คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 01
I thought that we are the same until you told me
คริสตัลรู้ว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆทั่วไปตั้งแต่วันแรกที่เธอลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กสาววัยรุ่นคนอื่นๆเลยก็ตาม แต่ทันทีที่ได้ยินศาสตราจารย์คริสกล่าวทักทายในประโยคแรก
“ยินดีต้อนรับนะ คริสตัล”
.
.
“หุ่นแอนดรอยส์ตัวแรกของฉัน”
เธอก็เข้าใจเลยว่า ตัวเองไม่เหมือนกับคนอื่นจริงๆ
มันเป็นเช้าที่สดใสเหมือนเช่นวันอื่นที่ผ่านมา คริสกำลังให้ความสนใจกับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นล่าสุดของตัวเอง ซึ่งเขามั่นใจมากว่าถ้าหากเขาทำสำเร็จ ชีวิตประจำวันของเขาจะสะดวกสบายขึ้นอีกมาก และลู่ฮานเพื่อนนักวิทยาศาสตร์คนสนิทของเขาจะต้องอึ้งทึ้งจนอ้าปากค้างแน่
“เอาล่ะ ถ้าใส่แบตเตอรี่ลงไปก็น่าจะโอเค”
คริสพูดกับตัวเอง เขาจัดการใส่ก้อนแบตเตอรี่ขนาดเล็กลงไป มือซ้ายยกขึ้นเสยปอยผมสีน้ำตาลเข้มที่ตกมาให้กลับเข้าทรง ก่อนจะเลื่อนลงมากดปุ่มสีแดงตรงกลางที่อยู่ตรงกลางสิ่งประดิษฐ์
“เยส!”
เขาอุทานด้วยความดีใจ เจ้าสิ่งประดิษฐ์ที่รูปร่างคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวกลมๆสีขาวลืมตาขึ้น ก่อนจะเริ่มทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ มองเผินๆอาจจะนึกว่าเขากำลังเล่นกับตุ๊กตาใส่ถ่านของเด็กเล็ก แต่ที่จริงแล้วมันคือสมุดบันทึกเคลื่อนที่ 07 ที่จะทำให้เขาไม่ต้องคอยพกปากกากระดาษไว้กับตัวอีกต่อไป แค่พูดออกมาเจ้าตัวเล็กที่เขายังไม่ได้ตั้งชื่อนี้ก็จะบันทึกทุกอย่างเอาไว้ให้เอง สะดวกสบายสุดๆเลยล่ะ
แชะ~
เขาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมันก่อนจะรีบส่งไปอวดลู่ฮานทันที รอยยิ้มผุดขึ้นบนในหน้าด้วยความภาคภูมิใจ นิ้วกดพิมข้อความที่แสนโอ้อวดส่งไปให้เพื่อนตัวเล็กที่น่าจะยังไม่ตื่นนอน คริสรู้สึกว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เขามีความสุข จนกระทั่งประตูห้องทดลองของเขาถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นโบว์แดงที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมาเมื่อวันก่อน
“ว่าไงคริสตัล” คริสเอ่ยทักอีกฝ่ายที่เปิดประตูเข้ามาก่อนจะก้มหน้าสนใจหน้าจอมือถือต่อ เขายกยิ้มเมื่อเห็นว่าลู่ฮานกดอ่านข้อความเขาแล้ว
“คริส..ฉันอยากไปโรงเรียน”
สิ้นประโยคนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไป คริสรู้ว่านับแต่วันนี้ชีวิตของเขาคงจะสะกดคำว่าสงบสุขไม่เป็นอีกต่อไป
“พาฉันไปได้มั้ย?”
คริสรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เสี่ยงและเขาไม่ควรจะทำแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็ได้พาตัวเองและคริสตัลมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายแดฮวาแล้ว คริสตัลยืนอมยิ้มอย่างมีความสุข ในขณะที่เขาทำได้แค่มองเธอแล้วถอนหายใจออกมา
“ให้หุ่นแอนดรอย์มาเรียนหนังสือ?”
ผู้อำนวยการชินดงถามย้อนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขารู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังตามที่เคยอ่านเจอในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องที่คริสพูดมาจะเป็นความจริง ไม่สิเขาไม่แม้แต่จะเชื่อเลยว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างคนนี้จะไม่ใช่คนจริงๆด้วย
“ครับ อย่างที่ผมได้บอกไปเมื่อครู่นี้ คริสตัลเป็นหุ่นแอนดรอย์ที่ผมสร้างขึ้นมาและเธอก็อยากจะมาเรียนหนังสือ”
“อ่า.. แต่ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมซักเท่าไหร่นะ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักวิทยาศาตร์ที่มีชื่อก็ตาม” ชินดงกลืนน้ำลายลงคอ เขายอมรับว่าเขาเชื่อมั่นในความสามารถของคริสจริง แต่เรื่องที่จะให้มีหุ่นยนต์มานั่งเรียนร่วมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆเนี่ยนะ
“ถ้าเกิดหุ่นยนต์มันเกิดอาละวาดทำร้ายเด็กคนอื่นๆล่ะ”
“ไม่ต้องกังวลครับ คริสตัลเป็นแอนดรอยส์รุ่นล่าสุดที่ผมพัฒนาขึ้นมา ผมรับรองเลยว่าเธอจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์แน่นอน” คริสหัวเราะเบาๆถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจที่อีกฝ่ายใช้คำเรียกสิ่งประดิษฐ์สุดรักของเขาว่ามันก็ตาม แต่เอาเถอะตอนนี้เขาต้องพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายยอมให้คริสตัลเข้าเรียนให้ได้เสียก่อน
“จากที่เห็นคุณว่าเธอเหมือนหุ่นแอนดรอยส์มั้ยครับ?” คริสยกยิ้มอีกครั้งในตอนที่ชินดงส่ายหน้าเป็นคำตอบ ไม่เสียแรงที่เขาทุ่มเททั้งหมดเวลาให้กับการสร้างคริสตัลขึ้นมาจริงๆ
“นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่จะเหมือนมนุษย์แทบทุกอย่างแล้ว เธอยังมีความสามารถทั้งทางสติปัญญาและก็ทางกายภาพด้วย คุณรู้มั้ยว่าเธอสามารถเล่นเปียโนได้ด้วยนะ” พูดจบเขาก็หันไปหาคริสตัลเป็นเชิงบอก เธอจึงยกมือขึ้นมาทำท่าดีดเปียโนโชว์ให้ดู ชินดงทำตาโตอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ให้ตายสิ..นี่มันเรื่องจริงหรือว่าเขากำลังฝันอยู่ในหนังเรื่องคนเหล็กกันแน่นะ
“แล้วถ้าสมมติว่าเธอเกิดพังหรือขัดข้องขึ้นมาล่ะ”
“อ่า..เรื่องนั้นเอง ไม่ต้องกังวลเลยครับเพราะผมได้ตั้งโปรแกรมไว้แล้วว่าถ้าหากเกิดความเสียหายขึ้นกับคริสตัล อุปกรณ์ข้างในจะส่งสัญญาณเตือนไปที่มือถือของผม แล้วผมจะมาจัดการแก้ไขได้ในทันที”
เป็นอีกครั้งที่ชินดงได้แต่นั่งอึ้ง เขาไม่มีคำพูดใดๆทั้งนั้น เพราะไม่ว่าจะพาเหตุผลใดมาแย้ง คริสก็สามารถตอบทุกคำถามของเขาได้อย่างไม่มีที่ติ
“อ่อ.. ผู้อำนวยการครับ นี่เป็นของขวัญแสดงความขอบคุณเล็กๆน้อยๆจากผม สำหรับความเมตตาของคุณ”
รวมถึงแผ่นกระดาษที่เขียนจำนวนเงินสิบหลักที่อีกฝ่ายยื่นมาให้อีกนั้น ชินดงไม่สามารถปฏิเสธคำขอของคริสได้จริงๆ
“ตั้งใจเรียนล่ะ แล้วก็อย่าลืมสัญญาที่ตกลงกันไว้”
“อื้อ รู้แล้วๆ”
คริสตัลตอบส่งๆพร้อมกับยกมือเล็กขึ้นปัดมือหนาของอีกคนที่กำลังทำให้ผมของเธอยุ่ง คริสยิ้มกับการกระทำของคริสตัล ท่าทีรำคาญแบบเด็กสาววัยรุ่นในตอนที่ถูกผู้ปกครองสอนทำให้เขามั่นใจว่าการแสดงออกทางอารมณ์ของคริสตัลเป็นไปตามที่เขาตั้งโปรแกรมไว้
คริสตัลในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินลงจากรถคันหรูสีดำ เธอหันมาโบกมือลาคนในรถก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าโรงเรียนไปเหมือนเช่นนักเรียนคนอื่นๆ คริสมองแผ่นหลังของเธอที่ค่อยเล็กลงจนหายไปกับกลุ่มเด็กนักเรียนแล้วจึงเคลื่อนรถออกมา ในใจนึกภาวนาให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยดี เพราะเขายังมีงานที่ต้องสะสางอีกเต็ม หวังว่าเขาจะไม่ได้รับโทรศัพท์จากทางโรงเรียนตั้งแต่วันแรกหรอกนะ
“ฉันชื่อ จองคริสตัล ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”
คริสตัลกล่าวทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลังจากที่ครูประจำชั้นให้เธอแนะนำตัว เสียงฮือฮาดังขึ้นจากนักเรียนในห้องเพราะชื่อที่แตกต่างจากคนเกาหลีทั่วไป คริสตัลยิ้มให้กับทุกคนตรงหน้า เธอชอบชื่อนี้และก็รู้สึกขอบคุณคริสที่ไม่ได้ให้เธอใช้นามสกุลเดียวกับของเขา ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าคริสไปเอานามสกุลนี้มาจากไหน แต่มันก็คงดีกว่าอู๋คริสตัลแน่ๆ
ขืนใช้นามสกุลนั้นมีหวังโดนล้อแย่..
“งั้นเธอไปนั่งตรงข้างจินริแล้วกันนะ” คริสตัลก้มหัวขอบคุณครูประจำชั้น ก่อนจะเดินตรงไปยังเก้าอี้ว่างข้างเด็กนักเรียนหญิงที่มีใบหน้าน่ารักคล้ายกับตุ๊กตา จินริยิ้มกว้างให้เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ที่เธอรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
“อันยองคริสตัล ฉันจินรินะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะจินริ” คริสตัลพูดตอบกลับ ตากลมทั้งสองมองจ้องคู่สนทนาพร้อมกับบันทึกลงหน่วยความจำภายใน จินริถูกจดจำในฐานะเพื่อนคนแรกในลิสรายชื่อของคริสตัล
“กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ” สิ้นเสียงออดตอนเที่ยงจินริก็ลุกจากโต๊ะก่อนจะหันมาพูดกับคริสตัลที่กำลังมองไปทั่วห้องเรียนที่เริ่มวุ่นวายเพราะเพื่อนคนอื่นพากันลุกเดินออกจากห้องไป
“อื้อ” คริสตัลลุกขึ้นเดินตามจินริออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องพลาสติกที่ดูคล้ายกับกล่องข้าวติดตัวไปด้วย
“คนนี้ชื่อซูจีนะ เพื่อนฉันเอง ส่วนนี้ก็คริสตัล เพื่อนใหม่ฉัน”
จินริแนะนำคริสตัลให้รู้จักเด็กผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอหน้าตาน่ารักและยิ้มสวยเหมือนจินริ คริสตัลทำแบบเดียวกับตอนแนะนำตัวกับจินริ ภาพของซูจีถูกบันทึกลงในหน่วยความจำของเธอเรียบร้อยแล้วในฐานะเพื่อนคนที่สอง
“กินข้าวกันเหอะ ฉันหิวจะแย่ล่ะ” ซูจีพูดขึ้นแล้วเปิดกล่องข้าวที่เอามาจากบ้านออก ข้างในเป็นข้าวปั้นห่อสาหร่ายสีสันสดใสพร้อมผักใบเขียวและกิมจิหัวไช้เท้า คริสตัลมองอาหารเที่ยงของซูจีตาไม่กระพริบ เธอเพิ่งเคยเห็นเมนูนี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้าใจมาตลอดว่าข้าวเที่ยงของมนุษย์ก็คือขนมปังสอดไส้รสต่างๆเหมือนที่เห็นคริสกินมาโดยตลอด
“นี่! น่ากินมั้ยล่ะ ฉันขอให้แม่ทำให้เป็นพิเศษเลยนะ”
คริสตัลมองไปที่กล่องข้าวเที่ยงของจินริแล้วก็พบว่ามันไม่ขนมปังแบบที่คิดเอาไว้เช่นกัน ข้าวกล่องที่จินริเอามาข้างในเป็นข้าวผัดสีออกส้มแดงที่ตกแต่งด้วยผักสีส้มและโรยหน้าด้วยผักใบเล็กสีเขียวเข้ม
คริสตัลเกิดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอาหารเที่ยงของมนุษย์ เธอหวังว่าเมื่อกลับบ้านไปตอนเย็นคริสคงจะสามารถอธิบายเรื่องนี้กับเธอได้
“คริสตัลเธอกินอะไรน่ะ” ซูจีขมวดหัวคิ้วเมื่อมองมื้อเที่ยงของคริสตัล มันคือขวดสีขาวขุ่นขนาดเท่าขวดนมเล็กๆจำนวนสามขวด คริสตัลนิ่งไม่ตอบอะไร คำพูดที่คริสบอกเมื่อตอนเช้าถูกเล่นขึ้นซ้ำอีกครั้งในหัว
“ข้อตกลงของเราก็คือ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นหุ่นแอนดรอยส์ เข้าใจมั้ยคริสตัล”
“ก็อาหารพิเศษเพื่อสุขภาพไง พวกวิตามินบำรุงร่างกายอะไรแบบนี้” คริสตัลไม่ได้พูด แต่เป็นจินริที่ตอบกลับแทน เธอเคี้ยวข้าวในปากจนหมดเกลี้ยงแล้วหันไปหาซูจีที่ยังคงทำหน้าสงสัยอยู่เพื่ออธิบายต่อ
“ฉันก็กินอยู่บ่อยๆเวลาอยู่บ้าน คนถึกบึกบึนแบบเธอคงไม่เคยกินล่ะสิ”
“อ่า..” ซูจีพยักหน้าตามไม่ได้ถามอะไรต่อ คริสตัลรู้สึกขอบคุณจินริเหลือเกิน ดูเหมือนว่านอกจากเรื่องอาหารเที่ยงที่คริสจะต้องอธิบายเธอเพิ่มแล้ว เขาต้องมาเพิ่มข้อมูลในส่วนการตอบคำถามเฉพาะหน้าเข้าไปอีก เพราะเมื่อกี้คริสตัลใช้ความคิดอยู่นานว่าจะอธิบายกับซูจีว่าอะไรดี
จะให้บอกว่า ‘อ๋อ นี่คือน้ำมันเครื่องน่ะ’ ก็คงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ใช่อาหารของมนุษย์ มีแต่เครื่องจักรกลแบบเธอเท่านั้นแหละที่ต้องอาศัยมัน
“เอาล่ะ จับคู่กันแล้วออกมาหยิบลูกวอลเล่ย์บอลไป” ครูฮยอกแจในชุดวอร์มสีน้ำเข้มพูดเสียงดังอยู่ตรงกลางสนามกีฬา มันเป็นคาบวิชาพละที่นักเรียนหลายคนชื่นชอบ แน่นอนว่ามันสนุกกว่าการนั่งเรียนในห้องฟังครูสอนวิชาที่น่าเบื่อพวกนั้นเป็นไหนๆ
คริสตัลจัดแจงเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้จับคู่ เสียงนกหวีดแหลมก็ดังขึ้นจากครูคนเดิม
“คริสตัล! เธอไม่ต้องเล่น ไปนั่งสังเกตการข้างสนามนู้น”
ฮยอกแจสั่งเสียงเข้ม นอกจากผู้อำนวยการแล้วก็ยังมีคุณครูอีกหลายท่านที่รู้เรื่องของคริสตัลรวมถึงเขาด้วย ถึงแม้เขาจะรู้ว่าคริสตัลมีสามารถไม่ได้ต่างไปจากเด็กคนอื่นๆแต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้เธอมาใช้กำลังเล่นกีฬาร่วมกับนักเรียนคนอื่นซักเท่าไหร่ เพราะมันคงเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา
“อ้าว เธอก็ด้วยหรอคริสตัล” จินริที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมสนามถามเสียงใสเมื่อเห็นคริสตัลเดินมานั่งด้วย
“อือ ครูบอกให้ฉันมานั่งสังเกตการ”
“อ่า..เหมือนฉันเลย ทุกครั้งที่เรียนพละฉันจะต้องมานั่งที่ข้างสนามเพราะร่างกายฉันไม่ค่อยแข็งแรงเลยไม่เคยได้ออกไปเล่นกับพวกเพื่อนๆ” จินริพูดพร้อมกับมองเพื่อนคนอื่นๆที่กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลอยู่ที่สนาม ก่อนจะหันมามองคริสตัลพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย
“แต่รู้มั้ยว่านั่งข้างสนามแบบนี้ก็สนุกดีนะ”
คริสตัลเอียงหน้าสงสัย ไม่เข้าใจที่จินริพูด การนั่งเฉยๆดูคนอื่นเล่นกันมันจะสนุกตรงไหน?
“เพราะว่าถ้ามองจากที่นั่งตรงนี้นะ..”
คริสตัลหันหน้าไปมองตามจินริ รั้วเหล็กโปรงที่กั้นอีกสนามไว้มีนักเรียนอีกกลุ่มที่เธอจำได้ว่าไม่ได้อยู่ชั้นปีเดียวกันกำลังเล่นเตะลูกบอลกลมๆอยู่
“ก็จะมองเห็นพวกรุ่นพี่ปีสองได้ชัดเลยล่ะ”
จินริพูดพร้อมกับมองไปที่กลุ่มนักเรียนชายอีกสนาม แผ่นหลังของหมายเลขสิบเอ็ดที่มีชื่อเขียนข้างใต้ว่า ‘ลีแทมิน’ ทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เป็นไงล่ะไปโรงเรียนวันแรก” คริสเงยหน้าจากกองชิ้นส่วนอุปกรณ์ตรงหน้าขึ้นมาถามคริสตัลที่เดินเข้ามาหาในห้องทำงาน คริสตัลวางกระเป๋าเรียนลงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว
“ไม่รู้สิ อธิบายไม่ถูก”
คริสตัลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คริสเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยิน เขาวางปากกาเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่นั่งอยู่ คุกเข่าลงแล้วช่วยหยิบสายไฟจากมือของอีกฝ่ายมาเสียบเข้าที่หลังของเธอ เสียงติ๊ดดังขึ้นแสดงให้รู้ว่าแบตเตอรี่ในตัวคริสตัลเริ่มทำการชาร์ตพลัง
“หมายความว่าไงที่บอกว่าอธิบายไม่ถูก”
คริสตัลนั่งนิ่งอยู่พักนึงก่อนจะยอมตอบคำถามของคริส
“มันไม่เหมือนที่ฉันคิดเอาไว้เลย.. มนุษย์มีความซับซ้อนและยุ่งยากในการใช้ชีวิต” คริสตัลพูดเมื่อนึกไปถึงสิ่งต่างๆที่เจอมาในวันนี้ ทั้งเรื่องที่ซูจีพูดถึงพี่สาวของเธอที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เธอเพิ่งรู้ว่าการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ต้องมีกฎเกณฑ์ต่างๆอื่นมากมาย รวมไปถึงเรื่องที่จินริบอกกับเธอตอนที่นั่งอยู่ริมสนาม และรอยยิ้มอบอุ่นนั้นเวลาที่เพื่อนของเธอมองหมายเลขสิบเอ็ดที่คริสตัลไม่เข้าใจความหมายของมัน
“ใช่.. มนุษย์น่ะเป็นสิ่งชีวิตที่มีความซับซ้อน และก็ยังเปราะบาง”
“เปราะบางอย่างั้นเหรอ?”
“แล้วอะไรอีก”
คริสไม่ได้อธิบายเพิ่ม แต่เลือกที่จะถามคริสตัลต่อ เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันถึงการใช้ชีวิตของคนเราในมุมมองของหุ่นแอนดรอยส์
“ฉันก็ยังตอบอะไรมากไม่ได้ มันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้” คริสตัลหันหน้ามามองคริส รอยยิ้มละมุนปรากฎขึ้นบนใบหน้าที่เรียบเฉย เธอรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มองแววตาของเขา
“ในเมื่อยังมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะก็ต้องตั้งใจเรียนล่ะ” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นเมื่อนึกได้ว่างานที่ค้างอยู่ยังไปไม่ถึงไหนเลย ในจังหวะที่เขาหันหลังเตรียมเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ชายเสื้อของเขาก็ถูกมือเล็กของคริสตัลรั้งเอาไว้
“หืม มีอะไรอีกหรอ?” เขาหันกลับไปหาอีกคน แววตาใสซื่อที่จ้องมองมาที่เขาทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอย่างอธิบายไม่ถูก มันคล้ายกับตอนที่คริสตัลมาขอให้เขาพาเธอไปโรงเรียนอย่างงั้นเลย
“ฉันมีเรื่องสงสัยอยากจะถาม”
“อะไรล่ะ”
“เกี่ยวกับอาหารกลางวันน่ะ พอดีฉันเห็นว่าจินริกับซูจีกินอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นเหมือนที่คริสกินเลย”
คริสกลืนน้ำลายลงคอ ตาขวาของเขากระตุกรัวคล้ายกับจะบอกอะไรบางอย่าง
“แล้วฉันก็คิดว่ามันน่ากินดี ฉันอยากจะกินอาหารน่ารักๆแบบนั้นบ้าง คริสช่วยทำให้ฉันกินอาหารเหมือนมนุษย์ได้มั้ย?”
นั่นไงล่ะ .. เหมือนที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ความยุ่งยากวิ่งเข้ามาหาเขาอีกแล้ว
“นะนะ ฉันอยากเคี้ยวได้แบบพวกเขาอ่ะ” คริสตัลพูดพร้อมกับจับมือของคริสแกว่งไปมา สายตาออดอ้อนถูกนำมาใช้กับเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะบอกกับตัวเองตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัดสินใจให้คริสตัลไปโรงเรียนว่าจะไม่ยอมทำตามที่เธอขออีกก็ตาม
แต่สุดท้ายแล้ว..
“นะคริสนะ น้าๆ”
เขาก็ผิดคำพูดของเขาอยู่ดี
“อ่าๆ รู้แล้วๆ เดี๋ยวจะทำให้” คริสว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปจัดแจงหยิบอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ตาเหลือบไปเห็นกองงานที่ค้างไว้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ดูท่าว่าคืนนี้คงไม่ได้นอนอีกแน่ๆ
“ขอบคุณนะคริส”
คริสตัลพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ คริสส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ ยอมรับว่าถ้าแลกกับการอดนอนต่ออีกหนึ่งคืนเพื่อให้คริสตัลมีความสุขแล้ว เขาคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย เขาคิดแบบนั้นจริงๆ
♥
ความคิดเห็น