คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Always: Part1
Part 1: Persistence of Memory
เธอไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้มันจะทำให้ชีวิตเธอพลิกผัน
เธอไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับคนที่เธอรัก
‘วันนั้น’ วันที่เธอรู้สึกกลัวทุกครั้งเมื่อนึกถึง....
วัน นั้นเป็นวันที่วงของเธอ Wonder Girls, จะต้องไปอัดรายการวิทยุ แล้ววันนั้นก็เป็นวันที่หิมะได้ตกลงมาอย่างหนัก หากความเร็วของรถที่วิ่งบวกกับหิมะที่เริ่มเกาะตัวเป็นน้ำแข็ง ความลื่นของพื้นถนนทำให้ไม่แปลกใจเลยหากวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็เหนือจากความคาดคิดของทุกคนอยู่ดี…
พวกเธอทุกคนยกเว้นมิ นซอนเยตัดสินใจอยู่เดินเที่ยวห้างก่อน หากคนผมสั้นปฏิเสธเพราะรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ตอนแรกเธอบอกกับคนผมสั้นว่าจะกลับไปเป็นเพื่อนเธอ หากมินซอนเยที่ตอนนี้ใบหน้าเรียวหวานนั้นเริ่มซีดเซียวด้วยพิษไข้ส่ายหน้า ปฏิเสธไปมา
“ไปเถอะ พี่ไม่อยากให้โซฮีหมดสนุกเพราะพี่ดันมาป่วยซะก่อน ขอโทษจริงๆนะ” สาวหน้าหวานพึมพำเสียงแหบพร่า
“พี่ซอนเย อย่าพูดอย่างนั้นสิค่ะ” สาวแก้มป่องบ่นพึมพำก่อนที่จะเลื่อนฝ่ามืออุ่นๆไปสัมผัสหน้าผากมนของอีกฝ่าย
คนผมสั้นเขยิบเข้าไปหาก่อนที่เธอจะจูบที่แก้มป่องๆนั้นเบาๆอย่างรักใคร่
“พี่ ซอนเย! เดี๋ยวก็มีใครเห็นหรอกค่ะ” อานโซฮีร้องขึ้นมาเบาๆอย่างตกใจ เพราะเรื่องที่เธอกับคนผมสั้นคบกันนั้นมีแค่คนในวงเท่านั้นที่รู้
“ไม่เห็นจะสนใจเลย ไปได้แล้ว... พวกนั้นรอนานแล้วนะ”
“ค่ะ” สาวหน้ากลมยิ้มก่อนที่จะมองคนผมสั้นที่นั่งอยู่ในรถตู้คันโต “พี่ซอนเย...”
“หืม?”
“ฉันรักพี่นะคะ”
มินซอนเยหันหน้ามามองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ คิ้วโค้งมนเลิกขึ้นอย่างแปลกใจที่อยู่ๆอานโซฮีก็บอกรักเธอ คนขี้อายอย่างอานโซฮีบอกรักเธอ
มันน่าแปลกจริงๆ แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก...
“พี่ก็รักโซฮี” มินซอนเยพูดออกมาเบาๆก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป หากคนผมสั้นยังคงชะโงกใบหน้าออกมามองเธออยู่
อานโซฮีอดสงสัยไม่ได้ว่าในวันนั้นทำไมเธอถึงบอกรักมินซอนเย มันค่อนข้างจะแปลกประหลาด เหมือนมันเป็นโชคชะตา
ทุกๆครั้งที่เธอจะแยกกับคนรักของเธอ เธอจะทำเพียงแค่โบกมือลาหรือไม่ก็จูบเบาๆ แต่วันนั้นมันประหลาดออกไป...
เหมือนมีอะไรบางผลักดันให้เธอพูดคำๆนั้นออกไป แล้วเธอก็รู้เหตุผลว่าทำไม...
เธอเห็นทุกๆอย่าง เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงติดตรึงอยู่ภายในความทรงจำ เธอรู้สึกเหมือนถูกมีดคมกรีดไปทั่วตัวเมื่อเห็นภาพๆนั้น
เพียง เวลาไม่กี่วินาที รถตู้คันใหญ่ได้เลี้ยวโค้งอย่างรวดเร็ว หากพื้นน้ำแข็งที่ลื่นทำให้รถคันใหญ่เสียการทรงตัว ก่อนที่จะพุ่งชนต้นไม้ใหญ่เข้าอย่างจังแล้วพลิกคว่ำ เสียงกระแทกดังสนั่นไปทั่ว...
หลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้ตัวว่าเธอ พาตัวเองวิ่งจากที่ๆตัวเองยืนอยู่เป็นไมล์ๆตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งที่เธอจำได้ดีในตอนนั้น ความคิดเดียวที่ยังติดตรึงในสมองในเวลานั้น
พี่ซอนเย...พระเจ้า! อย่าให้พี่เป็นอะไรไปเลย อย่าให้เป็นอะไรเลย...
อานโซฮีได้แต่เดินไปเดินมาในห้องพักของโรงพยาบาล ณ แห่งหนึ่งในเกาหลี
พระเจ้า...ฉันต้องรออีกนานแค่ไหนกัน? อีกนานแค่ไหนฉันถึงจะรู้ว่าพี่ซอนเยปลอดภัย
พี่ซอนเยจะเป็นอย่างไรบ้าง? อีกนานแค่ไหนกัน...?
แต่ความคิดของสาวแก้มป่องต้องหยุดลงเมื่อซอนมีพูดขึ้นมาเบาๆ
“โซฮี หยุดเดินสักทีเถอะ เธอทำให้ฉันเวียนหัวหมดแล้วนะ”
สาวแก้มป่องหยุดชะงักไปสักพักก่อนที่จะเดินไปเดินมาอีกครั้ง เธอไม่อยากอยู่เฉยๆ
เธอไม่อยากหยุดอยู่เฉยๆเพราะมันเหมือนกับว่าเธอกำลังหมดหวัง...เธอต้องไม่หมดหวัง...
“พี่ ซอนเยเค้าไม่อยากให้เธอเหนื่อยเพราะต้องเดินไปเดินมาอย่างนี้หรอกนะ” สาวร่างบางบอกก่อนที่จะกอดปลอบสาวแก้มป่องที่ตอนนี้ตาคู่สวยเริ่มบวมแดง เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ก่อนที่ปาร์คเยอึนและคิมยูบินจะเดินมาตบไหล่อันสั่นเทิ้มของหญิงสาวที่ดูไม่ มีแม้แต่แรงที่จะพูด
“ซอนเยต้องไม่เป็นอะไร โซฮี” สาวผิวคล้ำบีบไหล่ของสาวหน้ากลมอย่างให้กำลังใจ
“ใช่ๆ เจ้ามินมันแข็งแรงจะตายไป” ปาร์คเยอึนเสริมเพื่อให้อีกฝ่ายแน่ใจ แม้ว่าภายในใจเธอก็ร้อนรุ่มด้วยความไม่สบายใจเช่นเดียวกัน
อานโซฮีเพียงแต่ยิ้มบางๆ หากเป็นรอยยิ้มที่แห้งผาก “ขอโทษค่ะ”
ทั้ง สี่สาวโอบกอดกันเมื่อไม่รู้ว่าตอนนี้ลีดเดอร์ของพวกเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง สายตาของปาร์คเยอึนมองไปที่บรรดานักข่าวที่เริ่มมาทำข่าว
หากโชคดีที่พวกสต๊าฟช่วยกันคุมไว้ได้ นี่ยังไม่รวมถึงบรรดาแฟนคลับที่มารวมตัวราวกับเกิดจลาจลย่อยๆขึ้นอีก...
ชาย ร่างสูงต้องหยุดนิ่งก่อนที่จะเข้าไปในห้องพักที่จัดเตรียมไว้ให้กับญาติของ ผู้ป่วยที่เขารู้ดีว่ามีทั้งสมาชิกคนที่เหลือของ Wonder Girls และ
ปา ร์คจินยอง นี่เป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ การบอกอาการป่วยแก่ญาติหรือเพื่อนๆของผู้ป่วยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วในสถานการณ์นี้ยิ่งยากมากกว่าปกติ เขาสูดลมหายใจของที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้น
อานโซฮีรีบลุกขึ้นก่อนที่จะเดินไปหาคนมีอายุที่อยู่ในชุดกาวน์ สาวแก้มป่องขมวดคิ้วหมุ่นเมื่อเธอสังเกตเห็นสีหน้าที่หนักใจของคุณหมอ
แล้วความมืดมนก็เข้ามาสู่เธอ ปาร์คเยอึน ซอนมีและ คิมยูบินต้องรีบเข้ามาจับร่างบางๆของเธอไม่ให้ล้มไปเสียก่อน
สาวหน้ากลมน้ำตารื้นขึ้นก่อนที่เธอพยายามข่มไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ฉันอยากไปหาพี่ซอนเย...
เธอต้องการอยู่ค้างๆพี่ซอนเย แต่ในเวลานี้เธอต้องตั้งสติ... สาวหน้ากลมสูดลมหายใจ พยายามใจเย็นก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
“คะ...คุณหมอค่ะ พี่ซอนเยเป็นอย่างไรบ้างค่ะ?”
ชายมีอายุจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนที่จะยิ้มบางๆ “เธอไม่เป็นไรครับ เธอมีแผลที่ฝ่ามือที่เกิดจากเศษกระจกที่กระเด็นเข้ามาในรถ
เรา ได้ทำการเย็บแผลให้เรียบร้อย แล้วนอกจากนั้นก็คงมีอาการบวมของแผลและอาการปวดเมื่อย หรือมีบาดแผลตามตัวเล็กน้อยซึ่งไม่กี่วันก็จะหายดี แล้วนั้นก็คือข่าวดีครับ” รอยยิ้มของคนฟังจางหายไปเมื่อรับรู้ว่าถ้ามีข่าวดีก็ต้องมี...ข่าวร้าย
“แต่ ข่าวร้ายก็คือ คุณมินซอนเยมีอาการของผู้ป่วยที่มีความจำเสื่อม ผมได้สอบถามเธอแล้วผลที่ออกมาก็คือเธอจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจาก ที่เธอได้รับรางวัล ในกรณีนี้ คำแนะนำที่ดีที่สุดของเราคือพยายามทำให้เธอรู้สึกสบายใจ อย่าให้มีอะไรมากวนใจเธอเป็นอันขาด ให้เธอได้อยู่ในที่ๆคุ้นเคย หรือคนที่เธอคุ้นเคย ในหลายๆกรณีที่เคยเกิดขึ้นนะครับ ความทรงจำจะกลับมาอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์เมื่อได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่มี ความหมายกับเธอ สภาพร่างกายของคุณมินซอนเยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เมื่ออาการบาดเจ็บต่างๆหายไป ผมมั่นใจว่าเธอจะหายจากอาการความจำเสื่อมได้ในไม่ช้าครับ”
ความคิดของอานโซฮีสับสนตีกันไปหมดเมื่อได้ยินในสิ่งที่คุณหมอกล่าว
พี่ซอนเยจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรหลังจากนั้น... พี่ซอนเยลืมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างต่อจากนั้น...
เธอโกรธและเกลียดโชคชะตาว่าทำไมเรื่องๆนี้ต้องเกิดขึ้นด้วย?
พี่ซอนเยลืมทุกๆสิ่งทุกๆอย่างระหว่างเรา ความสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามคำว่า ‘พี่น้อง’ หรือ ‘สมาชิกในวง’
พี่ซอนเยไม่รู้ว่าเรารักกัน.... พี่ซอนเยจำไม่ได้ว่าเรารักกัน
คำพูดเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในหัวเธอ มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดเกินกว่าที่เธออยากจะรับรู้
เธอ รู้ว่าไม่มีใครผิด เธอรู้ว่าพี่ซอนเยไม่ผิด แต่เธอก็หยุดคิดไม่ได้ เธออดที่จะเจ็บปวดไม่ได้เมื่อได้รับรู้ว่าพี่ซอนเยลืมความรักของเรา ความทรงจำต่างๆ เวลาที่พวกเราได้ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน เวลาที่เธอรู้ตัวว่าเธอได้ตกหลุมรักมินซอนเย....
เธอหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่นุ่มนวลและอ่อนหวานของคนผมสั้น ในเวลานี้ไม่มีอะไรที่จะแยกพวกเธอออกจากกันได้
เธอไม่เคยคิดว่ามินซอนเยจะมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอ คนที่เธอรัก...
สาวหน้าเรียวหวานก้มหน้าจุมพิตอีกฝ่ายเบาๆ
“โซฮี...แน่ใจเหรอ?”
สายตาคู่สวยจ้องมองดวงตาของคนที่อยู่ตรงหน้านิ่ง ดวงตาที่เธอเคยเห็นทุกๆอารมณ์ตลอดช่วงเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา
ซึ่งตอนนี้มันก็เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนา สาวแก้มป่องพยักหน้าช้าๆ หากสายตายังคงจ้องมองคนผมสั้นนิ่ง
“แค่พี่รักฉัน”
แม้ ว่ามันจะเป็นคำพูดเพียงสั้นๆ แต่มันชัดเจน เธอหมายความอย่างที่เธอได้พูดออกไป เธออยากให้คนผมสั้นรัก... เธออยากให้พี่ซอนเยรักเธอ...
ใบหน้าเรียวหวานยิ้มบางๆ เธอเข้าใจทุกอย่าง ก่อนที่สายตาคมสวยจะจ้องมองใบหน้ากลมๆของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่
“พี่รัก...”
คำ พูดสั้นๆเพียงแค่สองคำ สำหรับอานโซฮีนี่คือคำมั่นสัญญาและคำสารภาพในเวลาเดียวกัน ก่อนที่ความคิดของสาวแก้มป่องจะหยุดลงเมื่ออีกฝ่ายก้มลงจูบเธออย่างอ่อน โยน....
สาวแก้มป่องกลับเข้าสู่ความเป็นจริงที่แสนเจ็บปวด มือของซอนมีบีบเบาๆตรงไหล่ของเธออย่างให้กำลังใจ
“เธอเข้าไปหาพี่เค้าซิ”
สาวแก้มป่องหันหน้าไปมองหน้าซอนมีและพี่ๆทั้งสองก่อนที่จะพยักหน้าช้า เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นเมื่อทั้งสามโอบกอดเธอแน่น
“โซฮีคนเก่งของพี่” ปาร์คเยอึนพึมพำเบาๆ
อานโซฮีสูดลมหายใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปหามินซอนเยพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอคิดว่าสดใสที่สุดในความคิดของเธอ
มินซอนเยนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ หน้าเรียวหวานดูซีดและเหนื่อยอ่อน แต่นอกเหนือจากนั้นเธอก็ดูเป็นปกติ เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าป่องๆ
“ไง ยัยเปา”
อาน โซฮีพยายามห้ามความรู้สึกที่อยากจะเข้าไปกอดคนผมสั้น เธอทำได้เพียงแต่ยิ้มบางๆให้คนเป็นพี่... คนที่เป็นลีดเดอร์ของวง Wonder Girls...
“พี่ซอนเย... ขอบคุณพระเจ้าที่พี่ไม่เป็นอะไร พี่รู้มั้ยฉันกลัวมากๆตอนที่เห็นรถคว่ำ”
มินซอนเยมองหญิงสาวร่างบางก่อนที่จะยิ้มกว้าง “พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“พี่ซอนเยรู้สึกยังไงบ้างค่ะ?” สาวแก้มป่องถามเมื่อเห็นผ้าหนาๆสีขาวพันรอบศีรษะของอีกฝ่าย
“ไม่รู้สิ” สาวแก้มป่องอยากจะร้องไห้ออกมาเมื่อเธอเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความสับสนของอีกฝ่าย
“พี่ แค่รู้สึกแปลกๆ พี่จำได้แค่เมื่อวานเราไปรับรางวัลกัน แต่หมอบอกพี่ว่ามันผ่านมาหลายเดือนแล้ว หลังจากนั้นพี่ก็จำอะไรไม่ได้เลย....
มันก็ว่างเปล่าไปหมดเลย”
อานโซฮีกัดฟันนิ่ง ฉันต้องไม่ร้องไห้ ฉันต้องไม่ร้องไห้...
“ไม่ เป็นไรค่ะ พี่ซอนเย สิ่งนั้นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายหรอกค่ะ” มินซอนเยเลิกคิ้วเมื่อเธอรู้สึกถึงเสียงที่สั่นของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้คิด อะไร....
“เดี๋ยวฉันไปเรียกซอนมี พี่ยูบินและพี่เยอึนเข้ามานะคะ” สาวแก้มป่องเอ่ยเบาๆก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู เธอพยายามที่จะไม่หันหลังกลับไปมองคนผมสั้นที่นั่งอยู่บนเตียง...
อานโซฮีนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องผู้ป่วยระหว่างที่เธอกำลังรอสมาชิกในวงและปาร์คจินยองเข้าไปดูอาการของมินซอนเย
ความคิดของเธอเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อเธอเพิ่งนึกได้ว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง เธอต้องย้ายข้าวของของเธอกลับห้องเธออีกครั้ง
เธอต้องถอดแหวนที่มินซอนเยให้เธอมา เธอต้องเอาไปซ่อนไว้สักที่
แล้วอีกอย่างที่สำคัญที่สุด...เธอต้องเปลี่ยนมาปฏิบัติต่อมินซอนเยในฐานะ ‘เพื่อนร่วมวง’ หรือ ‘น้องสาว’ เท่านั้น....
ความคิดเห็น