คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : Chapter 44 : Say Good Bye (2) + ตอบคอมเม้นท์
Chapter 44 -- Say Good Bye (2 )--
“หิวจังเลย!
“ครับๆ วันนี้คุณแม่ของคิริวฝากเราไว้กับพี่ งั้นไปทานข้าวข้างนอกกันดีมั้ยครับ?”
“ดีครับ!”
ร่างสองร่างเดินเคียงข้างกันอย่างแนบชิด หลังจากผ่านเหตุการณ์วางแผนสุมหัวของเหล่าจอมวายร้ายทั้งหลาย พวกเขาก็ต้องแยกย้ายกันกลับห้องเรียนเมื่อออดหมดเวลาพักดังขึ้น และในตอนนี้ก็ผ่านเวลาเลิกเรียนมานานแล้วเพราะคิริวติดประชุมสภานักเรียนอยู่นาน กว่าจะได้ออกจากรั้วโรงเรียนท้องนภาก็มืดมัวไปเสียแล้ว
ดังที่กล่าวไว้ในบทสนทนาข้างต้น วันนี้มารดาของคิริวฝากฝังลูกชายสุดที่รักไว้กับโซล ซึ่งครอบครัวของทั้งสองรู้จักกันมานาน ความจริงแล้วแม้ว่าการย้ายบ้านจะทำให้ต้องห่างหายกันไปหลายปีแต่มารดาของทั้งสองก็ยังติดต่อกันเป็นระยะๆ คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยก็เห็นจะมีแต่บุตรชายของทั้งสองนั่นแหละ
พ่อแม่ของคิริวเป็นนักธุรกิจ พ่อของเขานั้นต้องคอยควบคุมธุรกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ส่วนแม่ของคิริวก็ต้องไปติดต่องานตามที่ต่างๆ อยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องแปลกอะไรที่คิริวจะถูกฝากฝังไว้กับครอบครัวของโซลที่สนิทชิดเชื้อกันดีอยู่เป็นประจำหลังจากที่คิริวกับโซลได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
“อ๊ะ!” อยู่ดีๆ คิริวก็ร้องขึ้นมาในขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ในรถยนต์คันหรูของโซล “พี่โซลครับ เรื่องที่พวกผมสุมหัวกันในวันนี้น่ะห้ามบอกพี่ฟิวส์กับพี่แบล็คนะครับ!”
“แล้วบอกพี่ไม่ได้เหมือนกันเหรอครับ?”
“เซอร์ไพรซ์น่ะครับ” ใบหน้างามเผยรอยยิ้มบาง “เรื่องแผนงานเดี๋ยวพวกผมจัดการกันเอง พวกพี่ที่เป็นเจ้าของงานน่ะรอลุ้นกันเถอะนะครับ!”
โซลขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ถือคติตามใจคนรักเสมอ “ได้ครับ ฝากบอกฟรานด้วยว่าถ้าจะเล่นสนุกก็เอาแค่พอดี เดี๋ยวจะวุ่นวายซะเปล่าๆ”
คิริวยังคงมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ประดับอยู่ที่มุมปากในขณะที่ตอบรับ “ครับ”
โซลพยักหน้ารับคำเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปตั้งสมาธิให้จดจ่ออยู่กับการขับรถเท่านั้น แต่สมองอัจฉริยะของเขาก็ยังคงประมวลเรื่องราวต่างๆ ไปด้วย และเมื่อการวิเคราะห์สิ้นสุดลง สัญชาตญาณของเขาก็กู่ร้องว่ายังไงๆ งานนี้ก็คงลงเอยเหมือนเดิมนั่นแหละ!
...เพราะฉะนั้นก็ปล่อยเลยตามเลยไปละกัน...
--Change! --
กาลเวลาหมุนเวียนล่วงเลยผ่านไป ในที่สุดก็ถึงวันที่นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หกจะสำเร็จการศึกษาจบออกไป ดังนั้นในวันนี้จึงมีงานเลี้ยงอำลากันเป็นพิเศษให้สำหรับชั้นมอหก รวมไปถึงชั้นมอห้าที่กำลังจะกลายเป็นกำลังสำคัญในปีหน้า นักเรียนทุกคนต่างร่าเริงเบิกบานใจเป็นพิเศษ วาดฝันถึงงานเลี้ยงสุดหรู และกิจกรรมสนุกๆ
...มันจะเลิศเลอดั่งที่ฝันไว้จริงๆ หรือ?...
...ลืมไปแล้วเหรอว่างานนี้น่ะใครเป็นคนต้นคิด!...
ด้วยเหตุนั้นเอง เมื่อเหล่านักเรียนที่กำลังกระตือรือร้นเดินเข้ามาพบกับสภาพของห้องประชุม ทุกคนก็เป็นต้องมีขีดเซ็งป่อยสามขีดปรากฏขึ้นมาเหนือศีรษะในทันที
ไอ้เขาวงกตบ้าๆ นี่มันมาจากไหนกันหา?!
แน่นอน สำหรับนักเรียนตาดำๆ (และอาจไม่ดำ) ทั้งหลาย การที่อยู่ดีๆ ห้องประชุมอันคุ้นหน้าคุ้นตากันดีดันแปรสภาพกลายเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่แบบในสวนสนุก อีกทั้งยังปรากฏขึ้นในงานเลี้ยงของพวกเขาอีก จะให้คิดเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร หากไม่ใช่ว่า...
พวกเขาต้องฝ่าเขาวงกตนี้ไป!
“บะ บีหนึ่ง! คิดเหมือนกันมั้ยเพื่อน!” ตัวประกอบเอสะกิดถามคนข้างกายที่กำลังยืนทำหน้าอึ้งไม่แพ้กัน
“บะ บีสอง! ฉันว่าฉันคิดเหมือนแกนะ!” ตัวประกอบบีตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริก
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนตะโกนก้อง “ฝีมือน้องฟราน!!!”
“ถูกต้องฮะ!”
ก่อนที่ตัวประกอบทั้งสองจะต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อคนที่พวกเขากำลังนินทากันอยู่นั้นดันโผล่พรวดออกมาราวกับรอจังหวะอยู่แล้ว
และ...ดูนั่นสิ... ‘น้องฟราน’ ของพวกเขาในวันนี้นั้นช่างบ้าจี้ได้ใจเสียเหลือเกิน กะอีแค่จะมาเฉลยคำตอบชาวบ้านดันต้องล่อกลางอากาศกันเลยทีเดียว!
หนุ่มน้อยน่ารักผู้ซึ่งนักเรียนทั้งโรงเรียนรู้จักกันดีฉีกยิ้มกว้าง มือข้างหนึ่งจับไมค์ที่เสียบอยู่บนขาตั้งซึ่งอยู่ตรงยกพื้นที่เขายืนอยู่ ในขณะที่มืออีกข้างก็เท้าเอวราวกับจะโพสท่าก็ไม่ปาน
คิดว่าตัวเองเป็นนักร้องไปแล้วหรือไงเนี่ย?
ฟรานโปรยยิ้มค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มต้นเอ่ยขึ้นในที่สุด “ขอบอกไว้ก่อนเลยนะฮะว่างานนี้อาจารย์เป็นคนมาขอให้พวกฟรานทำกันเอง ว่ากันไม่ได้นะฮะ”
ทุกคนมีปฏิกิริยาเหมือนๆ กันก็คือหันไปมองอาจารย์ และเมื่อได้รับการพยักหน้าตอบ ก็หันกลับมาทำหน้าตาห่อเหี่ยว
“สำหรับกิจกรรมแรกของเราในงานเลี้ยงอำลาครั้งนี้นะฮะ”
ร่างบางชะงักคำพูดไว้เพียงแค่นั้น เขาดีดนิ้วครั้งหนึ่งเป็นสัญญาณ และแล้วกระดาษจำนวนมากก็หล่นมาจากฟากฟ้า ซึ่งนักเรียนทั้งหลายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างดีเยี่ยมโดยการยื่นมือไปรับมันมาในทันที
เมื่อแน่ใจว่าทุกๆ คนเริ่มรับกระดาษแล้ว ฟรานก็พูดเจื้อยแจ้วต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“ดูในกระดาษนะฮะ มันจะมีวงกลมอยู่สามวง สำหรับพวกนั้น จะต้องใช้ที่ประทับตราของทางเราเป็นตัวประทับเท่านั้นฮะ” ว่าพลางเหลือบมองสคริปในมือเล็กน้อย “สำหรับการได้ตราประทับทั้งสามอัน ก็จะแบ่งออกเป็นสามหมวดฮะ”
ณ จุดนี้ ทุกคนต่างทำหูผึ่งและตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“สำหรับวงกลมแรก พวกคุณจะต้องเลือก ‘ประลอง’ กับ ‘สิบสามมรณะ’ หรือก็คือนักเรียนใหม่กิตติมศักดิ์ทั้งสิบสามคนนั่นเอง แต่ก็เพียงแค่สามคนเท่านั้น ก็คือ พี่เอิง พี่เดอ และพี่ทรัวซ์”
ฟรานผายมือออกไปด้านข้าง และแล้วสปอร์ตไลท์ก็ฉายแสงให้เห็นเหล่าสิบสามมรณะที่ยืนเก๊กท่ากันไปคนล่ะแบบตามลักษณะนิสัยของพวกเขา และแล้วเสียงฮือฮาก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาในบัดดล
“อ้อ ไม่ต้องห่วงฮะ เราไม่ให้คุณไปสู้กับนักฆ่ามือฉกาจอย่างพวกเขาหรอก” ประโยคนี้นับว่าสำคัญมากเลยทีเดียว เพราะมันทำให้เสียงฮือฮาเงียบลงอย่างรวดเร็ว “สำหรับจะ ‘ประลอง’ ด้วยวิธีไหนนั้นพวกเขาจะบอกให้เองฮะ แต่คุณก็ต้องเดินผ่านเขาวงกตไปเจอพวกเขาให้ได้ก่อนน่ะนะ”
นักเรียนทั้งหลายพยักหน้าหงึกหงัก คล้อยตามไปกับคำพูดของร่างบาง
“สำหรับวงกลมที่สอง อันนี้จะง่ายขึ้นมา ‘นิดนึง’ อย่าลืมว่าเรายังเหลือสิบสามมรณะอยู่อีกตั้งสิบคน!” เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเล่ห์ร้าย “พวกเขาจะยืนรอคอยคุณอยู่อย่างเงียบสงบ หน้าที่ของคุณก็มีแค่การเข้าไปฉกที่ประทับตรามาประทับให้ได้ก็เท่านั้น!”
พอพูดจบ เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงอันเป็นเอกลักษณ์ก็ทำท่าเหมือนเพิ่งคิดอะไรออก “ลืมบอกไป! ถึงจะให้แค่ฉก แต่พวกเขาก็มีสิทธิ์ตอบโต้กลับนะฮะ!”
ไอ้เด็กเปรตตตตตตตตตตตตตตต!
จิตสังหารจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ฟรานที่ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก ต่อให้น่ารักมากแค่ไหนก็เถอะ! แต่แบบนี้ใครมันจะไปทนไหวกัน!
“ฮิๆๆ สำหรับวงกลมสุดท้าย” ในจังหวะนี้ คุณจะได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดังเอื้อกอย่างพร้อมเพรียงกัน “ง่ายที่สุด! ที่ประทับตราอันนี้อยู่กับตัวฟรานเองนี่แหละ”
...ทุกคนต่างเผยสีหน้า ‘ตายโหง’ ออกมา...
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นกันสิ! ฟรานจะรออยู่ที่ทางออกของเขาวงกต ขอแค่คุณมีรอยประทับตราทั้งสองอันอยู่แล้ว รอยประทับตราอันที่สามก็จะเป็นของคุณไปอย่างสบายๆ!”
...ทุกคนต่างเผยสีหน้า ‘ไม่เชื่อสุดจิต’ ออกมา...
“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่! ฟรานคงลืมบอกไปสินะ ถ้าใครไม่มีรอยประทับตราทั้งสามอันจะไม่ได้เข้างานนะฮะ! กินเลี้ยงก็ชวด~ มอบรางวัลก็ชวด~”
เด็กเปรตยกกำลังสองงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!
เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมไม่รีบบอกกันหา?!
“ขอให้โชคดีนะฮะทุกคน ซาโยนาระ กู๊ดบาย บ๊ายบาย~!”
จบการสาธยายยืดยาวด้วยท่าทางกวนประสาทสุดๆ มันเป็นอะไรที่แน่นอนอยู่แล้วที่ฟราน แฟทัล คุณหนูตัวน้อยที่โตมากับครอบครัวพิลึกกึกกือย่อมไม่สะทกสะท้านต่อรังสีอำมหิตทั้งหลาย ดังนั้นเขาจึงจากไปด้วยท่าทางรื่นเริงเบิกบานสุดๆ
ซึ่งตรงกันข้ามกับซอมบี้นักเรียนผีดิบทั้งหลายโดยสิ้นเชิง
แล้วจะรอดมั้ยล่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย?!
--Change! --
และแล้วฟราน แฟทัล ก็ได้ค้นพบว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนจะยากแท้หยั่งถึง
คนตัวเล็กที่นั่งกร่างอยู่บนบังลังก์เลี่ยมทองเผยสีหน้าแปลกใจหลังจากคว้าตราประทับมาปั๊มให้กับนักเรียนคนที่ xxxx ซึ่งตามที่คิริวกระซิบบอกอยู่ข้างๆ นักเรียนคนนี้ก็เป็นคนสุดท้ายของจำนวนนักเรียนทั้งหมด!
ชิส์! รู้งี้น่าจะตั้งกติกายากๆ หน่อย ไม่สนุกเลยอ่ะ!
ใบหน้าน่ารักย่นลงและขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็เลือกที่จะมองข้ามประเด็นนั้นไปในที่สุด มือเรียวบางโยนที่ประทับตราทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ร้อนถึงคิริวต้องวิ่งไปตามเก็บมาให้ เพราะนั่นเป็นตราประทับอันล้ำค่าของตระกูลแฟทัลที่ใช้สำหรับประทับตราอนุมัติด้านการเงิน
จริงอยู่ว่าถึงหายไปก็ทำขึ้นมาใหม่ได้...
แต่คิดว่าจะเป็นยังไงกันล่ะ หากมีใครเก็บตราประทับนั่นไปได้?
คิริวรู้สึกขอบคุณฟ้า ขอบคุณดิน ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณปีศาจ ขอบคุณ ฯลฯ ที่สามีภรรยาตระกูลแฟทัลมิได้ให้กำเนิดฟรานในฐานะบุตรชายคนโต และรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่ฟิวส์มีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานมากพอตัว มิเช่นนั้นตระกูลแฟทัลจะต้องล่มสลายในยุคนี้อย่างแน่นอน!
“คิริว! มัวทำอะไรอยู่ รีบเข้าไปในงานกันเถอะ!”
คนถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆ ก่อนหันไปยิ้มแล้วขานรับเสียงดัง
...เอาเถอะ บางทีถ้ามันล่มสลายไปจริงๆ อาจจะดีต่อโลกใบนี้ก็ได้...
ร่างสองร่างเดินเข้าไปในงานเป็นสองคนสุดท้าย ก่อนที่ประตูบานใหญ่จะถูกปิดลง สถานที่ที่พวกเขาเข้ามาก็คือห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ถัดไปจากห้องประชุมอันเป็น ‘สนามเด็กเล่น’ เมื่อครู่นี้นั่นเอง
นัยน์ตาเรียวสวยของคิริวทอดมองไปรอบๆ เฝ้าดูภาพของนักเรียนทั้งหลายที่กินดื่มกันอย่างเต็มที่ พร้อมกับร้องเสียงโอดโอย บ้างระบายอารมณ์ บ้างมีท่าทางฉุนเฉียว และที่ขาดไม่ได้ ก็คือการที่สภาพของนักเรียนทุกคนนั้นช่างดูไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
แผนร้ายของพวกเขาแม้จะกำจัดคนไม่ได้แต่ก็นับว่าประสบความสำเร็จ!
‘การประลอง’ ของเอิง หัวหน้ากลุ่มสิบสามมรณะย่อมไม่ธรรมดา วิธีที่เขาเลือกก็คือการเล่นรัสเซียนรูเล็ตอันเลื่องชื่อ นับว่าเป็นด่านที่ทั้งสยอง ทั้งหวิดตาย และทำให้ทุกคนร่ำร้องหาพ่อแก้วแม่แก้วกันไม่หยุดปาก นับเป็นเวรกรรมของคนที่หลงใหลเส้นผมสีดำขลับ นัยน์ตาเรียวสีท้องสมุทร และใบหน้างามๆ ของเอิงอย่างแท้จริง!
ก็ใครใช้ให้เขาเป็นประเภทลัคกี้สูงส่ง รัวปืนต่อกันเป็นร้อยครั้งก็ไม่ลั่นสักครั้งเลยล่ะ!
‘การประลอง’ ของเดอ สมาชิกหมายเลขสองผู้ไม่เคยคิดจะจริงจังต่อใดๆ ทั้งสิ้น อันที่จริงกติกาของเขาจะบอกว่าดูเอาเปรียบไปหน่อยก็ไม่ผิด เพราะเขาดันใช้การตัดสินด้วย ‘พัด’ อันเป็นอาวุธคู่ใจ ง่ายๆ ก็แค่ใครสามารถสะบัดให้เข็มที่ซ่อนอยู่ในพัดพุ่งตรงไปเสียบกลางเป้าได้ก็จะถือว่าผ่าน แต่นั่นหมายถึงในกรณีที่เดอ ‘ทำพลาด’ ด้วย ช่างเป็นโชคร้ายของคนที่คิดว่าท่าทางขี้เล่นของเขาทำให้ดูเหมือนไม่อันตรายจริงๆ!
ลงท้ายก็ต้องหาคนมาช่วยโกง ขัดมือขัดขาเดอกันเสียยกใหญ่...
‘การประลอง’ ของทรัวซ์ บุรุษผู้น่ารักเหมือนเด็กเล็กๆ แถมยังดูสุภาพเรียบร้อย หากแต่วิธีของเขาดันเป็น ‘การซัดเข็ม’ ซึ่งนับว่าเป็นอีกรายที่เหมือนจะโกงกันอย่างหน้าด้านๆ เพราะอาวุธของเขาคือเข็มอาบยาพิษ แต่เพื่อความปลอดภัยจึงเปลี่ยนเป็นยาสลบแทน สู้กันอย่างเรียบง่าย ใครซัดเข็มโดนอีกฝ่ายสลบเหมือดก่อนก็ชนะไป
แล้วคนที่ซัดเข็มมาตั้งแต่เกิดจะพลาดได้สักกี่น้ำกันเชียว?
แค่วงกลมวงแรกก็ทำเอาเหล่านักเรียนทั้งหลายแทบจะถอดใจกันแล้ว
และหากให้เล่าถึงวงกลมวงที่สอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เหล่านักเรียนพากันขยาดไปตามๆ กัน แทบจะอยากวิ่งโร่ไปขอฝึกที่สำนักนินจาสักแห่ง ขอให้ตนเองแค่ล่องหนเป็นก็ใช้ได้!
...แต่อันที่จริงต่อให้ทำอย่างนั้นได้มันก็ยังเปล่าประโยชน์อยู่ดี เพราะพวกเขาเป็นนักฆ่า มีประสาทรับรู้เป็นเยี่ยม!
ท้ายสุด แม้ด่านทั้งสองจะทรหดมากเพียงใด แต่นักเรียนทั้งหลายก็ร่วมมือร่วมใจผ่านพ้นมาจนได้ ช่างดูเหมือนแมลงสาบจอมอึดที่กระทืบเท่าไหร่ก็ไม่ตายเสียจริงๆ นับว่ายังเป็นบุญที่ฟรานซึ่งเห็นพวกเขาหลุดออกมาจากเขาวงกตได้โดยมีตราประทับทั้งสองอันจะไม่หงุดหงิดจนตรงเข้าไปซัดให้เละ
...แม้อันที่จริงจะเป็นเพราะคิริวคอยห้ามเขาอยู่ทุกๆ สิบวินาทีก็ตามแต่
เอาเป็นว่าหนทางสู่ ‘งานเลี้ยงอำลา’ ก็เป็นอันจบลงแต่เพียงเท่านั้น
--Change!
“เอาล่ะครับ! การประกาศรางวัลก็สิ้นสุดลงแล้ว”
คราวนี้เป็นตาของคาร์บ้างที่ขึ้นมารับหน้าที่พิธีกรแทน และนั่นก็ทำให้นักเรียนทั้งหลายแทบจะกู่ร้องด้วยความยินดี คาร์ทั้งน่ารัก ทั้งไม่พูดจาวกวน ที่สำคัญคือไม่กวนประสาทใครพร่ำเพรื่อ และแบล็คก็มิได้หวงคาร์แบบไร้เหตุผลอย่างฟิวส์ ที่กะอีแค่มีใครเผลอมองน้องชายสุดที่รักของเขานานไปหน่อยก็ทำท่าจะตามมาแหวกอกให้ตายคาที่
คาร์ยิ้มน้อยๆ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงรื่นหู “ต่อไปจะเป็นพิธีมอบตำแหน่ง! ที่เหลือต่อจากนี้ผมขอส่งเวทีให้เป็นหน้าที่ของท่านประธานนักเรียนรุ่นปัจจุบันที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่กี่อึดใจนี้...พี่มิค!”
ยังไม่ทันแสดงสีหน้าเบิกบานได้เต็มที่ หายนะก็เคลื่อนเข้ามาหาอีกจนได้ หากให้เทียบวัดแบบขึ้นตาชั่งกันแล้ว ความน่ากลัวของมิคนั้นเทียบเท่ากับฟรานแบบเฉียดๆ เลยทีเดียว!
และแล้วคนที่ถูกนินทาก็ขึ้นมายืนอยู่บนเวที
เขายังคงเป็นชายที่ดูเจ้าสำอางเหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวันนี้ที่เขาอยู่ในชุดสูทงดงาม ไม่ใช่สูทปัญญาอ่อนแบบในงานโรงเรียนครั้งที่แล้ว และเรือนผมซอยระต้นคอสีนิลกาฬของเขาก็ถูกเซ็ตไว้อย่างดีด้วย
มิคคลี่ยิ้มเบาบาง เพียงเท่านั้นก็เกินพอแล้วสำหรับการสะกดให้ทุกคนจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา
“ครับ” เขาเกริ่น “ก็คงต้องสาธยายให้เป็นพิธีกันเล็กน้อย”
คล้ายกับว่ามีการค้อนขวับส่งมาจากท่านอาจารย์ทั้งหลายอย่างพร้อมเพรียง
“หกปีในโรงเรียนนี้จะว่าสั้นก็สั้น แต่พอคิดว่ามันยาว มันก็ยาวพอตัว...ผมพูดอะไรซับซ้อนแบบนี้เนี่ย! เอาเป็นว่าชีวิตในโรงเรียนของผมนั้นสงบสุขดีก็แล้วกันนะครับ” เขาพูดเรื่อยเปื่อย แต่ไม่วายสอดมุขตลกไปบ้างตามนิสัย “แม้จะไม่สงบไปบ้างบางครั้งกับการที่ต้องมาเป็นประธานนักเรียน นึกแล้วก็ยังแค้นไม่หายจริงๆ ใครใช้ให้พวกคุณเลือกผมกันครับเนี่ย?”
ประโยคหลังทำเอาทุกคนฮาก๊ากไปตามๆ กันด้วยความสะใจ ที่เขาใช้คำว่า ‘คุณ’ ก็เพราะว่าคณะคณาจารย์ก็มีคะแนนเสียงในการเลือกตั้งด้วย จะใช้คำสรรพนามสั่วๆ ก็คงไม่งามนัก
“ผมคิดว่าผมทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากพอแล้ว และผมก็ไม่คิดว่าผมจะสามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปได้อีก ก็แก่แล้วนี่ครับ” หลอกด่าตัวเองเล็กน้อยแล้วจึงพล่ามต่อ “ด้วยเหตุฉะนี้ ผมจึงขอมอบตำแหน่งนี้ให้กับรุ่นน้องที่น่ารักของผม”
เขาคลี่ยิ้มเย็น “คิริว พี่ขอให้นายสนุกกับตำแหน่งนี้นะ!”
สนุกกับผีน่ะสิ!
แม้ในใจจะกำลังคิดอย่างนั้น แต่บรรยากาศพิธีการแบบนี้จะให้เขาโพล่งออกไปก็คงไม่ค่อยเหมาะสม เด็กหนุ่มจึงได้แต่คลี่ยิ้มงดงาม พร้อมกับก้าวขึ้นไปรับเข็มกลัดแสดงตำแหน่งประธานนักเรียนอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจนักบนเวที
ว่าที่ประธานคนใหม่มีรอยยิ้มกระตุกยิกๆ ในขณะที่กระซิบเบาๆ ว่า “นี่พี่คิดจะแกล้งกันใช่มั้ยครับ”
มิครีบส่ายศีรษะวูบ แสดงความจริงใจแบบสุดๆ “นี่ประธานนักเรียนนะ จะเลือกสั่วๆ ได้ยังไงกัน ไม่มีใครเหมาะสมเท่านายแล้วล่ะ!”
...อย่างนั้นรึ?
เขาคิดอย่างเบื่อหน่ายในขณะที่ทอดสายตามองไปยังเบื้องล่าง ที่ซึ่งทุกคนกำลังเปล่งเสียงแสดงความยินดีหรือไม่ก็เรียกชื่อเขาไม่หยุด
ให้ตายสิ ทำไมเขาถึงเผลอคิดไปวูบนึงนะว่าเหมือนขึ้นมารับตำแหน่งนางงามเลยก็ไม่ปาน!
“เอาเถอะ” ประโยคติดปากหลุดออกมาอีกครั้ง “ผมจะยอมเชื่อคำพูดนั้นของพี่ก็ได้”
...เชื่อ ไปพร้อมๆ กับฟราน ที่ส่งยิ้มซุกซนมาให้จากเบื้องหลังเวที...
...เชื่อ ไปพร้อมๆ กับคาร์ ที่โบกมือให้เขาไม่หยุดจากทางด้านข้าง...
...เชื่อ ไปพร้อมๆ กับพี่ฟิวส์ ที่ชูนิ้วโป้งและส่งยิ้มล้อเลียนให้กับเขา...
...เชื่อ ไปพร้อมๆ กับพี่แบล็ค ที่มองเขาตาขวางนิดหน่อย คงโมโหหึงคาร์อีกตามเคย...
...เชื่อ ไปพร้อมๆ กับสิบสามมรณะ ที่โดนใช้งานเป็นเบ๊ชั้นดีในวันนี้ ช่างน่าสงสารจริงๆ...
...และเชื่อ ไปพร้อมๆ กับพี่โซล ที่ยิ้มอย่างอบอุ่นที่สุดให้กับเขา...
คิริวยิ้มอย่างจริงใจที่สุด มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สะกดสายตาคนให้ตะลึงไปกับความงดงามของมันได้ดีจริงๆ
“...ถ้าปีหน้าโรงเรียนวอดวายขึ้นมาก็อย่ามาโทษท่านประธานอย่างผมละกันนะครับ”
To Be Continue
‘The End’
โอ้ เนื่องจากลากเรื่องทั้งหมดมายัดในตอนเดียว ดังนั้นมันก็เลยค่อนข้างยาว กล้อมแกล้มไปจนกว่าตอนจบจะคลอดละกันนะคะ
แอบรู้สึกซาบซึ้งนิดๆ ที่เรื่องเรื่องนี้เดินทางมาได้ไกลจนถึงจุดนี้ ตอนหน้าก็จะจบเสียแล้ว TT^TT๐ ด้านล่างเป็นการตอบคอมเม้นนะคะ แต่ก็เฉพาะคอมเม้นของตอนที่แล้วค่ะ ^^
สำหรับเสียงเรียกร้อง ตอนพิเศษจะมาแน่นอนค่ะ ก็คิดไว้คร่าวๆ บ้างแล้วล่ะค่ะ
:::ตอบคอมเม้น:::
himus: โอ้ คว้าที่หนึ่งไปครอง มาอัพแล้วน้า~ ขอบคุณที่ติดตามจ้า!
Elizabeth Friderica: ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่นั่นก็ต้องเป็นความพยายามของจำนวนคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ฮ่าๆๆ
Renga So™: รับทราบแล้วค่ะ ซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง fighting!
Yara: ตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ! ขอบคุณสำหรับการติดตามเรื่องราวนี้นะคะ ^^
โดดเดี่ยวจัง: หือ? ที่ว่าจะจบแล้วงั้นเหรอคะ? ก็ต้องเอาจริงสิคะท่าน -___- หมดมุขจะต่อเนื้อเรื่องแล้วค่ะ
PoOkPiK_BaAbOo: เอาจริงค่า คงไม่หลอกกันเล่นหรอกค่ะเพราไม่รู้จะทำไปทำไม - -^ ก็ถูกอยู่นิดนึงค่ะ เรื่องใหม่อาจจะต้องดราม่ากันนิดหน่อย
^o^ Yoru Mina ^o^: ฮ่าๆๆ ก็จงใจเอาส่วนที่เลือดพุ่งมาเป็นตัวอย่างนั่นแหละค่ะ ตอนนี้สู้ตายเต็มร้อยค่ะ ไฟแรงมากมาย!
reborn13: ต้องต่อพิเศษเลยใช่มั้ยคะเนี่ย ไรเตอร์ก็ยังไม่อยากให้จบเหมือนกันค่ะ แต่หมดมุขจะไปต่อแล้วจริงๆ - -^
gonjung: ก็อย่าลืมติดตามตอนจบในตอนหน้าละกันค่ะ ขอบคุณมากค่า ตั้งบอร์ดเรื่องใหม่เมื่อไหร่จะแจ้งไปแน่นอนค่ะ ^^
meemildmy: เพื่อนรัก คิดให้ดีๆ ก่อนนะ -_-“ ถ้าต้องเขียนเรื่องนี้ต่อไปมันต้องหลุดโลกแหงมๆ เลย นิยายเรื่องอื่นก็ต้องดองนะ! ฟิคที่ยังแต่งให้ไม่จบก็ต้องดองนะ!
29/มี.ค./54 อัพ
10/มี.ค./55 Re-write
ความคิดเห็น