ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✚ KARAKURI | krystal

    ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 01

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 57







    01










    I thought that we are the same until you told me




             



             คริสตัล
    รู้ว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆทั่วไปตั้งแต่วันแรกที่เธอลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กสาววัยรุ่นคนอื่นๆเลยก็ตาม แต่ทันทีที่ได้ยินศาสตราจารย์คริสกล่าวทักทายในประโยคแรก

     

    “ยินดีต้อนรับนะ คริสตัล”

    .

    .

    “หุ่นแอนดรอยส์ตัวแรกของฉัน”

     
     

    เธอก็เข้าใจเลยว่า ตัวเองไม่เหมือนกับคนอื่นจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มันเป็นเช้าที่สดใสเหมือนเช่นวันอื่นที่ผ่านมา คริสกำลังให้ความสนใจกับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นล่าสุดของตัวเอง ซึ่งเขามั่นใจมากว่าถ้าหากเขาทำสำเร็จ ชีวิตประจำวันของเขาจะสะดวกสบายขึ้นอีกมาก และลู่ฮานเพื่อนนักวิทยาศาสตร์คนสนิทของเขาจะต้องอึ้งทึ้งจนอ้าปากค้างแน่

    “เอาล่ะ ถ้าใส่แบตเตอรี่ลงไปก็น่าจะโอเค”

    คริสพูดกับตัวเอง เขาจัดการใส่ก้อนแบตเตอรี่ขนาดเล็กลงไป มือซ้ายยกขึ้นเสยปอยผมสีน้ำตาลเข้มที่ตกมาให้กลับเข้าทรง ก่อนจะเลื่อนลงมากดปุ่มสีแดงตรงกลางที่อยู่ตรงกลางสิ่งประดิษฐ์


                “เยส!

    เขาอุทานด้วยความดีใจ เจ้าสิ่งประดิษฐ์ที่รูปร่างคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวกลมๆสีขาวลืมตาขึ้น ก่อนจะเริ่มทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ มองเผินๆอาจจะนึกว่าเขากำลังเล่นกับตุ๊กตาใส่ถ่านของเด็กเล็ก แต่ที่จริงแล้วมันคือสมุดบันทึกเคลื่อนที่ 07 ที่จะทำให้เขาไม่ต้องคอยพกปากกากระดาษไว้กับตัวอีกต่อไป แค่พูดออกมาเจ้าตัวเล็กที่เขายังไม่ได้ตั้งชื่อนี้ก็จะบันทึกทุกอย่างเอาไว้ให้เอง สะดวกสบายสุดๆเลยล่ะ

    แชะ~

    เขาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมันก่อนจะรีบส่งไปอวดลู่ฮานทันที รอยยิ้มผุดขึ้นบนในหน้าด้วยความภาคภูมิใจ นิ้วกดพิมข้อความที่แสนโอ้อวดส่งไปให้เพื่อนตัวเล็กที่น่าจะยังไม่ตื่นนอน คริสรู้สึกว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เขามีความสุข จนกระทั่งประตูห้องทดลองของเขาถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นโบว์แดงที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมาเมื่อวันก่อน

    “ว่าไงคริสตัล” คริสเอ่ยทักอีกฝ่ายที่เปิดประตูเข้ามาก่อนจะก้มหน้าสนใจหน้าจอมือถือต่อ เขายกยิ้มเมื่อเห็นว่าลู่ฮานกดอ่านข้อความเขาแล้ว

    “คริส..ฉันอยากไปโรงเรียน”

    สิ้นประโยคนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไป คริสรู้ว่านับแต่วันนี้ชีวิตของเขาคงจะสะกดคำว่าสงบสุขไม่เป็นอีกต่อไป

     

    “พาฉันไปได้มั้ย?”

      

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คริสรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เสี่ยงและเขาไม่ควรจะทำแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็ได้พาตัวเองและคริสตัลมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายแดฮวาแล้ว คริสตัลยืนอมยิ้มอย่างมีความสุข ในขณะที่เขาทำได้แค่มองเธอแล้วถอนหายใจออกมา

     

     

    “ให้หุ่นแอนดรอย์มาเรียนหนังสือ?”

    ผู้อำนวยการชินดงถามย้อนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขารู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังตามที่เคยอ่านเจอในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องที่คริสพูดมาจะเป็นความจริง ไม่สิเขาไม่แม้แต่จะเชื่อเลยว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างคนนี้จะไม่ใช่คนจริงๆด้วย

    “ครับ อย่างที่ผมได้บอกไปเมื่อครู่นี้ คริสตัลเป็นหุ่นแอนดรอย์ที่ผมสร้างขึ้นมาและเธอก็อยากจะมาเรียนหนังสือ”

    “อ่า.. แต่ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมซักเท่าไหร่นะ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักวิทยาศาตร์ที่มีชื่อก็ตาม” ชินดงกลืนน้ำลายลงคอ เขายอมรับว่าเขาเชื่อมั่นในความสามารถของคริสจริง แต่เรื่องที่จะให้มีหุ่นยนต์มานั่งเรียนร่วมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆเนี่ยนะ

    “ถ้าเกิดหุ่นยนต์มันเกิดอาละวาดทำร้ายเด็กคนอื่นๆล่ะ”

    “ไม่ต้องกังวลครับ คริสตัลเป็นแอนดรอยส์รุ่นล่าสุดที่ผมพัฒนาขึ้นมา ผมรับรองเลยว่าเธอจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์แน่นอน” คริสหัวเราะเบาๆถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจที่อีกฝ่ายใช้คำเรียกสิ่งประดิษฐ์สุดรักของเขาว่ามันก็ตาม แต่เอาเถอะตอนนี้เขาต้องพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายยอมให้คริสตัลเข้าเรียนให้ได้เสียก่อน

    “จากที่เห็นคุณว่าเธอเหมือนหุ่นแอนดรอยส์มั้ยครับ?” คริสยกยิ้มอีกครั้งในตอนที่ชินดงส่ายหน้าเป็นคำตอบ ไม่เสียแรงที่เขาทุ่มเททั้งหมดเวลาให้กับการสร้างคริสตัลขึ้นมาจริงๆ

    “นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่จะเหมือนมนุษย์แทบทุกอย่างแล้ว เธอยังมีความสามารถทั้งทางสติปัญญาและก็ทางกายภาพด้วย คุณรู้มั้ยว่าเธอสามารถเล่นเปียโนได้ด้วยนะ” พูดจบเขาก็หันไปหาคริสตัลเป็นเชิงบอก เธอจึงยกมือขึ้นมาทำท่าดีดเปียโนโชว์ให้ดู ชินดงทำตาโตอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ให้ตายสิ..นี่มันเรื่องจริงหรือว่าเขากำลังฝันอยู่ในหนังเรื่องคนเหล็กกันแน่นะ

     

     

    “แล้วถ้าสมมติว่าเธอเกิดพังหรือขัดข้องขึ้นมาล่ะ”

    “อ่า..เรื่องนั้นเอง ไม่ต้องกังวลเลยครับเพราะผมได้ตั้งโปรแกรมไว้แล้วว่าถ้าหากเกิดความเสียหายขึ้นกับคริสตัล อุปกรณ์ข้างในจะส่งสัญญาณเตือนไปที่มือถือของผม แล้วผมจะมาจัดการแก้ไขได้ในทันที”

    เป็นอีกครั้งที่ชินดงได้แต่นั่งอึ้ง เขาไม่มีคำพูดใดๆทั้งนั้น เพราะไม่ว่าจะพาเหตุผลใดมาแย้ง คริสก็สามารถตอบทุกคำถามของเขาได้อย่างไม่มีที่ติ

    “อ่อ.. ผู้อำนวยการครับ นี่เป็นของขวัญแสดงความขอบคุณเล็กๆน้อยๆจากผม สำหรับความเมตตาของคุณ”

    รวมถึงแผ่นกระดาษที่เขียนจำนวนเงินสิบหลักที่อีกฝ่ายยื่นมาให้อีกนั้น ชินดงไม่สามารถปฏิเสธคำขอของคริสได้จริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ตั้งใจเรียนล่ะ แล้วก็อย่าลืมสัญญาที่ตกลงกันไว้”

    “อื้อ รู้แล้วๆ”

    คริสตัลตอบส่งๆพร้อมกับยกมือเล็กขึ้นปัดมือหนาของอีกคนที่กำลังทำให้ผมของเธอยุ่ง คริสยิ้มกับการกระทำของคริสตัล ท่าทีรำคาญแบบเด็กสาววัยรุ่นในตอนที่ถูกผู้ปกครองสอนทำให้เขามั่นใจว่าการแสดงออกทางอารมณ์ของคริสตัลเป็นไปตามที่เขาตั้งโปรแกรมไว้

    คริสตัลในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินลงจากรถคันหรูสีดำ เธอหันมาโบกมือลาคนในรถก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าโรงเรียนไปเหมือนเช่นนักเรียนคนอื่นๆ คริสมองแผ่นหลังของเธอที่ค่อยเล็กลงจนหายไปกับกลุ่มเด็กนักเรียนแล้วจึงเคลื่อนรถออกมา ในใจนึกภาวนาให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยดี เพราะเขายังมีงานที่ต้องสะสางอีกเต็ม หวังว่าเขาจะไม่ได้รับโทรศัพท์จากทางโรงเรียนตั้งแต่วันแรกหรอกนะ

     

     

     

    “ฉันชื่อ จองคริสตัล ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”

    คริสตัลกล่าวทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลังจากที่ครูประจำชั้นให้เธอแนะนำตัว เสียงฮือฮาดังขึ้นจากนักเรียนในห้องเพราะชื่อที่แตกต่างจากคนเกาหลีทั่วไป คริสตัลยิ้มให้กับทุกคนตรงหน้า เธอชอบชื่อนี้และก็รู้สึกขอบคุณคริสที่ไม่ได้ให้เธอใช้นามสกุลเดียวกับของเขา ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าคริสไปเอานามสกุลนี้มาจากไหน แต่มันก็คงดีกว่าอู๋คริสตัลแน่ๆ

    ขืนใช้นามสกุลนั้นมีหวังโดนล้อแย่..

     

    “งั้นเธอไปนั่งตรงข้างจินริแล้วกันนะ” คริสตัลก้มหัวขอบคุณครูประจำชั้น ก่อนจะเดินตรงไปยังเก้าอี้ว่างข้างเด็กนักเรียนหญิงที่มีใบหน้าน่ารักคล้ายกับตุ๊กตา จินริยิ้มกว้างให้เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ที่เธอรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก

    “อันยองคริสตัล ฉันจินรินะ”

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะจินริ” คริสตัลพูดตอบกลับ ตากลมทั้งสองมองจ้องคู่สนทนาพร้อมกับบันทึกลงหน่วยความจำภายใน จินริถูกจดจำในฐานะเพื่อนคนแรกในลิสรายชื่อของคริสตัล

     

     

    “กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ” สิ้นเสียงออดตอนเที่ยงจินริก็ลุกจากโต๊ะก่อนจะหันมาพูดกับคริสตัลที่กำลังมองไปทั่วห้องเรียนที่เริ่มวุ่นวายเพราะเพื่อนคนอื่นพากันลุกเดินออกจากห้องไป

    “อื้อ” คริสตัลลุกขึ้นเดินตามจินริออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องพลาสติกที่ดูคล้ายกับกล่องข้าวติดตัวไปด้วย

     

    “คนนี้ชื่อซูจีนะ เพื่อนฉันเอง ส่วนนี้ก็คริสตัล เพื่อนใหม่ฉัน”

    จินริแนะนำคริสตัลให้รู้จักเด็กผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอหน้าตาน่ารักและยิ้มสวยเหมือนจินริ คริสตัลทำแบบเดียวกับตอนแนะนำตัวกับจินริ ภาพของซูจีถูกบันทึกลงในหน่วยความจำของเธอเรียบร้อยแล้วในฐานะเพื่อนคนที่สอง

    “กินข้าวกันเหอะ ฉันหิวจะแย่ล่ะ” ซูจีพูดขึ้นแล้วเปิดกล่องข้าวที่เอามาจากบ้านออก ข้างในเป็นข้าวปั้นห่อสาหร่ายสีสันสดใสพร้อมผักใบเขียวและกิมจิหัวไช้เท้า คริสตัลมองอาหารเที่ยงของซูจีตาไม่กระพริบ เธอเพิ่งเคยเห็นเมนูนี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้าใจมาตลอดว่าข้าวเที่ยงของมนุษย์ก็คือขนมปังสอดไส้รสต่างๆเหมือนที่เห็นคริสกินมาโดยตลอด

    “นี่! น่ากินมั้ยล่ะ ฉันขอให้แม่ทำให้เป็นพิเศษเลยนะ”

    คริสตัลมองไปที่กล่องข้าวเที่ยงของจินริแล้วก็พบว่ามันไม่ขนมปังแบบที่คิดเอาไว้เช่นกัน ข้าวกล่องที่จินริเอามาข้างในเป็นข้าวผัดสีออกส้มแดงที่ตกแต่งด้วยผักสีส้มและโรยหน้าด้วยผักใบเล็กสีเขียวเข้ม

    คริสตัลเกิดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอาหารเที่ยงของมนุษย์ เธอหวังว่าเมื่อกลับบ้านไปตอนเย็นคริสคงจะสามารถอธิบายเรื่องนี้กับเธอได้

    “คริสตัลเธอกินอะไรน่ะ” ซูจีขมวดหัวคิ้วเมื่อมองมื้อเที่ยงของคริสตัล มันคือขวดสีขาวขุ่นขนาดเท่าขวดนมเล็กๆจำนวนสามขวด คริสตัลนิ่งไม่ตอบอะไร คำพูดที่คริสบอกเมื่อตอนเช้าถูกเล่นขึ้นซ้ำอีกครั้งในหัว

    “ข้อตกลงของเราก็คือ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นหุ่นแอนดรอยส์ เข้าใจมั้ยคริสตัล”

     

     

    “ก็อาหารพิเศษเพื่อสุขภาพไง พวกวิตามินบำรุงร่างกายอะไรแบบนี้” คริสตัลไม่ได้พูด แต่เป็นจินริที่ตอบกลับแทน เธอเคี้ยวข้าวในปากจนหมดเกลี้ยงแล้วหันไปหาซูจีที่ยังคงทำหน้าสงสัยอยู่เพื่ออธิบายต่อ

    “ฉันก็กินอยู่บ่อยๆเวลาอยู่บ้าน คนถึกบึกบึนแบบเธอคงไม่เคยกินล่ะสิ”

    “อ่า..” ซูจีพยักหน้าตามไม่ได้ถามอะไรต่อ คริสตัลรู้สึกขอบคุณจินริเหลือเกิน ดูเหมือนว่านอกจากเรื่องอาหารเที่ยงที่คริสจะต้องอธิบายเธอเพิ่มแล้ว เขาต้องมาเพิ่มข้อมูลในส่วนการตอบคำถามเฉพาะหน้าเข้าไปอีก เพราะเมื่อกี้คริสตัลใช้ความคิดอยู่นานว่าจะอธิบายกับซูจีว่าอะไรดี

    จะให้บอกว่า อ๋อ นี่คือน้ำมันเครื่องน่ะ ก็คงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ใช่อาหารของมนุษย์ มีแต่เครื่องจักรกลแบบเธอเท่านั้นแหละที่ต้องอาศัยมัน

     

     

     

    “เอาล่ะ จับคู่กันแล้วออกมาหยิบลูกวอลเล่ย์บอลไป” ครูฮยอกแจในชุดวอร์มสีน้ำเข้มพูดเสียงดังอยู่ตรงกลางสนามกีฬา มันเป็นคาบวิชาพละที่นักเรียนหลายคนชื่นชอบ แน่นอนว่ามันสนุกกว่าการนั่งเรียนในห้องฟังครูสอนวิชาที่น่าเบื่อพวกนั้นเป็นไหนๆ

    คริสตัลจัดแจงเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้จับคู่ เสียงนกหวีดแหลมก็ดังขึ้นจากครูคนเดิม

    “คริสตัล! เธอไม่ต้องเล่น ไปนั่งสังเกตการข้างสนามนู้น”

    ฮยอกแจสั่งเสียงเข้ม นอกจากผู้อำนวยการแล้วก็ยังมีคุณครูอีกหลายท่านที่รู้เรื่องของคริสตัลรวมถึงเขาด้วย ถึงแม้เขาจะรู้ว่าคริสตัลมีสามารถไม่ได้ต่างไปจากเด็กคนอื่นๆแต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยงให้เธอมาใช้กำลังเล่นกีฬาร่วมกับนักเรียนคนอื่นซักเท่าไหร่ เพราะมันคงเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา

     

     

    “อ้าว เธอก็ด้วยหรอคริสตัล” จินริที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมสนามถามเสียงใสเมื่อเห็นคริสตัลเดินมานั่งด้วย

    “อือ ครูบอกให้ฉันมานั่งสังเกตการ”

    “อ่า..เหมือนฉันเลย ทุกครั้งที่เรียนพละฉันจะต้องมานั่งที่ข้างสนามเพราะร่างกายฉันไม่ค่อยแข็งแรงเลยไม่เคยได้ออกไปเล่นกับพวกเพื่อนๆ” จินริพูดพร้อมกับมองเพื่อนคนอื่นๆที่กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลอยู่ที่สนาม ก่อนจะหันมามองคริสตัลพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย

    “แต่รู้มั้ยว่านั่งข้างสนามแบบนี้ก็สนุกดีนะ”

    คริสตัลเอียงหน้าสงสัย ไม่เข้าใจที่จินริพูด การนั่งเฉยๆดูคนอื่นเล่นกันมันจะสนุกตรงไหน?

    “เพราะว่าถ้ามองจากที่นั่งตรงนี้นะ..”

    คริสตัลหันหน้าไปมองตามจินริ รั้วเหล็กโปรงที่กั้นอีกสนามไว้มีนักเรียนอีกกลุ่มที่เธอจำได้ว่าไม่ได้อยู่ชั้นปีเดียวกันกำลังเล่นเตะลูกบอลกลมๆอยู่

    “ก็จะมองเห็นพวกรุ่นพี่ปีสองได้ชัดเลยล่ะ”

    จินริพูดพร้อมกับมองไปที่กลุ่มนักเรียนชายอีกสนาม แผ่นหลังของหมายเลขสิบเอ็ดที่มีชื่อเขียนข้างใต้ว่า ลีแทมินทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เป็นไงล่ะไปโรงเรียนวันแรก” คริสเงยหน้าจากกองชิ้นส่วนอุปกรณ์ตรงหน้าขึ้นมาถามคริสตัลที่เดินเข้ามาหาในห้องทำงาน คริสตัลวางกระเป๋าเรียนลงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว

    “ไม่รู้สิ อธิบายไม่ถูก”

    คริสตัลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คริสเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยิน เขาวางปากกาเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่นั่งอยู่ คุกเข่าลงแล้วช่วยหยิบสายไฟจากมือของอีกฝ่ายมาเสียบเข้าที่หลังของเธอ เสียงติ๊ดดังขึ้นแสดงให้รู้ว่าแบตเตอรี่ในตัวคริสตัลเริ่มทำการชาร์ตพลัง

    “หมายความว่าไงที่บอกว่าอธิบายไม่ถูก”

    คริสตัลนั่งนิ่งอยู่พักนึงก่อนจะยอมตอบคำถามของคริส       

     

    “มันไม่เหมือนที่ฉันคิดเอาไว้เลย.. มนุษย์มีความซับซ้อนและยุ่งยากในการใช้ชีวิต” คริสตัลพูดเมื่อนึกไปถึงสิ่งต่างๆที่เจอมาในวันนี้ ทั้งเรื่องที่ซูจีพูดถึงพี่สาวของเธอที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เธอเพิ่งรู้ว่าการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ต้องมีกฎเกณฑ์ต่างๆอื่นมากมาย รวมไปถึงเรื่องที่จินริบอกกับเธอตอนที่นั่งอยู่ริมสนาม และรอยยิ้มอบอุ่นนั้นเวลาที่เพื่อนของเธอมองหมายเลขสิบเอ็ดที่คริสตัลไม่เข้าใจความหมายของมัน            

    “ใช่.. มนุษย์น่ะเป็นสิ่งชีวิตที่มีความซับซ้อน และก็ยังเปราะบาง”

    “เปราะบางอย่างั้นเหรอ?”

    “แล้วอะไรอีก”

    คริสไม่ได้อธิบายเพิ่ม แต่เลือกที่จะถามคริสตัลต่อ เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันถึงการใช้ชีวิตของคนเราในมุมมองของหุ่นแอนดรอยส์

    “ฉันก็ยังตอบอะไรมากไม่ได้ มันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้” คริสตัลหันหน้ามามองคริส รอยยิ้มละมุนปรากฎขึ้นบนใบหน้าที่เรียบเฉย เธอรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มองแววตาของเขา

    “ในเมื่อยังมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะก็ต้องตั้งใจเรียนล่ะ” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นเมื่อนึกได้ว่างานที่ค้างอยู่ยังไปไม่ถึงไหนเลย ในจังหวะที่เขาหันหลังเตรียมเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ชายเสื้อของเขาก็ถูกมือเล็กของคริสตัลรั้งเอาไว้

     

    “หืม มีอะไรอีกหรอ?” เขาหันกลับไปหาอีกคน แววตาใสซื่อที่จ้องมองมาที่เขาทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอย่างอธิบายไม่ถูก มันคล้ายกับตอนที่คริสตัลมาขอให้เขาพาเธอไปโรงเรียนอย่างงั้นเลย

    “ฉันมีเรื่องสงสัยอยากจะถาม”

    “อะไรล่ะ”

    “เกี่ยวกับอาหารกลางวันน่ะ พอดีฉันเห็นว่าจินริกับซูจีกินอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นเหมือนที่คริสกินเลย”

    คริสกลืนน้ำลายลงคอ ตาขวาของเขากระตุกรัวคล้ายกับจะบอกอะไรบางอย่าง

    “แล้วฉันก็คิดว่ามันน่ากินดี ฉันอยากจะกินอาหารน่ารักๆแบบนั้นบ้าง คริสช่วยทำให้ฉันกินอาหารเหมือนมนุษย์ได้มั้ย?”

    นั่นไงล่ะ .. เหมือนที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ความยุ่งยากวิ่งเข้ามาหาเขาอีกแล้ว

    “นะนะ ฉันอยากเคี้ยวได้แบบพวกเขาอ่ะ” คริสตัลพูดพร้อมกับจับมือของคริสแกว่งไปมา สายตาออดอ้อนถูกนำมาใช้กับเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะบอกกับตัวเองตั้งแต่วินาทีแรกที่ตัดสินใจให้คริสตัลไปโรงเรียนว่าจะไม่ยอมทำตามที่เธอขออีกก็ตาม


    แต่สุดท้ายแล้ว..

    “นะคริสนะ น้าๆ”

    เขาก็ผิดคำพูดของเขาอยู่ดี

    “อ่าๆ รู้แล้วๆ เดี๋ยวจะทำให้” คริสว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปจัดแจงหยิบอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ตาเหลือบไปเห็นกองงานที่ค้างไว้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ดูท่าว่าคืนนี้คงไม่ได้นอนอีกแน่ๆ

    “ขอบคุณนะคริส”  

    คริสตัลพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ คริสส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ ยอมรับว่าถ้าแลกกับการอดนอนต่ออีกหนึ่งคืนเพื่อให้คริสตัลมีความสุขแล้ว เขาคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย เขาคิดแบบนั้นจริงๆ














     





     




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×