ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✚ KARAKURI | krystal

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 03

    • อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 58







    03










    I hope that one day there will be no differences between you and me




             



            
    “ครูพูดว่าไงนะ”

    จงอินแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินฮโยยอนพูด ที่จริงเขาก็อยากจะเชื่อเธออยู่หรอกเพราะอีกฝ่ายก็เป็นถึงครูประจำห้องพยาบาล แต่ไอ้การที่คนคนนึงโดนท่อนเหล็กฟาดเข้าจังๆที่หัวแล้วไม่เป็นอะไรเลยนี่ มันจะไม่เหลือเชื่อเกินไปหน่อยเหรอ?

    “บอกว่าเธอปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง เลิกถามแล้วกลับห้องไปซักที”

    ฮโยยอนบอกประโยคนี้กับจงอินเป็นรอบที่สี่ได้ และเพราะค่อนข้างสนิทด้วยเลยไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพด้วย เธอยกมือขึ้นเสยผมอย่างหัวเสียที่จงอินไม่ยอมทำตามที่บอกแถมยังดึงดันให้เธอช่วยตรวจเด็กผู้หญิงที่เขาพามาด้วยอีกครั้งหนึ่ง

    เธอคงจะรีบทำตามที่จงอินบอกหากว่าเด็กที่นอนอยู่ไม่ใช่ ..จองคริสตัล

    “ครูจะไม่ตรวจเธออีกรอบจริงๆเหรอ”

    หุ่นแอนดรอยส์ที่ผู้อำนวยการฝากให้ช่วยดูแล

     

     

     

    “สรุปคือจะนั่งอยู่นี้?”

     ฮโยยอนถามซ้ำในตอนที่กลับเข้าห้องพยาบาลมาแล้วพบว่าจงอินยังคงนั่งเฝ้าคริสตัลไม่ไปไหน เธอรู้จักนิสัยเขาดีเลยเดาได้ไม่ยากว่าจงอินจะไม่ยอมลุกไปไหนแน่ถ้าอีกฝ่ายยังไม่ฟื้นขึ้นมา

    “ทำไมเธอยังไม่รู้สึกตัวอีก” จงอินหันมาถาม สีหน้าเขาเป็นกังวลมากจนฮโยยอนตกใจ เธอไม่เคยเห็นเขาในด้านที่จริงจังขนาดนี้มาก่อน

    “ผมว่าพาเธอไปโรงพยาบาลดีกว่า” พูดจบเขาก็คว้ามือถือขึ้นมากดโทรออก ฮโยยอนเบิกตาขึ้นกว้างรีบเข้าไปแย่งมือถือมา ไม่ได้ ..จะยอมให้เรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปไม่ได้

     
     

    “ครูทำอะไรน่ะ”

     จงอินมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ท่าทีอึกอักของเธอทำให้เขายิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก

    “นายพาเธอไปโรงพยาบาลไม่ได้”

    “พี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย เอามือถือผมมา!” จงอินพูดเสียงแข็ง เขาหงุดหงิดมากจนลืมตัวไปว่าเวลาอยู่ที่โรงเรียนต้องเรียกอีกฝ่ายว่าครู..ไม่ใช่พี่ ถึงแม้จะเป็นญาติกันก็ตาม

    “บอกว่าเธอไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ” เธอพยายามจะอธิบายเหตุผล แต่ดูเหมือนจะยังไม่ใช่คำตอบที่อีกคนอยากฟังเท่าไหร่ จงอินลุกขึ้นเดินเข้ามาหาจนเธอต้องถอยหนีมาหยุดอยู่ที่มุมห้อง 

    “จะไม่เป็นไรได้ไงพี่ เธอโดนเหล็กฟาดเข้าที่หัวนะ!” จงอินเถียงเสียงดังจนฮโยยอนทำได้แค่ยืนนิ่ง เธอกลืนน้ำลายลงในระหว่างที่กำลังตัดสินใจ

    เอาว่ะ..เป็นไงก็เป็นกัน

     

    “ถึงพาไปโรงบาลหมอคนไหนก็รักษาเธอไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!

    “พี่หมายความว่าไง?”

    “ก็เพราะเธอไม่ใช่คนไงล่ะจงอิน เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นหุ่นยนต์!

     

    จงอินหรี่ตาลงมองหน้าคนพูดสลับกับร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียง หุ่นยนต์งั้นเหรอ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

     

     

     

     

     

     

     

    “จริงๆนะ!

    คริสได้ยินเสียงใครบางคนดังลอดออกมาในตอนที่เขาหยุดยืนหอบอยู่หน้าห้องพยาบาลของโรงเรียนมัธยมปลายแดฮวา วันนี้ไม่ใช่วันของเขาอย่างแน่นอนหลังจากที่ถูกคนอื่นโทรมาขัดจังหวะการนอนถึงสองครั้ง ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่รับสายเพราะรู้สึกอ่อนเพลีย แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์ที่โรงเรียนโทรมาเท่านั้นล่ะ

    .. เขาก็ลืมไปเลยว่าตัวเองอดนอนมากี่คืน

     

    “ไร้สาระน่าพี่ รีบพาเธอไปโรงพยาบาลเถอะ”

    เสียงของอีกคนที่ดังขึ้นมาทำให้เขามั่นใจว่าข้างในห้องนั้นไม่ได้มีแค่ครูฮโยยอนเพียงคนเดียว คริสก้มมองรองเท้าสลิปเปอร์ที่ตัวเองใส่อยู่เพราะว่ารีบจนลืมเปลี่ยนแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาที่จะต้องเข้าไปพบคนอื่นในสภาพนี้ แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้เขาควรจะกังวลกับเรื่องของคริสตัลมากกว่า

     

    “อ้ะ คุณคริสมาแล้วหรอคะ” ฮโยยอนรีบเดินตรงเข้ามาคริสทันทีที่เขาเปิดประตูห้องเข้าไป คริสก้มหัวทักทายอีกฝ่ายตามมารยาท ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่ามีนักเรียนชายอีกคนยืนมองเขาอยู่

    “ฉันคือคนที่โทรไปหาคุณเองค่ะ.. ส่วนนั่นก็ลูกพี่ลูกน้องของฉัน”

     ฮโยยอนรีบแนะนำจงอินกับคริส เธอรู้มาจากผู้อำนวยการว่าคริสไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่.. แต่ในเมื่อมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆจะทำไงได้ล่ะ? นอกจากนี้จงอินก็ไม่ใช่เด็กประเภทที่ชอบสุงสิงกับใคร เธอมั่นใจมากว่าเขาคงไม่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังแน่ๆ

    “ขอบคุณที่โทรมาแจ้งผมนะครับ แต่ยังไงผมก็หวังว่าคุณคงไม่ลืมสัญญาที่ตกลงกันไว้” เขาพูดเสียงเรียบคล้ายกับจะย้ำให้ฮโยยอนรู้สึกผิด คริสไม่อยากให้เด็กคนอื่นรู้เรื่องของคริสตัล

    เขาเดินผ่านฮโยยอนเข้าไปยังเตียงริมสุดที่มีแผงผ้าม่านสีขาวตั้งกั้นไว้ ปลายตามองจงอินในตอนที่เดินไปถึง จงอินก็เช่นกัน เขาไล่สายตามองคริสตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าซึ่งยิ่งทำให้ความรู้สึกที่คริสมีต่อจงอินติดลบลงไปอีก

    “เธอโดนตีที่หัว?” คริสจำใจถามจงอินในตอนที่เลื่อนม่านออกแล้วเห็นคริสตัลนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เขาเช็คภายนอกแล้วแต่ไม่พบว่ามีอะไรเสียหาย ตัวเซนเซอร์แจ้งเตือนเลยไม่ทำงาน

    “ครับ”  

    คริสเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยิน ไม่คิดว่าเด็กนี้จะพูดสุภาพกับเขา ตอนแรกคริสนึกว่าจงอินจะตอบเขากลับด้วยคำพูดแบบ อื้อ ใช่ ประมานนี้

    ..บางทีเขาอาจจะตั้งแง่กับเด็กนี้มากไป

     

    “เธอวิ่งเข้ามารับท่อนเหล็กแทนผม แล้วก็สลบไป”

    จงอินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คริสฟังเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง คริสที่นั่งใช้ความคิดอยู่หลุดยิ้มออกมาในตอนที่ได้ยินจงอินใช้คำว่าสลบ แทนที่จะเป็น ดับ

    .. อย่างน้อยคริสตัลก็ยังไม่ได้ถูกมองว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ซะทีเดียว

     

     

     

    “ใช่ตรงบริเวณนี้รึเปล่า?” คริสคิดว่าเขารู้คำตอบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคริสตัล เพียงแต่เขาต้องการให้แน่ใจมากกว่านี้ เขาถามพร้อมชี้นิ้วไปตรงช่วงหลังคอของตนเอง จงอินพยักหน้าแล้วลุกขึ้นทำท่าทางให้ดู

    คริสดีดนิ้วดังเป๊าะในตอนที่เห็นท่าประกอบจากจงอิน อย่างที่เขาคิดไว้ คริสตัลโดนตีเข้าที่ท้ายทอยจริงๆ..บริเวณที่มีตัวควบคุมหลักอยู่ เขารีบลุกจากเก้าอี้แล้วจัดการแกะกระดุมเสื้อนักเรียนของเธอออก

    “แค่ก” เสียงไอของจงอินดังขึ้นก่อนที่เขาจะรีบหันหลังไป

    “ทำไรของนายน่ะ” ฮโยยอนที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะถามขึ้นมาเมื่อเห็นจงอินยืนหันหน้ามาหาเธอพร้อมกับยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง

     

    คริสล้วงมือเข้าไปกดปุ่มเล็กๆที่ตรงหน้าอกข้างซ้าย..ตำแหน่งหัวใจ มันคือปุ่มรีเซตระบบในกรณีที่เครื่องยนต์เกิดค้าง ซึ่งตอนที่คริสตัลโดนเหล็กกระแทกไปคงทำให้ตัวควบคุมตรงนั้นเกิดรวนจึงจำเป็นต้องรีเซตใหม่

    ทันทีที่เขายกนิ้วออก

    “คริส..

    เสียงใสที่ได้ยินอยู่ทุกวันก็ดังขึ้นอีกครั้ง

     

     

     

     

     

    “ระวังๆหน่อยสิ รู้มั้ยค่าซ่อมแต่ละครั้งไม่ใช่ถูกๆนะ” คริสบ่นคริสตัลที่ไม่รู้จักระมัดระวังตัวเองให้มากกว่านี้ ตักเตือนพอรู้เรื่องก็เปลี่ยนมาช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นนั่งหลังจากที่ตรวจเช็คความเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว

    “เข้าใจแล้วๆ เลิกบ่นได้แล้ว”

    คริสตัลรับปากแบบไม่เต็มใจ เมื่อระบบทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเธอก็ทำตัวเหมือนอย่างทุกครั้งเวลาที่โดนบ่น เธอเมินเสียงบ่นของคริสแล้วหันไปหาอีกคนที่ยืนอยู่อีกข้างของเตียง

    “นายไม่เป็นไรใช่มั้ย?” เธอถามนักเรียนชายคนที่เจอเมื่อตอนเช้า เพิ่งรู้ในตอนที่เห็นหน้าชัดๆว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นแต่เป็นรุ่นพี่ปีสอง

    จงอินได้แต่ยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก ตอนแรกที่รู้ว่าคริสตัลเป็นแอนดรอยส์เขาก็อึ้งไปรอบนึงแล้ว นี่พอเห็นเธอตื่นขึ้นมาพูดฉอดๆเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่นทั่วไปเขาก็ยิ่งอึ้งกว่าเดิม

    “ฉัน..ไม่เป็นไร” แต่ท้ายที่สุดเขาก็ตอบเธอไป  

    “อ่า..ดีจัง..”

    จงอินเผลอหลบตาในตอนที่คริสตัลส่งยิ้มมาให้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มนั่นมันอบอุ่นและเหมือนจริงมากแค่ไหน เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่คงไม่มีวันลืมลง

      

     

     

     

      

    “จงอิน!

    เจ้าของชื่อเรียกเงยหน้าขึ้นมาพร้อมดวงตาสะลึมสะลืมในตอนที่แทมินตะโกนเสียงดังมาจากหน้าห้อง จงอินทำหน้ามึนหันไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนกวักมือรัวเรียกให้ไปหา เขาขยี้ตาแล้วถอนหายใจออกก่อนจะยอมลุกขึ้นยืน

    “มีอะไร?” จงอินถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เขาหงุดหงิดเสมอในตอนที่ถูกปลุก ไม่ว่าคนนั้นจะสนิทมากแค่ไหนก็ตาม หากเหตุผลที่มารบกวนเขาไม่ดีพอ..เขาก็พร้อมจะด่ากลับได้ตลอดเวลา

    แทมินเงียบ เขาไม่ได้ตอบเป็นคำพูดแต่ใช้สายตาตอบเจ้าของคำถามเมื่อกี้ให้ยื่นหน้าออกไปดูที่หน้าห้องเอง จงอินยืนขมวดหัวคิ้วงงอยู่ซักพักถึงจะเข้าใจไอ้ท่าทางที่ว่านั่น เขาใช้มือดันแทมินที่ขวางอยู่ให้หลบไปแล้วไปยืนที่ตำแหน่งนั้นแทน

    “...”

    เหมือนถูกสาดด้วยน้ำให้ตื่น จงอินเบิกตาขึ้นโตกว่าปกติทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ด้านนอก เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้าตาประหลาดใจแค่ไหนในตอนที่คริสตัลยกมือขึ้นทักทายเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส

    “หวัดดีจงอิน”

    “เอ่อ..หวัดดี”

    คริสตัลยิ้มกว้าง เธอมั่นใจว่าจงอินไม่ได้หยิ่งอย่างที่จินริหรือเพื่อนคนอื่นบอกไว้ คนที่พาคนแปลกหน้ามาส่งถึงห้องพยาบาลแถมยังนั่งเฝ้าจนเธอฟื้นขึ้นมาแบบนั้นน่ะ ต้องเป็นคนที่นิสัยน่าคบด้วยแบบสุดๆเลยล่ะ

    “ฉันจะมาขอบคุณเรื่องเมื่อวาน”

    จงอินทำตัวไม่ถูกได้แต่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยพร้อมส่งเสียงอืมในลำคอ เขาคิดว่าเขาน่าจะต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้นมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เพราะอะไรบางอย่างในตัวคริสตัลทำให้เขาไม่ได้พูดออกไป

    เขาคิดว่าหุ่นแอนดรอยส์แบบคริสตัลคงไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ขอบคุณ

     

     

     
     

    คริสตัลตัดสินใจแล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อนว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับจงอิน ถ้าถามว่าเหตุผลคืออะไรเธอก็คงตอบไม่ได้ มันคงคล้ายๆกับที่จินริบอกกับเธอไว้มั้ง .. ที่ใครๆเรียกกันว่า รู้สึกถูกชะตาน่ะ

    และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอมายืนดักรอจงอินที่หน้าห้องเรียนของเขาอีกครั้ง

     

    “จงอิน!

    เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยในจังหวะที่ได้ยินใครบางคนเอ่ยเรียกเสียงดัง จงอินบอกแทมินที่ยืนรออยู่ข้างหน้าให้ลงตึกเรียนไปก่อนแล้วจึงหันไปหาคริสตัลที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้

    “จะกลับบ้านหรอ?”

    จงอินพยักหน้าตอบหนึ่งที เขารู้ตัวว่าเป็นพวกไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ซักเท่าไหร่ อาจเพราะบุคลิกหน้าตาที่ดูไม่น่าเข้าหา รวมถึงชื่อเสียงในแง่ลบที่ติดตัวเขามาตั้งแต่สมัยอยู่ม.ต้นทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้ามาคุยเลยยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนเก็บตัวมากขึ้น

    ปกติเวลาคุยกับคนไม่สนิทจงอินก็ทำตัวไม่ค่อยจะถูกอยู่แล้ว ยิ่งในตอนนี้กับคนตรงหน้าที่แตกต่างจากคนอื่นทั่วไปอยู่มากแบบคริสตัลนั้น เขายิ่งทำตัวไม่ถูกหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

    “...”

    คริสตัลยืนเงียบใช้ความคิด ส่วนจงอินก็เช่นกัน เขายืนนิ่งไม่พูดจา

     

     

     

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว..”

    “ไปกินไอติมกัน ฉันอยากกิน”

    ในตอนที่จงอินกำลังจะเอ่ยปากขอตัวลา คริสตัลก็รีบพูดขึ้นทำลายความเงียบหลังจากที่ใช้ความคิดอยู่นานว่าจะชวนอีกฝ่ายไปไหนดี เธอคิดว่าการไปกินไอติมหลังเลิกเรียนเพื่อทำความรู้จักอีกคนให้มากขึ้นเลียนแบบที่จินริกับซูจีเคยชวนเธอไป น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดและจะช่วยให้พวกเขาสนิทกันได้เร็วขึ้น

    แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่เข้าใจเรื่องการสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากเท่าไหร่ ..

    “ว่าไงนะ?”

    จงอินถามเสียงดังจนเพื่อนร่วมชั้นที่เดินผ่านไปต้องหันมามอง เขาไม่เข้าใจความคิดของคนตรงหน้าและก็ไม่รู้สาเหตุที่คริสตัลมาชวนเขาไป แต่ถึงรู้เขาก็คงจะตกใจอยู่ดี เพราะถ้าถามว่าพวกเขารู้จักกันมั้ย..ก็ไม่เชิง แล้วสนิทกันงั้นเหรอ..ยิ่งไม่ใช่ใหญ่

    อาจเพราะคำชวนของคริสตัลที่จงอินคาดไม่ถึงเมื่อกี้ทำให้ข้อสงสัยของเขายิ่งกระจ่างชัดยิ่งขึ้นกับความคิดที่ว่า หุ่นแอนดรอยส์จะสามารถนึกคิดอะไรได้เหมือนมนุษย์จริงๆเหรอ? ดูจากที่อยู่ดีๆคริสตัลก็มาชวนเขาไปกินไอติมตอนเย็นนี้ก็พอจะรู้คำตอบแล้ว บวกกับที่ฮโยยอนบอกเขาเมื่อวานนี้ว่าอย่าเอาเรื่องของคริสตัลไปบอกใครเด็ดขาด ยิ่งทำให้เขาไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เข้าไปใหญ่

    “ไปมั้ย?” คริสตัลถามซ้ำอีกครั้ง

    จงอินแค่นหัวเราะออกมา เขาคิดว่าเรื่องที่ผ่านมาควรจะจบไปตั้งแต่เมื่อเช้าที่คริสตัลมาขอบคุณเขาแล้ว ส่วนไอ้เรื่องไร้สาระอื่นนอกเหนือจากนั้น..เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับมัน

    “มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย?” จงอินยกมือขอตัวแล้วหันหลังเดินจากมาทันทีโดยไม่สนเสียงเรียกของคริสตัลที่ดังไล่หลังมา

    “เฮ้ นายยังไม่ตอบฉันเลยนะ”

    สิ่งประดิษฐ์น่ะ ไม่ว่ายังไงก็เป็นได้แค่สิ่งประดิษฐ์อยู่วันยันค่ำนั่นแหละ .. เขาเชื่อแบบนั้น

     

     

     

     
     

     

    จงอินคิดว่าโรงอาหารในช่วงพักกลางวันที่วุ่นวายเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่พอเขาเดินกลับมาพร้อมกับจานข้าวในมือแล้วพบว่ามีใครบางคนกำลังนั่งส่งยิ้มให้จากตำแหน่งที่นั่งประจำของเขาแล้ว..มันน่าเบื่อมากกว่าอีก

    ถ้าเป็นไปได้วันนั้นที่ห้องพยาบาลเขาน่าจะเชื่อที่ฮโยยอนบอกแล้วรีบกลับห้องเรียนไป..

     

    “กินอะไรหรอจงอิน” คริสตัลยื่นหน้าไปดูจานข้าวของจงอินก่อนจะเอ่ยถามเพราะดูไม่ออกว่าไอ้ของที่อยู่ในจานนั่นมันคืออะไร

    “ทำไมเธอถึงมานั่งที่นี้?” จงอินหันไปถามเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งกินข้าวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แทมินส่ายหน้าเพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคริสตัลมานั่งตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็เห็นเธอมานั่งตาแป๋วมองเขากินข้าวซะแล้ว

    ถ้าไม่ติดว่าโต๊ะอื่นเต็มหมดจงอินคงจะไปนั่งที่อื่นแล้ว เขารู้สึกเบื่อมากๆกับการที่ต้องคอยมาตอบคำถามไร้สาระของคริสตัล แถมยังต้องช่วยแก้ตัวให้ในตอนที่เธอเผลอทำเรื่องประหลาดๆแบบที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกันนั่นอีก

    จงอินไม่สนใจร่างเล็กที่นั่งข้าง เขาหยิบมือถือขึ้นมากดดูในขณะที่มืออีกข้างก็ตักข้าวเข้าปากไป คริสตัลนั่งมองจงอินพร้อมกระพริบตาปริบๆคล้ายกับจะรอให้อีกฝ่ายตอบหรือพูดอะไรกลับมาบ้าง

    “ข้าวผัดน่ะ ไอ้นี้มันกินเป็นอยู่ไม่กี่อย่างหรอก” แต่กลับเป็นแทมินที่ตอบมาแทน

    “อ่า..ข้าวผัดนี้เอง”

    “ว่าแต่เธอรู้จักกับจงอินได้ยังไงหรอ?”

    แทมินถามขึ้นมา เขาประหลาดใจตั้งแต่วันนั้นที่เห็นคริสตัลมาหาจงอินที่ห้องแล้ว ปกติคนที่มาหาจงอินมักจะเป็นพวกเด็กโรงเรียนอื่น แล้วก็ไม่ได้มาหาแบบปกติซะด้วย ส่วนใหญ่ก็จะมาหาเรื่องเพื่อนเขาซะมากกว่า เขาเลยสงสัยว่าทั้งสองคนนี้ไปรู้จักกันตอนไหน แถมพอจะไปถามเพื่อนสนิทตัวเองก็ดันทำหน้ามึนไม่ยอมตอบอีก

    “อ่อ.. ก็พอดีว่าตอนนั้นจงอินเขา..”

    “จะขึ้นยัง มึงยังทำงานของมิสจางไม่เสร็จหนิ” จงอินพูดแทรกขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นยืน แทมินที่กำลังตั้งใจฟังคริสตัลพูดอยู่หันขวับมาหาเขาทันทีเพราะไม่เข้าใจว่าจงอินจะรีบขึ้นห้องไปไหนทั้งที่เพิ่งจะมานั่งได้ไม่นานเอง

    “จะรีบไปไหนว่ะ”

    “กูง่วง .. ถ้ามึงไม่ขึ้นตอนนี้กูไม่ตื่นมาหยิบงานให้มึงลอกล่ะนะ” จงอินยื่นคำขาดทำให้แทมินต้องยอมลุกเดินตามไปแต่โดยดี ถึงแม้จะอยากรู้เรื่องที่คริสตัลจะเล่าก็ตาม แต่ว่าเรื่องงานที่ต้องส่งยังไงก็สำคัญกว่า

    “ไว้ค่อยมาเล่าต่อละกัน ต้องไปล่ะ บายนะ” แทมินโบกมือลาคริสตัลแล้วรีบเดินตามจงอินที่เดินดุ่มๆออกจากโรงอาหารไป

     

     

     

    “เอางานมาดิ๊ ที่จะให้ลอกอ่ะ” แทมินหันไปทวงคนนั่งข้างหลังจากที่เขาหยิบหนังสือของตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

    “งานอะไร?”

    “เอ้า ก็ที่มึงบอกตอนอยู่โรงอาหารว่าจะให้ลอกอ่ะ การบ้านของมิสจางไง” แทมินขมวดคิ้วอธิบาย สาบานได้ว่าเขาฟังไม่ผิดแน่ที่จงอินพูดตอนอยู่ข้างล่างว่าจะให้ลอกงาน

    “อ๋อ.. กูยังทำไม่เสร็จ”

    “อะไรของมึงเนี่ย! แล้วบอกว่าจะให้ลอก” แทมินบ่นฟึดฟัดอย่างอารมณ์เสีย เขาเลิกสนใจจงอินแล้วก้มหน้าทำการบ้านที่ยังไม่ได้ทำอีกหลายหน้าพลางบ่นเพื่อนตัวเองที่ทำตัวแปลก

    จงอินถอนหายใจออก เขารู้อยู่แล้วว่าแทมินจะต้องบ่นไม่ยอมหยุดแน่ๆแต่ตอนนั้นเขาคิดไม่ออกจริงๆว่าจะพูดยังไงให้แทมินเลิกคุยกับคริสตัลแล้วยอมตามเขาขึ้นมาบนห้องแทน

    “เออ กูขอโทษละกัน ตอนนั้นกูเบลอๆ” เขาพูดเสียงเบาแล้วก้มหน้ามองแผ่นกระดาษที่วางเปล่าตรงหน้า มือถือปากกาเตรียมจะเขียนแต่ในหัวของเขากำลังเต็มไปด้วยเรื่องอื่น

    จงอินไม่รู้ว่าทำไมคริสตัลถึงพยายามเข้ามาหาเขา เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องคอยหลีกเลี่ยงไม่ให้คนรอบตัวเขาได้รู้จักคริสตัลมากไปกว่านี้ เขาไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับฮโยยอน

    บางทีแค่การกระทำของเขา อีกฝ่ายอาจไม่เข้าใจ ..เขาคิดว่าครั้งต่อไปเขาอาจต้องพูดกับคริสตัลตรงๆ

     

     

     

     

     

    “จะไปหารุ่นพี่จงอินอีกแล้วหรอ?”

    จินริถามหลังจากที่เห็นคริสตัลรีบเก็บของบนโต๊ะตัวเองเข้ากระเป๋าไป พักหลังๆเธอเห็นเพื่อนตัวเองไปคอยเดินตามอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ เลยเดาไม่ยากว่าวันนี้คริสตัลก็คงจะไปหาจงอินอีกแน่ๆ

    “อื้อ ไปด้วยกันมั้ย?”

    “ไม่ดีกว่า เธอไปเถอะ” จินริส่ายหน้า ถึงแม้จะรู้ว่าถ้าไปด้วยอาจจะได้เจอแทมินแต่เธอก็เลือกที่จะปฏิเสธคำชวนของคริสตัล ภาพจงอินในวันนั้นยังติดตาอยู่และเธอรู้สึกกลัวเขาไม่น้อย

    “งั้นไปก่อนนะจินริ บะบาย”

    จินริมองแผ่นหลังของคริสตัลที่เดินหายไปทางห้องเรียนของรุ่นพี่ปีสอง เธอไม่รู้ว่าคริสตัลไปสนิทกับจงอินตอนไหนแต่ก็ไม่อยากถาม เพราะหลังจากที่เตือนคริสตัลไปวันก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่น่าคบหาด้วยซักเท่าไหร่

    และสิ่งที่คริสตัลตอบมา

    ไม่หนิ จงอินนิสัยดีจะตาย

    เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก .. ได้แต่หวังว่าบางทีคริสตัลอาจพูดถูก จงอินอาจจะไม่ใช่แบบที่เธอคิดไว้ก็ได้

     

     

     

     

     

    “ไปยัง?”

    จงอินเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำถามนี้จากแทมินเป็นรอบที่สาม เย็นนี้พวกเขาจะไปเกมส์เซ็นเตอร์หลังจากที่ไม่ได้ไปมานาน ที่จริงเขาไม่ได้อยากไปเท่าไหร่แต่แทมินมาเซ้าซี้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วเขาเลยต้องจำใจตกลงไป

    “แปปดิ ขอเคลียด่านนี้ก่อน” จงอินตอบแบบไม่เร่งรีบ เขากำลังทุ่มเทสมาธิทั้งหมดให้กับเกมส์ต่อสู้ในมือถือที่อีกนิดเดียวก็จะได้คะแนนสูงสุดแซงหน้ามินโฮที่ครองแชมป์มาหลายวันแล้ว

    “อ่าๆงั้นเจอกันข้างล่าง” แทมินก็ตอบกลับไปแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเช่นกัน เขารีบเดินออกห้องมาในตอนที่ยื่นหน้าไปเห็นร่างเล็กที่เห็นบ่อยๆในช่วงหลังมานี้กำลังเดินมุ่งหน้ามา

    ใช่แล้ว .. เขาแอบไปชวนคริสตัลเมื่อตอนบ่ายโดนไม่ได้บอกจงอิน ตอนแรกเขากะจะทำว่าลงไปบังเอิญเจอคริสตัลที่ข้างล่างพอดีแล้วจึงชวนเธอไปด้วย แต่ติดที่จงอินยังเล่นเกมอยู่ เขาเลยต้องล้มเลิกแผนการนั้นไปซะแล้วใช้แผนอื่นแทน

    “จงอินล่ะ..”

    “ชู่ว์...” แทมินรีบยกนิ้วขึ้นบอกให้คริสตัลเงียบเสียงลง ก่อนที่จะหันไปมองให้แน่ใจว่าจงอินยังไม่ได้ออกจากห้องมา เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอเมื่อคิดแผนใหม่ได้

     
     

    “อ้าวคริสตัล! หามาจงอินหรอ?”

    คริสตัลยืนนิ่ง ตกใจที่อยู่ดีๆแทมินก็ตะโกนเรียกเสียงดังทั้งที่เธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าแท้ๆ พอจะตอบกลับก็โดนมือของอีกฝ่ายยกขึ้นห้ามไม่ให้พูดอะไร

    “พอดีว่าพวกเราจะไปเกมส์เซ็นเตอร์กันน่ะ เธออยากไปมั้ย?”

    “ฮะ?  อ่อ.. ไปสิๆ ฉันก็กำลังอยากไปอยู่พอดีเลย” คริสตัลตอบตะกุกตะกักหลังจากที่ยืนงงอยู่ซักพัก แทมินยิ้มกว้างยกนิ้วโป้งให้เมื่อเห็นว่าแผนที่คิดไว้เป็นไปได้ด้วยดี เขาคิดว่าจงอินอาจไม่พอใจบ้างที่ชวนคริสตัลไปด้วยแต่ก็คงไม่กล้าเอ่ยปากปฏิเสธเธอหรอก

    ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่แทมินคิดไว้

    “ขอคุยด้วยหน่อย”

    จงอินเดินมาคว้าข้อมือคริสตัลก่อนจะหายไปยังบันไดด้านข้าง แถมยังสั่งห้ามไม่ให้เขาเดิมตามไปอีก

     

     

     

     

     

    “แล้วคริสตัลล่ะ?” แทมินที่ยืนรออยู่ที่เดิมถามขึ้นเมื่อเห็นจงอินเดินกลับมาคนเดียว

    “เธอฝากมาบอกว่าเดี๋ยวจะตามไปให้ไปกันก่อนเลย” จงอินตอบแล้วหยิบกระเป๋าตัวเองมาสะพายแล้วเดินนำไป

    “แล้วเมื่อกี้คุยไรกัน ทำไมต้องแอบไปคุยตรงนู้นด้วยล่ะ”

    “ไม่มีไรหรอก รีบไปเหอะเดี๋ยวตู้เต็ม”

    จงอินเลี่ยงที่จะตอบ เขาก้มมองแขนเสื้อนอกของตัวเองด้านซ้ายแล้วก็ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงไปหยิบอะไรบางอย่างมากำไว้แน่นพร้อมกับคิดย้อนไปถึงบทสนทนาเมื่อครู่นี้

     

     

    “มีอะไรหรอจงอิน?” คริสตัลถามเมื่อเดินมาถึงตรงทางลงบันได จงอินพ่นลมหายใจออกก่อนจะหันไปหาพร้อมกับถามในสิ่งที่เขาก็สงสัยมานาน

    “เธอคอยตามฉันทำไม”

    “อ่อ.. ก็ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายไง” คริสตัลกระพริบตาปริบๆแล้วจึงยกยิ้มก่อนจะตอบเสียงใสที่ยิ่งทำให้จงอินรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเก่า

    “เพื่อนงั้นเหรอ?”

    “ใช่ เป็นเพื่อนกัน”

    จงอินยกมือขึ้นเสยผมอย่างหัวเสีย ตลอดเวลาเกือบอาทิตย์ที่เขาคอยหลบหน้าคริสตัลเพื่อไม่ให้เธอมายุ่งวุ่นวายเพียงเพราะเหตุผลสั้นๆแค่นี้เองน่ะเหรอ? แค่เพราะอีกฝ่ายอยากเป็นเพื่อนกับเขาจึงคอยตามติดเขาแจแบบนี้ โดยไม่รู้เลยว่าเขาอึดอัดแค่ไหน

    “ไปกินข้าวด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน แบบที่คนอื่นๆเขาทำกัน”

    สิ้นประโยคนี้ของคริสตัล ความอดทนของจงอินก็ลดหายไปจนหมด เขาถอนหายใจระบายความโกรธก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเธอ

    “ไม่มีใครเขาทำแบบนั้นหรอกนะ”

    “อะไรนะ?”

    “ฉันบอกว่า ไม่มีใครเขาเป็นเพื่อนกับหุ่นยนต์แบบเธอกันหรอก!!!

    “...”

    “ให้ตายสิ ทำไมฉันต้องมายืนอธิบายเรื่องบ้าๆนี้ให้หุ่นกระป๋องแบบเธอฟังด้วย”

    คริสตัลยืนนิ่ง ถึงแม้ว่าคริสจะไม่เคยสอนความหมายของคำพวกนี้ให้แต่เธอก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร .. ก็ในเมื่อตัวเธอข้างในก็ล้วนแต่เป็นโลหะที่ไม่ต่างจากเศษกระป๋องที่เขาพูด เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันจะเป็นเหมือนกับมนุษย์คนอื่นๆได้เลย

    “รู้เรื่องแล้วใช่มั้ย งั้นก็เลิกตามฉันซักที ฉันเบื่อที่จะต้องคอยช่วยปิดบังเรื่องของเธอจะแย่อยู่แล้ว”

    จงอินถลกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นเพื่อดูนาฬิกา ในจังหวะที่เขาดึงมันกลับลงเตรียมเดินกลับไปที่ห้อง คริสตัลที่ยืนเงียบอยู่ก็เอ่ยประโยคนึงขึ้นมาที่ทำให้เขาต้องถอยหายใจออกซ้ำอีกครั้ง

    “แต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับจงอินจริงๆนะ”

    “...”

    “ฉันต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นเพื่อนกับนาย”

    จงอินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทำไมคริสตัลถึงไม่เข้าใจอีกนะว่าเขาไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย

     

     

     

     

     

    “สรุปว่าคริสตัลจะมามั้ยเนี่ย?” แทมินยื่นหน้ามาถามจงอินที่นั่งเล่นเกมอยู่ตู้ข้างๆ นี่เกือบจะชั่วโมงแล้วที่พวกเขาเข้ามานั่งเล่นที่นี้ทำไมคริสตัลยังไม่ตามมาอีกนะ

    “ไม่รู้ดิ ก็เห็นบอกว่าจะตามมา”

    จงอินพูดพร้อมกับกดปุ่มสีแดงรัวเพื่อปล่อยท่าคอมโบ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเพราะตัวละครของเขาโดนอีกฝ่ายใช้ท่าไม้ตายใส่ซะก่อน หน้าจอขึ้นว่า ‘Lose’ เขากัดริมฝีปากแน่น ล้วงหาเหรียญในกระเป๋ากางเกงเตรียมหยอดเพื่อแก้มือ แล้วก็พบว่าเหรียญที่แลกมาหมดแล้วเหลือเพียงแต่แผ่นโลหะกลมๆที่มีตราโรงเรียนอยู่

    “มึงคิดว่าคริสตัลจะมามั้ยว่ะ?”

    แทมินถามอีกครั้ง แต่จงอินไม่ได้ตอบ

    “อยากเป็นเพื่อนกับฉันมากใช่มั้ย? ได้! ถ้าเธอหากระดุมแขนเสื้อที่ฉันทำหล่นแถวสนามบอลเจอ ฉันจะยอมเป็นเพื่อนกับเธอ”

    เขามองเม็ดกระดุมที่อยู่ในมือซึ่งมันก็คือคำตอบที่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้ว

     

     

     
     

     

    ลู่ฮานกดโทรออกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ปลายสายก็ไม่ยอมรับซักที เขาเดินวนไปมาพร้อมกับบ่นเพื่อนตัวสูงที่ไม่ยอมรับสายเขาซักที มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆและเขาต้องการคำแนะนำ

    “อ่า..จะบ้าตายทำไมไม่รับว่ะ” เขาปามือถือลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด หันไปมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเหล็กแล้วก็เริ่มวิตกอีกครั้ง จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจว่าจะลองดูซักตั้ง

    ลู่ฮานเดินไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ เขาเปิดเข้าเว็ปที่คริสเคยแนะนำมาตั้งนานแล้ว ไล่สายตาอ่านหัวข้อแต่ละกระทู้อย่างตั้งใจ

    “เอาหว่ะ ลองดูละกัน!” เขากดดับเบิ้ลคลิกเข้าไปที่หัวข้อที่ตั้งโดยยูสเซอร์ที่ใช้ชื่อว่า Xxyzz

    “ในกรณีที่ต้องการให้แอนดรอยส์จดจำชื่อคนสร้างให้ใส่ตรงนี้..” เขาอ่านตามเนื้อหาบนหน้าจอก่อนจะกดพิมพ์ชื่อตัวเองใส่ลงไป

    “ใส่ชื่อบุคคลที่ต้องการอ้างอิงลงไป” ลู่ฮานขมวดหัวคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าไอ้บุคคลอ้างอิงมันมาเกี่ยวอะไรกับการใส่เฟิร์มแวร์ให้หุ่นแอนดรอยส์ของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เอะใจอะไร เขาบรรจงพิมพ์ชื่อเพื่อนสนิทและที่อยู่ที่เขาจำได้แม่นลงไปทันที

    “หลังจากนั้นให้กดโหลดตรงนี้ แล้วเสียบสายเข้ากับตัวหุ่น” ทันทีที่เขากดดาวน์โหลดเสร็จเขาก็ดึงสายต่อมาเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์แล้วเสียบปลายอีกข้างเข้าไปที่หุ่นแอนดรอยส์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงทดลอง

    “พอถ่ายโอนข้อมูลเสร็จก็เรียบร้อย”

    ลู่ฮานยืนกอดอกมองสิ่งประดิษฐ์ที่เขาทุ่มเทเวลามาทั้งเดือนในการสร้างขึ้นมา เด็กผู้ชายร่างสูงที่มีผิวขาวใสเหมือนหิมะและเส้นผมสีบรอนซ์เงินราวกับเทพในนิยายกรีกโบราณทำให้เขาอดที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจไม่ได้ คริสโกหกเขาชัดๆ มันไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยกับการสร้างหุ่นแอนดรอยส์



    ลู่ฮานยืนมองผลงานตัวเองอยู่ซักพักแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าบอลคู่โปรดที่เขาพลาดดูไปเมื่อคืนกำลังจะถูกเอามาฉายรีรันอีกครั้ง เขาจึงละความสนใจจากสิ่งประดิษฐ์ที่ตอนนี้ใกล้ถ่ายโอนข้อมูลเสร็จแล้วไปยังทีวีจอยักษ์ที่ห้องนั่งเล่นแทน

    ในตอนที่เขากำลังเพลิดเพลินกับบอลอยู่นั้น ลู่ฮานไม่รู้เลยว่าทันทีที่หุ่นแอนดรอยส์ของเขาถูกโอนข้อมูลเสร็จแล้วนั้น ไอ้หัวข้อที่เขากดเข้าไปอ่านดูนั้นได้ถูกลบทิ้งไปแล้ว พร้อมกับมีข้อความแจ้งเตือนจากทางเว็ปไซต์ด้วยว่า

    กระทู้ถูกลบเนื่องจากตรวจพบไวรัสที่แฝงอยู่ในไฟล์

    ยูสเซอร์Xxyzz ถูกแบนจากเว็ปไซต์เนื่องจากทำผิดกฎฐานปลอมแปลงไฟล์เพื่อสร้างความเสียหาย

     

      

     

       


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×