร้อมสายตายั่วยวน ข้าคงเชื่อ”ไอ้นี่มัน อ๊ากกกกก
“ไอ้หน้าด้านระดับสิบดาว ไอ้หื่นเรียกพ่อ ไอ้ชีกอเรียกพี่ ไอ้หน้าไม่อาย ไอ้คนวิปริตผิดเพศ ไอ้ซากอ้อย ไอ้ปลาโลมาขึ้นอืด ไอ้หนอนไม้ไผ่ ไอ้ปลากระโห้โต้คลืน ไอ้แมวหื่นระดับท๊อปคลาส ไอ้กากเทวดา ไอ้….”
“เดี๊ยวข้าก็จูบปิดปากซะหรอก”
ข้ายกมือตะครุบปากตัวเอง ทั้งที่ในใจยังอย่างด่ามันอีกมากมาย (แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ)
“ข้าจะไปอาบน้ำ”ข้าสะบัดหน้าเดินไปทางห้องน้ำ
“ข้าอาบด้วยสิ”ยังจะมีหน้า
ข้าเสกเชือกมามัดมันไว้กับเตียงนอนก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป มันยังไม่วายพูดขึ้นมาอีกว่า
”ที่แท้เจ้าก็ชอบแบบซาดิสนี่เอง SM ว่างั้นเถอะ”
ข้ากำหมัดแน่นก่อนจะกระโดดถีบมันไปเต็มๆ ไอ้ตัวเกินมนุษย์มนาเทวดาผีสางนี่!!!
“สดชื่นไหมล่ะมอร์นิ่งคิกของข้าน่ะ!!”
หลังจากที่ข้าอาบน้ำพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาแก้เชือกให้เจ้าฟราน มันบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามามองข้า
“อะไร”ข้าถามเสียงห้วน
“ข้าแค่อยากรู้ว่าเหตุใดเจ้าต้องเป็นผู้หญิงด้วย”มันมองข้าแล้วเอียงคอเหมือนจะอ้อนให้ข้าเล่าให้ฟัง
ข้าถอนหายใจทิ้งก่อนตอบมันไปตามจริง”ทันทีที่ข้าเกิดมาท่านแม่ก็เสีย พวกผู้หยั่งรู้ของที่นี่เลยทำนายว่าหากข้าไม่เป็นผู้หญิงที่นี่จะต้องดับสูญ ข้าจึงจำต้องเป็นผู้หญิง ตามจริงข้าชื่ออลาว แต่เพราะมันไม่เหมือนผู้หญิงแล้วข้าก็ไม่อยากทิ้งชื่อที่ท่านแม่ตั้งให้เลยเติม’ดี้’เข้าไป จบ”
“ถึงว่าเจ้าถึงตวาดทุกคนที่เรียกเจ้าว่าเจ้าหญิง หรือองค์หญิง”มันพยักหน้าหงึกๆ
“แล้วนี่เจ้ามีชุดเปลี่ยนหรือเปล่า”ข้าเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้วหันไปถามไอ้คนที่ถือวิสาสะนั่งบนเตียงข้า มันดึงห่อผ้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมยิ้มร่า เจ้าเป็นโดเรม่อนกับกระเป๋าสี่มิติหรือไงฟระ
“บังเอิญที่สุดที่ข้าพกมันมาด้วย”
“ไม่ใช่เจ้าเตรียมมันมาหรอกหรือ”ข้าแย้งขึ้น มันสะดุ้งอีกรอบก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำไป
ข้าถอนหายใจทิ้ง นี่ข้าเจอมันแค่สองวันชีวิตข้าสั้นลงกี่ปีเนี่ย ถ้ามันอาบน้ำเสร็จข้าจะพามันไปส่งด่วนที่สุดถึงที่สุดเลย แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับข่าวที่ข้าไม่ต้องการที่สุด
“องค์หญิง…”
“ท่านอลาวดี้”
“เอ่อครับ..ท่านอลาวดี้ ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลประตูแจ้งมาว่าประตูวิญญาณและประตูมนุษย์เกิดเสียกะทันหันพร้อมกันครับ”
ข้าเบิกตาโพลง”ว่าไงนะ แล้วเรื่องวิญญาณมนุษย์รวมถึงเรื่องยมทูตล่ะ”ตอนนี้ที่จริงข้าห่วงว่าเจ้าฟรานมันจะต้องอยู่กับข้ามากกว่านะเนี่ย
“มียมทูตบางส่วนยังอยู่ด้านบน คาดว่าน่าจะพกขวดเก็บวิญญาณไปด้วยไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่ขอรับ”
ข้าพยักหน้าก่อนถามต่อ”แล้วใช้เวลากี่วันถึงซ่อมเสร็จล่ะ”
“สามอาทิตย์ขอรับ”
โอ่แค่สาม…..อาทิตย์ บอกได้เลยว่าข้าแทบจะกระอักเลือดเสียตรงนั้น ข้าฝืนยิ้มให้ทหารที่มาบอกข่าวก่อนปิดประตูลง ซิกๆ แงทำเรื่องถึงได้เป็นแบบนี้ พระเจ้าแกล้งข้า พระเจ้าแกล้งข้า!! พระเจ้าก็พ่อเจ้าฟรานใช่ไหม
“เป็นอะไรไปอลาวดี้ ทำไมเจ้าต้องไปนั่งหดหู่เอานิ้วจิ้มมุมห้องแบบนั้น”
ทันทีที่มันเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วส่งเสียง ข้าก็พุ่งไปกำชายเสื้อมันทันที
“ฟราน พ่อเจ้าแกล้งข้า พ่อเจ้าแกล้งข้า!”ข้าร้องพร้อมเหงนหน้ามองมัน ไม่อยากยอมรับมันสูงกว่าข้า!
“พ่อข้าไปแกล้งเจ้าตอนไหน”มันเลิกคิ้วถาม
“เมื่อครู่มีทหารมาบอกข้าว่าทั้งประตูมนุษย์ทั้งประตูวิญญาณเสีย ซ่อมสามอาทิตย์ ถ้าไม่ใช่พระเจ้าที่เป็นพ่อเจ้าแกล้งข้า แล้วจะเป็นใครไปได้ เอ๊ะ หรือว่าเป็นเจ้า”ข้าชี้หน้ามัน
“เจ้าพังประตูใช่ไหม?”
“เฮ้ย!ข้าเปล่านะ”มันปฏิเสธ ข้าผละออกไปนั่งกุมขมับอยู่บนเตียง ข้ารู้สึกได้ว่าตัวเองแผ่รังสีมืดมนออกมาเต็มที่
“ฟราน เจ้าห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ในระยะเวลาสามอาทิตย์นี้เจ้าต้องอยู่ในห้องข้า”
“ได้ไงล่ะ”มันแย้งขึ้นมา ก่อนถลาไปหาประตู ข้าถึงกับต้องวิ่งไปห้ามมันไม่ให้เปิดประตูเลยที่เดียว แหมฟังข้าน่าดูเลยนะ
ฟราน
“ข้าบอกไม่ให้ออก!”
“ข้าจะออก!”
“ไม่!”
มันไม่เถียงข้าแล้วกระชากประตูออก ไอ้แรงถึกระดับสามโลกนี่ !
ทันทีที่เปิดประตูออกไปข้าถึงกับอยากกลับไปนั่งเอานิ้วจิ้มมุมห้องอีกหน ที่รออยู่ด้านนอกคือสตาร์และสมายด์ที่ยืนรอข้าอยู่
“ท่านหญิง…..หมอนี่เป็นใครกัน”สตาร์ถามพลางชี้ที่เจ้าฟราน
“แล้วเหตุใดเขาถึงมาอยู่ในห้องท่าน”สมายด์ที่ยังยิ้มอยู่แต่…ใยน้ำเสียงเจ้าถึงได้กดดันข้าถึงเพียงนั้น
“ข้าน่ะหรือ ข้าก็คือคนรักขะ….”
“คนที่จะมาเป็นรองหัวหน้าหน่วยหนึ่งไง”หน้าโบกมือไปแปะปากเจ้าฟรานดังเพี๊ยะก่อนจะหัวเราะ โฮะๆหลังจากตอบเสร็จ เจ้าสองคนนั้นนิ่งไปสามวิก่อนจะ
“หา!!!~”โอ๊ยหูข้าดับไปแล้ว แกจะตะโกนหาพระแสงดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์เรอะ!
แต่มันก็น่าตกใจหยอก ตั้งแต่ข้ารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งมาเก้าปี….ข้าไม่เคยมีรองหัวหน้าสักคนเดียว
“แล้วทำไม รองหัวหน้าถึงได้ไปอยู่ในห้องท่าน”สตาร์ที่ดึงสติกลับมาได้ก่อนเอ่ยถาม
“ข้าเรียกเขามาปรึกษาอะไรเล็กๆน้อยๆน่ะ ที่นี่มีห้องว่างไหม?”
“ไม่มี”
“นั่นแหละ หมอนี่จะมาอยู่ห้องข้า”
“หา!!!”
“โอ๊ยยยยย หาเจอกันหรือยังหูข้าจะกู่ไม่กลับแล้วนะ”ข้าตวาดกลับ
“ขออภัย แต่ชายหญิง…”
“อย่ามาขัดคำสั่งข้าน่า รีบๆไปบอกพวกคนอื่นๆว่าเจ้านี่จะเป็นรองหัวหน้าหน่วยหนึ่งตั้งแต่วันนี้ แต่ถึงแค่ประตูวิญญาณหรือประตูมนุษย์ซ่อมเสร็จเท่านั้นนะ”
เจ้าสองคนนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่และดูเหมือนว่าเจ้าสมายด์อยากจะถามหาเหตุผล แต่ข้าปรายตาไปมองแบบที่อ่านได้ว่า’หากถามอะไรอีก ตายแน่’อืมก็ประมาณนี้แหละ
“แล้วเจ้าจะมาบอกอะไรข้ากันล่ะ”
พวกมันที่เหมือนเพิ่งนึกถึงธุระของตัวเองได้มองหน้ากันเหมือนจะถามว่า’เรามาที่นี่ทำไมกันหว่า’
“ข้าจะมาบอกเรื่องการซ่อมประตูทั้งสองน่ะ”สตาร์เอ่ยขึ้นมา
“จะเสร็จเร็วกว่าเดิมใช่ไหม”ข้ายิ้มอย่างมีความหวัง
“ช่างเทคนิคได้เช็คอย่างละเอียดแล้ว….”
^_^
“พบว่าปัญหาที่มีนั้น…”
^_^
“มากเกินกว่าที่คิด เกรงว่าจากที่ต้องซ่อมสามอาทิตย์ จะกลายเป็นเดือนหนึ่งครับ”
^_^
“เจ้าว่าไงนะ”
“เกรงว่า….”
“ไม่ต้องซ้ำแล้ว โห่ไม่ ชีวิตข้า ต้องอยู่กับเจ้านี่อีกนานเลยหรือเนี่ย”ข้าทรุดลงไปกองกับพื้น และเห็นว่าเจ้าไส้เดือนนรกที่คลานผ่านมันช่างดูมีความสุขดีเหลือเกินข้าอยากเป็นไส้เดือน ข้าอยากเป็นไส้เดือน!
“อลาวดี้ที่น่ารักเจ้าเป็นอะไรไป”เจ้าตัวต้นเหตุที่ไร้บทมาพักใหญ่ก้มลงมองข้าด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่ต้องมายุ่งกับข้าเลยฟราน! ข้าเกลียดเจ้า ข้าอยู่กับเจ้าแค่ไม่กี่วันชีวิตจข้าสั้นลงไปเท่าไหร่ไม่รู้ต่อเท่าไหร่”ข้าพูดแบบไร้เรียวแรง ข้าชักเข้าใจความรู้สึกพวกที่ไม่ได้ตามข้าไปโลกมนุษย์แล้วสิ มันห่อเหี่ยวแบบนี้นี่เอง
“อลาวดี้…”
“ข้าบอกให้เจ้าเรียกข้าว่าอะไร ฟราน”
“อ๋อ ข้าขอโทษ ที่รักของข้าเป็นอะไรไหม”
“ใช่ที่รักของข้า….บ้านแกสิไอ้หัวหงอก! อยากตายนักใช่ไหมน่ะห๊ะ!?”ข้าลุกขึ้นมาบีบคอมัน
“ว่าใครหัวหงอก หัวเจ้ากับหัวข้าก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก!”
“อย่างข้าไม่ได้เรียกว่าหงอกเว้ย เขาเรียกสีเงิน!”
แล้วข้าก็เปิดฉากทะเลาะกับเจ้าฟรานชนิดที่เกือบฆ่ากันตายเลยที่เดียว กว่าจะแยกกันได้ก็ต้องถึงมือสมายด์กับสตาร์ที่มาแยกข้ากับเจ้าฟรานไว้ไม่ให้เข้าไปกัดกัน แง่ง! ไม่ใช่แล้ว
ข้าเดินลากผ้าทำความสะอาดตั้งแต่หน้าประตูห้องโถงจนไปถึงบัลลังค์เช่นทุกที แว้ก! ไม่ใช่แล้ว ข้าแค่เดินไปที่บัลลังค์ตนเองพร้อมพาคลุมยาวได้โล่เหมือนทุกทีเฉยๆ แต่ที่ไม่เหมือนคือไอ้หัวหงอกที่มันเดินอยู่ข้างข้านี่สิ ทันทีที่ซีโร่เห็น
ฟราน เจ้าซีโร่ถึงกับอ้าปากค้าง ข้าเลยต้องส่งเสียงในใจให้มันเงียบไปก่อน เจ้าฟรานในตอนนี้เรียกได้ว่าดูดีใช่น้อย ชุดที่มันได้เปลี่ยนเป็นชุดยมทูตที่เป็นเสื้อเนื้อดีสีดำกับกางเกงหนังดำมันเงา และรองเท้าบูทที่ยาวครึ่งแข้ง แถมผ้าคลุมดำยาวเกือบถึงพื้น ข้าอยากใส่ชุดแบบนั้นไมใช่ไอ้ชุดยาวลากดินนี่!
“วันนี้ที่เราจะประกาศก็คงมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น”ข้าพูดเสียงนุ่มชนิดที่ห่างไกลกับที่พูดกับเจ้าฟรานหลายกิโลเมตรเลยที่เดียว มันเหล่มองข้าด้วยสายตาประมาณว่า’ทำไมเวลาพูดกับข้าไม่เป็นแบบนี้บ้าง’ ข้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจก่อนจะมองตรงไปด้านหน้าเช่นทุกที
“เราจะประกาศให้พวกท่านรู้ว่า นับแต่นี้ข้า เซนส์ดิเฮลเลอร์ อลาวดี้ จักขอแต่งตั้ง ไวท์ทีเซอร์ ฟราน เป็นผู้ช่วยข้าตั้งแต่ปัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าเราจะไล่ เอ่อ...ข้าหมายถึงปลดเขาออกจากตำแหน่งเอง”ข้าพูดเสียงนุ่มเช่นทุกที ก่อนยิ้มให้ทุกคน
“ไวท์ทีเซอร์ ฟราน เจ้าจงมารับแหวนตัวแทนแห่งรองหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งไป”
เจ้าฟรานค่อยเดินมาหยุดตรงหน้าข้าพร้อมยื่นมือซ้ายออกมา
“แหวนหมั้นของเราเหรอ อลาว”มันพูดเสียงเบา
“มะเงกเจ้าสิ”ข้ากระซิบตอบ
แล้วแหวนที่ข้ามอบให้มันก็ต้องกลายเป็นแหวนหมั้นจริงๆเมื่อนิ้วกลางของมันมีแหวนสีขาวอยู่แล้ว!
“ฟราน เจ้าถอดแหวนวงนั้นออกจากนิ้วกลางเจ้าไม่ได้หรือ”ข้าถามเสียงนุ่ม และแน่นอนว่าได้ยินกันทุกคน
“เรียน’องค์หญิง’เซนส์ดิเฮเลอร์ อลาวดี้ ข้าเกรงว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะท่านพ่อข้าสั่งห้ามไม่ให้ถอดแหวนวงนี้ออกเด็ดขาด”มันจงใจเน้นคำว่า’องค์หญิง’เสียเหลือเกินนะ
ข้าแกล้งยิ้มก่อนจะบีบมือมันชนิดที่ถ้าเป็นพวกไร้ฝีมือคงกระดูกหักไปแล้ว ก่อนที่จะสวมแหวนไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของมัน ทำไมข้าไม่สวมข้างขวาหรือนิ้วชี้นะเหรอนะเหรอ ตามธรรมเนียม จบไหม?
ฟรานเงยหน้ามองข้าก่อนจะสวมแหวนให้ที่นิ้วนางข้างซ้ายข้าเช่นกัน เพราะนิ้วกลางข้าก็สวมแหวนสีดำที่ถอดไม่ได้เหมือนกัน ข้าอยากบ้าตายนี่มันความซวยอะไรของข้ากันล่ะเนี่ย ข้ายังคงยิ้มให้มันเหมือนเดิม ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ยิ้มให้มัน แต่ยิ่มให้ทุกคนในห้องโถงต่างหากเล่า
“ท่านอลาวดี้ ข้ามีข้อข้องใจ”ขุนนางคนหนึ่งยกมือขึ้นก่อนเอ่ยกับข้า ข้ายิ้มให้เป็นเชิงอนุญาต
“ท่านผู้นั้นเป็นใครกัน เหตุใดเขาจึงได้มาอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เคยมีผู้ใดยืนมาก่อน”อย่าพูดเหมือนมันวิเศษ วิโศนักสิ เดี๊ยวเจ้าบ้าฟรานก็ได้ใจไปกันใหญ่หรอก แล้วก็เป็นดังคราด เจ้าฟรานที่ยืนอยู่ข้างซ้ายของข้ามันยิ้มกริ่มอย่างภูมิใจในตนเอง อย่ามามากนักได้ไหมเข้าบ้านี่
“หากท่านสงสัย ข้าจะชี้แจงให้ฟัง”คิดว่าข้าไม่ได้เตรียมเรื่องมางั้นเหรอ รู้จักข้าน้อยเกินไปแล้วพวกเจ้า
เจ้าฟรานเหงื่อแตกพลั่ก มันคงคิดว่าข้าจะบอกความจริงไปล่ะมั้ง
“เขาผู้นี้ ข้าไปพบที่โลกมนุษย์เมื่อสามวันที่แล้ว เขาเป็นวิญญาณธรรมดาแต่กลับสามารถฆ่าวิญญาณอาฆาตไปได้ตั้งสามตน”ข้ากรุเรื่องแบบเนียนสนิท ชนิดที่ไม่มีใครสงสัย ยกเว้นเสียแต่เจ้าพวกหน่วยยมทูตที่ออกอาการนิน
ทรา เฮ้ย! ปรึกษากัน เพราะพวกมันยกโขยงตามข้าไปเสียเกือบหมดแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ ครั้นพอหันไปหาเจ้าซีโร่ที่ยืนหน้าซีดเป็นกระดาษร้อยแกรม เจ้านั่นก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วบอกประมาณว่า เดี๋ยวท่านอลาวดี้จะอธิบายเอง
“จะเก่งดั่งปากว่าเหรอ”เสียงที่แว่วมาทำเอาข้าแทบจะพุ่งไปไรเดอร์คิกใส่ ไม่ใช่ข้าจะแคร์จิตใจเจ้าฟรานนักนะ แต่ในเมื่อเป็นกลายมาเป็นคนของข้า ข้าก็ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกหรอก
“ท่านเดเตล ท่านอยากรู้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”มันออกอาการสะดุ้งเล็กเพราะไม่คิดว่าข้าจะได้ยินที่มันพูด
“หากเป็นเช่นนั้นท่านะลองพิสูจญ์ฝีมือกับรองหัวหน้าหน่วยหมาดๆไหมล่ะ”ข้ามั่นใจว่าอย่างน้อยเจ้าชายแดนสวรรค์ฝีมือต้องไม่ด้อยไปกว่าขุนนางของนรกแน่ ดูจากการที่มันรับพลังเวทย์ข้าได้ ดูท่าเจ้าเดเตจะมั่นใจเหลือเกินถึงได้ตอบรับแบบไม่มีลังเล หรือจะกลัวเสียหน้ากันหน่อ
ข้าปลายตามองเจ้าฟรานที่ยังคงยืนยิ้มเสมอต้นเสมอปลายอยู่ เจ้าเป็นสมายด์สองหรือไงกัน มันโค้งตัวให้ข้าเล็กน้อยก่อนจะเรียกอาวุธของมันออกมา และที่ออกมาก็คือ....สามง่าม! นี่เจ้าเป็นคนของสวรรค์จริงหรือเก๊เนี่ย มีชาวสวรรค์ที่ไหนใช่สามง่ามบ้าง
“อย่าชิงตายซะล่ะ”ข้าเอ่ยเบากับเจ้าฟราน
“แหม ไม่ต้องเป็นห่วงข้าขนาดนั้นก็ได้ แม่หญิง”มันยังมีหน้ามาเน้นสองหลังอีก
“เริ่มได้”
ทันทีที่ข้าเอ่ยสองคำนั้นไป เจ้าฟรานก็กระโดดลงจากบัลลังค์ของข้าพร้อมพุ่งไปทางเจ้าขุนนางนั่น ฟรานวิ่ง
ผ่าน เจ้าเดเตลไปก่อนจะไปหยุดนิ่งอยู่ข้างหลังขุนนางปากพล่อยฟุตหนึ่งได้ จากนั้นแค่สามวินาทีร่างของเจ้าขุนนางเดเตลก็...ล้มลงไปกองกับพื้น ข้าเกือบอ้าปากค้างดีที่ข้าเรียกสติได้ทัน แล้วปรับสีหน้าเป็นยิ้มหวานตามเดิม
“พวกท่านเองคงจะเห็นกันแล้วนะ มีใครจะแย้งอะอีกไหม?”
พวกมันนัดคิวกันส่ายหัวถี่ยิบ เออเห็นแล้วยอมรับว่าสะใจเล็กๆนะเนี่ย
“วันนี้เราคงไม่มีเรื่องอะไรจะแจ้งพวกท่านอีกแล้วล่ะ”พูดจบข้าก็ยืนขึ้นเต็มความสูง(ที่ยังเตี้ยกว่าเจ้าฟราน) ข้าก้าวเท้าจะเดินลงบันไดสูงริบที่ข้าเกลียด-_-“ทันทีที่ข้าก้าวเท้าเตรีมเดินลง เจ้าบันไดบ้าก็พังครืนลงมา ทำให้ข้าตกที่สูง ซึ่งก็คือ…บัลลังค์ของข้านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!
********************************TBC.******************************************
ความคิดเห็น