ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✚ KARAKURI | krystal

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 06

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 58







    06










    No matter how much I try, the answer is always no.




             



              
    หยดเลือดสีแดงที่หยดลงพื้นหิมะสีขาว

    “คริสเขาไม่อยู่บ้าน”

    เสียงกรีดร้องที่ดังกึกก้องไปทั่วราวกับจะขาดใจของใครบางคน

    “นายเข้ามาข้างในก่อนละกัน”

    และ ปืนกระบอกนั้นที่ถูกทิ้งลงสู่พื้นพร้อมกับคำพูดประโยคสุดท้าย .. ขอโทษ

     
     

    “นี่ ได้ยินที่ฉันถามมั้ย?”

    ท่ามกลางความเงียบและความคิดที่วกวน เซฮุนกระพริบตาเรียกสติตัวเองให้กลับมาทำงานตามปกติ เขาไม่รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเมินคำถามของอีกฝ่ายไปนานแค่ไหน ทั้งภาพและเสียงที่ไหลวนอยู่ในหัวยังคงเป็นคำถามที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้ เขาพยายามคิดทบทวนหลายๆอย่างในขณะที่เดินตามหลังอีกคนเข้าไปในบ้านที่ไม่คุ้นตา เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ และในตอนที่อีกฝ่ายถามถึงชื่อของเขา

    “ผมชื่อ..เซฮุน”

    เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงตอบแบบนั้นไป

     

     

     

    “เดี๋ยวนั่งรอตรงนี้ก่อนแล้วกัน”

    เซฮุนพยักหน้าให้อีกฝ่ายก่อนจะมองแผ่นหลังของเธอที่หายไปจากห้อง เขาไล่สายตาสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะหยุดลงที่ต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากที่ตั้งเด่นอยู่ริมหน้าต่าง

    หน่วยประมวลผลส่งถ่ายข้อมูลออกมาให้เขารับรู้ว่ามันคือต้นสน ต้นไม้ที่มักถูกนำมาประดับบ้านในช่วงวันคริสมาสต์

    “รอแปปนึงนะ คริสเขากำลังมา”

    ดวงตาเรียวเลื่อนกลับมามองคนพูดอีกครั้ง เด็กสาวรูปร่างสมส่วนที่มีใบหน้าเรียวได้รูปสวยและเรือนผมสีดำประกายกำลังส่งยิ้มให้ เซฮุนพอจะรู้ถึงความแตกต่างบางอย่างระหว่างตัวเขาเองกับคนอื่นๆ  แต่เมื่อสบตากับดวงตากลมคู่นั้น

    “จริงสิ ฉันลืมแนะนำตัวกับนายเลย”

    แม้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

    “เรียกฉันว่าคริสตัลก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจนะ”

    แต่เขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนๆกัน

     

     

     

    หลังจากที่โทรไปบอกคริสเรียบร้อยแล้ว คริสตัลก็กลับมานั่งลงที่โซฟาตัวเดิมแล้วหยิบปากกามาเขียนต่อจากที่ค้างไว้เมื่อกี้ เธอเขียนข้อความบางอย่างลงไปอย่างตั้งใจจนรู้สึกได้สายตาอีกคู่ที่จ้องมา มือเล็กจึงหยุดเคลื่อนไหวแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่นั่งห่างไปไกล

    “นายอยากเขียนมั้ย?”

    “เขียนอะไร?”

    แทนที่จะตอบคำชวนของเธอ เซฮุนกลับย้อนถามไปซะอย่างนั้น เขาไม่ได้อยากลองทำเพียงแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่คริสตัลก้มหน้าก้มตาทำอยู่นั้น มันคืออะไร?

    “คำอธิษฐานน่ะ”

    คริสตัลพูดยิ้มๆแล้วก้มมองแผ่นกระดาษในมืออีกครั้ง แผ่นคำอธิษฐานสำหรับของขวัญที่อยากได้เหมือนในการ์ตูนที่เธอดูไปเมื่อวันก่อน มันเป็นตอนเกี่ยวกับช่วงวันคริสมาสต์ที่เด็กคนนึงอยากได้ของขวัญมากจึงไปเขียนคำขอไว้บนกระดาษแล้วเอาไปแขวนที่ต้นคริสมาสต์ และในเช้าถัดไปเขาก็สมหวังตามที่ขอ

    คริสตัลรู้ว่าอีกตั้งหลายเดือนถึงจะคริสมาสต์ แต่คริสก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เธอยิ้มกว้างไม่แพ้เด็กน้อยในการ์ตูนในตอนที่เห็นว่าคริสเอาต้นคริสมาสต์ต้นนี้มาตั้งไว้ในห้องนั่งเล่น

    “มันได้ผลจริงๆนะ นายอยากลองมั้ย?”

    เซฮุนรับกระดาษมาไว้เงียบๆ เขาไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดมาเลยซักนิด

     

     

     
     

    คริสตัลเงยหน้าขึ้นมาพลางคิดว่าระหว่างลูกแมวสีขาวกับลูกหมาตัวอ้วนสีครีมแล้วเธออยากได้อะไรมากกว่ากันหลังจากที่เธอเขียนคำอธิษฐานทั้งหลายลงไปจนมาถึงหน้าสุดท้ายของสมุด ก่อนจะชำเลืองไปเห็นกระดาษอีกแผ่นที่ยื่นไปให้อีกคนเมื่อครู่ แล้วก็พบว่ามันยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม

    “ไม่เขียนหรอ”

    เซฮุนหันมาแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ คริสตัลเอียงคอเล็กน้อยมองเขาตอบ เธอคิดว่าเซฮุนเป็นคนเงียบๆเพราะตั้งแต่ที่เข้ามานั่งเธอสังเกตเห็นว่าเขาแทบไม่พูดอะไรเลยถ้าเธอไม่หันไปถาม เซฮุนจะเอาแต่นั่งมองไปรอบๆพร้อมสีหน้าที่นิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา

    “นายไม่มีอะไรที่อยากได้เลยหรอ?”

    “...” เซฮุนเงียบ เขาก้มมองแผ่นกระดาษในมือที่ว่างเปล่าไม่ต่างจากคำตอบของเขา มีหลายอย่างปะปนกันไปมั่วในหัวจนเขาไม่สามารถปะติปะต่อเศษเสี้ยวเหล่านั้นได้ ราวกับเศษแก้วที่แตกละเอียด

    “ไม่มีจริงอ่ะ”

    คริสตัลถามอีกครั้ง ค่อนข้างประหลาดใจกับคำตอบที่สรุปให้อีกฝ่ายเอง ก็ในเมื่อตัวเธอเองน่ะมีของที่อยากได้เต็มไปหมดซะขนาดนี้

    “นายอาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้เลยไม่ยอมเขียน”

    เซฮุนมองปากกาที่มือเล็กส่งมาให้ก่อนจะเงยหน้าสบตาเธออีกครั้ง คริสตัลพยักหน้าคล้ายกับจะบอกให้เขาลองเขียนมันดู เธอยิ้มก่อนจะพูดประโยคต่อไป

    “แต่ฉันจะบอกว่ามันได้ผลจริงๆนะ สาบานได้”

    ประโยคที่เหมือนสายลมโชยอ่อนที่พัดพาความวุ่นวายในหัวของเซฮุนให้หายไป ..

    “เพราะพอฉันเขียนคำขอนั่นไป นายก็มาโผล่ที่หน้าบ้านทันทีเลย”

     

     

    “เหลือเชื่อใช่มั้ยละ แต่มันคือเรื่องจริงนะ”

    เสียงเล็กของคริสตัลยังคงเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ทำให้ห้องนั่งเล่นเงียบเหงาไป หลังจากที่ยัดปากกาใส่มือของเซฮุนไปแล้วเธอก็เดินไปจัดการกับต้นคริสมาสต์ เคลียที่ว่างให้สำหรับคำขอของเซฮุนที่เธอบังคับเขากลายๆให้เขียนลงไป

    นานๆจะมีเพื่อนมาที่บ้านทั้งที เรื่องอะไรจะยอมเล่นคนเดียวล่ะ จริงมั้ย?

    “อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาน่ะ ฉันเลยเขียนไปว่าอยากได้เพื่อนมาเล่นด้วย”

    คริสตัลหันมาหาอีกคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม แล้วหยิบกระดาษใบเล็กที่แขวนอยู่บนต้นคริสมาสต์ขึ้นมาให้เขาดู มันเป็นคำขออันแรกที่เธอเขียน

    ขอให้มีใครซักคนมาเล่นด้วยกันที่บ้าน

    คริสตัลอ่านคำขอของตัวเองเสียงดังแล้วยิ้มอย่างพอใจ เซฮุนไม่รู้ว่าเขากำลังสนใจสิ่งไหนมากกว่ากันระหว่างลายมือขยุกขยุยนั่นหรือรอยยิ้มเด็กๆของเธอ เขารู้แค่เพียงว่าตอนนี้กลไกบางอย่างในตัวของเขากำลังทำงานไม่ปกติ

     

     
     

     

    “หาอะไรเล่นกันมั้ย?”

    คริสตัลลุกขึ้นยืนเดินวนรอบห้องแล้วหันมาถาม หลังจากที่เขียนคำขอไปจนหมดเธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี ถ้าเป็นในตอนปกติเธอคงเดินเข้าห้องนอนไปเปิดทีวีดู แต่เผอิญว่าตอนนี้มีแขกมานั่งด้วยอีกคนเธอเลยคิดอยากหาอะไรซักอย่างทำ

    “...”

    และก็เหมือนทุกครั้งที่คริสตัลถาม เซฮุนไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองคริสตัลด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท

    “ไหนๆนายก็ไม่รู้จะเขียนอะไรอยู่แล้วหนิ ไปหาอะไรอย่างอื่นทำกัน ดีกว่านั่งเฉยๆ”

    คริสตัลว่าแล้วเดินมาดึงแขนเซฮุนให้ลุกขึ้น เป็นเพราะคริสไม่เคยว่าเรื่องนิสัยที่เอาแต่ใจและขี้เล่นจนเกินไปของเธอ .. คริสตัลถึงได้ตกใจไม่น้อย

    “อย่าถูกตัวฉัน..”

    ในตอนที่เซฮุนสะบัดข้อมือหลบแล้วใช้มืออีกข้างจับแขนของเธอไว้แน่น

    สีหน้าที่จริงจังของเขาทำให้คริสตัลต้องหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตา ส่วนการรับรู้แจ้งเตือนถึงการบีบรัดที่รุนแรงตรงข้อมือจนเธอต้องพยายามสะบัดออก

    เซฮุนเห็นท่าขัดขืนของเธอก็รีบคลายมือที่กำข้อมืออีกฝ่ายไว้ออกทันที เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอตกใจแต่หน่วยความรู้ที่ฝังแน่นอยู่ข้างในเป็นตัวสั่งให้เขาตอบโต้ไปแบบนั้น เขาตัดสินใจแล้วว่าคงต้องพูดอะไรซักอย่างออกไป

    “เธอคงดูไม่ออกว่าฉันเป็นแอนดรอยส์”

    คริสตัลมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ แต่เพราะประโยคถัดไปก็ทำให้มุมปากที่เริ่มจะยกยิ้มในตอนแรกหายวับไปในพริบตา

    “และมนุษย์แบบเธอไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับแอนดรอยส์”

     

     

     

     

     

     

     

    อึดอัด..

    คริสตัลคิดว่าเธอเข้าใจความหมายของคำๆนี้ดีในตอนนี้ เธอเหลือบมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากให้คริสรีบกลับมาซักที เธอจะได้ไม่ต้องปิดบังตัวตนกับคนตรงหน้าว่าเป็นมนุษย์อีก

    ใช่.. คริสตัลไม่ได้เถียงหรือแก้ตัวที่เซฮุนเข้าใจว่าเธอเป็นมนุษย์ เธอต้องปล่อยให้เขาเข้าใจไปแบบนั้นต่อจนกว่าคริสจะอนุญาตให้เธอสามารถเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับตัวเองออกไปได้

    “ทำไมยังไม่ถึงอีกนะ..”

    ฉะนั้นตอนนี้เธอถึงได้กระวนกระวายและอึดอัดจนแทบบ้าอยู่แบบนี้

     
     

    “แล้วใครเป็นคนสร้างนายหรอ?”

    “...”

    “เฮ้! ได้ยินมั้ย?” คริสตัลยื่นมือไปเรียกความสนใจ เซฮุนจึงปัดมือเล็กที่โบกไปมาอยู่ใกล้หน้าเขาออก เขาได้ยินทุกคำพูดของคริสตัล รวมถึงคำถามเมื่อกี้ด้วย

    ลู่ฮาน

    เซฮุนหลับตาแน่น พยายามใช้ความคิด ชื่อนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของเขาในตอนที่คริสตัลถามถึงเรื่องคนที่สร้างเขา เขานึกย้อนไปยังข้อมูลในคลังที่เก็บสำรองไว้แต่เหมือนระบบในตัวเขาเองจะปิดกลั้นมันเอาไว้ด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งที่เขาเองก็ไม่รู้

    “นี่ ได้ยินมั้ย?”

    คริสตัลถามเมื่อเห็นท่าทางของเซฮุนที่ดูแล้วไม่น่าจะสบายตัวซักเท่าไหร่ แล้วถามซ้ำเสียงดังอีกครั้งที่เห็นเขายกมือกุมขมับไว้แน่น

    “เป็นอะไรรึเปล่าเซฮุน!

    เสียงของคริสตัลดังเข้ามาในโสตประสาทของเซฮุน มันดังเข้ามาปนกับเสียงพูดของใครบางคน ประโยคที่ขาดๆหายๆฟังไม่ได้ความวิ่งวนไปมาในหัวราวกับแผ่นเสียงที่มีตำหนิยิ่งทำให้เขากดมือแน่นขึ้นกว่าเก่า

    ภาพต่างๆที่ดูคุ้นตาไหลย้อนเข้ามาในหน่วยความจำหลักในตอนที่เขาฝืนตัวเองแทรกเข้าไปยังคลังสำรอง เซฮุนพยายามจะจับภาพเหล่านั้นออกมาดูให้ชัด แต่ด้วยจำนวนที่เยอะเกินไปของภาพทำให้เขาทำอย่างที่คิดไม่ได้

    “นี่! เซฮุน!

    เปลือกตาทั้งสองข้างของเซฮุนกระพริบถี่ราวกับเครื่องจักรที่ค้าง คริสตัลเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจกดเข้าไปที่ปุ่มตรงหน้าอกฝั่งซ้ายของเขาตามประโยคที่คริสชอบพูดย้ำกับเธออยู่เสมอ

    จำไว้นะว่าห้ามให้ใครมาโดนปุ่มตรงนี้เด็ดขาด มันเป็นปุ่มรีเซตทุกอย่าง

    ร่างของเซฮุนกระตุกหนึ่งครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกกว้างก่อนจะปิดลงพร้อมกับร่างที่ทิ้งลงพิงโซฟา 

     

      

     

     

     

     

    “เฮ้ ตื่นได้แล้ว!

    เสียงเล็กของใครบางคนปลุกร่างสูงที่นั่งพิงอยู่กับเก้าอี้เก่าๆให้ตื่นขึ้น เซฮุนกระพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้สามารถโฟกัสภาพตรงหน้าได้ชัดขึ้น มันไม่ใช่ห้องรับแขกในบ้านของคริสตัล แต่กลับเป็นห้องนอนสีฟ้าสดใสที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แปลก..

    เขาจำได้ว่ากำลังนั่งอยู่ในห้องนั้นกับคริสตัลก่อนที่จะวูบไป แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาโผล่ที่นี้ได้ล่ะ?

    “ตื่นนานแล้วเหรอ เซนา”

    หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายออกในนาทีที่เห็นร่างเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำ ถึงจะยังไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่คำว่าหน้าที่ก็ทำให้เขาเลิกสนใจที่จะหาคำตอบ เขาส่งยิ้มให้เด็กหญิงตัวเล็กตรงหน้า พร้อมถามเมื่อเห็นว่าเธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    เซนา..เด็กสาววัยเจ็ดขวบในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนพยักหน้าแล้วยื่นโบว์สีขาวมาให้เขา

    “ผูกผมให้หน่อยสิ”

    เธอว่าแล้วเดินมานั่งบนตักเขา เซฮุนใช้มือค่อยๆบรรจงรวมผมสีน้ำตาลเข้มของเธออย่างเบามือ น่าแปลกที่เขากลับทำมันได้อย่างง่ายดาย เขารวบผมม้าให้เซนาโดยไม่จำเป็นต้องใช้หวีเลยด้วยซ้ำ

    อ่า.. นี่เขากลายเป็นหุ่นยนต์แนนนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

    “วันนี้ไปเดินเล่นกัน”

    เซฮุนตอบตกลงเบาๆก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้

    “เดินเล่น?” พูดทวนซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฟังผิดแต่อย่างใด

    “อือ เดินเล่นไง”

    เซนาลุกจากเก้าอี้เมื่อเซฮุนทำผมให้เธอเสร็จ แล้วเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเช็คความเรียบร้อยอยู่พักนึง จากนั้นก็กลับมาดึงแขนอีกคนให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เจ้าตัวนั่งอยู่

    “ไปกันๆ”

    เซฮุนรู้ว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมลุกเดินตามไปอย่างงงๆ ไม่ได้คิดขัดขืนอะไร

     

     

     

    “ว้าวววว”

    ทันทีที่ทั้งคู่เดินมาถึงตรงทางเดินเลียบแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก เซนาก็ปล่อยมือที่จับเพื่อนร่วมทางอีกคนออกแล้วรีบวิ่งไปตรงริมรั้วไม้ที่กั้น

    “อย่าวิ่งนะเซนา” ไวเท่าความคิด เซฮุนตะโกนบอกแล้วรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปรับตัวเธอไว้ได้ทันในจังหวะที่เซนากำลังจะล้มเพราะสะดุดขาตัวเองตามนิสัยซุ่มซ่ามของเธอ

    ผมสัญญว่าจะดูแลเซนาเป็นอย่างดี

    คำพูดของตัวเองในวันนั้นเขายังคงจำได้ขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้ และเขาก็จะไม่ยอมผิดคำพูดตัวเองแน่ๆ

    “บอกแล้วไงว่าอย่าวิ่ง”

    เซฮุนว่าก่อนจะค่อยๆปรับน้ำเสียงตัวเองให้อ่อนลงเมื่อสบตากับดวงตาใสซื่อคู่นั้น

    “ค่อยๆเดินสิ..ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คุณท่านคงจะเสียใจ”

    “อืม” เซนาพยักหน้าอย่างเชื่อฟังก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยแรงพยุงของคนตัวสูงที่ประคองตัวเธอไว้

    เซฮุนมองร่างเล็กที่ค่อยๆเดินไปด้วยสีหน้านิ่งๆ เขาจำไม่ได้ว่าเซนากลายเป็นเด็กที่เชื่อฟังไม่ดื้อไม่เถียงแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน

    มันแปลกซะจน .. เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริงๆ

    จนกระทั่ง..

    เสียงของอีกคนดังแทรกเข้ามาจากในโสตประสาท

    “เร็วเข้าคริส ทางนี้ๆ”

    เขาถึงรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเมื่อกี้ เขาเพียงแค่ฝันไป..

     

     

     

     

    “เขายังไม่รู้สึกตัวเลย”

    เสียงของคริสตัลดังแว่วมาจากไกลๆ เซฮุนกระพริบตาถี่เพื่อปรับโฟกัส ไม่เห็นผนังห้องสีฟ้าอ่อนนั้นแล้วรวมถึงเซนาด้วย .. เขาหันไปมองรอบข้างเหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษเปล่าที่โต๊ะแล้วก็พบว่าตัวเองยังอยู่ที่โซฟาตัวเดิมในห้องนั่งเล่นที่บ้านของคริสตัล  ก่อนจะขยับตัวลุกนั่งในตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ แต่ฉันไม่รู้จะทำไงดีเลยกดปุ่มนั่นไป”

    เขาเห็นคริสตัลวิ่งเข้าในห้องคนแรก ตามด้วยผู้ชายตัวสูงท่าทางซีเรียส และก็ผู้ชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่าแต่สีหน้ากังวลมากที่สุด

    “เซฮุน!นายฟื้นแล้ว”

    คริสตัลพูดแล้วรีบวิ่งเข้ามาหาเซฮุน แต่ไม่ไวเท่าลู่ฮานที่เข้าห้องมาเป็นคนสุดท้าย เขาแทรกตัวผ่านคริสเข้าไปหาเซฮุนทันที

    “นายโอเคมั้ย?”

    ท่าทีที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของลู่ฮานทำให้เซฮุนต้องจ้องเขาอยู่นานเพื่อเปรียบเทียบใบหน้าของเขากับในหน่วยความจำ

    “ครับ” เซฮุนตอบไม่เต็มเสียงเมื่อพบว่าเขาไม่มีข้อมูลของผู้ชายคนนี้เลย

    “อ่า..ค่อยโล่งอกไปที”

    ลู่ฮานพูดแล้วเอื้อมมือไปกุมมือของเซฮุน คริสตัลจะเอ่ยปากเตือนแล้วว่าอีกคนไม่ชอบให้ถูกตัว แต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นว่าเซฮุนไม่ได้มีท่าทีเหมือนในตอนแรกที่เธอไปจับแขนเขา

    “นายมาที่บ้านคริสทำไม?” ลู่ฮานที่นึกขึ้นได้เอ่ยถามอีกคนที่ยังนั่งนิ่ง

    “คริส..”

    “อือ .. คริสไง คนนี้เนี่ย”

    พูดจบลู่ฮานก็ชี้นิ้วไปที่เพื่อนสนิทที่ยืนเงียบสังเกตการณ์มาตลอด เซฮุนเงยหน้าขึ้นมอง ในตอนที่ได้ยินชื่อนี้ กลไกข้างในเริ่มทำงานติดขัดอีกครั้ง คำสั่งในหัวถูกส่งมา มันวิ่งแล่นไปทั่วร่างคล้ายกับระเบิดเวลาที่รออะไรซักอย่างมาปะทุ

    “คริส .. คริส..คริส..”

    คริสกอดอกมองเซฮุนอย่างงงๆที่เห็นเขาพึมพำชื่อตัวเองซ้ำไปมาๆ

     

     
     

     “เป็นไรน่ะ.. โอ้ยยย!

    ลู่ฮานเลื่อนมือไปจับไหล่เซฮุนก่อนจะเขย่าเบาๆเพื่อถามอาการ แต่เซฮุนใช้มืออีกข้างจับข้อมือเขาไว้แล้วบิดจนเขาร้องเสียงหลง ลู่ฮานต้องพยายามหมุนตัวตามเพื่อไม่ให้แขนตัวเองหักไปซะก่อน

    เซฮุนไม่ตกใจกับเสียงร้องที่มาจากการกระทำของตัวเอง เขามองสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของลู่ฮานราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านั้น

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ” คริสตัลไปหลบหลังคริสทันที เซฮุนผลักลู่ฮานกระเด็นให้พ้นทางแล้วเดินตรงเข้าไปหาคริสที่ค่อยๆถอยห่างออกมา

    “อย่าเข้ามานะเว้ย”

    เซฮุนไม่สนคำขู่ของอีกฝ่าย เขาพุ่งตัวเข้าหาคริสทันที อาศัยความว่องไวของร่างกายเอื้อมมือไปบีบคอของคริสแล้วยกขึ้น

    “ปล่อยคริสนะ!” คริสตัลตะคอกเสียงดังแล้วพยายามจะเข้ามาขัดขวางแต่ก็ไม่สำเร็จ เธอถูกเขาผลักกระเด็นออกไป โชคดีที่ลู่ฮานเข้าไปรับเธอไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคริสตัลคงกระแทกเข้ากับตู้กระจกที่ตั้งโชว์อยู่แถวนั้นแน่

    “ปะ..ปล่อย ฉัน”

    คริสพยายามตะเกียกตะกายดิ้นให้หลุดจากมือของเซฮุน หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเนื่องจากขาดอากาศ ทั้งที่เขาตัวสูงใหญ่กว่าอีกฝ่ายแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” คริสตัลพุ่งตัวเข้ามากอดล็อคแขนของเซฮุน ทำให้คริสได้โอกาสปัดมืออีกฝ่ายออก ก่อนจะล้มลงไปที่พื้นเนื่องจากหมดแรง

    พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นทั้งคริสตัลและลู่ฮานพยายามล็อคเซฮุนเอาไว้ไม่ให้ขยับ เซฮุนสะบัดแขนทั้งสองข้างแรงๆจนหลุดจากการจับกุม แต่ก็ได้ไม่นานคริสตัลก็เข้ามาล็อคตัวเขาไว้อีกครั้ง

    “คริส ทำไรซักอย่างสิ!

    ลู่ฮานที่กอดล็อคเอวของเซฮุนอยู่ตะโกนสั่งคริสที่นั่งหายใจหอบอยู่ เขาถึงได้สติรีบลุกขึ้นก่อนจะมองไปรอบห้องเพื่อหาอะไรบางอย่าง

    “เร็วๆเข้า” ลู่ฮานเร่งคริสอีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่าแขนของเขากำลังจะหมดแรงและเซฮุนจะหลุดพ้นจากพันธนาการของเขาและคริสตัลในอีกไม่กี่นาทีต่อไป

    คริสหันซ้ายหันขวามองไปรอบห้องแล้วก็วิ่งตรงไปที่ตู้ที่ตั้งอยู่อีกมุม เขาเปิดลิ้นชักแรกออกแล้วคว้าไขควงด้านไม่ใหญ่มากมา

     

    เพล้ง!

    เสียงกระจกแตกดังขึ้น คริสหันกลับมาแล้วพบว่าเป็นคริสตัลที่กระเด็นไปชนตู้กระจก ส่วนลู่ฮานกำลังกอดขาของเซฮุนไว้แน่น

    “คริส! ระวัง!

    คริสตัลตะโกนก่อนจะรีบลุกขึ้นมา ตามตัวของเธอถลอกจนเห็นสายไฟข้างใน เธอรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะล๊อคตัวเซฮุนไว้แต่ไม่ทัน ตอนนี้เซฮุนสะบัดลู่ฮานออกไปได้แล้ว เขารีบพุ่งเข้าไปหาคริส แต่คราวนี้คริสไหวตัวทัน เขาเคยเรียนเทควันโด้ตอนที่อยู่ปีหนึ่งเลยพอมีทักษะในการหลบหลีกการโจมตีได้บ้าง

    “โทษทีนะ” คริสพูดขึ้นในตอนที่หันตัวกลับมาอยู่ข้างหลังเซฮุน ก่อนจะใช้ไขควงที่อยู่ในมือทิ่มเข้าไปแรงๆที่หลังคอของเซฮุน

     

    ตุ้บ!

    ร่างของเซฮุนล้มลงกระแทกกับพื้น

    คริสไปพยุงคริสตัลให้ยืนขึ้นมา ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าร่างกายของคริสตัลเสียหายไปไม่น้อย เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยมาที่คาง

    “ยังไม่เจ๊งหรอกน่า ไม่ต้องห่วง” เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของลู่ฮานที่กำลังเดินเข้าไปหาร่างของเซฮุนที่นอนกองอยู่บนพื้น

    “ฉันขอโทษนะ”

    “ช่างมันเหอะน่า เก็บกวาดห้องให้ด้วยละกัน” คริสว่าก่อนจะพาคริสตัลไปยังห้องทำงานของเขา เขาต้องรีบซ่อมแซมคริสตัลให้เสร็จภายในคืนนี้ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เธอคงอดไปเรียน

    ลู่ฮานพยักหน้าตาม มองไปรอบห้องแล้วก็พบว่ามันเละอย่างที่คริสบอกจริงๆ เขาคลุกเข่าลงข้างๆเซฮุน ที่หลังคอยังมีไขควงปักคาไว้ ลู่ฮานใช้มือทั้งสองค่อยๆพลิกเซฮุนเพื่อให้นอนหงายก่อนจะสังเกตเห็นสัญลักษณ์รูปคล้ายเลขแปดนอนตะแคงที่สลักอยู่ข้างในแผงวงจรตรงคอ คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของเขา

               ตอนนี้เขาเริ่มอยากรู้ที่มาของเซฮุน ..หุ่นที่ถูกทิ้งไว้ในโรงงานร้างตัวนี้แล้ว..

     

     

     

     

     

     

     

    “น่าจะโอเคแล้วล่ะ”

    คริสตบบ่าคริสตัลก่อนจะลุกขึ้น เขาใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงจัดการซ่อมแผลตามตัวของคริสตัลจนเสร็จ เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาในตอนนี้ว่าเกือบจะตีสามแล้วก็ถอนหายใจ เขาอยากจะทิ้งตัวลงนอนซะตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

    “เสร็จแล้วหรอ”

    แต่เพราะลู่ฮานที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลทำให้เขาไม่สามารถทำตามที่คิดไว้ได้

    “เก็บห้องให้แล้วไง?”

    คริสหันไปถามอีกคนในห้องที่ตอนนี้กำลังทำเหมือนพยายามจะซ่อมแอนดรอยส์ของตัวเอง ที่เขาใช้คำว่าพยายามก็เพราะว่าลู่ฮานไม่ได้ถนัดเรื่องพวกนี้แต่ก็ยังพยายามที่จะซ่อม เขาใช้คีมในมือตัดสายไฟในตัวเซฮุนตามหน้าหนังสือที่เปิดกางไว้

    คริสหัวเราะเหอะ ดูจากท่าทางของลู่ฮานแล้ว ชาตินี้ก็คงซ่อมไม่เสร็จ..

    “เก็บให้แล้วน่า...อ่ะ!” ลู่ฮานที่เอี้ยวตัวไปหยิบเทปพันสายไฟที่อยู่ด้านหลังร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆคริสก็เดินมาแย่งอุปกรณ์ในมือเขาไป แถมยังดันเขาให้เขยิบออกไปอีก

    “ต่อให้ซ่อมตรงนี้เสร็จ มันก็ยังใช้งานไม่ได้อยู่ดี”

    “อ้าวหรอ..”

    ลู่ฮานพูดเสียงค่อยแล้วก็เดินไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงข้างๆ คริสจัดแจงวางกล่องอุปกรณ์ที่เพิ่งใช้ซ่อมให้คริสตัลลงที่โต๊ะ ก่อนจะเปิดเสื้อของเซฮุนขึ้นจนเห็นแผงหน้าอก หัวคิ้วขมวดในตอนที่เขาพบว่ามันมีแค่ปุ่มสีแดงเพียงปุ่มเดียวแต่ไม่มีแผงอะไรให้เปิดได้เลย

    “อะไรว่ะเนี่ย..” บ่นพึมพำก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้าเหรอหราไม่รู้เรื่อง

    “มีอะไรหรอ?”

    “ถามจริง ไปเอาไอ้หุ่นนี่มาจากไหน”

    ลู่ฮานทำตาโตตกใจ เขาไม่เคยบอกใครเลยด้วยซ้ำเรื่องที่เขาไปเจอเซฮุนที่โรงงานร้างแถวที่ทำงาน นี่หน้าตาแบบเขาดูไม่น่าจะสร้างแอนดรอยส์ได้ขนาดนั้นเลยเหรอรึไง..

    “นายรู้ได้ไง?”

    “ใช่มั้ยล่ะ.. ไปซื้อมาจากพวกร้านมือสองใช่มั้ย? ที่ไหนล่ะ? เอาเบอร์โทรมา”

    ลู่ฮานขมวดหัวคิ้วจนยุ่ง ซื้อมางั้นเหรอ? เขาเพิ่งจะรู้ในตอนนี้เองว่ามันมีขายหุ่นมือสองด้วย ไม่ได้ต่างจากพวกเสื้อผ้ามือสองอะไรพวกนั้นเลยนะเนี่ย

    “ว่าไง ซื้อมาจากร้านไหน อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้” คริสหันมาทำเสียงดุใส่เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมตอบเขาซักที เลยเดาไปว่าลู่ฮานอาจจะลืมไปแล้ว ก็เจ้าตัวยิ่งขี้ลืมๆอยู่ด้วย

    “ปะเปล่า ไม่ได้ลืม”

    “งั้นก็บอกชื่อร้านมาสิ เดี๋ยวเสิร์ชหาในเนตเอง”

    “ไม่ใช่แบบนั้นคริส คือ..”

    คริสหยุดมือที่ไล่คลำไปตามตัวเซฮุนแล้วหันมามองหน้าคนนั่งข้างที่ทำเสียงเหมือนคนกำลังจะสารภาพความผิด

    “คือ ..ฉัน..เก็บมาได้อ่ะ”

    ลู่ฮานตอบก่อนจะยิ้มเจื่อนๆมาให้ คริสขมวดหัวคิ้วอีกครั้ง หรี่ตาลงคล้ายกับไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังสิ่งที่ลู่ฮานพูดมาถูกต้องรึเปล่า 

    เก็บมาได้? มันมีเรื่องแบบนี้อยู่ในโลกด้วยงั้นเหรอ?

     

     

     

    “นายไม่ได้โกหกใช่มั้ย?”

    ลู่ฮานกรอกตาเซ็ง คริสถามประโยคนี่กับเขาเป็นรอบที่ห้าแล้ว จนเขาอยากเดินเข้าไปตบหัวอีกฝ่ายให้คว่ำติดโต๊ะก่อนจะกระชากปกคอเสื้อขึ้นมาแรงๆแล้วถามว่า

    หน้ากูเหมือนคนชอบโกหกนักหรือไง?

    แต่ก็ทำได้แค่คิดในใจ

    “ฉันไม่ได้โกหกนะ”

    อ่า.. เขานี่มันดีแต่คิดจริงๆ

     

    “ไม่ใช่ไรนะ ที่ถามหลายรอบก็เพราะว่ามันไม่น่าจะเชื่อซักเท่าไหร่..”

    คริสที่เหมือนจะจับความหงุดหงิดในน้ำเสียงของลู่ฮานได้อธิบายขึ้นมา ตอนนี้เขากำลังพยายามเจาะข้อมูลในหน่วยความจำของเซฮุนอยู่ หลังจากที่ไล่หาจุดเชื่อมต่อปลั๊กในตัวเซฮุนอยู่นาน ใครมันจะไปคิดว่าจะไปแอบอยู่ในหูแบบนั้น..

    “ยังไงอ่ะ ฉันไม่เข้าใจ”

    “กะอยู่แล้วว่านายคงไม่เข้าใจ คืองี้..” คริสพูดในขณะที่ยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอม ตัวอักษรสีขาวรันขึ้นเต็มหน้าจอในตอนที่เขากดเข้าหน่วยความจำของเซฮุนไป

    “พูดต่อดิ”

    ลู่ฮานเอียงคอรอฟัง คริสหยุดพูดเอาซะดื้อๆก่อนจะขยับนิ้วมือรัวบนแป้นพิมพ์ สีหน้าดูเคร่งเครียดคล้ายกับกำลังทะเลากับโปรแกรมยังไงยังงั้นแหละ

    “...”

    “เอ้า เงียบอีก”

    “แปปนึง”

    คริสตอบกลับมาสั้นๆแล้วก็เริ่มรัวแป้นพิมพ์ต่อ ตัวอักษรรันขึ้นเต็มหน้าจอคล้ายกับฉากในหนังเรื่องเมทริกซ์จนลู่ฮานเริ่มสงสัยว่าคริสกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

    “ตามสบายละกัน ฉันขอไปหาคริสตัลนะ”

    “เออดี.. ไปพาคริสตัลมาห้องนี้เลย ฉันอยากจะทดสอบอะไรหน่อย”

    “อ่า..”

    ลู่ฮานลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วค่อยๆเดินไปยังห้องข้างๆ ที่ประตูมีป้ายไม้ห้อยไว้เขียนว่า ‘KRYSTAL’ แล้วก็อดนึกขำไม่ได้ เขาไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ถึงขนาดทำป้ายห้องให้แอนดรอยส์ซะด้วย

     

    ก๊อก ก๊อก

    ลู่ฮานเคาะประตูก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดเข้าไป ข้างในห้องถูกตกแต่งไปด้วยสีฟ้าอ่อน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เขามองไปรอบห้องก่อนจะหยุดสายตาลงที่กรอบรูปที่ตั้งอยู่  ลู่ฮานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล .. มันเป็นรูปเหมือนสมัยสิบกว่าปีที่แล้วถ้าดูจากชุดนักเรียนของคริส แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น .. ผู้หญิงอีกคนในรูปนั่น ..

    คริสตัลงั้นเหรอ?

    “มีอะไรเหรอคะ?” คริสตัลที่นั่งอยู่บนเตียงเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาถามแขกที่เข้ามาในห้อง

    ลู่ฮานละความสนใจจากรูปภาพหันมาหาเจ้าของคำถาม คริสตัลในชุดนอนกำลังจ้องเขาตาแป๋ว เรือนผมสีดำตัดกับใบหน้าขาวใสทำให้เขาไปต่อไม่เป็น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแอนดรอยส์แต่ลู่ฮานกลับรู้สึกประหม่าจนพูดตะกุกตะกักแบบนี้

    “เอ่อ..คือว่า..”

    จะบ้าตาย! เขานี่ช่างอ่อนหัดกับเพศตรงข้ามจริงๆ

    “คะ?”

    “คริสเขาให้มาตามเธอไปที่ห้องนู้นน่ะ”

    “อ่อออ” คริสตัลลากเสียงยาว วางหนังสือในมือแล้วรีบกระโดดลงจากเตียงมายืนข้างลู่ฮาน ถือวิสาสะเอามือควงแขนอีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มกว้างให้

    “งั้นไปกัน ไปหาคริสกัน”

    ลู่ฮานหน้าแดงแล้วพยายามก้าวขาที่แข็งทื่อให้ขยับตามอีกคน อ่า.. ถ้าเขาประหม่าตายนี่ ความผิดของคริสคนเดียวเลยจริงๆ

     

     

     

    “เรียกฉันเหรอ?”

    ทันทีที่ถึงห้องทำงาน คริสตัลก็ปล่อยแขนลู่ฮานออกแล้วเดินตรงเข้าไปหาคริส ลู่ฮานแอบลอบถอนหายใจเพราะรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจนกระทั่งถึงตอนนี้

    “มาใกล้ๆหน่อย”

    คริสพูดแล้วคริสตัลก็ขยับเข้าไปใกล้ตามที่เขาบอก ลู่ฮานที่เงยหน้าขึ้นมาพอดีแทบจะร้องว้าก เขารีบก้มหน้าเอามือปิดตาทั้งสองข้างทันทีก่อนจะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่กระจายทั่วใบหน้า

    จะบ้าตาย! ทำไมคริสทำอะไรไม่บอกกล่าวกันก่อนเลยนะ

    “เฮ้ย เลิกปิดตาแล้วก็เดินมานี่” คริสสั่งเสียงดังก่อนจะส่ายหัว ไม่ไหวเลยจริงๆ หมอนี่มันอ่อนหัดชะมัด

    “จะ..จะ ให้ช่วยอะไร” ลู่ฮานถามแล้วเดินเข้ามาแต่มือยังคงปิดตาทั้งสองของตัวเองไว้ เขายังจำได้ดีว่าสมัยตอนอยู่ม.ต้นเขาเคยเป็นลมเพราะเห็นเพื่อนผู้หญิงในห้องเปลี่ยนชุดพละ

    แล้วนี่เล่นถอดออกทั้งเสื้อแบบนี้.. มีหวังเขาคงได้สลบยาวแน่

    “ก็จะอธิบายให้ฟังไง เอามือลงซักทีเส่!

    คริสสั่งเสียงดัง เขากำลังหงุดหงิดที่เจาะเข้าข้อมูลของเซฮุนไม่ได้อยู่แล้ว ไอ้เจ้าของก็ดันมาทำให้เสียเวลาอีก ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปปัดมือที่ปิดตาของลู่ฮานลง

    “ดู! มันไม่ได้โป๊อะไรแบบนั้นซะหน่อย” 

    “...”

    ลู่ฮานค่อยๆลืมตาขึ้นมอง ตอนนี้คริสตัลไม่ได้เสื้อแต่ก็ไม่ได้โป๊อย่างที่คิดเอาไว้ โอเค..มันก็โป๊อยู่บ้าง เพราะเธอก็มีหน้าอกเหมือนหญิงสาวทั่วไปแต่เพียงมันดูออกว่าไม่ใช่ผิวหนังของคนจริงๆ ออกจะมันเงาแบบโลหะซะมากกว่า

    “เห็นนี่ใช่มั้ย ปุ่มแดงๆนี่”  

    “อ่าฮะ”

    ลู่ฮานตอบก่อนจะหันไปมองตามนิ้วของคริสที่ชี้ไปยังบริเวณตำแหน่งเดียวกันบนร่างของเซฮุน ถึงเขาจะไม่ถนัดเรื่องแอนดรอยส์พวกนี้แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าเซฮุนมีอะไรบางอย่างที่ต่างออกไปจากคริสตัล

    “ที่จริงตรงนี้มันต้องเปิดออกมาได้ เพราะมันเป็นแหล่งกระจายพลังงาน” คริสว่าแล้วแงะฝาตรงหน้าอกด้านซ้ายของคริสตัลออกประกอบคำพูด ลู่ฮานมองตามตาไม่กระพริบ ข้างในมีสายไฟเส้นเล็กๆอีกหลายเส้นโยงใยกันมั่วไปหมด

    “แล้วนายมั่นใจได้ไงว่าแอนดรอยส์ทุกตัวต้องแบบที่นายบอกทั้งหมด”

    “มั่นใจสิ ก็เพราะว่าคริสตัลคือหุ่นรุ่นล่าสุดในตอนนี้แล้ว นอกจากนี้รุ่นก่อนๆก็ใช้ระบบวงจรไม่ได้ต่างจากนี้ซักเท่าไหร่”

    คริสพูดอย่างมั่นใจ เมื่อกี้เขาเข้าเนตไปเช็คดูแล้ว ไม่มีรายงานไหนที่พูดถึงระบบแผนวงจรแบบของเซฮุนเลย จะว่าเป็นแอนดรอยส์เถื่อนก็ไม่น่าใช่เพราะรายละเอียดต่างๆในตัวเซฮุนดูประณีตมาก ขนาดเขาที่ว่าทำละเอียดแล้วยังสู้ไม่ได้เลย

     

     

    “แถมวัสดุที่เอามาทำเป็นผิวก็แข็งแรงมากถ้าเทียบกับคริสตัลแล้ว”

    คริสอธิบายต่อเมื่อนึกขึ้นได้ เขาหยิบคัตเตอร์ขึ้นมาแล้วกรีดเบาๆที่แขนของคริสตัล ลู่ฮานรีบพูดห้ามแต่ไม่ทัน แอบรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เห็นแผลที่แขนคริสตัลถึงจะเล็กๆก็เถอะ เขาไม่คิดว่าคริสจะทำจริงๆ

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า เอาพาราฟิน*มาป้ายคืนก็หาย”

    *พาราฟิน = ปิโตรเลียมแข็งที่ใช้เป็นประกอบมนการทำเทียน, ขี้ผึ้ง

    คริสพูดปลอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของลู่ฮาน ดูท่าจะรู้สึกผิดต่อคริสตัลเอามากๆ ส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ คริสไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะทำร้ายคริสตัลได้ลงคอ ที่ทำไปเมื่อกี้ก็แค่อยากให้อีกคนเห็นภาพตามชัดๆ พอพูดจบเขาก็หันไปสนใจเซฮุนที่นอนอยู่ต่อ แอบหัวเราะในลำคออีกครั้งที่เห็นลู่ฮานทำหน้าไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ในตอนที่เขาใช้คัตเตอร์อันเดิมกรีดลงที่ตัวเซฮุน

    “เห็นป่ะ แตกต่างกันสุดๆ”

    ลู่ฮานมองเซฮุนค้าง ก่อนจะขยี้ตาอีกครั้งเพราะไม่เชื่อสายตาตัวเอง บ้าน่า! อะไรมันจะเหนียวได้ขนาดนั้น เขามองผิวของเซฮุนที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมไม่ว่าคริสจะทิ่มคัตเตอร์ลงไปแรงแค่ไหนก็ตาม

    “เหมือนกับว่าผิวของหมอนี่ถูกสร้างมาเพื่อป้องกันความเสียหายทางกายภาพยังไงยังงั้น”

    “ทางกายภาพหรอ? หมายถึงแบบเวลาได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ?”

    “คงงั้นมั้ง ฉันก็ไม่รู้”

    “ถ้ายังงั้นก็แสดงว่าเซฮุนคงถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างแน่ๆ” ลู่ฮานพูด เขาจำได้ว่าตอนเจอเซฮุนครั้งแรกนั้น อีกฝ่ายถูกวางทิ้งไว้เหมือนเป็นขยะธรรมดาๆชิ้นนึง ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

    ถ้าจะมีอะไรแปลกก็คงเป็นไอ้กระดาษแผ่นนั้นมั้ง

    “เออ..ฉันเพิ่งนึกได้ว่าตอนที่ไปเจอครั้งแรก มันมีแผ่นกระดาษยัดอยู่ในมือเซฮุนมาด้วย”

    “แล้วได้เอามาด้วยรึเปล่า”

    “เอามาสิ แต่จำไม่ได้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหน”

     

    “ไว้คราวหน้าก็เอามาด้วยละกัน เพื่อจะได้รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเซฮุนมากขึ้น”

    คริสพูดก่อนจะหันไปหยิบพาราฟินกึ่งเหลวมาป้ายที่แผลของคริสตัลแล้วสวมเสื้อกลับให้เธอตามเดิม เขาบอกให้เธอกลับไปอ่านหนังสือต่อที่ห้อง ตอนนี้ตีห้าแล้ว อย่างน้อยเขาต้องรีบลงเฟิร์มแวร์เซฮุนให้เสร็จ เพราะมีนัดคุยงานตอนแปดโมงต่อ

    “แล้วถ้าลงเฟิร์มแวร์ใหม่ เซฮุนจะเป็นแบบเมื่อกี้อีกรึเปล่า?” ลู่ฮานถาม เขากลัวว่าที่เซฮุนทำร้ายคริสในตอนนั้นเป็นเพราะความผิดพลาดบางอย่างในตัว แบบระบบสั่งการทำงานไม่ปกติเลยทำให้ถูกเอามาทิ้งแบบนี้

    “ไม่หรอก อันนั้นมันเป็นเพราะนายดันโง่ไปโหลดเฟิร์มแวร์ไวรัสมาต่างหากเล่า”

    คริสเหน็บแหนม ตอนแรกเขาก็โมโหอยู่หรอกนะที่ลู่ฮานลากเขาเข้าไปเกี่ยวด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่คิดแบบนั้นล่ะ กลับรู้สึกขอบคุณซะด้วยซ้ำที่อยู่ๆก็มีแอนดรอยส์ตัวใหม่มาให้ศึกษา

    ยิ่งถ้าเขาเจาะข้อมูลเข้าไปได้ละก็ มันจะยิ่งเฟอร์เฟคสุดๆ

    “งั้นฉันฝากเซฮุนไว้กับนายก่อนละกัน”

    ลู่ฮานพูดจบก็หาวปากกว้าง คริสพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วทำมือไล่ให้ลู่ฮานไปนอนซะจะได้ไม่กวนเขาอีก ลู่ฮานเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวแล้วฟุบลงที่โต๊ะ ไม่นานนักเขาก็หลับไป .. คริสจัดแจงเปิดเข้าโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ หันไปมองหน้าเซฮุนที่นอนอยู่แล้วนึกในใจ

    เขาหวังว่าถ้าเซฮุนฟื้นมาแล้วอีกฝ่ายจะยอมบอกเขาว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นใคร

     

     

     

     

     

     

    “จงอินนน เสร็จรึยังเนี่ย”

    เสียงของคนเป็นพี่ตะโกนถามลั่นบ้าน คิมจงอาที่ใส่รองเท้าเสร็จเรียบร้อยยื่นหน้าเข้าไปมองน้องชายตัวเองที่ยังวุ่นวายอยู่ในห้องรับแขก

    “เร็วๆสิ เดี๋ยวพี่ก็ไปสายพอดี”

    “รู้แล้วน่าๆ แปปนึงๆ”

    จงอินตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะมายืนเร่งเขาทุกๆห้าวินาทีแบบนี้ เขายอมไปโรงเรียนเองจะดีกว่าอีก ไม่น่าตัดสินใจขอติดรถไปด้วยเลย

    “ให้เวลาอีกสามนาทีนะ รีบๆตามไปที่รถเลย เข้าใจมั้ย!

    จงอินถอนหายใจหนักๆทำปากขมุบขมิบ แต่พอเห็นว่าพี่จงอายังยืนมองอยู่ เขาก็เลยต้องรีบวิ่งเอาจานไปล้างแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ไม่ถึงสามนาทีอย่างที่ว่าเขาก็พาตัวเองเข้าไปนั่งอยู่ในรถข้างคนขับเรียบร้อย

    “ทีหลังถ้าจะติดรถไปด้วยก็ต้องตื่นให้ไวกว่านี้สิ”

    “อ่าๆรู้แล้วๆ พี่เลิกบ่นได้แล้ว ไหนบอกรีบไง ออกรถดิ! เดี๋ยวก็สายหรอก”

    จงอินตอบกลับส่งๆแล้วพูดเปลี่ยนประเด็นให้คนเป็นพี่เลิกบ่นซักที ถึงแม้เขาจะอายุห่างกับพี่สาวตัวเองอยู่หลายปีแต่เพราะสนิทกัน จงอินเลยกล้าที่จะเถียงอีกฝ่าย

    “ก็กำลังจะออกอยู่แล้วเนี่ย ไม่ต้องพูดมากน่า”

     

     

    “ทำไมติดแบบนี้นะ...”

    มันเป็นเรื่องปกติที่รถจะติดในตอนเช้าของวันทำงาน รถเก๋งสีขาวของจงอาจึงยังคงจอดนิ่งไม่ขยับอยู่ที่ทางออกปากซอยบ้านตัวเอง เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้วแต่เธอยังไปไม่ถึงไหนเลย

    และก็เป็นเรื่องปกติที่คนนั่งข้างก็จะผงกหัวหลับแบบไม่รับรู้อะไร

    “นี่! อย่าเพิ่งหลับ ช่วยพี่เรียงเอกสารก่อน”

    จงอาเขย่าไหล่คนนั่งข้างให้ตื่น แล้วยื่นแฟ้มเอกสารไปให้ จงอินสะลืมสะลือตื่นขึ้นมา ที่จริงเขาต้องอารมณ์เสียที่ถูกปลุกแต่พอนึกได้ว่าอีกฝ่ายคือพี่สาวตัวเอง หงุดหงิดไปก็มีแต่จะโดนด่ากลับ เขาจึงไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจออกไป

    “ในแฟ้มมันจะมีเอกสารเหมือนกันอยู่สามชุด นายแยกออกมาให้พี่ชุดนึง”

    เธอพูดในขณะที่ยังคงมองถนน รถเริ่มขยับแล้วเธอต้องรีบตามติดรถคันหน้าเอาไว้จะได้ไม่ถูกรถคันอื่นแทรกเข้ามา จงอินพยักหน้าตามที่ได้ยินก่อนที่จะค่อยๆหยิบเอกสารในแฟ้มออกมาดู เกือบทุกแผ่นเป็นภาษาอังกฤษหมดเท่าที่เขาเปิดผ่านๆ จงอินไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษเหมือนพี่จงอาแต่เขาก็พอจะอ่านเข้าใจ มันเป็นเอกสารเกี่ยวกับสัญญาจ้างกับบริษัทลูกค้าต่างชาติที่จะมาลงทุนร่วมกับบริษัทที่พี่สาวเขาทำงานอยู่

    เขาไล่เปิดดูเอกสารของพี่ตัวเองไปเรื่อยๆจนมาสะดุดที่หน้าเกือบสุดท้ายในตอนที่เขาเปิดผ่านไปไวๆ มือหนาหยุดแล้วพลิกแผ่นกระดาษย้อนกลับไป หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมหรี่ตามองภาพตัวแทนของอีกบริษัท เขาเพ็งมองคนในภาพนั้น ผู้หญิงคนนั้นดูคล้ายกับคนที่เขารู้จักมาก แตกต่างอยู่นิดเดียวตรงที่ใบหน้าของคนในภาพดูอ่อนหวานมากกว่า  

    จงอินส่ายหัวแล้วปิดแฟ้มเอกสาร เขาส่งมันคืนให้พี่จงอาแล้วทิ้งหัวพิงเบาะไป ค่อยๆหลับตาอีกครั้งเพราะคิดว่าตัวเองคงยังง่วงอยู่เมื่อกี้ถึงได้ตาฝาด หรือไม่ก็เป็นเพราะยัยนั่นชอบมาเสนอหน้าให้เห็นเกือบทุกวันจนทำให้เขามองคนอื่นผิดไปหมดแบบนี้

    “เออ เย็นนี้พี่ต้องไปกินข้าวกับทีมนะ ฝากบอกแม่ด้วย”

    ได้ยินพี่จงอาพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเย็นนี้เขาก็มีนัดเหมือนกัน

    “จงอิน ฉันอยากอ่านการ์ตูนมั่งอ่ะ พาฉันไปร้านหนังสือหน่อยนะ น้าๆพาไปหน่อยนะ”

    เสียงออดอ้อนของคริสตัลดังขึ้นมาในตอนที่เขากำลังหลับตา จงอินเพิ่งรู้ว่าถูกอีกฝ่ายตามหลอกหลอนแม้กระทั่งในความคิด .. 



     

      

     

       


     




    A LITTLE TALK WITH WRITER

    อ่ะแฮ่มๆ หลังจากที่เป็นใบ้อยู่ 6 ตอน ก็คิดขึ้นได้ว่าควรจะเขียนอะไรบ้าง 555

    ก่อนอื่นก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้เนอะ จริงๆกะแค่แต่งเล่นๆสร้างสรรค์จินตนาการกันไปนะเนี่ย ‘_’

    ก็อาจจะอัพช้าบ้างบางครั้งนะคะ เพราะติดภารกิจ ไงก็เข้าใจนิดนึงน้า

    แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆ ชูสองนิ้วสัญญาเลย!

    มีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยน้า น้อมรับทุกคำติชมค่า ^w^

    ไม่มีอะไรมาก ไปและ บรั้ยส์





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×