คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Ch.2] Fire Cyborg 100%
..
..
ภายในห้องครัว
ชเวซึงฮยอนหยิบชุดผ้ากันเปื้อนเน่าๆของเขาจากที่แขวนแล้วสวมมัน เขาเดินไปจับหม้อจับกระทะในครัวตามคำสั่งซึงริที่บัญชามาว่าจะไว้ชีวิตโปสการ์ดบริทนีย์สปองของเขาหากเขาทำอาหารได้อร่อยถูกใจและมีบริการหลังการขายดี (?)
“อยากกินอะไรไหนบอกมา ทำได้จะทำให้กิน”
“เฮีย”
“อะไร”
“ เปล่า เค้าไม่ได้เรียกเฮีย เค้าอยากกินเฮียต่างหาก”
( ตะหลิวเฮียตกเคร้ง )
“ ก.. กินอะไร” .. เออแล้วนี่กูจะถามต่อทำไม
“ ไอ้นั่น”
( กระทะร่วงใส่เท้าเฮีย ) ซึงฮยอนกุมนิ้วเท้าแล้วกระโดดเหยงๆไปมาสีหน้าเจ็บปวดสุดชีวิต
ซึงริขมวดคิ้วแล้วเอียงแก้มป่องๆนั่นพร้อมรอยยิ้ม “ แต่เฮียกินเค้าก่อนก็ได้นะ เค้าตัวนุ่มนะจะบอกให้ ”
จบจากกีฬากระโดดกุมเท้าของตัวเองซึงฮยอนอยากเอาหัวโขกกำแพงให้เลือดสาดใส่หน้าน้องขาวตากลมคนนี้เหลือเกิน ไอ้ประโยคล่อแหลมข้างต้นเนี่ยนับตั้งแต่ลงมาที่ห้องครัวนี้น้องใช้มันกับเขามาสามสี่รอบได้แล้ว เข้าใจมั้ยฟังแล้วมันเป็นงึกๆงักๆ.. ฮึ่ยยยย อธิบายไม่ถูก ถึงน้องไม่ใช่บริทนีย์แต่พูดแบบนี้กูก็คิดนะเว่ย.. ถึงน้องไม่อึ๋มอ๋ำจ้ำโบ๊ะแต่น้องก็ขาวนะ ช่วยรักนวลสงวนตัวบ้างได้มั้ยอะจ๋าขอ!~
“ เอ่อ.. เดี๋ยวเฮียทำหมูเปรี้ยวหวานให้กินละกัน”
ซึงริยิ้มร่าแล้วพยักหน้าหงึกหงักนั่งดูรุ่นพี่ทำอาหารจากโต๊ะกินข้าว
มโนความคิดชเวซึงฮยอนตอนนี้
จากภาพตะหลิวกับกระทะในมือที่ชัดเจนเริ่มกลายเป็นภาพขาวดำก่อนกะพริบปริบๆแล้วก็หายวับกลายเป็นรูปเตียง เตียงอย่างเดียวไม่พอ ประเด็นคือมันมีรูปเปลือยท่อนบนของเขากับซึงริกอดกันนัวเนียด้วย!
โอ๊ย.. ได้โปรดมึงอย่าเบนมุมกล้องมาท่อนล่างนะครับไอ้สมองทะลึ่ง ~
.
..
ผ่านไปหลายนาทีที่ซึงฮยอนทำตะหลิวตกขณะผัดหมู ก็แปลกใจเล็กน้อยที่ไม่ได้ยินเสียงบ่นอะไรจากน้องที่กำลังนั่งดูเขาทำอาหารอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวเลยสักคำ จนกระทั่งเขาตักมันเสิร์ฟใส่จาน ซึงฮยอนเผลอคิดอะไรทำนองเดิมอีกนิดเขาก็ทำส้อมหล่นอีก
ชเวซึงฮยอนเคาะศีรษะตัวเองหวังจะให้ความคิดบ้าๆหลุดออกมาทางรูหู
แต่ดูเหมือนจะยากมาก ท่าทางไม่มีความคิดอะไรพุ่งออกมาจากหูเขาสักพยางค์เดียว
เขาหันไปหาน้องที่คิดว่ายังนั่งรออยู่ที่โต๊ะ..
จานผัดเปรี้ยวหวานกลิ่นหอมฉุยในมือเขาแทบหล่นเคร้งลงจากมือ.. โต๊ะอาหารว่างเปล่า น้องหายไปไหน ?? เมื่อกี๊ยังเสนอตัว (?) ให้เขาอยู่แหมบๆแล้วตอนนี้หายไปไหนแล้ว.. ใคร ใครเอาเด็กกูไปซ่อน
ซึงฮยอนวางกับข้าวจานเติบฝีมือตัวเองลงบนโต๊ะทานข้าว
เขาหันกลับไปล้างมือที่ซิงค์ก่อนถอดผ้ากันเปื้อนของตัวเองออกแล้วแขวนมันไว้ที่เดิม ซึงฮยอนเริ่มเดินหาน้องเพื่อมากินข้าว เขาเดินขึ้นไปยังชั้นบน
สายตาคมมองไปยังห้องน้ำทุกห้องของบ้าน .. ก็ไม่มี ไม่มีห้องน้ำไหนปิดประตูล็อคเลยสักห้อง ซึงฮยอนขมวดคิ้วคมแน่นเป็นปม .. แล้วน้องจะไปไหนได้ ? หรือว่าน้องเพิ่งมาบ้านเขาได้วันเดียวก็คิดจะเล่นซ่อนแอบระลึกความหลังกับเขาแล้ว?.. พระเจ้าเฟร็ด.. มันต้องเป็นอย่างงั้นแหงแซะแป๊ะ ถึงน้องจะอายุสิบแปดแล้วแต่พอมาเจอเพื่อนสมัยเด็กก็คงอยากย้อนไปมีนิสัยเด็กอยู่สินะ !
ซึงฮยอนทุบกำปั้นตัวเองลงบนฝ่ามือพยักหน้าหงึกๆแล้วกระตุกยิ้มขึ้นมามุมปากทำหน้าเหมือนรู้ทุกเรื่อง เขาหัวเราะกับตัวเองในใจ เข้าใจละ ถ้าน้องซ่อนได้พี่ก็หาน้องได้ ~
ชเวซึงฮยอนวางผังความคิดไว้ในสมองที่ตัวเองมั่นใจว่าสุดแสนจะชาญฉลาด
ชั้นสองมีประตูสี่บาน
บานแรกเป็นห้องของพ่อกับแม่
บานที่สองเป็นห้องน้ำ
บานที่สามเป็นประตูห้องว่างที่เว้นไว้ให้แขกนอน
บานที่สี่เป็นห้องของเขาเอง
ห้องน้ำนี่ตัดทิ้งได้เลยเพราะว่าประตูเปิดอ้าอยู่ อีซึงฮยอนคงไม่มีทางใช้ห้องน้ำทั้งๆที่ประตูเปิดอ้าซ่าแบบนั้นแน่ ถ้าอย่างนั้นก็จะเหลือสามห้อง
ห้องพ่อกับแม่ล็อกไว้ตั้งแต่ก่อนไปธุระ ตัดทิ้งได้อีกห้อง
เหลือสองห้อง..
ซึงฮยอนเริ่มคิด.. บางทีน้องอาจแค่กำลังจัดสัมภาระของตัวเองอยู่ไม่ได้อยากเล่นซ่อนแอบปัญญาอ่อนอะไรนี่ก็ได้ ว่าแล้วก็วิ่งไปยังห้องที่อยู่ริมสุด เปิดประตูโพล่ง
ห้องว่างเปล่าดูไม่มีท่าทีแสดงได้ว่าเพิ่งมีคนเคยเข้ามาจัดสัมภาระตัวเองในนี้เลย..
ชเวซึงฮยอนกลืนน้ำลายอึกใหญ่.. เขาชักรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเสียแล้ว
ซึงฮยอนเปิดประตูผางเข้าไปยังห้องตัวเอง
ให้ตายเถอะอาราเล่..
อกอีแป้นคุณพ่อคุณแม่หล่นป้อกแป้ก..
โอ้บร๊ะเจ้า !
โล่งโจ้ง .. โล่งโจ้งอะไรอย่างนี้ !! ไม่ใช่ละ นี่ไม่ใช่ห้องกู.. เข้าห้องผิด ต้องเข้าห้องผิดแน่ๆ ซึงฮยอนตบตีกับความคิดของตัวเองแล้วหันกลับไปดูหน้าประตูห้อง ม.. มันก็ห้องเขานี่หว่า.. แล้วเกิดอะไรขึ้น
หนังสือ.. หนังสือบริทนีย์บิกินี่ตัวเดียวเล่มที่ซ่อนเอาไว้ชั้นสองของตู้หนังสือเล่มที่ห้านับจากขวาไปซ้ายหายไปไหน ?! โปสเตอร์ที่เพิ่งถอยมาเมื่อวาน.. จำได้ว่าวางไว้ข้างเตียง.?? แล้ว.. แล้วสมุดลายเซ็นต์ที่เพิ่งอิมพอร์ตจากเว็บบริทนีย์สปองคอเรียของเขาเมื่อคืนก็ด้วย.. หายไปไหนหมด
สังเกตดูดีๆ .. ของสะสมสาวฝรั่งทุกเชื้อชาติของเขาหายแว้บไปทั้งห้องเลยเว่ย !
ระหว่างที่ชเวซึงฮยอนส่งเสียงร้องอือฮืออาฮาในลำคอด้วยความช็อก กลิ่นไหม้บางอย่างก็ลอยผ่านหน้าต่างห้องเขาเข้ามาเตะจมูกเขาเข้าพอดี
หมูเปรี้ยวหวานซึงฮยอนเมื่อกี๊
ปิดแก๊สแล้วนะ..
ถ้างั้น..
ชัดเลย บริทย์กู!!
..
“ เซ็ตแรกมอดแล้ว.. เซ็ตสองต่อคิว ~” นิ้วเรียวค่อยๆคีบกระดาษโปสเตอร์ม้วนหนึ่งขึ้นแล้วโยนลงไปในกองไฟที่ตัวเองเพิ่งจุดเมื่อประมาณห้านาทีที่แล้ว อีซึงฮยอนยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นกระดาษแผ่นบางนั่นติดไฟ
มองภายนอกซึงริยิ้มหึหึ แต่ภายในกำลังหัวเราะแบบหุวะฮ่าๆๆๆ เสียงหัวเราะนี้ตอนเด็กๆซึงฮยอนเคยเจอมาแล้วและเขาเริ่มแน่ใจเสียแล้วว่าเร็วๆนี้เขาต้องได้ฟังมันอีก
ไม่กี่วินาทีต่อมา เซ็ตโปสเตอร์ที่เมื่อชั่วโมงที่แล้วยังนอนดูซึงฮยอนนอนอยู่ก็กลายเป็นเถ้าธุลีคาปลายเจ้าของรองเท้าแตะคู่สีชมพูที่กำลังถือไฟแช็คอยู่ในมือ
ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของน้องคือสกิลการหาไฟแช็คบ้านชาวบ้านที่ไม่ธรรมดา
เสียงวิ่งปึงปังๆลงบันไดที่ไม่อาจเรียกได้ว่าลงธรรมดาฟังเหมือนจะเป็นมีเรื่องกับบันไดมากกว่า ฝ่าเท้ากระแทกตึงตังบนพื้นบ้าน ซึงริเงี่ยหู.. ดูเหมือนเจ้าของเก่าของเศษขี้เถ้าพวกนี้จะรู้ตัวซะแล้วสิ
แย่จัง .. เฮียต้องด่าเราแน่เลย
ปากบอกแย่จัง แต่มือมันยังหยิบโปสการ์ดใบสุดท้ายของซึงฮยอนขึ้นมาแล้วยื่นไปยังกองไฟด้านหน้า ซึงริเหยียดยิ้มเล็กๆ .. ให้มันรู้ซะมั่งมาแย่งของๆใครก็ต้องเจอจุดจบของตัวเองแบบนี้แหละ ไม่ได้สะใจนะ.. แต่พวกผู้หญิงพวกนี้น่ะ อยู่ห่างไกลกลับชีวิตเฮียมากเกินไป.. ต้องอย่างเขานี่ใกล้ก็ใกล้ ขาวก็ขาว ถึงนมไม่มีแต่ก็มีอย่างอื่น (?)
เนื้อหนังมังสาก็นุ๊มนุ่ม.. น่าจับน่าคลำกว่าพวกโปสเตอร์โปสการ์ดอะไรตั้งเยอะแยะ
วินาทีต่อมา.. นิ้วชี้กับนิ้วโป้งของซึงริไม่แตะกันเพื่อจับกระดาษแผ่นนั้นไว้เหมือนเมื่อสักครู่ ฉับพลันโปสการ์ดแอบถ่ายบริทนีย์แคะขี้ฟันสมบัติหนึ่งในคอเลคชั่นบริทนีย์ สปองสุดที่รัก อย่างสุดท้ายที่ซึงริหาเจอในห้องของซึงฮยอนกำลังทิ้งตัวเองลงประหนึ่งเป็นนักยิมนาสติก..
ทว่า..มันคงเรียนยิมนาสติกมาจากเจ้าของ..
ชเวซึงฮยอนตะลีตะลานวิ่งลงจากบันไดแล้วเปิดบานประตูเลื่อนกระจกพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาม้วนหน้าสามตลบยื่นนิ้วชี้กับนิ้วกลางมือขวาเข้าไปหนีบโปสการ์ดที่อีกเพียงวินาทีเดียวก็จะถูกเปลวไฟลิ้มรส
พระเจ้าพระเจ้าพระเจ้า !
ซึงฮยอนปลายนิ้วสั่นดิกเมื่อนัยน์ตาคมก้มลงมองเปลวไฟลุกโชนตรงหน้าที่น้องเพิ่งจุดไว้.. เศษซากสูงเท่ากองทัพหนูโดนยาเบื่อนั่นมัน.. โอ้เฟร็ด โอ้จอร์จ เจนนิเฟอร์ ดัมเบิลดอร์.. ใครก็ได้บอกกูทีว่าซากเน่าพวกนั้นมันไม่ใช่ออพชั่นประดับบารมีห้องลิมิเตทเอดิชั่นประกายวิ๊บวับจากห้องที่อุตส่าห์นั่งขัดทุกเช้าทุกเย็น ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม.. ฮือออ ไรไม่ให้ตอม
แต่ไฟแม่งเผาเต็มๆ..
เถ้าถ่านสีเทาที่อยู่ในกองไฟทำให้ซึงฮยอนน้ำหูน้ำตาแทบจะไหลพราก
คนตัวเล็กตัวต้นเหตุเดินมือไพล่หลังผิวปากเข้าห้องครัวไปกินข้าวท่าทางอารมณ์ดี
..
โว๊ะ..
ปลายตะเกียบจิ้มไปที่หมูในจานอย่างเดือดดาล หนีบมาสองนาทีกว่าละ เจ้าหมูตัวดีดูท่าจะไม่ยอมให้เขาหนีบมันขึ้นมายัดใส่ปากได้เลย ในใจก็สงสัย มันเป็นวิณญาณโปสเตอร์เฮียรึเปล่า ถึงจองล้างจองผลาญวิถีการกินของเขาจัง
ซึงริตัดสินใจทิ่มตะเกียบลงไป ไม่สนแล้ว ไม่สนแล้ว จานจะพังก็ช่างหัว !
“ ฮึก.. ฮือ..”
เฮ่ย ! หมูบ้านนี้เซนท์ซิทีฟขนาดนี้เชียวเรอะแค่จิ้มเบาๆร้องอย่างกะพ่อตาย
“ ฮึก
ฮืออออ
”
ไอ้หมูห่านี่ไม่จบๆ -*-
ซึงริใช้ตะเกียบทิ่มลงไปที่หมูชิ้นเดิมอย่างแรงเสียงหลอกหลอนเขายังคงโหยหวนขึ้นเหมือนเช่นเคย ฟังให้ดีมันดูเหมือนไม่ค่อยใช่เสียงคนแฮะ.. พิจารณาสภาพการณ์พร้อมหลักฐาน .. อ๋อ .. อีซึงฮยอนรู้แล้ว .. มันไม่ใช่หมูตัวนี้หรอก.. มันเป็นหมูตัวที่เพิ่งยืนอยู่ข้างหลังเขาเมื่อกี๊นี้เอง..
ซึงริที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ทานข้าวหันขวับไปหาพี่ชาย.. ฉับพลันตะเกียบคู่ยาวในมือก็ตกเคร้งลงพื้นพร้อมหมูที่เพิ่งถูกเสียบติดเมื่อครู่ ภาพสะท้อนของเจ้าของแววตากลมโตที่กำลังเห็นตรงหน้า
ชเวซึงฮยอนในชุดสีดำทั้งชุดเดินเข้าห้องครัวมาพร้อมกับกรอบรูปที่มีรูปสาวฝรั่งซึ่งอีซึงฮยอนจำได้ว่ากระดาษส่วนใหญ่ที่เขาเผาไปเป็นรูปแม่นี่ทั้งสิ้นแล้วเฮียถือมาหน้าตาอาลัยอาวรณ์น่าจระเข้ฟาดหางมาก ยิ่งใบหน้าร้องไห้ฮึกๆสะอึกสะอื้นนั่นอีก.. คนทำผิดแต่ไม่รู้สึกผิดเอียงคอขึ้นมองพี่ชายก่อนทำหน้าเนือยๆ
ซึงริหยิบตะเกียบขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นก่อนเดินไปหาผู้มาใหม่
ดวงตากลมโตเหนือขอบตาคล้ำเล็กน้อยมองซึงฮยอนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ เฮีย.. เค้าเผาของเฮียมาเยอะแล้ว เฮียน่าจะชินได้แล้วนะ” ตบบ่าปุๆหน้าตาเห็นใจ
“ ลิมิเตทเอดิชั่นมันไม่เข้าใครออกใคร..”
“ - -*”
“ มาฌาปนกิจบริทย์เฮียทำไม.. บริทย์เฮียทำอะไรให้.. บริทย์เฮียไม่ใช่ไก่ติดไข้หวัดนกนะ จะได้เผาเอาๆ”
ซึงริถอนหายใจเฮือกใหญ่อะไรจะเสียดายของขนาดน้านนน.. แค่เผานิดเผาหน่อยทบทวนความหลัง(?) ทำมาร้องไห้โอดครวญเป็นเด็กๆ ตัวก็โตมายืนใส่เสื้อดำปึ้ดในมือกุมกรอบรูปไว้อาลัยเหมือนแม่ม่ายสามีเสีย นี่เหลือโปสการ์ดไว้ให้ตั้งแผ่นนึงยังทำมาคร่ำครวญไม่เลิก
อีซึงฮยอนส่ายหัวหน่ายๆ “ แกล้งนิดๆหน่อยๆทำเป็นร้องไห้”
คำพูดที่ซึงฮยอนเพิ่งนึกออกว่าเขาเคยได้ยินบ่อยมากตอนเด็กๆนอกจากเสียงหัวเราะอุวะฮ่าๆๆๆนั้นแล้วยังมีอีกประโยค.. คุณนายอีแม่ของซึงริมักพูดประจำเวลาที่แวะเวียนมาเยี่ยมบ้านเขาพร้อมลูกชาย
“ อย่าแกล้งพี่เค้านักสิลูก”
ตายห่าน่าอายเป็นที่สุด
สองสามปีมานี้นึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นตัวเองโดนน้องแกล้งมากมายอะไรถึงขนาดยอมศิโรราบแทบเท้าขนาดนั้น แต่ตอนนี้ก็พอจะนึกภาพตัวเองวัยเด็กออกลางๆ.. ถ้าจำไม่ผิดจำได้ว่าตอนนั้นโดนเผากันดั้มร้องไห้หลังคาบ้านแทบปลิว นี่เขาลืมวีรกรรมของอีซึงฮยอนไปได้ยังไงถึงชะล่าใจทิ้งของรักของตัวเองอยู่ตามลำพังตกเป็นเป้านิ่งให้น้องไปเผาเล่นอย่างนี้
หน้าโง่จริงๆ.. นอกจากหน้าตาดีแล้วยังหน้าโง่อีก ชเวซึงฮยอนอยากเอาค้อนสำลีตีหัวตัวเองให้หายโง่ ใครก็ได้ประดิษฐ์ออกมาทีดิ๊พ่อจะยกไอ้ตัวขาวตรงหน้าให้เป็นรางวัล ฮือออ อยากเจ็บตัวแบบเบาๆ T^T
ไม่รู้ล่ะ.. ถ้าทำอะไรไม่ได้ล่ะก็.. จะยืนร้องไห้ล้างแค้นอยู่ตรงเนี้ย ! เอาให้เด็กแสบนี่กินข้าวไม่ลงเลย !
“ ฮือออ น้องบริทย์ของพี่..”นอกจากงอแงธรรมดาแล้วยังเดินซุ่มซ่ามไปเหยียบตะเกียบของน้องที่เพิ่งร่วงอีก
ซึงริมองหน้าซึงฮยอน ดวงตากลมฉายแววเบื่อๆเซ็งๆเล็กน้อยที่ต้องไปหยิบตะเกียบใหม่แล้วต้องมานั่งเสียบหมูอาถรรพ์ใหม่ที่ไม่รู้จะร้องโอดโอยขึ้นมาอีกเมื่อไหร่.. ด้วยความหิวปนรำคาญอีซึงฮยอนจึงอัญเชิญคุณผู้ชายแห่งบ้านชเวเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ตัวตรงข้ามแล้วยื่นข้าวจานโตให้คนข้างหน้า
อย่า !.. ซึงรีคนใจร้าย.. นึกว่าเอาข้าวฟาดหัวเขาแล้วเขาจะยอมจบง่ายๆเรอะ !
“ เฮีย.. ไม่ต้องเศร้านะ ยังไงเฮียก็มีผมอยู่” พูดแล้วใช้ตะเกียบคู่ใหม่เสียบหมูวางใส่จานข้าวเด็กขี้แย(?)
“ อาภัพกว่าเดิมอีก..”
คนที่ถูกเรียกว่าตัวอาภัพฉุนกึก นิ้วเรียวทิ่มตะเกียบกระชากหมูที่เพิ่งยื่นใส่จานเฮียชุดดำเข้าปากตัวเองแทน ซึงริเคี้ยวตุ้ยๆแล้วมองหน้าซึงฮยอนที่ก้มหน้าสะอึกสะอื้นพลางลูบกรอบรูปในอ้อมแขนอย่างอาลัยรัก .. อยากจะถอนหายใจดังๆแปดสิบรอบ ขนาดล่อด้วยอาหารเฮียยังไม่ยอมหยุดร้องอีก เหลือเชื่อจริงๆให้ตาย
“ วันนี้ฉันจะนั่งประท้วงไม่กินข้าวอยู่อย่างเงี้ย ”
“ ประท้วงไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมาอะ?”
“ สัญญามาก่อนว่าจะซื้อใช้คืนเฮียทั้งหมด..”
“ โว๊ะ !” ซึงฮยอนสะดุ้งเฮือกเมื่อหน้าน้องไม่สบอารมณ์มาพร้อมเสียงโว๊ะดังลั่น
“ ม.. ไม่ต้องทั้งหมดก็ได้ สามชิ้นก็ยังดี นะ นะ.. ” ลดข้อต่อรองนิดนึง..
อีซึงฮยอนหมดอารมณ์กิน
ถึงจะพูดว่าหมดอารมณ์กินแต่ความจริงกินไปจนข้าวหมดหม้อแล้วต่างหากคนตัวเล็กถึงยอมถอยทัพให้ห้องครัวเป็นห้องไว้อาลัยของซึงฮยอน ข้อเสนออะไรนั่นอย่าคิดอย่าฝันว่าเขาจะยอม.. กระเพาะใครกระเพาะมัน เฮียไม่กินข้าวใช่ว่าเขาจะเป็นโรคกระเพาะนี่ ! กินไม่กินก็ช่างปากเฮียดิ.. ไม่ได้หนักปากเขา..
ร่างบางหยิบจานของตัวเองไปแช่ในซิงค์ ล้างมือเล็กน้อยแล้วเช็ดกับผ้าที่พาดไว้ข้างผนัง
ซึงรีเดินผ่านตัวซึงฮยอนผู้ทุกข์ระทมไปอย่างไม่เห็นหัว
ขมขื่น
หนุ่มเสื้อดำขมขื่นอะไรอย่างนี้ !!
..
ห้องนั่งเล่น
คนทำผิดนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่บนโซฟา มือขวาก็หยิบป๊อบคอร์นข้างตัวกินมือซ้ายก็ถือถุงมันฝรั่งทอดกรอบ ไม่สังเกตอะไรเลย ไม่สังเกตเลยสักนิดถึงเจ้าของร่างอมทุกข์ลูกชายเจ้าของบ้านรวมถึงเจ้าของทีวีที่เขาดูอยู่เพิ่งเดินมาเกาะประตูห้องนั่งเล่นนั้นหน้าตาเว้าวอนขนาดไหน
‘ปิ๊ด’~
‘ กฎแห่งกรรมมีจริง ทำสิ่งใดไว้จะได้สิ่งนั้นตอบแทน พึงกระทำกรรมดีให้มากเถิดมนุษย์เอ๋ย
.’
“ เฮีย เสียมารยาทว่ะ คนเค้าดูอยู่ไม่เห็นเหรอ เลิกระรานเค้าได้ละนะ ” ซึงริแหวลั่นหลังคาบ้านแทบปริเมื่อภาพจอสีสันสดใสถูกเปลี่ยนเป็นรายการคติธรรมประจำวันสีดำปึ้ดมืดทมึนชวนหดหู่กับพิธีกรที่เขาคิดว่าหน้าตาคล้ายสัปเหร่อแถวบ้าน มันถูกเปลี่ยนช่องโดยสัญญาณรีโมตจากชายผู้ผิดหวังในชีวิต (?) ที่เพิ่งมาหาที่ไว้อาลัยที่ใหม่ในห้องนี้ หึย .. เขาอุตส่าห์สละห้องครัวให้ทำใจแล้วยังไม่พอใจอีกทำไมต้องมาระรานชาวบ้านเค้าอย่างนี้ด้วยนะ !
ระราน.. ระราน.. ใครระรานใครกันแน่ครับน้องขาวคนดี TT[]TT
“ วันนี้เฮียจะไม่กินข้าวจริงๆนะเว้ย ”
“ รู้แล้ววว บอกอะไรนักหนา เค้าหุงข้าวกินเองเป็นน่า ! เอารีโมตมา ” .. แล้วมือเล็กก็แย่งรีโมตกลับมาเปิดรายการช่องเดิม
น้องแม่งเย็นชากับกูมาก
“ เฮียเหลือโปสการ์ดใบนั้นแค่ใบสุดท้ายแล้วนะ แกจะแอบเอาไปเผาอีกมั้ย”
“ อืมมม..~ ไม่แน่” ลากเสียงยาวแล้วหัวเราะทีวีต่อ
“ เฮียรักของเฮียจริงๆนะเว้ย”
“ ถ้าวันนี้ไม่กินข้าวทั้งวันอย่างที่บอกจริงจะยอมไม่เผาอันนั้นก็ได้”
กรี๊ดด ด ดด ดด ~
‘บอกที เธอทำไมใจร้ายใจดำอย่างนี้
หายไปไหนคนที่แสนดี
’
ตอนเด็กๆซึงริเคยแสนดีกับเขานะ แต่นับจากวันที่เผากันดั้มส่งท้ายวันจากลาเขาก็ไม่เคยเห็นความแสนดีของน้องอีกเลย
แล้วตอนนี้อดีตคนแสนดีกำลังนั่งหัวเราะสนุกสนานกับรายการตลกปัญญาอ่อนที่ร้อยวันพันเดือนเขาไม่เคยฮากับมันเลยสักแอะ.. แล้วขอร้องล่ะเห็นหัวกันบ้างได้มั้ย บอกว่ารักนักรักหนาอยากดึ่งดึ๊งดั่งดั๊งโบอาดาเบมีซัมติงด้วยแต่พอคนเขาประท้วงอดข้าวก็ไม่สนใจ แถมยื่นข้อเสนอบั่นทอนพลังงานกายกันอีก..
ก็ได้ กล้าท้าก็กล้ารับ.. แค่ข้าวสามมื้อมันจะเป็นอะไรไปวะ !
..
ตกกลางคืน..
ซึงฮยอนซึ่งท้องร้องโครกครากๆกำลังนั่งพิมพ์รายงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ภายในห้องนอนตัวเองที่สะอาดเรี่ยมเร้ประหนึ่งถูกปิศาจ(?)เผาขยะปล่อยลำแสงใส่ขยะในห้องเขาซะเกลี้ยง.. ไม่ต้องประหนึ่งประเหนิ่งอะไรหรอก แม่งก็ปิศาจจริงๆเนี่ยแหละจัดการซะราบเป็นหน้ากลอง..
เหลือโปสการ์ดบริทนีย์แคะขี้ฟันมีรอยไหม้ตรงขอบนิดหน่อยไว้อันนึงเป็นอนุสรณ์สถานว่าที่แห่งนี้เคยมีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมันอาศัยอยู่ ถึงตอนนี้จะมลายชีพวอดวายลอยหายไปตามสายลมหมดตั้งแต่เช้าแล้วก็เถอะ ฮือ นึกแล้วหน้าตาดีเฮิร์ต..
ครืดดด ครา กก กโครกก..~
ท้องลูกพ่อครับ ..มึงช่วยร้องแบบมีชาติตระกูลสักนิดได้มะล่ะฮึ? ร้องอย่างกะชักโครกเสีย ใครมาได้ยินมันจะไม่งาม =__=
ระหว่างที่ชเวซึงฮยอนลูบท้องตัวเองซ้ายทีขวาที(?)พลางใช้มืออีกข้างพิมพ์ข้อมูลรายงานไป ประตูไม้ที่ถูกซัดตูมตอนเช้าสภาพร่อแร่ก็เปิดออกพร้อมกับสมาชิกอีกคนในบ้านในชุดนอนลายทางสีขาวสลับชมพู
พร้อมกลิ่นบางอย่าง
เปล่า.. ไม่ใช่กลิ่นแชมพูสตรอเบอร์รี่ที่น้องเพิ่งสระผมมาหรอก
เอ่อ..ไม่ใช่กลิ่นเรอเหม็นเปรี้ยวของเขาด้วย .. เออแล้วนี่กูจะประจานตัวเองทำไม
ร่างบอบบางในชุดนอนเดินเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมบางอย่างที่ส่งกลิ่นหอมฉุยมาจากมือเรียวคู่นั้น
ซึงรีวางจานใส่ข้าวหน้าเนื้อไว้บนโต๊ะคอมหน้าตัวซึงฮยอนแล้วทิ้งตัวลงไปนั่งจุ้มปุ๊กบนเตียงของพี่ใหญ่
แววตากลมโตเจ้าของมือเรียวที่กำลังเช็ดผมที่เพิ่งสระของตัวเองหันไปมองคนอมทุกข์เมื่อตอนกลางวันที่กำลังมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ ประหนึ่งเห็นอะไรแปลกที่สุดในโลกปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า
อะไร ! แค่เอาข้าวมาให้มองหน้าอย่างกับเขาเป็นเอลวิส เพรสลีย์
ซึงฮยอนเดินเข้าไปบีบแขนน้องบนเตียงเบาๆหน้าตากังวล “ ผีที่ไหนเข้ารึเปล่า ไม่มีไข้ใช่มั้ย? ”
น้องผีเข้าตัวขาวยังคงเช็ดผมเปียกหมาดๆต่อไป ซึงรีพึมพำปากขมุบขมิบแล้วกลอกตาขึ้นลงหน่ายๆก่อนหันไปตอบด้วยอารมณ์บูดที่เริ่มเพิ่มขึ้นตามสเกลความกังวลบ้าบอของซึงฮยอน
“ เค้าเอาข้าวมาให้ .. เออ
ก็ได้เค้ายอมแพ้เฮียก็ได้รูปที่เหลือใบสุดท้ายนั่นเค้าสัญญาว่าเค้าจะไม่เผามัน เฮียกินข้าวเหอะ.. สงสารว่ะ ”
โอ้วสเนป !! นี่สินางฟ้าน้อยๆคนเดิมของเฮีย !!
ชเวซึงฮยอนพุ่งไปยังโต๊ะคอม เขาจัดการซัดข้าวหน้าเนื้อฝีมือน้องเข้าปากโฮกฮากโฮกฮากเหมือนโลกนี้ข้าวหน้าเนื้อจานนี้คือที่สุดของที่สุด เดอะเบสท์ออฟ Rice Face Beef เชฟที่ไหนยังทำได้ไม่อร่อยเท่าน้องขาวของเขาทำเลย โอย.. ชิท พูดไม่ออก ความอร่อยมันจุกอก.. จุกปาก.. จุกบลาๆๆ
ระหว่างที่กำลังกินอย่างไม่สนโลกอยู่นั้น..
ซึงริยิ้มน้อยๆแล้วเดินเข้าไปกอดคอซึงฮยอนจากข้างหลัง
“ ข้าวจานนี้มีข้อแลกเปลี่ยนนะเฮีย~”
“ หือ ? อะไรอะ” ปากยังเคี้ยวเนื้อหยับๆอยู่ไม่กลัวมันพุ่งเข้าไปบดบังออร่าความขาวของน้องที่กอดตัวเองอยู่สักนิด ..อีซึงฮยอนพึมพำในใจ.. เฮียแม่งมูมมามบัดซบว่ะ..
บายเดอะเวย์.. บัดซบไม่ใช่เรื่องสำคัญ.. ซึงริรักเฮียก็เพราะความบัดซบสุดยอดของเฮียนี่แหละ ( ?)
คนตัวเล็กเอียงหน้าเข้าไปใกล้หูของคนที่นั่งโซ้ยอยู่บนเก้าอี้ก่อนกระซิบเบาๆ “ ข้อแลกเปลี่ยนก็คือ..”
ซึงฮยอนนั่งนิ่งเคี้ยวข้าวตุ้ยๆรอฟังเสียงใสพูดต่อ
“ .. คืนนี้.. ให้ผมเป็นของเฮียนะ ~ ”
ไม่ต้องบรรยายถึงจำนวนเม็ดข้าวที่พุ่งจากปากเฮียอ้วนใส่มอนิเตอร์คอมดวงกุด
เสียงแบบเมื่อกี๊นี่มันอะไรวะไหนจะประโยคที่พูดอีก !? แอทแทครุนแรงทำเขาแทบตกเก้าอี้.. ซึงริไปฝึกทำเสียงแบบนั้นมาจากไหน ? ครูอ้วนตีสิบเหรอ ? ใครสอน แม่งเกินเด็กไปใหญ่โตละแล้วสอนยังไงทำไมสำหนกสำเนียงเหลือร้ายขนาดนั้นครับน้อง !
น่าเอาไปทำริงโทน เฮ่ยไม่ใช่ๆๆ เด็กตัวแค่นี้พูดแบบนี้ได้ไงเดี๋ยวโดนแบน กูต้องห้ามๆ
“ อ..อย่าใช้เสียงแบบนั้นกับเฮียอีกนะ.. ” .. เออสิ เกิดกูเตลิดไปทำมันท้องใครรับผิดชอบ -*-
“ อู๊ววว ซึงฮยอนฮยอง ผมรักเฮีย ~ ”
พรูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ใบหน้าอีซึงฮยอนมีสภาพไม่ต่างกับจอมอนิเตอร์คอม
จอมอนิเตอร์เคลื่อนที่เดินกระทืบเท้าปึงๆลงบันไดชั้นล่างไปไม่หันกลับมามองคนสำลักข้าวด้านหลังที่พร่ำคร่ำครวญคำขอโทษนับสิบอีกเลย..
มองเห็นเส้นทางชีวิตบริทนีย์รูปสุดท้ายลางๆซะแล้วสิ TT_______TT
TBC..
ความคิดเห็น