ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Change! เปลี่ยนพี่ชายมาเป็นคนรัก (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #49 : Chapter 45 : Into the future [The End]

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 55



    Chapter 45 -- Into the future [ The End]--



     

    ...ถ้าปีหน้าโรงเรียนวอดวายขึ้นมาก็อย่ามาโทษท่านประธานอย่างผมละกันนะครับ

     

     

    --Change! --

     

     

    ...แม้ว่าจะเคยลั่นวาจาไว้อย่างนั้นก็เถอะ...

     

    ตอนที่เขาประกาศกร้าวตอบรับเจตจำนงของประธานคนเก่าออกมาเช่นนั้น ก็ทำเอาเหล่าคณาจารย์แทบจะหัวใจวายไปตามๆ กัน และนักเรียนผู้น่าสงสารทั้งหลายต่างก็มีใบหน้าซีดเผือดชนิดที่มัมมี่ยังต้องอาย ถึงอย่างไรก็ตาม ในภายหลังคิริวก็แสดงให้ทุกคนได้เห็นในที่สุดว่าเขามีความรับผิดชอบมากเกินกว่าที่จะสร้างความ วอดวายให้กับโรงเรียนด้วยตนเอง

     

    ...แต่ใช่ว่าคนบางคนจะไม่ทำ!

     

    ครั้นเมื่อทุกๆ คนนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในพิธีสืบทอดตำแหน่งในคราวนั้น พวกเขาก็เป็นต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจที่อ่านความนัยในประโยคนั้นไม่ออก เพราะอันที่จริงแล้วคิริวต้องการจะสื่อว่าแม้ตัวเขาจะยังไม่ทันได้ลงมือทำ แต่ เพื่อนของเขาก็จะเป็นคนทำแทนให้เองอยู่แล้ว!

     

                ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะบอกกับทุกๆ ท่านว่าโรงเรียนยังอยู่ดีมีสุข และก็ไม่มีนักเรียนคนใดตกเป็น เหยื่อของแผนการชั่วร้ายอีกเลยด้วย

     

                แต่ใช่ว่าถ้าไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องเองแล้วจะไม่มีปัญหา เพราะรู้สึกว่าฟราน แฟทัล นั้นช่างเป็นแม่เหล็กดูดปัญหาชั้นเยี่ยมเสียเหลือเกิน ขนาดอยู่เฉยๆ ก็ยังก่อปัญหาได้เลย ให้ตายสิ!

     

                แน่นอน อย่างที่รู้ๆ กันดีอยู่ แม้ปีศาจน้อยของเราจะเล่ห์ร้ายมากเพียงใด แต่ก็มีรูปร่างหน้าตาที่น่าหลงใหลอยู่เป็นทุนเดิม ประจวบเหมาะกับที่กระดูกชิ้นโตหลุดออกจากวงโคจรเด็กมัธยมปลาย และนั่นทำให้เหล่าแมลงหวี่แมลงวันที่ไม่กลัวตายทั้งหลายเข้ามายุ่งวุ่นวายกันไม่เว้นแต่ละวัน

     

    ปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะกับฟรานเท่านั้น มันรวมไปถึงเพื่อนรักทั้งสอง...คาร์และคิริว

     

                ช่างเป็นเรื่องที่น่าอนาถใจยิ่งนัก ทั้งๆ ที่ก็เป็นโรงเรียนสห ผู้หญิงมีอยู่เกลื่อนกลาด แต่ดันมารุมจีบคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุด เจ้าของเหล่านั้นไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว!

     

    อันที่จริงเชื้อเพลิงชั้นเยี่ยมของปัญหาก็คือนิสัย สบายๆ ของทั้งสามคนที่มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ และพวกเขาสามารถจัดการปัญหาเองได้

     

    และแม้ว่าครั้งหนึ่ง คิริว ประธานนักเรียนคนปัจจุบันจะถึงกับยัวะปรอทแตกและตะคอกใส่ไมค์ว่า นี่เป็นประกาศิต! ใครมาวุ่นวายกับผม ฟราน และคาร์ ผมขอสาบานว่าคนผู้นั้นจะต้องมีจุดจบที่ไม่น่าดูเลยแม้แต่นิดเดียว!”

     

    เขาพูดจริง...และทำจริง! เพราะตั้งแต่นั้นมา ทุกคนที่ล้ำเส้นล้วนถูกเหล่าสิบสามมรณะ (เบ๊เฉพาะกิจ) จัดการ สั่งสอนจนผวาไปตามๆ กัน

     

    แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย...ที่เราจะต้องบอกว่าความดื้อด้านของมนุษย์นั้นร้ายแรงกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น จนกระทั่งมันทำให้คิริวขี้เกียจจะให้ความสนใจ เขาจึงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่มันก็ส่งผลให้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าใกล้เขาอีกต่อไป!

     

    ท่ามกลางความตึงเครียด เห็นจะมีแต่ฟรานที่ยังคงทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกับการที่คิริวแผ่รังสีอำมหิตออกมารอบนอกตลอดเวลา หรือกับคาร์ที่มีนัยน์ตาดำมืดและโหดเหี้ยมมากขึ้นทุกๆ วัน

     

    และการที่เรามาสาธยายยืดยาวเล่าเรื่องสัพเพหระพวกนี้ ก็เพียงเพราะต้องการที่จะบอกว่า...

     

    ต่อให้ไม่ได้ลงมือเองก็ยังสามารถสร้างความวอดวายได้ และนั่นไม่ใช่แค่ต่อโรงเรียน แต่เป็นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง!

    .

    ...และแล้วชีวิตนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายของสามมารน้อยก็เอวังไปด้วยประการนั้นแล...

     

     

    --Change! --

     

     

    ฟรานครับ เสร็จหรือยัง?”

     

                ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งในชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ที่ช่างเหมาะสมกับรูปร่างหน้าตาของเขาราวกับกิ่งทองใบหยกส่งเสียงถามคนรักของตนผ่านบานประตูที่ขวางกั้น ข้างกายของเขามีชายอีกคนหนึ่งผู้โดดเด่นด้วยเรือนผมสีพระเพลิงที่อยู่ในชุดสูทสีดำมันวาว ซึ่งในเวลานี้กำลังมีนัยน์ตาที่ปกปิดความขบขันเอาไว้ไม่มิด

     

    เอาน่าเพื่อน ที่จัดงานมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลา

     

    ชายในชุดสูทสีดำก็คือแบล็คนั่นเอง เขากำลังเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ พร้อมกับตบบ่าของเพื่อนสองสามทีด้วยความหวังดี แต่ก็ดันโดนนัยน์ตาคมกริบสีทองตวัดมามองอย่างหาเรื่องไปซะได้

     

    แกจะไปเข้าใจได้ยังไงเล่า! รอให้เข้าพิธีกับคาร์เสร็จก่อนเถอะค่อยมาปลอบคนอื่นเขาน่ะ!”

     

    แบล็คเผยสีหน้าไม่ซาบซึ้งใจเท่าไหร่นัก แกน่ะดีจะตายที่ได้แต่งแล้ว! แต่ฉันสิ! ทำไมพ่อแม่ของคาร์ถึงได้หัวดื้อขนาดนั้นเนี่ย...

     

    คราวนี้ถึงตาฟิวส์ตบไหล่เพื่อนดังป้าบๆ บ้าง ไม่ต้องห่วง ถ้าเรื่องมันทำท่าจะไม่ลงตัวเดี๋ยวฟรานก็คงยื่นมือลงไปช่วยแน่ๆ

     

    ทั้งสองพยักหน้าหงึกหงักให้กัน ในจังหวะนั้นเองบานประตูที่ปิดสนิทอยู่มานานเป็นเวลากว่าสามชั่วโมงก็เปิดออกมาอย่างกะทันหัน เล่นเอาฟิวส์กับแบล็คเบนตัวหลบกันแทบไม่ทัน

     

    พวกเขาทำท่าจะหันไปโวยวายกับคนที่เปิดประตูออกมาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงเสียหน่อย แต่แล้วก็ได้แต่ชะงักค้าง เบิกตาโพลงจ้องมองบุคคลเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง

     

    ผู้ที่เปิดประตูออกมาจะเป็นใครไปได้นอกจากฟราน ซึ่งบัดนี้เด็กหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่ประดับประดาอย่างอลังการ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อยพองาม ในขณะที่เรือนผมซอยสั้นสีเพลิงของเขานั้นก็ถูกต่อจนยาวสลวยถึงกลางหลังและประดับด้วยดอกไม้สีสันสดใส

     

    ทั้งสามชีวิตยืนอึ้ง มองหน้ากันไปๆ มาๆ อยู่เช่นนั้นร่วมเกือบนาทีเต็ม แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูตะโกนออกมาจากข้างใน

     

    ฟราน! บอกแล้วไงว่าอย่าให้กระโปรงลากพื้น!”

     

    อ๊ะ!” เด็กหนุ่มอุทานเบาๆ ก่อนจะรีบกุลีกุจอยกชายกระโปรงขึ้น ตะโกนตอบไปว่า เข้าใจแล้ว!”

     

                ณ วินาทีนี้ ฟิวส์กับแบล็คก็เรียกสติคืนกลับมาได้ในที่สุด เจ้าสาวตัวน้อยเดินเข้าไปยืนเคียงข้างคนที่เป็นทั้งพี่ชายแท้ๆ และคนรักของเขา ส่วนแบล็คนั้นไม่รอช้า เดินเข้าห้องไปหาสุดที่รักของตนเองในทันที

     

    ทิ้งไว้เพียงสองพี่น้องแฟทัลที่ดูเหมือนว่าจะเข้าหน้ากันไม่ติดไปเลยทีเดียว

     

    อะ เอ่อ... ฟิวส์พยายามอย่างหนักที่จะบังคับเสียงของเขาไม่ให้สั่นไหว วันนี้ฟรานน่ารักมากเลยครับ!”

     

    ร่างบางยิ้มน้อยๆ ให้กับท่าทางนั้น พี่ชายเองก็ดูดีสุดๆ ไปเลยฮะ!

     

                และแล้วบรรยากาศตึงเครียดก็ถูกกำจัดให้มลายหายไป ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน ก่อนจะสร้างบรรยากาศหวานแหววออกมา ซึ่งนั่นทำให้อาคันตุกะผู้มาใหม่ไม่รอช้าที่จะส่งเสียงทักให้ทั้งสองร่างนั้นรับรู้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ในบริเวณนี้ด้วย

     

    เฮ้ๆ ฉันก็เข้าใจนะว่า ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเค้าจะต้องหวานกัน แต่ไม่ต้องหวานแบบน้ำตาลเรียกพี่ขนาดนั้นก็ได้นา

     

    เจ้าของคำพูดเบื้องต้นก็คือโซลนั่นเอง เขามีรอยยิ้มยียวนปรากฏอย่างเด่นชัดอยู่บนใบหน้าคมคายและนัยน์ตาสีอเมทิสต์ก็กำลังสั่นระริกด้วยความขบขัน เรือนผมสีรัตติกาลถูกจัดทรงเสยขึ้นไปแบบผู้ดี เข้ากับชุดสูทดำสนิทของเขาได้อย่างเหมาะเจาะ

     

    นั่นสิครับ ตอนแรกผมก็สงสัยอยู่ว่าไอ้รังสี เลิฟๆหวานเลี่ยนนี่มันมาจากไหน แต่พอมาพบว่าตัวการก็คือพวกคุณสองคน มันก็ทำให้ผมหมดความสงสัยไปเลยทีเดียว

     

                ผู้ที่เอื้อนเอ่ยตามมาก็คือคิริว หนุ่มน้อยเจ้าเสน่ห์ที่ยังคงคอนเซปต์ของการที่ทั้งแมนและสวยไปในเวลาเดียวกัน ใบหน้าคมสวยของเขากำลังฉายแววเหนื่อยหน่ายใจ นัยน์เนตรสีน้ำตาลจับจ้องมายังเบื้องหน้า ในขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอวเอาไว้ และภาพทุกอย่างนั้นก็ยิ่งดูลงตัวเข้าไปใหญ่เมื่อเด็กหนุ่มผู้นี้นั้นกำลังอยู่ในชุดสูทสีครีมงามสง่า

     

    ฟิวส์หันมาหาผู้ที่เข้ามาขัดจังหวะทั้งสองก่อนจะส่ายศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา เฮ้อ ไม่กัดใครเขาสักวันจะลงแดงตายหรือไงกัน เจ้าคู่รักพิลึกพิลั่นนี่

     

    คู่รักพิลึกพิลั่นมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนหันกลับมายังทิศทางเดิมและยืนยันเสียงหนักแน่น ใช่!”

     

    ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าบ่าวผู้หล่อเหลาหน้ากระตุกไปเลยทีเดียว

     

    ทันใดนั้นเองร่างเล็กที่ยืนนิ่งเงียบมาโดยตลอดก็ส่งเสียงร้องขึ้น คิริว!”

     

    ครับๆ

     

                ฟรานกระโจนเข้าไปหาคิริวอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็ร้อนให้คิริวต้องรีบยกแขนขึ้นมารับร่างร่างนั้นไว้แทบไม่ทัน หลังจากที่ร่างเล็กออดอ้อนเพื่อนรักจนหนำใจ ในที่สุดน้ำเสียงหวานใสก็เปล่งออกมา

     

    ฟรานนึกว่าคิริวกับพี่โซลไปอเมริกากันแล้วซะอีก!”

     

    นัยน์ตากลมโตฉายแววงุนงง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับฟิวส์ที่ส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมา เออ ใช่ๆ มีกำหนดการเดินทางเมื่อวานไม่ใช่หรือไง?”

     

    ณ จุดนี้ โซลเผยรอยยิ้มเจื่อนออกมา ที่จริงก็ขึ้นเครื่องไปแล้วล่ะ ไปถึงอเมริกาแล้วด้วยซ้ำ! แต่พอคิริวรู้ว่าพวกนายจะจัดงานวันนี้ก็เลยบินกลับมาทันทีเลยน่ะ

     

    ฟิวส์กับฟรานเบิกตากว้าง ตกตะลึงกับคิริวผู้บ้าดีเดือดเสียเหลือเกิน

     

    คิริวเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนจะบอกว่าไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไป งานของพี่ฟิวส์กับฟรานจะพลาดได้ยังไงกันล่ะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเทียบกันการที่ต้องไปเซ็นสัญญากับบริษัทกระจอกๆ น่ะ

     

    ใบหน้าของผู้รับฟังบทสนทนาทั้งสามพลันกระตุกยิกๆ ขึ้นมาในทันที

     

    เฮ้ๆ ไอ้บริษัทกระจอกๆ ที่นายว่าน่ะมันเป็นบริษัทชั้นนำของอเมริกาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเลยไม่ใช่หรือไงกัน?!

     

    แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ถกเถียงอะไรกันมากไปกว่านั้น ประตูห้องแต่งตัวก็เปิดออกมาอีกครั้ง พร้อมๆ กับร่างของคาร์และแบล็คที่ก้าวออกมาอย่างเร่งรีบ

     

    ฟราน!” เสียงหวานร้องเรียกเมื่อนัยน์ตาสีนิลกวาดมาพบร่างเพื่อนรักของตน คุณแม่โทรมาบอกว่าให้ออกไปเตรียมตัวได้แล้ว

     

    อื้ม!”

     

    ร่างเล็กส่งเสียงตอบรับก่อนจะหันไปหาร่างข้างกายผู้ที่ยังคงเป็นทั้งพี่ชายที่แสนดีและคนรักที่อบอุ่น ซึ่งเขาก็หันมาสบตาร่างบางเช่นเดียวกัน

     

                ฟิวส์คลี่รอยยิ้มบางเบา เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด ไปกันเถอะครับ

     

                ฟรานยิ้ม รอยยิ้มของเขานั้นช่างดูเปี่ยมไปด้วยความสุขล้น ฮะ!”

     

                เหล่าผองเพื่อนเองก็ยิ้มไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่สาวเท้ามุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานที่แสนสำคัญในวันนี้

     

                งานที่ผู้นำตระกูลแฟทัลรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะทำให้มันยอดเยี่ยมที่สุด!

     

                ...งานแต่งงานของฟิวส์และฟราน แฟทัล!...

     

     

    --Change! --

     

     

                ร่างทั้งหกร่างก้าวย่างมาถึงบริเวณหน้าประตูของห้องจัดงาน และก็ได้พบเข้ากับเหล่าสิบสามมรณะที่แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำขลับ และนั่นก็ทำให้พวกเขาดูองอาจมากขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก

     

                เอิงยิ้มร่าออกมาในทันทีเมื่อเห็นฟราน ฟรานจัง!”

     

                ฟรานยิ้มตอบ และเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายเล็กน้อย ขอบคุณนะฮะที่อุตส่าห์มาร่วมงาน ทั้งๆ ที่ติด ภารกิจอยู่แท้ๆ

     

                อ้อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ

     

                คนที่ส่งเสียงตอบรับออกมาไม่ใช่เอิง แต่เป็นแซ็ต ผู้อยู่ในลำดับที่เจ็ดซึ่งมีนิสัยเย็นชาแบบสุดๆ น้ำเสียงของเขายังคงเป็นเสียงโมโนโทน ไม่มีต่ำ ไม่มีสูง ทำให้รู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยิน

     

                เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ถ้าหมายถึงงานลอบสังหารประธานาธิบดีล่ะก็ เรียบร้อยไปแล้วล่ะ

     

                แน่นอนว่าประโยคเบื้องต้นนั้นทำให้ใครหลายๆ คนสะดุ้งโหยงกันเสียยกใหญ่

     

                เดอส่งเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดขยายความ ใช่ ก็คราวนี้หัวหน้าของเราเขากระตือรือร้นอยากรีบมางานแต่งจะตาย ก็เลยออกโรงด้วยตัวเองน่ะ

     

                ดิซส่งเสียงหึๆ ในลำคอ ระบบรักษาความปลอดภัยก็ห่วยแตก ปาดคอทีเดียวก็ตายแล้ว!”

     

                ฟังมาถึงตรงนี้ฟรานก็เผยสีหน้าละเหี่ยใจออกมา ซึ่งมันก็มิได้แตกต่างไปจากสีหน้าของอีกหกชีวิตที่เหลือสักเท่าไหร่

     

                โธ่...พี่ๆ นี่ล่ะก็! พูดเสียงเบาๆ กันหน่อยสิฮะ ฟรานขี้เกียจไปตามแก้ข่าวให้นะ

     

                เอิงหัวเราะร่วน เราพูดอย่างนี้ทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็จัดการเคลียร์ปัญหาให้ทุกครั้งเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? แต่อันที่จริงไม่ต้องช่วยก็ได้นะ นายท่านบอกว่าแค่นี้ก็ซาบซึ้งใจจะแย่อยู่แล้ว

     

                เด็กหนุ่มในชุดเจ้าสาวแสนสวยหัวเราะเฝื่อนๆ เพราะรู้ว่าเจ้าพ่อวงการมืดอย่างดิซัสเทอร์คงไม่ได้หมายความตามคำว่า ซาบซึ้งใจจริงๆ แน่

     

                ฟิวส์! ฟราน!”

               

                ร่างร่างหนึ่งกระแทกบานประตูออกมา ซึ่งก็คือคุณนายหญิงแห่งตระกูลแฟทัลนั่นเอง เธอไม่รอช้า รีบเอ่ยรัวในบัดดล มัวทำอะไรกันอยู่จ้ะ งานจะเริ่มแล้วนะ!”

     

                จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับฟิวส์ตอบรับ

     

                ฟรานได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นมาบ้างว่า ขอโทษที่ช้าฮะ

     

                มารดาผู้สวยสง่าไม่สร่างพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำหายลับเข้าไปหลังบานประตู เห็นดังนั้นฟรานจึงถอนหายใจยาวก่อนหันมากล่าวทิ้งท้ายกับเอิงไว้

     

                ยังไงก็ตาม พยายามอย่าก่อปัญหานะฮะ

     

                บอกกับตัวเองเถอะ!!!”

     

                ไม่ใช่เอิงที่เป็นคนตอบ แต่เป็นทุกๆ คนที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมด และนั่นก็ทำให้ฟรานหัวเราะร่าเสียงใสออกมา

     

                และแล้วบรรยากาศรื่นเริงก็จบลงเมื่อเพื่อนๆ ทั้งหลายพากันทยอยไปนั่งรอในงาน เหลือเพียงว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยังดูเคอะเขินเล็กน้อยในยามที่ต้องอยู่กันเพียงลำพังสองต่อสอง

     

                นัยน์ตากลมโตสีเงินสวยของฟรานฉายแววละล้าละลังเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กจะยื่นไปสัมผัสมือของพี่ชายเบาๆ

     

                ฟิวส์เหลือบมามองเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน กระชับมือน้อยๆ นั่นไว้แน่น นัยน์ตาต่างสีสบกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างเล็กจะเอื้อนเอ่ยไปพร้อมๆ กับรอยยิ้มหวาน

     

                ไปกันเถอะฮะ

     

                ครับ พี่ชายที่แสนดีซึ่งบัดนี้ควบตำแหน่งคนรักตอบรับเสียงนุ่ม แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่พี่ต้องบอกฟรานก่อน

     

                เอ๋?” ฟรานอุทานด้วยความประหลาดใจ มีอะไรเหรอฮะ?”

     

                 อีกฝ่ายคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะขยับปากเอื้อนเอ่ยออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ฟรานต้องเบิกตาโพลง ก่อนที่อารามตกใจจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

     

                พี่ชายนี่ล่ะก็...

     

                ร่างน้อยหัวเราะคิกคัก เป็นเหตุให้ฟิวส์ต้องเผยรอยยิ้มตามไปอย่างเสียมิได้ สองมือกระชับกันแน่น และแล้วร่างของพวกเขาก็หายลับไปหลังบานประตูสีขาวบริสุทธิ์เลี่ยมทองคำตามเหลี่ยมมุมบานนั้น

     

                อยากรู้มั้ยว่าฟิวส์บอกฟรานว่าอะไร?

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    คืนนั้นน่ะ...พี่ไม่ได้เมาหรอกนะครับคนดี!”

     

     

    The END!

     

               

     

    อ๊า! ในที่สุดเรื่องเรื่องนี้ก็จบลงในที่สุดแล้วค่ะ TT^TT๐ ตอนจบถูกใจหรือไม่ประการใดก็บอกกล่าวกันได้นะคะ เพราะว่าเร่งแต่งภายในวันนี้ ช่วงแรกๆ นั้นแต่งตอนกำลังง่วงๆ อยู่ด้วยซ้ำค่ะ (ยังตื่นไม่เต็มตา)

     

    ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม Change! เปลี่ยนพี่ชายมาเป็นคนรัก จบแล้วค่ะ ^^

     

    อันที่จริงอยากให้มันจบในวันเกิดตัวเองเมื่อสองวันก่อนนะคะ แต่ดันโดนลากไปฉลอง ก็เลยต้องเอวังไปอย่างนั้นแหละค่ะ - -^

     

    ถ้ายังไงก็อย่าลืมติดตามเรื่องใหม่ที่กำลังจะมีการตั้งขึ้นในเร็วๆ นี้นะคะ ตกลงชื่อเรื่องคือ ‘Or Not Friend?’ ค่ะ! หากอัพเดทเมื่อไหร่จะแจ้งข่าวผ่านทาง QMSG ในทันทีค่ะ

     

    และสำหรับตอนพิเศษที่เรียกร้องกันมามากมาย กดไปหน้าต่อไปเพื่อไปโหวตกันได้เลยค่ะ ^^!

     

    4/เม.ย./54 อัพ

    10/มี.ค./55 Re-write

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×