คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : Tear
Chapter 4 -- Tear--
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจที่มีระดับความดังแบบไม่ธรรมดานั้นเรียกความสนใจจากร่างทุกร่างในสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี หากหันไปมองตามเสียง คุณก็จะพบเข้ากับภาพของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลาชนิดหาตัวจับยากกำลังนั่งกุมขมับทำหน้าเครียดแผ่รังสีทะมึนชนิดที่ไม่มีใครกล้าเฉียดไปใกล้
หืม? อะไรนะ? น่ากลัวขนาดไหนน่ะเหรอ?
คนรอบข้างถึงกับต้องทิ้งระยะรัศมีห่างจากเขาตั้งหนึ่งเมตรเลยนะ แสดงว่าตอนนี้เขาน่ากลัวมากขนาดไหนก็ลองคิดดูสิ!
“เฮ้อ.......”
เสียงถอนหายใจชวนสะดุ้งพลันบังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เอฟเฟคประกอบอันน่าหวาดผวาทั้งหมดนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิมทุกประการ เพียงแต่คราวนี้เสียงมันยาวขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ฟิวส์ก็ไม่กล้าแตะเหล้าอีกเลยแม้แต่หยดเดียว ด้วยความสัตย์จริง แม้ฟรานจะบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ สักกี่ครั้งกี่หน ทว่าเขาก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่สำคัญคือเขาควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นการไถ่โทษให้กับการกระทำอันเลวร้ายของเขาได้นี่สิปัญหา
พาไปเที่ยว? ไม่ๆ ธรรมดาเกินไป
เซอร์ไพรซ์? ไม่ล่ะ...ฟรานก็คงรู้ก่อนอยู่ดี เล่นรู้ทันเขาไปซะทุกอย่าง
ของขวัญ? แล้วจะให้อะไรดีล่ะ...
ทุกชีวิตในสถานที่แห่งนี้ได้แต่มองฟิวส์ด้วยความฉงนสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม เนื่องด้วยชายหนุ่มร่างสูงเอาแต่ทำสเต็ปสามอย่างวนไปวนอย่างไม่รู้จบ เริ่มด้วยการขมวดคิ้ว แล้วก็ทำท่าคิด สุดท้ายก็ทำท่าอยากโขกหัวกับพื้นตาย จากนั้นก็วนไปขมวดคิ้วใหม่อีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าจะรู้สึกคันปากแบบสุดๆ อยากจะเข้าไปถามแทบใจจะขาดสักเพียงใด แต่พวกเขาทั้งหลายก็ยังไม่กล้าพอที่จะลองฝ่ารังสีอึมครึมของชายหนุ่มเข้าไปในระยะประชิดตัว สุดท้ายก็ได้แต่คอยยืนมองตาปริบๆ เป็นกำลังใจให้อย่างเงียบๆ ต่อไป
...ก็หวังว่าจะคิดตกได้ในเร็วๆ นี้นะ ฟิวส์!...
--Change! --
ตัดมาทางอีกด้านหนึ่ง ฟรานเองก็กำลังนั่งเหม่อลอยไม่เป็นอันเรียนด้วยท่าทีพิลึกพิลั่นพอๆ กันกับผู้เป็นพี่ชาย ภาษาอังกฤษหรืออะไรต่อมิอะไรที่อาจารย์ร่ายอารัมภบทมาตลอดคาบนั้นไม่เข้าหัวเขาเลยสักนิดเดียว กระทั่งหูก็ยังไม่ผ่านเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะบอกฟิวส์ไปว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่อันที่จริง...จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวต่อสัมผัสของพี่ชายอยู่ดี
จะให้พี่ชายรู้ไม่ได้เด็ดขาด!
แต่...แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ พี่ชายถึงจะไม่รู้
“ฟราน...”
...ยังนั่งคิดอยู่...
“คุณหนูฟราน...”
...ก็ยังคงนั่งคิดต่อไป...
“ไอ้คุณฟราน!”
เฮือก!
“อ่ะ...อะไรเหรอ? คาร์”
ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปถามเพื่อนรักอย่างตะกุกตะกัก ดูมีพิรุธแบบสุดๆ
‘คาร์’ เพื่อนสนิทที่ตัวเล็กพอๆ กันและหน้าหวานสุดๆ เช่นเดียวกับฟราน ติดแต่ว่านิสัยของคาร์นั้นออกจะห้าวเกินไปหน่อย ผู้ชายคนไหนอาจหาญเดินมาจีบเขาเป็นต้องโดนเตะก้านคอไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ถึงอย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคาร์ก็ยังคงมีแฟนคลับที่เหนียวแน่นแบบไม่รักตัวกลัวตายอยู่มากมายอย่างแสนจะน่าทึ่ง
“หลายวันมานี้ทำไมถึงเอาแต่เหม่อล่ะ! ฉันไม่อยากคุยกับหุ่นยนต์หรอกนะ” คาร์บ่นกระปอดกระแปด “แล้วฟรานก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องที่อยู่ดีๆ ก็คบกับพี่ฟิวส์ให้ฉันฟังด้วย!”
“เอ่อ...ไว้เดี๋ยวฟรานจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ”
ฟรานมีท่าทีอึกอักก่อนจะพูดปัดๆ ไป ทำให้คาร์แสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดออกมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้ออกปากว่าอะไร
คงเป็นเรื่องส่วนตัวล่ะมั้ง...
--Change! --
เวลาพักเที่ยงที่เฝ้ารอมานานแสนนานเวียนมาถึงจนได้ พี่ชายในคราบคนรักกำลังยืนมองหาน้องชายของตนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ แต่ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ ฟรานก็ยังไม่เดินออกมาจากตึกเรียนเสียที ฟิวส์ขมวดคิ้วจนแทบจะชนกันก่อนจะตัดสินใจเดินไปถามรุ่นน้องคนหนึ่งที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะอยู่ห้องเดียวกับฟราน
“น้องครับ เห็นฟรานบ้างมั้ยครับ?”
เด็กหนุ่มคนนั้นตีสีหน้างุนงงเล็กน้อย ทว่าก็เอ่ยตอบไปแต่โดยดี “รู้สึกว่าจะโดนคาร์ลากไปที่สนามหลังตึกน่ะครับ”
คาร์? ‘เพื่อนสนิท’ ของฟรานน่ะเหรอ...
ฟิวส์พยักหน้ารับ กล่าวคำขอบคุณพอเป็นมารยาทกับเด็กหนุ่มคนนั้นเล็กน้อย แล้วจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ได้รับมาเป็นคำตอบ ขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็รู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูกไปตลอดทาง
เพราะอะไรกันนะ?
--Change! --
“เอ้อ...คือว่า...ถ้าจะให้เล่ามันก็ยาว...ไม่เล่าดีกว่ามั้ง...”
“ไม่ได้! ยาวแค่ไหนก็ต้องเล่า!”
คาร์ตีสีหน้าถมึงทึงในขณะที่พูด มือเรียวเล็กสองข้างเท้าเอวด้วยท่าทางคล้ายกำลังจะหาเรื่อง แม้ว่านั่นจะเป็นแค่ท่าพักเหนื่อยของเจ้าตัวก็ตามแต่ ร่างบางอีกร่างหนึ่งพยายามบอกปัดอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับการคาดคั้นของคาร์อีกตามเคย
ฟรานเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่ตนกับพี่ชายสุมหัววางแผนกันจนถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ซึ่งก็เป็นไปดังที่คาดไว้ คาร์แทบจะวิ่งถลาไปลากคอฟิวส์มาอัดในทันทีหลังจากที่ฟังฟรานเล่าจบ แต่ยังดีที่ฟรานกระโดดไปล็อคคอเพื่อนรักของเขาไว้ได้ทันซะก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดศึกนองเลือดขึ้นแน่ๆ
“ปล่อย! ปล่อยนะฟราน! ฉันจะไปฆ่ามัน!”
“คาร์ ใจเย็นๆ! โธ่เอ๊ย เพราะอย่างนี้ไงถึงไม่อยากเล่าให้ฟัง!”
ร่างสองร่างฉุดกระชากยื้อยุดกันอยู่นานพอสมควรจนคาร์อารมณ์เสียเลยยอมลงไปนั่งแหมะตรงที่นั่งเดิมแต่โดยดีในที่สุด แต่เขาก็ไม่ยอมทำเป็นลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปง่ายๆ จึงเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่โกรธบ้างเลยหรือไง?”
“โกรธ? ไม่รู้สิ จะว่ายังไงดีล่ะ”
ฟรานชะงักค้าง เขาก้มหน้าลงต่ำแล้วหยุดนิ่งไป สักพักหนึ่งไหล่บางทั้งสองข้างก็เริ่มสั่นระริก คาร์เห็นดังนั้นจึงได้แต่ยกมือขึ้นมากุมขมับไปอีกคน
พลาดอีกแล้ว...ทำให้ร้องไห้ซะแล้วสิ
“อึก...ฮึก...ฉัน...ไม่รู้...ก็มันไม่รู้นี่นา!”
ร่างเล็กๆ ร้องไห้งอแงราวกับเด็กสามขวบ คนที่เป็นต้นเหตุจึงได้แต่กระวีกระวาดพยายามปลอบอย่างแทบเป็นแทบตายแต่ก็ไร้ผล มีแต่จะทำให้ร้องแรกแหกกระเซิงดังกว่าเก่าเสียมากกว่า
“ฟราน...” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นนำมาก่อน จากนั้นร่างสูงที่แสนจะคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา “ฟราน! ร้องไห้ทำไมครับ!”
ร่างสูงรีบปรี่เข้ามาหาร่างเล็กๆ ของน้องชาย ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของเขาแสดงอาการตกใจออกมาอย่างเด่นชัด โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าอีกร่างหนึ่งที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้กำลังตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่อาจจะหยุดยั้ง
ผัวะ!
แล้วก็ซัดเข้าให้ไปจริงๆ...
“ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนคาดคั้นจนทำให้ฟรานร้องไห้ แต่คนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้ก็พี่นั่นแหละ!”
คาร์สะบัดหน้าแล้วเดินจากไปในทันที ถึงแม้ว่าจะแอบเหลือบกลับมามองเพื่อนของตนอยู่ครู่หนึ่งก็ตาม ฟิวส์ที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีก็ได้แต่ปลอบร่างเล็กๆ ในอ้อมกอดที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดอย่างอ่อนโยน
เมื่อสัญญาณเข้าแถวขึ้นห้องเรียนดังขึ้น ฟรานก็ร้องไห้จนหลับคาอ้อมอกเขาไปเสียแล้ว ร่างสูงจึงจัดการอุ้มฟรานไปส่งที่ห้องพยาบาลแล้วฝากฝังให้อาจารย์ประจำห้องพยาบาลเป็นคนดูแลให้ และฝากให้บอกกับฟรานด้วยว่าให้นอนพักไปจนถึงตอนเลิกเรียนแล้วเขาจะมารับ
...โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่าการกระทำของตนนั้นตกอยู่ในการเฝ้ามองของสายตาคู่หนึ่งทั้งหมด...
...สายตา ที่ปรากฏประกายบางอย่างที่ไม่สามารถอ่านออกได้...
--Change! --
ออดดดดดดดดดดดดดดดดด
ทันทีที่เลิกเรียน ร่างสูงก็ไม่รอช้าที่จะกระชากกระเป๋าของตนขึ้นมาสะพายไว้อย่างลวกๆ แล้วรีบปรี่ไปรับคนที่เฝ้าพะวงหา เขาเป็นห่วงอีกฝ่ายจนทำอะไรไม่ถูกทั้งวัน ก่อนจะพบเข้ากับภาพที่เจ้าตัวเล็กของเขากำลังนอนอ่านหนังสือการ์ตูนไปพลาง กินขนมไปพลาง ซ้ำยังหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขเหลือเกิน
“ฟรานครับ กลับบ้านได้แล้วครับ”
“ฮะ! พี่รอฟรานแปบนึงนะฮะ!”
ร่างเล็กผงกศีรษะรับคำก่อนจะกุลีกุจอรีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ปีนลงมาจากเตียงห้องพยาบาลที่กลายเป็นวิมานขนาดย่อมของตนมาเป็นเวลากว่าครึ่งวัน จากนั้นก็วิ่งตรงไปหาพี่ชายของตนที่ยืนรออยู่ตรงบริเวณประตูห้องอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
ฟิวส์ถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใย และนั่นทำให้ฟรานยิ้มร่าออกมาในทันที
“อืม! ฟราน ‘ไม่เป็นไร’ แล้วฮะ!”
...แต่นั่นก็ยังคงเป็นประโยคที่ยากต่อการจะปักใจเชื่อ...
To Be Continue
มาอัพแล้วค่ะ ^^ นั่งมึนอยู่นานเลยทีเดียวกว่าจะแต่งออกมาได้...ประมาณว่าหาเรื่องมาแต่งต่อไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้มันไม่เน่าจนเกินไปละกันนะคะ - -^
20/ต.ค./52 อัพ
25/ม.ค./55 Re-Write
ความคิดเห็น