คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : Chapter 42 : The Ending of Drama
Chapter 42 -- The Ending of Drama --
“...ฟรานใช้ให้คนในบ้านไปสืบมาให้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะฮะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และพี่แบล็ควางแผนจะทำอะไร”
ได้ยินเพียงแค่นั้น เอิงก็ตกใจจนแทบจะสลบ
ดวงตากลมโตจ้องมองท่าทางตกใจของเอิงก่อนจะหัวเราะคิกคัก “การที่ได้ทดสอบความรักของคนอื่นนี่มันสนุกจังเลยนะฮะ!”
.
.
.
...มันจะเป็นอย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้นจริงๆ น่ะหรือ?...
...ก็อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ ฟราน แฟทัล น่ะรักเพื่อนจะตาย...
...เรื่องอะไรต้องวางแผนแกล้งให้เพื่อนตัวเองต้องเสียน้ำตาด้วยเหตุผลที่แค่ ‘นึกสนุก’ เฉยๆ ด้วยล่ะ!...
...เรื่องนี้น่ะมันมีเบื้องหลัง!...
...แล้ว ‘เบื้องหลัง’ นั้นเป็นยังไงน่ะเหรอ? งั้นเราย้อนอดีตตามไปดูกันเถอะ!...
--Change! --
ภายในห้องโถงรับรองแขกที่แสนจะหรูหรา แต่เดิมเคยหรูหรามากขนาดไหน ในยามนี้มันก็ยังคงหรูหรา มีแต่จะหรูมากขึ้นไปกว่าเดิมทุกวันเสียด้วยซ้ำ ยังมีร่างเล็กร่างหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง มือหนึ่งยกแก้วที่สลักลายไว้อย่างงดงามขึ้นมาจิบชาอย่างสง่างาม ในขณะที่อีกมือหนึ่งกอดอกแน่น นัยน์ตากลมโตน่าเอ็นดูกำลังจับจ้องไปยังผู้ที่แต่งกายด้วยชุดสูทสีทึบซึ่งกำลังคุกเข่าให้เขาอยู่ด้วยความเคารพ
“อะไรนะ” เสียงหวานๆ ของทายาทคนเล็กแห่งตระกูลแฟทัลถามเสียงใส “ช่วงนี้พี่แบล็คทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนวางแผนจะทำอะไรสักอย่างเหรอ?”
“ครับคุณหนู ช่วงนี้คุณแบล็คมีการติดต่อหาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีนิสัยห้าวหาญและมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกันอยู่แล้วให้มาช่วยทำการบางอย่างครับ”
ชายในชุดสูทตอบกลับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม มือบางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะก่อนจะนิ่งคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง
“เห...มีกลิ่นทะแม่งๆ แฮะเรื่องนี้” ฟรานเอียงคอพร้อมกับทำท่าขบคิดอย่างน่ารัก ซึ่งมันขัดกับรอยยิ้มชั่วร้ายที่เผยขึ้นมาบนใบหน้าอย่างสิ้นเชิง “สงสัยต้องไปสืบหน่อยแล้วล่ะ”
...และนั่น คือ ‘จุดเริ่มต้น’ ของเรื่องนี้...
ขึ้นชื่อว่าเป็นคำบัญชาของคุณหนูคนเล็กซึ่งทุกคนในบ้านทั้งรักทั้งหวงแหนเสียยิ่งกระไร มีหรือที่คนที่ได้รับคำสั่งจากเขาจะกล้าล่าช้า ในเช้าตรู่วันต่อมา เมื่อร่างน้อยตื่นขึ้นจากนิทราก็พบเข้ากับซองสีน้ำตาลเข้มซึ่งวางอยู่บนหัวเตียง คาดเดาได้ไม่ยากว่าพี่ชายสุดที่รักที่กำลังนอนกอดเขาอยู่คงเป็นคนนำเข้ามาให้เมื่อคืนนี้
ร่างบอบบางค่อยๆ ขยับกายออกจากอ้อมกอดของคนที่เป็นทั้งคนรักและพี่ชายแท้ๆ ของตนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องตื่นขึ้นมาเสียก่อน ก่อนจะคว้าซองสีน้ำตาลเข้มนั้นมาและเปิดดูในทันที
นัยน์ตากลมโตจับจ้องไล่อ่านตัวอักษรทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และเมื่อสรุปใจความสำคัญได้แล้ว เด็กหนุ่มก็ถึงกับเบ้ปากอย่างเหนื่อยหน่ายใจพร้อมกับอดที่จะบ่นออกมามิได้ว่า
“เอาอะไรคิดเนี่ย...”
เอกสารนั้นบ่งบอกถึงรายละเอียดคร่าวๆ ว่าในช่วงนี้แบล็คได้ติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งย้ำหนักย้ำหนาว่าเธอเป็น ‘ทอม’ เต็มตัว เพื่อที่จะมาวางแผนทดสอบว่าคาร์จะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรหากเห็นตนเองอยู่กับ ‘คนอื่น’
“เฮ้อ...ไร้สาระสิ้นดี” ฟรานโยนเอกสารทั้งหมดทิ้งกระจัดกระจายไปอย่างไม่ใยดี “เสียเวลาสืบจริงๆ”
ร่างเพรียวบางทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย ทว่าอยู่ดีๆ ก็ชะงักกึกไปเสียก่อน ใบหน้าน่ารักเอนเอียงหันกลับไปมองเอกสารสีขาวสะอาดตาที่ตกระเกะระกะอยู่ทั่วพื้นห้อง ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาในที่สุด
“เอ...อันที่จริงแผนนั้นก็ไม่เลวเท่าไหร่นะ”
เสียงหวานบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย ก่อนจะหัวเราะคิกคักอย่างถูกอกถูกใจกับความคิดของตนเองพลางเดินหายลับไปหลังบานประตูห้องน้ำสุดหรู ทิ้งไว้เพียงประโยคปิดท้ายที่แสนจะน่าฉงนสงสัย
“ถ้าอยากได้อย่างนั้นนัก ฟรานจะสนองให้เองละกันนะฮะ...พี่แบล็ค”
--Change! --
อันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกเพราะมันแน่นอนยิ่งกว่าแช่แป้งที่ฟราน แฟทัล จะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้แผนการของตนเบนออกนอกกรอบที่วางไว้โดยเด็ดขาด
อาทิเช่น...ทำท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนเพื่อล่อให้เพื่อนของตนเข้ามาติดกับดัก
“โธ่เว้ย! คาร์ปล่อยฟรานนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
และมันก็สำเร็จไปได้ด้วยดีเสียด้วย...ไปตามน้ำได้ดีมากเสียจนอยากฉีกยิ้มกว้างๆ
เอาจริงๆ เถอะ คุณไม่คิดหรือว่าการ ‘เดินไปอัดสักครั้งสองครั้งแถมด้วยกระทืบปิดท้ายก่อนจะกระชากคอขึ้นมาถาม’ น่ะมันดูไร้สาระออกจะตายไป ถ้าจะทำอย่างนั้นจริงเขาสู้อัดอีกฝ่ายให้ตายไปข้างนึงยังจะสนุกเสียกว่า เรื่องอะไรที่ทำแล้วไม่ได้ประโยชน์น่ะเขาไม่ทำหรอก เสียดายเวลา
เพราะฉะนั้น...การที่เขายอมลงทุนทำเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นด้วยตนเองจึงจำเป็นต้องหาเศษหาเลยด้วยการระบายอารมณ์เล่นเนียนๆ ไปด้วย
แหม...คุณน่าจะตบรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมให้กับผมซะหน่อยนะฮะท่านผู้อ่านทั้งหลาย
เอาเถอะ...คิดซะว่าทุกอย่างที่ผมทำน่ะเพื่อชดใช้ให้กับน้ำตาของคาร์ละกัน เขาเป็นเพื่อนที่ผมรักมากเลยนะ ไม่อย่างนั้นผมจะเป็นเดือดเป็นร้อนไปทำไมล่ะ จริงมั้ยฮะ?
อะแฮ่ม! ใครบอกว่าผมแค่อยากหาที่ระบายอารมณ์กัน ได้ยินนะ!
เฮ้อ...แต่ลงท้ายผมก็ใจอ่อนเมื่อเห็นคาร์ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแถมยังซึมไปซะขนาดนั้น เพื่อนรักของเขาน่ะปากแข็งเสียยิ่งกระไรดี ก็แค่ทำเป็นเข้มแข็งไปงั้นแหละ ที่จริงน่ะเปราะบางจะตาย สุดท้ายผมก็เลยบอกความจริงให้คาร์รู้หลังจากที่ติดต่อไปหาพวกพี่ๆ สิบสามมรณะให้มาช่วยกันสมทบ ‘ละคร’ ฉากใหญ่ของผมไปแล้ว
แค่เห็นใบหน้าที่ยิ้มจนแก้มปริของคาร์ ผมก็ตัดสินได้ว่าการที่เปิดเผยความจริงไปนั้นเป็นหนทางที่ถูกแล้ว...
หลังจากนัดแนะแผนการกับพวกพี่ๆ นักฆ่าเสร็จแล้วผมก็หันไปบอกให้คาร์แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องให้ถึงที่สุดไปด้วยเพราะพี่แบล็คจะได้ไม่คิดทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อีก มันน่าจ้างคนไปฆ่าทิ้งจริงๆ เลยฮะแบบนี้น่ะ!
แล้วเหตุการณ์ต่อจากนี้ไปน่ะเหรอ? ก็ลองตามไปดูกันเองสิฮะ!
--Change! --
“ทุกคนพร้อมแล้วนะฮะ”
เสียงใสๆ ของฟรานเอ่ยถามก่อนจะแย้มยิ้มบางเมื่อเห็นทุกคนยกมือทำท่า ‘โอเค’ ตอบกลับมา พลันนิ้วเรียวยาวก็กดลงไปบนปุ่มโทรออกพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาทำสัญลักษณ์ให้ทุกคน ‘เงียบ’
[“ฮะ ฮัลโหล”]
ฟรานขยับยิ้มหวานเมื่ออีกฝ่ายยอมกดรับโทรศัพท์ในที่สุด ไม่วายกล่าวทักทายด้วยวาจาเหน็บแหนม
“รับช้ามากฮะ ตกส้วมตายอยู่หรือไง? พี่แบล็ค”
อีกฝ่ายถึงกับใบ้รับประทานไปเลยทีเดียว เขาเองก็ไม่อยากชักช้าให้มากความจึงเอ่ยรัวต่อไปในทันที
“ผมมีเรื่องที่จะให้พี่ทำ ถ้าพี่กล้าพอ และผมก็จะยอมรับให้พี่คบกับคาร์ได้อีกครั้ง”
[“จริงเหรอครับ?!”]
อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ปิดความดีใจไว้ไม่มิดจนฟรานต้องแอบหันไปเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาและแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“สาบานด้วยชื่อของฟราน แฟทัล”
ด้วยการแอบไขว้นิ้วเอาไว้อย่างน่ารัก
[“แล้วเรื่องที่จะให้พี่ทำมันคืออะไรล่ะครับ?”]
“โอ๊ย!” ฟรานแสร้งอุทานเสียงดังลั่น ก่อนจะพูดจิกกัดเจื้อยแจ้วกลับไป “ง่ายยิ่งกว่าการแอบไปมีชู้หลายเท่าเลยฮะ!”
ก่อนที่รุ่นพี่หนุ่มซึ่งกำลังติดกับเขาเข้าอย่างจังจะถามกลับมาว่า
[“แล้วมันคืออะไรล่ะครับ ฟราน”]
“ฮิๆๆ” เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงใสอย่างอดไม่อยู่ “ก็แค่บุกเข้ามาในคฤหาสน์แฟทัลโดยให้เหลือครบสามสิบสองประการก็เท่านั้นเองฮะ!”
โอ๊ย! เขาขำซะจนอยากจะหัวเราะให้ดังลั่นโลก
แค่คิดถึงใบหน้าบิดเบี้ยวของคนปลายสาย ทายาทตัวน้อยที่ฤทธิ์ดันไม่น้อยตามก็เป็นต้องอดใจไม่ให้เผลอหลุดหัวเราะออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย
คฤหาสน์ตระกูลแฟทัลน่ะติดโผอันดับหนึ่งของ ‘สิบอันดับสถานที่ที่บุกเข้าไปยากที่สุดของโลก’ เชียวนะ! ถ้าไม่ใช่ว่าเขายอมอ่อนข้อให้น่ะ อีกฝ่ายไม่มีทางเข้ามาแล้วกลับไปโดยครบสามสิบสองได้หรอก!
ถึงอย่างไรก็ตาม ปลาที่รู้อยู่แก่ใจว่าหากกระโจนเข้าไปงับเหยื่อจะต้องติดเบ็ดก็ทนต่อความยั่วยวนของเหยื่อตัวนั้นไม่ไหวอยู่วันยังค่ำ
[“ตกลงครับ!”]
ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ได้คำตอบแบบนี้กลับมาหรอก
...เหยื่อติดเบ็ดแล้ว...
ฟรานกดปุ่มตัดสายพร้อมกับแสยะยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะหันไปหาสิบสามมรณะที่ส่วนหนึ่งลงไปหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ที่พื้นนำโดยหัวหน้ากลุ่มอย่างเอิง และคาร์ที่กำลังมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เอาล่ะ! พวกเราไปรอชมละครตลกๆ กันเถอะ!”
...เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับตระกูลแฟทัลก็ต้องเอาให้เข็ดจนไม่กล้ามาแหยมอีกเป็นครั้งที่สอง!...
--Change! --
บุคคลจำนวนสิบห้าชีวิตถ้วนกำลังรับชม ‘ละครตลก’ อย่างสุขสันต์ผ่านทางกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ทั่วคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหน้าตั้งอย่างเอาเป็นเอาตายของแบล็คที่ไม่รู้เสียเลยว่าฟรานนั้นแอบส่งซิกบอกให้บอดี้การ์ดทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นมีหรือที่จะมีคนเฝ้าด้านหน้าอยู่แค่สองคน และไม่มีคนเฝ้าด้านหลังอยู่เลยสักคนเดียว
ยิ่งได้เห็นความบื้อเกินบรรยายของชายหนุ่มที่คว้าลูกบิดประตูพลางดันเข้าไปอย่างขาดความระมัดระวังแบบสุดๆ ขัดวิสัยของคนที่มาบุกถิ่นชาวบ้านที่ควรจะรอบคอบมากกว่านี้ และโดนตั้งหนังสือกองเบอเริ่มกระแทกศีรษะเข้าอย่างจัง ทุกคนก็แทบจะถอนหายใจออกมาดังๆ ด้วยความสมเพช
และยิ่งต้องหัวเราะร่วนหรือไม่ก็กุมขมับเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นแบล็คไม่รู้จักเข็ดกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เดินดุ่มๆ ไปเหยียบกับดักอีกอันหนึ่งเข้าอย่างจัง
แต่แล้วทุกคนก็ต้องรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ เมื่อเห็นคุณชายหนุ่มสามารถเอี้ยวตัวหลบดาบคู่ที่มีฤทธิ์ร้ายกาจไปได้ทั้งๆ ที่หลบกองหนังสือปึกเบอเริ่มไม่ได้แท้ๆ
ฟรานเองก็เป็นหนึ่งในเหล่าบุคคลเบื้องต้นที่เกิดความรู้สึกหมั่นไส้อย่างออกนอกหน้า มือเรียวจึงอดไม่ไหวที่คว้าโทรศัพท์มากดโทรออกไปยังผู้ที่กำลังโลดแล่นอยู่บนจอภาพและกดเปิดลำโพงให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง
[“...ฮัลโหล”]
คราวนี้อีกฝ่ายใช้เวลายืนชั่งใจก่อนกดรับน้อยกว่าครั้งแรกเยอะ ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ไม่เลว
“ว่าไงฮะ พี่แบล็ค” ฟรานกรอกเสียงลงไปอย่างเริงร่า “พี่นี่ดวงแข็งจนน่าหมั่นไส้เลยนะฮะ หลบหนังสือกองเบอเริ่มไม่ได้ แต่ดันหลบดาบที่เรียวยาวซะจนมองแทบไม่เห็นได้เนี่ย”
แม้ว่ามันจะฟังดูก้ำกึ่งระหว่างการชมและด่า แต่คุณชายน้อยฟราน แฟทัล ก็ขอยืนยันว่าเขากำลัง ‘ด่า’ อีกฝ่ายอยู่...ด้วยความสัตย์จริง!
[“เราคงเห็นจากกล้องวงจรปิดใช่มั้ยครับเนี่ย”]
“โอ้!” เด็กหนุ่มแกล้งทำเป็นตื่นตกใจกลับไป “ไม่เลวๆ ทั้งๆ ที่กล้องมันเล็กมากแล้วก็ซ่อนเอาไว้อย่างดีแล้วด้วยนะฮะเนี่ย”
ที่จริงแล้วเขากำลังประชดอยู่ เพราะกล้องมันทั้งใหญ่แล้วก็ตั้งไว้เสียเด่นหราด้วย ถ้ายังมองไม่เห็นก็ไปตรวจเช็คสายตาได้แล้วล่ะ
[“...โทรมามีอะไรครับ”]
“จุ๊ๆๆ พูดจาไม่เข้าหูเลยนะฮะคุณพี่แบล็ค อย่าลืมนะฮะว่าคนที่กุมอำนาจทั้งหมดในตอนนี้อยู่คือใคร ผมก็แค่อยากจะแนะนำอะไรดีๆ ให้พี่เท่านั้นล่ะฮะ”
เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดจาห้วนๆ อย่างไม่สำนึกถึงจุดยืนของตนเองในขณะนี้ ฟรานก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนปนข่มขู่อีกฝ่ายไปในตัว แต่ก็ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าตะคอกกลับมาเสียงดัง
[“นี่ไม่ใช่เกมนะครับ มันขึ้นอยู่กับชีวิตของคน!”]
...แล้วคิดว่าที่เขาลงมือทำเพื่อเพื่อนนี่มันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไงกัน?
“แล้วคุณคิดว่าผมทำเล่นๆ หรือไงกันหืม? คุณจะดูถูกตระกูลแฟทัลมากเกินไปหน่อยมั้งครับ”
[“พี่ขอโทษครับ”]
ถือว่าการที่เขาเลือกใช้คำพูดในแบบของ ‘ทายาทตระกูลแฟทัล’ เป็นทางเลือกที่ทำให้ไม่ต้องเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเมื่อได้ยินแบล็คเอ่ยขอโทษกลับมาฟรานก็ยินดีที่จะยอมรามือกับการหาเรื่องต่อไปแต่โดยดี
“ก็ดีฮะ ฟังที่ผมพูดดีๆ ละกัน ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน”
[“ครับ”]
ฟรานแอบเสไปเก๊กเสียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาทำเสียงเหี้ยมส่งไปยังปลายสาย
“ถ้าพี่ไม่แน่จริง ผมแนะนำให้รีบกลับไปดีกว่านะฮะ ไม่อย่างนั้นผมรับรองได้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่ชื่อของพี่ถูกจารึกบนป้ายหลุมศพอย่างแน่นอน”
เด็กหนุ่มได้เห็นอีกฝ่ายสะดุ้งไปเล็กน้อยจากภาพทางกล้องวงจรปิด แต่เขาก็ยังตอบกลับมาอย่างแน่วแน่
[“พี่มั่นใจครับ”]
“ก็ดี” เขาตอบเสียงห้วน “งั้นก็ขอให้สนุกนะฮะ...พี่แบล็ค”
...กับละครสนุกๆ ชุดหนึ่งที่ผมสร้างมาประชันกับละครที่ไปไม่รอดของพี่...
“ก็ว่าแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ใบหน้าน่ารักละจากรอยยิ้มเหี้ยมไปในทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ก่อนจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นรอยยิ้มสดใส พร้อมกับวิ่งเข้าไปอ้อนอีกฝ่ายที่อ้าแขนรับอย่างเต็มใจ
“ช่วยงานคุณพ่อเสร็จแล้วเหรอฮะ?”
เอ่ยเสียงหวานพร้อมกับออดอ้อนพี่ชายสุดที่รักเสียเต็มอิ่ม
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิครับ พี่บอกไว้แล้วนี่ครับว่าถ้าจะทำอะไรก็ให้ปรึกษาพี่ก่อน”
อีกฝ่ายเอ็ดอย่างไม่จริงจังมากนักแต่ก็ทำให้ร่างเล็กงอนจนแก้มป่องพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเง้างอดน่าฟัดว่า “ก็พี่ชายยุ่งอยู่นี่นา”
ในขณะที่พี่น้องคู่รักกำลังคลอเคลียปล่อยบรรยากาศสีชมพูอยู่นั้น มีแบ็กอัพเป็นเหล่าสิบสามมรณะบางคนที่ลงไปขำให้กับภาพของแบล็คที่วิ่งหน้าตั้งหนีหลากหลายอาวุธของพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายจนปวดท้อง
แต่ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ต้องตัวแข็งทื่อ ลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก
“ฟราน!” คาร์ตะโกนเรียกเสียงดัง “พี่แบล็คกำลังจะพังประตูเข้ามาแล้ว!”
นั่นไม่ได้เป็นเพียงแค่การเรียกให้ฟรานและฟิวส์ต้องรีบกุลีกุจอมานั่งปั้นหน้าเหี้ยมบนโซฟาตัวหรูเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเรียกสติเหล่าสิบสามมรณะให้รีบคว้ารีโมทมาปิดจอทีวีและวิ่งมายืนล้อมตัวคาร์ตามที่เตี๊ยมกันเอาไว้อีกด้วย
โครม!
และมันก็ทันอย่างเฉียดฉิว
“พี่กล้ามากเลยนะที่มาพังประตูห้องของผมแบบนี้น่ะ ช่างเป็นแขกที่ไม่น่ารักจริงๆ เลยนะฮะ...”
ฟรานรีบชิงพูดตัดหน้าด้วยน้ำเสียงเหี้ยมปนข่มขู่อย่างปิดไม่มิดพร้อมกับไม่ลืมที่จะเรียกเก็บค่าซ่อมประตูที่โดนอีกฝ่ายกระโดดถีบเข้ามาจนพังอย่างหน้าเลือด
“เอาเป็นว่าผมจะส่งบิลเก็บค่าซ่อมประตูไปที่บ้านพี่ทีหลังละกันนะฮะ”
ชายหนุ่มยืนนิ่งเงียบ คุณชายแบล็คไม่ได้โต้ตอบกลับมาแต่อย่างใด เขาคงจะใช้พลังกายพลังใจกับการบุกเข้ามาถึงที่นี่ไปจนหมดแล้ว
“แล้ว...จะให้พี่ทำอะไรต่อล่ะครับ?”
ฟรานอดไม่ได้จริงๆ ที่จะไม่ส่งสายตาที่สื่อคำว่า ‘ไอ้โง่’ ไปยังชายหนุ่ม
“นี่พี่โดนอาวุธของพี่ๆ สิบสามมรณะเล่นงานจนสมองกลับไปแล้วหรือไงฮะ” เด็กหนุ่มประชดอีกฝ่ายเสียงดังลั่น “พี่ก็ต้องขอโทษคาร์น่ะสิถามได้!”
“อะไร...นะครับ?”
ร่างบอบบางส่ายศีรษะไปมาอย่างแสนจะเหนื่อยหน่ายใจก่อนจะเอ่ยย้ำชัดๆ อีกครั้งหนึ่ง
“ผมก็บอกให้พี่ก้มลงไปกราบขอขมาคาร์ซะดีๆ ยังไงล่ะฮะ อธิบายเรื่องทั้งหมดให้มันฟังขึ้นด้วย”
“...เราไม่เชื่อพี่ไม่ใช่เหรอ? ฟราน”
มันชักจะซื่อบื้อมากเกินไปหน่อยแล้วนะแบบนี้
“ฟรานจำได้ว่าไม่เคยพูดอย่างนั้นเลยนะฮะ เนอะพี่ฟิวส์”
ร่างเล็กแสร้งปั้นหน้าไร้เดียงสาทำตาโตเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความผิดอะไร ก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นจากคนข้างกายที่พยักหน้ารัวๆ กลับมา
ก่อนที่ฟรานจะต้องกลั้นหัวเราะอย่างแทบเป็นแทบตายเมื่อเห็นท่าทางราวกับอยากทึ้งหัวตัวเองจนแทบบ้าของแบล็คที่กำลังโดนเขาไล่ต้อนให้จนมุม
และแล้วก็ถึงคิวของเหล่านักแสดงสมทบ...สิบสามมรณะ
พวกเขารีบใช้สายตาอำมหิตสื่อเป็นคำพูดว่า ‘ถ้ายังไม่รีบมาขอโทษคาร์ แกตาย!’ ไปยังแบล็คอย่างพร้อมเพรียง
แบล็คไม่รอช้าให้ต้องโดนกระทืบไปเสียเปล่าๆ เขาทรุดตัวลง และหากทำได้เขาคงเอาศีรษะตนกระแทกพื้นทำนองหนังจีนไปแล้ว
“พี่ขอโทษนะครับ คราวหลังพี่จะไม่แกล้งเราแบบนี้อีกแล้ว คราวนี้พี่ทำเกินไปจริงๆ”
ในจังหวะนี้ทุกคนพร้อมใจกันปั้นหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร ไม่เว้นแม้แต่คาร์เองด้วย
“ที่จริงผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เองครับ เป็นทอมด้วย พี่แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าคาร์จะเชื่อใจพี่มากแค่ไหน แต่พี่ก็คงทำเกินไป”
แบล็คเฉลยออกมารวดเดียวจบ คาร์ปั้นหน้างุนงงเสียสมจริง ในขณะที่คนอื่นสีหน้าไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวนะครับ พี่บอกว่าทั้งหมดนั่น...พี่แกล้งทำ?!”
และนี่ก็คงเป็นอีกคนหนึ่งที่พอโมโหแล้วร้ายลึกทีเดียว เล่นแสดงซะสมจริงสมจังได้ตั้งขนาดนี้
“ถ้าจะพูดตรงๆ ก็นั่นแหละครับ”
คุณชายหนุ่มทำสีหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมก่อนก้มหน้าลงคางแทบจะเกยคอ ทำให้เขาพลาดเห็นรอยยิ้มขำของคาร์ที่โผล่ออกมาเพียงวูบหนึ่ง ก่อนจะรีบปั้นหน้าโหดดังเดิมเมื่อเห็นแบล็คเงยหน้าขึ้นมาใหม่
...แม้ว่าจะเป็นแค่การแกล้งกันแต่มันก็น่านัก!
เสียงโครมครางดังลั่นเมื่อคาร์จัดการเสยคางอีกฝ่ายพร้อมด้วยหมัดฮุคที่ท่าทางจะจุกน่าดู
แหม...มันช่างเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเสียยิ่งกระไร
ฝ่ายหนึ่งก็คิดว่าหลอกอีกฝั่งได้จนจบ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็ตลบหลังพลางแสร้งทำเป็นเหมือนว่าถูกหลอกจนถึงที่สุด
และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ท่านทั้งหลายต้องงงไปตามๆ กัน
...รวมไปถึงประโยคปิดท้ายที่เอิงกับฟรานแกล้งพูดออกมาดังๆ ให้แบล็คได้ยินด้วยน่ะนะ!...
To Be Continue
กราบขออภัยที่หายไปนานนะคะ มองวันที่แล้วงานนี้อู้ไปยาวเลยทีเดียว นึกแล้วก็อยากบึ้มโรงเรียนให้แหลกกันไปข้างนึงค่ะ จะจัดงานอะไรก็ไม่รู้นักหนา สุดท้ายก็ต้องเจียดเวลานอนมานั่งแต่งมันตอนนี้นี่แหละค่ะ ตีสามเสียแล้ว...
ทั้งนี้ก็ขอสวัสดีปีใหม่ท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านด้วยนะคะแม้ว่ามันจะผ่านมานานมากแล้ว ปีนี้ก็จะขอให้ตัวเองมีเวลาอัพฟิคเยอะมากขึ้นค่า TT^TT
16/ม.ค./54 อัพ
10/มี.ค./55 Re-write
ความคิดเห็น