ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น้องรหัสสุดร้าย กับ พี่รหัสสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #7 : แอบหวาน

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 49


    เอ้าน้องๆครับตื่นกันได้แล้ว แล้วก็รีบจัดแถวให้เรียบร้อยด้วยน้า อีกสองคณะก็จะถึงคิวเราชาววิดยากันแล้ว รุ่นพี่ใช้โทรโข่งพูดออกมา สร้างความหงุดหงิดเล็กน้อยให้กับรุ่นน้องที่ (แอบ) หลับหงีบเอาแรง ฉันตื่นจากเสียงเรียกของรุ่นพี่แล้วก็พลางมองหาหยอยซึ่งพลัดกันตอนวิ่งครั้งแรก

                                                                                                                                                  

     

                    อยู่ไหนเนี๊ย...ตัวก็อ้วนไม่น่าหายากนี่นา ฉันบ่นแล้วก็พลางมองหาหยอย แต่ยังไงก็หาไม่เจอ ก็ควรจะเจออยู่หรอกมั้งคนในคณะมีตั้ง 800 กว่าคน จากนั้นเมื่อหมดหวังที่จะเห็นหยอยก็รีบไปจัดแถวตามที่รุ่นพี่บอก ฉันบอกผู้หญิงที่อยู่แถวข้างๆฉันว่าขอแลกแถวขออยู่แถวที่หนึ่งซึ่งอยู่นอกสุด โดยอ้างว่าฉันไม่ค่อยสบาย ก็รุ่นพี่เล่นให้แบ่งแถวเป็นห้าแถวตอนลึก คนที่อยู่แถวที่สองสามก็ต้องอึดอัดแน่ๆ โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่ชอบอะไรที่มันอึดอัด จากนั้นรุ่นพี่ก็ให้พวกผู้ชายที่ยืนจัดแถวต่างหากมาเข้าแถวต่อผู้หญิงที่อยู่แถวที่หนึ่ง ก็กลายเป็นว่าฉันกลายไปอยู่แถวที่สอง และรุ่นพี่ก็ให้เราทุกคนแต่ละแถวจับมือกันด้วย ห้ามมือขาดจากกันเด็ดขาด  รู้อย่างนี้อยู่แถวอย่างเดิมดีกว่า ฉันหนึ่งในใจ

     

     

                    หวัดดีเธอชื่อไรเหรอ ผู้ชายที่อยู่อยู่ข้างๆฉันถามขึ้นก่อน แล้วก็ยื่นมือของเค้ามาให้ฉันจับ

     

                    หวัดดี เราชื่อแก้ว นายล่ะชื่อไร ฉันถามกลับแล้วก็ยืนมือเรียวบางของฉันให้เค้า

     

                    เราชื่อวุฒิ อยู่เมเจอร์คอมแล้วก็หันไปยิ้มให้กับคนข้างๆ

     

                    จริงดิ อยู่เมเจอร์เดียวกันเลย ดีใจที่ได้รู้จักนะ ฉันบอกด้วยความดีใจตามความรู้สึกจริงๆ อย่างน้องก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกคนหนึ่ง

     

                    อืม...เช่นกัน ถ้าไม่ไหวเมื่อไรรีบบอกนะ ระยะทางเดินขึ้นดอยตั้ง 14 กิโล แถมคณะเราต้องวิ่งขึ้นด้วย วุฒิบอกเมื่อเห็นรูปร่างอีกฝ่ายค่อนข้างที่จะบอบบาง

     

                    วิ่งขึ้นเหรอ ฉันบอกออกมาด้วยความตกใจ

     

                    ใช่มีวิดยา เกษตร และก็วิศวะ ที่วิ่งขึ้น แต่วิดยาโชคดีหน่อยที่ขาลงนั่งรถลงมา แต่อีกสองคณะเดินลงนะ โอ้แม่เจ้า น่าสงสารจัง ฉันคิด

     

                    ไหวสิ เค้าบอกกันว่าถ้าเดินขึ้นดอยไม่ถึงจะเรียนไม่จบ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเดินให้ถึง ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่

     

                    แต่หน้าแก้วดูซีดๆยังไงก็ไม่รู้นะ วุฒิบอกเมื่อสังเกตสีหน้าแก้วมาสักพักแล้ว

     

                    ไหวจ้า ก็เงี๊ยแหละคนผิวขาวเลยดูซีดนะ ฉันเบี่ยงที่จะตอบความจริงว่าที่หน้าซีดนะ เพราะเมื่อคืนได้นอนไม่ถึงสองชั่วโมง

     

                    มี Spirit ดีจัง งั้นเรามาสู้ด้วยกันนะ บอกเสร็จเค้าก็บีบมือฉันแน่น

     

                    จ้า...แต่ว่าตอนนี้วุฒิบีบมือเราแน่นไปนะ ฉันบอกเค้า จากนั้นวุฒิก็ค่อยๆคลายมือออกเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือฉันออก

     

                    ขอโทษนะ

     

                    ไม่เป็นไรแล้วฉันก็ยิ้มให้วุฒิ เท่าที่ดูแล้ววุฒิเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างหน้าตาดีทีเดียวเชียว เห็นแล้วนึกถึงหยอย เพราะหยอยชอบคนหล่อ แต่ก็อย่างที่บอกความหล่อกินไม่ได้หรอก นอกจากหน้าตาดีแล้วมนุษย์สัมพันธ์ก็ดี ไม่เห็นเหมือนพี่รหัสฉันเลย เจอกันครั้งแรกก็มีเรื่องกันเลย เฮ้อ.....เอ๊ะ....นี่เราจะต้องไปนึกถึงอีตาพี่รหัสนั่นทำไม แล้วฉันก็ส่ายหัวไล่ความคิดนี้ออกไป

     

     

     

    จากนั้นไม่นานนักคณะวิดยาก็ได้ออกเดินวิ่งขึ้น ซึ่งจุดหมายก็คือดอยสุเทพ เราเริ่มวิ่งจากหน้ามหาลัยมาถึงที่ครูบาศรีวิชัย ไม่ทันถึงไหนฉันก็เริ่มเหนื่อยแล้วสิ ยิ่งคนที่ฉันได้จับมือข้างๆอีกคนที่ไม่ใช่วุฒินั้นก็ตัวดีเลย อ้วนก็อ้วน(ยิ่งกว่าหยอยอีก) เวลาคุณเธอวิ่งทีนะ...สุดยอด ฉันต้องลากตัวคุณเธอวิ่งด้วยยิ่งทำให้เหนื่อยแล้วยิ่งเหนื่อยเค้าไปใหญ่ เล่นเอาลมแทบจับ

     

                   

    ไหวไหมแก้ว หน้าซีดมากๆเลย วุฒิถามอย่างเป็นห่วง ตลอดเวลาที่จับมือวิ่งมาด้วยกันเค้าไม่เคยปล่อยมือเธอเลย เค้ารู้ว่าเธอนะร่างกายเริ่มไม่ไหว แต่ใจของเธอสิ แข็งแกร่งและก็อดทนมากๆ

     

                    ไหวฉันตอบเสียงหอบเพราะยังเหนื่อยอยู่ (มากๆด้วย)

     

                    จับมือเราให้แน่นๆนะ ไม่ต้องกลัวเราจะวิ่งไปให้ถึงดอยสุเทพด้วยกัน ให้กำลังเธอ ตั้งแต่ที่รู้ว่าเค้าจะได้จับมือวิ่งขึ้นดอยกับเธอ เค้าก็รู้สึกมีความดีใจอยู่ลึกๆ เพราะเค้าเห็นแก้วครั้งแรกตอนที่เธอมีเรื่องกับพี่รหัสตอนวันเปิดสาย รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็ฯคนสู้คน ไม่ยอมอะไรง่ายๆ และก็สงสารที่โดนพี่รหัสแกล้งอย่างนั้น เค้าอยากจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่มีโอกาส จนถึงวันนี้เมื่อมีโอกาสแล้วเค้าก็ไม่ลืมที่จะรีบคว้าไว้

                    ..... ฉันไม่ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าตอบรับเท่านั้น หลังจากวิ่งต่อไปได้สักพักผู้หญิง (อ้วน) ที่อยู่ข้างๆฉันก็เป็นลมล้มไปต่อหน่าต่อตา ทำให้รุ่นพี่ต้องรีบเรียกหน่วยพยายบาลที่อยู่ประจำจุดมาช่วยดูแลและก็หามน้องออกไปจากแถว ค่อยยังช่วยที่ผู้หญิงคนใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่รูปร่างผอมเพรียวหน่อย ไม่งั้นสักพักฉันคงต้องตามผู้หญิง (อ้วน) คนนั้นไปแน่ๆ กว่าขบาวนคระวิดยาจะเริ่มออกเดินก็ปาไปเก้าโมงกว่าแล้ว แถมตอนนี้แดดแรงซะด้วย

     

                    โอ๊ย....จะไม่ไหวแล้วนะ ฉันคิดในใจ แต่....ไม่ได้นะห้ามยอมแพ้ นึกถึงคำพูดพี่รหัสที่เคยสบประมาทเราเอาไว้ ดังนั้นต้องสู้นะแก้ว สู้เข้าไว้ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด

     

     

     

     

     

    เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง รุ่นพี่ก็ให้น้องๆแวะพักเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว ดื่มน้ำดื่มท่าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ให้มารับข้าวกล่องไปนั่งทาน เวลาสามชั่วโมงกว่าพวกเราวิ่งมาได้ครึ่งทางก็ปาไปเที่ยงวันพอดี

     

                    แก้วมานั่งพักตรงนี้ก่อน ดูสิปากบอกว่าไหว แต่ตอนนี้หน้าแก้วซีดกว่ากระดาษอีก วุฒิบอก แล้วก็เอามือของเค้าปัดเศษใบไม้ที่หล่นอยู่ตามหญ้าให้ฉันนั่ง

     

                    ก็บอกแล้วไงว่าไหวก็ไหวสิ ฉันยังยืนยันเหมือนเดิม ทั้งๆที่เหนื่อยจนแทบจะขาดใจ

     

                    นั่งรอเราตรงนี้นะ เดี๋ยวจะไปเอาข้าวกับน้ำมาให้ แล้วก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นไป

     

                    ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเอาเอง ฉํนบอกเค้าแล้วก็จะลุกขึ้นเหมือนกัน

     

                    ไม่ต้องเลย นั่งรอตรงนี้แหละ เราไปเอาให้ เก็บแรงไว้วิ่งต่อเถอะ จากนั้นวุฒิก็ไม่ฟังฉันพูดอีก เค้ารีบวิ่งไปยังจุดเอาข้าวแล้วก็น้ำที่ตอนนี้คนเยอะมากๆ กว่าจะได้ฉันคิดว่าอีกนานเลย ระหว่างที่ฉันนั่งรอวุฒิเอาข้าวมาให้ แนก็พยายามมองหาหยอยแต่ก็ยังไม่เห็นอยู่ดี สงสัยหยอยคงจะอยู่แถวหลังๆ เพราะฉันอยู่แถวหน้าๆ จะโทรหาก็โทรไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ไม่ให้เอาโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงินมาด้วย พูดง่ายๆมาแต่ตัวกับเสื้อผ้าเท่านั้น จากนั้นฉันก็นั่งก้มหน้าหลับตาสักพัก เพราะรู้สึกเหนื่อยมากๆ แล้วสักพักก็มีคนเดินเข้ามา

     

                    ได้แล้วเหรอวุฒิ ฉันถามทั้งๆที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา

     

                    นี่ฉันพลไม่ใช่วุฒิ พลเหรอ เฮ้ย....นั้นมันชื่อพี่รหัสฉันนี่นา

     

                    เอ้า....ข้าวกล่องกับน้ำฉันเอามาให้ แล้วเค้าก็ยื่นมาตรงหน้าฉัน

     

                    ไม่เป็นไร ฉันฝากเพื่อนเอามาให้แล้ว ฉันปฏิเสธเค้า

     

                    แต่ฉันให้เธอ รุ่นพี่ให้ของรุ่นน้องก็มีหน้าที่ต้องรับ พลขยั้ยขยอให้น้องรหัสรับของที่เค้าเอามาให้

     

                    ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา เอาไปกินเองเถอะ

     

                    นี่ถ้าเธอไม่รับฉันจะป้อนข้าวเธอตรงนี้นะ เค้าขู่แล้วก็ถือโอกาสนั่งลงข้างๆฉัน จากนั้นเค้าก็ยื่นอะไรบางอย่างออกมา

     

                    เช็ดหน้าซะ หน้าตาเธอตอนนี้ดูได้ซะที่ไหนกัน พลยื่นผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มที่ดูเหมาะสมกับผู้ชายพกพามาให้ฉัน

     

                    ไม่ เก็บเอาไปให้สาวคนอื่นเช็ดเถอะ ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้พี่รหัส

     

                    นี่ ฉันให้เธอเช็ดนะ ตามใจไม่เช็ดก็อย่าเช็ด ผ้าเช็ดหน้าราคาถูกก็เงี๊ย.... แล้วก็พูดด้วยเสียงน้อยใจ

     

                    งั้นก็กินข้าวซะ จะได้มีแรงไว้เดินต่อ แล้วก็ยื่นกล่องข้าวมาให้ฉันอีกที

     

                    ก็บอกแล้วไงว่าไม่ ฉันเริ่มหงุดหงิด

     

                    ทำไมการที่พี่รหัสเอาข้าวมาให้เธอรังเกียจที่จะกินมากเลยเหรอ พลเริ่มมีอารมณ์เช่นกัน

     

                    ใช่ฉันรังเกียจและก็ไม่อยากยุ่งกับพี่....ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณอะไรทั้งนั้น...ถ้าคิดว่าการเอาข้าวมาให้เป็นหน้าที่ที่พี่รหัสต้องทำก็อย่าเอามาให้เลย....ฉันมีมือมีเท้าเอาเองได้....อีกอย่างอย่าลืมสิว่าพี่เคยทำอะไรไว้กับฉันบ้าง และฉันก็จะไม่มีวันลืมเลย ฉันตอบออกมาเป็นชุดๆและก็จ้องตาหาเค้าอย่างไม่เกรงกลัว

     

                    .... พลอึ้งกับคำตอบที่น้องรหัสพูดใส่หน้าเค้า จริงสิตั้งแต่ที่รู้จักกันเค้าก็คอยแกล้งน้องรหัสคนนี้มาตลอดไม่แปลกเลยที่วันนี้น้องรหัสจะเริ่มรู้สึกไม่ชอบเค้าและคิดที่จะรังเกียจข้าวกล่องที่เค้าอุตสาห์เบียดตัวจากคนเยอะๆเอามาให้

     

                    ฉันยอมรับ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันแกล้งเธอไว้เยอะ แต่ขอให้ลืมๆมันไปก่อน แต่ตอนนี้ฉันอยากให้เธอกินข้าวจะได้มีแรงไว้เดินต่อ แล้วพลก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง แล้วก็ยื่นกล่องข้าวให้อีกที

     

                    ไม่ จากนั้นฉันก็เอามือปัดข้าวกล่องออกไป แต่แค่คิดว่าปัดออกไปให้พ้นหน้า แต่ฉันคงปัดแรงไปหน่อยทำให้ข้าวในกล่องนั้นหก กระเด็นออกมาแต่ก่อนที่จะเกิดสงครามกัน....

     

                    แก้วข้าวมาแล้ว....อ้าว...หวัดดีครับพี่พล วุฒิเข้ามาได้จังหวะพอดี

     

                    ..... พลหันไปมองวุฒิที่ยกมือไหว้เค้า และถือข้าวกล่องมาสองกล่อง และก็กำลังจะยื่นให้แก้ว จากนั้นพลก็เดินออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

     

                    พี่พลเค้ามาแกล้งแก้วอีกเหรอ วุฒิถามด้วยความสงสัย

     

                    ป่าวหรอก ไม่มีอะไร กินข้าวเถอะ ฉับปฏิเสธที่จะตอบออกไป ทำไมน้าจริงๆฉันต้องรู้สึกสะใจสิ แต่ทำไมในใจลึกๆกับเป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้ ช่างสิจะโกรธก็โกรธไป...ดีสมน้ำหน้าทำกับเราไว้เยอะขอเอาคืนหน่อยแล้วกัน

     

     

     

    หลังจากที่น้องๆทานข้าวเสร็จก็ออกเดินวิ่งต่อเพราะระยะทางยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ตอนนี้แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทันกี่กิโลก็เริ่มมีคนเป็นลมเพิ่มมากขึ้น

     

     

     

                    แก้ว....เป็นอะไรไป วุฒิถามเมื่อสังเกตว่าตั้งแต่แก้วกับพี่พลเจอกันเมื่อตะกี้ แก้วก็ดูซึมลงและก็กินข้าวน้อยด้วย เค้าขยั้ยขยอให้กินยังไงก็บอกว่าอิ่มแล้ว

     

                    ป่าวนะ ใจจริงๆฉันยังกังวลเรื่องเมื่อครู่นี้ ไม่รู้เค้าจะรู้สึกยังไงบ้าง

     

                    อย่าก้มหน้านะ จะทำให้หายใจไม่ออก

     

                    อืม หลังจากที่เริ่มวิ่งออกไปได้สักระยะฉันก็เริ่มเหนื่อยมากขึ้น มากขึ้น และก็มากขึ้น จนฉันเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกและก็ทุกสิ่งที่เห็นเริ่มมืดลง และก็มืดหมด เสียงครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ยิน....

     

                    แก้ว.... พี่ครับมีคนเป็นลม วุฒิรีบพาตัวแก้วออกมาจากแถวเพื่อให้หายใจออก

     

                    พยาบาลครับน้องเป็นลม จากนั้นรุ่นพี่หน่วยปฐมพยาบาลก็มาช่วยกันเอาแอมโมเนีย ช่วยถอดรองเท้ากันยกใหญ่ และก็วัดความดัน

     

                    แก้ว แก้ว วุฒิเรียกชื่อแก้วที่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ

     

                    น้องไปรวมกลุ่มกับเพื่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่ฝ่ายพยาบาลดูแลเอง รุ่นพี่หน่วยพยาบาลบอกกับวุฒิ

     

                    แต่พี่ครับ... วุฒิเตรียมจะปฏิเสธ

     

                    ทางนี้รุ่นพี่ดูแลเอง....น้องไปเถอะ เพื่อนน้องแค่เป็นลมเดี๋ยวก็หาย เมื่อฟังอย่างนี้แล้ววุฒิก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพื่อให้อยู่ดูแลแก้วต่อก็เลยต้องรีบวิ่งไปรวมกับกลุ่มเพื่อนที่เหลือต่อ

     

                    หน่วยพยาบาลครับมีคนเป็นลมทางนี้

     

                    เอ้าทำไงล่ะ แล้วน้องคนนี้ รุ่นพี่ฝ่ายปฐมพยาบาลพูดขึ้น จากนั้นก็เหมือนมีโชคช่วย

     

                    เอ้าพลมาพอดีเลย ฝากดูแลน้องคนนี้หน่อยนะ เพิ่งเป็นลมมานะ ดูสิหน้าโครตซีดเลยแถมความดันต่ำอีก สงสัยเมื่อคืนคงไม่ได้นอนนะ

     

                    ได้ครับพี่

     

                    เดี๋ยวพี่ต้องไปดูแลน้องที่เป็นลมมาใหม่ ดูแลได้ใช่ไหมพล

     

                    ไม่ต้องห่วงพี่ เดี๋ยวคนนี้ผมดูให้ หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็เดินไปสบทบกับเพื่อนที่กำลังรอรุ่นน้องที่เป็นลมมาปฐมพยาบาล

     

                    เฮ้ย ยัยแว่น พลอุทานขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่นอนเป็นลมอยู่นั้นเป็นใคร

     

                    โถ่เอ้ย ปากบอกว่าไหวแต่ดูสภาพร่างกายสิ ว่าแล้วก็ส่ายหัวกับความดื้อรั้นปากแข็งของน้องรหัสตลอดเวลาที่น้องรหัสเป็นลมนั้นพลคอยดูแลเป็นอย่างดี โดยเค้าก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องค่อยห่วงใยและไม่พอใจที่น้องรหัสสนิทกับรุ่นน้องผู้ชายคนนั้น  

     

                    อืมมมม

     

                    รู้สึกตัวแล้วเหรอ เป็นยังไงมั้ง พลถามเมื่อเห็นว่าแก้วรู้สึกตัวแล้ว

     

                    ...... อะไรเนี๊ยอีตาพี่รหัสนี้มานั่งอยู่ข้างๆฉันได้ยังไง ก็ในเมื่อฉันกำลังวิ่งขึ้นดอยอยู่นิ

     

                    เธอเป็นลม เค้าสังเกตอาการงงของน้องรหัส

     

                    จะไปไหน พลถามเมื่อเห็นน้องรหัสกำลังจะลุกขึ้นเดิน

     

                    เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง ฉันตอบกลับไป

     

                    ต้องยุ่งเพราะน้องรหัสฉันเป็นลม ฉันก็ต้องดูแล พลบอกแล้วก็ส่งยิ้มแบบกวนๆให้เหมือนเคย

     

                    ถ้าคิดว่ามันเป็นหน้าที่ก็ไม่ต้องมายุ่งเลย ฉันหายแล้ว น่าน้อยใจชะมัดที่เค้ามาดูแลเราก็เพราะหน้าที่ของพี่รหัสเหรอ....นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี๊ย

     

                    เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนใช่ไหม พลถาม

     

                    .... ฉันไม่ตอบคำถามเค้า และก็จะเดินหนีไปสบทบกับเพื่อนๆคณะอื่นๆที่กำลังเดินขึ้นดอย

     

                    แล้วตอนเที่งทานข้าวเยอะไหม พลถามต่ออีก

     

                    ... เงียบ

     

                    เธอเป็นลมเพราะความดันต่ำ ที่ฉันถามก็เพราะถ้าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนกับเธอกินข้าวไม่เยอะก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นลม แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ฉันก็อยากให้เธอดูแลสุขภาพด้วย พลบอกด้วยความเป็นห่วงจริงๆ เพราะเค้าได้ยินมาจากป๋อมว่าน้องรหัสเค้าไม่ชอบที่จะออกกำลังกายก็กลัวสุขภาพจะไม่แข็งแรง

     

                    อืม ฉันตอบสั้นๆและรู้สึกได้ว่าครั้งนี้ที่เค้าพูดออกมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงจริงๆจนฉันสัมผัสได้

     

                    จะไปไหนนะ อย่าเดินเร็วสิเดี๋ยวก็หน้ามืดหรอก ไม่ทันขาดคำน้องรหัสก็หยุดเดินทันทีและก็ก้มหน้าเอามือกุมหัว

     

                    เห็นไหมว่าไม่ทันขาดคำ แล้วเค้าก็เดินเข้าไปหา

     

                    ไม่เป็นไรแล้ว จะไปไหนก็ไปฉันจะเดินไปหาเพื่อน ฉันบอกแล้วก็กำลังจะเดินไปสมทบกับเพื่อนคณะอื่นที่กำลังเดินขึ้นดอย

     

                    ไหนเพื่อนเธอ คณะเรานะเดินถึงตั้งนานแล้ว ว่าแล้วก็หัวเราะออกมา

     

                    ยังไงฉันก็จะเดิน เพราะฉันพูดไว้แล้วว่าจะเดินให้ถึง ฉันยืนยัน

     

                    นี่ฉันสงสัยว่าเธอคงไม่ได้ยินเรื่องการเดินขึ้นดอยที่เค้าพูดกันว่าหากเดินขึ้นไม่ถึงก้จะเรียนไม่จบกันอะไรประมาณนั้นมาหรอกนะ พลถาม

     

                    ก็..... ฉันพูดไม่ออกก็มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันได้ยินมา

     

                    ฉันจะบอกให้นะ การที่เค้าพูดดันอย่างนั้นมันเป็นหลักจิตวิทยา

     

                    จิตวิทยา ฉันพูดขึ้น

     

                    ใช่...การที่มหาลัยของเรามีการจัดกิจกรรมประเพณีอย่างนี้ขึ้นทุกปี ก็เพราะต้องการให้รุ่นพี่และรุ่นน้องมีสัมพันธ์ภาพที่ดีต่อกัน ให้รู้จักความอดทน เพราะระยะทางที่เดินขึ้นไม่ใช่น้อยๆ ต้องการให้เรารู้จักช่วยเหลือเพื่อน มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว และไอ่การที่บอกว่าเดินไม่ถึงแล้วจะไม่จบก็เหมือนกับการเปรียบเทียบให้เราคิดว่าในการเรียนย่อมมีอุปสรรคต่างๆ แต่ถ้าเรามีความอดทน แน่วแน่ ตั้งใจในการเรียน ก็จะประสบความสำเร็จ ฉันตั้งใจฟังเค้าพูดจนจบ นี่ใช่พี่รหัสฉันรึป่าว....พูดเป็นการเป็นงานอย่างนี้เป็นด้วยเหรอ

     

                    เป็นอะไรเงียบเชียว เค้าถาม

     

                    ก็เพิ่งรู้นะเนี๊ยว่าพูดดีดีอย่างนี้ก็เป็นด้วย ฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

     

                    มีอีกหลายอย่างที่เธอยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวฉัน อีกหน่อยเธอก็จะรู้เองว่าตัวจริงๆของฉันเป็นยังไง พลบอกแล้วก็จ้องตาน้องรหัสอย่างมีความหมาย

     

                    ไม่เห็นอยากจะรู้เลย แล้วฉันก็หันไปมองทางอีกแทนการสบสายตาเค้าโดยตรง

     

                    วันนี้ถ้าเธอจะเดินขึ้นดอยคงถึงตอนหัวค่ำแน่ ตอนนี้เรานั่งรถขึ้นไปข้างบนดีกว่า แล้วเค้าก็ถือโอกาสคว้าข้อแขนฉันเดินไปพร้อมกับเค้าอย่างเบามือ

     

                    แต่ว่าฉันอยากเดินขึ้นนิ อีกไม่กี่กิโลก็จะถึงไม่ใช่เหรอ ฉันเถียงก็ยังไงก็อยากเดินให้ถึงอยู่ดี

     

                    จากตรงนี้ที่เรายืนอยู่กับระยะทางที่จะถึงประมาณ 6 กิโล อีกอย่างเธอยังหน้าซีดอยู่เลยนั้งรถไปเถอะ ก็บอกแล้วไงไม่เป็นไรหรอกเดินไม่ถึงนะ พลรู้ว่าน้องรหัสของเค้ายังคงกังวลกับเรื่องที่พูดต่อๆกันมา

     

                    มันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราตั้งใจเรียนนะ ยังไงก็จบ เค้ายืนยันเพื่อให้น้องรหัสเค้ามั่นใจมากขึ้น

     

                    งั้นฉันขอเดินขึ้นต่ออีกนิดหน่อยได้ไหม

     

                    ได้สิแล้วพลก็เดินไปพร้อมๆกับน้องรหัส

     

                    ฉันเดินขึ้นไปเองได้พี่จะไปไหนก็ไปเถอะ ก็ไม่อยากเดินด้วย ใจมันหวั่นๆยังไงมีรู้ พลไม่ตอบคำถามแต่เค้าเอามือหนาๆมาจับมือเรียวบางของฉันอย่างแน่นแล้วก็ลากฉันเดินต่อไป

     

                    นี่ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเดินไปเองได้ แล้วก็อย่ามาจับมือฉันนะ ฉันร้องบอกเค้า แต่การกระทำทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม

     

                    นี่อย่าดิ้นให้มันมากสิ เดี๋ยวจะโดนดี พลขู่

     

                    โดนดีอะไร ฉันถามกลับ

     

                    อยากโดนไหมล่ะแล้วพลก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆน้องรหัส

     

                    คนบ้า ไม่ดิ้นแล้วจะพาไปก็ไปสิ แล้วพลก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

     

                    ดิ้นอีกก็ได้นะ จริงๆแล้วฉันก็อยากให้เธอลองดูว่าโดนดีมันเป็นยังไง แล้วก็หัวเราะออกมา ตรงกันข้ามกับน้องรหัสที่ตอนนี้หน้างอสุดๆ ไอ่พี่รหัสบ้าเอ้ย....สุดท้ายก็เป็นผู้เป็นคนได้แค่แป๊ปเดียวกับมามีนิสัยทุเรศอีกตามเคย แต่ตรงข้ามกับพลที่ตอนนี้มีความสุขเล็กๆที่ได้อยู่ใกล้น้องรหัสถึงแม้ว่าจะเป็นความรู้สึกที่มีความสุขจะเป็นแค่ชั่วครู่เค้าก็ยอม.......

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×