คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Just Pretend: Act 5
Act 5: Shall I stop this?
ในวันต่อมามินซอนเยต้องมานั่งคิดหนักว่าเธอจะตัดสินใจทำอย่างไรกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่มีต่อหญิงสาวที่(เคยคิดว่า)เป็นน้องสาว
มันไม่มีอะไร...
มันก็เป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้นเอง แล้วก็ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะอินกับมันเกินไปหน่อย....?
มันคงไม่มีอะไรจริงๆ มันก็แค่เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน แล้วสุดท้ายมันก็คงจะไม่มีอะไรที่ต่างไปจากเดิม
แม้ ว่าเธอจะคิดแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้ง่ายสำหรับเธอแม้แต่สักนิด คนผมสั้นค้นพบว่า บางทีตัวเธอนั้นอาจจะเคยชินในการแสดงว่าเธอนั้นเป็นแฟน
กับอานโซฮีไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เธอก็ตระหนักได้ว่ามันคงไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดไว้เสียแล้ว....
เพราะ ว่าอานโซฮีนั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาสีเข้มในมุมห้องรับแขกของห้อง เธออย่างที่เธอเคยทำเป็นประจำ แต่เพียงคนผมสั้นแค่แปลกใจว่าทำไมวันนี้เธอรู้สึกอึดอัดแปลกๆ
มินซอนเยนั่งนิ่ง สายตาซุกซนของเธอมองไปที่หยดน้ำผลไม้ที่สาวแก้มป่องดื่มได้เกาะอยู่ตรงริมฝีปากอิ่ม...
แล้วคนผมสั้นก็ค้นพบว่าเธอนั้นอยากจะสัมผัสริมฝีปากบางอมชมพูนั้นขนาดไหน....
เธอ จ้องมองสาวหน้ากลมที่กำลังรวบผมอย่างหลงใหล ก่อนที่สาวแก้มป่องจะสนใจกับหนังสือแฟชั่นต่อ แล้วสาวหน้าเรียวหวานก็ไม่สามารถละสายตาไปจากลำคอขาวระหงของอีกฝ่ายได้...
แล้วนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอได้มองดูสาวแก้มป่องอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ทำไมเธอไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนว่าอานโซฮีนั้นสวยน่ารักแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน?
ตอน นี้คนผมสั้นได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง พยายามที่จะจดจำทุกๆรายละเอียดที่อยู่บนใบหน้าของสาวร่างบางและริมฝีปากบาง ของสาวหน้ากลมที่ขยับเวลาที่เธอยิ้มหรือพูด... แล้วสิ่งที่ทำให้คนผมสั้นต้องกลับเข้าสู่ความเป็นจริง หน้าเนียนใสแดงและร้อนขึ้นเมื่อเห็นว่า ปาร์คเยอึนผู้จัดการส่วนตัว (ที่ชอบมานอนกลางวันในห้องของเธอ) นั้นจ้องมองมาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนผมสั้นจ้องมองอานโซฮีนิ่ง อีกครั้งหนึ่ง….
แต่ เธอไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นนี่ ดูเหมือนว่าสายตาเจ้ากรรมนั้นมักจะมองไปที่สาวแก้มกลมอยู่เสมอ ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยากจะมองเลยสักนิด....
ปัญหาหนักที่แท้จริงของมิ นซอนเยเริ่มต้นขึ้นเนื่องจากว่าวันนี้อากาศค่อนข้างที่จะร้อน เธอจึงไม่แปลกใจหนักหากว่าสาวแก้มป่องจะใส่กางเกงขาสั้น ซึ่งปกติอานโซฮีก็ใส่เป็นประจำแล้วเธอก็ไม่คิดว่ามันจะผิดปกติตรงไหน หากสายตาของคนผมสั้นก็ไปสะดุดกับขาเรียวยาวของอีกฝ่ายที่กำลังนั่งไขว่ ห้างอยู่พอดี ซึ่งส่งผลให้คนผมสั้นรีบเบือนหน้าหนีแล้วริมฝีปากของเธอก็เริ่มที่จะแห้งผาก
นี่ฉันเป็นอะไรไปว่ะ? ก็แค่ขาเท่านั้นเอง! ฉันก็มีนี่หว่า ขาฉันก็เนียนสวยเหมือนกัน... ทำไมต้องไปจ้องของโซฮีด้วยว่ะ!?
นี่มันบ้าไปแล้ว....
คน ผมสั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรู้สึกดีใจที่ความคิดบ้าๆที่ทำให้เธอฟุ้งซ่านนั้นได้หายไปเสียที ที่นี้เธอก็จะได้ทำเหมือนว่าทุกๆอย่างปกติ
โดยที่ไม่มีอะไรมากวนใจได้ สักที เพราะเธอคิดว่ามันคงไม่ดีแน่ถ้าหากสาวหน้ากลมรู้ว่าเธอนั้นเผลอคิดอะไรเกิน เลยไปกว่าพี่น้อง แล้วสิ่งนี้ทำให้คนผมสั้นกลัวที่สุด เธอกลัวว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเธอและอานโซฮีไป.... เพราะลึกๆเธอก็ยอมรับว่าเมื่อวานที่เธอจูบสาวแก้มป่องนั้น
เธอไม่ได้แสดง แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกจริงๆของเธอ....
**********************
“ฉันจูบโซฮี....”
เสียง นุ่มๆของคนผมสั้นเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ มินซอนเยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นี่เธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรแบบนี้ออกไป เธอพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่นึกหรือพูดถึงเรื่องนี้ให้ใครฟัง แต่เธอก็ยังคงไม่สามารถเลิกคิดถึงเรื่องนี้ได้อยู่ดี แล้วนี้มันก็ทำให้เธอกำลังจะเป็นบ้า...
ปาร์คเยอึนยังคงถือแก้วไวน์นิ่ง แม้ว่าเธอเกือบจะสำลักน้ำสีอำพันนี้ก็ตามแต่
“ที่ปากเหรอ?”
“เอ่อ...อืม”
“จูบแบบพี่น้องใช่มั้ย?”
“ฉันว่าไม่ใช่...”
แล้วบทสนทนาสั้นๆก็หายไปแล้วสถานการณ์ก็ทำให้มินซอนเยนั่งนิ่งก่อนที่จะค้นพบว่าตัวเองร้องออกมาเสียงดังลั่น
“มันเป็นอุบัติเหตุ!”
ปาร์คเยอึนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูดออกมา ก่อนที่จะมองคนผมสั้นอย่างดูเชิง
“อุบัติเหตุงั้นเหรอ? แล้วแกทำยังไง... ทำไมอยู่ๆปากแกไปอยู่บนปากน้องเค้าได้ล่ะ?” คนร่างสูงถาม น้ำเสียงประชดประชันเต็มพิกัด
“ไม่ อยู่ๆมันก็เกิดขึ้นเอง โซฮี...แค่ยิ้มให้ฉัน แล้วฉันก็...มันช่วยไม่ได้จริงๆ!”
ปา ร์ค เยอึนเพียงแต่มองอีกฝ่ายนิ่ง เธอไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์แล้วดื่ม คิ้วโค้งเรียวขมวดเล็กๆราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอยู่...
“ซอนเย.... แกกับโซฮีนี่เป็นแฟนกันจริงๆหรือเปล่า?”
“ไม่! ไม่มีทางเป็นแบบนั้น! แกก็รู้ว่าเราเพียงแค่แสดงหลอกๆเท่านั้น มันไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ” คนผมสั้นพยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบายเหตุผลของเธอ
“แกแน่ใจใช่มั้ย?”
“ฉันแน่ใจ” มินซอนเยตอบแต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น
ไอ้บ้านี่ถามอะไรของมันวะ? มันไม่มีทางจะเป็นจริงได้ มันเป็นแค่การแสดงเท่านั้นแหล่ะ ฉันต้องจำเอาไว้....
“ถ้า แกว่าอย่างนั้นนะ...” สาวร่างสูงเอ่ยขึ้นเบาๆ “ฉันแค่อยากจะพูดว่า พักหลังนี้แกดูแปลกๆไป เพราะฉันคอยดูแกตลอด แล้วที่สำคัญนะ ไอ้ที่แกบอกว่าแสดงๆของแกนะ สำหรับฉันมันไม่ใช่เลยล่ะ”
“แกบ้าไปแล้ว” มินซอนเยร้อง หน้าของเธอร้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทจับตามองดูเธออยู่ตลอดเวลา
“ฉันบอกแกไปแล้วว่าเราแค่เล่นเป็นแฟนกันไม่กี่อาทิตย์”
“แค่เล่นๆ” สาวร่างสูงหัวเราะเบาๆในลำคอ นี่แหล่ะ มินซอนเย ซื่อบื้อ งี่เง่า ดื้อด้าน โง่ดักดาน....
“แกแน่ใจว่าแกไม่ได้ชอบโซฮี? ใช่มั้ย?”
“เธอ เป็นน้องสาวฉัน ฉันบอกแกว่ามันเป็นการแสดง เธอแค่ช่วยฉันให้หลุดพ้นจากบรรดาแฟนคลับของฉัน” คนผมสั้นตอบอย่างรวดเร็ว เธอหวังว่าสิ่งที่เพื่อนสาวพูดมาจะไม่เป็นความจริง นั้นมัน อานโซฮีนะ!
“ถ้า แกว่าอย่างนั้นก็ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด... แกจะทำอะไรก็อย่าดื้อด้าน งี่เง่าก็แล้วกัน เดี๋ยวแกนั้นแหล่ะจะเสียใจทีหลัง” ปาร์คเยอึนถอนหายใจเบาๆ
“อ่อ แล้วอีกอย่างนะ ไอ้กระต่าย.... เด็กอนุบาลยังดูออกเลย ว่าแกน่ะชอบโซฮี”
*****************
“พี่ซอนเยมีอะไรเหรอค่ะ? มาหาฉันถึงห้องเลย” อานโซฮียิ้มกว้างให้อีกฝ่าย
“พี่จะเข้ามาก่อนมั้ยค่ะ?”
มินซอนเยจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งราวกับต้องการจะจดจำทุกรายละเอียดของสาวแก้มป่อง...
เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงแค่เห็นหน้าอานโซฮีทำให้เธอรู้สึกถึงอารมณ์หลายอย่าง...ซึ่งเธอมั่นใจว่ามีความรักอยู่ด้วย
แล้วถ้าโซฮีไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉันล่ะ? ถ้าเธอคิดว่ามันเป็นเพียงแค่การแสดงล่ะ?
“ไม่เป็นไร พะ...พี่แค่อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ โซฮี” คนผมสั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก
อานโซฮีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะมองคนผมสั้นอย่างอยากรู้
“เรื่องอะไรเหรอค่ะ? คงไม่ใช่เรื่องแย่ๆใช่มั้ยค่ะ?”
“เรื่อง นั้นพี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน พี่ว่ามันเป็นเรื่องดี แต่พี่ไม่ค่อยแน่ใจว่าเธอจะคิดยังไง บางทีเธอจะคิดว่าพี่บ้าหรือโง่ไปแล้วก็ได้” สาวหน้าหวานพูดอย่างรัวเร็ว
คิ้วโค้งมนเลิกขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของมินซอนเย
“พี่ เอ่อ...” เธอหยุดนิ่งไป เธอไม่รู้จริงๆว่าจะเริ่มยังไง ในสมองเธอมันว่างเปล่าไปหมด เธอพูดออกไปไม่ได้ว่าเธอรักสาวหน้ากลม เธอต้องอธิบาย... เธอต้องบอกสาวแก้มป่องว่าเธอเพิ่งรับรู้... เธอต้องการบอกอานโซฮีว่าเธออยากให้เรื่องทั้งหมดที่ผ่านมานั้นเป็นจริง เท่าใด
“พะ...พี่อยากหยุดเรื่องนี้” เธอร้องออกมาเบาๆ มันเป็นสิ่งที่เธอคิดออกเป็นอย่างแรก
“พี่อยากให้เราเลิกแสดงว่าเราเป็นแฟนกัน”
มิ นซอนเยจ้องมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่นิ่งเงียบไป รอยยิ้มบางๆบนใบหน้ากลมจางหายไป ก่อนที่คนผมสั้นจะจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งเมื่อแสงจันทร์สาดส่องทำให้ใบหน้านั่น ขาวนวลและน่าหลงใหลกว่าเดิม แต่มีบางสิ่งที่แปลกไปกว่าเดิม ใบหน้าที่เรียบนิ่งของอานโซฮีทำให้เธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไร อยู่...
แล้วอานโซฮีก็ยิ้มออกมา ซึ่งทำให้มินซอนเยต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
โซฮีรู้สึกอย่างไรกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่เธออยากจะรู้มากที่สุด
สาวหน้ากลมเขยิบถอยห่างออกมา เหมือนกับว่าเธอต้องการรักษาระยะห่าง...
“โอเคค่ะ พี่ซอนเย ฉันเข้าใจ แล้วฉันก็ไม่มีปัญหาอะไร”
คิ้ว โค้งมนของคนผมสั้นขมวดกันเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มที่ดูรู้สึกขมขื่น แม้ว่าเสียงของสาวแก้มป่องจะดูร่าเริงก็ตาม แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะตรงกันข้ามกับความรู้สึก... มันเหมือนกับว่าเธอไม่รู้จักอานโซฮีมาก่อน เหมือนกับว่าสาวแก้มป่องกลายเป็นคนแปลกหน้าไป
“งั้นฉันไปก่อนนอนก่อนนะคะ” สาวแก้มป่องพึมพำ เธอปิดประตูห้องก่อนที่คนผมสั้นจะได้พูดอะไร
มินซอนเยแค่รู้สึกว่าเธอไม่ได้พูดอะไรบางอย่างออกไป ...แล้วเธอก็รู้สึกแย่เอามากๆ
พรุ่งนี้ฉันจะบอก...
****************
มินซอนเยยืนอยู่หน้าห้องของสาวแก้มป่อง เธอถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะเคาะประตูเบาๆ
“โซฮี? พี่เองนะ ขอพี่คุยด้วยได้มั้ย?”
ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ....
คนผมสั้นเคาะประตูอีกครั้งหนึ่ง “โซฮี! ได้โปรดเถอะ ให้พี่เข้าไปเถอะนะ”
แล้วก็ยังคงไม่มีใครตอบ ก่อนที่เธอตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป มินซอนเยขมวดคิ้วเมื่อประตูไม่ได้ล็อค เธอเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“โซฮี?”
มินซอนเยนิ่งค้างไปเมื่อได้เห็นว่าทั้งห้องนั้นมีแต่ความว่างเปล่า...
ความคิดเห็น