ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✚ KARAKURI | krystal

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 04

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 58







    04










    I believe in what you said that I have a long way to go




             



            
    มันยังคงเป็นอีกวันที่แสนจะวุ่นวายของคริส เพราะตลอดทั้งวันเขาไม่สามารถเอาตัวออกห่างจากโทรศัพท์ได้เลย เริ่มตั้งแต่ในตอนเช้าที่ลู่ฮานโทรมาขอคำปรึกษาเรื่องหุ่นแอนดรอยส์ที่เจ้าตัวกำลังสร้าง ลามไปถึงตอนสายที่บริษัทลูกค้าของเขาโทรมาถามความคืบหน้าของงานที่มีกำหนดส่งในอีกไม่กี่วัน ไหนจะช่วงบ่ายที่เพื่อนสมัยมหาลัยโทรมาตื้อให้เขาไปร่วมงานรวมรุ่นในอาทิตย์หน้า เรียกได้ว่าทุกสิ่งอย่างพร้อมใจกันรุมเข้ามาหาเขาในวันวันเดียว

    ถึงแม้ว่าคริสจะชินกับงานกองโตที่ทำให้เขาต้องยุ่งเกือบตลอด24ชั่วโมงก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ามันเริ่มจะมากขึ้นจนเขาจัดการกับมันไม่ไหวแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาสร้างคริสตัลขึ้นมา ภาระที่เขาต้องรับผิดชอบก็เพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่าตัว

    เช่นเดียวกับในตอนนี้ที่คริสตัลทำให้ชีวิตของเขายุ่งยากขึ้นไปอีก

    “อ่า..ทำไมยังไม่ถึงบ้านอีกนะ”

     

     

    คริสกำลังกระวนกระวาย เขาไม่สามารถหยุดเดินวนรอบห้องทำงานของตัวเองได้เลย ตาคมที่ฉายแววกังวลอย่างซ่อนไม่อยู่เหลือบมองนาฬิกาซ้ำอีกครั้ง ตอนนี้อีกห้านาทีจะสามทุ่ม แต่กลับไร้วี่แววของคริสตัล

    “อยู่ไหนของเธอเนี่ย”

    เขายกนิ้วโป้งขึ้นมากัดเล็บ มันเป็นนิสัยเดิมที่เขาชอบทำเวลาไม่สบายใจ คริสเคยเลิกมันได้เมื่อนานมาแล้วเพราะใครบางคนเคยขอไว้ แต่ตอนนี้เขาก็กลับมาติดนิสัยเก่าอีกครั้ง

     ในตอนที่เข็มยาวชี้เลขสิบสอง เขาตัดสินใจหยิบมือถือออกมากดโทรออกอีกครั้ง คริสกดตัดสายลู่ฮานทิ้ง ไม่สนใจข้อความแชทที่อีกฝ่ายกระหน่ำส่งมาแล้วต่อสายหาทุกคนที่เขาคิดว่าสนิทกับคริสตัล ระหว่างที่รอสายเขาก็นึกตำหนิตัวเองในใจที่มองข้ามเรื่องแบบนี้ไป เขาน่าจะฝังชิปติดตามลงที่ตัวคริสตัลซะจะได้ไม่ต้องมานั่งเดาว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนและต้องมาคอยกังวลอยู่แบบนี้

     

     

     

     

     

     

     

    Rrrr Rrrr

     

    จงอินเอื้อมมือสะเปะสะปะควานหามือถือที่เขาวางมันไว้ซักแห่งบนเตียงนี้ เขาละสายตาจากวันพีชการ์ตูนเรื่องโปรดมายังมือถือที่ยังส่งเสียงดังต่อเนื่อง กดรับเบอร์โทรเข้าที่ไม่คุ้นตาแล้วหันกลับมาสนใจยังหนังสือการ์ตูนหน้าเดิมต่อ

     

    (ฮัลโหล..จงอิน?)

    “อื้อ แล้วนั่นใคร?” จงอินตอบห้วนๆไม่ทันคิดอะไรมาก ตอนนี้ถึงฉากที่โกอิ้งแมรี่กำลังโดนเผา ทุกคนเริ่มร้องไห้และเขากำลังอิน

    (ฉัน.. คริสน่ะ คนที่นายเคยเจอที่ห้องพยาบาลตอนนั้น)

    “...”

    เกิดความเงียบขึ้นมาในตอนที่ลูฟี่ร้องไห้บอกลาโกอิ้งแมรี่ มันน่าเศร้า แต่หัวคิ้วของคนอ่านอย่างเขากำลังขมวด จงอินยังคงจ้องมองหนังสือการ์ตูนในมือแต่ความสนใจทั้งหมดของเขาไปอยู่กับคนที่ปลายสายเรียบร้อยแล้ว

    “คุณรู้เบอร์ผมได้ไง?”

    เผลอถามอีกฝ่ายไปด้วยความประหลาดใจ วันนั้นจงอินได้คุยกับคริสแค่ไม่กี่ประโยคเอง แล้วนี่ไปเอาเบอร์โทรเขามาจากไหน แล้วคริสโทรมาหาเขาทำไม

    (เรื่องนั้นช่างมันก่อน)

    “...”

    (ตอนนี้ฉันแค่อยากถามว่า นายพอจะรู้มั้ยว่าคริสตัลอยู่ที่ไหน?)

    โกอิ้งแมรี่ร้องไห้ เธอขอบคุณทุกคนที่ช่วยดูแลเธอเป็นอย่างดี มันซึ้งจนจงอินสามารถร้องไห้ตามได้ แต่ทว่าในตอนนี้ คำถามของคริสทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านมันต่อได้อีกต่อไป เขาปิดหน้าหนังสือลงหลังจากที่ปลายสายพูดเสร็จ 

    “ผมไม่รู้..”

     

     

     

     

     

     

     

    มันสามทุ่มกว่าแล้วในตอนที่จงอินคว้าจักรยานสีชมพูหวานของพี่จงอาออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แต่หลังจากที่คริสวางสายไปเขาก็ไม่สามารถจะอ่านวันพีชที่ค้างไว้ต่อได้ คำพูดในตอนเย็นแวบขึ้นมาในหัวทำให้คนที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องคนอื่นแบบเขาต้องมาทำอะไรที่ขัดกับตัวเองอย่างนี้

     

    แฮ่ก แฮ่ก

    ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีจงอินก็พาตัวเองมาหยุดที่หน้าประตูโรงเรียนแล้ว เขาทิ้งจักรยานลงพื้นอย่างเร็วไม่สนว่าพี่สาวตัวเองจะบ่นหูชาแค่ไหนถ้ารู้ว่าเขาทำมันเป็นรอย จงอินหันซ้ายขวามองรอบๆก่อนจะเริ่มปีนกำแพงรั้วเข้าไปข้างในโรงเรียน

    เขาเริ่มวิ่งอีกครั้งในตอนที่เข้ามาในโรงเรียนได้ ขาทั้งสองก้าวไวพอกับความรู้สึกที่อยากจะไปถึงยังสนามบอลด้านหลังตึก

     

     

    มืดสนิท .. โรงเรียนในตอนกลางคืนที่มีเพียงแค่แสงไฟจากหน้าระเบียงตึกที่ส่องสว่างทำให้สนามบอลกว้างที่คุ้นเคยดีในตอนนี้กลับมืดไปหมดจนเขาไม่แน่ใจว่ามันใช่สนามบอลเดียวกันกับตอนกลางวันหรือไม่ แต่พอสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีแสงไฟเล็กๆสว่างมาจากอีกฟากสนาม จงอินถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดไฟส่องนำทางไปยังอีกด้านนึงของสนาม

     

    “อยู่ไหนนะ”

    คริสตัลใช้ไฟฉายอันเล็กที่ดึงออกมาจากตัวส่องไปตามพื้น นอกจากนี้เธอยังใช้ตาไล่สแกนช่วยอีกทางหวังจะพบกระดุมเม็ดเล็กที่ใช้เวลางมหาอยู่แสนนานนั่นซักที มือเล็กที่ไล่กวาดไปตามพื้นไปสะดุดเข้ากับรองเท้าผ้าใบของใครบางคนที่มายืนอยู่ด้านข้าง

    “อ้ะ!” เธอร้องมาออกเมื่อถูกมือหนาของเจ้าของรองเท้าที่ว่าจับข้อมือดึงเธอให้ลุกขึ้นยืน

    “เธอทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย!

    คริสตัลผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย จงอินจ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าที่บอกได้เลยว่าไม่พอใจแค่ไหน

    “หากระดุมไง ..”

    แค่ได้ยินคำตอบก็ทำให้เครื่องวัดความดันในตัวเขาทำงาน อีกครั้งที่คริสตัลทำให้จงอินระเบิดอารมณ์ออกมา เขาสะบัดมือที่กำข้อมือของอีกฝ่ายไว้แน่นทิ้งลงแล้วตะคอกเสียงดังใส่

    “โธ่เว้ย! ทำไมถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้ว่ะ” 

    “...”

    “เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดไปเลยใช่มั้ยเนี่ย!

    “ก็..นายบอกว่าให้หากระดุมแล้วจะยอมเป็นเพื่อน..” คริสตัลตอบพร้อมชี้นิ้วไปที่สนามบอลกว้าง จงอินสูดลมหายใจเข้าลึก เขาไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน

    “มันไม่มีกระดุมบ้าบอไรทั้งนั้นแหละ ต่อให้เธอหายังไงมันก็ไม่มี!!

    จงอินพูดแล้วหยิบเอากระดุมในกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้ดู คริสตัลก้มมองตามแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาจงอินอีกครั้งเพราะไม่เข้าใจว่ามันไปอยู่ในกางเกงของเขาได้ยังไง ก็ไหนจงอินบอกว่าทำหล่นที่สนามบอล

    “แต่นายบอกว่าทำมันหาย”

    “ฉันบอกแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอหาเจอไงเล่า!

    ...”

    “ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอเข้าใจมั้ย!! ไม่มีใครเขาเป็นเพื่อนกับหุ่นยนต์กันหรอก!!!

    เสียงของจงอินดังลั่นไปทั่วสนามบอล คริสตัลยืนมองเขานิ่งปล่อยให้แสงไฟสลัวจากระเบียงทางเดินส่องเข้ากระทบใบหน้า แววตาของเธอไม่ได้สั่นไหวหรือมีหยาดน้ำคลออะไรทั้งนั้น แต่มันกลับฉายแววความผิดหวังและดูน่าเศร้าจนจงอินไม่อาจทนมองได้อีกต่อไป

    “กลับบ้านไปซะ เดี๋ยวฉันจะโทรบอกให้ศาสตราจารย์มารับ”

     

     

     

     

     

     

     

    “เคอร์ฟิวของเธอคือทุ่มนึงจำได้มั้ย?”

    คริสเอ่ยขึ้นหลังจากที่ขับรถออกมาได้ซักระยะ ที่จริงเขาอยากจะไปส่งจงอินที่บ้านด้วยเพราะเห็นว่าค่อนข้างดึกแล้วแต่เจ้าตัวดันปฏิเสธเพราะไม่อยากทิ้งจักรยานของพี่สาวไว้ที่โรงเรียน เขาจึงได้แต่กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายที่ต้องมาลำบากไปด้วย จะว่าไปนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่จงอินช่วยเป็นธุระเรื่องคริสตัลให้ เห็นทีว่าถ้าคริสตัลหายไปอีกเขาอาจต้องโทรหาจงอินเป็นคนแรก

     

    “นี่.. ได้ยินที่พูดมั้ยเนี่ย?”

    คริสถามซ้ำอีกครั้งเมื่อคริสตัลยังคงนั่งเงียบ ที่จริงเขายังไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยด้วยซ้ำตั้งแต่ที่มาถึง คริสเหยียบเบรคในตอนที่สัญญาณไฟเป็นสีแดงแล้วหันไปหาคนนั่งข้างที่เอาแต่มองออกไปนอกกระจก

    “เป็นอะไรไป ทำไมไม่พูดล่ะ หรือว่ากลัวจะโดนดุ”

    คริสตัลส่ายหัวแต่ไม่ยอมหันมา จนคริสต้องเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ให้หันมามอง .. คริสยังไม่เก่งถึงขนาดที่จะทำให้คริสตัลสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้เหมือนมนุษย์จริงๆ อย่างมากก็แค่ยิ้มหรือหัวเราะเท่านั้นเอง เขาเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าพยายามเดาว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรจากสีหน้าที่ราบเรียบราวกับตุ๊กตาตัวหนึ่ง

    “ฉันขอโทษ..” สุดท้ายคริสตัลก็ยอมเปิดปากพูดออกมา เธอก้มหน้าหลบตาอีกคนที่มองมา ท่าทีเศร้าๆเหมือนลูกแมวตัวเล็กทำให้คริสรู้สึกเอ็นดูปนหมั่นเขี้ยว เขาลูบลงที่ผมของเธออย่างแผ่วเบา

    “ไม่ต้องคิดมากน่า ฉันไม่ได้โกรธซักหน่อย”

    “...”

    “แต่ถ้าคราวหลังจะกลับดึกก็ต้องบอกกันก่อน เข้าใจใช่มั้ย?”

    คริสตัลพยักหน้าแล้วก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม มองปลายนิ้วทั้งสองข้างที่เลอะไปด้วยฝุ่นจากพื้นดิน เสียงแตรจากรถคันหลังทำให้คริสละความสนใจหันกลับมามองที่ถนนข้างหน้าต่อ เขาเร่งความเร็วเมื่อเห็นว่ามันไฟเขียวมาซักพักแล้ว

     

     

    “แล้วสนุกมั้ยล่ะวันนี้? ได้ออกไปเล่นตอนกลางคืน” คริสถามอีกครั้งเพื่อให้คริสตัลเลิกนั่งรู้สึกผิดเงียบๆอยู่แบบนี้ซักที เขาไม่รู้ว่าคริสตัลไปเที่ยวเล่นที่ไหนเพราะไม่มีใครบอก เขารู้เพียงแค่ว่าจงอินบอกให้เขามารับคริสตัลที่หน้าโรงเรียน

    “ก็สนุกดี”

    “งั้นเหรอ” คริสยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคริสตัล เขาไม่ชินกับการที่อีกฝ่ายนั่งเงียบไม่พูดจาแบบนี้เลย

    “แต่คงไม่ทำอีกแล้ว”

    “หืม? เธอว่าไงนะ อ้ะ!เดี๋ยวแปปนึง” คริสได้ยินประโยคสุดท้ายไม่ถนัด เสียงของคริสตัลเบามากจนเสียงมือถือของเขาดังกลบสนิท คริสหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยบ้านก่อนจะเบ้หน้าเซ็งๆเมื่อเห็นว่าปลายสายที่โทรเข้ามาคือใคร

     

    “บอกแล้วไงว่าไม่ไป”

    (ฉันรู้ว่านายงานยุ่ง แต่มินจุนย้ำให้ฉันโทรมาชวนนายอีกครั้ง)

    “อ่า.. ไอ้บ้านั่นยังไม่เลิกทำตัวเป็นหัวหน้าอีกหรอเนี่ย” คริสเบะปากออกเมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้งในรอบเกือบสิบปี คิมมินจุน..ประธานรุ่นจอมเผด็จการ

    (ใจเย็นๆน่า มินจุนมันก็มีเหตุผลของมัน)

    “เหตุผล?”

    (คืองานเนี่ย ทุกคนในรุ่นเขาจะมากันหมดเลยนะ ขอย้ำว่าทุกคน ฉะนั้นนายห้ามพลาดนะเว้ย!)

    คำว่า ทุกคน จากปลายสายทำให้คริสเผลอกำมือถือไว้แน่น จนกระทั่งมือเล็กมาสะกิดที่แขนเขาถึงรู้ตัวว่ายังไม่ได้กดเปิดล๊อค เขากดปุ่มปลดล๊อคแล้วเพยิดหน้าบอกให้คริสตัลลงจากรถเข้าบ้านไปก่อน ปลายสายยังส่งเสียงมาไม่หยุดจนเขาต้องตอบกลับไปว่ายังอยู่

    (สรุปว่าไง ไปเหอะคริส จะได้ครบกันทุกคน)

    “เออๆ ไปก็ไป”

    คริสรีบเอามือถือออกห่างเพราะเสียงโห่ดีใจจากปลายสายที่ดังซะจนหูเขาเกือบหนวก ปล่อยให้อีกคนพูดไปพลางมองไฟในบ้านที่สว่างขึ้น เขามองที่หน้าต่างเห็นคริสตัลเดินแวบผ่านไปแล้วก็คิดขึ้นมาได้

    (ดีใจหว่ะที่นายไป งั้นเจอกันอาทิตย์หน้านะ!)  

    ว่าเขาควรทำยังไงดีเมื่อถึงวันงานเลี้ยงร่วมรุ่น ..

     

     

     

     

     

     

    “ทำไมวันนี้ไม่เห็นคริสตัลเลย”

    คำพูดของแทมินทำให้มือของอีกคนที่นั่งข้างหยุดชะงักไปชั่วหนึ่ง จงอินยังคงก้มหน้าเล่นเกมส์ในมือถือแต่ไอ้คุกกี้ขนมผิงหน้าเอ๋อในจอกลับเอาแต่วิ่งชนแท่งหนามทีโผล่ออกมาเรื่อยไม่ยอมหยุดจนในที่สุดก็ล้มลงนอน

    .. เกมส์โอเว่อร์ไปพร้อมสมาธิของจงอินที่กระเจิงหายไปตั้งนานแล้ว

     

    “ปกติต้องมาดักรอที่หน้าห้องแล้วหนิ”

    “...”

    แม้จงอินจะทำเป็นนิ่งไม่สนใจสิ่งที่แทมินพูดแต่ในใจเขากลับตรงกันข้าม.. เขายังจำสีหน้าและแววตาของคริสตัลในคืนเมื่อวานได้ น่าแปลกที่สิ่งประดิษฐ์จอมปลอม..หุ่นยนต์ไร้ชีวิตที่ไม่สามารถสื่ออารมณ์ได้เหมือนคนจริงๆแบบนั้นกลับทำให้เขารับรู้ได้ถึงบางอย่าง ..

    ภายใต้สีหน้านิ่งเรียบนั้นของคริสตัล จงอินกลับรู้ว่าเธอกำลังเสียใจ


    “แพ้แล้วนิ มาๆเดี๋ยวกูขอเล่นมั้ง” แทมินเหลือบมองมือถือในมือของอีกคนก่อนจะฉวยแย่งมา

    เขายื่นหน้ามามองคนนั่งข้าง แปลกใจที่จงอินยังนั่งเงียบอยู่ ถ้าเป็นทุกครั้งป่านนี้เขาคงถูกอีกฝ่ายด่าหรือไม่ก็แย่งมือถือกลับมาแล้ว เขารู้ว่าจงอินน่ะไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของส่วนตัวซักเท่าไหร่

    “เป็นไรเปล่าเนี่ย”

    แทมินถาม และมันก็คือสิ่งที่จงอินอยากรู้อยู่เหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ดีแบบนี้กับคำพูดในเมื่อวาน เขารู้ว่ามันอาจจะแรงไปที่บอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับคริสตัล ซึ่งเขาก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ

    เขาได้ยินบ่อยที่ใครๆต่างก็พูดถึงเขาในแง่ที่ไม่ดี บ้างก็บอกว่าเขานิสัยไม่ดีบ้างล่ะ ขี้โมโหบ้างล่ะ หรือแม้กระทั้งเป็นพวกเย็นชา ไร้ความรู้สึก

    “อ้าวเฮ้ย! จะไปไหนอ่ะ”

    ก็คงจะมีแต่ตัวเขาและก็เพื่อนสนิทอีกไม่กี่คนเท่านั้นแหละ ที่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนยังไง ..

     

     

     

     

     

     

    ปกติแล้วตอนพักเที่ยงฉันชอบมานั่งแถวนี้กับเพื่อนๆ

    จงอินรู้สึกขอบคุณคริสที่สร้างคริสตัลให้เป็นแอนดรอยส์ที่สามารถพูดได้ตลอดเวลาไม่ยอมหยุด เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคริสตัลจากปากของเจ้าตัวมาตลอดทุกครั้งที่เจอหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจแต่เสียงแจ้วๆเหมือนนกแก้วของเธอก็คอยกรอกเข้าหูเขาอยู่ตลอด และโชคดีที่เขาพอจะจำมันได้บ้าง

     

    “สรุปว่าเมื่อวานไปไหนมา”

    จงอินวิ่งมายังสวนข้างตึกเรียนตามคำพูดของคริสตัลที่เคยบอกไว้ เขาเห็นคริสตัลกับเพื่อนอีกสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ดูเหมือนหัวข้อที่คุยก็จะเป็นเรื่องที่เมื่อวานคริสตัลไปไหนมา เพราะทุกคนกำลังหันมามองให้ความสนใจกับคริสตัลที่นั่งหันให้เขาอยู่

    “นั่นสิ ฉันตกใจมากเลยนะตอนที่พี่คริสโทรมาหาอ่ะ” จินริรีบพูดเสริมหลังจากที่ซูจีถามไป ทั้งสองตกใจมากที่อยู่ๆก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้โทรมาหาแล้วถามถึงคริสตัล แต่พอคริสแนะนำตัวไปว่าเป็นพี่ชายของเพื่อนตัวเอง พวกเธอก็เลยไม่ได้เอะใจว่าอีกฝ่ายไปรู้เบอร์มือถือของพวกเธอได้ยังไง

    “เมื่อวานฉันแวะไปหาของที่ห้างมา”

    จงอินที่ยืนแอบอยู่ข้างหลังเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบของคริสตัล เขาคิดว่าคริสตัลจะตอบตามจริงซะอีก และนั่นยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดหนักกว่าเดิม

     

    “แหม..เดินช้อปจนเพลินล่ะสิ” ซูจีพูดแซว

    “ไปกับรุ่นพี่จงอินหรอ?” จินริถามเพราะคิดว่าทั้งสองคนน่าจะไปด้วยกัน ดูจากที่คริสตัลคอยตามติดอีกฝ่ายซะขนาดนั้น แต่จะว่าไปวันนี้เธอยังไม่เห็นคริสตัลไปหาจงอินเลย

    คริสตัลส่ายหน้า ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ จีมิน..เพื่อนในห้องที่พักหลังมานี้ชอบมานั่งคุยกับพวกเธอด้วยก็พูดแทรกขึ้นมา ซูจีกรอกตาเซ็งเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

    “ว่าแต่เธอกับรุ่นพี่จงอินเป็นไรกันหรอ?”  

    ซูจียกมือขึ้นเท้าคาง เธอไม่ค่อยชอบหน้าจีมินซักเท่าไหร่แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน .. คำถามของจีมินทำให้จงอินต้องแอบยื่นหน้าไปมองเจ้าของคำถาม และก็ไม่แปลกใจเลยซักนิดเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนถาม ก็ยัยนั่นน่ะคอยตามเขามาตั้งแต่สมัยอยู่ม.ต้นแล้ว ยังดีที่พอขึ้นม.ปลายแล้วไม่ค่อยมาตามติดเหมือนแต่ก่อน

    “ว่าไงคริสตัล เธอกับรุ่นพี่จงอินเป็นอะไรกันหรอ?”

    “ไม่ได้เป็นอะไรกัน” คริสตัลตอบเสียงเบา คำพูดที่ได้ยินเมื่อวานถูกเล่นซ้ำอีกครั้งในหัว

     
     

    “ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ .. แต่ก็ดีแล้วแหละอย่าไปยุ่งกับเขาเลย” คำตอบของคริสตัลทำให้จีมินรู้สึกพอใจ เธอพยายามไม่ยิ้มออกมา แล้วกดเสียงตัวเองให้ดูเป็นปกติก่อนจะเริ่มพูดต่อ

    “เธอคงไม่รู้เพราะเพิ่งย้ายมาใหม่ แต่รุ่นพี่จงอินน่ะเป็นตัวอันตราย นิสัยแย่สุดๆ” จงอินเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากของจีมิน เขามั่นใจว่าไม่เคยทำตัวแย่ใส่เลยซักครั้ง ที่จริงแค่คุยด้วยเขาก็จำได้ว่ายังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ

    “เธอรู้จักใช่มั้ยพวกอันธพาลน่ะ นั่นแหละรุ่นพี่จงอินเลย วันๆมีแต่หาเรื่องตีกับโรงเรียนอื่น”

    จงอินกำฝ่ามือแน่น ถึงแม้เขาจะชินที่ถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกนั้นแล้วก็ตามแต่พอได้ยินด้วยตัวเองแบบนี้มันก็ทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อย เขาตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย อยากรู้เหลือเกินว่าไอ้คนที่พูดถึงเขาฉอดๆแบบนั้นจะทำหน้ายังไง

    แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะก้าวขาออกไป

    “ไม่จริงซะหน่อย!

    เสียงที่เขาเคยคิดว่าน่ารำคาญที่สุดในโลกก็ดังขึ้นแทรกจนเขาต้องหยุดชะงัก

     

     

    “หมายความว่าไงคริสตัล เธอจะบอกว่าฉันโกหกหรอ”

    “เปล่านะ แต่ฉันแค่จะบอกว่าจงอินไม่ใช่คนแบบนั้น” คริสตัลที่นั่งฟังอยู่นานตัดสินใจพูดขึ้นมา ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าซูจีที่นั่งข้างแอบยกยิ้มด้วยความสะใจที่เห็นสีหน้าเหวอของจีมิน ไม่มีใครนึกว่าคริสตัลที่ปกติมักจะนิ่งๆจะอ้าปากเถียงขึ้นมา

    “จงอินน่ะเคยพาฉันไปส่งห้องพยาบาลด้วย แถมยังเป็นคนโทรไปบอกให้คริสมารับฉันเมื่อวานอีก”

    “...”

    “จริงอ่ะ! รุ่นพี่พาเธอไปห้องพยาบาลด้วยเหรอ ตอนไหนอ่ะทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”

    จินริรีบเขย่าแขนถาม ถ้าเป็นเมื่ออาทิตย์ก่อนจงอินคงต้องรีบออกไปตอบแทนแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ คำพูดเมื่อกี้ของคริสตัลทำให้จงอินต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง .. หุ่นยนต์ที่ไม่สามารถนึกคิดได้เหมือนมนุษย์แบบคริสตัลทำไมได้ถึงได้มีความคิดแบบนี้ ทั้งที่โดนพูดแบบนั้นใส่ไปแล้วแท้ๆ

    ทำไมถึงยังพูดแบบนั้นอยู่อีก ..

     

     

     

     

     

    “เอาล่ะเลิกคลาสได้”

    สิ้นเสียงของครูแจยอง ทั้งห้องก็พากันส่งเสียงดังขึ้นมา หลายคนเริ่มเก็บของใส่กระเป๋าไป และจงอินก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

    “มึง วันนี้เปลี่ยนไปร้านสีขาวแทนนะ” จงอินหันไปบอกแทมินที่ยังนั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ตื่นดีเท่าไหร่ถ้าดูจากสีหน้าในตอนนี้

    “อะไรนะ?”

    “กูบอกว่าวันนี้ไปร้านสีขาวแทนนะ” จงอินพูดซ้ำก่อนจะรูดซิปปิดเป้สะพายของตัวเอง

    “ร้านขาว?”

    “เออ ไม่ต้องถามมากรีบเก็บของเร็ว เดี๋ยวกูมาแปป” แทมินได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองมองเพื่อนสนิทที่รีบร้อนออกจากห้องไป

     

     

    “รุ่นพี่จงอินหนิ”

    เสียงของใครบางคนพูดขึ้นเมื่อจงอินเดินผ่านกลุ่มเด็กปีหนึ่งที่กำลังทะยอยเดินออกจากห้องเรียนมา หลังจากตอนเที่ยงนั้นจงอินก็ใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายไปกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขามานั่งคิดถึงสิ่งที่ทำลงไปแล้วก็รู้ว่าได้ทำพลาดไปแล้ว และเขาต้องการแก้ตัว

    หวังว่ามันจะไม่สายเกินไป


    จงอินเดินมาถึงยังหน้าห้องปีหนึ่งห้องสาม คิดว่าน่าจะเป็นห้องนี้ถ้าเขาจำไม่ผิด ยังไม่ทันที่เขาจะเดินเข้าไปในห้อง เสียงที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อตอนเที่ยงก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง

    “พี่จงอิน!

    เขาหันกลับไปมองตามเสียงเรียก พลางคิดว่าถ้าเขาไม่ได้ยินเรื่องเมื่อตอนเที่ยงมันคงจะดีกว่านี้

    “พี่มาหาใครหรอคะ?” จีมินเอียงคอถาม เธอชอบกระพริบตาเวลามองหน้าเขา จงอินเคยคิดว่าท่าทางแบบนั้นมันดูเหมาะกับเธอดี แต่ในตอนนี้..

    “มาหาคริสตัลน่ะ”

    “อ่า..มาหาคริสตัลนี่เอง” จีมินพูดเสียงค่อยลง ยู่ปากเล็กน้อยคล้ายกับน้อยใจ

    เขากลับมองว่ามันดู เสแสร้งและน่ารังเกียจ

     

     

    “ฉันจะไปเรียกให้นะ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะยอมมามั้ย” จีมินพูดและนั่นทำให้จงอินต้องหันไปสบตาเธอเพราะไม่เข้าใจ

    “พี่คงไม่รู้ แต่วันนี้ฉันเพิ่งได้คุยกับคริสตัลเอง เธอพูดถึงพวกพี่ด้วยนะ”

    “...”

    “เธอบอกว่าพี่น่ากลัวแถมยังชอบว่าเธอด้วย”

    จงอินมองหน้าจีมินที่กำลังพูดเป็นตุเป็นตะ ถ้าเขาไม่ได้ยินเมื่อกลางวันเขาอาจจะเชื่อเธอไปแล้ว ตอนแรกเขาไม่อยากจะให้มันเป็นเรื่องเป็นราวอะไรแล้วแท้ๆ ยิ่งมีพวกเด็กปีหนึ่งยืนแอบมองเขาอยู่ตั้งหลายคนแบบนี้ด้วย

    “เดี๋ยวฉันจะลองไปเรียกให้ละกัน”

    แต่ก็ช่างมัน เขาไม่สนอยู่แล้วว่าใครจะมองว่าเขาเป็นยังไง

     
     

    “อะไรหรอคะ?” จีมินหันมาถามเมื่อถูกจงอินจับแขนไว้ เสียงฮือฮาจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น

    “เธอไม่เหนื่อยมั่งเลยหรือไง”

    “เหนื่อยอะไรกันพี่ แค่ไปเรียกให้แค่นี้ไม่เหนื่อยเลย” จีมินหัวเราะ รู้สึกดีเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายถามมาเพราะเป็นห่วง ยิ่งต่อหน้าเพื่อนคนอื่นๆแบบนี้เธอยิ่งรู้สึกดีจนไม่อาจจะหุบยิ้มได้

    “ไม่ใช่แบบนั้นสิ”

    “...”

    “ฉันถามว่าเหนื่อยมั่งมั้ยกับการตีสองหน้าแบบนี้”

     

     

    เสียงจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น จีมินหุบยิ้มไปทันทีพยายามดึงแขนตัวเองกลับมาแต่จงอินกำไว้แน่นจนเธอไม่สามารถสะบัดหลุดได้

    “พี่พูดอะไรน่ะ?” ใบหน้าน่ารักเมื่อครู่หายไปแล้ว จีมินถามเสียงแข็งแล้วลูบแขนตัวเองเมื่อจงอินยอมปล่อย

    “เธอควรจะดีใจนะที่ฉันไม่ทำร้ายผู้หญิง”

    จงอินพูดจบก็เดินผ่านจีมินไป เขาไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาจากพวกเด็กปีหนึ่งที่มายืนมุงดู เพราะตอนนี้ความสนใจของเขาทั้งหมดไปอยู่ร่างเล็กในห้องที่กำลังนั่งเขียนหนังสืออยู่

     

     

    “รุ่นพี่จงอิน..” คริสตัลเงยหน้าขึ้นมามองจินริที่ยืนอยู่ก่อนจะหันหน้าไปมองตามเพื่อนตัวเอง แล้วพบว่าจงอินกำลังยืนมองมาที่เธออยู่

    “เดี๋ยวฉันมานะคริสตัล” จินริรีบพูดแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น

    จงอินยกมือขึ้นเกาท้ายทอย ยอมรับว่าความกล้าในตอนแรกนั้นหายไปหมดแล้ว แต่มาถึงขั้นนี้แล้วเขาคงต้องยอมหน้าด้านดูซักครั้ง

    “อือ ..คือฉันจะมาถามว่า.. เธออยากไปกินไอติมด้วยกันมั้ย?”

    พูดเสร็จเขาก็วางอะไรบางอย่างลงที่โต๊ะของอีกฝ่าย คริสตัลก้มมองตามมือของจงอินแล้วก็ยกยิ้มเมื่อเห็นว่ามันคือกระดุมเสื้อที่จงอินเพิ่งดึงออกมาจากอีกข้างในตอนที่เดินเข้าห้องมา

    ความกังวลทั้งหมดของจงอินหายไปในตอนที่เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วพยักหน้าตอบ

    “ไปสิ ฉันก็อยากกินไอติม”

     

      

     

       


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×