คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Just Pretend: Act 2
Act 2: The Play Begins
สัปดาห์ที่เหลือนั้นเกือบทำให้อานโซฮีนั้นแทบเป็นบ้า
เธอคิดยังไงถึงได้ไปตกลงทำอะไรบ้าๆแบบนั้นได้?
นี่มันบ้าไปแล้ว นี่มันบ้าสุดๆเลย...
เหมือนกับที่ปาร์คเยอึนผู้จัดการส่วนตัวของมินซอนเยได้พูดเอาไว้เมื่อตอนที่คนผมสั้นได้บอกเล่าถึงแผนการนั้น...
“แกคิดว่ามันเป็นแผนที่ดีมั้ย? เยอึน”
“ไอ้บ้า! ดีกะผีน่ะสิ! แกเอาอะไรคิดเนี้ย? แกเป็นดารานะเว้ย แกนี่บ้าไปใหญ่แล้ว ทั้งสองคนเลย โอ้ย! ฉันจะบ้าตาย...”
มินซอนเยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก
“บางทีฉันอาจจะบ้าจริงๆก็ได้ แต่ฉันจะบ้าไปกว่านี้ถ้าฉันต้องทนอยู่กับยัยพวกนั้นจริงๆ”
*******************
อานโซฮีมองดูเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกนิ่ง นี่ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ต้องทำอะไรแบบนี้
แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องการให้ตัวเองนั้นดูดีมากกว่าที่เธอเคยเป็น
แล้วเธอก็หวังว่าคนผมสั้นจะเห็นในสิ่งที่เธอพยายามจะทำอยู่นี้...
“โซฮี? เสร็จยังน่ะ?” เสียงของมินซอนเยดังขึ้นก่อนที่จะเคาะประตูหนาเบาๆ
“มาแล้วค่ะ” สาวหน้ากลมจ้องมองตนเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู...
มินซอนเยยิ้มกว้างเมื่อเห็นสาวแก้มป่องเปิดประตูออกมา เธออดคิดไม่ได้ว่าวันนี้อานโซฮีนั้นดูน่ารักมากๆเลยทีเดียว
แน่ นอนว่าเธอไม่หมายความว่าวันอื่นๆนั้นน้องสาวของเธอนั้นจะไม่น่ารัก เพียงแต่ว่าเธอแทบไม่เคยเห็นสาวแก้มป่องนั้นแต่งหน้าเลยสักครั้ง...
ซึ่งมันก็ทำให้วันนี้อานโซฮีดูสวยและน่ารักต่างออกไปจากที่เธอเคยเห็น....
“เธอน่ารักมากๆเลย” มินซอนเยบอกเรียบๆอย่างจริงใจก่อนที่จะยิ้มกว้างให้สาวหน้ากลม...
“ขอบคุณค่ะ พี่ซอนเยก็เหมือนกัน” สาวแก้มป่องพยายามที่จะไม่คิดว่าคำชมของอีกฝ่ายนั่นอาจจะมีความนัยแฝงอยู่
แค่เพียงคนผมสั้นบอกว่าเธอนั้นน่ารักก็คงจะเพียงพอแล้วสำหรับเธอ....
มินซอนเยยิ้มให้สาวแก้มป่อง “โซฮี พร้อมยังเอ่ย?”
“ไม่รู้สิค่ะ คงต้องลองดูน่ะคะ”
“ใช่ เราต้องลองดูสักตั้งล่ะ”
คน ผมสั้นต้องการที่จะไปถึงงานให้ช้ากว่าปกติเพราะว่าเธอต้องการที่จะประกาศให้ คนภายในงานรับรู้สถานะของเธอโดยไม่ต้องบอกกล่าวหรือใช้คำพูดแม้แต่คำ เดียว...
แล้วมินซอนเยก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นมันผิด พลาด เมื่อเธอและอานโซฮีได้มาก้าวมาถึงหน้าผับหรู คนผมสั้นก็เห็นว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นพนักงานในผับแห่งนี้กำลังจะ ประกาศให้คนภายในงานได้รับรู้การมาของเธอ...
แล้วสิ่งที่เธอคิดก็ถูก...
ใบหน้าหวานของมินซอนเยต้องบิดเบี้ยวอย่างอารมณ์เสีย
“โอ้ ไม่นะ ไม่ใช่แบบนี้....”
อานโซฮีหันมามองคนผมสั้นที่เริ่มทำหน้าบูดบึ้งก่อนที่สาวหน้ากลมจะยิ้มบางๆอย่างปลอบใจ
“ยิ้มหน่อยสิค่ะ พี่ซอนเย” สาวหน้ากลมกระซิบบอกอีกฝ่าย “ทำหน้าเหมือนกับว่าจะโดนฆ่าอย่างไงอย่างงั้นแหล่ะ”
สาวแก้มป่องหัวเราะออกมาเบาๆซึ่งทำให้คนผมสั้นต้องยิ้มบางๆก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้น
“มินซอนเยกับแฟนเหรอ?...”
และนั้นเป็นครั้งแรกที่แขกเหรื่อในงานหันมามองทั้งคู่ที่ยังคงอยู่ข้างนอกผับขณะที่คนผมสั้นหันไปยิ้มบางๆให้กำลังใจแก่สาวแก้มป่อง
เธอสังเกตว่าอานโซฮีดูไม่ค่อยกลัวแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยกเลิก 'เดทหลอกๆ' ของเธอ
คนผมสั้นค่อยๆเลื่อนมือไปจับมืออุ่นๆของอีกฝ่ายก่อนที่จะบีบเบาๆเพื่อเรียกกำลังใจให้กับสาวแก้มป่อง
“งั้นพี่ว่าเรามาเริ่มแสดงกันเถอะ” มินซอนเยกระซิบเบาๆก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้าไปในผับหรู
แล้วมันก็เป็นเหมือนทุกๆทีที่เธอได้ก้าวเข้ามาเหมือนปาร์ตี้ก่อนๆ เธอมองไปรอบๆเพื่อจะหาเพื่อนๆในวงการที่เธอนั้นสนิทด้วย...
“พี่ซอนเยค่ะ!”
คนผมสั้นหันไปมองเจ้าของเสียงแทบจะทันที แล้วเธอก็เห็นหญิงสาวผมน้ำตาลเข้มที่กำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
มินซอนเยจำได้ว่าเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้เมื่องานปาร์ตี้ที่ผ่านมา... แต่เธอก็จำไม่ได้ว่าคนๆนี้ชื่ออะไร
สาวใบหน้าหวานต้องตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจที่อยู่ๆสาวคนนั้นก็โอบกอดรอบตัวเธอ...
“พี่ซอนเยค่ะ ฉันดีใจจริงๆที่เจอพี่อีกครั้ง” เธอทักคนผมสั้นที่กำลังมึนงงด้วยความตื่นเต้น แถมดูท่าท่างสาวคนนี้จะดูเปิดเผย
และแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างไม่แคร์สายตาใครเลยด้วยซ้ำไป...
“ฉัน เฝ้ารอที่จะเจอพี่อีกครั้ง แล้วดูท่าว่าวันนี้ฉันจะสมหวังด้วยซี่ค่ะ” หญิงสาวผมน้ำตาลเข้มบอกซึ่งทำให้มินซอนเยต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
ที่ ดูเหมือนคนตรงหน้าพูดเหมือนกับว่าได้พูดคุยเรื่องอะไรที่น่าสำคัญเสียเหลือ เกิน คนผมสั้นพอจะจำได้เพียงว่าหญิงสาวคนนี้เป็นพริตตี้สินค้าที่เธอเคยเป็น พรีเซนเตอร์ให้ แล้วเธอก็จำได้ว่าเธอและหญิงสาวคนนี้คุยกันแค่เรื่องสภาพอากาศเท่านั้น
สิ่ง ที่ทำให้ใบหน้าเรียวสวยต้องบิดเบี้ยวด้วยความมึนงงก็คือเธอรู้สึกถึงแขน เล็กๆของอีกฝ่ายได้สอดเข้ามาในแขนของเธอก่อนที่จะดึงตัวเธอให้เข้าไปใกล้ๆ กว่าเดิม ซึ่งทำให้คนผมสั้นจ้องมองหญิงสาวที่กำลังยิ้มหวานให้เธออย่างไม่พอใจนัก...
มินซอนเยนิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่เธอจะยิ้มบางๆให้สาวผมน้ำตาลเข้มอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัีก
“สวัสดี” เสียงของหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะมองไปที่อานโซฮีด้วย สายตาที่เย็นชาและไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าใดนักก่อนที่เธอจะยิ้มกว้างซึ่งสาว หน้ากลมสังเกตได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความจริงใจเท่าใดนัก...
“โอ้...โซฮี พี่ขอโทษนะจ้ะที่พี่ไม่ได้สังเกตว่าเธอก็อยู่ด้วย เธอคงไม่ว่าอะไีรใช่มั้ยถ้าพี่จะขอยืมตัวพี่ซอนเยสักพักหนึ่งน่ะ?”
มินซอนเยพยายามอย่างยิ่งที่จะดึงแขนของเธอออกจากหญิงสาวคนนี้—คนที่เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ
แม้ว่าเธอพยายามจะนึกเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร หากความคิดที่ว่าเธอและอานโซฮีนั้นกำลังแกล้งเป็นแฟนกันแว่บขึ้นมา
แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร สาวแก้มป่องก็เอ่ยออกมาเสียก่อน
คนผมสั้นจ้องมองอานโซฮีที่กำลังยิ้มกว้างให้หญิงสาวตัวปัญหาอย่างตกตะลึง
“แน่ล่ะค่ะว่าฉันนั้นคงไม่พอใจมาก ฉันว่าพี่คงต้องหาเวลาอื่นแล้วล่ะค่ะ เพราะวันนี้พี่ซอนเยมากับฉัน”
สาวแก้มป่องเอ่ยเสียงหวานเรียบหากแฝงด้วยคำเสียดสีอย่างจงใจ ก่อนที่รอยยิ้มของอีกฝ่ายจะจางหายไปเมื่อได้ยินคำตอบ
มิ นซอนเยพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หัวเราะออกมา เธอจ้องมองสาวหน้ากลมอย่างให้กำลังใจ ไม่น่าเชื่อว่าอานโซฮีนั้นจะเล่นบทแฟนได้ดีถึงขนาดนี้?
เสียงหัวเราะเบาๆออกมาจากหญิงสาวคนนั้น “แม้ว่าเธอบอกว่าไม่....แต่พี่ซอนเยยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ พี่ซอนเยว่าไงค่ะ?”
คนผมสั้นที่ดูท่าจะหมดความอดทนเต็มที เธอดึงแขนของตนเองให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายอย่างช้าๆเพื่อรักษามารยาท
“อืม...ก็อย่างที่โซฮีบอกไปก่อนหน้านี้นั่นแหล่ะ พี่คงไปกับเธอไม่ได้หรอก เพราะว่าโซฮีเป็นแฟนของพี่”
“ฟะ-แฟน? ยัย....เอ่อ....โซฮีเนี้ยนะ?” หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจเมื่อได้รู้ความจริง
“ใช่ โซฮีนั้นเป็นคนๆเดียวที่พี่อยากจะอยู่ด้วยในตอนนี้ พวกเราขอตัวนะ”
รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าเรียวสวยของมินซอนเย ก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้กับปาร์คเยอึนที่กำลังดูการแสดงของเธอและอานโซฮีอยู่
คนผมสั้นอดที่จะดีใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าเธอและสาวหน้ากลมนั้นจะเล่นได้ดีจนเป็นคู่ขากันได้เลยทีเดียว
พวกเธอเดินไปที่มุมๆหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนักก่อนที่ทั้งสองจะหยุดนิ่งแล้วหันมามองหน้ากัน
รอยยิ้มๆบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนที่เสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งสองจะดังขึ้นมาเบาๆ
“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะพูดอะไรแบบนั้นออกไป พี่ว่าพี่ชักสนุกแล้วล่ะสิ” ใบหน้าหวานยิ้มกว้าง
เธอไม่เคยรู้สึกปลดปล่อยและเป็นสุขอย่างนี้มาก่อนที่เธอได้รอดพ้นจากบรรดาสาวๆพวกนั้นสักที
แม้ว่าบางทีพรุ่งนี้อาจจะมีข่าวgossipบ้าง แต่ตอนนี้ใครจะสนกัน?
“ใช่ค่ะ นี่น่าขำสุดๆเลย” อานโซฮีเห็นด้วย แก้มป่องแดงขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ ซึ่งเธอนั้นก็รู้สึกสะใจไม่เบา...
“ว่าแต่บรรดาแฟนคลับของพี่นี่เค้าแสดงออกกันชัดเจนขนาดนี้เลยเหรอค่ะ?”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น...แต่ก็มีบ้างแหล่ะ”
“ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยนะ พี่ซอนเย” สาวแก้มป่องหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด “ฉันถามอะไรพี่ได้มั้ยค่ะ?”
“พี่คุยอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเหรอค่ะ? ดูท่าทางเค้าอยากจะคุยกับพี่ต่อเหลือเกินน่ะ? สำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
เธอถามต่อเมื่อเห็นว่าคนผมสั้นพยักหน้าช้าๆ
“เป็นอะไรที่สำคัญมากๆเลยล่ะ” คนผมสั้นตอบก่อนที่จะยิ้มกว้าง “พี่ตื่นเต้นมากๆเลยตอนที่เค้าบอกพี่ว่าปีนี้หน้าร้อนจะมาช้ากว่าปกติ”
“คุยกันเรื่องสภาพอากาศเนี้ยนะ?” อานโซฮีถามออกมาอย่างแปลกใจ
“เอ้อ ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นนะ พี่นึกออกแล้ว เธอยังชวนพี่คุยเรื่องพลังงานแล้วพวกโมเลกุลอะไรก็ไม่รู้”
สาวแก้มป่องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังเล่าอยู่ มินซอนเยยิ้มกว้างมองดูอีกฝ่าย
เธอ อดคิดไม่ได้ว่าวันนี้ดูสาวแก้มป่องนั้นดูน่ารักเสียเหลือเกิน เธอไม่เคยเห็นอานโซฮีในแบบนี้มาก่อน แก้มป่องๆที่เริ่มจะมีสีแดงเรื่อๆและแววตาที่ส่องประกายของสาวแก้มป่อง...
ดูเหมือนรอยยิ้มที่สดใสของอีกฝ่ายนั้นทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเธอก่อนหน้านี้นั้นดีขึ้นมาอย่างประหลาด
คนผมสั้นคิดอย่างประหลาดใจหากเธอพยายามจะไม่ใส่ใจกับความคิดนี้เท่าใดนัก...
“จริงๆแล้วที่เราหลอกว่าเป็นแฟนกันนี่มันได้ผลดีจริงๆเลยนะ ดูเหมือนไม่มีใครอยากยุ่งกับพี่อีกเลย” คนผมสั้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
เสียงของเธอเบาลงเมื่อคิดว่าอาจจะมีใครได้ยินเข้า...
“ฉันว่าไม่น่าจะใช่นะค่ะ พี่” สาวแก้มป่องเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ขณะที่มองไปรอบๆ
“ดูพวกเค้าเหมือนจะคอยจับผิด หรือคอยดูเราอยู่เลย”
มินซอนเยเหลือบมองไปตามที่อีกฝ่ายบอก เธอเห็นหลายๆคนกำลังจ้องมองมาที่เธอและอานโซฮีอย่างสงสัยใคร่รู้
“งั้นพี่ว่าเรามาแสดงให้พวกเค้าแน่ใจกันดีกว่ามั้ย?” คนผมสั้นถามยิ้มๆ
อานโซฮีนิ่งงันไป “พี่ซอนเย...จะทำ....”
คนผมสั้นยังคงยิ้มกว้างอย่างพอใจในความสำเร็จของแผนการของตนเอง
มินซอนเยยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายที่กำลังยืนค้างอยู่เมื่อคนผมสั้นเลื่อนมือมากุม
ใบหน้าป่องๆของเธอ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะประทับลงบนแก้มนุ่มๆ...
แล้ว อานโซฮีก็แทบจะลืมหายใจ เธอรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้าเมื่อเห็นคนผมสั้นจ้องมองเธอนิ่ง แววตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา ทำให้หญิงสาวนั้นอยากที่จะจดจำแววตาแบบนี้ไว้... แววตาที่มินซอนเยมองมาที่เธอ มันเหมือนกับตอนที่คนผมสั้นมองคนรักเก่าของเธอ...
สาวแก้มป่องเกือบจะ คิดว่านี่มันเป็นความจริง แววตาที่จ้องมองมาที่เธอด้วยความชื่นชม เหมือนกับว่าเธอเป็นคนที่สวยที่สุดในสายตาของคนผมสั้น....
มันทำให้เธอนึกว่าสิ่งนี้เหมือนกับเป็นเรื่องจริง แล้วเธอก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น...
แม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องจริง แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น....
สาวหน้ากลมสังเกตได้ถึงแววตาของคนผมสั้นที่จ้องมองมาที่เธอ แววตาที่คนอื่นนั้นไม่อาจสังเกตเห็นได้
แววตาที่แสดงถึงความขบขันในสิ่งที่ได้ทำลงไป แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้เธอนึกขึ้นได้....
เพียงแค่ชั่วครู่ที่อานโซฮีลืมไปว่าเธอนั้นกำลังแสดงละครอยู่...
เธอจึงต้องลืมแววตาของคนผมสั้นที่จ้องมองเมื่อกี้ เพราะว่ามันเป็นเพียงการแสดง...
สายตาของอีกฝ่ายที่มองมาด้วยความขบขันได้ดึงเธอกลับสู่ความเป็นจริง....
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไป มันก็เป็นเรื่องโกหก มันเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น
มินซอนเยเพียงแค่แสดงว่าชอบเธอแบบนั้น ทุกๆอย่างที่คนผมสั้นนั้นทำเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง
แล้วแผนการของพวกเธอก็คือการแกล้งทำเป็นหลงเสน่ห์คนผมสั้น…หลงรัก....
มันเป็นแค่เพียงละครที่เธอนั้นจำเป็นต้องเล่น เธอต้องแสดงว่าเธอนั้นห่วงมินซอนเยแค่ไหน....
แก้มของเธอที่จำเป็นต้องแดงก่ำในเวลาที่คนผมสั้นนั้นจ้องมองเธอแบบนั้น... มันเป็นเพียงแค่การแสดงของเธอเท่านั้น.....
แล้วถ้าเธอคิดแบบนี้บ่อยๆ เธออาจจะลืมไปว่าเธออยากให้เรื่องนี้มันเป็นความจริงแค่ไหน...
เพราะว่าทุกอย่างที่คนผมสั้นทำนั้นมันเป็นแค่เรื่องหลอกลวง....
ความคิดเห็น