คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : Chapter 43 : Say Good Bye (1) + ประชาสัมพันธ์
Chapter 43 -- Say Good Bye (1 )--
“เอ๋?!”
เสียงร้องแสดงความสงสัยดังขึ้นประสานกันจากบุคคลหกชีวิตถ้วนอันประกอบไปด้วยพี่น้องตระกูลสยอง ฟิวส์และฟราน แฟทัล คู่รักบรรลือโลกที่รักแรงโกรธแรง แบล็คและคาร์ ตบท้ายด้วยคู่หูสมองกลสุดอัจฉริยะ โซลและคิริว
เหล่าบุคคลที่หน้าตาดีสุดกู่และไม่รู้จักเจียมตัวกับความหน้าตาดีของตนเองหันไปเบิกตาโตจ้องรุ่นน้องมอสี่ซึ่งกำลังจะเป็นลมตายกับรัศมีความเจิดจ้าของเหล่าคนผู้ไม่เจียมตัวทั้งหลาย
“เห...เอาจริงเหรอ?” ฟรานถามเสียงเบาก่อนจะพูดขยายความต่อ “อาจารย์คิดจะให้พวกพี่ทั้งหกคนเป็นฝ่ายจัดกิจกรรมอำลารุ่นพี่มอหกจริงๆ เหรอ?”
“ตลกฝืดแล้วนะนั่น!”
คาร์แย้งขึ้นมาเสียงดังลั่น คิริวไม่รอช้าเอ่ยสนับสนุนต่อไปทันที
“ใช่ครับ! ผมคิดว่าตั้งแต่ที่พวกคุณๆ สิบสามมรณะมาก่อเรื่องวุ่นวายตอนไปเข้าค่ายครั้งที่แล้วจะทำให้พวกอาจารย์เขาขยาดพวกเราไปแล้วซะอีก”
การที่โดนเหล่าบุคคลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในโรงเรียนรุมพูดใส่ทำให้เด็กหนุ่มเกร็งจนพูดตะกุกตะกักฟังไม่ได้ศัพท์ว่า “ผะ...ผมก็...มะ...ไม่รู้เหมือน...เหมือนกันครับ”
เรียกได้ว่ากว่าจะฟังจบประโยคก็ทำให้คนฟังรู้สึกเหนื่อยแทนไปก่อนเลยทีเดียว
“เดี๋ยวสิ! มันยังมีอีกเรื่องนึง!”
ฟรานตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกรุ่นน้องที่ทำท่าจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วให้กลับมาฟังกันก่อนจนทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นจำต้องเดินกลับมาด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“มะ มีอะไรเหรอครับ?”
“แล้วคิริว คาร์ กับพี่จะเกี่ยวด้วยได้ยังไงกันล่ะ? นั่นมันงานอำลามอหกไม่ใช่เหรอ?”
คนที่มีชื่อเอี่ยวอยู่ในเบื้องต้นเผยสีหน้า ‘เพิ่งตรัสรู้’ ออกมาหลังจากที่ได้ยินประโยคคำถามดังกล่าวของฟราน เพราะทั้งสองก็ลืมคิดถึงประเด็นนั้นไปเลยเหมือนกัน
“เอ่อ...มันเป็นกิจกรรมมอบตำแหน่งของมอหกให้กับมอห้าด้วยครับ พวกพี่ๆ ชั้นมอห้าเลยต้องเข้าร่วมงานนี้ด้วย”
เหมือนว่าเด็กหนุ่มจะเริ่มชินขึ้นมาเล็กน้อยจึงไม่เอ่ออ่าอะไรให้มากความอีกนัก ได้ยินดังนั้นฟรานก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะยิ้มหวานและกล่าวขอบคุณกับรุ่นน้องอย่างน่ารักจนอีกฝ่ายต้องรีบวิ่งหนีรัศมีเจิดจ้านั้นแทบไม่ทัน
ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดจะถูกเบี่ยงกลับเข้ามาในกลุ่มอีกครั้งหนึ่ง
“แล้ว...จะเอายังไงดีล่ะ?”
แบล็คเปรยขึ้นมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
“เฮ้ๆ เรื่องนี้มันจะยาวไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน คนแต่งมันต้องหมดมุกแล้วแน่ๆ เลยหาเรื่องไร้สาระมาให้พวกเราทำกันอยู่ได้”
คาร์บ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดแม้ว่ามันจะนอกประเด็นเลยมาถึงไรเตอร์ก็ตามแต่...
“นี่ๆ ‘งานเลี้ยงอำลามอหก’ มันคืองานอะไรเหรอ? คาร์จัง”
“ถามอะไรบ้าๆ นายเป็นสมาชิกสภานักเรียนนะคิริว!”
คนตัวเล็กเจ้าของเรือนผมและนัยน์ตาสีดำขลับหันไปถากถางเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่พอด่าจบเขาก็รับรู้ได้ถึงสายตาเอือมระอาที่ถูกส่งตอบกลับมาจากคิริว และนั่นก็ทำให้คิ้วเรียวสวยเป็นอันต้องเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
ผู้เคราะห์ร้ายไม่รอช้าตบไหล่เล็กของอีกฝ่ายดังป้าบๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจว่า “ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยนะครับ อีกอย่าง ผมไม่พูดจาชวนขย้อนอย่าง ‘คาร์จัง’ หรอก”
เออนั่นสิ
ร่างเล็กเผยสีหน้าเหรอหราออกมาในทันที สงสัยเขาจะอารมณ์เสียจากเรื่องก่อนหน้านี้มากเกินไปหน่อยจนพาลไม่รู้เรื่อง อันที่จริงเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าประโยคเมื่อครู่นั้นใครเป็นคนพูด คิดชื่อคิริวขึ้นมาได้เป็นชื่อแรกก็ด่าออกไปในทันที
ใบหน้างดงามขึ้นสีแดงเรื่อก่อนเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายไม่หยุดปาก
...แล้วตกลงใครเป็นคนพูดกันล่ะ?
เหมือนกับว่าอีกห้าชีวิตที่เหลือจะรับรู้ถึงความคิดในใจของคาร์ได้เป็นอย่างดี นิ้วชี้จำนวนห้านิ้วถ้วนจึงบรรจงชี้ไปยังทิศทางหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง และคนที่กำลังหน้าแตกอย่างละเอียดยิบก็ไม่รอช้าที่จะหันไปตามทิศทางนั้นในทันที
“ฮ่าๆๆ คิริวจังน่าสงสารชะมัดเลย! ว่าแต่ คาร์จังจำเสียงของฉันไม่ได้เหรอเนี่ย? อา...เศร้าใจจัง”
เจ้าของวาจาลิเกตัวจริงไม่อิงนิยาย จะเป็นใครอื่นใดไปได้นอกจากหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าจอมประสาทกลับที่ท่าทางว่าจะกลั้นหัวเราะอยู่นานจนปวดท้อง พอได้โอกาสก็เลยลงไปขำกลิ้งอยู่ที่พื้นในทันที เรือนผมสีนิลกาฬที่ยาวสลวยสะบัดไปมาตามจังหวะของเสียงหัวเราะจนทำให้คนมองรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก
และเจ้าตัวปัญหานั้นก็กำลังใช้นิ้วเรียวยาวของตนปาดหยาดน้ำใสที่เล็ดออกมาจากนัยน์ตาเรียวสวยสีท้องมหาสมุทรของตนอย่างเอาเป็นเอาตาย
หากนี่เป็นการ์ตูนอนิเมชั่น ท่านผู้อ่านทุกท่านก็คงได้เห็นคาร์กำลังแผ่รังสีทะมึนออกมา รังสีทะมึนนี้บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปร่าง และบางทีอาจจะมีรูปมังกรแยกเขี้ยวอยู่บนศีรษะของเขาอีกด้วย
“เอาเถอะๆ อย่าทะเลาะกันเลยนะคาร์ พี่เอิง” ฟรานเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “งานเลี้ยงอำลามอหกก็คืองานที่จัดให้กับรุ่นพี่มอหกซึ่งกำลังจะจบการศึกษาออกไปโดยเฉพาะน่ะฮะ ในงานนี้จะมีพวกการกินเลี้ยงและกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการให้รางวัลประกาศเกียรติคุณด้วยฮะ”
เหล่าสิบสามมรณะต่างทำท่าถึงบางอ้อกันจนทำให้พวกฟรานแอบนึกในใจเงียบๆ ว่าอันที่จริงแล้วพวกเขาอาจจะเพิ่งอายุสามขวบก็เป็นได้! กะอีแค่เรื่องพื้นฐานแบบนี้ยังไม่รู้ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาเริ่มสงสัยตงิดๆ ว่าเจ้าพ่อมาเฟียอย่างดิซัสเทอร์เลี้ยงเหล่านักฆ่าให้โตมาอย่างไร หรือว่าพอเกิดมาก็ยัดมีดยัดระเบิดใส่มือลูกเดียวเลยกันแน่
แหม...มันก็น่าคิดเหมือนกันนะเนี่ย
“ถ้าอย่างงั้นพวกนายบางคนก็สบายเลยนะ เข้ามาเรียนปีเดียวก็จบซะล่ะ”
แบล็คเอ่ยประชดประชันกลับไป แต่แล้วก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อเอิงโต้กลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ก็ไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมดหรอก อันที่จริงพวกเราได้รับการศึกษาถึงขั้นเรียนจบมหาวิทยาลัยไปนานแล้วล่ะ”
พระเจ้า! คนเรียนจบมหา’ลัยไม่รู้จัก ‘งานเลี้ยงอำลามอหก’!
“เฮ้ๆ พวกนายชักจะออกนอกเรื่องกันไปใหญ่แล้วนะ ยังไม่รีบวางแผนอีกหรือไงว่าจะจัดงานเลี้ยงยังไงบ้าง งานที่ว่าน่ะมันอีกแค่สามวันเองนะ”
โซลที่ดูเหมือนว่าจะมีความรับผิดชอบมากที่สุดในกลุ่มยิ่งกว่าสภานักเรียนอย่างฟิวส์เอ่ยแดกดันเพื่อนทั้งสองของตนและพวกสิบสามมรณะ แต่กลับส่งยิ้มหวานให้กับคิริวอย่างน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก
ไม่ต้องเดาก็คงรู้ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แน่นอนว่าโซลก็ต้องเอียงซ้ายเอียงขวาหลบเหล่าข้าวของที่ถูกปามาเป็นพัลวัน แต่หลังจากที่ฟิวส์โดนน้องชายสุดที่รักเอ็ดไปอย่างน่ารักว่า ‘ไม่รู้จักทำการทำงาน’ ก็ทำให้พี่ชายผู้แสนดีกุลีกุจอหยิบกระดาษกับปากกามาร่างแผนงานแทบไม่ทัน
แม้ว่ากระดาษแผ่นนั้นจะมีแค่คำว่า ‘งานอำลา’ ตัวเบ้งๆ ก็ตามแต่
“เอาล่ะๆ” บุตรชายคนโตแห่งตระกูลแฟทัลทำทีกระแอมไออย่าง ‘เป็นการเป็นงาน’ “โดยพื้นฐานก็ตามที่ฟรานว่าไว้ สิ่งที่ต้องมีแน่ๆ ก็คืองานกินเลี้ยงกับงานประกาศเกียรติคุณ จะมีปัญหาอยู่แค่อย่างเดียวก็คือเรื่องกิจกรรม”
“นั่นสิ จะจัดเป็นกิจกรรมอะไรดี”
แบล็คพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“ถ้าเป็นแค่เกมทั่วไปมันก็จะน่าเบื่อสินะ”
โซลจี้เข้าประเด็นหลักอย่างตรงไปตรงมา และนั่นทำให้ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักตามโดยอัตโนมัติ
“เฮ้ๆ ถ้าไม่เป็นแบบทั่วไปแล้วมายึดตามหลักความคิดแผลงๆ ของพวกเรามันจะไม่ยิ่งบรรลัยหนักเข้าไปกว่ารึ”
ฟิวส์แย้งกลับในทันที
ในขณะที่ทั้งสามกำลังเข้าโหมด ‘เป็นการเป็นงาน’ และเถียงกันไปมาอย่างออกรสชาติ พวกเขาไม่ได้ทันสังเกตเลยแม้แต่นิดเดียวว่าคนรักของพวกเขาเริ่มสุมหัวซุบซิบวางแผนอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่วายแอบกวักมือเรียกให้คุณๆ นักฆ่าทั้งหลายเข้ามาร่วมฟังด้วย
เหตุการณ์เป็นไปดังนั้น จนกระทั่งโซลเริ่มตงิดใจแปลกๆ ว่าเหตุใดคนรักของตนที่มีสปิริตความเป็นผู้นำสูงจึงนั่งเงียบไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วเขาก็ต้องเข้าใจเมื่อหางตาเหลือบไปเห็น ‘กลุ่มวายร้าย’ ที่นั่งวางแผน ‘ชั่ว’ กันอย่างเปิดเผย
โซลนั้นเกิดอาการสองจิตสองใจขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าตนเองควรจะหันไปสะกิดเพื่อนรักทั้งสองที่ยังคงถกเถียงกันไปๆ มาๆ ไม่รู้จบให้รู้สึกตัวด้วยหรือไม่ แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้นเขาก็โดนนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยของคิริวปรายมาปรามไว้เสียก่อน
ก็นะ...แฟนสั่งมาจะให้ทำไงได้
ชายหนุ่มกอดอกพยักหน้าหงึกหงักให้กับความคิดของตนเอง
‘กลุ่มวายร้าย’ ตามการตั้งชื่อของโซลเห็นเช่นนั้นจึงวางใจ ตะครุบคิริวให้กลับมาช่วยกันวางแผนร้ายต่ออย่างร้อนใจ หากสังเกตดีๆ คุณจะพบว่าทุกๆ คนเริ่มจะมีหางและเขางอกออกมาอย่างชั่วร้าย
...แล้วผลสรุปของแผนงานกิจกรรมนี้ล่ะ? เอาแบบไหนดีนะ...
To Be Continue
สั้น ขาด เกิน ไม่หนำใจประการใดโปรดอภัย เนื่องด้วยตอนนี้สมองของไรเตอร์ค่อนข้างจะช็อตอย่างรุนแรงค่ะ - -^ กิจกรรมหลักหลังจากปิดเทอมแล้วก็คือการตระเวนไปอัพนิยายที่คั่งค้างทีละเรื่องๆ และนี่ก็คือเรื่องแรกค่ะ แต่ยังไงๆ ก็รับรองค่ะว่าตอนต่อไปจะไม่มาช้าเกินรออย่างแน่นอน!
.
.
.
ประชาสัมพันธ์ (ย้ำว่าควรอ่าน!)
ทุกๆ ท่านคงสังเกตเห็นคำพูดของคาร์แล้วนะคะ ตอนนี้เราจนใจอย่างรุนแรงค่ะเพราะว่าไม่รู้แล้วว่าจะให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปอย่างไรเนื่องด้วยโครงเรื่องค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ใช่แบบแฟนตาซีหลุดโลกที่ลากอะไรต่อมิอะไรมาเสริมเติมแต่งได้ตลอด ดังนั้นขอประกาศ ณ ที่นี้นะคะว่า Change! เปลี่ยนพี่ชายมาเป็นคนรัก กำลังจะดำเนินเข้าสู่ตอนจบในอีกไม่กี่ตอนนี้แล้วค่ะ
และสำหรับก่อนหน้านี้ที่เคยพูดถึงเกี่ยวกับ Series เรื่องใหม่ใน QMSG ก็ขอมาชี้แจงแถลงไขใหม่นะคะ เพราะว่าไรเตอร์เปลี่ยนใจจะไม่เอาไปต่อกับเรื่อง The Story of Love แล้วค่ะ ย้ำ! นิยายเรื่องใหม่จะแยกออกมาตั้งเป็นบอร์ดของตัวเองเลยค่ะ
สำหรับชื่อเรื่องหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือ ‘Or Not Friend?’ ค่ะ ซึ่งคาดว่าเรื่องใหม่นี้จะเริ่มอัพเดทหลังจากเรื่อง The Story of Love จบแล้ว และจะแจ้งให้ทราบกันอย่างแน่นอนค่ะ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านตัวอย่างเรื่องใหม่ ด้านล่างเลยค่ะ~
Or Not Friend?
...เคยบ้างไหมกับการแอบรัก ‘เพื่อน’...
...เคยบ้างไหมกับการแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนเพื่อรักษาคำว่า ‘เพื่อน’...
...เคยบ้างไหมกับการทุกข์ระทมมิอาจบอกรักเพราะคำว่า ‘เพื่อน’...
...เคยบ้างไหมกับการเจ็บเจียนตายเมื่ออยู่ได้เพียงในฐานะของ ‘เพื่อน’...
...และนี่คือตัวอย่างเรื่องราวที่เกี่ยวกับคำว่า ‘เพื่อน’...
.
.
.
“อืม...”
เรือนร่างผอมบางถูกกดเข้ากับพนักที่นั่ง นัยน์ตากลมโตถูกซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกตาบางที่ปกคลุมด้วยแพขนตางาม ริมฝีปากสีแดงสดถูกกลีบปากหนาบดเบียดอย่างแนบแน่น ใบหน้าคมคายแนบชิดดวงหน้าของเขา ลมหายใจร้อนผ่าวระรดผิวกายให้ต้องใจสั่น แม้ว่ามันจะเป็นการกระทำอันอุกอาจที่ล้ำเส้นเกินคำว่า ‘เพื่อน’ ทว่ามันเป็นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเพื่อนคู่นี้ ซึ่งสังเกตเห็นได้จากลำแขนเรียวทั้งสองข้างที่คล้องคอชายหนุ่มอย่างเต็มใจ
แล้วไงล่ะ...ก็พวกเขาเป็น ‘เพื่อน’ กันนี่?
.
.
.
ห้ามพลาด!
4/มี.ค./54 อัพ
10/มี.ค./55 Re-write
ความคิดเห็น