คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แกล้ง(2)
“แก้ว....ตื่นได้แล้วสายแล้วนะ” เสียงหยอยนี่นา ทำไมถึงลุกไม่ขึ้นน้า โอ๊ยปวดหัวชะมัดเลยง่ะ
“แกไหวไหมเนี๊ย.....ตัวยังร้อนเลย” หยอยเอามือมาจับที่หน้าผากฉัน
“ไหวสิ” ฉันพยายามจะลุกขึ้นแต่มันก็ไม่ไหว รู้สึกเรี่ยวแรงหายไปไหนหมดก็ไม่รู้สิ
“ถ้าทางไม่ไหวแน่ๆเลย เอางี้นอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันบอกรุ่นพี่ให้ว่าแกไม่สบาย ไม่เป็นไรหรอก”
“อืม งั้นฉันนอนพักแป๊ปแล้วกัน ถ้าไหวเมื่อไรจะตามไปที่หลังนะ”
“ได้ เดี๋ยวฉันลงไปซื้อเข้าต้มที่โรงอาหารไว้ให้แล้วกัน แล้วก็อย่าลืมทานยาด้วยล่ะ พักผ่อนมากๆนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เดินขึ้นดอยไม่ไหว” หยอยสั่งก่อนที่จะออกไป
“อืม....ขอบใจนะ” หลังจากนั้นฉันก็นอนพัก...เป็นเพราะนายคนเดียวเลย ไอ่พี่ปากร้ายนิสัยทุเรศ
.
“น้องครับ....เพื่อนน้องเป็นยังไงบ้าง” ป๋อมถามหยอยที่กำลังนั่งพักอยู่กับเพื่อนๆ
“ไม่เป็นไรมากหรอกพี่...แค่ไข้ขึ้นนะ” ตอบแบบประชด
“อ่อนแอ” พลพูดออกมาลอยๆ
“เอ้าพี่พูดงี้ได้ไง ที่เพื่อนหนูเป็นไข้ก็เพราะพี่นะ” หยอยว่าให้พล
“นั่นสิ เห็นไหมไอ่พล เล่นแรงไปหน่อยนะ น้องถึงขั้นเป็นไข้เลย แล้วพรุ่งนี้เดินขึ้นดอยด้วย” ป๋อมออกความเห็น
“ยัยนั่นไม่เป็นอะไรหรอก ขนาดเมื่อวานอ้วกจะเป็นจะตาย ก่อนกลับยังด่าข้าทิ้งท้ายอยู่เลย” พลบอกพร้อมทำหน้าเซ็งๆ
“ก็สมควรแล้วนิ เอางี้นะน้องดูแล้วเพื่อนดีๆแล้วกัน มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ” ป๋อมบอกด้วยความหวังดี
“ค่ะพี่ ขอบคุณนะค่ะ แต่แปลกนะค่ะ พี่เนี๊ยนิสัยดี๊ดี แต่ทำไมมีเพื่อนนิสัยตรงกันข้ามเลย” หยอยแดกดันพล
“เอ้าน้อง” พลตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“เฮ้ยพอที ไปเลยไปไกลๆเลย เดี๋ยวทำวงแตกหรอก” ว่าแล้วพลก็เดินออกไป
“พี่ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะ นิสัยมันเป็นอย่างนี้อย่าถือสาเลย แปลกนะเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นเลย ตั้งแต่เจอกับเพื่อนน้องนิสัยมันใจร้อนขึ้นกว่าเก่าเยอะ ว่าแต่....เพื่อนน้องถึงขั้นเป็นไข้เลยเหรอ แปลกนะตั้งแต่เกิดมาพี่ก็เพิ่งเคยได้ยินจากน้องเนี๊ยแหละ”ป๋อมบอกพร้อมหน้าตาสงสัย
“ไม่เป็นไรค่ะ....ที่เพื่อนหนูเค้าเป็นไข้ก็เพราะเค้ากลัวหนอนมาก....มีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีกับหนอนตอนเด็กๆนะค่ะ” หยอยอธิบาย
“ยังไงเหรอ” ป๋อมถามต่อด้วยความอยากรู้
“ก็ตอนนั้นแก้วไปเที่ยวสวนบ้านยายแล้วก็โดนลูกพี่ลูกน้องที่อยู่แถวนั้นแกล้งโดยหลอกให้กินน้อยหน่าที่เน่าแล้วนะค่ะ...มันก็กินแล้วอยู่ดีๆก็เห็นว่าน้อยหน่าที่กินอยู่นะ มีหนอน จากนั้นมันก็อ้วกๆๆๆๆ แล้วก็กลัวหนอนตั้งแต่นั้นมา ประมาณนี้แหละพี่” เมื่อพูดเสร็จก็สังเกตสีหน้าของพี่ป๋อม
“พี่ป๋อม ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” หยอยถามเมื่อเห็นสีหน้าของพี่ป๋อมเปลี่ยนไป
“ฟังแล้วอยากจะอ้วกแทน มิน่าล่ะถึงได้เป็นอย่างนี้ เพราะมีความทรงจำที่ไม่ดีนี่เอง ยังไงก็ดูแล้วเพื่อนให้ดีๆนะ พรุ่งนี้ต้องเดินขึ้นดอยแล้ว” ป๋อมบอกหยอย
“ค่ะพี่”
จากนั้นหยอยกับเพื่อนๆก็ร่วมทำกิจกรรมภาคกลางวันต่อ ด้านพลนั้นเมื่อคุยกับหยอยเสร็จก็เดินไปอีกหาพลที่ยืนรออยู่ข้างนอก
“คุยอะไรกันตั้งนาน คนยิ่งหิวๆข้าวอยู่” พลถามเมื่อเห็นว่าป๋อมเพิ่งจะเดินออกมาหา
“ก็คุยเรื่องน้องรหัสแกนั้นแหล่ะ” บอกพร้อมกับเดินไปด้วย
“เรื่องอะไร” พลถามด้วยความอยากรู้
“ก็เรื่องที่แกไปแกล้งเค้าถึงขั้นไข้ขึ้น....อยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นไข้เลย”
“แต่คนอย่างแกคงไม่อยากรู้หรอก....ใช่ไหม” ป๋อมลองหยั่งเชิง
“.......จริงๆก็ไม่อยากรู้หรอก....แต่ก็........แค่สงสัยเหมือนกัน.....ว่าโดนแกล้งแค่นี้ถึงกับไม่สบาย” พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุด ที่อยากรู้ก็เพราะลึกๆแล้วเค้าเองก็มีส่วนผิดที่แกล้งจนน้องรหัสถึงกับไม่สบาย
“ก็ตอนเด็กๆน้องเค้าโดนแกล้งให้กินน้อยหน่าเน่าที่มีหนอนนะก็เลยฝังใจกลัวหนอนตั้งแต่นั้นมา” ป๋อมอมยิ้มในท่าทีของเพื่อน ทำเป็นท่ามาก....ใจจริงก็อยากรู้ล่ะสิ
“อืม.....” มิน่าล่ะ ถึงกับเป็นไข้ แต่ก็ช่างเถอะ เป็นไข้ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก เดี๋ยวพักผ่อนมากๆก็หายเอง พยายามพูดปลอบใจด้วยเอง ไม่ให้รู้สึกว่าผิดมาก.........เมื่อพูดคุยเสร็จทั้งคู่ก็เดินตรงไปยังโรงอาหาร
“ฮัลโล สวัสดีครับ....อาจารย์เหรอครับ....ครับ.....มีปัญหาเหรอครับ... ผมจะไปเดี๋ยวนี้นะครับ”ป๋อมกดโทรศัพท์เสร็จแล้วหันมาพูดกับพล
“อาจารย์โทรมาเรียกให้ไปพบด่วน สงสัยงานมีปัญหา แกได้กินข้าวคนเดียวแล้วว่ะ”
“ไม่เป็นไรรีบไปเถอะ”
“แล้วไว้เจอกันนะ”ป๋อมบอกพลเสร็จแล้วก็รีบวิ่งไปหาอาจารย์
หลังแยกกย้ายกับป๋อม....พลก็เดินคนเดียวไปที่โรงอาหาร ซึ่งเวลานี้ที่โรงอาหารมีคนเยอะเพราะเป็นเวลาเที่ยง ว่าแล้วก็เดินเข้าไปสั่งข้าวมันไก่จานโปรดมาหนึ่งจาน
“ข้าวมันไก่จานหนึ่งครับ”
“สิบสองบาทค่ะ” แม่ค้าบอก
“นี่ครับ”แล้วก็ยื่นแบงค์ยี่สิบให้
สาเหตุที่โรงอาหารใหญ่ที่นี่จะมีนักศึกษามาทานเยอะ เพราะอาหารอร่อยและก็ถูกมากๆ เมื่อสั่งอาหารเสร็จ พลก็มองหาที่นั่ง ข้างนอกเต็มหมดเลย ลองเดินไปดูข้างในดีกว่า เพื่อจะมีที่ว่างบ้าง ว่าแล้วก็เดินไป.....นั่นไงที่ว่างหนึ่งที่ ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้
“มีคนนั่งไหมครับ” พลถามผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าทานข้าวอยู่ตรงกันข้าม
“ไม่มีค่ะ” แล้วฉันก็เงยหน้าขึ้นมาตอบ
“นี่เธอ ยัยแว่น” พลบอกเสียงดังจนคนในโรงอาหารที่นั่งข้างๆหันมามอง เมื่อรู้สึกตัวจึงหันไปพูดว่า
“โทษทีครับ”
“ไหนว่าไม่สบายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไหมถึงมีแรงเดินออกมาทานข้าวที่โรงอาหารได้ล่ะ” พลถาม
“......” เงียบ ฉันพยายามนับหนึ่งถึงสิบไว้ในใจ อย่าต่อปากต่อคำกับคนนิสัยไม่ดีเลย ทานข้าวต่อไปเถอะรีบๆทานจะได้รีบๆไป ก็คนมันหิวนิไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า นี่ถ้าไม่หิว ฉันลุกหนีพี่ปากร้ายไปนานแล้ว...
เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่สนใจตอบคำถาม จึงนั่งลงแล้วก็ดึงจานข้าวที่อีกฝ่ายกำลังทานออก
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ”
“.......”เงียบ
“เพิ่งรู้นะว่าคนบางคนได้กินหนอนเข้าไปทำให้ถึงกับเป็นใบ้รับประทานเลย” พยายามพูดให้อีกฝ่ายโมโห แต่ก็ยัง.....เงียบ
“นี่ฉันถามเธอ ทำไมไม่ตอบฉัน” เริ่มโมโหแล้ว แทนที่จะเป็นฝ่ายตรงข้าม
“ไม่อยากตอบ....ขอจานข้าวคืนด้วย” ในที่สุดฉันก็หมดความอดทน
“ฉันจะให้เธอจนกว่าเธอจะตอบฉัน”
“งั้นก็เอาไปเลย” พูดแล้วก็กำลังจะลุกหนีออกไปแต่.....
“อย่าเพิ่งไปจนกว่าฉันอนุญาต” ไม่พูดเปล่า แต่เอามือหนาอันแข็งแรงของเค้ามาจับที่ข้อมือฉันด้วย
“ปล่อยนะ” ฉันพยายามบิดข้อมือให้หลุดพ้น
“ไม่ปล่อยกว่าเธอจะยอมนั่งเหมือนเดิม แล้วตอบคำถามฉัน” แล้วก็บีบข้อมือบางๆแรงขึ้น
“โอ้ย....เจ็บนะ ปล่อยได้แล้ว....นั่งแล้ว” ว่าแล้วพลก็ปล่อยข้อมือบางนั้น ที่ยอมก็เพราะป่วยหรอกนะ
“งั้นก็ตอบมาที่ฉันถาม” พลสั่ง
“ค่อยยังชั่วแล้ว” ฉันตอบแล้วก็ลากจานข้าวของฉันคืนมา และกำลังลุกขึ้นที่จะไปให้พ้นๆหน้าคนนิสัยทุเรศ
“ฉันยังไม่ได้สั่งให้เธอไป...ดังนั้นห้ามไป” พลบอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งมิทราบ” ฉันถามกลับ
“สิทธิ์ในการเป็นพี่รหัสเธอไง”
“ฮึ....พี่รหัสเหรอ ขอโทษนะที่ฉันไม่มีพี่รหัส” ฉันตอบกลับแบบน้ำเสียงเยือกเย็นกลับ
“หมายความว่าไง.....นี่อย่าบอกนะว่าแค่เหตุการณ์เมื่อวานเธอถึงกับตัดเป็นตัดตายไม่ให้ฉันเป็นพี่รหัสเธอเลย.....โอ้โห้ กลัวจังแฮะน้องรหัสที่รัก” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าหล่อๆขาวๆของเค้ามาใกล้หน้าฉัน
“นี่อย่ามาเรียกฉันว่าน้องรหัสที่รักนะ” คนอะไรนอกจากนิสัยทุเรศแล้ว ปากยังทุเรศอีก
“ฉันจะเรียก... และฉันก็จะสั่งให้เธอนั่งอยู่ตรงนี้กินข้าวเป็นเพื่อนฉันด้วย” แล้วอีตาพี่รหัสก็ยิ้มกวนๆมาทางฉัน แกล้งยัยแว่นนี้สนุกดีแหะ!!!
“ไม่....ฉันอิ่มแล้ว อีกอย่างถึงให้ฉันกินข้าวกับพี่สู้หิวตายดีกว่า” ฉันว่า
“เพิ่งรู้นะว่าคนป่วยเนี๊ย เค้าปากเก่งอย่างนี้นี่เอง ไอ่เราก็เป็นห่วงว่าน้องรหัสสุดที่รักจะป่วยมากถึงกับนอนซม กินข้าวไม่ได้ อยากกินแต่........เค้กหนอนจากพี่รหัสที่แสนดีคนนี้อย่างเดียว”
“นี่หยุดพูดนะ ตั้งแต่นี้ไปพี่ไม่ใช่พี่รหัสฉัน และฉันก็ไม่ใช่น้องรหัสพี่ด้วย เพราะฉันไม่มีพี่รหัสปากร้าย นิสัยทุเรศๆอย่างนี้” ฉันพูดออกมาเสียงดังด้วยความโมโหสุดๆ จนคนส่วนใหญ่ในโรงอาหารหันมามองเราสองคน
“จะมากไปแล้วนะ เคารพฉันบ้างสิ อย่างน้อยในฐานะรุ่นพี่” พลบกกลับอย่างเสียงดังไม่แพ้กัน
“รุ่นพี่คนอื่นๆฉันเคารพแน่....แต่รุ่นพี่อย่างนี้ไม่สมควรให้ฉันเคารพสักนิด” แล้วฉันก็รีบลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนั้นทันที แทนที่เจอหน้ากันจะขอโทษกลับมาพูดจาทุเรศๆหาเรื่องอีก แย่ที่สุดทำไมฉันถึงได้พี่รหัสทั้งปากร้าย นิสัยทุเรศ ชอบหาเรื่องคนนี้มาเป็นพี่รหัสฉันด้วยนะ แล้วฉันก็รีบเดินกลับหอไปอย่างเร็วที่สุด แต่แย่ชะมัดจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างนักเสียด้วย ฉันเลยต้องรีบหาที่หลบฝนก่อนที่จะไม่สบายอีก เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินขึ้นดอย ขณะที่ฉันกำลังหาที่หลบฝนอยู่นั้น ก็มือมือหนาๆของใครไม่รู้มาจับที่ข้อมือฉันกึ่งกระชากกึ่งวิ่งพาไปที่หลบฝนใต้อาคารเรียน
“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันกล่าวขอบคุณทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูหน้าคนที่พาฉันมาหลบฝนด้วยซ้ำ
“เพิ่งรู้นะว่าเธอขอบคุณก็เป็น” นี่มัน.....
“ทำไม...มีอะไรเหรอ” พลถามแล้วก็ยื่นหน้ามาใกล้ฉัน
“ปล่อยมือฉันได้แล้ว” ฉันพูดแล้วก็พยายามดึงข้อมือฉันกลับ
“ก็ไม่จะอยากจับนักเหรอ ตะกี้ฉันยังพูดไม่จบ เธอนี่ไม่มีมารยาทเลยนะลุกหนีทั้งๆที่เรายังคุยกันไม่จบ” ว่าแล้วก็ปล่อยข้อมือเล็กๆนั้นออกและพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาที่ไม่หลงเหลือความโกรธเมื่อครู่นี้เลย
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด เพราะฉันพูดไปหมดแล้ว” ฉันตอบกลับไป แล้วก็ถอดแว่นตาออกเอามือมาเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปียกฝน
ก่อนที่พลจะตอกกลับก็เห็นใบหน้าเต็มๆของน้องรหัสที่ตอนนี้ซีดมากๆ จึงเปลี่ยนคำถามถามแทนว่า
“เป็นอะไรรึป่าว หน้าเธอซีดมากๆ” ที่ถามก็เพราะเป็นพี่รหัสหรอกนะ ไม่ได้ห่วงอะไรมากมายนักหรอก
“...........” เงียบ
“ฉันถามเธอนะ” พลตะคอกใส่
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมายุ่ง” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดังไม่แพ้กันจนพลรู้สึกได้
“เดี๋ยวนี้เก่งใหญ่แล้วนะ...ตะคอกใส่พี่รหัสเชียวเหรอ” แล้วก็จ้องเขม็งมาที่ฉัน
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีพี่รหัสนะ หูหนวกหรือไง” แล้วก็เดินหนีไปที่อื่นเพราะไม่อยากเห็นหน้าคนปากร้าย นิสัยทุเรศที่ยื่นอยู่ตรงหน้า
“นี่ถ้าแค่เหตุการณ์เมื่อวานเธอถึงกับโกรธฉันไม่ให้ฉันเป็นพี่รหัสเธอ แล้วการที่เธอเอาเค้กมาปาใส่หน้าฉันล่ะ ฉันยิ่งไม่ต้องโกรธเธอเหรอ .จริงๆแล้วเธอต้องเป็นฝ่ายขอโทษฉันด้วยซ้ำ” พูดไปแล้วก็เดินตามหลังน้องรหัสไปด้วย
“ขอโทษเหรอ....ใครกันแน่ที่ต้องขอโทษ พี่นั่นแหละที่ต้องขอโทษฉันหากยังมีจิตสำนึกในความรู้สึกผิดบ้าง รู้ทั้งรู้ว่าฉันกลัวและก็เกลียดหนอนมากแค่ไหน ในใบน้องรหัสฉันก็เขียนใส่ แต่พี่ก็ยังแกล้งฉันเพียงเพราะฉันไม่ยอมขอโทษพี่ที่เดินชนวันนั้น” ฉันตะโกนใส่หน้าเค้าด้วยความโกรธจนรู้สึกได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเริ่มมีอาการอึ้งสักพักแล้วก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นดุดันเหมือนเดิม
“ใช่ฉันรู้ว่าเธอกลัว....ใช่ฉันไม่เถียงที่ฉันแกล้งเธอ แต่ฉันต้องการสั่งสอนให้เธอรู้ว่า คนที่ผิดก็ต้องควรขอโทษ เธฮรู้อยู่แก่ใจว่าเธอผิด แต่ก็ไม่ยอมรับ อีกอย่างเมื่อกี้ที่โรงอาหารเธอพูดไม่ให้เกียรติฉันในฐานะรุ่นพี่ ยังไงเธอก็ต้องขอโทษฉันอยู่ดี” เขาเถียงกลับไปเสียงดังไม่แพ้กัน
“นี่.....” ฉันกำลังจะเถียงกลับไป แต่ทำไมรู้สึกหน้ามืดอย่างนี้ล่ะ
“เป็นอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้
“ไม่ต้องมายุ่ง” แล้วฉันก็เดินหนีไปอีกทางพร้อมกับหาที่นั่ง
“กลับไปหายาแก้ไขกินด้วยล่ะ....พรุ่งนี้เดินขึ้นดอยด้วยเดี๋ยวจะเดินขึ้นไม่ไหว” ยังๆยัยแว่นนี้ก็ยังเป็นน้องรหัสเค้า
“ไม่ต้องทำมาเป็นพี่รหัสที่แสนดีหรอก...ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีพี่รหัส” ฉันตอบกลับไปด้วยความโกรธปนหมั่นไส้นิดๆ
“ฮึ....ปากเก่งนักนะ แล้วฉันจะคอยดูว่าพรุ่งนี้เธอจะเดินขึ้นดอยไหวรึป่าว” พลท้า
“ไหวแน่....แล้วค่อยดูแล้วกัน” ก็เอาสิ ฉันไม่ชอบให้ใครมาท้าอยู่แล้ว
ทำไมฝนไม่หยุดตกสักทีเนี๊ย....ฉันบ่นในใจ ไม่อยากอยู่ตามลำพังกับพี่ปากร้ายคนนี้ง่ะ.....แล้วก็เหลือบตาไปมองเค้านิดๆ
“ทำไม...มองหน้าหาเรื่องเหรอ” พลถาม เมื่อเห็นว่าฉันมองหน้าเค้า
“ป่าว....ก็ไม่อยากมองหรอกเพราะมองไปก็ไม่ได้ทำให้ฝนหยุดตกเร็วขึ้น” ฉันตอบประชด เพราะในใจยังรู้สึกโกรธพี่ปากร้ายคนนี้อยู่ที่แกล้งฉันเมื่อวานนี้แทนที่เจอหน้ากันจะขอโทษ แล้วฉันก็เดินเลี่ยงไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง เพราะไม่อยากนั่งอยู่กับคนปากร้าย นิสัยทุเรศ สักพักฝนก็ค่อยๆซาลง ฉันจึงตัดสินใจจะวิ่งกลับหอพัก แต่.........
“ขอโทษนะ เรื่องเมื่อวาน” พลเดินเข้าไปหาแก้วแล้วบอกด้วยน้ำเสียงเบาๆ จนฉันรู้สึกว่าหูฟาดรึป่าว
“อะไรนะ” ก็ฉันไม่แน่ใจ ว่าตะกี้หูฟาดรึป่าว
“ฉันบอกว่าขอโทษ .ได้ยินแล้วยัง” พลพูดเสียงดัง แล้วก็หันหน้าไม่ทางอื่น คนอุตส่าห์รวบรวมความกล้าตั้งนานก่อนที่จะมาพูด
“เพิ่งรู้เหรอว่าตัวเองผิดเมื่อกันนะ” ฉันบอกแล้วก็อมยิ้มนิดๆที่ไม่เคยเห็นอาการของพี่ปากร้ายคนนี้ ทำท่าทำทางเหมือนเขินๆยังไงไม่รู้สิ
“นี่เธอ ฉันอุตส่าห์ขอโทษแล้วนะ ยังจะมาพูดอย่างนี้อีก ฉันขอโทษเธอไปแล้วทีนี้เธอต้องขอโทษฉันกลับบ้าง” แล้วก็หันหน้ามองมายังที่ฉัน
“ก็ฉันพูดเรื่องจริงนิ อีกอย่างฉันไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องขอโทษ เพราะฉันไม่ผิด” ฉันเถียง
“เธอแน่ใจนะว่าเธอจะไม่ยอมขอโทษฉัน” แล้วก็เดินเข้าไปใกล้น้องรหัส
“ไม่ ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ผิด” แล้วฉันก็เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก็สถานการณ์มันไม่ค่อยหน้าไว้วางใจ
“ฉันให้โอกาสเธอขอโทษฉันอีกครั้ง” แล้วก็ก้าวเข้าไปหาอีกหนึ่งก้าว
“ม่าย.....ไม่” ทำไมนะเสียงฉันต้องสั่นด้วย ไม่สิอย่ากลัวเค้านะ อีตาพี่รหัสคนนี้ไม่เห็นต้องไปกลัวเลย
“เธออยากลองดีกับฉันใช่ไหม...” แล้วก็ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยมาทางฉัน
“ไม่ นี่อย่าเข้ามาใกล้นะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆด้วยว่ารุ่นพี่รังแกรุ่นน้อง” พูดขู่ไว้ก่อนเพื่อจะกลัวบ้าง แต่.....
“ฮึ แน่ใจเหรอ เอาเลยร้องให้ดังก็ไม่มีใครได้ยิน ลองหันไปดูรอบๆสิมีใครบ้าง นอกจาก........เราสองคน” แล้วก็เดินเข้ามาใกล้ฉันอีกจนหลังฉันติดกับกำแพงตึก
“นี่อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เริ่มกลัวแล้วสิเรา อย่านะ อย่าแสดงให้เค้าเห็นว่าเรากลัว
“งั้นก็ขอโทษฉันมาซะ” แล้วเค้าก็เอามือทั้งสองข้างกางออกแล้วพิงไว้ที่กำแพง ป้องกันไม่ให้ฉันหนี ฉันเลยเอามือทั้งสองข้างของฉันเหมือนกันพลักหน้าอกกว้างๆของเค้าออกไปสุดแรง
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่” ฉันก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ ในเมื่อฉันไม่ผิด บ่นในใจ
“แน่ใจ....” เค้าถามเสียงสูง
“แน่ใจ” แต่ทำไมเสียงไม่หนักแน่นเลยล่ะเรา
“ดี ในเมื่อฉันให้โอกาสเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมขอโทษฉันเอง แล้วอย่าหาว่าฉันใจร้ายกับเธอแล้วกัน” พูดเสร็จเค้าก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน
“จะทำอะไรนะ ช่วยด้วยค่ะ ใครอยู่แถวนี้ช่วยด้วย”ฉันร้องเสียงดัง
“ก็บอกแล้วไงร้องให้ดังแค่ไหนก็ไม่มีใครช่วย” จากนั้นฉันก็พยายามพลักหน้าอกเค้าให้ไปห่างๆ แต่ทำไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรงเลย ในขณะที่พลยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนหน้าเค้ากับหน้าฉันจะชิดกัน เค้าก็เอามือข้างขวาล้วงไปที่กระเป๋ากางเกง แล้วก็ชูหนอนตัวโตสีเขียวมาตรงหน้าฉัน
“กรี๊ด....เอาออกไปนะ เอาออกไป” ฉันกรี๊ดแล้วเอามือที่ยันหน้าอกเค้าเมื่อครู่นี้มาปัดมือข้างขวาที่กำลังชูหนอนหน้าฉันแทน
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันให้โอกาสเธอแล้วนะ แต่เธอไม่เลือกเอง” แล้วก็จับหนอนโยกไปโยกมาหน้าน้องรหัส กะแล้วว่ายัยแว่นต้องไม่ยอมขอโทษ ตอนที่เค้ากำลังนั่งรอให้ฝนหยุดตกก็เหลือบเห็นหนอนอยู่บนหญ้าบวกกับกำลังคิดที่จะไปขอโทษยัยแว่นเพราะรู้สึกผิดที่แกล้งแรงเกินไป (รึป่าว) เลยจับมาไว้ก่อน เพื่อไม่ยอมขอโทษดีๆจะได้เอาออกมาขู่ให้ยอมซะ
“ขอโทษฉันมาซะดีๆเร็ว ก่อนที่ฉันจะให้เธอกินมันเข้าไป” พลขู่
“กรี๊ด...เอามันออกไปก่อนสิ” แล้วก็ปัดหนอนออกไปให้พ้นหน้า
“ไม่....ขอโทษฉันก่อน” แล้วก็ยื่นหนอนไปใกล้ปากน้องรหัส
“กรี๊ด....ก็ได้ ขอโทษๆๆพอใจแล้วยัง”
“ยัง...อีกอย่างเธอต้องยอมรับฉันในฐานะพี่รหัสของเธอด้วย” ได้ทีต่อรองอีกก็โอกาสมันมีแล้วนิ พลคิด
“ก็ได้....เอาออกไปเร็วๆสิ เอาออกไป”
“เท่านี้แหละ....แค่ยอมขอโทษตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”จากนั้นพลก็เอาหนอนเก็บใส่กระเป๋าไว้ที่เดิมแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“คนบ้า คนทุเรศ คนนิสัยไม่ดี คน....” กำลังจะด่าต่อ แต่....
“หยุดนะ หากเธอยังว่าฉันอีกล่ะก็ทีนี้ฉันจะเปลี่ยนมาให้เธอกินหนอนแทนเลย” แล้วฉันก็หยุดพูดทันทีพร้อมกับเอามือปิดปาก
“จำไว้นะ แค่นี้ยังน้อยไปอย่างเธอต้องเจออีกเยอะ หากคิดที่จะเป็นศัตรูกับฉัน” แล้วก็ยกแขนทั้งสองข้างลงทำให้ฉันมีโอกาสผลักเค้าไปไกลๆตัว
“แล้วก็จำไว้นะ สักวันฉันจะเอาคืนพี่ให้ได้” ว่าแล้วฉันก็รีบวิ่งออกไปให้พ้นจากที่นี่อย่างรวดเร็ว โดยยังได้ยินเสียงทิ้งท้ายของพี่รหัสว่า
“ก็ได้แล้วฉันจะรอวันนั้น ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” บอกพร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ
ก็บอกแล้วไงยัยแว่นอย่างเธอต้องเจออีกเยอะ คิดจะเอาคืนะฉันเหรอ ไม่มีวัน..............
ป.ล เรื่องนี้แต่งขึ้นโดยจินตนาการจากผู้เขียนนะค่ะ เหตุการณ์ กิจกรรม ตัวละคร ล้วนสมมุติขึ้น อาจมีบางกิจกรรมที่มีจริงในมหาลัย เช่น การเดินขึ้นดอย เปิดสายพี่รหัส เป็นต้น รุ่นพี่ที่นี่ดีนิสัยใจดีค่ะ การรับน้องสนุกสนาน เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ไม่มีการรับน้องแรง+โหด ไม่มีการแกล้งกันเหมือนในเรื่องนะค่ะ
ความคิดเห็น