ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✚ KARAKURI | krystal

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 05

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 58







    05










    At the first glance, I knew the truly meaning of alike.




             



            
    “ห้ามทำข้าวของพังนะ เข้าใจมั้ย”

    คริสพูดย้ำกับคริสตัลอีกครั้งในตอนที่จะออกบ้านไป ในที่สุดวันนัดรวมรุ่นก็มาถึง เขายังไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่ที่รู้แน่ๆคือเขาคงต้องเอาคริสตัลไปฝากไว้ที่บ้านคนอื่นซักสองสามวัน

    “มีอะไรก็โทรมาล่ะ ฉันทิ้งเบอร์ไว้ให้ที่โทรศัพท์แล้ว”

    “อ่าฮะ เข้าใจล่ะ รีบๆไปได้แล้ว”  

    คริสตัลรีบบอกอีกคนอย่างกระตือรือร้น ไม่ใช่ว่าดีใจที่จะได้อยู่บ้านคนเดียว แต่เธอกำลังตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น

    “ไม่ต้องรีบไล่ขนาดนั้นก็ได้”

    คริสว่าแล้วก็เอื้อมไปขยี้ผมอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกมั้ยที่ทิ้งให้คริสตัลอยู่บ้านคนเดียว เขาส่ายหัวเบาๆให้กับความคิดที่แวบขึ้นมาเมื่อครู่ที่ว่าจะพาคริสตัลไปด้วย เขารู้ว่าความลับไม่มีอยู่ในโลก ไม่ว่ายังไงซะทุกอย่างก็ต้องถูกเปิดเผย .. เพียงแต่แค่ตอนนี้

    “งั้นฉันไปก่อนนะ อย่าซนล่ะ”

    เขาคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ..

     

     

     

     

     

    ภายในร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านกังนัมที่คืนนี้เต็มไปด้วยกลุ่มคนในวัยสามสิบต้นๆเกือบสามสิบกว่าคนที่ได้เหมาทั้งร้านไว้แล้ว พวกเขาคือกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หลายคนเป็นที่รู้จักในฐานะผู้คิดค้นอุปกรณ์ต่างๆที่ทำให้เกาหลีใต้เป็นที่รู้จักในด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

    คริสกำลังคุยกับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีแล้ว หลายคนดูเปลี่ยนไปมากถ้าเทียบกับสมัยที่ยังเป็นนักศึกษา เขาไม่ค่อยได้ติดต่อกับเพื่อนๆมากเท่าไหร่จึงงงๆอยู่บ้างตอนที่คนอื่นเข้ามาทัก ถึงขนาดที่ว่าเพื่อนบางคนต้องหยิบเอารูปเก่ามาโชว์เพื่อให้เขานึกหน้าออกก็มี

    “อ้าว มาตอนไหนเนี่ย”

    แต่กับบางคน ..ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าแค่ได้ยินเสียงก็นึกออกทันที

     

     

    “มาถึงซักพักแล้ว ยืนคุยกับพวกจินยองอยู่”

    คริสตอบก่อนจะดูดน้ำส้มในแก้วจนหมด ถึงแม้พวกเขาจะโทรหากันบ่อยแต่นี้คงเป็นครั้งแรกในหลายปีที่ได้มาเจอหน้ากัน ลู่ฮานพยักหน้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแอบรู้สึกดีใจที่เห็นแก้วในมือคริสเป็นน้ำส้มไม่ใช่เหล้า ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเลิกได้จริงๆอย่างที่พูด เขายังจำภาพสมัยก่อนของคริสได้อยู่เลย ทั้งเหล้าและบุหรี่แทบทุกวัน..

    คริสในตอนนั้นน่ะ..โทรมแบบสุดๆเลยล่ะ

     

    “แล้วมาถึงนานยัง?” คริสถามอีกฝ่ายแต่ตาสองข้างนั่นกลับสอดส่องไปรอบๆงาน ไม่ได้สนใจลู่ฮานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลย

    “ถึงคนแรกเลยเหอะ นายก็รู้ว่าฉันเป็นพวกตรงต่อเวลา”

    คริสหัวเราะในลำคอเบาๆให้กับนิสัยการพูดที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยของลู่ฮานไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม

    “เปล่าประโยชน์น่า..ไม่ต้องมองหาหรอก” ลู่ฮานพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคริสยังคงมองมองไปรอบงานพร้อมกับดูดน้ำส้มแก้วใหม่ในมือ

    คริสหันกลับมามองพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย ถึงเขาจะรู้ว่าอีกคนก็คงรู้ว่าเขามองหาใครอยู่ แต่เขาไม่เข้าใจไอ้ความหมายของคำว่า เปล่าประโยชน์ อะไรนั่นที่ลู่ฮานพูดเมื่อกี้

    “ติดงานด่วนน่ะ เลยบินมาไม่ทัน”

    “นายโทรไป?”

    “เปล่า ไลน์ไป .. เออ พอพูดถึงไลน์ล่ะ ทำไมไม่ตอบว่ะ โทรไปก็ไม่รับ!

    ลู่ฮานเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกได้ว่าหลังจากวันนั้นที่เขากระหน่ำโทรไปรวมถึงส่งข้อความไปให้คริสนั้น อีกฝ่ายไม่ยอมโทรกลับ แม้แต่จะกดอ่านยังไม่ทำเลย พูดแล้วก็ยังหงุดหงิดไม่หาย

    ลู่ฮานรู้ว่าตัวเองไม่ถนัดที่จะมาสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งของใหม่ๆอะไรพวกนั้น เขาถนัดด้านทฤษฎีต่างๆมากกว่า วันนั้นเขาจึงอยากได้คำปรึกษาจากคริสเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังดีที่เขากล้าพอที่จะลองสุ่มทำด้วยตัวเองและมันก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ถ้าตอนนั้นเขามัวแต่รอที่จะคุยกับคริสก่อนป่านนี้หุ่นแอนดรอยส์น้อยของเขาก็คงจะยังไปไม่ถึงไหนแน่ๆ

    “โทษทีๆตอนนั้นกำลังยุ่งน่ะ เลยไม่ได้โทรกลับ” คริสรีบขอโทษพร้อมอธิบายเหตุผล ดูจากสีหน้าลู่ฮานตอนนี้แล้วเขาเลยอยากรู้ว่าตอนนั้นอีกฝ่ายโทรหาเขาทำไม

    “ว่าแต่มีเรื่องอะไรล่ะที่โทรมา”

    “อ๋อ..ไม่มีอะไรล่ะ”

    ลู่ฮานพูดยิ้มๆแล้วยกแก้วมาร์ตินี่ขึ้นกระดกจนหมด เขาไม่ยอมบอกคริสเพราะกะจะพาหุ่นแอนดรอยส์ที่ยังนอนนิ่งอยู่ที่บ้านไปเซอร์ไพรส์อีกฝ่ายให้ตกใจเล่นๆในเร็ววันนี้แหละ ให้รู้ซะมั่งว่าคนแบบเขาก็ทำเรื่องยากๆอย่างสร้างแอนดรอยส์แบบนี้เป็นเหมือนกัน

     

     

     

     

     

    “แล้วสุดท้ายพระเอกก็ตาย”

    เขามาทำอะไรที่นี่?

    คือคำถามที่คริสกำลังถามกับตัวเองอยู่ในขณะนี้ เขานั่งหมุนตะเกียบในมือเล่นในขณะที่เพื่อนคนอื่นต่างพากันนั่งเงียบฟังแทซอกสปอยส์หนังเรื่องใหม่ที่เจ้าตัวมีโอกาสได้เข้าไปช่วยเกี่ยวกับฉากซีจีอะไรนั่น

    ให้ตายเหอะ..นี่มันงานรวมรุ่นจริงเหรอเนี่ย มันควรที่จะเป็นงานที่เพื่อนๆมานั่งคุยถามสารทุกข์สุขกันไม่ใช่หรอ?

    “แล้วไอ้ฉากตอนตายนี้ก็พีคแบบสุดๆเลย..”

    แต่ตั้งแต่ที่นั่งมาเขาไม่ได้ยินเสียงเพื่อนคนอื่นๆเลยนอกจากแทซอกที่เล่าไม่ยอมหยุด แล้วทำไมลู่ฮานต้องไปนั่งตั้งใจฟังซะขนาดนั้นด้วยนะ

    น่าเบื่อชะมัด..

     

     

    “เห... จริงอ่ะ! สุดยอดดด”

    ลู่ฮานอ้าปากอุทานเสียงดัง เขาเป็นพวกคอหนังมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งพอได้ยินแทซอกเล่าถึงหนังที่จะเข้าฉายปลายปีนี้เขาเลยให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เขาถึงกับปรบมือแปะๆหลังจากที่แทซอกเล่าจบด้วยซ้ำ ลู่ฮานมีเรื่องอยากถามแทซอกอีกหลายอย่างแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะดันเหลือบไปเห็นแผ่นหลังของคริสที่กำลังมุ่งไปที่ประตูด้านข้าง เขาก็ต้องรีบขอตัวลุกออกจากโต๊ะตามไป

    “แอบกลับก่อนไง?”

    คริสสะดุ้งเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงใครบางคนทักขึ้นมา เขาค่อยๆหันไปหาเจ้าของคำพูดเมื่อกี้ก่อนจะถอนหายใจออกอย่างเซ็งๆที่ถูกลู่ฮานจับได้ในตอนที่กำลังจะหนีกลับก่อน

    “เออดิ มันน่าเบื่ออ่ะ ..เลยอยากจะกลับล่ะเนี่ย”

    “อะไรว่ะ นานๆได้เจอกันนะเว้ย อยู่คุยกันก่อนดิ”

     คริสเบ้ปากพ่นลมออกทำหน้าบอกบุญไม่รับ เขากะไว้แล้วว่าลู่ฮานต้องพูดแบบนี้ มันก็จริงอย่างที่ลู่ฮานบอกแหละว่านานๆได้เจอกันที

    แต่เอาจริงๆ ไอ้คำว่า อยู่คุยกันก่อน เนี่ย มันใช่รึไง? เขาแทบไม่ได้เปิดปากพูดกับใครเลยด้วยซ้ำตั้งแต่ที่ลู่ฮานทิ้งเขาไปคุยกับเพื่อนคนอื่น

    “ไปๆ เดี๋ยวไปนั่งคุยกับพวกนู้นต่อ มางานทั้งทีคุยไม่ครบทุกคนได้ไง”

    “ทุกคนงั้นเหรอ..” คริสบ่นพึมพำเบาๆกับตัวเองก่อนจะเดินตามลู่ฮานที่คว้าแขนเขาลากไปยังอีกโต๊ะนึงที่มีพวกกีกวังนั่งอยู่

     

     

     

     

     

    “คริส ได้ข่าวว่านายสร้างแอนดรอยส์สำเร็จแล้ว จริงหรอ?”

    เจ้าของชื่อหลุดจากห้วงความคิดในตอนที่ได้ยินกีกวังถาม ถึงแม้ว่าระหว่างที่นั่งกับเพื่อนกลุ่มนี้คริสจะได้พูดคุยโต้ตอบบ้างก็ตาม แต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่เขามักจะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเอง คริสอดไม่ได้ที่จะคิดถึงร่างเล็กที่อยู่ที่บ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้คริสตัลจะกำลังทำอะไรอยู่ คงไม่ได้พังบ้านเขาไปแล้วหรอกนะ

    “ใช่ๆ หมอนี้ทำสำเร็จแล้ว แถมน่ารักมากๆด้วย” คริสกำลังจะตอบแต่กลับโดนลู่ฮานรีบแย่งพูด เขาหรี่ตามองอีกคนที่พูดซะเหมือนกับเจ้าตัวเป็นคนสร้างขึ้นมาเองซะอย่างนั้น ทั้งๆที่ลู่ฮานก็ยังไม่เคยเห็นคริสตัลเลยด้วยซ้ำ

    “จริงดิ นายน่าจะพามางานวันนี้ด้วยนะ ฉันอยากเห็นจริงๆ”

    ลู่ฮานเตรียมจะพูดต่อแต่กลับโดนมินยองแทรกขึ้นมาเขาจึงทำได้แค่ผายมือให้อีกฝ่ายพูดก่อน ในขณะที่เขาเองก็หยิบแก้วมาร์ตินี่ขึ้นมาจิบฟังไปพลางๆ เขาเพิ่งค้นพบว่ารสชาติของมันดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ

    “คริส แล้วนายเคยได้ยินเรื่องไวรัส Killer บ้างเปล่า?” มินยองถามเพราะคริสน่าจะรู้จักมันในฐานะที่คลุกคลีกับพวกแอนดรอยส์

    “ไอ้ไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในเฟิร์มแวร์อ่ะนะ”

    “อื้อ”

    “ก็เคยได้ยินบ้าง”

    เธอดีดนิ้วเสียงดังก่อนจะเอ่ยถามคริสต่อ ลู่ฮานนั่งมองสองคนคุยกันอย่างไม่ได้คิดอะไร ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจฟังเลยมากกว่า สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มเลือนหายไปทีละนิดพร้อมกับจำนวนแก้วที่ดื่มไปที่เพิ่มมากขึ้น

     

     

    “ได้ข่าวว่ามันเอาไว้ทำร้ายคนอื่น”

    ประโยคนี้ของมินยองทำให้เพื่อนร่วมวงสนทนาคนอื่นทำสีหน้างุนงง ลู่ฮานก็ขมวดหัวคิ้วแต่ไม่ใช่เพราะสงสัยที่มินยองพูดแต่เขาแค่ทำท่าเลียนแบบคริสที่นั่งตรงข้าม

    “อันนี้ฉันไม่แน่ใจนะเพราะไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพวกนี้ ส่วนใหญ่มันแฝงมากับไฟล์ที่ปล่อยให้โหลดฟรีตามบอร์ดต่างๆหนิ?”

    “อ่า.. เห็นเขาว่างั้นนะ แต่ก็คิดอยู่แล้วว่านายคงไม่เจอ ไฟล์แจกฟรีแบบนั้นมันไม่ค่อยมีคนกดโหลดอยู่แล้ว เว้นแต่พวกโง่ที่ไม่รู้เรื่อง”

    คำพูดเปรียบเปรยของมินยองทำให้คริสหัวเราะชอบใจ ลู่ฮานเห็นแล้วก็หัวเราะตามโดยไม่รู้ว่าตัวเองก็หนึ่งในกลุ่มคนที่พวกเขาพูดถึง

    “แล้วมันทำร้ายคนอื่นยังไง? เธอรู้มั้ย” คริสถามขึ้นมา เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันในฐานะของคนสร้างหุ่นแอนดรอยส์ว่าไวรัสนั่นจะอันตรายแค่ไหนกัน

     

     

    “จากที่ได้ยินมาเห็นว่าจริงๆมันทำเลียนแบบโปรแกรมของพวกหุ่นสังหาร”

    ทั้งโต๊ะเงียบเสียงลง เรื่องที่มินยองพูดทำให้พวกเขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีตที่นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียคนหนึ่งเคยก่อเรื่องไว้

    “แบบหุ่น XXX ในตอนนั้น?”

    คริสถามด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะยกนิ้วตัวเองขึ้นกัดเล็บ เขาขอให้เรื่องที่มินยองเล่าเป็นแค่ข่าวลือ เพราะถ้าเกิดมันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา เขากลัวว่าทางตำรวจไซเบอร์ต้องไม่ปล่อยไว้แน่ และมันอาจส่งผลกระทบถึงคริสตัลในฐานะที่เป็นหุ่นแอนดรอยส์ตัวหนึ่ง

    “อืม” มินยองตอบด้วยสีหน้าจริงจังแต่แล้วก็หลุดขำออกมาเพราะทนมองหน้าซีเรียสของคริสไม่ไหว ไม่คิดว่าเพื่อนคนอื่นจะเชื่อเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมา

    จริงอยู่ที่มันมีไวรัสตัวนี้ระบาดอยู่พักนึง แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเจอไวรัสตัวที่ว่านั้นอีกเลย..

    “เธอนี่มัน..” คริสต่อว่าอีกฝ่ายที่ทำให้เขากังวลไปล่วงหน้า ทั้งโต๊ะหัวเราะเสียงดังถึงสกิลการแต่งเรื่องที่แสนจะเพอร์เฟคของมินยอง .. ลู่ฮานก็เช่นกันเขาหัวเราะเสียงดังตามเพื่อนคนอื่น

    “เอานั่น..น็อคไปแล้วหนึ่ง”

    ก่อนที่จะฟุบลงกับโต๊ะไปพร้อมแก้วเปล่าในมือในอีกไม่กี่นาทีถัดมา

     

     

     

     

    ไม่มีใครรู้ว่า..

    ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกฟากหนึ่ง..บางสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ในตอนที่คริสตัลกำลังนั่งขีดเขียนลงแผ่นกระดาษสีขาวใบยาว ใครบางคนได้ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตู

     

     

    ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น คริสตัลคว้าแผ่นกระดาษที่กำลังเขียนลุกขึ้นรีบวิ่งไปที่หน้าประตู คริสไม่เคยสอนเธอเรื่องที่อย่าเพิ่งรีบเปิดประตูทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะ

    “คริสสส ดูที่ฉันเขียนสิ”

    คริสตัลยื่นแผ่นกระดาษไปหวังจะอวดคนตรงหน้าทันทีที่เปิดประตู

    “อะ อ้าว..ไม่ใช่หนิ”

    ก่อนจะรีบหดแขนกลับเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คริส ดวงตากลมของเธอจ้องมองไปที่อีกฝ่าย ผู้ชายร่างสูงในชุดเครื่องแต่งกายสีดำที่ตัดกับผมบรอนซ์เงินและผิวขาวซีดที่เหมือนกับหิมะในฤดูหนาว ดูน่ามองแต่ก็เย็นชา ..

    “มาหาใครคะ?” 

    คริสตัลถามบุคคลตรงหน้าเมื่อสมองด้านความจำประมวลผลแล้วไม่พบข้อมูลใดๆที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

    “ผมมาหาคุณคริส”

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้ย!ตื่นๆ”

    คริสเขย่าไหล่ลู่ฮานที่นั่งคอพับไม่ได้สติอยู่ที่เบาะข้างคนขับ เขาพยายามปลุกมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่ร้านแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จจนพากลับมาส่งถึงหน้าบ้านแล้วเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมตื่นอยู่ดี

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ”

    เขาบ่นกับตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ดูสภาพเพื่อนสนิทตัวเองแล้ว ไม่พ้นเขานั่นแหละที่ต้องเป็นคนแบกลู่ฮานขึ้นไปส่งที่ห้อง คริสล้วงหาคีย์การ์ดจากตัวลู่ฮาน โชคดีที่อีกฝ่ายใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อจึงทำให้หาได้ไม่ยากนักก่อนจะอุ้มเพื่อนตัวเล็กขึ้นมาแล้วปิดประตูรถไป

     

     

    “ห้อง 1205..

    คริสเดินไล่นับเลขที่หน้าห้องไปเรื่อยๆจนมาถึงยังห้องของลู่ฮาน เขาเปลี่ยนท่าอุ้มเพื่อที่จะได้เสียบคีย์การ์ดที่ประตูได้ถนัดแต่ยังไม่ทันที่จะได้แตะการ์ดลงที่แป้นรับ เขาก็พบว่าประตูห้องสามารถผลักเข้าไปได้

    “จริงๆเลย”

    เขาส่ายหน้าให้กับความสะเพร่าของลู่ฮาน ดูท่าจะรีบมากจนไม่ทันได้เช็คว่าตัวเองปิดประตูไม่สนิท คริสใช้ขาดันประตูแล้วพาตัวเองเข้ามายังในห้อง

    ภายในห้องถูกตกแต่งไปด้วยสีขาวและดำ คริสจำไม่ได้ว่าสีโปรดของลู่ฮานกลายเป็นสองสีนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเดินดุ่มพาร่างไร้สติของเจ้าของห้องตรงไปยังโซฟาที่ตั้งตรงกลาง แล้วค่อยๆวางลู่ฮานลงอย่างเบามือที่สุด

    “อืออ” ลู่ฮานส่งเสียงครางเบาๆเมื่อหัวสัมผัสกับหมอนอิงนุ่ม คริสมองหน้าลู่ฮานที่ดูเหมือนจะหลับสนิทจริงๆแล้วก็อดนึกตำหนิไม่ได้ ปกติเขาเป็นฝ่ายเมาจนหลับมาโดยตลอดเลยไม่รู้ว่าการดูแลคนเมาที่ไม่ได้สติแบบนี้มันลำบากแค่ไหน

    เขาละความสนใจแล้วหันหลังกลับเดินไปทางประตูอีกบานด้านใน มือหมุนลูกบิดแล้วเปิดเข้าไป เขาอยากจะล้างมือซักหน่อยก่อนกลับ แต่ทว่าหลังประตูที่ในตอนแรกนึกว่าเป็นห้องน้ำ กลับกลายเป็นห้องอะไรซักอย่างที่ต่างจากที่คิดไว้ลิบลับ

     

     

    มันเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ รวมถึงเตียงเหล็กขนาดกลางคล้ายกับห้องทำงานของเขาไม่มีผิด .. คริสชะงักไปครู่ ทว่าความอยากรู้อยากเห็นที่มีมากทำให้เขาตัดสินใจเดินเข้าไป

     

    ระบบวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น

    เขาถือวิสาสะหยิบหนังสือเล่มหนาที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ขมวดหัวคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า เท่าที่เขาจำได้..ลู่ฮานกำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับทฎษฏีทางวิทยาศาสตร์ แล้วทำไมถึงมีหนังสือเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ แล้วก็อุปกรณ์ต่างๆอยู่เต็มห้องไปหมด รวมถึงเตียงทดลองนั่นด้วย

     

    ฉันว่าจะลองสร้างหุ่นแอนดรอยส์แบบนายดู

    คำพูดทางโทรศัพท์ในวันนั้นของลู่ฮานแวบขึ้นมา

     

    “เป็นไปไม่ได้น่า..”  คริสส่ายหัวเบาๆให้กับความคิดบางอย่างในหัว

    มันดูเหลือเชื่อเกินไป ..

    แต่เมื่อเขาเลื่อนสายตาลงไปพบกับแผ่นกระดาษที่มีลายมือของลู่ฮานที่ถูกเขียนและแก้จนยุ่งเหยิงไปหมดทั้งแผ่น รวมทั้งหลายๆอย่างที่อยู่ในห้องนี้มันก็ทำให้เขาไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นได้จริงๆ

    ว่าแล้วเขาก็เดินสำรวจทั่วทั้งห้อง เพื่อมองหาอะไรบางอย่างที่เขาเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน

    “ว่าแต่มันอยู่ไหนล่ะ”

     

     

     

     

     

     

    คริสลืมไปแล้วว่าทิ้งให้คริสตัลอยู่บ้านคนเดียว เขาควรจะรีบกลับไปตั้งนานแล้วแต่ทว่าในตอนนี้ ..

    “ลู่ฮาน...”

    เขายังอยู่ที่ห้องของลู่ฮาน พยายามปลุกให้อีกคนลืมตาตื่นขึ้นมาซักที คริสเขย่าตัวลู่ฮานอยู่ซักพักในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้สึกตัว

    “อือ.. รู้แล้วๆ” ลู่ฮานตอบเสียงอู้อี้ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอามือขึ้นนวดขมับตัวเอง ฤทธิ์ของมาร์ตินี่ยังคงเล่นงานเขาอยู่  

    “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

    “เหอะ .. แล้วนายคิดว่าไงล่ะ” คริสว่าแล้วเอื้อมไปตบหัวเจ้าของคำถามที่ยังนั่งมึนอยู่ ลู่ฮานตาสว่างขึ้นมาทันที คริสไม่ได้ยั้งมือมันเลยเจ็บจนเขาต้องร้องโอ้ยออกมา

    “แล้วไหนล่ะแอนดรอยส์ของนาย?” ลู่ฮานเงยหน้าขึ้นมองคริสทันที ลืมความเจ็บเมื่อกี้ไปแล้ว เขาเบิกกว้างตาขึ้นกว่าเดิม แปลกใจว่าคริสรู้เรื่องนี้ได้ยังไง

     

     

    “นายรู้ได้ไง” ลู่ฮานถามในขณะที่เดินนำหน้าคริสไปยังห้องทำงานของเขา คริสยังไม่ได้บอกว่าเมื่อกี้เขาเข้าไปที่ห้องนั้นแล้ว

    “เมื่อกี้ฉันเข้าห้องนี้ไปแล้วก็เห็นหนังสือพวกนั้น”

    “ฮะ? นายเข้าไปในห้องนี้แล้ว?” ลู่ฮานทวนคำพูดเสียงดัง ไม่ได้โกรธที่คริสแอบเข้าห้องทำงานเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะเขาไม่ใช่พวกจุกจิกอะไรแบบนั้น ..เพียง แต่ตกใจมากกว่า

    “อือ..ก็เลยอยากเห็นผลงานของนายซักหน่อย” 

    ว่าทำไมคริสถึงยังพูดแบบนี้อยู่ ก็ในเมื่อแอนดรอยส์ที่ว่านั่นก็นอนอยู่ในห้องนั้นแท้ๆ..

     

     

    “นายต้องตาบอดแน่ๆ” ลู่ฮานพูดติดตลก แล้วผลักประตูที่ว่าเข้าไป ทันทีที่ประตูบานนั้นเปิดออก ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เขาตกใจจนร้องเสียงดังออกมา

    “เฮ้ย!

    หุ่นแอนดรอยส์ที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงนั้นหายไปแล้ว

    “เป็นไรอีกเนี่ย? ยังไม่สร่างไง ให้ตบอีกรอบมั้ย” คริสพูดแซวแต่เมื่อเห็นสีหน้าตกใจแบบสุดๆของลู่ฮานพร้อมกับประโยคถัดไป เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติแล้ว

    “หายไป! หุ่นนั้นหายไปไหนแล้ว”

     

     

     

     

     

    “นายแน่ใจนะว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้” คริสถามซ้ำอีกครั้งแล้วเดินไปหาลู่ฮานที่ตอนนี้กำลังเดินวนไปมาเหมือนคนสติแตก

    “ไม่มีแน่ๆ ฉันมั่นใจ” ลู่ฮานตอบแล้วคว้ามือถือตัวเองออกมา รีบกดเข้าแอพรูปกล้องไปเมื่อนึกได้ว่าตัวเองติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ในห้องนี้

    หน้าจอฉายภาพห้องในตอนนี้ที่มีเขากับคริสกำลังยืนอยู่ ลู่ฮานกดเลือกย้อนไปตอนหกโมง เขาจำได้ว่าตัวเองออกจากห้องไปราวๆเวลานั้น

    “นี่ไง ตอนนี้ยังอยู่ในห้องเลย”

    ลู่ฮานพูดแล้วยื่นมือถือให้คริสดู ทั้งคู่จับจ้องไปที่หน้าจออย่างตั้งใจ มันฉายภาพตั้งแต่ตอนที่ลู่ฮานเข้ามาในห้องหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วเดินไปหยุดที่เตียงทดลองก่อนจะลูบผมของแอนดรอยส์นั่นพร้อมกับพูดบางอย่าง ลู่ฮานรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาทันที แอบอายเล็กน้อยที่เห็นภาพนี้ เขากลัวว่าคริสจะมองว่าเขาโรคจิตรึเปล่าที่มายืนพูดกับสิ่งประดิษฐ์ของตัวเองแบบนี้

    แต่ลู่ฮานคงไม่รู้ว่า..ในตอนที่สร้างคริสตัลขึ้นมานั้น คริสเองก็มายืนคุยกับเธอแบบนี้เหมือนกัน

     

     

    ทั้งสองคนยืนดูภาพหน้าจอไปเงียบๆ จนกระทั่งถึงนาทียี่สิบสาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

    “เฮ้ย!

    ลู่ฮานร้องเสียงดังในขณะที่คริสยังคงมองหน้าจอที่ว่าไม่วางตา ภาพหุ่นแอนดรอยส์ที่ควรจะนอนนิ่งอยู่บนเตียงกลับขยับตัวแล้วลุกขึ้นมาราวกับมีชีวิต

    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ฉันยังไม่ได้กดปุ่มนั้นเลย”

    ลู่ฮานถามขึ้นมาเพราะไม่เข้าใจ เขาจำได้ว่ายังไม่ได้กดสวิทช์ให้แอนดรอยส์นั่นทำงานเลย แล้วทำไมมันถึงลุกขึ้นแล้วเดินหายไปจากห้องแบบนั้นได้ล่ะ?

    “ขอดูเฟิร์มแวร์ที่นายโหลดลงไปหน่อย” คริสกดหยุดหน้าจอแล้วหันไปบอกลู่ฮานด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

     

     

    “เนี่ย ฉันโหลดมาจากเวปที่นายบอก” ลู่ฮานหันหน้าจอคอมไปให้คริสดู ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ให้เพื่อนตัวสูงนั่งแทน

    “ไอ้บ้าเอ้ย.. มันใช่เวปนี้ที่ไหนเล่า” คริสตะคอกเสียงดังใส่เมื่อเห็นชื่อเวปไซต์ เขารู้ว่าลู่ฮานไม่ถนัดด้านไอทีตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะซื่อบื้อถึงขนาดสะกดชื่อเวปผิด

    “อ้าว ไม่ใช่อันนี้หรอ”

    “นายนี่มันโง่ของแท้เลย..”

    คริสไม่ตอบแล้วกดเลื่อนเม้าส์ลงมา เวปที่ลู่ฮานเข้าเป็นเวปใต้ดินสำหรับพวกที่ต้องการไฟล์จำพวกละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ก็พวกไฟล์ดัดแปลง มันจึงมีหัวข้อเยอะแยะเต็มไปหมดจนเขาลายตา

    เขาตัดสินใจกดเก็บหน้าต่างนั้นลงแล้วกดเสิร์ชหาตัวเฟิร์มแวร์ที่อยู่ในเครื่องแทน เขาใช้นิ้วโป้งนวดหัวตาตัวเองทั้งสองข้างในระหว่างที่รอมันค้นหา เมื่อกี้เขาเผลอจ้องเวปนั้นมากไปหน่อยเลยรู้สึกปวดหัว

     

     

    ไม่นานนักหน้าจอก็แสดงข้อความขึ้นมา

    ค้นพบ 1 รายการ Xxyzz.exe’

    แล้วอาการปวดหัวเมื่อครู่ของคริสก็ถูกอารมณ์โกรธจัดแทรกเข้ามาแล่นคู่ขึ้นไปจนถึงแกนสมอง

     

     

     

    “นี่มันไวรัสชัดๆ”

    ลู่ฮานตกใจอ้าปากค้างในตอนที่ได้ยินคริสบอก คำว่าไวรัสเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากสำหรับคนที่ไม่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์แบบเขา มือเล็กเขย่าหัวไหล่เพื่อนด้วยความร้อนใจ

    “ละ.. แล้วคอมฉันจะเป็นไรมั้ย”

    “ต้องดูก่อนว่ามันเป็นไวรัสแบบไหน” คริสว่าแล้วคลิกเข้าไฟล์ที่ว่าไป ลู่ฮานที่ได้ยินดังนั้นก็เม้มปากแน่น กังวลว่าไฟล์งานต่างๆในคอมอาจถูกไวรัสทำลายเกลี้ยง

    “ไม่ใช่ไวรัสที่ทำลายข้อมูล..” คริสพูดขึ้นมาหลังจากที่กดเข้าไปอ่านโค้ดของไวรัสนั้นแล้ว ลู่ฮานถอนหายใจออกด้วยความโล่งใจ เขาคงตายแน่ๆถ้าหากต้องมานั่งทำรายงานพวกนั้นใหม่ทั้งหมด

    “เฮ้อ..ยังโชคดีที่ไม่มีอะไรเสียหาย”

    น้ำเสียงที่ปนไปด้วยความดีใจของลู่ฮานไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกแบบนั้นตามเลย ตรงกันข้ามเขากลับกังวลมากกว่าเก่าเสียอีกหลังจากที่อ่านโค้ดไวรัสจนเกือบหมด มันเป็นไวรัสในรูปของเฟิร์มแวร์สำหรับแอนดรอยส์ที่ติดตั้งมันไป

    ลางสังหรณ์ในตัวกำลังบอกเขาถึงบางอย่างที่กำลังจะเกิด.. เหตุการณ์ในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อหลายสิบปีที่แล้วหวนคืนมาในความคิด เมื่อเขาไล่เม้าส์ลงมาหยุดอยู่ตรงที่คำว่า TARGET ในหน้าโค้ดนั้น

    “นายลงเฟิร์มแวร์นี้ให้กับแอนดรอยส์ตัวนั้นรึเปล่า”

    คำถามนี้ของคริสทำให้ลู่ฮานหุบยิ้มลงในทันที

     

     

     

    ตั้งแต่ที่จำความได้ ในชีวิตของลู่ฮาน มีสิ่งที่เขากลัวอยู่สามอย่าง

    หนึ่ง.. กลัวทำให้ครอบครัวของเขาผิดหวัง

    สอง.. กลัวความสูง

    และสุดท้าย..

    “อ้าก..จะบ้าตาย”

    เขากลัวเวลาที่ทำให้คริสเพื่อนสนิทของเขาโกรธ

    คริสบ่นออกมาอย่างหัวเสียหลังจากที่ลู่ฮานยอมรับว่าใส่เฟิร์มแวร์อันนี้ลงไปในหุ่นแอนดรอยส์ที่ว่า เขาพอจะรู้แล้วว่าทำไมแอนดรอยส์นั้นถึงลุกเดินหายไปเฉยๆ แต่ติดอยู่ตรงที่เขาไม่แน่ใจว่ามันจะใช่แบบที่เขาคิดไว้รึเปล่า

    “ได้พิมพ์อะไรใส่ไปตอนโอนข้อมูลลงหุ่นนั้นมั้ย?”

    ลู่ฮานกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ สีหน้าของเขาในตอนนี้หวาดกลัวแบบสุดๆคล้ายกับเด็กประถมในตอนที่กำลังจะถูกครูจับได้ว่าทำความผิดเอาไว้ เขาเม้มปากแน่น ลังเลว่าจะตอบไปดีหรือไม่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตาคาดคั้นของคริสแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบไปตามจริง

    “ใส่ไป”

    “อะไรบ้าง?”

    “ก็ใส่ชื่อฉันตรงช่องที่เขียนว่าผู้สร้าง”

    “...”

    “ละ แล้วก็.. ใส่ชื่อกับที่อยู่นาย ต้องช่องที่บอกว่าอ้างอิง”

    สิ้นเสียงของลู่ฮาน คริสก็รู้สึกเหมือนว่าเส้นอะไรบางอย่างในตัวของเขาขาดผึงไป เขารู้ว่าตัวเองสนิทกับลู่ฮานมากและอีกฝ่ายก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไม..

    ทำไมลู่ฮานถึงต้องเอาชื่อเขาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย!

     

     

     

    ลู่ฮานยืนก้มหน้าพยายามหลบสายตาอาฆาตของคริส เขาก็อยากจะโทษอีกฝ่ายเหมือนกันที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ในวันนั้นไม่งั้นเรื่องวุ่นวายแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่ก็อย่างว่าแหละ เขากลัวเวลาที่คริสโกรธ ฉะนั้นจะให้ไปเงยหน้าเถียงแบบตอนปกติอะไรนั้นก็ลืมไปได้เลย

    “ทำไมนายถึงต้องใส่ชื่อฉันไปด้วยเนี่ย!

    คริสต่อว่าอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของไวรัสนั้น แต่เมื่อมีคำว่าTARGETและก็ชื่อของเขาเข้าไปเกี่ยวด้วยแล้ว เขาก็ไม่สามารถวางใจอะไรได้ทั้งนั้น

    ในตอนที่เขากำลังนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดขึ้นมาขัดจังหวะ คริสหยิบมันออกมากะจะตัดสายทิ้ง แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์จากที่บ้านโทรมา

    “อืม ฉันเอง ว่าไง”

    เขาก็รีบต้องกดรับสายทันที

     

     

    “ฉันยังอยู่ที่บ้านเพื่อน มีอะไรรึเปล่า”

    (อ่า.. อีกนานมั้ยกว่านายจะกลับ)

    “ไม่รู้สิ..ทำไมล่ะ?”

    (มีคนมาหานายที่บ้านน่ะ ฉันให้เขาเข้ามานั่งรอในบ้านแล้ว)

    “ฮะ? ว่าไงนะ? ให้มารอในบ้าน อ่า..จะบ้าตาย คริสตัล! ทำไมเธอถึงให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆแบบนี้นะ”

    คริสลืมตัวเผลอขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย เขากำลังเครียดกับเรื่องลู่ฮานอยู่แล้วอยู่ๆก็มีเรื่องที่บ้านเข้ามาให้กังวลอีก เขาทิ้งตัวพิงกับพนักเก้าอี้อย่างหมดแรงแล้วจึงค่อยพูดตอบปลายสายไป

    “แล้วเขาเป็นใคร เธอรู้จักรึเปล่า?”

    ลู่ฮานที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินเสียงใสจากปลายสายที่คริสกำลังคุยอยู่ด้วย บวกกับเมื่อกี้ที่คริสเรียกอีกคนว่าคริสตัล เขารู้ว่าปลายสายที่ว่านี้ต้องเป็นแอนดรอยส์ที่คริสสร้างขึ้นมาแน่ๆ

     

    ลู่ฮานพยายามจินตนาการใบหน้าของคริสตัล

    !!!

    แล้วเขาก็นึกอะไรอีกอย่างขึ้นมาได้

     

    จึกจึก

    คริสหันมามองหน้าลู่ฮานที่มาสะกิดที่บ่าเขาเบาๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

    “คือฉันเพิ่งนึกอีกเรื่องออก” ลู่ฮานพูดเสียงค่อยลงเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสายดังซ้อนขึ้นมา

    (ไม่รู้จักอ่ะ แต่ว่าฉันถามชื่อเขาแล้วนะ)

    “งั้นเหรอ แล้วเขาชื่ออะไรล่ะ” คริสมองหน้าลู่ฮานแต่ก็ยังพูดตอบกลับคนในโทรศัพท์ไปพร้อมกันด้วย

    “ตอนนั้นฉันใส่ชื่อให้แอนดรอยส์ตัวนั้นด้วย”

    คริสมองลู่ฮานแบบงงๆ เขาไม่เข้าใจว่าลู่ฮานมาบอกเขาทำไม มันใช่เรื่องจำเป็นมั้ยที่เขาจะต้องมารู้ชื่อของแอนดรอยส์ที่หนีออกจากบ้านไปแบบนั้น อย่างกับว่าพอรู้ชื่อแล้วเขาจะช่วยอะไรได้ยังงั้นแหละ

    ลู่ฮานกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นเหมือนลังเลที่จะบอก แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจบอกออกไป

    “ฉันตั้งชื่อให้ว่า .. เซฮุน”

    ในตอนนั้นเองที่ปลายสายก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน

    (เขาบอกว่าชื่อเซฮุน)

    คริสชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินชื่อจากทั้งสองฝ่าย แล้วความคิดเมื่อกี้ที่ว่าถ้ารู้ชื่อไปแล้วจะช่วยอะไรได้นั้นก็ถูกลบออกไปจากหัวของเขาทันที

    “ฉันกำลังกลับ บอกเขาว่าให้รอฉันแปปนึง”

    .. เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะไปหาแอนดรอยส์ที่ว่านั่นของลู่ฮานได้ที่ไหน


     

      

     

       


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×