คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 07
As long as I have you, we will keep marching on.
Infinity .. คือ สัญลักษณ์แห่งความเป็นนิรันดร์ ความเป็นอมตะที่ไม่มีสิ้นสุด
“สัญลักษณ์เนี่ยก็อยู่ที่อะไหล่ในตัวเซฮุนด้วย”
“อินฟินิตี้?”
คริสพูดขึ้นเมื่อรับแผ่นกระดาษขนาดเท่านามบัตรจากลู่ฮานมา มันเป็นกระดาษที่อีกฝ่ายบอกว่าถูกยัดอยู่ในมือเซฮุนตอนที่ไปเจอครั้งแรก กระดาษสีขาวขุ่นที่ยับยู่ยี่ไม่ได้มีอะไรเขียนไว้มากนอกเสียจากสัญลักษณ์อินฟินิตี้ที่ถูกพิมพ์อยู่ตรงกลางพร้อมกับหมึกปากกาสีดำที่เขียนด้วยลายมือเป็นคำว่า ‘SEHUN’
เขาเดาว่าลู่ฮานคงเอาชื่อมาจากกระดาษแผ่นนี้
“นายว่ามันคืออะไร?”
ลู่ฮานเดินมาหาคริสที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ขอตัวกลับไปอาบน้ำที่คอนโดตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับมาบ้านคริสอีกครั้งในตอนบ่ายกว่าๆพร้อมกับแผ่นกระดาษที่ว่านั่น
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นไดอิ้งเมสเสจ”
คริสตอบก่อนจะสะบัดมือตัวเองออกเพราะดันเผลอยกนิ้วโป้งขึ้นมากัดอีกแล้ว คริสไม่ได้เครียดเรื่องนัดในตอนเช้าเพราะมันก็ผ่านไปได้ดี ลูกค้าค่อนข้างจะแฮปปี้กับผลงานตัวอย่างที่เขาเอาไปให้ดูซะด้วยซ้ำ
“จากใคร คนที่สร้างเหรอ?”
ลู่ฮานสวนตอบก่อนจะหันไปมองเซฮุนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงโลหะ คริสลงเฟิร์มแวร์ให้ใหม่แล้ว และแน่นอนว่ามันไม่มีปัญหาอะไร แต่คริสยังไม่อนุญาติให้เขาพาเซฮุนออกไปไหนทั้งนั้น
“แล้วนี่ จะอีกนานมั้ยเนี่ย?” ลู่ฮานถามอีกครั้ง เพราะคริสยังไม่ยอมกดเปิดสวิทช์เซฮุนซักที แถมปลั๊กก็ยังเสียบคาไว้อยู่อย่างนั้น
“อีกซักพัก”
คริสว่าแล้วก็กลับไปสนใจหน้าจอคอมต่อ ระบบกลไกต่างๆข้างในของเซฮุนทำให้เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จะบอกว่าโมโหที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยก็ไม่แปลก เพราะตอนนี้คริสทำได้แค่รันโปรแกรมเพื่อเจาะเข้าระบบในตัวเซฮุนซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จเลย
เขาไม่เคยเจอระบบวงจรที่มีรูปแบบแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน...
“ไม่ต้องรอหรอก ฉันบอกแล้วไงว่าขอยืมตัวเซฮุนไว้ก่อน”
“เอางั้นก็ได้”
ลู่ฮานเออออตาม เขาไม่อยากขัดอีกฝ่ายเพราะยังรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่หาย ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น ลู่ฮานจึงมองนาฬิกาอีกครั้ง เขาเดาว่าน่าจะเป็นคริสตัลที่เปิดประตูเข้ามาเพราะนี่มันก็ห้าโมงกว่าแล้ว
“ถ้ามีไรก็โทรมาล่ะกัน” ลู่ฮานว่าแล้วเดินออกจากห้องทำงานของคริสไป
“อ้าว! ลู่ฮาน”
คริสตัลที่เดินสวนเข้ามาทักทายเขาอย่างสนิทสนม ลู่ฮานยกมือทักทายก่อนจะเหลือบไปเห็นถุงหนังสือการ์ตูนในมือของคริสตัล เขาหันไปหาคริสที่ก็กำลังมองมาที่พวกเขาอยู่พอดี
“ถามจริง ยังไม่เลิกอ่านการ์ตูนอีก?”
คริสเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจที่อยู่ดีๆลู่ฮานก็พูดเรื่องหนังสือการ์ตูนอะไรนั่นขึ้นมา ใช่..สมัยเรียนเขาบ้าอ่านหนังสือการ์ตูนมากๆแต่ตอนนี้แค่เวลาจะนอนยังแทบไม่มีเหลือ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านการ์ตูน
“พวกนี้ของฉันเอง” คริสตัลรีบอธิบายหลังจากที่เห็นลู่ฮานหันไปพูดเรื่องการ์ตูนกับคริส เธอวางถุงหนังสือลงที่เก้าอี้ก่อนจะเดินเข้าไปเซฮุนที่นอนราบอยู่บนโต๊ะเหล็กตรงกลางห้อง
“กลับมาแล้วหรอคริสตัล”
“อื้ม”
คริสคลายหัวคิ้วที่ขมวดลงเมื่อคริสตัลเดินมายืนตรงหน้า ดวงตากลมใสเหมือนลูกแก้วของเธอทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นจากความหงุดหงิดเมื่อครู่ เขาลูบผมเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะจัดแจงจัดป้ายชื่อนักเรียนที่ติดตรงเสื้อของคริสตัลให้เข้าที่
“งั้นฉันไปก่อนนะ ฝากด้วยล่ะ”
ลู่ฮานพูดแล้วยกมือขึ้นลาคริสตัลที่โบกมือบ้ายบายมาให้ เขาสังเกตได้ถึงบางอย่างที่ดูแปลกๆ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นดูมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดในตอนแรก
“เออ ไม่ต้องห่วง ไว้ถ้ายังไงเดี๋ยวโทรไป”
ลู่ฮานพยักหน้า เอาไว้ให้เรื่องเซฮุนเรียบร้อยก่อน เขาจะมาถามคริสเรื่องของคริสตัลอย่างแน่นอน
“พร้อมนะ”
คริสสบตาคริสตัลที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ หลังจากที่ลู่ฮานกลับไปแล้วคริสก็พยายามเจาะเข้าระบบของเซฮุนอยู่นานหลายชั่วโมง แต่สุดท้ายเขาก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าดึงดาต้าพื้นฐานที่บอกเพียงแค่ว่าคนเขียนระบบใช้ยูสเซอร์เนมว่า ‘SEJ0_58’ ออกมา
“อื้อ”
คริสตัลพยักหน้าตอบ เธอกำลังยืนกดแขนขวาของเซฮุนให้ล๊อคติดอยู่กับเตียงเหล็กนั่นไว้ ในขณะที่คริสก็ทำแบบเดียวกันอยู่อีกด้าน ปกติคริสมักไม่ให้เธอมายุ่งวุ่นวายที่ห้องทำงานเขาซักเท่าไหร่ แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาทั้งคู่ เขาเลยต้องให้คริสตัลมาช่วย เผื่อว่ามีข้อผิดพลาดอะไร อย่างน้อยก็ได้รับมือทัน
คริสนับหนึ่งสองสามในใจแล้วจึงกดปุ่มสีแดงที่หน้าอกฝั่งซ้ายของเซฮุน ในณะที่คริสตัลก็จ้องมองตามตาไม่กระพริบ ทันทีคริสยกนิ้วขึ้นกระแสไฟก็วิ่งกระจายจากใต้ปุ่มนั้นไปทั่วร่างของเซฮุน ทั้งสองคนออกแรงกดร่างเซฮุนมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..
“ทำไมยังนิ่งอยู่อีกอ่ะ”
คริสตัลเงยหน้าขึ้นถามคริสที่ก็ทำหน้างงไม่ต่างกัน พวกเขายืนกดแขนทั้งสองของเซฮุนอยู่นานแต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นเลย
“สงสัยสายคงจะขาดในที่ไหนซักที่”
คริสว่าแล้วเอื้อมมือไปเพื่อจะกดปุ่มสีแดงซ้ำอีกครั้ง และตอนนั้นเองที่ร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงของเซฮุนเริ่มมีการเคลื่อนไหว เปลือกตาทั้งสองสั่นระริกเช่นเดียวกับนิ้วมือที่ขยับเขยื้อนจนคริสตัลสังเกตได้
“คริส! เขาขยับตัวแล้ว!!”
คริสตัลตะโกนเสียงดัง คริสรีบดึงมือกลับมาล็อคแขนเซฮุนตามเดิม ทั้งสองเพ่งมองไปที่ใบหน้าของเซฮุน และไม่นานนัก
“กดไว้แน่นๆ!!”
“อ๊ะ!”
เซฮุนก็ลืมตาแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างง่ายดาย
“...”
ทั้งห้องเงียบสนิท คริสและคริสตัลถอยห่างจากเตียงออกมา พยายามสังเกตท่าทีของคนบนเตียงอย่างระมัดระวัง เซฮุนหันหน้ามองไปรอบๆห้อง ส่วนประมวลผลข้างในเริ่มทำงานรวมไปถึงหน่วยความทรงจำที่ถูกปิดตายไปในตอนแรกก็เริ่มส่งจ่ายข้อมูลอีกครั้ง
พอเห็นว่าเซฮุนไม่มีท่าทีว่าจะคลุ้มคลั่งหรือทำอันตรายใดๆ คริสก็ตัดสินใจค่อยๆก้าวเข้าไปที่เตียงอย่างช้าๆ เขาหยุดกึกพร้อมกลืนน้ำลายลงเมื่อเซฮุนหันมาสบตาด้วยสีหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ยังไม่ทันที่คริสจะได้พูดอะไรออกไป เซฮุนก็เอ่ยปากถามออกมาก่อน
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เซฮุนสบตากับคริสเมื่อถามจบ ก่อนจะหันไปหาคริสตัลที่เดินเข้ามายืนอยู่อีกด้าน
“นายเป็นคนมาที่นี่เอง” คริสตัลพูด
“...”
“จำไม่ได้หรอ?”
เซฮุนส่ายหน้า เขาจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ ภาพสุดท้ายที่โผล่ขึ้นมาคือตอนที่เขาวิ่งหนีคนพวกนั้นเข้ามายังห้องทำงานใต้ดิน เขาเข้าไปแอบในตู้เหล็กตามคำสั่งของอีกคน และหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดไปหมด จนเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่ในห้องนี้แล้ว
“ก็น่าจะจำไม่ได้อยู่แหละ โดนไอ้ลู่โหลดไวรัสใส่เข้าไปให้ซะแบบนั้น”
คริสที่ยืนฟังทั้งคู่คุยกันพูดอธิบายขึ้นมา เซฮุนหันกลับมามองคริสอีกครั้ง เขาไม่เคยเห็นหน้าคนคนนี้มาก่อนแต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกว่าคริสเป็นคนที่เขาสามารถจะพึ่งพาได้
“โดนไวรัส?”
“อื้ม เพื่อนสนิทฉันเป็นคนทำเองล่ะ”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นมั้ย?”
“เยอะเลยล่ะ นายน่ะ” คริสตัลพูดขึ้นมา เธอเตรียมจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เซฮุนฟังแต่ก็ต้องหยุดคำพูดเอาไว้แค่นั้นเพราะคริสส่งสายตาดุมาให้ก่อนจะพูดแทรกเข้ามา
“ไม่ต้องสนใจไอ้เรื่องนั้นหรอกน่า มันไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไหร่”
“...”
“เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า”
คริสว่าแล้วยื่นแผ่นกระดาษใบเล็กๆที่ได้จากลู่ฮานไปให้ เซฮุนรับมันมาก่อนจะก้มลงมอง เขาจำลายมือที่เขียนนี้ได้รวมถึงความหมายของสัญลักษณ์ที่ปรากฎในแผ่นกระดาษนี้ด้วย
‘จำไว้นะเซฮุน นายคือสมาชิกในครอบครัวเราตั้งแต่วันนี้และตลอดไป..’
“ว่าไง พอจะนึกออกแล้วใช่มั้ย”
เซฮุนพยักหน้าแล้วเงยหน้ามองคริสที่ยืนจ้องมองเขาอยู่อย่างไม่ละสายตา
“งั้นก็บอกฉันมาว่าจริงๆแล้วนายเป็นใคร มาจากที่ไหนกัน”
คริสไม่เคยลืมงานนิทรรศการหนังสั้นที่เขาบังเอิญหลงเข้าไป เขายังจำได้ถึงตอนที่หัวใจเขาเต้นแรงหลังจากที่ดูหนังสั้นเรื่องนึงจบ ในตอนนั้นเขาตั้งใจว่าจะไปดูงานภาพวาดจากต่างประเทศที่มาจัดโชว์ที่หอประชุมแห่งชาติเพื่อเอาเป็นแรงบันดาลใจในการวาดรูปส่งประกวด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาเบื้องบนลิขิตเอาไว้รึเปล่า ที่ทำให้เขาดันมาผิดวัน งานภาพวาดที่ว่านั้นจึงกลายเป็นนิทรรศการหนังสั้นแทน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมเสียค่ารถไปฟรีๆ..
คริสตัดสินใจลองเข้ามาเดินดูเล่นๆ ปากที่บ่นมุบมิบในตอนแรกของเขาค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นตัวโอด้วยความอึ้งทึ้งและสนอกสนใจ คริสไม่เคยคิดว่าหนังสั้นจะสนุกได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะเรื่องด๊อกเตอร์นักประดิษฐ์คนนั้น ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจหลักให้คริสคนที่คิดว่าตัวเองเกิดมาเพื่อเป็นศิลปินก้องโลกยอมทิ้งดินสอและพู่กัน หันมาสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์แทน
ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้คริสตั้งใจเรียนจนสอบเข้าคณะวิทยาศาตร์ประยุกต์ได้ เขาเชื่อเสมอว่าวิทยาศาตร์ไม่มีทางหยุดสิ้น มันจะก้าวไปเรื่อยๆพร้อมกับเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆในอนาคตข้างหน้าซึ่งเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงวันนั้น
แต่ทั้งที่เชื่อแบบนั้น
“นายคิดว่าฉันปัญญาอ่อนรึไง”
เขาก็ไม่อาจจะทำใจยอมรับมันได้ในทันที
“...”
เซฮุนมองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆคริสถึงได้หงุดหงิดขึ้นมาซะอย่างงั้นหลังจากที่เขาเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับคุณเลยซักนิด”
“ใช่! นายไม่ได้พูดอะไรถึงฉันก็จริง”
คริสพูดเสียงดัง ยกมือขึ้นเสยผมอย่างหัวเสีย ยิ่งเห็นท่าทางคริสตัลที่ดูจะตื่นเต้นออกหน้าออกตาก็ยิ่งรู้สึกพาลไม่พอใจไอ้หุ่นแอนดรอยส์หน้านิ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าขึ้นไปอีก
“แต่ไอ้ที่นายพูดมาทั้งหมดน่ะกำลังดูถูกฉันอยู่ชัดๆ”
มีอย่างที่ไหนมาบอกว่าตัวเองมาจากโลกอนาคต เหอะ! เห็นว่าเขาหน้าอ่อนเข้าหน่อยเลยคิดว่าจะหลอกง่ายซินะ.. ฝันไปเถอะ!
“แต่ฉันเชื่อนะ”
“อะไรนะ!”
คริสหันไปถามเสียงดัง สีหน้าดุๆของเขาทำให้คริสตัลถึงกับต้องก้มหน้าหลบทันที คริสไม่ได้ตั้งใจจะดุคริสตัลหรือว่าอะไร เพียงแต่เขาคิดว่าเธอควรที่จะเข้าข้างเขามากกว่า การที่คริสตัล..แอนดรอยส์ที่เขาบรรจงสร้างขึ้นมาแต่กลับไปเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกทรยศยังไงไม่รู้เลยพาลโมโหใส่ไปซะอย่างงั้น
“ฉันไม่รู้ว่านายมีเหตุผลอะไรถึงต้องปิดบังเรื่องตัวเองโดยการโกหกแบบนี้ แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่เชื่อที่นายพูดมาทั้งหมดแน่ๆ”
คริสพูดทิ้งท้ายก่อนจะตัดสินใจได้ว่าจะไปโทรบอกลู่ฮานว่าให้เอาเซฮุนกลับไป ที่จริงเขากะว่าจะโทรหาพรุ่งนี้แต่พออารมณ์ขึ้นแล้วมันก็ลงยาก ไอ้ที่ว่าจะขอยืมตัวไว้ตรวจสอบอะไรซักหน่อยก็เลิกล้มไปได้เลย
คริสลุกขึ้นยืนเต็มตัว และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะดึงแขนคริสตัลให้ลุกขึ้นตามาด้วย ถึงเขาจะบังคับความคิดเธอให้คิดเหมือนเขาไม่ได้ แต่ก็ยังบังคับการกระทำของเธอให้มาอยู่ข้างเดียวกับเขาได้ ซึ่งนั่นก็น่าพอใจแล้วสำหรับเขา..
“คริส นายจะให้ลู่ฮานมารับเซฮุนกลับจริงหรอ ไหนบอกจะขอยืมไว้ก่อนไง”
“ไม่อ่ะ ฉันเพิ่งนึกได้ว่างานยุ่ง คงไม่มีเวลาจะไปตรวจดูไอ้ระบบแปลกๆอะไรนั่นแล้วล่ะ”
คริสว่าในขณะที่กำลังรอให้มือถือที่ดับไปไหนตอนไม่รู้เปิดขึ้นมาอีกครั้ง คริสตัลมองหน้าคริสที่จริงจังแล้วก็ทำตาละห้อยก่อนจะหันไปมองเซฮุนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา ได้แต่หวังว่าจะมีอะไรบางอย่างมาเปลี่ยนใจคริสได้
แล้วอยู่ดีๆความหวังของเธอก็เป็นจริง
“ผมก็หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าผมจะโกหกไปเพื่ออะไร”
เซฮุนเปิดปากพูดออกมา หันหน้ามามองอีกสองด้วยสายตาที่แน่วแน่ คริสได้ยินชัดทุกถ้อยคำถึงแม้ตาทั้งสองข้างกำลังจ้องที่หน้าจอมือถือที่กดโทรไปหาเพื่อนสนิทอยู่ก็ตาม
และทันทีที่ประโยคสุดท้ายจากเซฮุนนั่นดังออกมา
“แต่ผมมั่นใจระบบข้างในตัวผมจะเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูดของผมได้”
คริสก็ตัดสินใจกดวางสายมือถือในมือทิ้งไป..
“แล้วไอ้เครื่องไทม์แมชชีนที่ว่านี้มันหน้าตาเป็นไงหรอ?”
คริสถอนหายใจยาวอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามที่ไม่รู้จบของคริสตัล หลังจากที่เขาตัดสินใจจะลองเชื่อที่เซฮุนพูดดู พวกเขาก็พากันย้ายมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกแทน
“จริงๆแล้วมันก็เหมือนพวกเครื่องสแกนร่างกายในโรงพยาบาลแหละ แต่ของที่ผมใช้มามันเป็นรุ่นเก่าเลยรูปร่างเป็นแบบตู้เสื้อผ้าแทน”
ถึงแม้จะไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เซฮุนตอบคำถามของคริสตัลถึงเรื่องต่างๆในอีก 800 กว่าปีข้างหน้าที่เซฮุนเดินทางข้ามมา คริสก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นไปกับคำตอบด้วยทุกครั้งไป
“งั้นหรอ.. อ่า..ว่าแต่นายย้อนเวลากลับมาทำไมหรอ?เซฮุน”
หลังจากที่แอบฟังเซฮุนตอบคำถามที่ไม่ค่อยจะเมคเซนต์ของคริสตัลอยู่นาน อาทิเช่น ‘คนในอนาคตหน้าตาเป็นไงหรอ มีปีกมั้ย?’ ‘คนที่นั้นชอบกินไอติมรสไหนหรอ?’ และคำถามที่ไร้สาระอีกมากมายที่เขายังอดที่จะหงุดหงิดแทนเซฮุนไม่ได้ ในที่สุดคำถามที่เข้าท่าก็มาถึงซักที คริสเหลือบตาขึ้นมาคนถูกถามที่ทำหน้านิ่ง ก่อนจะรู้สึกผิดหวังเล็กๆที่เห็นว่าเซฮุนส่ายหน้าปฏิเสธ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ถึงแม้คริสจะไม่เชื่อเรื่องที่เซฮุนพูดในตอนแรก แต่น่าแปลกที่คำตอบนี้เขากลับเชื่อแบบสนิทใจ คงเป็นเพราะแววตาที่ดูหม่นหมองและไร้ความรู้สึกของเซฮุนที่ทำให้เขามั่นใจว่าเจ้าตัวก็ไม่รู้สาเหตุที่ถูกส่งมาที่นี้แน่ๆ
คริสไม่ใช่คนใจร้าย แน่นอนว่าเขาก็รู้สึกสงสารเซฮุนเหมือนกันถ้าทุกอย่างที่อีกฝ่ายเล่ามาเป็นเรื่องจริง เพราะเขารู้ดีว่าแอนดรอยส์และคนสร้างย่อมมีความผูกพันธ์กัน เขาเชื่อในสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นนี้ และการที่แอนดรอยส์ตนหนึ่งถูกส่งข้ามเวลากลับในโลกที่ไม่คุ้นเคยโดยไม่รู้ถึงเหตุผลแบบนี้มันคงจะเป็นอะไรที่แย่มากๆ บางทีเขาควรจะทำดีกับเซฮุน..
แต่เดี๋ยวก่อน.. นั่นมันอะไรกันน่ะ?
“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะคริสตัล!”
คริสส่งเสียงดังเมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขารีบลุกเข้าไปดึงคริสตัลออกมาทันทีหลังจากที่เห็นว่าเมื่อกี้คริสตัลยื่นหน้าเข้าไปใกล้เซฮุนมากจนเขารู้สึกไม่พอใจ จะว่าหวงก็ว่าได้ เขาน่ะหวงคริสตัลจะตาย
“ก็เซฮุนบอกว่าตาของเขาทำมาจากแก้วแบบพิเศษที่ยังไม่มีในยุคนี้ ฉันก็เลยอยากเห็นชัดๆอ่ะ”
คริสตัลตอบหน้าตาเฉย ออกจะงงๆด้วยซ้ำที่คริสมาหิ้วคอเสื้อเธอออกไปแบบนี้
“คริสตัลพูดถูกแล้ว ผมเป็นคนบอกให้เธอยื่นหน้ามาดูใกล้ๆเอง” เซฮุนอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นว่าคริสยังไม่ยอมปล่อยมือที่จับคริสตัลไว้อยู่
คริสหันไปมองเซฮุนที่นั่งทำหน้านิ่งเหมือนเดิมแล้ว ก่อนจะหันไปมองคริสตัลที่พยายามจะแกะมือเขาออกบวกเข้ากับท่าทีของคริสตัลที่ดูจะสนใจเซฮุนเป็นพิเศษก็เลยทำให้ความคิดที่ว่าเขาควรจะทำตัวดีกับเซฮุนหายวับไปทันที
“ปล่อยได้แล้วคริส ฉันอึดอัด”
“เชอะ..ให้ตายสิ”
คริสแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แอนดรอยส์สุดที่รักของเขากำลังปฏิเสธเขางั้นเหรอ? บางทีเขาควรไปลงโปรแกรมให้เธอใหม่นะ ใส่นิสัยให้รู้จักสงบเสงียมบ้าง ไอ้ความเป็นมิตรเว่อร์ๆอะไรแบบนี้ได้ลดลงบ้าง
“ปล่อยอ่ะได้ แต่เธอห้ามทำแบบนั้นอีก”
“แบบไหน?”
“ก็ที่ไปยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนอื่นแบบนั้น”
คริสว่าก่อนจะถอนหายใจอีกรอบเพราะเดาว่าคริสตัลคงไม่เข้าใจแน่ๆ ดูจากสีหน้าก็พอรู้แล้ว เขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเธอก่อนจะดึงแขนให้คริสตัลหันหน้ามามองเขาชัดๆ
“จำไว้นะว่าเธอเป็นผู้หญิง ไม่ควรไปยื่นหน้าหรือใกล้ชิดคนอื่นขนาดนั้น บางคนเขาอาจไม่ชอบ”
“แต่ผมไม่ถือนะ” เซฮุนพูดขึ้นมาแล้วก็เงียบไปในทันทีที่คริสหันขวับมามองจนเขาต้องเสมองไปทางอื่นเพราะรู้ตัวว่าได้พูดจาไม่เข้าหูอีกฝ่ายไปแล้ว
“กับเพื่อนก็ทำแบบนั้นไม่ได้หรอ?” คริสตัลถาม
“ได้แต่ก็ไม่ควรซักเท่าไหร่ มันดูไม่ดีหรอกนะที่ทำแบบนั้น”
“แต่จงอินเคยทำแบบนั้นนะ”
“ไอ้เด็กนั่นน่ะนะ!!!”
คริสลืมตัวถามเสียงดังขึ้นมาเมื่อได้ยิน ก่อนจะรู้สึกได้ว่าตัวเองทำตัวมีพิรุธเกินไป เพราะเห็นสายตาคริสตัลที่มองหน้าเขาแบบงงๆ ยิ่งเซฮุนที่มองเขามาเหมือนจับผิดนั่นอีก จะบ้าตาย ทำไมในห้องนี้ถึงมีแต่แอนดรอยส์ขี้สงสัยนะ
“เออๆ ก็นั้นแหละอย่าทำแล้วกันมันไม่ดี นี่ก็ดึกมากฉันขอตัวก่อนละกัน เซฮุนนายนั่งเล่นในห้องนี้ไปนะ” คริสเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นมา แต่แล้วก็เดินวกกลับมาอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าลืมอะไรไป
“คริสตัล ไปนอน!”
คริสตัลบ่นงึมงำแต่ก็ยอมเดินตามไป คริสยกยิ้มอย่างดีใจที่อย่างน้อยคริสตัลก็ยังเชื่อฟังคำพูดเขาอยู่บ้าง เขาพยักหน้าให้เซฮุนหนึ่งทีก่อนจะเดินไปหรี่ไฟ
ในตอนที่ไฟในห้องรับแขกมืดลง เซฮุนที่นึกขึ้นมาได้ก็พูดอะไรบางอย่างออกมา
“กลับมาได้..”
“ฮะ? นายว่าไงนะ”
“ผมเพิ่งนึกออกอีกเรื่องที่คริสตัลถามว่าคนในยุคนั้นทำอะไรได้อีก”
“...”
“คนในยุคนั้นมีเทคโนโลยีที่ชุบชีวิตคนตายให้กลับมาได้..”
สิ้นเสียงประโยคนั้น หัวใจของคริสก็เต้นแรงขึ้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกับตอนนิทรรศการหนังสั้นนั่น..
♥
A LITTLE TALK WITH WRITER
หายไปนานเลย แฮ่ๆ ยังมีคนรออ่านอยู่มั้ยน้า ;_;
เรื่องทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นแล้ววว แบคกราวน์แต่ละคนค่อยๆออกมาล่ะ
ไงก็ติดตามกันต่อไปนะคะ อ่ะฮิ้ง บรัยส์จย้า!
ความคิดเห็น