ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✚ KARAKURI | krystal

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 02

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 57







    02










    I am still looking for a meaning behind your smile




             



             
    คริสถอนหายใจออกเป็นรอบที่เท่าไหร่เขาก็จำไม่ได้ รู้แค่ว่าตั้งแต่ที่คริสตัลเริ่มไปโรงเรียน การถอนหายใจนั่งมองงานที่ค้างตรงหน้าก็กลายเป็นส่วนนึงในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว ซึ่งสาเหตุที่งานของเขาไม่คืบหน้าก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนเลย ส่วนใหญ่ก็มาจากหุ่นแอนดรอยส์สุดรักของเขานั้นเองแหละ

    และครั้งนี้ก็เช่นกัน

     

    “คริสสสส” เสียงหวานของคริสตัลดังยาวมาจากห้องนั่งเล่น เขาได้ยินที่เธอเรียกเพียงแต่เขาตั้งใจที่จะไม่สนใจเลยไม่ได้ขานตอบกลับ

    “ทำอะไรอยู่เหรอ” พอเห็นว่าเจ้าของชื่อที่เธอตะโกนเรียกอยู่นานสองนานไม่โผล่มาให้เห็นซักที คริสตัลเลยตัดสินใจเป็นฝ่ายเดินมาหาเขาเองถึงที่

    “ฉันสะสางงานอยู่ อย่าเพิ่งกวน”

    คริสตอบทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย เขาก้มหน้าก้มตาเขียนแบบร่างระบบวงจรเครื่องยนต์ให้บริษัทต่างประเทศที่บอกจะจ่ายเพิ่มให้อีกสองเท่าตัวถ้าเขาทำเสร็จภายในวันที่กำหนดไว้ คริสมั่นใจว่าคริสตัลคงไม่กล้าจะกวนเขาต่อแน่ๆ เขารู้ว่าเธอเข้าใจอะไรง่าย

    แต่ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่า ..

    “เดี๋ยวค่อยทำงานได้มั้ย ฉันอยากมีแรงน้อยๆเหมือนเพื่อนคนอื่นอ่ะ”

    คริสตัลน่ะเอาแต่ใจตัวเอง ..แบบมากๆเลยด้วย

     

     

     

     

     

    “แน่ใจนะว่าอยากได้แบบนั้นจริง”

    คริสถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าคริสตัลต้องการที่จะให้เขาปรับลดประสิทธิภาพทางกายภาพของเธอลงให้เหมือนกับเด็กสาววัยรุ่นคนอื่นจริงๆ เพราะมันหมายความว่าความสามารถของเธอจากปกติที่สามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วหรือแบกของหนักได้เหมือนกับผู้ชายสามคนรวมกันอะไรนั่นจะหายไปหมด

    “อือ ฉันอยากได้นั้นจริงๆ” คริสตัลยืนยันคำตอบเดิม ก้มมองหุ่นยนต์ของเล่นในมือที่แตกออกเป็นสามชิ้นเนื่องจากออกแรงดึงมันมากเกินไปหน่อย

    เธอไม่เห็นว่าการมีพละกำลังมากจะดีตรงไหนเลย เพราะนอกจากเธอจะทำข้าวของพังอยู่บ่อยๆแล้ว เธอยังไม่สามารถเล่นกีฬาร่วมกับเพื่อนคนอื่นได้อีกด้วย คริสตัลยังจำได้ถึงสีหน้าของคนอื่นในตอนที่เธอขอลองเสิร์ฟลูกวอลเล่ย์แล้วเผลอออกแรงมากไปจนลูกลอยสูงหายวับไปบนฟ้า แถมหลังจากนั้นก็ไม่มีเพื่อนคนไหนมาชวนเธอเล่นด้วยอีกเลย

    “แต่เธอจะทำอะไรไม่สะดวกเลยนะ แรงน้อยแบบนั้นอ่ะ”

    “อื้อ เอาแบบนั้นแหละ”

    “ตามใจ..” คริสพึมพำเสียงเบา รู้ว่าพูดต่อก็เปล่าประโยชน์ คริสตัลน่ะไม่ยอมเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆแน่ เขาคงทำได้เพียงแค่ตามใจ ปล่อยให้เธอลองเรียนรู้อะไรต่างๆด้วยตัวเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “บ่ายนี้ไปร้านเค้กกันมั้ย?” จินริเอนหน้ามาถามคริสตัลในจังหวะที่ครูมินอาหันหลังกับไปเขียนโจทย์ที่กระดานหน้าห้อง วันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวัน และเธอไม่อยากรีบกลับบ้าน

    “ไปๆ” คริสตัลตอบกลับแทบจะทันที เธอไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลยด้วยซ้ำ อะไรที่จินริชวนเธอไม่เคยปฏิเสธแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเธอคิดว่ายิ่งเธอได้ทำกิจกรรมร่วมกับมนุษย์มากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งเข้าใจความคิดของพวกเขามากขึ้นเท่านั้น

    “โอเค งั้นเดี๋ยวฉันถามซูจีก่อนนะ”

    ว่าแล้วจินริก็หยิบมือถือขึ้นมากดพิมข้อความส่งไปให้ซูจีที่อยู่คนละห้อง คงจะดีถ้าซูจีไปด้วย เพราะพวกเธอยังไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันสามคนเลย ซักพักนึงมือถือของจินริก็สั่นครืด ข้อความจากซูจีถูกส่งเข้ามาที่เครื่อง เธอรีบกดเข้าไปอ่านแล้วยู่ปากอย่างผิดหวังเล็กน้อย

    โทษทีนะ ฉันมีนัดแล้ว :S’

    เอาน่า..อย่างน้อยคริสตัลก็ว่างที่จะไปกับเธอ แค่นี้ก็พอล่ะ จินริคิดในใจ

     

     

     

     

    “อร่อยมั้ยคริสตัล”

    จินริหันมาถามคริสตัลหลังจากที่ทั้งคู่เดินออกจากร้านเค้กมา เธออ่านเจอในนิตยสารว่าเค้กชอคโกแลตของร้านนี้อร่อยมากถึงขนาดที่ว่าทำออกมาเท่าไหร่ก็ขายหมด และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง จินริเพลิดเพลินกับเค้กพวกนั้นจนใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงอยู่ที่ร้านเค้กนี้

    “อร่อยดี” คริสตัลตอบไปทั้งที่เธอไม่เข้าใจหรอกว่า คำว่าอร่อยที่จินริพูดมันคือแบบไหน ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถกินอาหารได้เหมือนมนุษย์ทั่วไปแต่เธอก็ยังคงเป็นแอนดรอยส์ หุ่นยนต์ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันรับรู้สิ่งต่างๆได้เหมือนมนุษย์จริงๆ

     

    “ใช่มั้ยล่ะ ..ดีนะที่พวกเรามากันเร็วไม่งั้นคงอดกินแน่ๆ”

    จินริหยิบกล่องเค้กที่เธอสั่งกลับบ้านขึ้นมามองอย่างอารมณ์ดี คริสตัลก็ซื้อเค้กกลับบ้านด้วยเช่นกัน ถึงเธอจะไม่รู้ว่าก้อนแป้งนุ่มนิ่มสีน้ำตาลเข้มนี้จริงๆแล้วรสชาดเป็นยังไง แต่เธอหวังว่าถ้าคริสได้ลองชิมมันแล้วจะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดให้เธอเข้าใจมันได้มากขึ้น

    “โอ๊ะ ไปเล่นเกมส์กันเถอะ” จินริชี้ไปยังเกมส์เซนเตอร์ก่อนจะคว้าแขนคริสตัลรีบวิ่งตรงไปยังที่ที่ว่า

                                                                                                                                    

     

     

     

    “ยิงเลย ยิงสิ ยิงๆๆ” เสียงสั่งของจินริดังขึ้นเป็นระยะ เธอเล่นเกมส์ไม่เก่งเลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายดูพร้อมกับคอยกำกับอยู่ด้านข้าง คริสตัลเคลื่อนไหวมือทั้งสองได้อย่างคล่องแคล่ว ตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอ ในขณะที่นิ้วก็คอยกดปุ่มสีต่างๆเพื่อยิงศัตรูที่วิ่งออกมาโจมตีอยู่เรื่อยๆ

    “อย่างงั้นแหละ ตรงนู้นด้วยคริสตัล ยิงเลย”

    ทั้งสองคนให้ความสนใจกับเกมส์ที่กำลังเล่นอยู่มากจนลืมไปว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่พวกเธอสองคน สายตาจากนักเรียนโรงเรียนอื่นรอบข้างจับจ้องมาที่พวกเธอด้วยความหมายที่ต่างกันไป พวกเด็กผู้ชายหันมามองเพราะว่าใบหน้าน่ารักของพวกเธอตอนที่ตั้งใจเล่นเกมส์มันดูดึงดูดและน่าสนใจ ในขณะที่เด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่มองมาเพราะรู้สึกหมั่นไส้ปนรำคาญเสียงแหลมเล็กของจินริที่ดังแทรกเสียงเกมส์ไม่ยอมหยุดซักที

    คริสตัลไม่เคยรู้ว่าการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมมันมีกฎเล็กๆน้อยๆอีกยิบย่อย ซึ่งต่อให้ไม่ได้ละเมิดกฎพวกนั้น แต่ถ้าคนบางกลุ่มรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำบางอย่าง ..

     

    “นี่! เล่นกันเงียบๆไม่เป็นเหรอ” คริสตัลละสายตาจากหน้าจอเกมส์ตรงหน้ามามองเจ้าของประโยคที่ว่า นักเรียนหญิงในเครื่องแบบต่างโรงเรียนกลุ่มใหญ่กำลังยืนล้อมรอบพวกเธอสองคน

     

    กลุ่มคนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะต่อต้านได้อยู่ตลอดเวลา

     

     

     

     

    “เสียงดังอยู่ได้ รู้มั้ยว่ามันน่ารำคาญ” จินริหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตาคนเหล่านั้น แค่เห็นว่าใส่เครื่องแบบโรงเรียนช่างกลชองเธอก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้ว เพราะพอจะรู้มาว่าเด็กโรงเรียนนี้โหดแค่ไหน

    “ฉันขอโทษ..” เธอก้มหน้าพูดเสียงค่อยเพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ จินริหยิบกระเป๋านักเรียนและถุงของตัวเองเตรียมจะเดินจากมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงแหลมที่แฝงความไม่พอใจจากคนเดิมดังขึ้นซ้ำอีกรอบ

     

    “ย้า! มองหน้าแบบนี้ต้องการมีเรื่องเหรอ!

    นักเรียนหญิงผมซอยสั้นที่มีแผลเป็นที่หัวคิ้วตะคอกเสียงดัง เพราะคริสตัลยืนขึ้นแถมมองหน้าเธอด้วยใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ที่จริงคริสตัลไม่ได้ต้องการจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเลย เพียงแต่สีหน้าตอนไม่แสดงอารมณ์ของเธอมันดูนิ่งซะจนเหมือนว่าไม่พอใจซะมากกว่า

    มันไม่ใช่ความผิดของคริสตัลที่มีหน้าตาเย็นชาแบบนั้น แต่เป็นความผิดของคริสมากกว่าที่ไม่ยอมสร้างใบหน้าที่ดูเป็นมิตรมากกว่านี้มาให้เธอ

    “หน๋อยแน่ ยังไม่ยอมขอโทษอีก” ผู้หญิงตัวใหญ่อีกคนพูดเสริมขึ้นมา คริสตัลยังคงยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไร ภายในหัวกำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้มายืนล้อมรอบแถมยังตะคอกเสียงดังใส่เธออีก

    “ไปเถอะคริสตัล” จินริพูดแล้วเดินเข้าไปเตรียมจะดึงมือคริสตัลให้เดินตามเธอออกมา

     

     

    เพียะ!

     

    ยังไม่ทันที่มือของจินริจะสัมผัสถึงตัวของคริสตัล ฝ่ามือของผู้หญิงผมสั้นก็กระทบลงที่ใบหน้าของคริสตัลแล้ว ระบบควบคุมการทำงานในหัวของคริสตัลรับรู้ได้ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น มันส่งข้อมูลไปยังส่วนแปรข้อมูลเพื่อประเมินความเสียหายรวมไปถึงคำนวนถึงการตอบสนองกลับ

    คริสตัลกระพริบตาสองทีก่อนจะหันหน้ากลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง โชคดีที่คริสเป็นคนรักสงบไม่ชอบหาเรื่องใคร โปรแกรมที่เขาตั้งไว้ให้คริสตัลจึงไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการใช้กำลังเลย ตอนนี้ในหัวของคริสตัลมีสองตัวเลือกให้เธอเลือกปฏิบัติ ระหว่างขอโทษอีกฝ่าย หรือไม่ก็..

     

    หมับ

     

    “กลับมานี้นะนังบ้า!” หนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนเสียงดัง คริสตัลคว้าข้อมือของจินริแล้วรีบวิ่งผ่านคนพวกนั้นออกมา

     

    เลือกที่จะวิ่งหนีไป

     

     

     

     

     

    “พวกบ้านั่นหายไปไหนแล้ว” หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้น เธอมั่นใจว่าเห็นสองคนนั้นวิ่งเข้ามาในอาคารร้างแห่งนี้ แต่ตอนนี้กลับหาไม่เจอ ไม่มีวี่แววใดๆของสองคนนั้นเลย

    “ช่างมันเหอะจีเฮ พวกมันคงกลัวหัวหดวิ่งกลับบ้านไปแล้วล่ะ”

    “อ๊าก! จะบ้าตาย ฉันอยากจะตบหน้ายัยบ้านั่นอีกซักทีจริงๆ หน้าตาหยิ่งๆแบบนั้นเห็นล่ะหงุดหงิดชะมัด”

    “เอาเหอะ เธอก็ได้ตบไปรอบนึงละไง”

     

     

    คริสตัลแนบหูฟังเสียงของคนข้างนอก ดูเหมือนว่าพวกที่ไล่ตามเธอมาจะออกที่นี้ไปแล้ว ตอนนี้พวกเธอสองคนเข้ามาแอบอยู่ในโกดังเก็บของเก่าแห่งหนึ่ง โชคดีที่คริสใส่แผนที่ลงมาให้หน่วยความจำของเธอด้วย เธอจึงรู้ว่ามีที่ไหนบ้างที่จะสามารถเข้ามาแอบได้

    “พวกนั่นคงไปแล้วล่ะ” คริสตัลพูดให้อีกคนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องได้ยิน ก่อนจะหันไปหาจินริแล้วก็สังเกตได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น

    “จินริ เธอเป็นอะไรน่ะ” พูดแล้วก็วิ่งเข้าไปหาทันที จินรินั่งตัวสั่นใบหน้าซีดราวกับกระดาษ

    “ฉะ ฉัน..”

    พูดไม่ทันจบประโยค จินริก็สลบไป คริสตัลตกใจ เธอรู้ว่าการหมดสติเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายสำหรับมนุษย์ โดยเฉพาะกับคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงแบบจินริแล้วยิ่งน่าเป็นห่วง เธอพยายามจะอุ้มอีกฝ่ายที่มีความสูงไล่เลี่ยกับเธอขึ้น แต่ก็พบว่าเธอไม่มีแรงมากพอที่จะทำแบบนั้น

    “แต่เธอจะทำอะไรไม่สะดวกเลยนะ แรงน้อยแบบนั้นอ่ะ”

    ตำหนิตัวเองที่ตัดสินใจไปแบบนั้นทั้งที่คริสก็เตือนแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอคงอุ้มจินริออกไปได้แล้ว

     

    คริสตัลตัดสินใจวางจินริลง รีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อจะออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับกลายเป็นว่ากลอนประตูเหล็กบานนั้นเปิดไม่ออก ดูท่าว่าตัวล๊อคมันจะเสียเพราะถูกสนิมกินจนหมด ภายในหัวของคริสตัลกำลังคำนวนอย่างหนักถึงทางเลือกอื่นๆในเหตุการณ์ตอนนี้

    เธอวิ่งไปหยิบเอามือถือเครื่องจากกระเป๋าของจินริออกมา พยายามจะกดโทรออกแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะอาคารร้างนี้อยู่ในมุมอับทำให้ไม่มีสัญญาณเข้าถึง คริสตัลหยุดนิ่งเพื่อคิดหาทางเลือกอื่นต่อพลางมองจินริที่นอนหมดสติอยู่ รู้สึกว่าภายในหนักคล้ายกับมีอะไรมาถ่วงเอาไว้

     

    “คริสแล้วถ้าเกิดว่าวันนึงฉันเกิดขัดข้องขึ้นมาล่ะ ฉันจะพังมั้ย”

    “นี่เธอกลัวพังอย่างงั้นเหรอคริสตัล”

    “ก็นิดนึง”

    “คิดมากน่า เธอไม่มีวันพังหรอก เพราะแค่เธอหยุดทำงานไปฉันก็จะรีบมาซ่อมทันที”

    “หยุดทำงานแบบไหนเหรอ”

    “แบบที่ว่าเธอได้รับความเสียหายอย่างหนัก แบบส่วนหัวหลุดขาดออกมาอะไรแบบนี้”

     

    คริสตัลลูบผมจินริอย่างเบามือ ก่อนจะลุกเหยียดตัวขึ้นยืนตรงพร้อมมือสองข้างกำไว้แน่น ในใจภาวนาให้คำพูดในวันนั้นของคริสเป็นจริง

     

    “ถ้าเกิดแบบนั้นขึ้นจริง ตัวเซนเซอร์ข้างในจะส่งสัญญาณเข้าที่มือถือฉัน แล้วฉันก็จะมารีบมาหาเธอทันที แบบนี้ไงล่ะ”

     

    “รีบๆมารับฉันนะคริส”

     

     

    ติ๊ดดดดดดดดดดดดด ...

      

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ไง หลับสบายมั้ย” คริสทักทายอีกฝ่ายหลังจากที่เลื่อนนิ้วไปกดสวิทช์ให้ทำงานขึ้นมา คริสตัลลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้าก่อนจะเลื่อนสายตามองไปทั่วห้อง พบว่าร่างของตัวเองนอนราบอยู่บนโต๊ะเหล็กตรงนู้น

    “ฉันพังแล้วใช่มั้ย”

    “ถ้าพังแล้วจะมาพูดแบบนี้ได้ไงล่ะ”

    คริสหลุดขำ มันเป็นคำพูดที่น่าเอ็นดูที่สุดตั้งแต่ที่เขาอยู่กับเธอมา จากนั้นเขาก็หยิบไขควงและอุปกรณ์อีกเล็กน้อยเดินตรงไปยังโต๊ะตัวใหญ่ จัดแจงเปลี่ยนสายไฟที่โผล่มาตรงช่วงคอให้เรียบร้อย

    “ไม่ต้องกังวลหรอกน่า พรุ่งนี้เธอก็กลับมาเป็นปกติแล้ว” เขาพูดปลอบใจเพราะเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลปนรู้สึกผิดของคริสตัล ที่จริงร่างกายของเธอไม่ได้เสียหายอะไรมากแต่เขาถือโอกาสตอนนี้ปรับเปลี่ยนอะไหล่บางอย่างในตัวเพิ่มด้วย

    “โกรธรึเปล่า?”

    “ไม่นะ..” เขาตอบตามจริง เขาไม่ได้โกรธแต่แค่ตกใจมากกว่า จำได้ว่าพอเห็นข้อความแจ้งเตือนที่มือถือเขาก็เผลอปล่อยแก้วกาแฟใบโปรดจนหกเลอะงานที่ทำอยู่ ยิ่งพอไปเห็นสภาพในตอนนั้นแล้วเขาก็แทบเกือบลืมหายใจ

    ก็นะ.. ภาพโกดังร้างในตอนกลางคืนที่มีเด็กสาวนอนหัวหลุดออกจากร่าง ส่วนอีกคนก็สลบไม่ได้สติอยู่ แบบนั้นนะ ไม่ได้ต่างอะไรกับหนังผีที่เขาเพิ่งดูไปวันก่อนเลย แค่นึกตามก็ยังขนลุกไม่หาย

     

    “แล้วจินริล่ะ? เธอปลอดภัยรึเปล่า” คริสตัลถามขึ้นเมื่อนึกได้ว่าจินริในตอนนั้นอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่

    “เธอปลอดภัยดี เห็นว่าสลบไปเพราะเหนื่อยจัดน่ะ”

    “ค่อยยังชั่วหน่อย” เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าเกิดจินริเป็นอะไรขึ้นมาเธอคงรู้สึกผิดมากแน่ๆ อ่า..ไอ้อาการรู้สึกหนักๆข้างในตอนนั้นมันคงเพราะเธอรู้สึกผิดแน่ๆเลย คริสตัลคิดแบบนั้น เธอเริ่มคาดเดาสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง

     

    “นี่ คริส”

    “?” คริสเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียก ถ้าจะให้ระบุชัดก็คือเขาเงยหน้ามามองหัวของคริสตัลที่มีสายไฟห้อยโยงยางอยู่เต็มไปหมด คริสตัลเม้มฝีปากแน่นก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง..

    “แก้ให้ฉันกลับไปเป็นแบบเดิมนะ แรงน้อยแบบนี้ทำอะไรไม่สะดวกจริงๆด้วย”

    ที่ทำให้คริสยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก

    “อือ เดี๋ยวแก้ให้”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ทำไมถึงไม่ตบกลับไป”

    ซูจีพูดพร้อมยกมือขึ้นง้างทำท่าประกอบ เธอตกใจมากตอนที่รู้เรื่องเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แถมยังบอกอีกว่าถ้าเธอไปด้วยละก็พวกเด็กโรงเรียนชองอะไรนั่นไม่มีทางได้แอ้มเธอแน่ๆ

    “ก็ฉันกับคริสตัลไม่ได้เป็นเทควันโด้สายดำแบบเธอนิ” จินริพูดขึ้นแล้วจัดการเคี้ยวขนมในปากให้เรียบร้อย

    ซูจีผงกหัวตามไม่ได้เถียงอะไร จินริน่ะบอบบางแถมคริสตัลก็ดูนิ่งๆไม่สู้คนต่างจากเธอที่เป็นคนตรงๆไม่ค่อยยอมคนอื่น เห็นทีว่าเธอคงต้องพาเพื่อนทั้งสองไปลงคอร์สเรียนเทควันโด้แล้วล่ะมั้ง เผื่อว่าไอ้นิสัยนุ่มนิ่มแบบนั้นจะได้แข็งกระด้างขึ้นมาบ้าง

    เพราะบางทีการที่เรายอมคนอื่นมากเกินไป มันก็กลายเป็นจุดอ่อนของเราเอง..

     
     

     “ฉันจะไม่คุยเสียงดังอีกแล้ว” จินริหมายความอย่างที่พูด เธอไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีก มันน่ากลัวเกินไป จินริจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ค่อยได้ นึกออกแค่ตอนที่คริสตัลวิ่งเข้ามาหาเธอแล้วจากนั้นทุกอย่างมืดสนิท

    คริสตัลมองหน้าจินริ เธอยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมนักเรียนพวกนั้นถึงไม่พอใจ เพียงเพราะเพื่อนเธอเสียงดังแค่นี้เองน่ะเหรอ? ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย .. ทำไมการใช้ชีวิตของมนุษย์ถึงได้ซับซ้อนแบบนี้นะ

    “ว่าแต่เธอไปอุ้มยัยนี้ออกมาเหรอคริสตัล?” ซูจีถามต่อในส่วนที่จินริไม่ได้เล่า คริสตัลส่ายหน้าปฏิเสธ เดาไว้แล้วว่าต้องถูกถามถึงเรื่องนี้ โชคดีที่เธอดูรายการทีวีมาเยอะจึงพอรู้ว่าจะต้องตอบยังไง แถมเธอยังมั่นใจด้วยว่ามันเป็นคำตอบที่เพอร์เฟคสุดๆ

    “เปล่าหรอก ฉันอุ้มจินริไม่ไหว”

    “อ้าวแล้วทำไงอ่ะ” จินริถามแทรกขึ้นมา เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคริสตัลพาเธอมาส่งที่บ้านได้ยังไง

    “ฉันโทรจิตไปบอกที่บ้านให้มาช่วยน่ะ” 

    “...”

    เกิดความเงียบขึ้นที่โต๊ะ ซูจีกับจินริไม่ถามต่อเพียงแค่หันมามองหน้ากันคล้ายกับจะสื่อกันเองว่า นี่เป็นอีกครั้งที่พวกเธอไม่เข้าใจมุขตลกที่คริสตัลพยายามจะเล่น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปัจจุบันนี้นอกจากปัญหาเรื่องผลการเรียนของลูกหลานแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ปกครองเริ่มหันมาให้ความสำคัญกันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ ปัญหาการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนที่โรงเรียน เด็กบางส่วนไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนที่ห้องได้ และหลายคนก็ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง..

     

    “กลั่นแกล้งอย่างงั้นเหรอ?” คริสตัลพูดทวนตามข่าวในทีวี เธอชอบมาเปิดทีวีดูในตอนเช้า ส่วนใหญ่ก็เพื่อติดตามข่าวสารต่างๆที่จะได้เอาไปคุยกับเพื่อนในห้องได้ เธอจะนั่งดูข่าวจนกระทั่งเข็มนาฬิกาชี้เลขเจ็ดและจนกว่าจะได้ยินเสียงตะโกนจากห้องข้างๆ

    “คริสตัลไปเรียนได้แล้ว!

    เธอถึงจะกดปิดรีโมททีวีแล้วยอมเดินออกจากห้องนอนตัวเองไป

     

     

     

     

    คิมจงอินไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาของนักเรียนคนอื่นในระหว่างทางที่ไปโรงเรียน เขาแค่อยากจะรีบๆเดินให้ถึงที่นั่นก่อนที่ครูฝ่ายปกครองจะมายืนที่หน้าประตู ตาคมคู่นั้นดูอ่อนล้ากว่าทุกทีเพราะได้พักผ่อนแค่สองชั่วโมง จงอินรีบก้าวขาให้ไวขึ้นหวังจะไปนอนต่ออีกซักงีบที่โรงเรียน เขามักจะอารมณ์เสียเวลาที่ได้นอนน้อย

    และจะยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น

    คิมจงอิน!

    เวลาที่ถูกคนอื่นรบกวนในตอนที่เขากำลังรีบแบบนี้

    "หยุดคุยกันก่อนสิ”

     

     

    จงอินถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พวกเด็กโรงเรียนอูซองสามคนกำลังยืนประจันหน้าเขาอยู่ จำหน้าหนึ่งในนั้นได้แม่นเพราะเพิ่งแลกหมัดกันไปเมื่อสองวันก่อน ยุนฮยองบ้วนน้ำลายลงพื้นก่อนจะสบตาเขาด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรซักเท่าไหร่

    “ยังกวนประสาทเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ได้เจอกันสองวัน” ยุนฮยองพูดขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่ารำคาญเขาอย่างโจ่งแจ้ง จงอินอ้าปากหาวเป็นรอบที่สามตั้งแต่ที่เดินตามหลังพวกนี้มา

    “ส่วนแกก็ยังอ่อนหัดเหมือนเดิม” จงอินแค่นหัวเราะออกอย่างอดไม่ได้ นึกว่าเรื่องจะจบตั้งแต่วันนั้นแล้วแท้ๆ ไอ้หมอนี่ดันไปพาพวกมาหาเรื่องเขาอีกแล้ว .. ดื้อด้านชะมัด

    “ปากดีไปเถอะ เดี๋ยวได้รู้กัน”

    ยุนฮยองกระตุกยิ้ม เขาเพยิดหน้าสั่งสองคนข้างหลังให้เดินเข้าไปหาจงอิน

    “แล้วอย่าวิ่งร้องไห้ไปฟ้องแม่ก็แล้วกัน” จงอินทิ้งกระเป๋าลง ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วพุ่งตรงเข้าไป

     

     
     

    คริสตัลรีบวิ่งให้เร็วขึ้นเมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือพบว่ามันเกือบจะแปดโมงแล้ว เธอเผลอหยุดเล่นกับแมวข้างถนนอยู่นานเลยต้องมารีบอยู่แบบนี้ ภาพในหัวโหลดแผนที่ทางลัดที่ใกล้โรงเรียนที่สุดขึ้นมา เธอเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเมื่อเริ่มเห็นยอดตึกหอประชุมอยู่ใกล้ๆ

    แต่เมื่อวิ่งมาได้ครึ่งทาง เสียงเอะอะโวยวายจากซอยเล็กด้านข้างก็ดึงความสนใจของเธอไป

     

     

    คริสตัลแหวกพุ่มไม้เข้าไปมองแล้วก็ต้องตาค้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า นักเรียนชายคนหนึ่งนอนกองอยู่ที่พื้นพร้อมใบหน้าฟกช้ำ ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็กำลังรุมกระหน่ำต่อยอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้ตัวว่ามีอีกคนกำลังเดินมาที่เขาพร้อมท่อนเหล็กในมือ ในวินาทีที่ยุนฮยองยกมือขึ้นเตรียมฟาดลงที่หลังของจงอิน

    และหลายคนก็ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง..

    เสียงของผู้ประกาศข่าวหญิงในตอนเช้าก็ดังแทรกขึ้นมา

     
     

    “ระวังข้างหลัง!!!

     

    พลั่ก

     

    ท่อนเหล็กฟาดลงที่หัวของคริสตัลอย่างเต็มแรง ยุนฮยองตกใจมากที่อยู่ๆก็มีคนอื่นวิ่งเข้ามาแบบนี้จึงทิ้งอาวุธในมือแล้วรีบวิ่งหนีไป จงอินละความสนใจจากร่างที่ไม่ได้สติตรงหน้าวิ่งเข้าไปหานักเรียนหญิงในชุดเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกับของเขาก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นมา

    “ลืมตาขึ้นสิ!

    คริสตัลได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย แต่แรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้ระบบสั่งการบางส่วนขัดข้อง เธอจึงตอบสนองอะไรไม่ได้

    “บ้าชิบ”

    จงอินสบถออกมาเมื่อหญิงสาวที่อุ้มอยู่สลบไป เขาแบกเธอขึ้นหลังแล้วรีบวิ่งตรงไปยังโรงเรียนที่อยู่ห่างไปไม่ไกล

     

     

     
     

    Rrrrrr Rrrrrr

     

    คริสสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ เขาเอื้อมมือสะเปะสะปะไล่หามือถือของตัวเองที่จมอยู่ใต้กองกระดาษซักแห่งบนโต๊ะนี้

    “ว่าไงลู่ฮาน..” กรอกเสียงเนือยๆส่งไปให้ปลายสายที่โทรมาขัดจังหวะการนอนของเขา

    (ฉันว่าจะลองสร้างหุ่นแอนดรอยส์แบบนายดู)

    “อือ พยายามเข้าล่ะ” พูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเสียความรู้สึกแค่ไหน ก็เขาน่ะกำลังฝันหวานอยู่ดีๆดันโทรมาปลุกซะได้ คริสยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองไปแล้วก็ฟุบหน้าลงนอนที่โต๊ะทำงานต่อ

    หวังว่าคงไม่มีใครจะโทรมารบกวนเขาอีกแล้วนะ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×