คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ชมรมบาส
หลังจากนั้นฉันก็วิ่งกลับมาที่หอพักอย่างรวดเร็วที่สุด คนอะไรก็ไม่รู้นิสัยทุเรศ คนนิสัยไม่ดี คนนิสัยบ้า คนๆๆๆโอ๊ยไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแล้ว ค่อยดูนะสักวันฉันจะเอาชนะนายให้ได้ ไอ่พี่รหัสบ้า ระหว่างที่ฉันกำลังด่าพี่รหัสอยู่ในใจก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกปอนทิ้ง จากนั้นก็หาเสื้อตัวใหม่ใส่ อีกนานกว่าจะถึงกิจกรรมช่วงเย็น งั้นขอนอนพักหน่อยแล้วกันนะ เก็บแรงไว้ก่อนเพื่อตอนเย็นเจอพี่รหัสบ้านั้นจะได้มีแรงไว้ต่อสู้....................
ผ่านไปสองชั่วโมง ฉันตื่นจากการหลับพักผ่อน ดูเวลาอีกทีก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็นแล้ว ฉันขี้เกียจอยู่ที่หอคนเดียวไปร่วมกิจกรรมช่วงเย็นดีกว่า เห็นหยอยบอกว่าวันนี้จะมีกิจกรรมให้น้องๆเลือกชมรมด้วย น่าสนใจ....ว่าแล้วฉันก็รีบไปสมทบกับหยอยก่อนที่กิจกรรมภาคเย็นจะเริ่มดีกว่า
“ฮัลโล หยอยนี่ฉันเอง ตอนนี้อยู่ไหนนะ” ฉันโทรถามหยอยหลังจากที่มองหาแล้วไม่เจอ
“ฉันอยู่ด้านหน้าแถวที่สามซ้ายมือสุดนะ แกเห็นฉันหรือยัง ว่าแต่หายปวดหัวแล้วเหรอถึงมานะ” พลางมองหาเพื่อนรักไปด้วย
“ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ เดี๋ยวนะแก ยังไม่เห็นเลย คนเยอะมากเลยง่ะ ตายลายไปหมดแล้ว” ฉันบอกเมื่อพยายามมองหาแล้วหาไม่เจอ
“เอางี้ ตอนนี้แกอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปหาแกเอง” หยอยบอกเสร็จก็รีบลุกขึ้นเตรียมจะไปหาฉัน
“ตอนนี้ฉันอยู่ข้างหลังสุดเลย อยู่ตรงที่ป้ายติดประกาศแผ่นใหญ่ๆนะ”
“โอเค เดี๋ยวฉันไปหา รออยู่ตรงนั้นนะ”
“อืม” ฉันรับคำ จากนั้นไม่เกินหนึ่งนาทีก็เห็นหยอยกำลังเดินเข้ามาหาฉัน
“หน้าตายังซีดๆอยู่เลย จริงๆไม่ต้องมาก็ได้ ฉันบอกรุ่นพี่ให้แล้ว” หยอยบ่น (อีกแล้ว)
“ก็บอกแล้วไงว่าค่อยยังชั่วแล้ว....จริงๆ” ย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าเพื่อนรักทำหน้าตาเมื่อไม่มั่นใจ
“เออๆๆ ไปเถอะเดี๋ยวจะมีรุ่นพี่มาแนะนำชมรมให้น้องๆเลือก เค้าให้เลือกลงกีฬาอย่างน้อยหนึ่งชมรมนะ” หยอยบอกเพื่อนก่อน เพราะรู้ว่าเพื่อนรักคนนี้ไม่ชอบกีฬา
“จริงง่ะ โอ๊ย....แกก็รู้ว่าฉันไมชอบกีฬา” ฉันบ่น
“ก็รู้ไงถึงได้รีบพูดให้ฟังก่อน ยังไงก็ลงชื่อไปก่อน ไปไม่ไปค่อยว่ากันทีหลัง” หยอยว่า
“ขอให้มันเป็นอย่างที่แกพูดเถอะ” จากนั้นเราทั้งสองคนก็เดินไปนั่งแถวหน้าที่หยอยนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“น้องๆครับถึงเวลาที่รุ่นพี่จะมาแนะนำชมรมต่างๆให้น้องๆได้เลือกกัน น้องๆต้องเลือกชมรมกีฬาอย่างน้อย 1 ชมรมนะครับ ส่วนชมรมอื่นสามารถลงกี่ชมรมก็ได้ เมื่อเข้าใจกันแล้วเรามาเริ่มที่ชมรมแรกกันดีกว่า ได้แก่ ชมรมดาราศาสตร์”
“แกชมรมนี่น่าสนนะ ได้ไปเข้าค่ายที่ดอยอินทนนท์ด้วยนะ ไปนั่งดูดาวกับคนรัก โอ้โหโรแมนติกซะไม่มี” หยอยชวนให้ฉันลงชมรมนี้
“น่าสนแต่ฉันไม่ได้สนที่โรแมนติกบ้าบออะไรของแกหรอกนะ” ฉันบอกหยอยที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ก็มันจริงนี่แก บรรยายกาศเป็นใจออก แถมดูสิรุ่นพี่ที่อยู่ชมรมหล่อๆทั้งนั้น” เอาอีกล่ะ ฉันคิด โรคแพ้ผู้ชายหล่อกำเริบแล้ว....เพื่อนเรา
“ไม่รู้คิดดูก่อน อาจไม่ลง” แกล้งดีกว่า
“ไม่เอาแก ลงเถอะนะ ฉันไม่มีเพื่อนลงนิ”
“ก็ได้ ล้อเล่นน่า” ฉันยิ้ม
“ชมรมต่อไป เป็นชมรมบาสเกตบอลครับ” นั่นมัน.....พี่รหัสบ้านิ ดูสิมีแต่เสียกรี๊ดของผู้หญิงเต็มไปหมด ยกเว้นฉันคนหนึ่งแหละที่ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มเลยสักนิด
“สวัสดีครับน้องๆ นี่เป็นชมรมบาสเกตบอล ชมรมของเราไม่มีอะไรมากแค่ต้องการน้องๆที่มีใจรักกีฬา และชอบในการเล่นบาสเกตบอล เรารับแค่ 40 คนเท่านั้น ไม่จำกัดแค่ผู้ชายนะครับ ผู้หญิงก็เข้าร่วมได้ ถึงแม้อาจจะเล่นไม่เป็น พี่ๆในชมรมจะสอนให้เอง” แล้วฉันก็ไม่ได้ตาฝาดด้วยรู้สึกว่าพี่รหัสมองมาที่ฉันจริงๆ แล้วก็ยิ้มแบบมีเล่ห์นัยด้วยง่ะ ยิ้มแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆเลย ฉันคิด
“ให้ฉันเดา ชมรมนี่แกคงไม่ลงใช่ไหม” หยอยถามฉันเมื่อเห็นว่าประธานชมรมเป็นใคร
“แน่นอน....อย่างน้อยชมรมกีฬาไม่ได้มีแค่ชมรมนี้ชมรมเดียวซะเมื่อไหร่” ฉันบอกพร้อมกับยังจ้องหน้าพี่รหัสอยู่ เอาซี้คิดว่าจ้องได้คนเดียวหรือไง
“ท่าทางชมรมนี้จะเต็มเร็ว ก็ประธานชมรมออกจะหล่อขนาดนั้น แถมสาวๆยังกรี๊ดอีกต่างหาก” แล้วก็ดูบรรยากาศรอบๆที่ตอนนี้รู้สึกว่าใครๆก็ต่างให้ความสนใจที่จะลงชมรมนี้
“เต็มไม่เต็มฉันไม่สน เพราะฉันไม่มีทางลงชมรมนี้เด็ดขาด”
โดยหารู้ไม่ว่าชื่อของตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้ลงสักชมรมกลับมีชื่อไปอยู่ที่ชมรมบาสเกตบอลเป็นชื่อแรก ด้วยฝีมือของใครก็คงไม่ต้องบอก.....ก็อยากจะรู้นักว่าหน้าเธอจะเป็นยังไง....ยัยแว่น
หลังจากที่รุ่นพี่ชมรมต่างๆได้แนะนำชมรมเสร็จก็ปล่อยให้รุ่นน้องไปสมัครเข้าชมรมนั้นๆตามความสมัครใจ คนส่วนใหญ่วิ่งไปสมัครชมรมบาสเกตบอลเป็นแห่งแรกเลย โดยเฉพาะสาวๆ!!!!!
“ตกลงแกจะเลือกชมรมอะไรบ้างล่ะ แต่อย่าลืมชมรมดาราศาตร์ของฉันนะ” ยังย้ำอยู่
“เออ ไม่ลืมหรอก ฉันกะจะเข้าชมรมวิชาการด้วยนะ” ฉันบอกพร้อมกับมองหาโต๊ะชมรมวิชาการ
“โอ้โห ยังไม่ทิ้งคราบนักเรียนดีเด่นอีกนะแก หายใจเข้าหายใจออกเป็นเรียนวิชาการด้านการเรียนหมด” หยอยว่าให้ฉัน
“ก็คนมันเรียนไม่เก่งนิ ก็ต้องขยันไว้ก่อน อีกอย่างชมรมนี่มีแต่รุ่นพี่ที่เก่งๆมาติวให้ก่อนสอบทั้งนั้นนะแก กำไรเห็นๆ ไม่ต้องเสียเงินไปเรียนพิเศษของนอกด้วย” แล้วก็พูดโน้มน้าวให้หยอยคล้อยตาม
“ที่พูดมาก็มีเหตุผลนะ ตกลงงั้นลงชมรมนี้กับชมรมดาราศาสตร์ของฉัน”
“ได้ งั้นรีบไปลงชื่อเถอะ จะได้รีบกลับไปน้อง พรุ่งนี้รุ่นพี่นัดตั้งตี 4 ก่อน” จากนั้นเราทั้งสองคนก็เดินไปที่โต๊ะของชมรมทั้งสองชมรม ว่าแต่.........
“แกแล้วชมรมกีฬาล่ะ จะลงอะไรดีล่ะ เบตองไหม หรือว่า ว่ายน้ำ หรือว่าวอลเล่ย์ หรือว่า...”
“พอก่อนแก กำลังคิดอยู่เนี๊ย อย่าลืมนะชมรมบาสไม่ลงเด็ดขาด” ฉันย้ำ
“รู้แล้วๆ อืม....ลงฟุตบอลไหมแก” หยอยแนะนำ
“บ้าหรอ หนักกว่าบาสอีกนะแก ไม่เอาง่ะ ลงเบตองไหม ง่ายดีก็แค่ขว้างลูกกลมๆนะ” ฉันออกความคิดเห็น โดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนยืนแอบฟังอยู่ที่ข้างเสาตั้งนานแล้ว
“โอเค งั้นรีบไปกัน” เราทั้งสองคนกำลังจะเดินไปยังโต๊ะชมรมเบตอง แต่ก็ต้องหยุดเดินกระทันหัน เพราะเจอกับใครบางคน โดยเฉพาะฉันที่ไม่อยากเจอมากที่สุด
“เป็นยังไงหายป่วยแล้วเหรอ น้องรหัส” พลทักขึ้นก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“หายแล้ว คงไม่ตายหรือว่าเป็นอะไรไปง่ายๆหรอก” ฉันตอบกลับด้วยความโมโห นี่ยังไม่ลืมหรอกนะเรื่องเมื่อตอนเที่ยงนะ
“นั่นสิเนอะ ว่าแต่ลงชมรมครบแล้วเหรอแล้วชมรมกีฬานะลงอะไร” พลถาม
“ยังแต่ไม่ต้องกลัวนะ เพราะยังไงฉันก็ไม่ลงชมรมบาสอยู่แล้ว” ฉันโต้กลับ
“เหรอ แต่....ทำไมชื่อเธอถึงไปอยู่ที่ชมรมบาสได้นะ คนแรกเลยนะ เบื่อจริงๆเลยคนพวกนี้ปากบอกอย่างการกระทำอีกอย่าง” พลสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่เหมือนสมเพศฉัน
“เอาอะไรมาพูด ไม่จริงชื่อฉันจะไปอยู่ที่ชมรมพี่ได้ยังไงฉันยังในเมื่อฉันยังไม่ได้ไปลงชื่อเลย และไม่คิดจะไปลงด้วย”
“ถ้าเธอไม่เชื่อฉันก็ไปดูที่ใบรายชื่อก็ได้นะ เพราะฉันไม่เคยพูดโกหกอยู่แล้ว”ว่าเสร็จก็เดินไปที่โต๊ะชมรมบาสแล้วก็ยื่นใบสมัครให้ฉันดู
“ไม่จริง นี่ไม่ใช่ลายมือฉัน ต้องมีคนแกล้งฉันแน่ๆ” ฉันบอกพร้อมกับยื่นกระดาษให้หยอยดู
“ใช่ค่ะพี่ นี่ไม่ใช่ลายมือแก้วนะค่ะ” หยอยบอกกับพล เพื่อช่วยฉันอีกแรง
“น้องพูดตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ยังไงเมื่อมีชื่ออยู่ในนี้ก็ถือว่าอยู่ชมรมนี้แล้ว ยินดีด้วยนะน้องใหม่ชมรม” เมื่อพลบอกหยอยเสร็จแล้วก็หันหน้ามาบอกกับฉันทิ้งท้าย
“พี่แกล้งฉัน” เอาแล้ว หยอยนึกในใจกับน้ำเสียงของฉันที่เริ่มเปลี่ยนไป
“ทำไมฉันต้องแกล้งเธอด้วย ในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสฉัน ฉันต้องดูแลเธอมากกว่าจะแกล้งอยู่แล้วนิ” แล้วก็ยิ้มแบบสะใจ
“ถึงแม้ว่ามีชื่อฉันอยู่ในชมรม แต่ยังไงฉันก็ไม่เข้าเพราะนั่นไม่ใช่ลายมือฉัน” ฉันเถียงต่อ
“แต่เธอต้องอยู่และก็ต้องมาร่วมทำกิจกรรมของชมรมทุกครั้ง” คิดจะท้าทายฉันเหรอ ยัยแว่น เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะชนะ....
“ไม่” ฉันยืนยัน
“ไปเถอะหยอยอย่าอยู่ตรงนี้เลย” แล้วก็ลากแขนหยอยเดินไปด้วยกัน
“หยุดนะ ฉันยังคุยไม่จบ ยังไงเธอก็ต้องมาเข้าร่วม ในฐานะที่ฉันเป็นประธานชมรมนี่คือคำสั่ง” พลพูดเสียงเข้ม
“คิดว่าเอาตำแหน่งประธานชมรมมาขู่แล้วฉันจะยอมเหรอ ไม่มีทางยังไงๆฉันก็ไม่เข้า”
“ก็ได้งั้นเธอได้เจอดีแน่”
“เอาเลย ฉันไม่กลัว” ฉันท้า
“ไปหยอยไปที่อื่นเถอะ” จากนั้นฉันก็เดินไปที่ชมรมเบตองเพื่อจะสมัครลง
“น้องลงชมรมพี่รับอีกแค่คนเดียวนะ” รุ่นพี่บอก
“พี่ค่ะรับเพิ่มอีกสักคนไม่ได้เหรอ” ฉันอ้อนวอน
“ไม่ได้น้อง ลองไปดูชมรมอื่นสิ เพื่อยังไม่เต็ม”รุ่นพี่แนะนำ
จากนั้นฉันกับหยอยก็รีบไปยังโต๊ะชมรมกีฬาต่างๆ ส่วนใหญ่ก็เต็มหมดแล้ว เป็นเพราะเราช้าเองที่มัวแต่ยืนต่อปากต่อคำไอ่พี่รหัสบ้านั้น
“เอาไงแก ชมรมอื่นๆก็เต็มหมดแล้ว แกนะอย่างน้องมีบาสสำรองแล้วแต่ฉันยังไม่มีนะ” หยอยว่า
“รู้แล้ว สงสัยแกได้อยู่เบตอง แต่ฉันอยู่บาสง่ะ ไม่เอาๆๆๆๆยังไงฉันก็ไม่อยู่นะ” แล้วก็ระบายออกมาด้วยความคับแค้นใจ
“แกว่าพี่นั้นแกล้งแกเหรอ” หยอยถาม
“ชัวส์ร้อยเปอร์เซ็นต์” แล้วก็ก้มหน้าเหมือนสิ้นหวังในชีวิต
“ทำไมน้าแกถึงต้องมาได้พี่นั้นเป็นพี่รหัส ฉันสงสารแกจริงๆเลย”
“ช่างเถอะแกรีบไปลงเบตองเถอะ ฉันนั่งรอแกตรงนี้แล้วกัน” แล้วฉันก็ไปนั่งที่ม้าหินอ่อน
“เดี๋ยวมานะ” ฉันพยักหน้า แล้วก็นั่งรอหยอยไปสมัครชมรมเบตอง ฉันเพิ่งสังเกตว่า คนในอาคารแทบไม่เหลือใครแล้ว สงสัยคงรีบกลับไปนอนเอาแรงเดินขึ้นดอยพรุ่งนี้ ขณะที่ฉันนั่งคิดเพลินๆอยู่นั้น ใครก็ไม่รู้อยู่ดีๆก็มานังข้างฉัน
“เป็นไงหาชมรมอื่นลงไม่ได้เหรอ ถึงมานั่งหน้าหงอยอย่างนี้” เสียงนี่มันพี่รหัสบ้าชัดๆ ฉันคิด
“ไม่ต้องมายุ่ง”แล้วฉันก็ขยับตัวหนีออกห่างพี่รหัส
“ก็ไม่อยากยุ่งหรอก ก็บอกแล้วไงว่าเธอเป็นน้องรหัสฉัน ก็ต้องเป็นห่วง” แล้วเค้าก็ขยับมาใกล้ฉันอีก
“นี่ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาทำเป็นพี่รหัสที่แสนดี มันไม่เนียนเลยสักนิด” แล้วฉันก็ขยับหนีอีกครั้ง
“นี่ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆนะ กลัวว่าจะดีใจจนเป็นลมที่ได้อยู่ชมรมเดียวกับฉัน” แล้วเค้าก็หัวเราะออกมา
“สนุกมากใช่ไหมที่แกล้งฉันนะ” ฉันถามแล้วก็หันไปจ้องหน้าเค้าแบบเต็มๆ
“แกล้งอะไร บอกแล้วว่าไม่ได้แกล้ง” แล้วเค้าก็จ้องหน้าตอบฉันแบบเต็มๆเหมือนกัน
“โกหก.....ได้ก็ดีเหมือนกันฉันก็อยากรู้นักว่าประธานชมรมบาสจะเก่งสักแค่ไหน จะเอาชมรมรอดรึป่าว” ฉันท้า
“ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์ ว่าแต่พรุ่งนี้นะเดินขึ้นดอยไหวแน่เหรอ”
“ไหว แล้วคอยดูล่ะกัน”
“แล้วจะคอยดู ระวังนะวิ่งขึ้นดอยอยู่ดีๆเจอหนอนระหว่างทางกลัวจะวิ่งไม่ออก ไม่ใช่สิกลัวจะวิ่งไม่ถึงมากกว่า ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วไอ่พี่รหัสบ้าก็หัวเราะแบบสะใจ
“ไอ่พี่รหัสบ้า โรคจิต นิสัยทุเรศ” จากนั้นฉันก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปหาหยอยที่กำลังเดินมาหาฉัน
“พี่รหัสแกนิ” แล้วก็หันไปมองพล
“อืม เห็นแล้วแล้วก็คุยแล้วด้วย” ฉันตอบ หยอยกำลังจะถามต่อ ฉันเลยตัดบทว่า
“รีบไปเถอะ”
แล้วฉันจะคอยดู ว่าคนอวดเก่งอวดดีอย่างเธอจะเอาตัวรอดได้สักแค่ไหน.............
“แกรีบตื่นเร็วตีสามครึ่งแล้วนะ” หยอยลากฉันลงจากเตียง
“อะไรเพิ่งจะหลับเองนะ ตีสามครึ่งแล้วเหรอ” ฉันงัวเงียตอบ
“เร็วๆสิเดี๋ยวห้องน้ำก็เต็มหมดหรอก” แล้วก็หยิบผ้าเช็ดตัว แล้วก็เสื้อผ้าให้ฉัน
“รู้แล้วๆ” แล้วฉันก็รีบลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ วันนี้ทั้งหอพักทุกหอวุ่นวายไปหมด รวมทั้งหอที่ฉันพักด้วย บางห้องก็ไม่รู้จักหลับจักนอนคุยกันเสียงดังจนคนอื่นแทบจะไม่ได้นอน กว่าฉันจะหลับลงปาไปตี 2 ไม่รู้ตื่นเต้นอะไรกันนักหนา ดีนะที่คณะฉันนัดน้องตี 4 บางคณะนัดตั้งตี 2 ไม่รู้จะนัดเช้าทำไม เดินจริงๆ 6 โมงเช้านู้น หลังจากที่อาบน้ำ แต่งตัว เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบไปที่หน้าตึก ดูสิคนเยอะชะมัด สงสัยเรามาสายรึป่าว แล้วฉันก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดู ก็ตี 4 พอดีเปะ (ทำเวลาเก่งไหมค่ะ) เมื่อรอสักประมาณครึ่งชั่วโมงรุ่นพี่ก็ให้จัดแถวเป็นห้าแถวตอนลึกแล้วก็จับมือกันวิ่งจากตึกไปวนรอบหอนาฬิกาหนึ่งรอบเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย จากนั้นก็วิ่งต่อมายังสนามกีฬาหน้ามหาวิทยาลัย นี่ขนาดยังไม่ได้ขึ้นดอยนะ ยังเหนื่อยแล้วง่ะ ไม่ได้ๆฉันต้องไหว ฉันต้องเอาชนะพี่รหัสบ้านั้นให้ได้ กว่าคณะฉันจะเดินขึ้นดอยเป็นขบวนที่ 15 งั้นฉันขอหลับรอก่อนแล้วกัน ไม่ไหวง่ะง่วงมากเลยได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง และฉันกำลังจะหลับแต่แล้ว ใครว่ะมาเรียกฉัน
“อะไรกันยังไม่ทันขึ้นดอยหมดแรงเสียล่ะ จะไหวไม่เนี๊ย” เสียงพี่รหัสฉันนั่นเอง
“ไหวสิ” ฉันมั่นใจ
“แน่ใจเหรอ ดูสิหน้าตายังกับผีดิบซีดเซียวเหมือนคนอดหลับอดนอน” แล้วเค้าก็ลงมานั่งที่สนามข้างฉัน
“ก็บอกแล้วไงว่าไหวนะ ไปไกลๆเลยนะ คนจะหลับ” แล้วฉันก็ขาทั้งสองข้างพับขึ้นมาแล้วก็เอามือกอดขาไว้แล้วก็ก้มลงทำเป็นที่นอนชั่วคราว
“เอาไป ฉันซื้อมาให้ กว่าเค้าจะแจกซาลาเปากับนมก็แปดโมงโน้น กินซะจะได้ไม่หิว” แล้วเค้าก็ยื่นขนมปังใส้สังขยาพร้อมกับนมสดหนึ่งกล่องมาให้ฉัน
“ผีเข้าเหรอ วันนี้ถึงได้ใจดี ไม่กินหรอกใส่ยาพิษรึป่าวก็ไม่รู้” ฉันแขวะ ก็มันจริงๆนิ เจอกันทีไรก็แกล้งกันทุกที
“นี่ฉันอุตส่าห์ซื้อมาให้นะ ยังจะมาว่าอย่างนี้อีก จะหรือไม่เอา” พลถาม
“ไม่เอา” เรื่องอะไรจะเสียศักดิ์ศรีล่ะ
“ตามใจฉันวางไว้ตรงนี้แล้วกัน” แล้วเค้าก็เดินจากไป
“บ้าหรือป่าว” ฉันว่าแล้วก็พยายามหลับไปไม่สนใจกับขนมตรงหน้า แต่ทำยังไงก็หลับไม่ลงเลย เสียงดังกันจริงไม่รู้จะเม้าส์อะไรกันนักหนา โอ๊ย...ท้องร้องง่ะ ทำไงดีหิวชะมัด แล้วฉันก็มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นพี่รหัสก็หยิบถุงขนมที่เค้าเอามาให้แล้วก็กินอย่างอร่อย และหมดในไม่กี่นาทีต่อมา
ไม่แน่จริงนี่นา ปากเก่งนักนะ พลบ่นในใจเมื่อเห็นน้องรหัสตนเอาขนมที่วางไว้เมื่อครู่มาทานหลังจากที่ไม่เห็นเค้า จริงๆแล้วเค้าก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำที่เวลาเจอกันต้องแกล้งตลอดเวลา เพียงแต่ไม่รู้สิได้เจอหน้า ได้แกล้งนิด แกล้งหน่อย เค้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก....ไม่นะไอ่พลแกกำลังคิดอะไรอยู่ว่ะเนี๊ย.... นั้นน้องรหัสแกนะโว้ย ว่าแล้วพลก็เดินไปสบทมกับเพื่อนๆ
ความคิดเห็น