ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตำนานดอกนาร์ซิสซัส
นาร์ซิสซัส เป็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในยุคกรีกโบราณ ทุก ๆ เช้าหลังตื่นนอน สิ่งแรกที่เขาทำคือสำรวจตนเองผ่านหน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งตัว เขาจะลูบไล้ฝ่ามือไปมาบนเส้นผมสีทองดังแสงตะวันของเขา แล้วกระพริบตาที่มีดวงตาสีฟ้ากระจ่างสดใส จากนั้นก็จะเบ่งกล้ามเพื่อสำรวจรูปร่างอันสง่างาม ยิ้มให้กับตัวเองด้วยฟันสีขาวไข่มุกที่เรียงกันเป็นระเบียบ แล้วจึงสวมเสื้อผ้าเพื่อไปรับประทานอาหารเช้า ….ช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่หลงตัวเองซะเหลือเกิน
บิดาและมารดาของเขายังไม่ได้มอบงานใด ๆ เป็นชิ้นเป็นอันแก่เขาเพราะเขาพึ่งอายุ 16 เท่านั้น ด้วยความที่เขาเป็นหนุ่มรูปงามมาก จึงทำให้หญิงสาวแทบทั้งเมืองหลงรักเขา แต่ปัญหาคือ นาร์ซิสซัส ช่างหลงตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่คิดว่าจะมีหญิงสาวคนใดในเมืองที่คู่ควรกับเขา จนทำให้หญิงสาวทุกคนอกหัก
ตัวอย่างที่มีให้เห็น เช่น มีหญิงสาวคนหนึ่ง สาบานว่าจะฆ่าตัวตายถ้า นาร์ซิสซัส ไม่เมตตาต่อความรักของนาง คำตอบที่ นาร์ซิสซัส มอบให้นางคือ การยื่นดาบให้เล่มหนึ่ง เด็กสาวผู้บูชารักจึงวิ่งเข้าหาดาบจนมันทะลุร่าง และนั่นก็คือจุดจบของนาง
มิเพียงมนุษย์เท่นนั้นที่หลงใหล ตกตะลึงพรึงเพริดกับความหล่อเหลาในตัว นาร์ซิสซัส ในตำนานกรีกจะกล่าวถึงนางไม้ บ่อยครั้ง ซึ่งนางไม้ก็คือวิญญาณที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำหรือน้ำพุ วนเวียนอยู่รอบทุ่งกว้างและเทือกเขา รวมทั้งทำหน้าที่ปกป้องต้นไม้ในป่าด้วย หนึ่งในบรรดานั้นก็คือ เอคโค่ Echo นางเป็นนางไม้สาวที่ตกหลุมรัก นาร์ซิสซัสมากเช่นกัน และนั่นนับว่าเป็นหายนะที่เลวร้ายครั้งที่สองที่เกิดขึ้นกับชีวิตของนาง
หายนะครั้งแรกของ เอคโค่เกิดขึ้นเมื่อนางหลอกล่อ เฮร่าผู้เป็นมเหสีของ ซูส และเป็นราชินีแห่งปวงเทพ อีกทั้ง เฮร่าองค์นี้ทรงเป็นเทพที่ผูกใจเจ็บ พระองค์ไม่รู้จักคำว่าให้อภัย เอคโค่ลอหลอกให้ เฮร่าไขว้เขว ขณะที่ ซูส ทรงแอบหนีไปหาความสำราญกับนางไม้ตนอื่นที่เพิ่งพบกัน ดังนั้นเมื่อ เฮร่าทรงทราบ พระนางกริ้วมาก จึงทรงลงโทษ เอคโค่โดยสาปให้นางสูญสิ้นพลังในการพูด พร้อมกับสาปให้นางต้องพูดซ้ำถ้อยคำสุดท้ายของทุกคนที่พูดกับนาง
ดังนั้นเมื่อ เอคโค่ พยายามที่จะบอกความในใจกับ นาร์ซิสซัสนางก็ทำได้แค่เพียง พูดซ้ำถ้อยคำสุดท้ายของเขาเท่านั้น ผลที่ติดตามมาคือโศกนาฏกรรม
วันหนึ่งขณะที่ เอคโค่กำลังเดินเล่นในป่า ขณะที่ นาร์ซิสซัสกำลังออกล่ากวาง แต่วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก เกินกว่าที่จะวิ่งไล่ล่ากวาง นอกจากนี้เขาก็เกรงว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิง หรือไม่ก็เสื้อผ้าจะยับถ้ายังขืนไล่ล่าต่อไป เขาก็เลยเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางที่สุมไปด้วยใบไม้ เมื่อเขาเห็นนางไม้นางหนึ่ง จ้องเขม็งมาที่เขา เขาจึงอ้าปากหาว
“เฮ้อออ…..สวัสดี ” เขาพึมพำทักทาย ” ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เห็นว่าข้ารูปงามมากนะ ”
“ รูปงามมาก ” เอคโค่ตอบ
“ ฮึ ฮึ ข้าก็คิดเช่นนั้น ” นาร์ซิสซัสพูด
“ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะเสียเวลาเปล่า ”
“ เสียเวลาเปล่า ” เอคโค่พูดซ้ำ
“ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรจะ ……” นาร์ซิสซัส พูดต่อ
“ ขอพูดตรง ๆ เลยนะ ว่าต่อให้เจ้าเป็นเทพธิดาอะโฟรไดท์ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้ข้า ”
“ เข้าใกล้ข้า ” เอคโค่พูดตาม
“ เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร ข้าเพิ่งจะบอกเจ้าว่าจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้ ไป …ไปให้พ้นนะ ”
“ ไปให้พ้น ” เอคโค่พูดตามด้วยน้ำตาและความรันทดใจ
เมื่อตะหนักว่าสิ้นหวังเสียแล้ว นางไม้ เอคโค่จึงหนีออกจากป่า ด้วยน้ำตาอาบหน้า นางใช้ชีวิตช่วงสั้น ๆ ที่เหลืออยู่กับดวงใจที่แตกสลาย และหลบอยู่เพียงเดียวดายในหุบเหวที่อ้างว้าง นางใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แต่ในถ้ำ จนเนื้อหนังของนางเริ่มเหี่ยวเฉาไป กระดูกของนางกลายเป็นหิน ในไม่ช้าสิ่งที่เหลือก็มีเพียงสิ่งเดียวคือ …..เสียงของนาง
ซึ่งนั่นหมายถึงว่า …ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวในหุบเหวหรือถ้ำ คุณก็จะได้ยินเสียงของนางกลับมาในทุกครั้งเหมือนที่คุณเปล่งเสียงตะโกนออกไป …นั่นแหละ …เอคโค่
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง นาร์ซิสซัสยังคงเดินต่อไป เขากำลังนึกอยู่ว่าจะแต่งตัวด้วยชุดไหนดี สำหรับการรับประทานอาหารค่ำในคืนวันนั้น และทรงผมของเขาจะดูดีขึ้นมั้ยนะ ถ้าเขาลองแสกผมไปทางซ้ายดูน่ะ อะโฟรไดท์ ทรงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น และได้ยินวาจาสุดท้ายที่เขาพูดกับ เอคโค่ซึ่งทำให้พระองค์กริ้วเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุที่ทรงเป็นเทพธิดาแห่งความรัก และนาร์ซิสซัสก็ทำตัวเป็นศัตรูต่อความรักอย่างมากทั้งคำพูดและการกระทำ จึงทรงสาปให้เขาหลงรักตัวเอง
ตามปกติ นาร์ซิสซัสก็หลงรักตัวเองเกินงามอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อโดนคำสาปของ อะโฟรไดท์ อาการของเขาก็ยิ่งกำเริบหนักกว่าเดิมมาก ระหว่างที่เดินกลับบ้านเขาพบสระน้ำแห่งหนึ่งกลางป่า ซึ่งมีน้ำใสจนเป็นประกาย วันนั้น อากาสร้อนจัด เขาจึงคุกเข่าลงดื่มน้ำ นี่เองคือช่วงเวลาที่เขาได้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในโลก…ด้วยตาของเขาเอง ปากของเขาอ้าค้าง เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่เห็น ดวงตาของเขากระพริบด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกับชายหนุ่ม เขาจึงยิ้มให้ ชายหนุ่มก็ยิ้มตอบ เขาตกหลุมรักเงาตนเองในทันที
วันรุ่งขึ้น บิดาและมารดาของเขาออกตามหาเขาทุกหนทุกแห่ง ก็มาพบเขานั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ
“ นาร์ซิสซัส ” พวกเขาร้องเรียก
“ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เราเป็นห่วงเจ้ามากนะ …”
“ เงียบนะ ” นาร์ซิสซัสตะคอก น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลออกจากตาของเขา
“ พวกท่านทำให้เขาหนีไป ”
“ ทำให้ใครหนีไปกัน ?? “มารดาของเขาถามอย่างงุนงง
“ หนุ่มคนนั้น ” นาร์ซิสซัสกระซิบ
“ เขารูปงามมาก…. แม้เขาจะโหดร้ายไปหน่อยก็ตาม เพราะทุก ๆ ครั้งที่ข้าพยายามจะสัมผัสตัวเขาหรือพยายามจะจุมพิตเขา เขาก็จะวิ่งหนีไป !! ” เขาเอื้อมมือลงสัมผัสน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าภาพสะท้อนนั้นก็วาววับก่อนที่จะเลือนหายไป
“ แต่อีกครู่เดียว เขาจะกลับมาหาข้า ” นาร์ซิสซัสพูดต่อ เสียงของเขาดูนุ่มนวลแต่ฟังดูห่างไกล ระคนเศร้า
“ ดู ดู นั่น..เขา..เขากลับมาแล้ว ….นั่น ท่านดูซิ ดวงตาของเขาสวยไหม !!! ?? !! ”
“ ลูกเราเป็นบ้าไปแล้ว ” บิดาของเขารำพึง
“ กลับบ้านกันเถิด นาร์ซิสซัส ฃ ลูกรัก ” มารดาของเขาบอก ” เจ้ายังไม่ได้กินอาหารเย็น หรืออาหารเช้าเลยนะ เจ้าต้องหนาวตายแน่ ถ้าขืนนั่งอยู่ที่นี่ทั้งคืน ”
“ ไม่ ไม่ “ นาร์ซิสซัส พูด ” ข้าจะไม่ทิ้งเขาไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่ที่นี่ ”
และไม่ว่าบิดามารดาของเขาจะพูดเช่นไร เขาก็ไม่ยอมขยับไปไหน เขายังคงนอนอยู่บนพื้นหญ้าตลอดทั้งกลางวันกลางคืน เฝ้าจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองอยู่เงียบ ๆ บิดามารดาจึงต้องนำอาหารมาให้ ซึ่งเขาก็ไม่อาจละสายตาจากเงาสะท้อนมาเพื่อจะกินอาหารได้เลย
ความทุกข์ทวีของ นาร์ซิสซัสเพิ่มมากขึ้น เพราะคนที่เขาหลงรักอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับไม่อาจจะสัมผัสได้ ในที่สุดความทุกข์ระทมก็ท่วมท้นเกินต้านทานไหว และดูเหมือนว่าชายหนุ่มในบ่อน้ำก็จะทุรนทุราย ทรมานใจเช่นเดียวกันกับเขา เพราะใบหน้าที่สะท้อนในเงาน้ำนั้น ก็เริ่มซีดเซียว น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ดวงตาบวมแดงช้ำ
“ ข้าทำร้ายใจเจ้า เช่นเดียวกับที่เจ้าทำร้ายใจข้า ” นาร์ซิสซัสกระซิบ แผ่วเบา พลางเอื้อมมือไปหยิบกริชที่เหน็บไว้กับเข็มขัดออกมา
“ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก ยอดรักของข้า ”
เขาจ้วงมีดลงตรงกลางหัวใจของตนเอง เขากรีดร้องด้วยความเสียใจพร้อมกับที่ชายหนุ่มในน้ำกรีดร้อง เอคโค่ก็เช่นกัน นางคงกำลังกรีดร้อง ร่ำให้อยู่ที่ก้นบึ้งหุบเหวที่ไหนสักที่ ไกลออกไปจากที่นั่น
นาร์ซิสซัสขาดใจตายอย่างทรมาน อะโฟรไดท์นึกเวทนานัก จึงเสกให้เขากลายเป็นดอกไม้ เพื่อเตือนให้ระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ เรามักจะเห็นดอกนาร์ซิสซัส ขึ้นอยู่ทั่วไปในป่า และบริเวณรอบบ่อน้ำ หรือบึงที่เป็นประกายใสสะท้อนเงาและเงียบสงัด
ที่มา ตำนานดอกนาร์ซิสซัส
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น