คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Always: Part3
Part 3: Again with the little missing memories
อานโซฮีเดินออกมาจากห้องเพื่อจะหานมอุ่นๆดื่มสักแก้วหนึ่ง แล้วเธอก็พบว่ามินซอนเยได้มารอเธอที่ห้องนั่งเล่นอยู่แล้ว
คนผมสั้นสวมเพียงเสื้อยืด กางเกงยีนส์เข้ารูปแล้วมีชุดคลุมยาวตัวโปรดของเธอ แม้จะแต่งตัวธรรมดาๆแต่เธอก็ดูน่ารักและอบอุ่น
จนทำให้สาวแก้มป่องอดที่จะคิดไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน...เธอคงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้นแล้ว
ไม่...ใจเย็นๆ ฉันต้องทำให้ได้ เพราะพี่ซอนเยเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมวงของฉันในตอนนี้
สาวแก้มป่องฝืนยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย “วันนี้อากาศดีจังเลยค่ะ หิมะก็ไม่ตก ฉันว่าวันนี้เราคงสนุกกัน”
สาวหน้าหวานส่งยิ้มให้ขณะที่สายตาคมสวยมองอีกฝ่ายที่สวมเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เข้ารูปและเสื้อคลุมเช่นเดียวกัน
“โซฮีนี่น่ารักจังนะ จะทำอะไรก็น่ารักไปหมด...”
แล้วแก้มป่องๆก็แดงขึ้นในทันทีเมื่อได้ยิน ก่อนที่เธอจะยิ้มให้คนผมสั้นบางๆ
“พี่ซอนเยก็น่ารักเหมือนกันค่ะ”
มินซอนเยเพียงแต่ยิ้มบางๆก่อนที่จะหยิบหมวกแล้วสวมให้อีกฝ่าย
“พี่ว่าเราใส่หมวกกันไว้ดีกว่า เดี๋ยวมีคนจำได้”
สาวแก้มป่องเพียงแต่พยักหน้าก่อนที่จะหยิบแว่นมาสวมอีก ซึ่งทำให้มินซอนเยหัวเราะออกมาเบาๆ
“กลายเป็นเด็กเนิร์สซะแล้วสิ” คนผมสั้นหัวเราะในลำคอก่อนที่เธอจะหยิบหมวกไหมพรมมาสวมเช่นเดียวกัน
“รีบไปเที่ยวดีกว่า อีกไม่กี่วันพี่ก็ต้องเริ่มซ้อมแล้ว เศร้าจัง”
อานโซฮีเพียงแต่ยิ้มบางๆ เธอดีใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอาการดีขึ้นเป็นลำดับแล้ว
มินซอนเยก็ใกล้จะหายดีแล้ว เหลือเพียงแค่รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวเท่านั้น
“ไปกันเถอะ” คนผมสั้นเอ่ยขึ้นมาก่อนที่จะเดินจูงมือสาวแก้มป่องไป อานโซฮีนิ่งไปเมื่อเธอรู้สึกถึงสัมผัสที่แสนจะอบอุ่นและคุ้นเคย
นานเท่าไหร่แล้วที่เธอคิดถึงมือที่แสนจะอบอุ่นของมินซอนเยที่คอยกุมมือเธอเอาไว้เสมอ?
“เอ๋? เราจะขับรถไปเหรอค่ะ?” สาวแก้มป่องถามอย่างสงสัย
“อื้ม” อีกฝ่ายเพียงแต่พึมพำก่อนที่จะเปิดประตูรถ
ตลอดการเดินทาง สิ่งที่ทำให้อานโซฮีทรมานที่สุดก็คือความอึดอัดและความเงียบ เธอไม่รู้ว่าเธอควรทำตัวอย่างไร ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เธอจึงคิดว่า ความเงียบคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้...
“อืม...โซฮีหิวยัง?” คนผมสั้นเอ่ยถามออกมา หากสาวแก้มป่องรับรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นแค่คำถามที่ต้องการทำลายความเงียบที่อึมครึม
“ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ” เธอตอบเพียงสั้นๆ ขณะที่คนผมสั้นพยักหน้าช้าๆ
“อยากกินต๊อกจัง...” อานโซฮีหัวเราะขึ้นมาเบาๆเมื่อได้ยินอยู่ๆมินซอนเยก็พึมพำขึ้นมา
“พี่นี่ขาดต๊อกไม่ได้เลยนะค่ะ”
“กิน ร้านนี้ดีกว่า” มินซอนเยพึมพำก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้าไป หากอานโซฮีนั่งเงียบ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง หรือว่าพี่เค้าจะเริ่มจำได้แล้ว?
ร้านๆนี้เป็นร้านประจำของเรา ร้านที่เราชอบมาทานกันเป็นประจำ แต่รอยยิ้มของสาวแก้มป่องก็ต้องจางลงเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมา
“พี่ ยังไม่เคยมากินร้านนี้เลย อยากรู้จังว่าอร่อยมั้ย คนเยอะดีเนอะ” คนผมสั้นหันมายิ้มให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเต็มที
“โซฮี?”
“คะ...ค่ะ?” สาวแก้มป่องต้องรีบยิ้มกว้างปกปิดความเศร้า
“เป็นอะไรไปน่ะ? เมื่อกี้ทำหน้าเศร้าเชียว”
“ฉัน...หิวนะค่ะ” มินซอนเยหัวเราะก่อนที่จะตีไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ
“งั้นก็ไปกินกันเถอะ”
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเธอและมินซอนเยก็ไปดูหนังกัน เธอรู้ว่าหนังเรื่องนี้คงเป็นหนังที่น่าสนใจ หากสำหรับเธอในตอนนี้มันไม่ใช่
เธอ ไม่ได้ใส่ใจกับเนื้อเรื่องของมัน สายตาเธอเพียงแต่จ้องมองไปยังจอ แต่ใจของเธอกลับจดจ่ออยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่หนังเรื่องนี้ แต่เป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอต่างหาก สายตาคู่สวยหันไปมองดูสาวหน้าหวานที่กำลังจดจ่ออยู่กันหนังเรื่องนี้อยู่ อานโซฮีลอบถอนหายใจเบาๆ เธอภาวนาให้วันนี้สิ้นสุดลงเสียที
เธอทรมานมาทั้งวันแล้ว แล้วเธอก็ไม่ต้องการจะทรมานแบบนี้อีก
ทั้ง สองสาวเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ คนผมสั้นได้แต่พูดเรื่องหนังที่เธอเพิ่งได้รับชมไปอย่างตื่นเต้น เธอพยายามฟังอีกฝ่ายแล้วพยายามแสร้งทำว่าเธอเองก็รู้สึกสนุกไปกับมัน
“ดู นั่นสิ! นั่นมินซอนเยกับอานโซฮีนี่!” เธอและมินซอนเยหันไปมองอย่างตกใจ ก่อนที่จะถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นว่าแฟนคลับไม่ได้ตะโกนเสียงดังเรียกใครมาดู แต่มีเพียงเด็กนักเรียนไฮสคูลสองคนที่จ้องมองพวกเธออย่างชื่นชม สาวแก้มป่องแอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาที่เป็นห่วงของแฟนคลับที่มองไป ที่คนผมสั้น...
“หนูทราบข่าวว่าพี่ประสบอุบัติเหตุค่ะ” แฟนคลับคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย ก่อนที่มินซอนเยจะยิ้มกว้าง เมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอรู้สึกดีที่มีคนคอยห่วงใยเธออยู่เสมอ มันเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เธอก้าวผ่านเรื่องเลวร้ายได้เป็นอย่างดี...
“พี่หายดีแล้วล่ะค่ะ” คนผมสั้นยิ้มกว้าง “ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ”
“ได้ยินแบบนี้พวกเราก็อุ่นใจค่ะ” อีกคนพูดขึ้นมาก่อนที่จะโค้งให้ทั้งสองอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินจากไป
“ดีจังเลยเนอะ” เสียงคนผมสั้นดังขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี อานโซฮียิ้ม เธออดดีใจไม่ได้เหมือนกันที่มีคนเป็นห่วงเป็นใยมินซอนเยเช่นเดียวกัน
“กลับกันเถอะ”
ขอบคุณพระเจ้า... อานโซฮีได้แต่คิด ในที่สุดวันนี้ก็สิ้นสุดลง แล้วเธอผ่านพ้นมันมาได้
หญิงสาวเดินไปเปิดประตูรถก่อนที่จะนั่งลง...
ในที่สุดก็จบลงเสียที....
คนผมสั้นเลี้ยวรถก่อนที่จะจอดเมื่อได้ถึงบ้านพักของพวกเธอแล้ว แม้ทั้งสองจะนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร
แต่มันก็ทำให้มินซอนเยอดที่จะรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้อยู่เหมือนกัน เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แค่ปล่อยให้ช่วงเวลาผ่านพ้นไป
แล้วเธอก็ชอบความรู้สึกนี้ เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เข้ามาเติมเต็มความรู้สึกของเธอ มันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
เธอไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน เธอรู้ดีเธอเคยใช้เวลาอยู่กับทุกคนในวง หากคงไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกดีได้เท่าโซฮี
แล้วนั้นก็ทำให้เธอแปลกใจ...
หลังจากนั้น เธอก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วเป็นเพราะอะไร เธอรู้เพียงแค่ว่าถ้าเธอไม่ได้จูบอานโซฮีเธอต้องทรมานจนตายแน่ๆ
มันประหลาด ความคิดนี้มันสุดแสนจะประหลาด เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดความรู้สึกนี้กับคนที่เธอคิดว่าเป็นเพียงพี่น้องกันมาตั้งแต่ต้น
เธอแปลกใจว่าทำไมอยู่ๆ การจูบอานโซฮีกลับกลายเป็นสิ่งเดียวที่เธอคิดและต้องการจะทำมากที่สุด...
มัน เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น ที่พวกเธอยิ้มให้กันก่อนที่จะเข้ามายังห้องนั่งเล่นที่เงียบเชียบและไม่มี ใครอยู่
และเธอก็กำลังจะกล่าวคำขอบคุณและราตรีสวัสดิ์กับอานโซฮี
“ขอบใจมากๆนะ โซฮี วันนี้พี่สนุกมากๆเลยล่ะ”
สาวแก้มป่องยิ้มบางๆ “มันเป็นวันที่ดีด้วยนะค่ะ”
“ดีที่สุดเท่าที่พี่จำได้เลยล่ะ”
สายตาคมสวยของสาวหน้าหวานจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง บางสิ่งที่เธอพูดออกมาทำให้มีประกายบางอย่างที่ดูเหมือนความเจ็บปวด
ความเศร้าและความสูญเสียในดวงตาของสาวหน้ากลมสวย...
“มีอะไรหรือเปล่า? โซฮี” มินซอนเยกระซิบเสียงเบาเพราะกว่าคนอื่นๆตื่น
สาวแก้มป่องฝืนยิ้ม แม้ว่าคนผมสั้นจะนิ่งไปเมื่อเธอยังคงเห็นร่องรอยความเจ็บปวด ความเศร้าและประกายน้ำตาในดวงตาคู่สวยของอีกฝ่าย
“ไม่ค่ะ ฉันแค่ง่วงนิดหน่อย”
มินซอนเยจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง เธอรู้ว่าอานโซฮีกำลังโกหกเธอ สาวแก้มป่องไม่มองเธอตรงๆ และเธอรู้จักอานโซฮีดี
รอยยิ้มฝืนๆของสาวแก้มป่องกำลังทำงานสวนทางกับความรู้สึก...
“โกหก...” เสียงเรียบๆแต่อ่อนโยนดังขึ้นมาเบาๆ สาวแก้มป่องเบือนหน้ามามองอีกฝ่าย เธออ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยิน
แล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่คนผมสั้นอยากจะจูบอีกฝ่าย อยากจะไล่ความเจ็บปวดเหล่านั้นออกไปจากดวงตาคู่สวยของสาวแก้มป่อง
คนใบหน้าเรียวหวานขยับเข้าไปก่อนที่จะก้มหน้าลงใกล้ๆใบหน้าของสาวแก้มป่อง อานโซฮีหลับตานิ่ง
แล้วความทรงจำของฉันก็กลับมา? ฉันจำได้ว่าเคยจูบอานโซฮีแบบนี้... แต่เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เคยจูบอานโซฮีมาก่อน
แล้วเธอก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมวง มันต้องเป็นภาพหลอนหรือไม่ก็... ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ....แต่ว่าฉันไม่อยากจะคิดอีกแล้ว
มิ นซอนเยหลับตานิ่งก่อนที่จะประทับริมฝีปากอุ่น เธอรับรู้ถึงความเกร็งของสาวแก้มป่องเมื่อแรกสัมผัส มืออุ่นๆของเธอเลื่อนมาลูบพวงแก้มป่องๆนั้นเบาๆแล้วไม่นานร่างบางก็ผ่อนคลาย ลง คนผมสั้นกดจูบเมื่อรู้สึกถึงความอ่อนหวาน นุ่มนวลและลมหายใจอุ่นๆของอานโซฮี
แม้ว่านี่จะเป็นจูบแรกของพวกเธอ แต่ว่าเธอกลับคุ้นเคย เหมือนว่านี่ไม่ใช่จูบแรก...
สาวหน้าหวานผละออกจากริมฝีปากสวยก่อนที่จะจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นน้องเล็กของวงจะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
สาย ตาหวานไล่มองผิวแก้มนุ่มละมุนที่เริ่มเป็นรอยแดงเรื่อๆ ผมยาวสลวยของอีกฝ่ายที่ปล่อยให้สยายไปตามบ่า เธอรู้ดีว่ามันอ่อนนุ่มถึงเพียงไหน
ริมฝีปากบางสวยของสาวแก้มป่อง ริมฝีปากที่ทำให้เธออยากจะจูบอีกครั้ง...
“พะ...พี่ซอยเยค่ะ ฉัน...” เพียงแค่น้ำเสียงของอานโซฮีที่เรียกชื่อเธอเพียงเบาๆ กลับมีผลกับเธออย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เธอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนเธอจมดิ่งอยู่ในฝันที่ประหลาด เธอรับรู้เพียงแค่เธออยากจะจูบสาวแก้มป่องที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วเธอก็ทำ...
อานโซฮีขยับแขนโอบรอบตัวคนผมสั้น มือเล็กๆเกาะเอวของมินซอนเยไว้แน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะจากเธอไป
สาว หน้าหวานสวยยังคงจูบสาวแก้มป่องอยู่อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน....แล้วจากจูบ ที่ถวิลหาความนุ่มนวลและความอ่อนหวานก็กลายเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความปรารถนา คนผมสั้นผละจูบจากอีกฝ่าย ก่อนที่จะถามคำถามสี่คำที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเธอและอานโซฮีไปตลอด กาล....
“ห้องเธอหรือพี่?”
คนผมสั้นหลับตานิ่งเมื่อรับรู้ถึงฝ่ามืออันอบอุ่นของอีกฝ่ายตรงแก้มเนียนใสของเธอ
มินซอนเยลืมตาขึ้นช้าๆ เธอเห็นรอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้ากลมสวย ดวงตาคู่สวยของสาวแก้มป่องยังคงมีประกายของน้ำตาใสอยู่
“ห้องฉัน...”
มิ นซอนเยพาร่างบางเข้าไปในห้องนอนของอีกฝ่ายที่มีตุ๊กตามินนี่เม้าส์แขวนอยู่ คนผมสั้นยังคงไม่ละจูบจากสาวแก้มป่องจนกระทั่งร่างของทั้งสองเอนลงบนเตียง ที่อ่อนนุ่ม...ภายในใจแทบไม่อยากเชื่อว่าเธอจะรู้สึกแบบนี้กับน้องสาวที่ เป็นเพื่อนร่วมวงของเธอ เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน สาวแก้มป่องหลับตานิ่งเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นที่สัมผัสกันอย่างอ่อนโยน และอ่อนหวาน
“โซฮี แน่ใจนะ?”
น้ำตารื้นขึ้นบนตาคู่สวยของสาวแก้มป่องเมื่อเธอได้ยินคำพูดแห่งความทรงจำ...
“แค่พี่รักฉัน” เธอบอกเบาๆอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะดึงคนผมสั้นมาจูบอีกครั้ง
มินซอนเยเลิกคิ้ว เธออดที่จะแปลกใจไม่ได้กับคำพูดและจูบของสาวหน้ากลม
เหมือนเธอคุ้นเคยกับมันอย่างประหลาด....ทั้งคำพูดและจุมพิตที่แสนหวาน
สายตาคมสวยของคนผมสั้นก้มมองใบหน้ากลมๆของอีกฝ่ายยามที่เธอหลับสนิท
อานโซฮีดูผ่อนคลาย...มีความสุข... ไร้ความกังวลใดๆ... แล้วเธอก็นึกถึงสิ่งที่สาวหน้ากลมพูด
แค่พี่รักฉัน....
มินซอนเยก้มลงจูบแก้มเนียนใสของอีกฝ่ายเบาๆก่อนที่จะเลื่อนไปสัมผัสที่ริมฝีปากอมชมพู เธอเอนร่างลงข้างๆอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
หากสายตาคมสวยยังคงจับจ้องสาวแก้มป่องที่กำลังหลับใหลอยู่... ความคิดสุดท้ายที่อยู่ในสมองของเธอก่อนที่เธอจะหลับสนิท....ก็คือ....
พี่รัก....
อานโซฮีลืมตาขึ้นมาพร้อมกับภาพตรงหน้าที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกและคุ้นเคยในเวลาเดียวกัน...
ภาพ ตรงหน้าที่ทำให้เธอต้องยิ้มออกมาบางๆ มินซอนเยกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆเธอ มีเพียงผ้าห่มผืนหนาเท่านั้นที่คลุมร่างเนียนขาวของคนผมสั้นไว้
สาว แก้มป่องขยับออกอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น เธอลุกออกจากเตียง รีบคว้าเสื้อมาใส่ก่อนที่จะหันไปจ้องมองใบหน้าหวานใสที่กำลังหลับใหลอยู่ ความรู้สึกเหล่านั้นยังคงอยู่ สัมผัสที่อ่อนโยน สัมผัสที่ทำให้เธอมีชีวิตอีกครั้ง...
สาวแก้มป่องถอนหายใจเบาๆ เธอเหลือบมองนาฬิกาแล้วพบว่ามันเกือบตีสี่แล้ว เธอก้มลงจูบคนผมสั้นเบาๆที่ริมฝีปาก
ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องของซอนมี...
พี่ซอนเยของฉัน....ยังคงเป็นของฉัน แม้ว่าพี่เค้าจะไม่รู้ก็ตาม...
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เธอยิ้มได้ เธอยิ้มเมื่อคิดถึงความรักของเธอ
เธอแน่ใจในทันที ว่าทุกอย่างนั้นจะต้องดีขึ้น....
ความคิดเห็น