ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◤ FT Island・SHINee ❤ สตรอเบอร์รี่! เดย์ ' ๐๑ ◥

    ลำดับตอนที่ #11 : STRAWBERRY ❤ Chapter 02

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 52


    STRAWBERRY Days

    { CHAPTER 02 . }








    ไฟริมทางเดินที่เปิดสว่างในยามค่ำคืนจนถึงเช้ามืดส่องให้เห็นร่างของใครสักคนที่เดินมาตามทางราง ๆ
    อย่างไม่ชัดเจนนัก .. เสียงฮัมเพลงของชายหนุ่มใบหน้าสวยดูมีแววอารมณ์ดีเจือปนอยู่ในนั้น

    นาฬิกาเรือนสีทองฝังเพชรราคาแพงที่ข้อมือของอีฮงกีบ่งบอกเวลาตีห้าเศษ ๆ
    พระอาทิตย์ยังไม่ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า จะมีก็เพียงแสงไฟจากโคมไฟริมทางเท่านั้นที่พอจะให้แสงสว่างในเวลานี้

    และมันก็เป็นเรื่องที่สุดแสนจะปกติสำหรับผู้ชายหน้าสวยเจ้าเสน่ห์คนนี้ที่จะกลับบ้านดึกดื่นหรือไม่ก็เช้ามืดแบบนี้

    จะมีเหตุผลอะไรได้อีกล่ะ .. ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเพิ่งกลับมาจากการไปเที่ยวกลางคืน
    หรือ .. บางทีก็ไปค้างคืนที่บ้านและอาจจะเป็นที่
    โรงแรม กับสาวสวยคนไหนสักแห่งที่อาจจะเพิ่งรู้จักกัน

    จะรีบไปทำไมครับออนนี .. กองถ่ายนัดตั้งหกโมง

    แทมินที่เดินตามหลังคิมซองอึนและผู้จัดการของตัวเอง บ่นไปพลางหาวหวอด ๆ ไปอย่างคนง่วงงุน

    “ได้ไงล่ะ แทมิน .. เขานัดหกโมงจะให้ไปถึงตอนหกโมงเป๊ะหรือยังไง ?”

    “ไม่ได้ถึงตอนหกโมงหรอกออนนี แค่ออกบ้านตอนหกโมงก็เท่านั้นเอง”

    คำพูดลอย ๆ ของแทมินทำให้ผู้ที่เปรียบเหมือนพี่สาวส่งสายตาดุ ๆ มาทันที
    พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาดุ ๆ ไปทางคิมจงฮยอนด้วย .. เพราะในความคิดของเธอแล้วนั้น
    ผู้จัดการก็ต้องเอาศิลปินให้อยู่เหมือนกัน .. แต่นี่จงฮยอนเล่นปล่อยให้แทมินเอาแต่ใจอย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง
    !

    เมื่อคิมจงฮยอนรู้สึกถึงสายตาจากหญิงสาวตรงหน้า เขาก็รีบหุบยิ้มและทำได้เพียงหลบสายตาของเธอเท่านั้น

    “ไง”

    เสียงร้องทักจากคนที่เพิ่งเดินมาทำให้ทั้งสามคนมองตรงไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
    อีฮงกีเดินตรงมาหาคนทั้งสาม .. หากแต่สายตากลับจับจ้องมองไปทางหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวคนนี้เท่านั้น

    สีหน้าของแทมินเปลี่ยนเป็นหน้าตึงอย่างคนไม่สบอารมณ์ทันที เขาไม่ชอบฮงกี .. ไม่ชอบผู้ชายคนนี้
    ไม่รู้ว่าทำไม แค่รู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้มันไม่น่าคบเอาเสียเลย .. เขารู้ว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนดีนัก แต่กับคนนี้ยิ่งเลวกว่าเขาหลายเท่า
    !
    เช่นเดียวกับคิมจงฮยอนที่รู้สึกไม่ต่างจากแทมินเลย แต่ความที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ทำให้เขาเก็บอารมณ์ได้ดีกว่ามากมายนัก

    “สวัสดีครับ ผมอีฮงกี”

    พร้อมกับก้มหัวทักทายอย่างสุภาพบุรุษเต็มที่ สายตาที่มองมาถ้าเป็นสาวคนอื่นก็คงจะติดกับเขาบ้างแหละ
    แต่ไม่ใช่กับคิมซองอึนเสียล่ะ .. เธอเจอพวกผู้ชายหน้าม่อแบบนี้มาเยอะจนพอที่จะรู้แล้วว่าใครคิดกับเธอแบบไหน

    แต่ด้วยมารยาทที่ดี คิมซองอึนจึงยังคงยิ้มบาง ๆ ทักทายกลับไป
    “สวัสดีค่ะ ฉันคิมซองอึน”

    “เพิ่งย้ายมาเหรอครับ ?”

    “ค่ะ”
    ซองอึนตอบสั้น ๆ อย่างระมัดระวังตัวเองเต็มที่

    เธอไม่ชอบผู้ชายนิสัยแบบนี้เอาเสียเลย คำพูดมันไม่เท่าไหร่หรอก .. แต่สายตาที่มองมานี่สิ ชวนให้อึดอัดดีชะมัด
    !

    จงฮยอนสังเกตเห็นความลำบากใจในท่าทีของคิมซองอึน แล้วก็รู้ว่าควรจะไปให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ได้แล้ว
    เขาจึงตัดบทการสนทนาที่ดูเหมือนว่าจะเป็นฮงกีที่พล่ามเอาเองอยู่ฝ่ายเดียว แล้วดึงมือซองอึนกับแทมินให้ออกห่างจากที่ตรงนั้น

    “งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ” ฮงกียังคงตะโกนไล่หลังไป หากแต่ซองอึนเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ กลับไปอีกครั้ง

    “ใครมันจะอยากไปเจอนายกัน”

    “ใครวะ ?”
    คำพูดอันไม่น่าอภิรมย์ทำให้ฮงกีต้องรีบมองหาต้นเสียงทันที

    แต่เมื่อทันสังเกตเห็นว่าต้นเสียงเป็นใคร .. สายตาของฮงกีก็เปลี่ยนเป็นสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มอีกครั้ง
    นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านชักสีหน้าเป็นขยะแขยงทันที เกลียดจริง ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้
    !

    “เธอ .. คิมจูฮยอนนี่นา”

    ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว .. นางแบบชื่อดัง แถมสวยสะดุดตาเป็นที่หนึ่ง
    ผู้หญิงคนนี้อยู่ในลิสต์รายชื่อสาวสวยของอีฮงกีตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว
    ~

    “ใช่ แล้วจะทำไม ?”
    ย้อนถามไปอย่างยียวน แค่ได้ยินไอ้หมอนี่เรียกชื่อเพราะ ๆ ของเธอก็จะแหวะแล้ว

    ก็ข่าวที่ว่าหมอนี่ทำสาวท้องแล้วบังคับให้ไปทำแท้งมันเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของหมู่บ้านออกจะตายไป
    จะว่าหมอนี่หล่อมั้ย ? ก็หล่อดีอยู่หรอก .. แต่นิสัยแบบนี้เห็นทีต้องขอบายก่อนล่ะ
    ผู้หญิงสวย ๆ อย่างเธอมีทางเลือกตั้งมาก ไม่มีทางมาตกอับคบกับผู้ชายหล่อแต่ชั่วอย่างฮงกีหรอก ไม่มีทาง
    !!


    เจอคำยอกย้อนเข้าไป ก็ไม่ได้ทำให้ฮงกีรู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม .. เขากลับยิ้มออกมา

    “ผู้หญิงแบบนี้ฉันชอบชะมัด”


    ว่าแล้วก็เดินตรงเข้าไปจูฮยอนแบบที่เรียกได้ว่าประชิดตัว แต่หญิงสาวไม่โง่พอจะยืนเป็นเป้านิ่งอยู่เฉย ๆ
    เธอรีบวิ่งหนีออกไปให้ห่าง ๆ จากที่ตรงนั้น ไม่ลืมที่จะหันมาแลบลิ้นเยาะเย้ยใส่ฮงกีที่ตามเธอไม่ทัน

    “ไอ้ผู้ชายโรคจิต แหยะ
    !!

    “ยัยนี่
    ~

    .

    .

    .

    “ไอ้คีย์
    ! คีย์ .. ตื่น !!!

    เปิดประตูเข้าไปในบ้าน หลังจากเปิดไฟที่ห้องนั่งเล่นให้สว่างโร่แล้ว ฮงกีก็ตะโกนเรียกเพื่อนทันที
    แม้นี่จะเป็นเวลาเกือบ ๆ หกโมงเช้า แต่ก็เป็นเวลาที่เช้าเกินไปสำหรับการตื่นนอนของคนนอนดึกอย่างคีย์บอม
    แต่ดูเหมือนว่าฮงกีจะไม่ได้ใส่ใจว่านี่มันเป็นเวลากี่โมงกี่ยาม และเขาจะไปรบกวนใครที่ไหน.
    แค่เขาอยากปลุกคีย์ .. ก็แค่อยากปลุกในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าใครก็ขัดเขาไม่ได้หรอก
    !

    “คีย์
    !!!!

    ประตูห้องนอนเปิดออกอย่างเชื่องช้า เจ้าตัวคนโดนปลุกโผล่หน้าออกมาทั้งที่ยังไม่ลืมตาดีด้วยซ้ำ

    “อ้าว .. ฮงกี กลับมาแล้วเหรอ ?”

    “เออ มาทำกับข้าวให้กินหน่อยดิ๊ หิวว่ะ
    ! ฮงกีสั่งอย่างไม่ได้เกรงใจเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

    “งั้นรอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวมาทำให้”

    แล้วคีย์ก็หายเข้าไปในห้องนอนครู่หนึ่ง จัดแจงเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนจะออกมาหาฮงกีที่นั่งเปิดทีวีรออยู่ในห้องนั่งเล่น
    คีย์ไม่แม้แต่จะล้างหน้าล้างตาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาอยากรับมาทำกับข้าวให้เพื่อนตัวเองที่เพิ่งกลับมาได้ทานก่อน

    สำหรับเขา ..
    ต้องทำเพื่อเพื่อนคนสำคัญอย่างฮงกีก่อนที่จะทำอะไรเพื่อตัวเอง

    เสียงฉี่ฉ่าในกระทะและกลิ่นหอมฟุ้งทำให้อีกคนในบ้านต้องตื่นขึ้นมาร่วมชะตากรรมอย่างเสียไม่ได้

    “คีย์ .. ลุกมาทำอะไรแต่เช้า” คูซึลเดินขยี้หัวออกมาจากห้องนอนอีกคน พลางนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ ฮงกี

    “ทำกับข้าวให้ฮงกีน่ะ คูซึลจะเอาด้วยมั้ย ?” คีย์ตะโกนตอบและย้อนถามมาจากในครัว

    “ไม่ล่ะ ขอบใจ ฉันยังไม่หิว”

    “งั้นฉันทำเผื่อไว้นะ ถ้าเธอหิวก็ค่อยกิน”


    “แล้วแต่นายก็ละกัน” คูซึลตอบไปอย่างไม่ใส่ใจนัก หยิบหมอนสีแดงที่วางอยู่ขึ้นมากอดไว้ นั่งคุดคู้หลับตานิ่ง

    ยัยนี่กำลังหลับ .. ฮงกีอดไม่ได้ที่จะแกล้งซอนคูซึลไม่ให้ได้หลับได้นอน
    ก็ยัยนี่ชอบมาด่าเขาอยู่ได้ ทำเหมือนกับว่าตัวเองดีนักล่ะ ยัยผู้หญิงบ้าเอ๊ย
    !!~

    ฮงกีเร่งเสียงทีวีให้ดังมากขึ้นไปอีก ตะโกนร้องเรียกคีย์เสียงดังลั่น แล้วก็ชวนคีย์คุยโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่ไม่จำเป็น
    และได้ผล .. คูซึลไม่สามารถนอนหลับตาลงได้อีกต่อไป แต่เธอก็ไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันกำลังแกล้งเธอ
    !

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ” คูซึลได้แต่สบถก่นด่าคนเดียวเบา ๆ อย่างนั้น

    .

    .

    .

     “คุณหัวหน้าคะ รีบไปกันเถอะค่ะ”

    โจยังวิ่งนำจงฮุนออกไปรอที่ประตูรั้วหน้าบ้านก่อนด้วยอารมณ์ของคนที่เบิกบานสุดใจ
    ทั้ง ๆ ที่นี่เพิ่งจะเช้าตรู่ แต่ดูเหมือนว่าโจยังจะสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากจนน่าแปลกใจ

    “ไม่ต้องรีบก็ได้โจยัง”

    “ก็ฉันอยากไปที่ไร่ไว ๆ นี่คะ”
    เธอว่า “อยู่ที่ไร่สนุกจะตายไป”

    จงฮุนยิ้มนิด ๆ แล้วเดินไปยืนข้างเธอ อดไม่ได้ที่จะลูบหัวหญิงสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
    เมื่อวานยังเพิ่งจะมีเรื่องเศร้าใจแท้ ๆ .. แต่วันนี้เธอก็กลับมาร่าเริงได้อย่างเก่า

    ไม่ว่าจะมีเรื่องกลุ้มใจยังไง คิมโจยังก็เป็นคิมโจยังที่สดใสและทำให้คนอื่นมีความสุขยามที่อยู่ใกล้ ๆ เสมอ
    ;’)

    เขาว่า .. เขาเริ่มจะชอบเธอขึ้นมานิด ๆ แล้วสิ


    .

    .

    .

    เลอคาเฟ่ในเวลานี้ดูบางเบาเมื่อเลยเวลาเที่ยงไปแล้ว งานของพนักงานจึงสบายกว่าเมื่อชั่วโมงก่อนหน้าที่ผ่านมา

    ประตูร้านเปิดออกพร้อมกับที่จางมีกับซองซูคนคุ้นเคยจะเดินเข้ามาเลือกนั่งอยู่ริมหน้าต่าง
    ยอลซเวเดินไปรับออเดอร์จากคนรู้จักทั้งสอง โดยไม่ลืมที่จะพูดคุยกันตามประสา

    “ฉันว่าฉันจ้างเธอมาทำงานนะ”

    ยองแอตะโกนบ่นใส่ยอลซเวที่เอาแต่ยืนเม้าธ์แตกกับคนรู้จักนานหลายสิบนาที
    นี่เธอคิดดีแล้วเหรอที่ตกลงจ้างพยองยอลซเวมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟน่ะ .. คิดตอนนี้ก็สายไปแล้วจริง ๆ

    “รู้แล้วน่าเจ๊
    ~ยอลซเวอดจะโอดครวญขึ้นมาไม่ได้ จำต้องผละจากวงเม้าธ์อย่างไม่เต็มใจนัก

    “โอ๊ย
    ! ไล่ยัยนี่ออกยังทันมั้ยนะ ?” ยองแอเองก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเหมือนกัน

    “เรื่องแค่นี้เองนูน่า ถ้าไม่นับเรื่องนี้แล้ว .. ผมว่ายอลซเวก็ทำงานดีออกนะ”

    ซองเจให้ความเห็นพลางอมยิ้มขำกับท่าทางของพี่สาวเจ้าของร้าน
    ตัวเองเป็นคนจ้างยอลซเวเพราะชอบใจในลักษณะนิสัยเองแท้ ๆ .. มาวันนี้ดันไม่อยากได้เสียอย่างนั้น
    คิด ๆ ไปมันก็น่าตลกดีอยู่เหมือนกันนะ

    “โฮ้ย
    ~ เจ๊ พูดนิดพูดหน่อยก็ไม่ได้” ยอลซเวทำหน้ามู่พลางยื่นออเดอร์ส่งให้กับซองเจและคยูฮยอน

    “มีอะไรกันน่ะ”

    คยูฮยอนเดินออกมาจากในครัว ตามใบหน้าและเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยแป้งเค้กสีขาวเป็นจุด ๆ
    ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าจะสนใจเรื่องของยองแอกับยอลซเวดีอยู่หรอก
    แต่เมื่อพบว่าลูกค้าที่เข้ามาในร้านคือใคร .. เป้าหมายสายตาก็เปลี่ยนไปทันที

    จางมีชักสีหน้าเป็นไม่ชอบใจทันทีที่เห็นผู้ชายคนนี้ แต่คยูฮยอนกลับยิ้มร่าส่งไปให้กับหญิงสาว

    ผู้หญิงคนที่ห้ามเขาสูบบุหรี่เมื่อวาน .. เธอเป็นคนแรกที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้เลยนะ
    !

    เพราะอย่างนั้นแหละ เขาก็เลยรู้สึกสนใจเธอคนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    “นี่ .. ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นเขามองออนนีอยู่น่ะ”

    ซองซูแหย่พี่สาวที่กำลังพยายามเมินสายตาจากคนที่ส่งมาให้
    แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เพราะจางมียังคงรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาอยู่ดี

    “ฉันไม่รู้จักนะ ใครก็ไม่รู้ .. คนบ้าหรือเปล่า ?”

    ซองซูขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ ไม่เคยจะเห็นพี่สาวทำท่าไม่พออกพอใจแบบนี้มาก่อน
    นี่มีเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่านะ
    ! ผู้ชายคนนั้นไปทำอะไรให้ออนนีเหรอ อยากรู้ .. แต่ก็ไม่กล้าถาม

    เพราะรยูจางมีในเวลานี้คงไม่อยากจะพูดถึงผู้ชายคนนี้แน่ ๆ


    กริ๊งงงงงง ~

    “ยอลซเวววว ~

    เสียงร้องเรียกของคิมซองชิลที่ผลักบานประตูเข้ามาในร้านพร้อมกับมีโซและวอนบิน
    แต่ ณ เวลานี้ .. พยองยอลซเวไม่สามารถทักกลับไปอย่างเริงร่าได้ ก็คิมยองแอส่งสายตาไม่พอใจมานี่สิ
    :’(

    “ปล่อยยัยนั่นทำงานไปเถอะน่า” วอนบินว่า เดินไปนั่งลงข้าง ๆ ซองซู โดยมีสายตาของมีโซมองตามไปอย่างเศร้าใจ

    “ไปรับออเดอร์สิ”

    “ค่ะ”
    ยอลซเวรีบตอบรับ แต่คำพูดถัดมากลับทำให้เธอมีสีหน้าจ๋อยไปทันที

    “แต่ห้ามเม้าธ์แตกอีกนะ แค่ไปรับออเดอร์เฉย ๆ .. ไม่งั้น
    ~ ฉันหักเงินเดือนแน่ !!

    “รู้แล้วค่ะ”
    ได้แต่ตอบรับเสียงอ่อย : (

    .

    .

    .

    Oh baby , you love me
    마법을 걸으면
    you love me 나만 사랑 할거야
    you love me 마법을 걸어봐 사랑의 미로 속으로 빠지게
    꿈 속에 그리던 사랑 그대여 내 사랑에 마법에 빠져

    { 마법 :: Magic ,, F.T Island ● Jump Up }

    เสียงเพลงดังมาจากลำโพงภายในร้านเลอคาเฟ่แห่งนี้ .. ทำนองเพลงที่ไพเราะ เสียงร้องที่นุ่มทุ้ม
    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่เป็นเพลงของอีแจจิน
    : )) เพลงเพราะที่อยู่นอกกระแสและไม่ได้รับความนิยมอย่างที่ควรจะเป็น

    “เพลงของแจจินใช่มั้ย .. เพลงนี้ ?”

    ซองซูเขี่ยน้ำแข็งในแก้วทรงสูงที่เคยมีน้ำสตรอเบอร์รี่สีแดงไปมา เอ่ยปากถามทุกคนทันทีที่เพลงนี้ดังขึ้นมาในร้าน

    “อื้ม” ซองชิลเป็นคนตอบ ทำเป็นไม่ใส่ใจมากนัก ทั้ง ๆ ที่เธอออกจะปลื้มอีแจจินจะตายไป
    ><,

    “คนที่เธอชอบมากเลยนี่ .. ใช่มั้ย ? ที่เธอไปสมัครเป็นแฟนคาเฟ่ ซื้อซีดีทุกแผ่น ของทุกอย่างเลยน่ะ”

    “วอนบิน
    !!

    บ้า .. ไปบอกคนอื่นแบบนี้เลยเหรอ ? จางมีกับซองซูมองซองชิลอย่างแปลกใจเล็ก ๆ
    ไม่คิดเลยว่าจะมีแฟนคลับอีแจจินอยู่ด้วย จริง ๆ ทุกคนก็ชอบแจจินนะ แต่ไม่มีใครถึงขนาดเป็นแฟนคลับก็เท่านั้นเอง

    “เป็นแฟนคลับขนาดนั้นเลยเหรอ ?”

    “ก็นะ ..”
    ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ส่งให้กับสองสาวที่ถามมา ไม่ได้อายหรอก แค่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอบ้าดารา


    “พูดไปก็น่าสงสารนะ .. ที่แจจินไม่ดังน่ะ”

    แล้วอยู่ ๆ จางมีก็เปิดประเด็นเรื่องของอีแจจินขึ้นมา ไหน ๆ ก็พูดถึงแล้ว .. ขอพูดต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน

    “ก็เห็นมีแต่แทมินนั่นแหละที่ดังเอา ๆ น่ะ .. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนชอบไอ้เด็กบ้านั่นไปได้ไง”

    เหมือนกับว่าซองซูจะระบายความแค้นภายในใจลึก ๆ เธอพูดไปพลางใส่อารมณ์ไปด้วย
    เค้กช็อกโกแลตตอนนี้ถูกแปรสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อยเมื่อเธอเอาส้อมจิ้ม ๆ มันไปอย่างคนหงุดหงิดในที

    ฉันก็ไม่ชอบแทมิน เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้ นิสัยแย่ชะมัด” ซองชิลบ่นก่อน

    “ใช่ค่ะ หยิ่งมากเลยด้วย วันนั้นฉันทักก็ไม่ยอมตอบ”
    มีโซได้ทีก็ขอบ่นใส่อีกคน

    “ฉันล่ะสงสารผู้จัดการของแทมินจริง ๆ เลย .. คิมจงฮยอนนั่นน่ะ เขาจะเป็นไงบ้างนะ ?”

    แล้วอยู่ ๆ จางมีก็เปลี่ยนไปพูดถึงผู้จัดการคนนั้นขึ้นมาแทน
    และบทสนทนาทั้งโต๊ะก็วนเวียนอยู่แค่เรื่องของแจจิน
    , แทมิน แล้วก็จงฮยอน ( ? ) อยู่นั่นล่ะ

    “ฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

    เพราะเรื่องนินทาคนอื่นไม่ใช่นิสัยของผู้ชายทั้งแท่งอย่างโอวอนบินเลยสักนิด
    !

    .

    .

    .

    สวนสาธารณะยามบ่ายวันนี้มีแสงแดดอ่อน ๆ ไม่แรงมากนักอย่างเช่นทุกวัน

    และในวันที่อากาศอบอุ่นเช่นนี้ ก็มักจะมีคนมานั่งเล่นพักผ่อนอยู่ที่สวนสาธารณะอันร่มรื่นแห่งนี้เสมอ

    วันนี้ก็เชนกัน .. บนม้านั่งสีน้ำตาลเงานั้น ชายหนุ่มกำลังนั่งดีดกีตาร์เป็นทำนองเพลง
    โดยเสียบหูฟังจากเครื่องเล่นเพลงสีเงินจิ๋วไปด้วย ข้างตัวมีสมุดโน้ตเล่มเล็กพร้อมปากกาวางไว้เผื่อใช้

    เขา
    ไม่ใช่แค่นักร้อง หากแต่ควบตำแหน่งนักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์เองด้วยทั้งที่อายุยังน้อย
    เป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ฟังสักเท่าไหร่
    แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อหรอก .. อีแจจินไม่เคยจะท้อ แค่อยากสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมา แม้ไม่ดังก็ไม่เป็นไร

    แม้จะไม่ได้ตั้งใจฟัง แค่บังเอิญเดินผ่านมาเท่านั้น แต่เสียงเพลงของแจจินก็ทำให้ซงซึงฮยอนต้องหยุดฟัง

    ทั้งฝีมือการเล่นกีตาร์และเสียงร้องของนักร้องโนเนมคนนี้แล้ว
    แม้กระทั่งซงซึงฮยอนที่ไม่เคยสนใจฟังเพลงของพวกไอด้อลมาก่อนยังอดที่จะประทับใจไม่ได้

    “เนี่ยเหรอ .. ทียัยยอลซเวชอบนักชอบหนาเนี่ย ?” แล้วทำไมเขาดันไปนึกถึงผู้หญิงคนนั้นได้ล่ะเนี่ย ซึงฮยอน
    !

    .

    .

    .

    “ฮยอง กลับมาแล้วครับ”

    เสียงตะโกนอย่างเริงร่าอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของชเวมินฮวานดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งมาถึงที่เสียอีก
    เด็กหนุ่มถือสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่ โดยที่มีอีอินฮยองเพื่อนรักตามหลังมาด้วยด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะเบิกบานนัก

    จะเรื่องอะไรเสียอีกล่ะ .. ก็เรื่องที่ชเวมินฮวานเอาแต่สนใจชเวมินโฮนั่นแหละ
    : ((

    ขนาดตอนแรกเดินมาที่ไร่สตรอเบอร์รี่ด้วยกันอยู่ดี ๆ แท้ ๆ .. พอเจอหน้าพี่ชายเข้าหน่อยก็ทิ้งเธอแล้ว

    “อินฮยองทำหน้ามุ่ยมาเชียว มีอะไรหรือเปล่า ?” ยูนาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มินโฮเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง

    สำหรับเธอแล้ว อินฮยองกับมินฮวานก็เปรียบเหมือนน้องที่น่ารักนั่นแหละ
    มีปัญหาหรือมีเรื่องอะไรก็ย่อมอยากที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเป็นธรรมดา

    “เปล่าค่ะ” ถึงปากจะบอกปฏิเสธ แต่ไอ้น้ำเสียงและท่าทีแบบนั้นมันตรงกันข้ามเลยนะ

    “โจยังนูน่า ให้ผมช่วยมั้ยฮะ ?”

    ทักทายมินโฮเสร็จ เด็กน้อยเริงร่าก็วิ่งรี่เข้าไปหาโจยังที่กำลังกำจัดแมลงศัตรูพืชทั้งหลายแหล่อยู่
    ทั้ง ๆ ที่จงฮุน วอนบิน และซึงฮยอนก็อยู่ แต่มินฮวานกลับทักทายแต่นูน่าเพียงคนเดียวคนนี้เท่านั้น

    โอ๊ย
    !! อินฮยองหงุดหงิดจะเป็นบ้า : ((

    “อยากทำด้วยกันเหรอ ? มาสิ ๆ” โจยังกวักมือเรียกน้องชายให้มาใกล้ ๆ

    “ยี้
    ~ หนอนเหรอฮะ” มินฮวานทำหน้าเบ้เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนใบไม้สีเขียวนั่น “ผมไม่ชอบเลย”

    โจยังหัวเราะคิกเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเรียวจิ้มหนอนดุ๊กดิ๊กไปมา “น่ารักดีออก”

    น่ารักสำหรับเธอ .. แต่น่าขยะแขยงสำหรับเขาเสียมากกว่า
    มินฮวานจ้องมองเจ้าหนอนน้อย แต่สีหน้ายังไม่เลิกขยะแขยง เขาไม่ได้กลัว .. แค่ไม่ชอบเท่านั้นเอง

    ปึ้กกกก
    !

    ร่างเล็กเซถลาไปตามแรงกระแทกที่วอนบินไม่ได้ตั้งใจเลยแม้แต่น้อย

    “โจยัง .. ขอโทษ”

    แต่ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนในไร่สตรอเบอร์รี่ แทนที่จะเป็นภาพหญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้น
    กลับกลายเป็นภาพ
    โรมินฮวานที่กำลังประคองจูเลียตโจยังคนนี้ไว้
    ><
    นี่มันเหมือนกับภาพวาดเลยนะเนี่ย ถ้าเปลี่ยนโลเกชั่นและเครื่องแต่งตัวสักนิดล่ะก็ .. ใช่เลย
    !

    “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยฮะ ?”


    มินฮวานยิ้มหวานพลางเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
    หากคนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับหน้าร้อนผ่าวจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

    “อะไรกัน มินฮวาน .. ทำแบบนี้กับนูน่าได้ยังไง”

    ยูนาร้องแซวอย่างเริงร่า กล้องที่พกไว้ตลอดได้เก็บภาพเหตุการณ์ประทับใจเมื่อครู่ไว้เรียบร้อยดีแล้ว
    การมีกล้องถ่ายรูปพกติดตัวตลอดเป็นอะไรที่สะดวกสบายดีจริง ๆ เลย
    ตั้งใจจะถ่ายภาพไร่สตรอเบอร์รี่ที่สวยงามนี้ไว้ .. ไม่คิดเลยว่าจะได้ถ่ายรูปฉากหนังโรแมนติกในไร่นี้แทน

    ทุกคนต่างก็ยิ้มขำไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีเพียงคนเดียวที่ปั้นหน้านิ่งทั้งที่ในใจอยากกรี๊ดจะเป็นบ้า

    “ฉันกลับก่อนนะคะ”

    อินฮยองไม่สนใจคำพูดของใครทั้งสิ้น เธอหมุนตัวกลับไปยังทางที่มา
    ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง .. เธอควรจะเกลียดใครดีล่ะ .. มินฮวาน โจยัง วอนบิน หรือ ยูนา ?

    เกลียดตัวเองดีกว่ามั้ยที่ไปชอบเพื่อนสนิทข้างเดียวอย่างนี้
    T^T’

    .

    .

    .

    “ฮู่
    ~ กว่าจะเสร็จ ..”

    การถ่ายแบบวันนี้สำหรับจูฮยอนมันไม่ได้ราบรื่นอย่างเช่นที่เคย
    ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะได้ถ่ายแบบกับเด็ก .. สารภาพตามตรงว่าคิมจูฮยอนไม่ชอบเด็กเอาเสียเลย
    แต่จะถอนตัวไปเสียดื้อ ๆ ก็ไม่ได้อีก ก็ตอนนี้เธอกำลังดัง แถมยังมีภาพพจน์แสนจะดี๊
    ~ ดี
    เฮ้อ ~ บางทีการหลอกคนอื่นนี่ก็เหนื่อยชะมัดเลยแฮะ !


    “จูฮยอน”

    “อ่ะ .. ห๊ะ
    ! แจจิน ?”

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ยืนโบกมือให้เธออยู่ที่หน้าบ้านพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาหาจะเป็นอีแจจิน
    เป็นไปได้ยังไงกันน่ะ .. นี่จูฮยอนกำลังฝันไปใช่มั้ยเนี่ย ?

    “วันนี้กลับดึกจังเลยนะ พวกแทมินกับจงฮยอนกลับมากันตั้งแต่สองทุ่มแล้ว”

    และขณะนี้ก็เป็นเวลาสามทุ่มเกือบ ๆ สี่ทุ่มได้ อันที่จริงมันจะไม่ดึกขนาดนี้หรอก
    ถ้าไอ้เด็กบ้าพวกนั้นจะไม่เอาแต่เล่นกันอยู่นั่นแหละ และเธอก็ยังต้องหาทางปฎิเสธไอ้ช่างภาพขี้ตื๊อนั่นอยู่กว่าชั่วโมง
    กว่าที่จะปลีกตัวกลับมาที่บ้านอย่างปลอดภัยได้ .. บอกตรง ๆ ว่าเป็นนางแบบไอด้อลนี่มันเหนื่อยจริง ๆ เลย
    !

    “แล้วนี่แจจินมารับฉันเหรอ ?” ถามออกไปทั้งที่ในใจก็ไม่แน่ใจกับคำตอบที่จะได้รับเท่าใดนัก

    “อื้ม” พยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้มสดใส “ก็ฉันเป็นห่วงนี่ .. ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวดึก ๆ แบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ”

    นี่ถ้ากรี๊ดได้คงกรี๊ดไปนานแล้ว จูฮยอนเก็บกลั้นความรู้สึกภายในใจของตัวเองแล้วก็เพียงยิ้มบาง ๆ ส่งกลับไปให้
    ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไร แต่แค่รู้ว่าเขาเป็นห่วงก็อดที่จะรู้สึกดีใจมากไม่ได้

    ไอ้ความเหนื่อยวันนี้ดูเหมือนว่าจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยแค่ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นห่วงเธอแค่ไหนน่ะ
    : ))

    “เฮ้ ! ที่รัก เพิ่งกลับเหรอ ?”

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีอะไรมาทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ได้อย่างน่าโมโห
    ไอ้บ้าอีฮงกีมันทำให้เธออารมณ์เสียตั้งแต่เช้า .. นี่ลามมาถึงเย็นด้วยเนี่ยนะ

    “ใครเป็นที่รักนาย ?”

    กัดฟันโต้กลับไป โดยที่จูฮยอนพยายามจะไม่ใส่อารมณ์มากมายนัก
    ก็คนที่ยืนอยู่กับเธอคืออีแจจินน่ะสิ
    ! ถ้าไม่มีเขาเธอคงด่าใส่เข้าให้ไปแล้ว !

    “นี่เธอนอกใจฉันมาหาไอ้นักร้องโนเนมนี่เหรอเนี่ย ? ไม่มีรสนิยม

    หนอย
    ~ กล้าดียังไงมาว่าแจจิน ก่อนว่าคนอื่นน่ะดูตัวเองแล้วหรือยังห๊ะ !? จูฮยอนอยากจะเข้าไปตั๊นหน้าไอ้บ้านี่สักทีจริง ๆ !

    แจจินมองหน้าจูฮยอนสลับกับฮงกีไปมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความเป็นมิตรจากฮงกีนัก
    เพราะสีหน้าที่ฮงกีส่งมาให้คือรอยยิ้มเหยียด ๆ นี่ยังไม่ทันจะรู้จักกันดีก็กลายเป็นศัตรูกันแล้วเนี่ยนะ

    แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นี่มันเป็นเรื่องของจูฮยอนและฮงกีเพียงสองคนนี่นา

    “กลับกันดีกว่าแจจิน”

    แทนที่จูฮยอนจะเถียง แต่เธอเพียงแค่จับมือแจจินเดินสวนฮงกีกลับบ้านไปเท่านั้น
    ไม่ใช่ไม่อยากเถียง .. ก็บอกไปแล้วไงว่าเพราะอยู่ต่อหน้าแจจิน เธอก็ต้องรักษามาดผู้ดีเอาไว้ก่อนสิ

    จะด่าไอ้หมอนี่มีเวลาอีกถมถืดไป เชื่อสิว่าผู้ชายคาสโนว่าอย่างหมอนี่ไม่ยอมเลิกรากับเธอง่าย ๆ หรอก
    !

    แต่ฮงกีกลับฉุดข้อมือข้างซ้ายของเธอแล้วดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้ ๆ ตัว และ ..

    “ฝันดีล่ะที่รัก


    แม้กระทั่งแจจินก็ตกใจกับภาพที่เห็น ใครจะไปคิดว่าฮงกีจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดอย่างนี้

    “ไอ้บ้า
    !!!!!!

    จูฮยอนใช้หลังมือเช็ดปากตัวเองอย่างขยะแขยงเต็มที เธอจะร้องไห้แล้วเนี่ย .. ไอ้บ้านั่นทำกับเธออย่างนี้ได้ยังไงกัน
    !!
    แต่เจ้าตัวคนทำกลับเพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างสะใจ สมน้ำหน้า .. อยากเล่นตัวดีนัก
    ;’P

    “เธอปล่อยให้มันทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไงน่ะ ?” แจจินดูจะโมโหขึ้นมา “ให้ฉันไปจัดการมันให้มั้ย ?”

    จูฮยอนสั่นหัวขณะดึงมือของแจจินไว้ไม่ให้ไปต่อยหน้าฮงกีสักที “ช่างเถอะ”

    ตอนนี้เธออยากไปล้างปากด้วยผงซักฟอกสักแกลลอนจริง ๆ เลย
    T^T



    TBC *

     


    นานไปมั้ยกว่ายูจะเอาแช้ปสองมาลง *
    ,, ต้องขอโทษด้วยนะค๊ะ เผอิญช่วงนั้นติดรับน้อง .. เพิ่งจะเสร็จนี่แหละ ><’ ,

    หลังจากตอนนี้ยูจะพยายามให้ทุกคนได้ออกกันแม้จะนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ตามทีนะค๊ะ

    แล้วก็อย่าถือโทษโกรธกันถ้าเนื้อเรื่องมันไปในแนวทางมั่ว ๆ แบบนี้
    สนุกไม่สนุกก็ติชมกันมาได้เลยค่ะ ยูยินดีรับทุกคำติและคำชม
    !
    แต่งไปเหมือนเรื่องนี้จะไม่มีแก่นสารไงไม่รู้สิ แต่ก็อ่านกันชิว ๆ น้ะค๊ะ . เรื่องนี้ไม่เน้นเครียด : ))

     

    ล๊ะตอนนี้ไม่มีรูปน้ะค๊ะ .. หารูปเข้ากับตอนไม่ได้ ก็ข้ามไป ฮ่า ~

    แช้ปสามน่าจะมาเร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ
    ><,,
    เผอิญมีไฟ กำลังบ้าเด็กเกาะอย่างรุนแรงเลยทีเดียว ฮฮ่า ..

    ขอบคุณทุกคนที่รอ ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามอ่านกันอยู่ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ : ))

    PS*
    อยากไปมีทแอนด์กรี๊ดกับ F.T Island : ((
    ใครไปฝากดูแลน้องซงซึงด้วยน้ะค๊ะ ขอบคุณค่ะ รักทุกคน



    Sei ryo+.+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×