ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องสมุด lovely school

    ลำดับตอนที่ #10 : ตำนานดอกนาร์ซิสซัส

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 57



                    นาร์ซิสซัส   เป็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในยุคกรีกโบราณ    ทุก ๆ เช้าหลังตื่นนอน  สิ่งแรกที่เขาทำคือสำรวจตนเองผ่านหน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งตัว  เขาจะลูบไล้ฝ่ามือไปมาบนเส้นผมสีทองดังแสงตะวันของเขา  แล้วกระพริบตาที่มีดวงตาสีฟ้ากระจ่างสดใส  จากนั้นก็จะเบ่งกล้ามเพื่อสำรวจรูปร่างอันสง่างาม  ยิ้มให้กับตัวเองด้วยฟันสีขาวไข่มุกที่เรียงกันเป็นระเบียบ  แล้วจึงสวมเสื้อผ้าเพื่อไปรับประทานอาหารเช้า ….ช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่หลงตัวเองซะเหลือเกิน
    บิดาและมารดาของเขายังไม่ได้มอบงานใด ๆ เป็นชิ้นเป็นอันแก่เขาเพราะเขาพึ่งอายุ 16 เท่านั้น  ด้วยความที่เขาเป็นหนุ่มรูปงามมาก จึงทำให้หญิงสาวแทบทั้งเมืองหลงรักเขา  แต่ปัญหาคือ นาร์ซิสซัส  ช่างหลงตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ  เขาไม่คิดว่าจะมีหญิงสาวคนใดในเมืองที่คู่ควรกับเขา  จนทำให้หญิงสาวทุกคนอกหัก
    ตัวอย่างที่มีให้เห็น เช่น มีหญิงสาวคนหนึ่ง สาบานว่าจะฆ่าตัวตายถ้า นาร์ซิสซัส ไม่เมตตาต่อความรักของนาง  คำตอบที่ นาร์ซิสซัส มอบให้นางคือ การยื่นดาบให้เล่มหนึ่ง  เด็กสาวผู้บูชารักจึงวิ่งเข้าหาดาบจนมันทะลุร่าง และนั่นก็คือจุดจบของนาง
    มิเพียงมนุษย์เท่นนั้นที่หลงใหล ตกตะลึงพรึงเพริดกับความหล่อเหลาในตัว นาร์ซิสซัส ในตำนานกรีกจะกล่าวถึงนางไม้ บ่อยครั้ง ซึ่งนางไม้ก็คือวิญญาณที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำหรือน้ำพุ วนเวียนอยู่รอบทุ่งกว้างและเทือกเขา  รวมทั้งทำหน้าที่ปกป้องต้นไม้ในป่าด้วย  หนึ่งในบรรดานั้นก็คือ เอคโค่ Echo นางเป็นนางไม้สาวที่ตกหลุมรัก นาร์ซิสซัสมากเช่นกัน  และนั่นนับว่าเป็นหายนะที่เลวร้ายครั้งที่สองที่เกิดขึ้นกับชีวิตของนาง
    หายนะครั้งแรกของ เอคโค่เกิดขึ้นเมื่อนางหลอกล่อ เฮร่าผู้เป็นมเหสีของ ซูส และเป็นราชินีแห่งปวงเทพ  อีกทั้ง เฮร่าองค์นี้ทรงเป็นเทพที่ผูกใจเจ็บ  พระองค์ไม่รู้จักคำว่าให้อภัย เอคโค่ลอหลอกให้ เฮร่าไขว้เขว ขณะที่ ซูส  ทรงแอบหนีไปหาความสำราญกับนางไม้ตนอื่นที่เพิ่งพบกัน  ดังนั้นเมื่อ เฮร่าทรงทราบ พระนางกริ้วมาก  จึงทรงลงโทษ เอคโค่โดยสาปให้นางสูญสิ้นพลังในการพูด  พร้อมกับสาปให้นางต้องพูดซ้ำถ้อยคำสุดท้ายของทุกคนที่พูดกับนาง
     
                  ดังนั้นเมื่อ เอคโค่ พยายามที่จะบอกความในใจกับ นาร์ซิสซัสนางก็ทำได้แค่เพียง พูดซ้ำถ้อยคำสุดท้ายของเขาเท่านั้น ผลที่ติดตามมาคือโศกนาฏกรรม
     
     
     
     
    วันหนึ่งขณะที่ เอคโค่กำลังเดินเล่นในป่า ขณะที่ นาร์ซิสซัสกำลังออกล่ากวาง แต่วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก เกินกว่าที่จะวิ่งไล่ล่ากวาง นอกจากนี้เขาก็เกรงว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิง หรือไม่ก็เสื้อผ้าจะยับถ้ายังขืนไล่ล่าต่อไป เขาก็เลยเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางที่สุมไปด้วยใบไม้ เมื่อเขาเห็นนางไม้นางหนึ่ง จ้องเขม็งมาที่เขา เขาจึงอ้าปากหาว
     
     
    เฮ้อออ…..สวัสดี ” เขาพึมพำทักทาย ” ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เห็นว่าข้ารูปงามมากนะ 
    “ รูปงามมาก  เอคโค่ตอบ
    “ ฮึ ฮึ ข้าก็คิดเช่นนั้น ” นาร์ซิสซัสพูด  
    “  แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะเสียเวลาเปล่า 
    “ เสียเวลาเปล่า  เอคโค่พูดซ้ำ
    “ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรจะ ……” นาร์ซิสซัส พูดต่อ
    “ ขอพูดตรง ๆ เลยนะ ว่าต่อให้เจ้าเป็นเทพธิดาอะโฟรไดท์ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้ข้า 
     
    “ เข้าใกล้ข้า  เอคโค่พูดตาม
     
     
     
     
    “ เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร ข้าเพิ่งจะบอกเจ้าว่าจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้ ไป ไปให้พ้นนะ 
     
     
    “ ไปให้พ้น  เอคโค่พูดตามด้วยน้ำตาและความรันทดใจ
    เมื่อตะหนักว่าสิ้นหวังเสียแล้ว นางไม้ เอคโค่จึงหนีออกจากป่า ด้วยน้ำตาอาบหน้า นางใช้ชีวิตช่วงสั้น ๆ ที่เหลืออยู่กับดวงใจที่แตกสลาย และหลบอยู่เพียงเดียวดายในหุบเหวที่อ้างว้าง นางใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แต่ในถ้ำ จนเนื้อหนังของนางเริ่มเหี่ยวเฉาไป กระดูกของนางกลายเป็นหิน ในไม่ช้าสิ่งที่เหลือก็มีเพียงสิ่งเดียวคือ …..เสียงของนาง
    ซึ่งนั่นหมายถึงว่า ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวในหุบเหวหรือถ้ำ  คุณก็จะได้ยินเสียงของนางกลับมาในทุกครั้งเหมือนที่คุณเปล่งเสียงตะโกนออกไป นั่นแหละ เอคโค่
     
              ในเวลาเดียวกันนั้นเอง นาร์ซิสซัสยังคงเดินต่อไป  เขากำลังนึกอยู่ว่าจะแต่งตัวด้วยชุดไหนดี  สำหรับการรับประทานอาหารค่ำในคืนวันนั้น และทรงผมของเขาจะดูดีขึ้นมั้ยนะ  ถ้าเขาลองแสกผมไปทางซ้ายดูน่ะ อะโฟรไดท์ ทรงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น และได้ยินวาจาสุดท้ายที่เขาพูดกับ เอคโค่ซึ่งทำให้พระองค์กริ้วเป็นอย่างมาก  ด้วยเหตุที่ทรงเป็นเทพธิดาแห่งความรัก และนาร์ซิสซัสก็ทำตัวเป็นศัตรูต่อความรักอย่างมากทั้งคำพูดและการกระทำ จึงทรงสาปให้เขาหลงรักตัวเอง
    ตามปกติ นาร์ซิสซัสก็หลงรักตัวเองเกินงามอยู่แล้ว  ดังนั้นเมื่อโดนคำสาปของ อะโฟรไดท์ อาการของเขาก็ยิ่งกำเริบหนักกว่าเดิมมาก  ระหว่างที่เดินกลับบ้านเขาพบสระน้ำแห่งหนึ่งกลางป่า ซึ่งมีน้ำใสจนเป็นประกาย วันนั้น   อากาสร้อนจัด  เขาจึงคุกเข่าลงดื่มน้ำ  นี่เองคือช่วงเวลาที่เขาได้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่สุดในโลกด้วยตาของเขาเอง   ปากของเขาอ้าค้าง  เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่เห็น  ดวงตาของเขากระพริบด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกับชายหนุ่ม  เขาจึงยิ้มให้  ชายหนุ่มก็ยิ้มตอบ  เขาตกหลุมรักเงาตนเองในทันที
    วันรุ่งขึ้น บิดาและมารดาของเขาออกตามหาเขาทุกหนทุกแห่ง  ก็มาพบเขานั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ
     นาร์ซิสซัส ” พวกเขาร้องเรียก  
    “  เจ้ากำลังทำอะไรอยู่  เราเป็นห่วงเจ้ามากนะ …”
    “ เงียบนะ ” นาร์ซิสซัสตะคอก  น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลออกจากตาของเขา  
    “  พวกท่านทำให้เขาหนีไป 
    “ ทำให้ใครหนีไปกัน ?? “มารดาของเขาถามอย่างงุนงง
    “ หนุ่มคนนั้น  นาร์ซิสซัสกระซิบ
    “ เขารูปงามมาก…. แม้เขาจะโหดร้ายไปหน่อยก็ตาม  เพราะทุก ๆ ครั้งที่ข้าพยายามจะสัมผัสตัวเขาหรือพยายามจะจุมพิตเขา  เขาก็จะวิ่งหนีไป !! ” เขาเอื้อมมือลงสัมผัสน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าภาพสะท้อนนั้นก็วาววับก่อนที่จะเลือนหายไป
    “ แต่อีกครู่เดียว  เขาจะกลับมาหาข้า  นาร์ซิสซัสพูดต่อ  เสียงของเขาดูนุ่มนวลแต่ฟังดูห่างไกล ระคนเศร้า
    “ ดู ดู นั่น..เขา..เขากลับมาแล้ว  ….นั่น ท่านดูซิ  ดวงตาของเขาสวยไหม !!! ?? !! ”
    “ ลูกเราเป็นบ้าไปแล้ว ” บิดาของเขารำพึง
    “ กลับบ้านกันเถิด นาร์ซิสซัส ฃ ลูกรัก ”  มารดาของเขาบอก ” เจ้ายังไม่ได้กินอาหารเย็น  หรืออาหารเช้าเลยนะ  เจ้าต้องหนาวตายแน่  ถ้าขืนนั่งอยู่ที่นี่ทั้งคืน 
    “ ไม่ ไม่  นาร์ซิสซัส พูด ” ข้าจะไม่ทิ้งเขาไปไหนทั้งนั้น  ข้าจะอยู่ที่นี่ 
    และไม่ว่าบิดามารดาของเขาจะพูดเช่นไร  เขาก็ไม่ยอมขยับไปไหน  เขายังคงนอนอยู่บนพื้นหญ้าตลอดทั้งกลางวันกลางคืน  เฝ้าจ้องมองเงาสะท้อนของตนเองอยู่เงียบ ๆ บิดามารดาจึงต้องนำอาหารมาให้  ซึ่งเขาก็ไม่อาจละสายตาจากเงาสะท้อนมาเพื่อจะกินอาหารได้เลย
     
    ความทุกข์ทวีของ นาร์ซิสซัสเพิ่มมากขึ้น  เพราะคนที่เขาหลงรักอยู่ใกล้แค่เอื้อม  แต่เขากลับไม่อาจจะสัมผัสได้  ในที่สุดความทุกข์ระทมก็ท่วมท้นเกินต้านทานไหว  และดูเหมือนว่าชายหนุ่มในบ่อน้ำก็จะทุรนทุราย  ทรมานใจเช่นเดียวกันกับเขา  เพราะใบหน้าที่สะท้อนในเงาน้ำนั้น ก็เริ่มซีดเซียว  น้ำตาไหลรินอาบแก้ม  ดวงตาบวมแดงช้ำ
     
     
     
                 “ ข้าทำร้ายใจเจ้า  เช่นเดียวกับที่เจ้าทำร้ายใจข้า ” นาร์ซิสซัสกระซิบ แผ่วเบา พลางเอื้อมมือไปหยิบกริชที่เหน็บไว้กับเข็มขัดออกมา  
                  “ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก   ยอดรักของข้า ”

    เขาจ้วงมีดลงตรงกลางหัวใจของตนเอง เขากรีดร้องด้วยความเสียใจพร้อมกับที่ชายหนุ่มในน้ำกรีดร้อง เอคโค่ก็เช่นกัน  นางคงกำลังกรีดร้อง  ร่ำให้อยู่ที่ก้นบึ้งหุบเหวที่ไหนสักที่  ไกลออกไปจากที่นั่น
    นาร์ซิสซัสขาดใจตายอย่างทรมาน อะโฟรไดท์นึกเวทนานัก  จึงเสกให้เขากลายเป็นดอกไม้  เพื่อเตือนให้ระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  จวบจนกระทั่งทุกวันนี้  เรามักจะเห็นดอกนาร์ซิสซัส ขึ้นอยู่ทั่วไปในป่า และบริเวณรอบบ่อน้ำ หรือบึงที่เป็นประกายใสสะท้อนเงาและเงียบสงัด
     
      

    ที่มา ตำนานดอกนาร์ซิสซัส
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×