ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Q : ทำไมต้องมีศาสนา ?
   
        ฮิโรขี้เกียจรอให้มินยูคุยกับคนอื่นเสร็จ  จึงเดินออกมาจากห้องเรียนพลางคิดว่าจะเข้าชมรมอะไรดี....................... ทำไมต้องมีชมรมให้ยุ่งยากด้วยนะ แค่เรียนหนังสือเฉยๆไม่ได้รึไง น่าหงุดหงิดจริงๆ.....เขามองดูนาฬิกา............14.45 น. ยังเหลือเวลาอีกเพียบเลย
          เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะไปเดินเล่นภายในโรงเรียนเพื่อฆ่าเวลา ...........เขามองดูรุ่นพี่ชมรมกีฬาฝึกซ้อมวิ่ง ฟุตบอล เบสบอล และอีกมากมายอย่างเอาเป็นเอาตายกลางแดดจ้า
          ..............ตัดชมรมกีฬาออกไปจากความคิดได้เลย...........  ฮิโรเดินไปเรื่อยเปื่อย เขาเกลียดความน่าเบื่อและความเชื่องช้าของเวลา และไม่ชินกับการใช้เวลาไปอย่างไร้ค่าแบบนี้
          จนกระทั่งเท้าของเด็กชายมาหยุดยืนอยู่หน้าโบสถ์เก่าๆ ที่อยู่ทางด้านขวาของตึกเรียน .....เขาเคยเห็นโบสถ์หลังนี้แล้วตั้งแต่วันเปิดเรียน แต่ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจภายในโดยละเอียด.............ฮิโรมองดูบริเวณรอบๆโบสถ์ซึ่งมีบรรยากาศวังเวงน่าขนลุก  ทำให้เขานึกไปถึงหนังสยองขวัญที่เคยดู ......ถ้าเวมินยูมาเดินแถวนี้คนเดียวตอนกลางคืนละก็ คงหัวใจวายตายไม่ก็ร้องไห้ฟูมฟายหาพี่แน่นอน..................โบสถ์หลังนี้คงร้างผู้คนมานานแล้วสินะ............
          “แอ๊ด...” เสียงประตูไม้บานใหญ่  ถูกผลักออกช้าๆเสียดสีกับพื้นด้านล่างส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูมาให้ผู้เปิด
          ฮิโรค่อยๆเดินเข้าไปในโบสถ์ .......แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
          รูปทรงสไตน์ตกวันตกที่ดูสง่างามของโบสถ์หลังนี้ ..........ที่นั่งสวดมนต์เรียงเป็นแถวยาว สะอาดเอี่ยมอ่องเป็นมันวาว ด้านในสุดคือแท่นทำพิธีซึ่งตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสวยงาม  ด้านบนของแท่นนั้น มีรูปปั้นพระแม่มารีตั้งตระหง่านในท่าทางอ้าแขนเหมือนกับโอบล้อมทุกๆคนที่เข้ามาภายในโบสถ์ ด้วยใบหน้าอ่อนโยน ทำให้ฮิโรรู้สึกเหมือนถูกมนต์สะกดอยู่นานพอควร ....
          ด้านข้างของโบสถ์เป็นกระจกสีที่ถูกวาดเป็นรูปต่างๆตามตำนานของคริสจักร ส่วนเพดานด้านบนเป็นทรงโค้ง ตามสไตน์การสร้างแบบยุโรปโบราณ ..........โดยรวมแล้วที่นี่คงไม่ได้ร้างไร้ผู้คนตามที่เขาคิดเสียแล้ว หากแต่ถูกดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี....บรรยากาศภายในที่แห่งนี้ ชวนให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก แตกต่างกับภายนอกเหมือนกันอยู่คนละโลกเลย
          ฮิโรก้าวเดินไปข้างหน้าราวกับถูกมนต์สะกด จนกระทั่งถึงแท่นทำพิธี เขาขึ้นไปยืนด้านหน้ารูปปั้นพระแม่มารี....แล้วใช้มือเด็ดดอกไม้สีขาวที่ประดับอยู่ข้างๆออกมา
          “เธอไม่ควรทำอย่างนั้นนะ” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ฮิโรสะดุ้งตกใจ เขารีบวางดอกไม้ลงที่เดิม
          ชายหนุ่มในชุดบาทหลวงสีขาวสะอาด ท่าทางใจดี ในมือถือไม้กวาดและที่โกยผง? .....ยืนอยู่ด้านหลังของฮิโร ในความคิดของเขา บาทหลวงผู้นี้ยังอายุน้อยไปที่จะมาเป็นนักบวช คงไม่น่าจะเกิน25ปีด้วยซ้ำไป  สีหน้าของเขาดูดีใจที่ได้เห็นฮิโร ........................
          “ถ้าเด็ดออกมา ดอกไม้จะเหี่ยวเฉา แล้วก็ไม่สวยเหมือนตอนที่อยู่ในต้น........ ” ชายในชุดบาทหลวงมองดอกไม้ที่ถูกเด็ดออกมาอย่างเศร้าๆ แล้วหันมายิ้มให้ฮิโร  “เธอเป็นคนที่3....ที่เข้ามาในโบสถ์หลังนี้ นับจากวันเปิดเทอมล่ะ^^”
          “อะ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเด็ดออกมา” ฮิโรน้อมตัวลงเพื่อขอโทษ
          “ไม่เป็นไรหรอก...ว่าแต่ว่า เธอมาขอพรจากพระเจ้าหรอ” เขาถามขึ้น ........ทำให้ฮิโรเผลอกเลิกคิ้วขึ้นอย่างลืมตัว.........
          .........ขอพรจากพระเจ้า...............ถึงเขาจะไม่ได้ต่อต้าน...แต่ก็ไม่ได้เชื่อในตัวตนพระเจ้าซะทีเดียว.........ในความคิดของฮิโร พระเจ้าเป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์จินตนาการขึ้นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่อ่อนแอเอาไว้ก็เท่านั้น.............เขาไม่คิดว่าจะสมหวังจากการขอพรในโบสถ์หรือสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน
          “ดูจากสีหน้าของเธอแล้ว คงไม่ได้มาขอพรสินะ....มีเรื่องกลุ้มใจอะไรรึเปล่า สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลยนะ..อยากจะสวดมนต์ซักหน่อยมั้ย” ผู้เป็นบาทหลวงวางไม่กวาดและที่โกยผงลง แล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังสือสวดมนต์สีกรมท่าเล่มหนาขึ้นมา
          “เอ่อ...เปล่าครับ ขอโทษที่มารบกวน ผมจะออกไปแล้วล่ะครับ” ฮิโรกล่าวตอบ พยายามรักษามารยาทกับผู้อาวุโสกว่าไว้...เขาไม่ได้มีเรื่องกลุ้มใจ แล้วก็ไม่อยากสวดมนต์ด้วย
          “อา......น่าเสียดายนะ เอาเป็นว่าถ้าเธอมีปัญหาหรือไม่สบายใจอะไรล่ะก็ มาสวดมนต์ขอพรที่นี่ได้เสมอนะ”
          ...............คงจะเหงา อยากมีเพื่อนคุยล่ะสิ ก็นะ อยู่คนเดียวนานๆก็แบบนี้แหละ............
          “ครับ ขอบคุณมาก แล้วเจอกัน”
          แต่ขณะที่ฮิโรกำลังจะเดินออกไปนั้น เขาก็ถูกเรียกให้ต้องหันกลับไปอีกครั้ง
          “พ่อว่าเธอคงกำลังเสียใจที่ถูกเพื่อนทิ้ง หรือหาชมรมเข้าไม่ได้..............หรือว่ากำลังสงสัยว่าตัวเองเกิดมาทำไม...ถ้าอยากรู้ล่ะก็ พระเจ้าตอบเธอได้นะ”
          เมื่อถูกพูดแทงใจดำ (( จึ่ก!! ))  ถึงขนาดนี้ ต่อมความอยากรู้ของฮิโรจึงแตกออก เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับคุณพ่อแล้วเอ่ยปากถามขึ้นโดยตรงอย่างไม่เกรงใจ 
          “ทำไมคุณถึงเชื่อในพระเจ้าครับ?.....ทำไมถึงต้องนับถือศาสนา?...ทำไมถึงคิดว่าการสวดมนต์ขอพรจากรูปปั้นแล้วจะสมหวังได้ตามที่ขอ?”
          หลังจากที่ฮิโรพูดจบ เขาก็รู้ตัวว่าคงจะถูกไล่ออกจากโบสถ์แห่งนี้ทันที และถูกห้ามไม่ให้มาที่นี่อีกแน่นอน .......................แต่เขาก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง ที่เห็นบาทหลวงผู้นั้นเผยยิ้มออกมา.........ยิ้มกว้างอย่างดีใจ............
          “เธอดูเหมือนกับ คนๆหนึ่งที่พ่อรู้จักเลยนะ....เหมือนกันกับเขา...เมื่อสองปีที่แล้วไม่มีผิดเลยล่ะ”
          “คุณยังไม่ตอบคำถามของผมเลยนะครับ ว่ายังไงล่ะ! ...ถ้าคุณทำให้ผมเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงล่ะก็ ผมจะยอมมาสวดมนต์ที่นี่ทุกสัปดาห์เลยก็ได้!! ”
___________________________________________________________________________________________________
          เล่นของสูงไปมั้ยนะ>< กลัวบาปกรรมจังเลยแฮะ  ////  ไม่หรอกเนอะๆ
          !!!!!เครดิต!!!!! : หึหึ มาหาว่าเราเลียนแบบ.....ความจริงแล้ว ก็เลียนแบบนั่นแหละ ~
          ขอบคุณๆ โบสถ์อัสสัมชัญมากๆน้าค้า ที่เป็นแบบให้
          ก็เราเคยไปอยู่ที่เดียวนี่นา ไม่เคยเห็นที่อื่นเลย จะจิ้นเอาก็กลัวมันแปลกๆอะ>< ไม่กล้าๆ
         
          ความมืดเป็นสิ่งสวยงาม!!!!!!  จริงๆนะ
        ฮิโรขี้เกียจรอให้มินยูคุยกับคนอื่นเสร็จ  จึงเดินออกมาจากห้องเรียนพลางคิดว่าจะเข้าชมรมอะไรดี....................... ทำไมต้องมีชมรมให้ยุ่งยากด้วยนะ แค่เรียนหนังสือเฉยๆไม่ได้รึไง น่าหงุดหงิดจริงๆ.....เขามองดูนาฬิกา............14.45 น. ยังเหลือเวลาอีกเพียบเลย
          เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะไปเดินเล่นภายในโรงเรียนเพื่อฆ่าเวลา ...........เขามองดูรุ่นพี่ชมรมกีฬาฝึกซ้อมวิ่ง ฟุตบอล เบสบอล และอีกมากมายอย่างเอาเป็นเอาตายกลางแดดจ้า
          ..............ตัดชมรมกีฬาออกไปจากความคิดได้เลย...........  ฮิโรเดินไปเรื่อยเปื่อย เขาเกลียดความน่าเบื่อและความเชื่องช้าของเวลา และไม่ชินกับการใช้เวลาไปอย่างไร้ค่าแบบนี้
          จนกระทั่งเท้าของเด็กชายมาหยุดยืนอยู่หน้าโบสถ์เก่าๆ ที่อยู่ทางด้านขวาของตึกเรียน .....เขาเคยเห็นโบสถ์หลังนี้แล้วตั้งแต่วันเปิดเรียน แต่ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจภายในโดยละเอียด.............ฮิโรมองดูบริเวณรอบๆโบสถ์ซึ่งมีบรรยากาศวังเวงน่าขนลุก  ทำให้เขานึกไปถึงหนังสยองขวัญที่เคยดู ......ถ้าเวมินยูมาเดินแถวนี้คนเดียวตอนกลางคืนละก็ คงหัวใจวายตายไม่ก็ร้องไห้ฟูมฟายหาพี่แน่นอน..................โบสถ์หลังนี้คงร้างผู้คนมานานแล้วสินะ............
          “แอ๊ด...” เสียงประตูไม้บานใหญ่  ถูกผลักออกช้าๆเสียดสีกับพื้นด้านล่างส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูมาให้ผู้เปิด
          ฮิโรค่อยๆเดินเข้าไปในโบสถ์ .......แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
          รูปทรงสไตน์ตกวันตกที่ดูสง่างามของโบสถ์หลังนี้ ..........ที่นั่งสวดมนต์เรียงเป็นแถวยาว สะอาดเอี่ยมอ่องเป็นมันวาว ด้านในสุดคือแท่นทำพิธีซึ่งตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสวยงาม  ด้านบนของแท่นนั้น มีรูปปั้นพระแม่มารีตั้งตระหง่านในท่าทางอ้าแขนเหมือนกับโอบล้อมทุกๆคนที่เข้ามาภายในโบสถ์ ด้วยใบหน้าอ่อนโยน ทำให้ฮิโรรู้สึกเหมือนถูกมนต์สะกดอยู่นานพอควร ....
          ด้านข้างของโบสถ์เป็นกระจกสีที่ถูกวาดเป็นรูปต่างๆตามตำนานของคริสจักร ส่วนเพดานด้านบนเป็นทรงโค้ง ตามสไตน์การสร้างแบบยุโรปโบราณ ..........โดยรวมแล้วที่นี่คงไม่ได้ร้างไร้ผู้คนตามที่เขาคิดเสียแล้ว หากแต่ถูกดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี....บรรยากาศภายในที่แห่งนี้ ชวนให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก แตกต่างกับภายนอกเหมือนกันอยู่คนละโลกเลย
          ฮิโรก้าวเดินไปข้างหน้าราวกับถูกมนต์สะกด จนกระทั่งถึงแท่นทำพิธี เขาขึ้นไปยืนด้านหน้ารูปปั้นพระแม่มารี....แล้วใช้มือเด็ดดอกไม้สีขาวที่ประดับอยู่ข้างๆออกมา
          “เธอไม่ควรทำอย่างนั้นนะ” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ฮิโรสะดุ้งตกใจ เขารีบวางดอกไม้ลงที่เดิม
          ชายหนุ่มในชุดบาทหลวงสีขาวสะอาด ท่าทางใจดี ในมือถือไม้กวาดและที่โกยผง? .....ยืนอยู่ด้านหลังของฮิโร ในความคิดของเขา บาทหลวงผู้นี้ยังอายุน้อยไปที่จะมาเป็นนักบวช คงไม่น่าจะเกิน25ปีด้วยซ้ำไป  สีหน้าของเขาดูดีใจที่ได้เห็นฮิโร ........................
          “ถ้าเด็ดออกมา ดอกไม้จะเหี่ยวเฉา แล้วก็ไม่สวยเหมือนตอนที่อยู่ในต้น........ ” ชายในชุดบาทหลวงมองดอกไม้ที่ถูกเด็ดออกมาอย่างเศร้าๆ แล้วหันมายิ้มให้ฮิโร  “เธอเป็นคนที่3....ที่เข้ามาในโบสถ์หลังนี้ นับจากวันเปิดเทอมล่ะ^^”
          “อะ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเด็ดออกมา” ฮิโรน้อมตัวลงเพื่อขอโทษ
          “ไม่เป็นไรหรอก...ว่าแต่ว่า เธอมาขอพรจากพระเจ้าหรอ” เขาถามขึ้น ........ทำให้ฮิโรเผลอกเลิกคิ้วขึ้นอย่างลืมตัว.........
          .........ขอพรจากพระเจ้า...............ถึงเขาจะไม่ได้ต่อต้าน...แต่ก็ไม่ได้เชื่อในตัวตนพระเจ้าซะทีเดียว.........ในความคิดของฮิโร พระเจ้าเป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์จินตนาการขึ้นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่อ่อนแอเอาไว้ก็เท่านั้น.............เขาไม่คิดว่าจะสมหวังจากการขอพรในโบสถ์หรือสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน
          “ดูจากสีหน้าของเธอแล้ว คงไม่ได้มาขอพรสินะ....มีเรื่องกลุ้มใจอะไรรึเปล่า สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลยนะ..อยากจะสวดมนต์ซักหน่อยมั้ย” ผู้เป็นบาทหลวงวางไม่กวาดและที่โกยผงลง แล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังสือสวดมนต์สีกรมท่าเล่มหนาขึ้นมา
          “เอ่อ...เปล่าครับ ขอโทษที่มารบกวน ผมจะออกไปแล้วล่ะครับ” ฮิโรกล่าวตอบ พยายามรักษามารยาทกับผู้อาวุโสกว่าไว้...เขาไม่ได้มีเรื่องกลุ้มใจ แล้วก็ไม่อยากสวดมนต์ด้วย
          “อา......น่าเสียดายนะ เอาเป็นว่าถ้าเธอมีปัญหาหรือไม่สบายใจอะไรล่ะก็ มาสวดมนต์ขอพรที่นี่ได้เสมอนะ”
          ...............คงจะเหงา อยากมีเพื่อนคุยล่ะสิ ก็นะ อยู่คนเดียวนานๆก็แบบนี้แหละ............
          “ครับ ขอบคุณมาก แล้วเจอกัน”
          แต่ขณะที่ฮิโรกำลังจะเดินออกไปนั้น เขาก็ถูกเรียกให้ต้องหันกลับไปอีกครั้ง
          “พ่อว่าเธอคงกำลังเสียใจที่ถูกเพื่อนทิ้ง หรือหาชมรมเข้าไม่ได้..............หรือว่ากำลังสงสัยว่าตัวเองเกิดมาทำไม...ถ้าอยากรู้ล่ะก็ พระเจ้าตอบเธอได้นะ”
          เมื่อถูกพูดแทงใจดำ (( จึ่ก!! ))  ถึงขนาดนี้ ต่อมความอยากรู้ของฮิโรจึงแตกออก เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับคุณพ่อแล้วเอ่ยปากถามขึ้นโดยตรงอย่างไม่เกรงใจ 
          “ทำไมคุณถึงเชื่อในพระเจ้าครับ?.....ทำไมถึงต้องนับถือศาสนา?...ทำไมถึงคิดว่าการสวดมนต์ขอพรจากรูปปั้นแล้วจะสมหวังได้ตามที่ขอ?”
          หลังจากที่ฮิโรพูดจบ เขาก็รู้ตัวว่าคงจะถูกไล่ออกจากโบสถ์แห่งนี้ทันที และถูกห้ามไม่ให้มาที่นี่อีกแน่นอน .......................แต่เขาก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง ที่เห็นบาทหลวงผู้นั้นเผยยิ้มออกมา.........ยิ้มกว้างอย่างดีใจ............
          “เธอดูเหมือนกับ คนๆหนึ่งที่พ่อรู้จักเลยนะ....เหมือนกันกับเขา...เมื่อสองปีที่แล้วไม่มีผิดเลยล่ะ”
          “คุณยังไม่ตอบคำถามของผมเลยนะครับ ว่ายังไงล่ะ! ...ถ้าคุณทำให้ผมเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงล่ะก็ ผมจะยอมมาสวดมนต์ที่นี่ทุกสัปดาห์เลยก็ได้!! ”
___________________________________________________________________________________________________
          เล่นของสูงไปมั้ยนะ>< กลัวบาปกรรมจังเลยแฮะ  ////  ไม่หรอกเนอะๆ
          !!!!!เครดิต!!!!! : หึหึ มาหาว่าเราเลียนแบบ.....ความจริงแล้ว ก็เลียนแบบนั่นแหละ ~
          ขอบคุณๆ โบสถ์อัสสัมชัญมากๆน้าค้า ที่เป็นแบบให้
          ก็เราเคยไปอยู่ที่เดียวนี่นา ไม่เคยเห็นที่อื่นเลย จะจิ้นเอาก็กลัวมันแปลกๆอะ>< ไม่กล้าๆ
         
          ความมืดเป็นสิ่งสวยงาม!!!!!!  จริงๆนะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น