คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Just Pretend: Act 1
/>
_________________________
Act 1: Setting the Stage
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเธอเปิดประตูเข้ามาข้างในห้องกว้างสุดหรูนี้ได้สักที
“ในที่สุดฉันก็รอดพ้นจากพวกนั้นได้สักที...” เธอพึมพำเบาๆก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมตัวหนาออกแล้ววางพาดไว้บนโซฟาตัวใหญ่...
“น่าสงสารจัง อะไรมันจะแย่ได้ถึงขนาดนั้นเนี้ย? พี่ซอนเย” อานโซฮีอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
พวกเธอเพิ่งกลับมาจากงานปาร์ตี้ที่ผับหรูแห่งหนึ่ง...หญิงสาวหน้าเรียวสวยนั่งลงบนโซฟาสีน้ำเงินเข้มตัวใหญ่
ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วหลับตานิ่ง... เธอหวังว่ามันน่าจะทำให้เธอได้ผ่อนคลายบ้าง
เธอยังคงจำตอนที่เธอได้เดินเข้าไปในผับแห่งนั้นได้เป็นอย่างดี เสียงกรีดร้องของบรรดาสาวๆมากหน้าหลายตา
นั้นทำให้เธอต้องผงะไปด้วยความตกใจจนทำให้เธอต้องกลับมาที่ห้องพักอย่างหัวเสีย...
นี่เธอจะหาเวลาส่วนตัวของตัวเองไม่ได้เลยหรือไงนะ?…
“ทั้งที่พี่กะจะไปเที่ยวสนุกแท้ๆเลยนะ! นี่มันเวรกรรมอะไรของพี่กันนักหนานะ?”คนผมสั้นเอ่ยอย่างเซ็งๆ
เธอได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังออกมาเบาๆจากสาวหน้ากลม ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปมองอีกฝ่ายที่ยืนแก้วนมอุ่นๆให้เธอ
“มันคงเป็นไปตามที่พี่หวังไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่าพี่ออกจะเป็นนักร้องดัง”
“ใครจะไปคิดว่าจะไม่มีเวลาส่วนตัวอย่างนี้ล่ะ” มินซอนเยบ่นพึมพำขณะที่รับแก้วนมอุ่นๆของอีกฝ่ายมา
“อยากจะไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเจอพวกนั้นจังเลย...”
อานโซฮีเริ่มหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คนผมสั้นจะหันมาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“มันไม่ตลกนะ โซฮี เธอนี่เป็นน้องภาษาอะไรเนี้ยถึงได้มาหัวเราะเยาะกับความเจ็บปวดของพี่ได้” เธอแสร้งทำเป็นโกรธอีกฝ่าย
สาวหน้ากลมหยุดหัวเราะ แม้ว่าเธอพยายามกลั้นมันเต็มที่ก็ตามแต่
“ก็ได้ค่ะๆ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่ควรที่จะไปหัวเราะเยาะกระต่ายน้อยมินซอนเยเลย...”
คนผมสั้นหันขวับทันทีเมื่อได้ยิน “อย่าเรียกพี่อย่างนั้นนะ!”
“อะไร ค่ะ? ฉันว่ามันดูเหมาะดีออก... กระต่ายน้อย กระต่ายน้อย...” สาวหน้ากลมหัวเราะไปมาเมื่อเธอหลบหมอนที่คนผมสั้นขว้างใส่เธอได้สำเร็จ
“โอ๊ย! พี่จะบ้าตายกับสาวๆพวกนั้น!”
มันไม่ใช่แค่เสียงกรี้ดกร้าดที่ทำให้เธอรำคาญ หากเป็นบรรดาสาวๆที่ค่อยเดินตามเธอ และพยายามชวนเธอเต้น
หรือคอยลากเธอซึ่งทำให้เธอต้องรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ต่างจากสุนัขที่โดนลากให้เดินตาม...
มัน เป็นอะไรที่แย่สุดๆสำหรับเธอ แม้ว่าเธอดีใจที่เธอได้เป็นนักร้องดั่งที่เธอได้เฝ้าฝันไว้... แต่เธอไม่คิดว่าเธอจะต้องสูญเสียความเป็นส่วนตัวได้มากถึงขนาดนี้....
“อืม....พี่ซอนเยลองคิดแบบนี้สิ พี่จะได้มีผู้หญิงไว้เลือกเป็นกระตั๊กไง แล้วนอกจากนั้น--”
“นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่จะทำ” คนผมสั้นขัดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยิน
“พี่อยากจะเดทกับใครก็ได้ที่ไม่ต้องคอยตามพี่อยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นเวลาที่พี่อยากจะทำธุระส่วนตัว
แล้วคนๆนั้นจะต้องไม่ยุ่งเรื่องของพี่ไปซะทุกเรื่อง ซึ่งดูมันไม่เคยมี แล้วก็คงไม่มีเลย”
ใบหน้าเรียวสวยบิดเบี้ยวเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต “ดังนั้นไม่เอาดีกว่า ขอบคุณ”
อานโซฮีเงียบไปพักใหญ่เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจคนผมสั้น...
ถึงแม้ว่ามินซอนเยจะเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จมากถึงเพียงใด แต่ความดังที่เธอได้รับนั้นมันก็หมายถึงว่า
เธอต้องสละความเป็นส่วนตัว... ซึ่งดูเหมือนว่ามินซอนเยนั้นอยากได้มันกลับคืนมาเสียเหลือเกิน
แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่สนิทกับมินซอนเยคนหนึ่ง แต่การได้ใกล้ชิดนักร้องดังมันก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเช่นเดียวกัน
เพราะเธอก็กลัวบรรดาแฟนคลับของอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย แม้ว่าพวกนั้นจะคิดว่าเธอนั้นเป็นเพียงแค่น้องสาว
เพราะว่ามินซอนเยเคยให้สัมภาษณ์ไว้ จริงๆแล้วเธอก็เป็นเพียงแค่รุ่นน้องร่วมคอนโดที่อยู่ห้องข้างๆนักร้องดังเท่านั้นเอง
แม้ว่าครอบครัวเธอกับคนผมสั้นจะรู้จักกันก็ตามที....
ในเวลานั้นดูเหมือนสาวผมสั้นจะคิดอะไรออก ถ้าเรามีแฟน มันอาจจะทำให้อะไรๆนั้นดูง่ายขึ้นก็ได้ แล้วพวกนั้นก็จะไม่ต้องมายุ่งกับเรา....
ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น นี่มันต้องเป็นแผนการที่บ้าบอที่สุดที่เธอเคยนึกออก แล้วเธอมาคิดๆดูแล้ว ถ้ามันเป็นแบบนั้นมันก็ไม่เลวเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันค่อนข้างจะบ้าไปหน่อยก็ตามแต่
“นี่... โซฮี” เสียงนุ่มๆของสาวใบหน้าหวานเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “เธออยากจะเป็นแฟนพี่มั้ย?”
อานโซฮีสำลักนมที่เธอกำลังดื่มอยู่แทบจะทันทีเมื่อได้ยิน ก่อนที่จะเงยหน้ามองอีกฝ่าย “อะไรนะค่ะ?”
คนผมสั้นยืนขึ้นก่อนที่จะจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังมองเธอด้วยความช็อค “ไม่ได้เป็นจริงๆหรอกน่า”
“แค่แสดงหลอกๆน่ะ พี่แค่คิดว่า ถ้าหากพี่มีแฟนแล้ว คนพวกนั้นก็จะเลิกยุ่งกับพี่แล้วพี่ก็จะเป็นอิสระซะทีไง
ดังนั้นงานปาร์ตี้ที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า เธอต้องแกล้งเป็นแฟนพี่—เราจะหลอกคนอื่นว่าเรานั้นเดทกันอยู่?
แล้วนี่มันก็จะทำให้ปัญหาทุกอย่างหมดไป เราแค่แกล้งทำเป็นแฟนกันแค่ไม่กี่อาทิตย์เอง...”
คนผมสั้นมองอีกฝ่ายที่ยังคงคิดหนักอยู่จนทำให้เธอพยายามที่จะให้เหตุผลเพิ่มเติม เผื่อว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยบ้าง...
“พี่ว่ามันไม่ยากนะ เราแค่ทำเป็นแสดงว่าเรานะคบกัน แค่แตะตัวกันหรือไม่ก็มองตากันซึ้งๆหน่อย มันก็คงจะโอเคแล้วล่ะ
เราไม่จำเป็นต้อง...เอ่อ...จูบหรืออะไรหรอก แล้วประเด็นสำคัญก็คือ พี่ขอให้ใครช่วยไม่ได้แล้วนอกจากเธอ นะ...โซฮี ช่วยพี่เถอะ”
มินซอนเยอ้อนวอนพร้อมกับมองตาสาวแก้มป่อง
แล้วอานโซฮีก็รู้ตัวดีว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธมันได้...
เธอไม่เคยปฏิเสธแววตาของคนผมสั้นที่มองเธอแบบนั้นได้เลยสักครั้ง...
อานโซฮีถอนหายใจเบาๆ เธอเห็นใจมินซอนเย มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นคนเป็นพี่นั้นยิ้ม
เพราะเธอรู้ว่าคนผมสั้นนั้นต้องคอยหลบหลีกปาปารัซซี่ แล้วไหนจะบรรดาแฟนคลับที่คอยตามเธอไม่เลิกอีก...
สาวแก้มป่องนิ่งเงียบไปนานจนทำให้คนผมสั้นเริ่มจะเป็นกังวล...
“ว่าไง? โซฮี เธอจะช่วยพี่มั้ย?” เสียงของอีกฝ่ายเอ่ยถามนุ่มๆ ก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้าง ยิ้มที่ไม่เคยทำให้เธอต้องผิดหวัง...
“ก็ได้ๆ ฉันช่วยพี่ก็ได้” สาวหน้ากลมตอบตกลงที่จะพ่นลมหายใจอย่างเป็นกังวล
อานโซฮียืนนิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังยิ้มกว้างอย่างดีใจเหมือนกับว่าเธอได้รางวัลใหญ่อย่างไงอย่างงั้น....
“ขอบใจมาก โซฮี! เธอกำลังจะช่วยพี่ให้รอดพ้นจากสัปดาห์อันเลวร้ายเลยนะเนี้ย!”
มินซอนเยเอ่ยอย่างปิดความดีใจไว้ไม่มิด
“มันต้องสนุกแน่ๆเลย พี่ว่า มาลองดูว่าเราจะแสดงกันเจ๋งถึงขนาดไหน”
อานโซฮีเพียงแต่ยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย ในทางกลับกันเธอนั้นเพียงแต่คิดแตกต่างจากคนผมสั้นโดยสิ้นเชิง
เธอคิดว่ามันเป็นอะไรที่แสนง่ายถ้าหากจะให้แสดงว่าเธอนั้นรักมินซอนเย มันช่างเป็นอะไรที่ง่ายเหลือเกิน...
/>
มันเป็นอะไรที่ง่ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด....
ความคิดเห็น