คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่10 ถ้าไม่เคยเจอก็คงไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด
บทที่10
ถ้าไม่เคยเจอก็คงไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด
“แล้วเราจะพักที่ไหนกันดีล่ะอลาว”เจ้าฟรานหันมาถามข้า
ตอนนี้เราอยู่ที่หน้าประตูเมืองที่สายข่าวของจัสตินร่วมกับกองวิทยาการของเบลเฟ่ระบุว่าพวกนักโทษมาอยู่ที่นี่กันจนหมด และอยู่ในกายหยาบข้าเลยต้องออกมาในฐานะมนุษย์เพราะวิญญาณพวกนี้ไหวตัวต่อวิญญาณด้วยกันไวมาก ข้าล่ะไม่เข้าใจว่าพวกนักโทษมันหนีออกมาได้ยัง…ถ้าไม่มีคนในหนุนหลัง ตอนนี้ข้าคิดว่าบางทีในหมู่ขุนนางและยมทูตบางส่วนคิดจะก่อกบฎเรื่องนี้ข้าลองคุยกับเจ้าฟรานมันแล้ว และมันก็มีความเห็นตรงกับข้าด้วย เรื่องนักโทษแหกคุกอาจจะเป็นการล่อคนมีฝีมือให้ออกห่างจานรกก็เป็นได้
“ก็พักที่โรงแรมไง ถามโง่ๆนะเจ้าน่ะ”ข้าบ่นพลางเดินเข้าไปในเมืองโดยมีเจ้าฟรานเดินตามมาติดๆ
ทางที่ข้าผ่านผู้คนแถวนั้นต้องนิ่งค้างกันอย่างสามัคคี ก็เข้าใจว่าข้าสวย(กัดฟันพูด)และฟรานก็หล่อ(ยังคงกัดฟันพูด)แต่เลิกมองพวกข้าสัฏทีได้ไหมเนี่ย มันน่ารำคาญ! ข้าเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ดูแล้วมันอยู่ในเกรดที่ดี ไม่น่ามีวิญญาณอาฆาตรจำพวกผีเจ้าที่เจ้าทางอยู่
“ไม่ทราบมาจะพักกี่ห้องค่ะ”เสียงพนักงานถามข้าแต่ตานี้จ้องเจ้าฟรานเป็นมันเลย สงสัยว่าน่าจะตั้งท้องอ่อนๆแล้ว
“ห้องเดียวค่ะ”เอาไปทำไมหลายห้องเปลืองเงิน แล้วอีกอย่างผู้ชายเหมือนกัน ถึงคนอื่นจะมองว่าไม่เหมือนก็ตาม
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าเป็นอะไรกันคะ?”
เอ่อ..เจ๊ข้าว่ามันไม่มีในแบบสอบถามของพนักงานประจำเคาน์เตอร์นะ เรื่องส่วนตัวนะนั่น
“พะ….”
“คนรักครับ”
“เฮ้ย!”
ข้าร้องก่อนหันไปกระซิบกับมัน
“ทำไมไม่เป็นพี่น้องเล่า อย่างน้อยๆสีผมก็พอถูพอไถไปได้นะ!”
“เจ้ารู้ไหมคนที่มีคู่แล้ว ความเนื้อหอมจะลดลง”พูดจบมันก็เพยิดไปทางบรรดาชายหนุ่มที่นั่งรับประทานอาหารที่มองมาที่ข้าตาไม่กระพริบ
“ทำไมที่รัก เจ้าเขินเหรอที่จะพูดว่าเรารักกัน”มันพวกเสียงดัง พวกผู้ชายที่จ้องข้าอยู่เลยหันกลับไปกันหลายคน
“เอ่อ…รับห้องเดียวนะคะ?”พนักงานสาวถามเสียงเซ็งพลางจ้องข้าตาเป็นมัน อยากได้ใช่ไหม เอาไปเลยยยยย เอาไปเลย ข้ายกให้ เอาป๊ายยยย ข้าไม่อยากได้
ฟรานรับกุญแจห้องพักก่อนเดินนำขึ้นไป พวกข้าตกลงกันว่าจะทำงานตอนกลางคืนเพราะว่าง่ายกว่าเป็นไหนๆ อีกอย่างยมทูตอย่างข้าถูกกับความมืดมากกว่าแสงแน่นอน ช่วงที่ว่างข้าเลยลงมาเดินดูหนังสือที่ตลาดนัดด้านล่าง
“อ้าว!อลาวดี้ หายไปนานเลยนะ พอดีเลยลุงมีหนังสือใหม่เข้ามาพอดี”ลุงร้านขายหนังสือที่ข้าชอบมาซื้อประจำเอ่ยทักข้าพลางควักมือเรียก
“โห้ ท่านลุงเล่มนี้ข้านึกว่าจะไม่พิมพ์ต่อแล้วนะ”ข้าเอ่ยพลางพลิกนิยายภาคต่อในมือ
“พิมพ์สิแม่หนู แต่ว่ายิ่งมากเล่มหน้ายิ่งลดลง ลุงล่ะไม่เข้าใจ”ลุงร้านหนังสือบ่นตามภาษาคนอ่านหนังสือคนหนึ่ง
“อ้าวแล้วนั่นใครล่ะ แฟนเหรอ?”ลุงร้านหนังสือมองไปยังเจ้าฟรานที่ยืนหัวขาวอยู่ด้านหลัง
“เอ่อจะว่าใช่ก็ใช่น่ะนะ”ข้ายิ้มแหยๆ แต่ลุงแกเล่นยิ้มหน้าบาน
“ลุงว่าแล้วว่าสวยๆอย่างท่านอลาวดี้ต้องหาคนที่เหมาะสมได้ พ่อหนุ่มคนนี้เหมาะสมกับท่านดีนะ”
ทำไมถึงได้มีแต่คนบอกว่าข้าเหมาะสมกับเจ้าฟรานฟระเนี่ย!
“ดูแลท่านอลาวดี้ให้ดีนะเจ้าน่ะ”ลุงร้านหนังสือบอกพลางตีหลังไอ้ฟรานอั่กๆ ข้าเดาว่าคงเจ็บเพราะมันพยายามยิ้มกลบเกลื่อน
หลังจากที่ให้ลุงร้านหนังสือตีไอ้ฟรานจนพอใจ(?) พวกข้าก็เดินออกมาจากร้านหนังสือพร้อมกับหนังสือ4-5เล่ม
“อลาวดี้กินนั่นไหม?”ฟรานชี้ไปที่แซนวิดแซลมอนที่วางอยู่ในตู้กระจก
“เอ่อ..ข้าห้ามกินอาหารของโลกมนุษย์น่ะ”ข้ายิ้มแห้งๆ
“อ้าวแล้วนี่เจ้าจะกินอะไรล่ะ ในเมื่อกินอาหารมนุษย์ไม่ได้”
เออนั่นแหละประเด็น ที่ข้าไม่ค่อยอยากจะมาทำภารกิจในร่างมนุษย์เพราะข้าโดนห้ามกินอาหารมนุษย์นี่ไงเล่า
“ถ้าใช้วัตถุดิบของโลกมนุษย์น่ะพอได้ไหม?”
“ก็พอได้อยู่”
มันยิ้มร่าก่อนจะวิ่งหายไปในฝูงชน ข้ายืนรอมันอยู่พักหนึ่งก่อนมันจะกลับมาพร้อมกับสาระพัดวัตถุดิบเต็มไม้เต็มมือ
“เอาล่ะทีนี่เจ้าก็จะไม่อดตายแล้วนะอลาวดี้”
อาหารมากมายก่ายกองเท่าภูเขา โอ๊ะ!เยอะไปเหรอ โอเคย์แค่สี่อย่างเท่านั้น อาหารคาวสี่อย่างตั้งอยู่ตรงหน้าข้าจากฝีมือเจ้าฟราน ใช่ อ่านไม่ผิดหรอกของเจ้าฟรานจริงๆ ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่ามันทำอาหารเป็นด้วย ช่างน่าภูมิใจที่มีมันเป็นเพื่อน
“อร่อย”ข้ายิ้มร่ากับอาหารมื้อนี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่ข้าได้กินข้าวบนโลกมนุษย์
“อร่อยก็กินเยอะๆเลย เดี๋ยวคืนนี้เราต้องลุยกันยาว
พอตกดึกทั้งข้าและฟรานก็มายืนเล่นเอ็มวีอยู่ที่...หลังคาบ้านชาวบ้านเขา ตอนนี้พระจันทร์ขึ้นมายิ้มแฉ่งอยู่เหนือหัวข้าแล้ว ทั้งข้าและฟรานต้องใส่ชุดดำและโพกหน้าเพราะกันมนุษย์จะมาเห็นแล้วงานจะเข้า
ฟุบ!
ข้ากระโดดขึ้นไปยืนบนหลังคาพร้อมเคียวคู่ใจอันยักษ์ หลังคาบ้านอีกหลังมีเจ้าฟรานยืนอยู่คู่กับสามง่าม
“มันอยู่ที่ไหนอลาว”
ข้ามองอักขระเวทย์ในมือที่เจ้าเบลเฟ่ส่งมาให้ก่อนจะตอบมันไป
“สี่นาฬิกามีสามตัว”พอได้ยินคำตอบเจ้าฟรานก็พุ่งไปในทันที ข้าเลยตามไปบ้าง
อยากบอกว่าอากาศตอนกลางคืนมันหนาวแสบผิวเอาการ ไอ้ตัวไหนมันทำข้าต้องมากระโดดข้ามหลังคาตอนกลางคืน ถ้าเจอตัวพ่อจะฟันให้ไม่เหลือซากเลยคอยดูสิ!
ตุบ!
“ทำอะไรกันอยู่เหรอ”ฟรานว่าเสียงใสพลางควงสามง่ามเหนือหัว
“นักโทษนรกระดับสาม หมายเลข 399 ปีศาจงูจะกลับไปดีๆหรือให้ใช้กำลัง”
“แกเป็นใคร!?”
ไอ้ฟรานทำท่าคิดนิดหน่อยหวังว่ามันคงไม่บอกว่าตัวเองเป็นมาสไรเดอร์นะ ไมงั้นข้าจะไรเดอร์คิกใส่มันแน่
“ยมทูตเฉพาะกิจ”
พอได้ยินแค่ยมทูตไอ้วิญญาณอาฆาตรญาติฝ่ายตาของอนาคอนด้าก็รีบพุ่งหนีออกจากร่างคนไป เจ้าฟรานเลยพุ่งตามไปติดๆ ข้าเพียงแค่นั่งมองมันจากบนหลังคาไม่คิดจะตามไป ก็มีตั้งหลายตัวจะตามไปทำไมให้มันเสียเวลา
“น้องสาวนั่งดูอยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ”
ลำคอข้าสัมผัสได้ถึงผิวหยาบก้านที่พาดผ่านลำคอ ข้าเสนัยน์ตามองมันอย่างเบื่อๆ
“ข้าจำได้ว่าข้ามีพี่ชายแค่สองคนนะ นักโทษนรกระดับสามหมายเลข 296 ปีศาจผสม”
พูดจบข้าก็เหวี่ยงเคียวข้ามหัวไปโจมตีมัน เพียงครั้งเดียวเท่านั้นร่างนั้นก็สลายไปกลายเป็นเถาถุลีไป ดวงไฟสีฟ้าหม่นลอยเข้าหาข้า ข้าเอาเชือกป่านลัดมันเอาไว้ก่อนจะเปิดประตูบานเล็กเพื่อส่งมันไปนรกในทันทีกันการหนีซ้ำซ้อน
“ฝั่งข้าเสร็จแล้ว เจ้าล่ะฟรานเรียบร้อยหรือยัง”ข้าเชื่อมจิตสื่อสารกับมัน
“เรียบร้อยจ้า~”มันส่งเสียงจากบนหลังคาก่อนจะกระโดดลงมายืนข้างข้า
“แล้วอีกตัวล่ะ เจ้าว่ามีสาม”
“ก็นั่นสิมัน….เฮ้ย!”
ตึงงงงง!!!
ข้าร้องเสียงหลงเพราะฟรานมันรวบเอวข้าออกมาจากตรงที่เคยอยู่ ทั้งที่ยังออกมาไม่พ้นร่างหนึ่งก็ทิ้งตัวลงมาจากที่สูง นักโทษนรกระดับสาม หมายเลข666 ปีศาจแมงมุม เล็บเจ้ามันเฉี่ยวข้าไปนิดเดียวเองนะ
“เรียกหานกนกมา เรียกหานักโทษนรก นักโทษนรกมาเลยล่ะข้า”ข้าบ่านพลางส่ายหัวน้อย
“เอาล่ะ! เรามาทำกิจกรรมรอบดึกกันเถอะ!”
“คำพูดเจ้ามันจะติดเรทอยู่แล้วนะนั่น”
ข้ากับเจ้าฟรานย่อตัวลงต่ำก่อนจะกระโดดขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ ไอ้พวกตัวใหญ่ๆแบบนี้มีปีกน่าจะดีกว่าไหม
“ปีกแห่งแสง!”โอเคย์ดีกว่าแน่นอน
“ปีกแห่งความมืด!”ข้าเรียกปีกออกมาบ้าง ก่อนจะลอยตัวขึ้นไปหาเจ้าฟราน
กิ๊ซซซซซ
“หา? ฟังไม่รู้เรื่อง”ข้าทำท่าทางเอามือป้องหูยั่วโมโหมัน
ผลที่ได้คือใยแมงมุมเหนี่ยวหนืดที่ถูกพ่นออกมาเป็นสาย ข้าเอี้ยวหลบเล็กน้อยก็พ้น โด่! กระจอก
“ฟรานข้าขอส่วนตัวนะเออ”
“งั้นข้าจัดการขาก็แล้วกัน”
“ตามนั้น แต่ตอนนี้อย่าเพิ่ง”
ลอยอยู่ที่เหนือหัวข้า ขนนกจากการกระพือปีกเมื่อครู่ปลิวว่อนไปทั่ว ข้าตวัดเคียวไปด้านข้างก่อนจะเหวี่ยงมันขึ้นมากลางหัวแล้วฟันลงไปตรงๆ มีเพียงสายลมเท่านั้นที่พัดผ่านไป ข้าหันหลังก่อนจะดีดนิ้วไปหนึ่งที่
ตึง!!
เจ้านักโทษแมงมุมแยกออกเป็นสองส่วนแล้วล้มลงไปกับพื้น นี่แหละเคียวแห่งลมของแท้ เคียวต้องห้ามที่เป็นของข้า
“อลาวดี้เจ้าขี้โกง ไปหนบอกจะเอาแค่ตัวไง”ไอ้ฟรานโวยวายตีอกชกกำแพงตึกใหญ่
“แล้วข้าได้ฟันโดนขามันไหมล่ะ”ข้าตอบหน้าตาย
ข้าตวัดเชือกรัดดวงวิญญาณสีฟ้าหม่นอีกดวงที่ลอยออกมา นอกจากนั้นยังมีดวงวิญญาณสีขาวอีกหลายดวงลอยตามออกมา ถึงว่าทำไมระดับสามตัวมันถึงได้ใหญ่นักที่แท้ก็กินวิญญาณมนุษย์ไปแล้วนี่เอง
“เอาล่ะเสร็จไปสามแล้วสินะ อีกสิบเอ็ดตัวเท่านั้น เฟลไฟทิ้ง!”
“เฟลคือใคร?”ข้ามองเจ้าฟรานที่ยืดอกหัวเราะอยู่
“ชื่อข้า”F” ชื่อเจ้า”A”กับ”L” อ่านรวมกันเฟล!”
“มันไม่ใช่ฟัล(Fal)เหรอฟราน”
“นั่นแหละ เหมือนกัน”
ไม่เหมือนเฟ้ย! แล้วเรื่องอะไรต้องเอาชื่อข้าไปรวมกับชื่อเจ้าด้วยเนี่ย
“เอาล่ะเหลืออีกแค่สองตัวเท่านั้น”เจ้าฟรานมองดูดวงวิญญาณในมือมันด้วยรอยยิ้มที่มีกุหลาบกับฟองสบู่อีกเช่นเคย ข้าบอกว่าข้าไม่ชอบกุหลาบไงวะ!
“อลาวดี้ เจ้ามีอะไรที่อยากกินอีกไหม?”
สงสัยว่าชั่วนี้น้ำหนักข้าคงขึ้นน่าดูเพราะไอ้ฟรานมันเอาข้าเป็นบรรทัดฐานอาหารแต่ละมื้อ ซึ่งทำให้ข้าได้กินแต่ของที่ตัวเองชอบทั้งนั้นเลย
“ของคาวไม่มีแล้วนะ ที่เหลือก็คงจะมีแต่ของหวาน”
“อะไรล่ะ ข้าทำได้ทุกอย่างแหละ”
เก่งไปไหมเจ้าน่ะ นี่ข้าทั้งที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นผู้หญิงยังทำไม่เป็นเลย
“เค้กช็อคโกแลต”
“ของหมูๆ”
แล้วเช้าวันถัดมาข้าก็ได้กินเค้กสมใจอยาก เจ้าฟรานมันทำให้ข้าตั้งสองปอนด์มันเยอะไปไหมเนี่ย เจ้าฟรานนั่งมองข้าที่ลิ้มเค้กช็อคโกแลตฝีมือมันอย่างตั้งใจ
“ก็อร่อย”
นี่แหละคำที่มันต้องการล่ะ แค่นี้มันก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว
“ดูเจ้ามีความสุขกับเค้กจังเลยนะ”เจ้าฟรานนั่งท้าวคางมองข้า
ข้าก็ว่างั้นแหละ เพราะว่าข้ารู้สึกได้ว่าคนเป่าฟองสบู่กับคนปลูกกุหลาบเริ่มจะย้ายมาทำงานกับข้าแล้วล่ะ ระหว่างนั้นจู่ๆก็มีคนติดต่อเข้ามาทางกระแสจิต
“อ๊ะ! ท่านพี่อเล็กซ์มีอะไรเหรอ?”
พอได้ยินสิ่งที่ปลายสายบอกข้าก็เบิกตาโพลงปล่อยช้อนในมือลงกระทบจานดังเคร้ง
“เกิดอะไรขึ้นอลาวดี้? ”
ข้าหันมองมันพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“ท่านพี่อลัวซ์ถูกทำร้าย”
เจ้าฟรานก็ดูตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ก็ทั้งๆที่อยู่ในเมือง ในปราสาทตนเองกลับโดนทำร้ายแบบนี้ยังไงก็คงไม่พ้นคนในแน่
“เราคงต้องรีบทำงานหน่อยล่ะ”
ข้าตวัดเคียวฟันร่างนักโทษนรกอีกสองตนที่เหลืออย่างง่ายดาย เจ้าฟรานเข้ามาเก็บวิญญาณไปส่งมันเองก็รนไม่แพ้ข้า
“ข้าอยากจะรู้ว่าใครมันที่ทำร้ายพี่อลัวซ์”
ข้าสะบัดเลือดที่ติดอยู่ที่เคียวออก ก่อนจะเปิดประตูกลับนรกโดยเร็ว เรื่องเช็กเอาท์ข้าทำไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว ข้าก้าวข้าอย่างเร่งรีบตรงไปยังห้องพักท่านพี่อลัวซ์ โดยไม่ลืมที่จะมองว่าเจ้าฟรานมันเดินตามข้ามาหรือเปล่า ข้ายื่นมือออกไปผลักประตูบานตรงหน้า ภาพที่เห็นทำเอาข้าแทบคลั่ง ท่านพี่มีผ้าพนแผลพันที่หน้าท้อง แถมที่ผ้าพันแผลก็ยังมีเลือดซึมออกมาให้เห็นอยู่ ข้ากำหมัดแน่จนอยากขะชกใส่กำแพงสักที
“ข้าอยากจะรู้นักว่าใครมันเป็นคนทำ”ข้าเค้นเสียงรอดไรฟัน
“โชคดีเล็กน้อยที่เดม่อนไปเจอเข้าก่อนที่จะโดนทำร้ายมากกว่านี้”ท่านพี่อเล็กซ์ที่เดินเข้ามาพร้อมชามน้ำอุ่นและผ้าขนหนูเอ่ยขึ้น
“รอบทำร้ายตอนกลางคืนแบบมืออาชีพ ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าใครทำ”
นัยน์ตาสีโลหิตจ้องที่เลือดที่ซึมออกมาจากปากแผลของท่านพี่อลัวซ์ด้วยแววตาเย็นเฉียบ
“ข้าขอตัวก่อนแล้วกัน ข้าว่าอาจจะต้องประชุมหัวหน้าสิบสามหน่วยสักหน่อย”
ข้าโค้งให้ท่านพี่ก่อนจะเดินออกมา
“ฟรานเจ้าส่งเวทย์ไปตามสิบสองคนนั้นให้ข้าหน่อย”ข้าหันไปพูดกับคนที่เดินมาข้ามาตลอด
มันพยักหน้าแล้วทำตามที่ข้าบอก ข้ารู้สึกว่ามันนิ่งผิดปกติ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“ แผลนั่นข้าจับจิตสัมผัสของยมทูตได้ ไม่แน่ว่าคนที่ทำก็เป็นยมทูตอย่างเจ้าคอฟเคย์”เจ้าฟรานสันนิฐานด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ข้าว่าข้าเห็นด้วยกับมันถึงแม้ข้าจะจับจิตยมทูตไม่ได้ แต่ว่าที่เจ้าฟรานพูดก็มีเหตุผลยังไงไอ้ขุนนางบ้านั่นก็ไม่ได้ถูกกับพวกข้าแต่แรกอยู่แล้ว
ข้าพับเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนทันทีที่ก้าวท่าวเข้ามายังห้องประชุมพิเศษ ไม่ใช้ห้องประชุมใหญ่เหมือนทุกทีเพราะเรื่องครั้งนี้ถือเป็นความลับ
“มากันครบแล้วใช่ไหม”ข้านั่งลงที่หัวโต๊ะโดยมีเจ้าฟรานยืนอยู่ด้านข้าง
“พวกเจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าท่านพี่อลัวซ์โดยทำร้าย”
ทุกคนพยักหน้ารับด้วยใบหน้าเคร่งเครียดพอควร
“จัสติน ข้าอยากให้เจ้าช่วยสืบเรื่องนี้ให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหาตัวคนร้ายมาให้ได้ แบล็ก ข้าอยากให้เจ้าช่วยส่งวิญญาณอาฆาตรที่ผู้ที่ไม่มีแหวนหัวหน้าหน่วยจะมองไม่เห็นไปเฝ้ารอบๆปราสาทเพื่อเป็นสายข่าวและองค์รักษ์”
ทั้งสองคนขานรับพร้อมพยักหน้า ไม่รู้ว่าทุกคนร้สึกตรึงเครียดมากแค่ไหนแต่ว่าแม้แต่ในแววตาขี้เล่นของจัสตินหรือแววตาหยันสิ่งรอบๆของแบล็กข้าก็ไม่สัมผัสพวกมันได้
“สตาร์ข้าอยากให้เจ้าเตรียมหน่วยพยบาลของเจ้าให้พร้อมที่สุด เพราะว่าบางทีอาจจะมีคนโดนทำร้ายอีกแน่ ตอนนี้เรายังไว้ใจสถานการณ์ไม่ได้ แล้วก็พยายามทำให้ท่านพี่อลัวซ์หายให้เร็วที่สุด”
“ขอรับ”
“ชิลลี่ ซัมวัน และสมายด์ พวกเจ้าต้องดูแลส่วนของคุกและประตูเชื่อมมิติให้ดี ช่วงนี้ห้ามใครเข้าไปที่คุกนรกเด็ดขาด แม้แต่ลูกน้องพวกเจ้าก็ตาม ประตูก็ด้วยเรื่องเก็บวิญญาณหยุดเอาไว้ก่อน”
“รับทราบ”
“เบลเฟ่ เจลาโต้ พวกเจ้าสองคนเตรียมความพร้อมเรื่องอาวุธของหัวหน้าหน่วยแต่ละคนให้สามารถใช้งานได้ในทันทีที่ต้องและใช้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด”
“ขอรับ”
“ส่วนซีโร่ เดม่อน เดฟ คอรัส พวกเจ้าสี่คนเตรียมความพร้อมและป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้ออกแรงโดยไม่จำเป็น ทางที่ดีระวังตัวเองแล้วก็คอยดูแลทุกตนด้วย”
“ขอรับ!”
“เรื่องครั้งนี้ ห้ามไว้ใจใครเด็ดขาดนอกจากหัวหน้าหน่วยด้วยกันเอง อีกไม่นานข้าว่ามันต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ขอให้พวกเจ้าจำเอาไว้แค่ว่าพวกพ้องที่ยืนอยู่ด้วยกันตอนนี้คือคนที่ไว้ใจได้ที่สุด”
ข้ามองทุกคนที่มีความตรึงเครียดอยู่ภายในก่อนเอ่ยขึ้น”ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไรขอให้พวกเจ้าไว้ใจข้า ตกลงไหม?”
ทุกคนต่างยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนขานรับเสียงดังกว่าครั้งไหนๆ
“ขอรับ!!!”
“อลาวดี้!”
จู่ๆเจ้าฟรานเรียกข้าด้วยน้ำเสียงตกใจจนข้ารีบสะบัดหน้ากลับไปมอง
“อะไร?”
ข้าถามกลับไปด้วยความตกใจไม่แพ้กัน พลางสบัดหน้าหันไปมองฟรานที่เอามือแตะหูไว้คล้ายกำลังสื่อสารจิต
“ท่านลุงบอกว่าด้านบนมีอสูรนรกส่วนหนึ่งอาละวาดอยู่”
ข้านิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง นี่มันใช้โอกาสที่ข้ากำลังประชุมเล่นแบบนี้เลยงั้นเหรอ!!
“พวกเจ้าทุกคนนี่คือการประชุมครั้งสุดท้ายในสถานการณ์แบบนี้ ขอให้เปิดจิตสื่อสารไว้ตลอดเวลา แยกได้!”
ทันทีที่ข้าสั่งแยกตัวข้าเองก็รีบออกมาเช่นกันและตรงไปยังที่ที่มีอสูรนรกอาละวาดอยู่ ภาพที่ข้าเห็นคือสัตว์นรกนับร้อยอาละวาดอยู่เต็มไปหมด
“ฟรานข้าคงต้องยืมแรงเจ้าแล้วล่ะ”
“ไม่ขอก็จะให้อยู่แล้ว”
ข้าทั้งคู่พุ่งตรงเข้าไปกลางดงอสูรนรก ข้าตวัดเคียวฟันร่างที่พุ่งเข้าใส่อย่างไร้การปราณี อสูรตัวหนึ่งกางกงเล็บออกจะตะปบเอาที่หน้าข้า แต่ก่อนจะไดทำอะไรก็โดนเคียวข้าปลิดชีพไปเสียก่อน ถ้าคิดจะเล่นกับข้าชาติหน้ายังไว้ไป ข้าวาดเคียวเป็นวงกลมทำให้อสูรนรกในบริเวณนั้นล้มกันเกลื่อน ข้าไม่สนใจอะไรตวัดข้าเตะอสูรที่เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เคียวของข้าตัดเอาหัวสัตว์อสูรที่พุ่งเข้าหาจนเลือดสีแดงสดพุ่งออกมาเป็นสาย
ข้าอาศัยความเร็วพุ่งเข้าใส่อสูรแต่ละตัวแทนที่จะรอให้มันพุ่งใส่ข้าฝ่ายเดียว เคียวสีดำของข้าถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือดรวมถึงตัวของข้าที่เลอะพอสมควร เพราะไม่ทันระวังอสูรตัวหนึ่งโถมเข้าใส่ข้าจะข้าล้มไปนอนกับพื้นก่อนจะขึ้นคร่อมตัวข้าแต่อย่าหวังจะได้ทำอะไรข้าไปมากกว่านี้ อาวุธสำลองถูกเรียกออกมาใช้ในทันที ข้าประทับธนูเวทย์เพียงคู่เดียวก่อนจะปล่อยมันไปทะลุงหัวใจอสูรตัวนั้น มันดิ้นพล่านก่อนจะแหลกสลายไป
ข้ากลับมาใช้เคียวอีกหน จำนวนอสูรน้อยลงเลื่อยๆจากการจัดการของข้าและเจ้าฟราน แล้วสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น ข้าฟันเข้าที่อสูรตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาแต่ว่าหากมันไม่ใช่อสูรล่ะ…สัตว์อสูรตรงหน้ากลายร่างเป็นฟรานในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ใช่ว่ามันกลายร่างแต่มันกลับสู่รูปลักษณ์ที่แท้จริงต่างหาก ทันทีที่ข้าฟันเจ้าฟรานลงไปอสูรโดยรอบก็หายไปหมด สายตาที่ฟรานมองข้าเต็มไปด้วยคำถามและ…ความเจ็บปวด ข้ายื่นมือออกไปเพื่อจะสัมผัสมันแต่ยังไม่ทันถึงตัวมันร่างนั้นก็ล้มลง สิ่งที่ข้าได้สัมผัสเป็นเพียงแค่เส้นผมที่ผ่านมือข้าไป ข้ามองดูร่างที่จมกองเลือดด้วยแววตาสั่นระริก ที่หน้าท้องข้ารับได้ถึงความเจ็บปวดจากพันธสัญญาณที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ได้ไม่นาน
“ฟะ...ฟราน”
ข้าเรียกมันเสียงสั่นแต่ร่างนั้นไม่ขยับแม้แต่น้อย โลหิตแดงฉานเปอะเต็มตัวข้าไปหมด นี่ข้าทำอะไรลงไปกัน
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย”
ข้าตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดของยามราตรี แสงจันทร์ที่แยงเอามาทางหน้าต่างทำเอาข้าหลับไม่ลง ครั้นพอลุกขึ้นก็เจ็บที่ช่วงตัว แล้วความทรงจำข้าก็กลับมาแผลที่ท้องข้าเป็นฝีมือของอลาว…ข้าไม่เข้าใจทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย เขาไม่ได้ฟันผิดข้าเห็นเขาหันกลับมาฟันข้าอย่างไม่มีการยั้งมือด้วยใบหน้าสะใจ ทำไมกันความเป็นเพื่อนของเรามันกลายเป็นอะไรไปแล้ว!
“ฝืนแล้วงั้นเหรอ”เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ไฟจะถูกเปิดขึ้น
ข้าใช้เวลาเล็กน้อยกว่าจะปรับตัวกับแสงไฟได้
“ท่านพี่ฟีน”
“ก็ข้าไง คิดว่าใครกัน แล้วเจ้าคิดว่าที่นี่ที่ไหนกันถึงได้ทำท่าทีตกใจขนาดนี้ สลบไปนานจนลืมหน้าพี่น้องเลยหรือไง”คนที่นั่งอยู่บนโซฟาลุกขึ้นมาคลำหน้าผากข้า
“อืม~ ไข้ลดลงเยอะจากสองวันที่แล้วนะเนี่ย”พูดจบก็หันไปลากเก้าอี้มานั่งข้างๆข้า
“แล้วไปไงมาไงถึงได้โดยอลาวดี้ฟันเอาได้ ไปนอกใจนางหรือไง?”
“ท่านพี่ข้าจำได้ว่าเคยบอกท่านไปแล้วนะว่านางกับข้าเป็นเพื่อนกัน”
ข้าบ่นกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ
“งั้นเจ้าก็บอกมาสักทีสิว่าทำไมถึงได้โดนฟันแผลใหญ่ขนาดนี้”
ข้าก้มหน้าลงอย่างจนปัญญา เพราะข้าไม่รู้ว่าอลาวดี้ฟันข้าทำไม หรือว่าทั้งหมดที่ผ่านมาจะเป็นแผนเพราะดูเหมือนเขาจะเกลียดพวกนางฟ้ายังไงไม่รู้
“ข้าว่าเรื่องนี้มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังนะฟราน อย่าเพิ่งไปตัดสินอะไรตอนนี้เลยดีกว่าข้าว่า”
ท่านพี่ฟีนเอ่ยดักราวกับรู้ความคิดข้า ข้าพยักหน้ารับเบาๆเพราะว่าข้าเริ่มหวั่นแปลกๆ นี่ข้าไม่ไว้ใจอลาวงั้นเหรอ
“อะไรของเจ้า?”จู่ๆท่านพี่ฟีนก็พูดขึ้นแต่มองจากสายตาเขาไม่ได้พูดกับข้าแต่เหมือนจะคุยกับใครผ่านทางจิต ท่านพี่ฟีนเออออไปสักพักก็ขมวดคิ้วก่อนหันกลับมาทางข้า
“ฟรานตอนนี้ข้าว่าได้เวลาพิสูจน์ความจริงกันแล้วล่ะ”
“พิสูจญ์?”
“มีองค์ชายบ้าๆส่งข่าวมาบอกว่ารอบนี้มีสัตว์อสูรขึ้นมาอาละวาด”
เยอะนะรู้สึก! แล้วองค์ชายบ้าๆนั่นใครกัน?
ข้าออกมาในสภาพเสื้อไม่ได้ใส่ ถ้าข้าเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ยท่านพี่ แม้จะเป็นกลางคืนแต่ที่นี่กับสว่างโร่ไปด้วยเปลวเพลิงของสัตว์อสูร ข้าเหลียวมองสภาพที่ยับเยินรอบกายด้วบความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก พงพินาศจนแทบคิดว่านี่เป็นความฝัน! แล้วเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นข้าจึงหันไปตามเสียง ร่างๆหนึ่งก็วิ่งมาหยุดอยู่ด้านหลังกองทัพสัตว์อสูรนั้น ใบหน้าสวยก้มลงกับพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มในแบบที่ข้าไม่เคยเห็น เพียงเท่านี้จริงๆข้ารู้สึกหน้าชาไปหมด สัตว์อสูรพวกนี้เจ้าเป็นคนสั่งมันสินะอลาว ด้านหลังของอลาวเป็นร่างของท่านพี่อเล็กซ์ที่ยืนกอดอกมองภาพนั้นอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ รอบตัวเย็นเยยือก หรือนี่จะเป็นบรรยากาศของท่านพี่อเล็กซ์เพราะอลาวไม่มีบรรยากาศแบบนี้ แต่ว่าข้าคิดผิด ข้าเห็นอลาวพึมพัมเบาๆก่อนจะตะโกนคำนั้นออกมาก
“ข้าบอกให้หยุดไง!!!!!”เสียงตะโกนทำเอาสัตว์อสูรนิ่งงัน
บรรยากาศรอบๆติดลบโดยฉับพลัน อลาวก้าวผ่านสัตว์อสูรแต่ละตัวแล้วท่านพี่อเล็กซ์ก็ก้าวตาม เพียงท่านพี่
อเล็กซ์เดินผ่านสัตว์อสูรก็พลันสลายไป นี่น่ะหรือพลังของบุตรรองแห่งเจ้านรก อลาวเดินมายังร่างเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์อสูร
“เจ้าสินะสั่งการมัน”อลาวดี้แตะที่แก้มของร่างที่สั่นเท่าเบาๆ
“ขะ ขะ ขอรับ”
“ทำไมถึงได้ทำแบบนี้?”
“ข้าเห็นมันเครียด ละ เลยเอามันมาเดินเล่น”
“ข้าต้องการเหตุผลไม่ใช่คำแก้ตัว!!!”
ร่างนั้นสะดุ้งเพราะเสียงตวาดของอลาว นัยน์ตาสีเทาของอลาวจ้องมองตรงหน้าอย่างที่น่ากลัวจนข้ายังแอบสั่น
“ไม่ใช่ว่าได้รับคำสั่งจากใครหรอกเหรอ”ท่านพี่อเล็กซ์เอ่ยถามบ้าง
ร่างนั้นไม่ตอบอีกเช่นเคย อลาวยื่นมือออกมาเพียงพริบตาร่างนั้นก็พลันสลายเป็นฝุ่นไป!
“โทษของกบฎคือความตาย”อลาวปรายตาสีเทามองเศษฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยแววตาเหยียดหยาบ ก่อนท่านพี่
อเล็กซ์จะเรียกเวทย์น้ำมาดับไฟพอเห็นข้ากับท่านพี่ฟีนก็หันไปสะกิดอลาว พอเขาเห็นข้าก็ตรงมาทันที
“ฟราน…!”
อลาวจ้องมองผ้าพันแผลที่พันตัวข้าเอาไว้
“ข้าขอโทษ”อลาวยื่นมือออกจะสัมผัสแผลข้าแต่เขากลับชักมือกลับ ข้าเลยรีบคว้ามือนั้นมาแตะแผลตัวเองแต่สงสัยคว้าแรงไปหน่อยชนดังปึก เจ็บโคตร!!!
“ข้า…ไม่เป็นไร เจ้าเองก็เจ็บไม่ใช่หรือไง”
“อืม เพราะรู้ว่ามันเจ็บนะสิข้าถึงไม่อยากแตะ”อลาวแตะที่ท้องตัวเองเบาๆ ผลของพันธะสัญญานี่มันช่างรุนแรงจริงๆ แต่ไอ้เหตุผลที่ตอบมาเนี่ยสมกับเป็นอลาวจริงๆ
“ทีนี้ก็อธิบายไปซะอลาวดี้ ว่าทำไมเจ้าถึงฟันฟรานซะเป็นแผลขนานนั้น”ท่านพี่อเล็กซ์เอ่ยขึ้น
“ข้าเห็นเจ้าเป็นอสูรนรกเลยลงมือทำร้ายไป เจ้าเชื่อข้านะ”อลาวทำสายตาวิ๊งๆใส่ ข้าเชื่ออยู่แล้วล่ะ
“ทีนี้เจ้าเห็นหรือยังว่าน้องข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าหัวขาว”
“ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่เจ้าหัวเงิน”
ข้ากับอลาวมองท่านพี่ทั้งสองทะเลาะกันอย่างงงๆ นี่พวกเขาไปสนิทกันตั้งแต่มื่อไหร่
“นี่ท่านพี่รู้จักกันด้วยเหรอ”
อลาวดี้ถามพลางชี้สองคนสลับกันไปมา
“ข้าไม่ได้อยากจะรู้จักมันหรอก!”ทั้งคู่ตวาดพร้อมกัน
“เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานดันไม่บอกสักคำว่าเป็นเจ้าชายนรก”
“ทำเหมือนเจ้าบอกว่าเป็นเจ้าชายสวรรค์นะไอ้ตัวพูดไม่รู้เรื่อง
“ข้าก็ไม่เคยบอกว่าไม่ใช่นี่”
“ข้าก็ไม่เคยบอกว่าข้าไม่ใช่เหมือนกัน”
สองคนนี้เข้ากันดีเนาะ นิสัยเด็กกับนิสัยผู้ใหญ่ อืมเจริญ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี
“อะไรอีกเนี่ย”ท่านพี่ฟีนบ่นพลางกำจดหมายบินที่บินมาแล้วเปิดอ่าน
“ฟรานข้าว่าเราไม่มีเวลามาเล่นมากแล้วล่ะ ท่านพี่ประกาศสงครามกับนรก”
“แล้วท่านพ่อทำอะไรอยู่เนี่ย! ทำไมถึงปล่อยให้ท่านพี่ทำตามใจ!”
“ดูท่าพวกขุนนางจะเห็นชอบสินะ”
ท่านพี่อเล็กซ์เอ่ยขัดขึ้น
“เจ้ารู้ได้ไงอเล็กซ์”
“ทางนี้ก็เหมือนกัน แถมเจ้าพวกสิบสามหน่วยมันหายไปหมดเลย”พูดจบท่านพี่อเล็กซ์ก็ชูจดหมายให้ดู
“หา! พวกนั้นหายไปหมดเลย”อลาวตะโกน ก่อนจะเอามือทึ้งหัวตัวเอง
“เราต้องรีบไปห้ามสงครานั้น เดี๋ยวนี้เลย พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว”
*************************************************TBC.***************************************************
ความคิดเห็น