ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    This love [myungyeol] มยองยอล

    ลำดับตอนที่ #5 : CH 5 : ฮัดเช้ย!

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 57


                    THIS LOVE CH:5














                      ดูเหมือนว่าลูกบาสที่ถูกเลี้ยงกับมือใครสักคนอยู่นั้นจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เมื่อใครคนนั้นก็คือซองยอล คนที่ตอนนี้ใช้สมองทั้งหมดประมวลผลเรื่องของ...มยองซู ให้ตายนี่ซองยอลไม่ได้ได้คิดมากเลยจริงๆนะ แค่สงสัยว่าผู้ชายคนที่มากับมยองซูนั่นเป็นใคร แล้วท่าทางที่ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับเขาแบบนั้น แล้วไหนวันนี้บอกจะมากสอนเขาต่อไง แล้วตอนนี้หมอนั่นอยู่ไหน มันน่าหงุดหงิดชะมัด!

                    “อ๊ากกกก!” ซองยอลตะโกนขึ้นพร้อมโยนลูกบาสทิ้งไปสุดแรง

                    “ฮยอง ใช้เสียงเลี้ยงลูกบาสหรอครับ” กลุ่มคนที่มาใหม่กล่าวทักขึ้น และก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็เด็กกลุ่มเมื่อวานนี่แหละ

                    “ใช้มือดิว่ะ”

                    “โหย ทำไมฮยองพูดไม่เพราะงี้อ่ะ ไม่น่ารักเลย” เด็กอีกคนในกลุ่มพูดขึ้น

                    “มันเรื่องของพวกนายมั้ย? ว่าแต่พวกนายสอนฮยองเล่นบาสหน่อยดิ” ในเมื่อวันนี้ไม่มีคนสอนอย่างมยองซู ซองยอลก็ไม่ง้อหรอกนะ ชิ

                    “สอนฮยองเนี่ยนะ? สอนนกว่ายน้ำง่ายกว่ามั้ย”

                    “ย่าห์! ฮยองเล่นได้บ้างแล้วเหอะ” คนในกลุ่มทุกคนล้วนแต่เบือนหน้าหนี คนอย่างอี ซองยอลนี่ไม่น่าเชื่อถือตรงไหน

                    “ฮยองนึกว่าตัวเองเป็นใครเมื่อวานยังวิ่งตามลูกบาสไม่ทันเลย วันนี้จะมาเล่นเป็นบ้างแล้ว ฮยองพูดอะไรว่ะ”

                    “ก็บอกว่าเล่นเป็นบ้างแล้วก็เล่นเป็นบ้างแล้วไง”

                    “เออๆ ก็ได้ แต่ให้เล่นด้วยเฉยๆนะ ไม่สอน สอนไม่เป็น” เด็กคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นหัวโจกกล่าวขึ้น ทั้งๆที่ในใจก็ไม่ค่อยอยากให้เล่นหรอก ก็ฮยองตรงหน้าเขานี้ไม่ได้มีพื้นฐานด้านกีฬาเลยสักนิด ถ้าให้เดาจากที่ได้เล่นด้วยกันเมื่อวาน แต่ทำไงได้หน้าฮยองมันดูอยากเล่นจริงจังนี่หว่า

                    “เยสสสสสส!

                    “ดีใจเว่อร์ไปมั้ยฮยอง ฮยองอยู่ฝั่งผมนะ”

                    “โอเค” ซองยอลตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มอย่างที่สุด ก่อนการเล่นจะดำเนินไป...

     

     

     

                    ปั้ก!

                    “โอ้ยยยย!

    “เห้ย! ฮยอง! “ เสียงตะโกนของกลุ่มเด็กที่เล่นบาสด้วยกันกับซองยอลหันมามองซองยอลหร้อมตะโกนขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย..หลังจากที่ทุกอย่างราวกับภาพสโลโมชันคือการที่มีลูกบาสค่อยๆลอยมาจากที่ไหนซักแห่งมาปะทะกับกัวอีซองยอลเบาๆ  ซองยอลก็ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแล้ว (นี่เบาจริงๆสินะ)

                    “ฮยองเป็นไงบ้างๆ” เด็กคนหนึ่งที่เป็นตัวต้นเหตุรีบวิ่งเข้ามาดู

                    “โอเคๆ ฮยองโอเค” ซองยอลตอบพร้อมกับโบกมือปัดๆ เชิงว่าไม่เป็นไร แล้วพยายามจะลุกขึ้นนั่งโดยมีเด็กๆคอยช่วยพยุง

                    “ผมขอโทษนะครับ โอเคจริงนะ” เด็กคนเดิมกล่าวขึ้น

                    “จริงๆ ฮยองว่าวันนี้ฮยองกลับก่อนดีกว่า เหมือนจะไม่ไหวล่ะ”

                    “ก็ไม่น่าไหวนะ” เด็กหัวโจกพูดพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นซองยอลก็ค่อยพยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นยืนโดยความช่วยเหลือของเด็กๆ(อีกครั้ง) ก่อนจะยืนแบบเซๆ

                    “ฮยองกลับก่อนนะ” โชคดีที่ตะวันยังไม่ตกดิน ก็แค่กำลังคล้อยๆ นั่นทำให้ซองยอลกล้าที่จะเดินคนเดียวได้ แต่สภาพนี่สิ เหมือนไม่ค่อยจะไหวแหะ

                    “เดินกลับไหวป่ะเนี่ย”

                    “ไหวดิแค่นี้เอง” ซองยอลพูดแล้วโบกมือเป็นเชิงลาก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่กองอยู่ข้างสนามแล้วออกมาจากสนามบาสนั่น ที่จริงวันนี้ดูเหมือนว่าสกิลการเล่นบาสของซองยอลก็ไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไร คือแย่เหมือนเดิมน่ะนะ ซองยอลเดินไปเรื่อยๆเพื่อจะกลับบ้านแต่ดูจะไม่ถึงบ้านแล้วแหะ ก็เพราะเดินผ่าน...ร้านไอติมร้านโปรด..  ตึกตักๆๆ เห้ยยยยย เสียงหัวใจใครเต้นว่ะ ซองยอลได้แต่คิดในใจพร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ นี่เขาเป็นอะไรเนี่ยแค่เห็นร้านไอติม.. ซองยอลสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินเข้าร้านไปสั่งไอติมสักเมนู แล้วเดินไปนั่งที่นั่งมุมสุดของร้านที่ๆติดหน้าต่างที่ประจำที่มองเห็นบรรยากาศข้างนอกชัดเจน มองเห็นข้างในร้านก็ชัดเจนด้วย..

                สตรอเบอรี่บานานาสปลิทได้แล้วค่ะ” เมนูของอีซองยอลถูกเสิร์ฟโดยพนักงานสาวสวยของร้าน

                    “ขอบคุณครับ” ซองยอลรับถ้วยไอติมมาก่อนหันไปคว้าหนังสือในกระเป๋าเพื่อเอามานั่งอ่าน การอ่านหนังสือนั้นดูเฟมือนจะทำให้ซองยอลหลุดไปยังอีกโลกหนึ่ง สิ่งที่รับรู้มีเพียงตัวหนังสือเท่านั้น นั่นทำให้ซองยอลไม่รู้เลยว่าตอนนี้บรรยากาศข้างนอกมันมืดขนาดไหน รวมถึงฝนที่กำลังเทลงมาจนเริ่มจะซาแล้วนั้นด้วย...

                    “น้องค่ะ ร้านเราจะปิดแล้วนะค่ะ” พนักงานคนเดิมเดินมาสะกิดซองยอลก่อนจะกล่าวประโยคนั้นขึ้น

                    “อ่ะ..อ่อ ครับๆ” ซองยอลเงยหน้าจากหนังสือก่อนจะตอบอย่างมืนๆ อะไรนะร้านจะปิดแล้ว ซองยอลรีบหันไปมองข้างนอกก็พบว่ามืดแล้ว.. มืดแล้ว ...มืดแล้ว!! เดี๋ยวนะแล้วซองยอลจะกลับบ้านไงล่ะ แล้วดูเหมือนว่าฝนยังไม่หยุดตกดีด้วยนะ พนักงานใจร้ายจัง ซองยอลคิดได้แค่นั้นก่อนจะมองเข้ามาในร้านก็พบว่าเหลือลูกค้าเพียงแค่เขาคนเดียวและยิ่งหันไปดูนาฬิกาก็ยิ่งทำให้ซองยอลตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อพบว่านี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว ร้านมันปิดสามทุ่มไม่ใช่หรอว่ะ ซองยอลกลับคำด่วนพี่หนักงานนี่ใจดีมากเลยย ซองยอลรีบเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะจ้ำอ้าวเดินออกจากร้านไป พร้อมกับกล่าวขอโทษพนักงานร้านด้วย แต่เพียงแค่ก้าวออกมาจากร้านขาก็ดันหยุดกึกอย่างอัตโนมัติ..

                    “กลับบ้านคนเดียวได้รึไง” เสียงจากผู้ชายตรงหน้าของซองยอลทำให้ระบบประมวลผลของซองยอลช้าไปอีก

                    “กะ..กลับ ได้แหละ” ซองยอลตอบตะกุกตะกัก ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เขาก็แค่สงสัยว่ามยองซูมาอยู่ตรงนี้ได้ไง

                    “หรอ งั้นก็ดี” มยองซูไม่พูดอะไรอีกก่อนจะเดินออกมาอย่างทันที แต่จะให้คนอย่างซองยอลกลับบ้านคนเดียวน่ะหรอ ยากล่ะ ซองยอลรีบวิ่งเดินไปเทียบให้ทันกับมยองซู

                    “หึ” มยองซูได้แต่หัวเราะในลำคอ ซองยอลที่รีบวิ่งตามมยองซูออกมาลืมไปว่าฝนยังตกอยู่ปรอยๆ ถึงมันจะไม่ทำให้เปียกอะไรมากมาย แต่มันก็ไม่ค่อยถูกกับซองยอลเท่าไรหรอกนะ ฝนน่ะ ซองยอลใช้มือตัวเองยกขึ้นบังกะหม่อมมันที

                    “ฝนแค่นี้ไม่เปียกหรอกน่า”

                    “รู้แล้ว แต่อยากบัง เดี๋ยวเป็นหวัด” มยองซูมองซองยอลสลับกับเม็ดฝนที่แทบจะมองไม่เห็นอย่างงงๆ นี่มันแทบจะเรียกว่าละอองน้ำอยู่แล้วนะ  จะทำให้เป็นหวัดได้ไง ก่อนจะเดินกันไปยังบ้านซองยอล แต่เหมือนว่าซองยอลคงเดินช้าไป..อีกแล้ว

                    หมับ!

                    แขนของซองยอลข้างที่ไม่ได้ใช่บังหัวตัวเองกลับถูกคว้าไปจับอย่างง่ายดาย

                    ตึกตัก ตึกตัก...

                เดี๋ยวนะ ซองยอลได้ยินเสียงหัวใจตัวเองอีกแล้ว..มยองซูคนอันตราย

                   

     

     

     

     

     

                    “ฮะ..ฮัดเช้ย!!

                    “โอ้ยยยย ไอ่ยอล มึงไปทำไรมาว่ะเนี่ย มึงจามจนกูจะติดอยู่แล้วเนี่ย” อูฮยอนที่เห็นเพื่อนจามตั้งแต่เขาเจอหน้าจนตอนนี้ยังไม่หยุดจามเลยคือตั้งแต่เช้า จนนี่พักเที่ยงแล้วไง มันก็อดที่จะรำคาญไม่ได้

                    “ก็เมื่อวานไปตากฝนมา..นิดหน่อย” ซองยอลว่าพลางทำจมูกฟุดฟิด

                    “อะไรนะ! มึงไปตากฝนมา! รู้ว่าเป็นหวัดง่ายยังจะไปตากฝนอีกอ่อ!? ร่มมึงทำไมไม่พก!!” ซองยอลว่าบางทีอูฮยอนก็โอเว่อร์ไปนะ ก็ใช่อยู่ที่ว่าซองยอลป่วยง่าย แต่ก็แค่ไปตากฝนแล้วจาม(เรื้อรัง)แค่นี้ จะตะโกนทำไมว่ะ นี่เขาไม่ได้เป็นโรคร้ายใกล้ตายนะ

                    “มึงจะโวยวายทำไมเนี่ย กูแค่ไม่เป็นหวัดนิดหน่อยเอง” แต่ก็นั่นแหละซองยอลอาจจะไม่รู้ว่าเวลาตัวเองป่วยไม่สบายรึแค่จามแค่นี้ กว่าเจ้าตัวจะหายก็หลายวันผลก็คืออูฮยอนต้องเป็นฝ่ายคอยดูแลอย่างนู้นอย่างนี้จนอูฮยอนต้องติดหวัดไปด้วยทุกที

                    “ก็โวยวายดิ มึงเป็นหวัดแบบนี้เดี่ยวกูก็เป็นหวัดตามมึงอีกแล้วอ่ะ”

                    “โหยย นิดเดียวเองมึง เดี๋ยวกูก็หายไม่ทันมึงติดจากกะ..ฮะ..ฮะ..ฮัดเช้ย!” ซองยอลยกมือปิดปากเกือบไม่ทันเหมือนกับอูฮยอนที่ก็หลบไม่ทันเหมือนกัน

                    “มึงก็พูดงี้ทุกทีกูก็ติดทุกทีอ่ะ”

                    “น้องยอล! เป็นอะไรรึเปล่า พี่ได้ยินเสียงเราจามไปถึงบันไดเลย” ซองกยูที่ได้ยินเสียงดังของซองยอลก็รีบมาดู หพี่กยูนี่เว่อร์อีกคนล่ะ

                    “ฮยองมาก็ดีเลย ดูแลเด็กของฮยองไปเลยนะ” อูฮยอนอดที่จะแซวเล่นไม่ได้ก็หน้าซองกยูดูจริงจังกับอาการป่วยของซองยอลมากๆ

                    “ตกลงน้องยอลเป็นอะไรครับ”

                    “วะ..ฮะ..ฮัดเช้ย!

                    “ไอ่ยอลกูว่ามึงไม่ไหวล่ะนะ ได้กินยามั้ยเนี่ย” ถึงซองกยูจะไม่ได้รับคำตอบแต่ก็เดาออกได้ดจากสถานการณ์ข้างหน้านี้

                    “ไม่อ่ะ” ซองยอลตอบเสียงอ่อย และแน่นอนว่า..

                    “ไอ่ยอลลลล!! กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าให้กินยาๆๆๆๆ อยากแพร่มากใช่มั้ยเชื้ออ่ะ”

                    “เดี๋ยวก็หาย”

                    “หายมึงนี่ไม่ใช่เพราะกูบังคับให้มึงกินยาตลอดอ่อ”

                    “มึงเลิกบ่นๆ ไปกินข้าวกันๆ” ซองยอลว่าพลางลุกขึ้นไปคว้าแขนอูฮยอนให้เดินไปด้วย

                    “แนะ เกาะแขนกูนี่แพร่เชื้อเต็มๆเลยนะมึง” อูฮยอนพูดไปยังไงแต่ก็ให้ซองยอลเกาะแขนต่อไปยังงั้น พร้อมกับให้ซองกยูเดินตามมาข้างหลัง

                    “ฝนแค่นั้นมันทำนายเป็นหวัดได้จริงน่ะหรอ” มยองซูที่เผอิญกำลังจะเดินผ่านห้องซองยอลแต่ดันได้ยินเสียงซองยอลจามแล้วยังไม่ทันจะเดินผ่านห้องของซองยอลไปก็เจอเจ้าตัวเดินออกมาซะก่อน

                    “มยองซะ..ฮัดเช้ย!” ทั้งอูฮยอนและมยองซูต่างหันหน้าหลบไปคนละทางแทบไม่ทัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีคนที่ยืนงงอยู่มากก็คงไม่พ้นอูฮยอน นี่มยองซูมันรู้ได้ไงว่ะว่าเพื่อนเขาเป็นหวัดเพราะฝน

                    “เป็นหวัดจริงๆสินะ”

                    “ก็เอออ่ะดิ นายคิดว่าฉันเป็นหวัดหลอกๆหรอ”

                    “เปล่า ไม่คิดว่านายจะเป็นเลยด้วยซ้ำ นั่นมันละอองน้ำชัดๆ”

                    “นั่นมันฝนเว้ย น้ำที่ตกมาจากฟ้าเขาก็เรียกฝนทั้งนั้นแหละ”

                    “เถียงเก่งชะมัด โอเคๆ หาแมสปิดปากก็ดีนะ...” มยองซูว่าพลางเดินมาใกล้ซองยอลก่อนจะยื่นหน้ามาตรงหูซองยอล อูฮยอนถึงกับตาโตพูดไม่ออกกับการกระทำของมยองซู แต่ที่อาการหนักกว่าเหมือนจะเป็นซองยอลที่ตอนนี้หน้าที่ร้อนผ่าวเริ่มกลายเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด บวกกับไอ่อาการหัวใจเต้นรัวที่ยากเกินการควบคุมมันกำลังทำให้ซองยอลกำลังแย่ แย่เพราะมยองซู

                    “..เดี๋ยวเพื่อนนายจะติดหวัดเอา” มยองซูว่าเสร็จก็กลับมายืนตรงปกติในท่าเดิม ก่อนจะอดแกล้งต่ออีกหน่อยไม่ได้เมื่อเห็นว่าซองยอลกำลังหน้าแดงขนาดไหน

                    “ดูเหมือนนายจะมีไข้ด้วยรึเปล่าน่ะ หน้าแดงชะมัด” แล้วมยองซูก็เดินจากไป..หร้อมกับสติของซองยอล

                    “ไอ่ยอลลล!! มึงอธิบายมาเดี๋ยวนี้!!

     

     

     

     

                    ฮะ....ฮัดเช้ยยย!!

     

    TBC.



    Talk..  แว้กกกกกกกกกกก มาแล้วกับฟิคนี้ที่ค้างมานานแสนนนนนนนนนนานนนนนนนนน นานจนคิดว่าจะต่อเกือบไม่ติด ห่างหายไปนานคงไม่ว่ากันเนอะะะะ โดนสาปแช่งแทนรึเปล่าา อยากบอกว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีไรเลยแหงะ มยองยอลยังไม่สวีตเท่าที่ควร 5555555 ไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะค่ะ จะพยายามอัพเรื่อยๆ อิอิ 



    ฝากคอมเม้นไว้เป็นกำลังใจให้ไรต์คนนนี้ด้วยนะค่ะ กดเฟบด้วยจะปลื้มอย่างยิ่งงง

    ไรต์รักรีดเดอร์ทู้กกกกกกกกกกคนนนนนน แต่รักคนคอมเม้นที่ซู้ดดดดดดดดด


    ขอบคุณที่การอ่านการคอมเม้นและการโหวตนะค่ะ




     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×