ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    White rose Sweet heart [ BigBang ] Yaoi

    ลำดับตอนที่ #1 : [Ch.1] White rose legend 100%

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 52


     

     

               ตำนานเจ้าชายกุหลาบขาว เป็นตำนานที่กล่าวถึง โคโร' เด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้อาศัยอยู่ในเมืองชนบทเล็กๆ ครอบครัวของเขามีฐานะยากจนและอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน วันหนึ่งแม่ของโคโรป่วยเป็นโรคร้ายที่ไม่มีหมอคนใดในเมืองรักษาได้ เด็กหนุ่มพยายามทุกวิถีทางในการหาวิธีรักษาผู้เป็นแม่แต่ก็ไม่เจอหนทางที่จะแก้โรคประหลาดนี้ได้เลย  

                วันหนึ่งขณะที่เดินทางเสาะหาวิธีการรักษาแม่นั้น โคโรได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกุหลาบปราสาทสีขาวภายในป่า จายา' ป่าลึกที่ไม่มีผู้ใดที่เข้าไปแล้วจะสามารถกลับออกมาในสภาพที่เรียกว่าปลอดภัยและถึงที่สุดก็เสียชีวิต... แต่หากเพียงได้กุหลาบนั้นมาครอบครอง เกสรของมันมีความสามารถในการเยียวยาโรคได้ทุกชนิดและโรคที่แม่ของเขาเป็นก็เช่นกันหากแต่... เจ้าของปราสาทขาวนั้นเป็นแม่มดผู้งามสง่าหากแต่ว่ากันว่ามีจิตใจที่ไม่เป็นมิตรนัก...

     

    ทว่า...ข้อแลกเปลี่ยนกับกุหลาบหนึ่งตะกร้านั้น ก็ต้องมีค่าเท่าเทียมกัน...

     

    โคโรเข้าป่าไปลึกเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก็ได้พบปราสาทสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เขาแอบเข้าไปในปราสาทนั่นโดยพยายามไม่ให้ผู้ใดสังเกตเห็นและในที่สุดภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือสวนกุหลาบขาววิเศษนั้น

    โคโรยิ้มกระหยิ่มในใจพลางเด็ดกุหลาบพวกนั้นใส่ตะกร้า เขาไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองอยู่ตลอดเวลา ...จนกระทั่งได้กุหลาบขาวมาจำนวนมากพอที่จะต้มเป็นยาโคโรจึงเดินไปยังรั้วเพื่อออกจากปราสาทนั่นและกลับไปหามารดาของตน

     

    ทว่าทันใดนั้นหญิงงามคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา โคโรรู้โดยสัญชาตญาณทันทีว่าหญิงผู้นี้เป็นเจ้าของกุหลาบเต็มตะกร้าที่เขาขโมยไป... ชายหนุ่มคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องหญิงสาวเรื่องกุหลาบขาวที่เขาจะเอาไปรักษาผู้เป็นแม่โดยยอมแลกกับเสียงของเขาที่จะไม่สามารถเปล่งออกมาได้ตลอดชีวิต'

     

    เมื่อเห็นความกตัญญูของโคโรนางแม่มดผู้มีแต่ความมืดดำมาตลอดชีวิตก็อดที่จะเริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นจากประหลาดที่ออกมาจากชายหนุ่มไม่ได้ เธอไม่แน่ใจว่าเธอเกิดความรักต่อเขาเสียแล้ว

     

     

    นางแม่มดขอให้เขารักษาสัญญาที่ให้ไว้ภายในเวลาสามวันว่าเขาจะต้องกลับมาอีก

     

    โคโรออกจากป่าไปพร้อมตะกร้าที่เต็มไปด้วยกุหลาบขาว เขานำไปทำเป็นยาและรักษาผู้เป็นแม่จนหาย ตกกลางคืนที่ต้องรักษาสัญญา  ระหว่างที่หญิงชราผู้เป็นแม่นอนหลับนั้น เขาแอบเข้าไปในปราสาทที่ป่าจายาเพื่อทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้  

    เมื่อมาถึงสวนกุหลาบนั้น นางแม่มดปรากฎตัวออกมาและใช้หนามกุหลาบขาวนั้นทาบลงไปที่ต้นคอของชายหนุ่ม... โลหิตสีแดงสดของเขาร่วงหยดสู่ธุลีดิน หญิงสาวยื่นมือไปรับเสียงไพเราะของเขาจากต้นคอนั้นมือของหล่อนเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของโคโร

     

    หากแต่ระหว่างที่นางแม่มดกำลังดึงเสียงออกจากร่างชายหนุ่ม ในใจหล่อนก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้น ความคิดเร็วไม่เท่าการกระทำ... หล่อนรีบนำเกสรกุหลาบขาวมาทาบบริเวณรอยแผลนั้น... ร่างของนางสลายไปทันทีเมื่อเกิดความคิดลังเลแวบนั้นขึ้น หล่อนกลายเป็นกลีบกุหลาบสีขาว นางแม่มดไว้ชีวิตเขา... เธอกระทำผิดกฎข้อหลักของแม่มด

     

    โคโรตกใจมากเมื่อเห็นหล่อนหายไปต่อหน้าต่อตา... เขาผิดสัญญาต่อหญิงสาว เสียงของเขายังอยู่ หากแต่เขากลับได้กุหลาบของหล่อนไป... ชายหนุ่มเสียใจ เขาเก็บกลีบกุหลาบขาวนั้นไว้และให้คำสัญญากับมันว่าเขาจะดูแลสวนกุหลาบขาวแทนเธอ

     

    ผู้คนต่างเรียกเขาว่าเจ้าชายกุหลาบขาว

     

    ว่ากันว่าลูกหลานของเขาจะมีพรสวรรค์บางอย่างที่คนอื่นไม่มี...

     

    ทว่า...หากพวกเขาใช้พรสวรรค์นั้น...

     

     

    "เห็ดแม่งจะงอกบนหัว"

     

     

    ชเวซึงฮยอนถูกเขวี้ยงก้อนกระดาษเศษยางลบใส่หัวไม่ยั้งทันทีที่พูดประโยคข้างต้นแทรกตำนานที่เพื่อนค่อนห้องเขากำลังรับฟังอย่างใจจดใจจ่อ

     
    เรื่องลึกลับ' เป็นเรื่องที่ซึงฮยอนคิดว่าไร้สาระที่สุดในบรรดาทุกหัวข้อเรื่องพูดคุยที่เขาเคยได้ยินมา

    วันหนึ่งซึงฮยอนเดินผ่านซอกตึกเพื่อไปยังตึกคณะศึกษาศาสตร์เพื่อไปรับไฟล์รายงานจากเพื่อนที่เขาฝากทำส่วนต้นเล่มไว้ ชายหนุ่มเกาศีรษะน้อยๆ เขาหาวแล้วบิดขี้เกียจด้วยท่าทางเกียจคร้าน

     

    ซึงฮยอนนึกถึงคำพูดของเพื่อนร่วมชั้นที่มีนิสัยแปลกๆคนหนึ่งที่พูดขึ้นช่วงเบรก

     

    ฉันสัมผัสได้ ในที่นี้... ในที่นี้ ลูกหลานของโคโรอยู่...อยู่ที่นี่ !!'

     

    ซึงฮยอนเคาะหนังสือตัวเองปึงปึง เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายอีกครั้ง"ไม่ยักรู้ว่าห้องเราจะมีทายาทเจ้าชาย "

     

    ชเวซึงฮยอน ! ชเวซึงฮยอน ฉันสัมผัสได้.. คำสาปที่ใกล้จะมาถึง... นายนั่นแหละลูกหลานของเขา นายกำลัง...กำลังจะเจอคำสาป คำสาปที่จะตามมาพร้อมกับการปรากฎพรสวรรค์ของนาย !'

     

    สายตาทุกคู่ในห้องจับจ้องไปยังเขา

    ซึงฮยอนเบะปาก เขาพึมพำเบาๆทำนองไม่เชื่อ หากแต่ กยูจงแว่นหนาเตอะ' ผู้ที่ซึงฮยอนคิดว่าไม่ค่อยสมประกอบกับทำท่าทางยืนยันชี้นิ้วมาที่เขาแววตาหวาดกลัว

    เมื่อเห็นเพื่อนในกลุ่มนั้นที่มองมาทางเขาด้วยสายตาแปลกๆซึงฮยอนก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

     

    เขากลอกตาขึ้นลงแล้วเอาหนังสือเล่มโตไปวางบนโต๊ะเลคเชอร์ที่เต็มไปด้วยคนล้อมรอบของกยูจง เขากระชากคอเสื้อด้านหลังของเพื่อนตัวสูงที่นั่งฟังตำนานอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

    " แทค แดกข้าว "

     

    แทคยอนเดินออกมาจากโต๊ะที่ถูกรุมล้อมของกยูจง เขาหัวเราะร่วนแล้วขยี้หัวชเวซึงฮยอนที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนทุกคน เขาโค้งตัว 90 องศาให้เพื่อนที่กำลังอารมณ์บูดพลางกลั้นหัวเราะในลำคอ

    " น้อมรับคำสั่งเจ้าชายจ้ะ "

     

    และนั่นเป็นเรื่องราวช่วงพักเบรกที่ซึงฮยอนคิดว่าไร้สาระที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินเรื่องราวตำนานอะไรมา และที่สำคัญไอ้แว่นนั่นยังบอกว่าตำนานนี้จะสิ้นสุดที่รุ่นเขาด้วยแล้วซึงฮยอนยิ่งคิดว่ามันไร้สาระเข้าไปใหญ่

     

     

    เห๊อะ.. เจ้าชายกุหลาบ

    มีเจ้าหญิงกุหลาบหุ่นแบบบริทนีย์มาประเคนให้สักคนพ่อจะยอมรับให้เหอะ !

     

    ..

     

     

    " ไม่เวิร์คเลยว่ะ ไม่เวิร์คมากมาก ไม่เวิร์คที่สุดในโลก"

    " ไม่เจ๋งเลยว่ะ ไม่เจ๋งมากมาก ไม่เจ๋งที่สุดในโลก"

    " ไม่ปลื้มเลยว่ะ ไม่ปลื้มมากมาก ไม่ปลื้มที่สุดในโลก"

     

    เสียงทุ้มพร่ำพรรณนาผ่านทางโทรศัพท์ยามวิกาล นาฬิกาตั้งโต๊ะบอกเวลา 3 นาฬิกาของอีกวัน เจ้าของเสียงมัวคร่ำครวญเรื่องไม่ยุติธรรมของตัวเองกับคู่สนทนาโดยไม่รู้เวลามาสิบนาทีกว่าแล้ว เบอร์แรกที่ซึงฮยอนกดโทรศัพท์ไปโอดครวญเส้นทางชีวิตของเขาก็เป็นเพื่อนรักผู้ดวงตกคืนนี้

     

     

    " แทค! ลองคิดดูดิมันยุติธรรมสำหรับผู้ชายตัวน้อยๆอย่างกูเหรอ ป๊ากับม๊าทำอย่างงั้นกะกูได้ไงวะ "

    " กูเพิ่งทำโปรเจคของมหาลัยได้ครึ่งเองนะเว้ย คอมแม่งก็ใกล้เดี้ยง ยังต้องมาดูแลเด็กที่ไหนไม่รู้อีก "

     

    ซึงฮยอนเคาะเมาส์อย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมองเห็นประโยคแสดงอะไรสักอย่างที่เออเร่อในคอมพิวเตอร์ตัวโปรดของเขา ไอ้โครงงานมาเกตติ้งซากๆของเขาเพิ่งจะเกินขีดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไปได้เมื่อสองวันก่อน

     

    ย้อนกลับไปเมื่อสี่สิบห้านาทีก่อน

    ระหว่างที่ซึงฮยอนนอนกลิ้งอยู่บนเตียงกรนเสียงดังพลางเกาหน้าท้องแกรกๆอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ระบบสั่นนรกก็สั่นขึ้นจนแทบจะทำให้เก๊ะวางของข้างเตียงเขาพัง

    ซึงฮยอนยื่นมือไปมาสะเปะสะปะคลำหาโทรศัพท์ที่เหมือนกำลังเป็นลมบ้าหมู เขาคว้าโทรศัพท์แล้วเปิดฝาพับขึ้นรับโดยไม่ได้ดูชื่อเพราะลืมตาไม่ขึ้น น้ำเสียงงัวเงียรับสาย เจ้าของมันยังนอนเท้งเต้งอยู่บนเตียง

     

    " หน้าตาดีพูดครับ.."

    "( ซึงฮยอนแม่เองนะลูก อาทิตย์นี้แม่จะไปงาน... )"

     

    จุดจุดจุด คือสิ่งที่เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองฝันไปหรือว่าได้รับโทรศัพท์จริงๆ ซึงฮยอนได้ยินประมาณว่าแม่จะไปดูงานอะไรสักอย่างสักอาทิตย์นึงแล้วก็ดูน้ำดูไฟที่บ้านให้ดีซึ่งเรื่องนี้ก็โอเคเพราะเขาไม่ใช่เด็กๆและแค่อาทิตย์เดียวเขาก็ดูแลตัวเองได้ หากแต่ว่า..

    ประโยคหลัง..

     

    ห้านาทีต่อมาชเวซึงฮยอนเด้งตัวขึ้นจากเตียง คำพูดที่วนเวียนในหัวของเขาก่อนวางโทรศัพท์เขาจำได้คร่าวๆอย่างที่บอกข้างต้นเท่านั้น แต่ประโยคหลัง.. ประโยคหลังที่แม่พูดมันค้างคาใจจนนอนต่อไปไม่ลง.. ถ้าจำไม่ผิด

     

    " น้องเขาอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้.. ช่วงที่แม่ไม่อยู่ก็ฝากดูแลน้องด้วยละกันนะจ๊ะ"

     

    อ้าว ชิบหาย..

      
    และนี่คือต้นเหตุที่เขาต้องตื่นขึ้นมาตีโพยตีพายกลางดึกขนาดนี้ นัยน์ตาคมกริบมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลโปรเจคต์งานของเขาซึ่งไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมจากห้าชั่วโมงที่แล้วสักนิดเดียว เสียงทุ้มกรอกไปยังปลายสาย  

    " เฮ่ย.. โปรเจคต์มึงถึงไหนแล้ว?"

    เงียบ

    ชเวซึงฮยอนเงี่ยหูรอฟังเสียงตอบรับจากเพื่อนปลายสาย .. ยังคงไร้เสียงตอบ

     

    " แทค โปรเจคต์ของมึงถึงไหนแล้ว"

    " แทค"

    .

    .

    " เชี่ยยยยยแทค !!!!!!!"

    " ครับครับครับ! แทคยอนพิซซ่าสวัสดีครับ โปรโมชั่นใหม่ของร้านเราวันนี้ สั่งหนึ่งถาดแถมฟรีอีกหนึ่งถาด หน้ากุ้งหน้าเป็ดหน้าปลาหน้าหอย.."

    ..  

    " อ้าว ไอ้เทมป์.. โทรมามีส้นเท้าอะไรดึกๆดื่นๆ"

    "..."

    " กูไม่ใช่มนุษย์ค้างคาวเหมือนมึงนะครับเจ้าชาย จะได้แหกขี้ตามารับโทรศัพท์ตีสามตีสี่ได้ งานกูมี พรุ่งนี้กูต้องรีบไปส่งพิซซ่าแต่เช้าอีก มึงมีไรรีบพูดๆมา"

    "..."

    " อ้าวไอ้เวร ทีกูให้พูดเสือกไม่พูด ถ้ามึงไม่พูดกูจะวาง"

     

    ซึงฮยอนกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินปลายสายตอบเขา มือขวาเกือบบีบเมาส์แหลกเป็นผงคามือ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วระบายออกไปอีกรอบ

    " ฟังกูนะครับไอ้เวรแทค.. แม่กูจะไปงานอะไรไม่รู้แล้วฝากกูให้ดูแลลูกเพื่อนแม่ให้ด้วยอาทิตย์นึง"

    " อือ ดีแล้วไอ้แว่นมันบอกว่าเจ้าชายกุหลาบแม่งต้องรักเด็ก มึงฝึกๆไว้ก็ดีนะครับพะย่ะค่ะ "

    " ..."

    " โอ๋ๆ ล้อเล่นน่า อย่าทรงกริ้วสิวะ"

    " ไอ้ห่านี่ กูจริงจังนะเว้ย"

    " เออ ๆ ต่อเลยครับ "

     

    " กูยังไม่รู้เลยว่ะว่าน้องเค้าเป็นใคร ตอนแม่บอกกูก็สลึมสะลือฟังไม่รู้เรื่อง"

    .

    " แล้วโปรเจคต์กูก็ยังไม่เสร็จ ยังจะต้องมารับภาระดูแลน้องเค้าอีก มึงดูแม่กูทำกับกูดิ"

    .

    " มหา'ลัยให้หยุดอาทิตย์นึงแทนที่กูจะใช้เวลาทำโปรเจคต์ กูต้องมาอยู่กับเด็กอะนะ ไม่เวิร์คเลยว่ะ ถ้ากูติดเอฟวิชานี้ใครจะรับผิดชอบ"

     

    ระหว่างที่เขาเลื่อนเม้าส์คลิกคีย์ข้อมูลต่างๆจากรายงานเล่มก่อนๆบางส่วนใส่ลงไปในไฟล์รายงานของมหาลัยนั้น ชเวซึงฮยอนเว้นระยะคำพูดเพื่อฟังความเห็นของเพื่อนประมาณสามวิฯ แต่เสียงที่ตอบกลับมายังคงเป็นเพียงความเงียบเช่นเคย

     

    ซึงฮยอนมองหน้าจอโทรศัพท์.. เลขเวลาการโทรของเขามันก็ยังกระดิกอยู่นี่หว่า ไอ้นั่นมันก็ยังไม่ได้ตัดสายไปไหนแล้วทำไมถึงไม่ยอมตอบเขา ..  เกิดอาการหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นในหัวซึงฮยอนตะหงิดๆ ที่เงียบไปนี่คงไม่ใช่...

    " แทค"

     "ไอ้แทค"

    ..

    .

    " เชี่ยยยยยยยยยยแทค !!!!!!!"

    " ครับครับ! โปรโมชั่นใหม่ของร้านเรา สั่งหนึ่งถาดแถมฟรีอีกหนึ่งถาด หน้ากุ้งหน้าเป็ดหน้าปลาหน้าหอย.."

     

    ( ซึงฮยอนกระแทกโทรศัพท์ลงบนเตียงแล้วหันกลับไปพิมพ์งานต่อ )

    ..

     

     

    เช้าที่สดใส.. เด็กหนุ่มตัวผอมบางยิ้มออกมาด้วยจิตใจที่เบิกบานไม่ต่างกับรอยยิ้มบนใบหน้า ร่างเล็กตบกระเป๋าเป้สีขาวของตัวเองปุปุแล้วมองตรงมายังบ้านหลังคาสีฟ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า คนตัวเล็กดันประตูรั้วบ้านแล้วเดินเข้าไปยังหน้าบ้าน

     

    เจ้าตัวรูดซิปกระเป๋าหน้าของเป้ตัวเองเพื่อหยิบกุญแจสำรองที่เจ้าของบ้านหลังนี้ให้ไว้ นิ้วเรียวไขกุญแจและบิดลูกบิดประตูเพื่อเข้าไปในบ้าน เขาหันกลับไปปิดประตูก่อนถอดรองเท้าใส่ชั้นและใช้สลิปเปอร์คู่ขาวที่วางอยู่หน้าประตูบ้านด้านใน

     

     

    นัยน์ตากลมโตมองไปยังห้องครัวด้านข้างห้องรับแขก ในใจพลางคิดถึงอุปกรณ์เครื่องครัวที่ตัวเองเคยเล่นเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เขาเล่นกับลูกชายเจ้าของบ้านนี้ที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงที่ห้องนอนชั้นบนของบ้านนี้ซึ่งอีกไม่นานเจ้าตัวมั่นใจว่าชายหนุ่มจะต้องตกใจกับการมาของเขาเป็นแน่

     

    ร่างนั้นเดินออกจากห้องครัวไปยังห้องรับแขก เขาเดินไปหยุดยังเสาต้นหนึ่ง ภาพในดวงตาสะท้อนลายมือที่มองครั้งแรกก็รู้ว่าเป็นลายมือของเด็กสองคนถูกขีดเขียนอยู่บนฝาผนัง รอยขีดแรกอยู่เหนือรอยขีดที่สองเล็กน้อย เขาย่อเข่าลงมองมันแล้วเผยยิ้มออกมาบางๆ

     

    ชเวซึงฮยอน 137 เซนติเมตร

    อีซึงฮยอน    130  เซนติเมตร ( ชเวซึงรี )

      
    รอยขีดสีเทียนถูกขีดเป็นเส้นอยู่ที่เสา เส้นแรกที่อยู่สูงกว่าเป็นสีแดงและเส้นที่อยู่ด้านล่างเป็นสีฟ้า เด็กหนุ่มลูบเสาต้นนั้นแล้วมองไปยังรอยขีดเขียนสีชมพูเส้นล่าง

     

    มันเป็นชื่อของเขาที่เจ้าของรอยสีเทียนสีแดงด้านบนเป็นคนสอนเขียน  

    มองไปยังวงเล็บประหลาดที่อยู่หลังชื่อเขา เหตุผลที่อีซึงฮยอนในวัยเด็กเขียนว่าเขาเป็นเด็กชายชเว
    คนที่สอง เพราะวันหนึ่งเจ้าตัวเคยถามเหตุผลเรื่องความสูงจากเด็กชายชเวผู้พี่และคำตอบที่ได้นั้นทำให้เขาเชื่อสนิทจนถึงกับเปลี่ยนนามสกุลตัวเองโดยใส่วงเล็บด้านหลังชื่อ

    .

    " เฮีย... ทำไมเฮียสูงเร็วจังอะ"

    ละสายตาออกจากทีวีแล้วหยิบคุกกี้ในจานเข้าปาก   " เพราะเฮียนามสกุลชเวไง"

    เด็กชายตัวเล็กแววตาเป็นประกาย หันไปถามพี่ชายสีหน้ามีความหวัง

     " จริงเหรอ ? ถ้าเค้าใช้นามสกุลเฮียเค้าจะสูงอย่างเฮียใช่ป้ะ ?"

    " เยส  "

     

    อีซึงฮยอนดวงตาเป็นประกายวิบวับเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดให้ความหวังเรื่องความสูงของตัวเองเมื่อครู่

    เขากระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งไปยังเสาต้นหนึ่งบริเวณมุมห้องที่เมื่อสองสามวันก่อนเขาได้ขีดส่วนสูงตัวเองและพี่ชเวซึงฮยอนที่นั่งเคี้ยวคุกกี้อยู่บนโซฟาไว้

     

    เจ้าตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆไปรอบห้องเพื่อหาสีเทียนกุดๆของพี่ชายและเมื่อได้มันมาเขาก็วิ่งไปเขียนชื่อตัวเองโดยเปลี่ยนนามสกุลเอาไว้ข้างหลัง

     

    ชเวซึงฮยอน'

     

    ผู้ให้คำแนะนำเรื่องความสูงกระโดดลงจากโซฟาตามมาพร้อมจานคุกกี้ เขาหัวเราะร่าก่อนหันไปถามคนตัวเล็กที่ยิ้มภูมิใจกับชื่อใหม่ที่เพิ่งจะเขียนเสร็จ  " อย่างงี้ชื่อนายก็เหมือนชื่อเฮียดิ "

    ซึงฮยอนคนน้องเงยหน้าขึ้นมองผู้พี่แล้วกะพริบตาปริบๆ ปากเล็กเม้มขึ้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    " ย.. อย่างนั้นเค้าก็ใช้นามสกุลชเวไม่ได้อะดิ.. เฮีย ..เค้าจะเตี้ยหรอฮะ "

     

    ชเวซึงฮยอนนิ่งไปชั่วครู่สายตาเขามองไปยังลูกเพื่อนแม่ที่กำลังเบ้ปากจะร้องไห้อยู่ด้านข้าง เขาหยิกแก้มเจ้าตัวเล็กเบาๆแล้ววางจานคุกกี้ลงบนพื้นพลางเลียนิ้วชี้ตัวเองที่เปื้อนเศษคุกกี้ก่อนหยิบสีเทียนสีฟ้าจากกล่องขึ้น

     " อย่าร้องไห้น่า เดี๋ยวเฮียแก้ให้"

     

    เขาลบคำว่า ฮยอน' ด้านหลังออกและเปลี่ยนเป็น รี' จากชเวซึงฮยอนจึงกลายเป็นชเวซึงรี

    และนั่นก็เรียกรอยยิ้มและเลือดสูบฉีดบนแก้มจากใบหน้ารื้นน้ำตาของคนตัวเล็กได้อย่างดี

    ..

       

    นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ซึงรีคนนั้นได้เจอกับพี่ซึงฮยอนของเขา จนถึงวันนี้แม่ของซึงรีและซึงฮยอนมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่างที่ต่างจังหวัด จึงเป็นอีกครั้งที่ซึงฮยอนตัวเล็กจะถูกฝากไว้กับบ้านซึงฮยอนตัวใหญ่

    บ้านหลังนี้ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนตกแต่งและความอบอุ่นที่ยังไม่จางไปจากเมื่อก่อน

     

    อีซึงฮยอนเดินเข้าไปยังห้องน้ำกระเบื้องพื้นและฝาผนังสีพื้นเดียวกัน ร่างเล็กมองไปยังตุ๊กตายางรูปเป็ดตาโปนๆที่ตั้งอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำเมื่อสิบปีที่แล้วเป็นยังไงก็ยังคงเป็นอย่างนั้น กลิ่นแชมพูยังกรุ่นจางๆในห้องน้ำเหมือนเมื่อก่อนที่เขาอาบน้ำในบ้านนี้ไม่มีผิด

     

    เขามองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงา แววตากลมเลื่อนไปยังแก้วน้ำสีแดงที่ใส่แปรงสีฟันสีเดียวกัน แปรงสีแดงนี่เป็นของชเวซึงฮยอนอย่างไม่ต้องสงสัย มันแยกอยู่กับแก้วสีขาวที่ใส่แปรงอีกหนึ่งคู่ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นของผู้เป็นพ่อแม่

       

    ซึงริดึงกระเป๋าเป้ตัวเองมาด้านหน้าก่อนใช้มือค้นถุงสีขาวในกระเป๋า มือเรียวหยิบแปรงสีฟันสีฟ้าออกจากถุงแล้วใส่รวมเข้าไปในแก้วสีแดง

     

    ร่างเล็กแก้มขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยเมื่อเห็นมือตัวเองวางแปรงสีฟันให้หัวแปรงของตัวเองหันไปชนกับแปรงสีฟันของชเวซึงฮยอน

     

    ในหัวเขานึกถึงคำพูดที่เพื่อนผู้หญิงที่โรงเรียนเคยเล่าให้ฟังในช่วงพักเบรก

    .

    ซึงรีรู้รึเปล่า เค้าว่ากันว่าถ้าเราวางแปรงสีฟันให้หัวแปรงตรงกันกับของคนที่เราชอบน่ะ จะมีเวทมนตร์ทำให้เราได้เป็นแฟนกันจริงๆนะ เพราะหัวแปรงชนกันก็จะเหมือนว่าจูบกันทางอ้อมไง '

     

    วันนั้นเขาพยักหน้าหงึกๆนั่งฟังเพื่อนเล่าอย่างสนอกสนใจ ก็ไม่ค่อยได้เชื่ออะไรมากเท่าไหร่หรอก

    ..

     

    แต่พอมีโอกาสแล้วลองทำจริงๆมันเขินเป็นบ้า..  

    หลังจากจัดของตัวเองในห้องน้ำเรียบร้อยแล้วเจ้าตัวก็เลื่อนประตูเลื่อนห้องอาบน้ำออกมาและย้อนออกมายังทางเดินหน้าบ้าน..  ร่างเล็กเอียงคอมองไปยังบันไดที่เชื่อมต่อไปยังชั้นสอง

    และเป้าหมายของห้องต่อไปที่เขาจะเข้าไปสำรวจ..

    ก็คือห้องที่เขาต้องการพบเจ้าของมันมากที่สุด

     

    ..

      
    " Rrrr  Rrrr.."

     

    เสียงสั่นนรกของมือถือเครื่องดำเครื่องเดิมดังขึ้น ซึงฮยอนเพิ่งหลับไปหลังจากตื่นมากลางดึกตอนตีสามเพื่อพล่ามเรื่องความไม่ยุติธรรมของตัวเองให้เพื่อนที่มันไม่ได้ฟังอะไรเลยฟัง  เขาอยู่ในอาการง่วงลืมโลก

     

    ขี้ตาเปลือกตาบนและเปลือกตาล่างของเขาสมัครสมานสามัคคีเกาะกันแน่นสนิท ซึงฮยอนวาดมือสะเปะสะปะลงบนเก๊ะใส่ของข้างเตียง เมื่อสัมผัสได้ถึงอุปกรณ์สื่อสารที่กำลังสั่นอย่างเอาจริงเป็นบ้าเป็นหลังบนโต๊ะ เขาใช้นิ้วโป้งดันฝาพับขึ้นแล้วหยิบมันมาทาบที่หูเช่นเดิมว่าตอบไปด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย

     

    " หน้าตาดีพูดครับ.."

    " ( ซึงฮยอน.. นี่แม่นะ )"

     

    เขาพยักหน้าตอบพร้อมเสียงพึมพำในลำคอ " อือฮึ.." ชเวซึงฮยอนเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกลาย
    อุนตร้าแมนสีแดงบนเก๊ะตัวเดิมขึ้นมาดูเวลาแล้ววางลง " มีอะไรฮะ ?"

     

    " ( แม่ให้กุญแจน้องไว้แล้วนะ ป่านนี้น้องเค้าคงจะใกล้ถึงบ้านเราแล้วมั้ง )"

    " น้อง? น้องไหน ?"

    " ( อ้าว ก็ที่แม่บอกแกเมื่อคืนไง )"

     

    ชเวซึงฮยอนขมวดคิ้วเข้มเป็นปมๆ เขานึกย้อนไปถึงคำพูดของแม่เมื่อประมาณสามสี่ชั่วโมงที่แล้ว

    หากแต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้ร้องอ๋อตอบรับปลายสาย นัยน์ตาคมบนใบหน้าสะลึมสะลือที่เมื่อครู่ยังแหก (?) ออกไม่หมดก็ตวัดขวับไปยังประตูห้องตัวเองที่ถูกผลักออกตามแรงกระแทกมือคู่เรียวเล็ก

     

    " เฮียยยยย !!~  กูดม๊อร์นิ่งงง  ง ง ง ~!!"

    เสียงน่ารักที่ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มของเจ้าของมันเสียงนั่นมาจากหน้าประตูห้องพร้อมเจ้าของเสียงในเสื้อสีชมพูและกางเกงสีขาวที่วิ่งปร๋อตรงมายังเตียงของเขา

     

    " คิด - ถึง - เฮีย - จัง - จำ - เค้า - ได้ - มั้ย ~ " พยางค์แต่ละพยางค์ถูกคั่นคำพูดด้วยการกระโดดทับแล้วเด้งตัวดึ๋งๆบนร่างเฮียของเขาที่กำลังนอนคว่ำอยู่ ซึงฮยอนตาสว่างเหมือนถูกนิ้วที่มองไม่เห็นแหกหนังตาขี้ตาเกรอะกรังเขาขึ้น มองหน้าชัดๆอีกที

     

    อ๋อ.. กูรู้แล้วลูกใคร

    ในใจแวบนึงแอบขึ้นตัวอักษรนีออนกะพริบคำว่า ดีใจ' แวบๆที่อย่างน้อยก็เป็นซึงริที่รู้จักกันมาก่อน

     

    แต่ที่มันขึ้นคำว่าดีใจได้ เพราะว่าซึงฮยอนไม่รู้อนาคตตัวเองว่าเขากำลังเจอทอร์นาโดลูกยักษ์เสียแล้ว

       

    เขาเอาโทรศัพท์ขึ้นจ่อหู

    " ม.. แม่..- น้องเค้า.. มาถึงแล้ว- ไม่ต้อง- ห่วง - โอ๊ย- แค่นี้- นะ " แต่ละคำถูกคั่นด้วยจังหวะการเด้งตัวของน้องขาว ซึงฮยอนพับโทรศัพท์ลงแล้ววางมันลงบนเก๊ะตัวเดิม เขาเอียงคอมองขึ้นไปบนหลังตัวเองที่ถูกทับอั้กๆโดยผู้อาศัยคนใหม่ ซึงฮยอนเบ้ปากถ้าหลังเขาเดาะไปดูคอนเสิร์ตบริทนีย์ไลฟ์อินโคเรียไม่ได้ใครจะรับผิดชอบฮึ !

     

    "ไอ้เตี้ย.. ลง"

    " ไม่ลง"

    " ถ้าไม่ลงเฮียถีบ"

    " ถ้าเฮียถีบผมจูบ"

    " ถ้าแกจูบเฮียปละ.."

     

    ฮ่วย..

    ชเวซึงฮยอนไม่กล้าต่อประโยคให้จบเขากลัวว่าคำพูดจะติดเรท ฉ.ฉิ่งให้เสี่ยงถูกแบนจึงนอนแน่นิ่งให้คุณน้องตัวเล็กๆกระโดดเหมือนหลังน้อยๆของเขาเป็นอุปกรณ์กีฬาฝึกกระโดดอย่างแทมโพลีนใส่ชุดนอน

    ไม่เป็นไร .. ชเวซึงฮยอนคนดีไม่ถือสาเด็ก

     

    " เฮีย ~ เค้าหิวข้าวแล้วอ้ะ เฮียไปทำให้เขากินหน่อยสิ"

     

    ไอ้พอจะหิวพ่อคุณก็ลงกันง่ายๆไม่มีฉิ่งมีฉาบเลยว่ะ  

    ซึงฮยอนลุกขึ้นจากเตียง เขาเกาหัวแกรกๆก่อนเช็ดน้ำลายที่ยืดเปรอะข้างแก้มแล้วใส่สลิปเปอร์ข้างเตียงเดินไปเปิดประตู อีซึงฮยอนมองตามกางเกงนอนย้วยๆสีแดงของซึงฮยอนคนพี่

    ไม่ใช่อะไร เขาไม่ได้สนใจกางเกงยืดย้วยตูดเกือบขาดของเฮียขนาดนั้น

     

    เขาสนใจกระดาษเคลือบมันรูปแหม่มฝรั่งที่ติดอยู่ตรงก้นเจ้าของกางเกงแดงนั่นต่างหาก

     

    ซึงริกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาซึงฮยอนแล้วดึงกระดาษแผ่นนั้นออก " เฮีย.. ไรติดตูดอะ"

    " บ้า เฮียไม่ใช่หมานะเว้ยจะได้มีไรมีเห็บเหิบ " หันกลับมาตอบหน้าตางัวเงียเกาหัวแกรกแกรก

     

    แต่เมื่อหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังเขานิ่งๆพร้อม ไร' ในมือซึงฮยอนก็ช็อกซานามี่

    เขาจะไม่ตกใจตาโตเท่าฝาหม้อขนาดนี้.. ถ้าไม่เห็นของที่อยู่ในมือน้อง

    เขาจะไม่ตกใจตาโตเท่าฝาหม้อขนาดนี้.. ถ้าเห็นน้องทำท่าจะหากระดาษประเภทเดียวกันชิ้นต่อไป..

     

    " เฮีย.. นี่มันอาราย ~ "

    " ก็.. บ..บริทนีย์ สปองไง.. เชยจังไม่รู้จัก.. "

     

    ซึงรีมองสีหน้าอึกๆอักๆของพี่ใหญ่ร่างโตเป็นควายแต่กำลังทำหน้าเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าโกงป๊อกเด้ง ( หะ..?)

    เส้นกราฟดัชนีความกังวลของซึงฮยอนเพิ่มขึ้นปรี๊ดเข้าขีดอินฟินิตี้ ถ้าเป็นปรอทก็คงแตกพุ่งเข้าหน้าไปแล้ว..  เขาจำได้

    จำได้ดี.. 

     

    วีรกรรมที่อีซึงฮยอนเคยทำไว้ในตอนเด็ก  ภาพทุกอย่างถูกเล่นย้อนกลับกรอไปกรอมาจากภาพซีเปียเป็นภาพขาวดำ.. เหมือนทีวีบ้านเขาตอนยังไม่ได้ทุบ.. ไม่ๆเปรียบเทียบเรื่องนั้นกับซึงริมันยังเลวร้ายน้อยเกินไป

    นี่มันซีเรียสมากนะ ! โปสการ์ดบริทนีย์ลิมิเตทเอดิชั่นสุดสวาทขาดใจของเขาต้องไปอยู่ในมือเครื่องกำจัดขยะเวอร์ชั่นมนุษย์สายวิชาเผาทำลายอย่างนั้นน่ะมันซีเรียสมากนะฮึกกก !!!

     

    ป้ายกะพริบสีชมพูนีออนคำว่า 'ดีใจ' ในใจของเขาถูกที่ทำการไฟฟ้าตัดไฟไปเสียแล้ว..~

     


    TBC 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×