คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Just Pretend: Act 4
Act 4: Beyond Acting
มินซอนเยกำลังกังวลอย่างหนัก....
สาวหน้าหวานขยับตัวอย่างยากลำบากบนโซฟาระหว่างที่กำลังรอปาร์คเยอึน และอานโซฮีเพื่อที่จะไปงานปาร์ตี้ Victory Celebration ในคืนนี้
ใน คืนนี้คงเป็นการทดสอบการแสดงของเธอและอานโซฮีอย่างแท้จริง หลังจากเมื่อคราวที่แล้วที่พวกเธอได้เปิดตัวว่าเป็นแฟนกัน ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะง่ายไปเสียหมด... แต่ตอนนี้—มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดไว้เสียแล้ว ในเมื่อหนังสือพิมพ์บันเทิงแทบทุกฉบับได้ลงข่าวเรื่องที่เธอได้ยืนยันความ สัมพันธ์ของเธอกับอานโซฮี--เธอรู้ว่าทุกสายต้องจับจ้องมาที่พวกเธอ... จ้องมองและรอคอยที่จะหาหลักฐานมายืนยันว่าเธอและหญิงสาวแก้มป้องนั้นเป็น มากกว่าพี่น้อง...
แล้วสิ่งนี้มันก็ทำให้เธอเริ่มที่จะกังวลและ คิดหนัก ถึงแม้ว่าดูสาวหน้ากลมไม่ได้มีท่าทีเครียดอะไรกับเรื่องนี้แต่ว่าเธอก็อดที่ จะไม่มั่นใจไม่ได้ว่าเธอนั้นจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าอานโซฮีเป็นคนที่เธอนั้น สนใจแบบนั้นได้มั้ย?
เธอพยายามนึกถึงหญิงสาวที่เธอเคยควงด้วย เธอยังคงจำได้ว่าเธอคนนั้นดูดีและน่ารักถึงเพียงใด เธอยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อย่างดี ยังจำได้ว่าเธอมองหญิงสาวคนนั้นอย่างไร ยังจำได้ว่าเธออยากจะกอดคนๆนั้นถึงขนาดไหน...
แล้วเธอจะรู้สึก กับอานโซฮีแบบนั้นได้ยังไง? เธอรู้ว่าสาวหน้ากลมนั้นน่ารักมากกว่าใครๆที่เธอเคยรู้จัก แต่คำว่าพี่น้องก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกแย่อยู่
แล้วเธอจะทำอย่างนั้นได้ จริงๆหรือเนี้ย? เหมือนกับว่าเธอกำลังเล่นตลกโชว์อยู่อย่างไงอย่างงั้น? คิ้วโค้งมนขมวดแน่นจนแทบจะเป็นเส้นเดียวกัน
ขอบคุณ พระเจ้า... ถ้าเธอรู้ว่าสิ่งนี้มันกำลังทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนขนาดนี้ เธอน่าจะยกเลิกแผนการทั้งหมดไป เพราะว่าเธอเริ่มไม่มั่นใจว่าเธอจะแสดงได้ดีสักเท่าไหร่นัก...
“เสร็จแล้วเหรอไอ้ตัวสร้างแต่ปัญหา”
ใบหน้าเรียวหวานหันไปมองปาร์คเยอึนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องของเธอ
“แกน่าจะเคาะประตูซะบ้างนะ มารยาทนะ รู้จักบ้างมั้ย?”
สาวร่างสูงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของอีกฝ่ายเท่าใดนัก “โซฮียังไม่เสร็จเหรอ?”
“ยังไม่เห็นมาเลย...” คนผมสั้นเอ่ยขึ้นเบาๆ
ก่อนที่มินซอนเยจะได้พูดอะไรอีก เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเบาๆ คนผมสั้นหันไปตามเสียง--แล้วเธอก็แทบจะหยุดหายใจ
ตาคมสวยเบิกกว้างเมื่อได้เห็นคนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าหัวใจเธอได้หล่นวูบลงไปกองกับพื้น—ที่ๆเธอแน่ใจว่าเธออ้าปากไปถึง...
คนผมสั้นกระพริบตาไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ
โอ้ย ให้ตายเถอะ—นี่ใช่อานโซฮีจริงๆเหรอ?
สาวหน้าเรียวสวยไม่สามารถรับรู้อะไรได้ต่อไป—เธอยังคงไม่อยากจะเชื่อจะเห็นสาวแก้มป่อง--ในมุมแบบนี้-- อานโซฮีในแบบที่เธอไม่คิดว่าเธอจะได้เห็น เธอเคยเห็นเวลาที่สาวหน้ากลมตื่นเต้นหรือไม่ก็ยิ้ม แน่ละว่าเธอรู้ว่าหญิงสาวนั้นดูสวยน่ารัก เพียงแต่เธอไม่เคยเห็นอีกฝ่ายในแบบนี้...
“ว้าว... โซฮี เธอดูดีมากๆเลยล่ะ” คนผมสั้นได้ยินปาร์คเยอึนเอ่ยชม
ดูดี?! มิ นซอนเยอดที่จะคิดไม่ได้ว่าสายตาของปาร์คเยอึนนั้นผิดปกติดีหรือเปล่า แค่คำว่าดูดีมันไม่เพียงพอสำหรับสาวหน้ากลมที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้ หรอก...
คนผมสั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอะไรที่ทำให้สาวแก้มป่องดู แตกต่างออกไปจากทุกๆวันที่เคยเห็น เธอไม่เคยคิดว่าเพียงแค่สายตาของอานโซฮีที่มองมาที่เธอนั้นจะทำให้เธอนั้น แทบหยุดหายใจ....
ทรงผมของหญิงสาวที่ดูต่างไปจากที่เคยเป็น บัดนี้ได้สยายเป็นลอนสวยประลำคอของเธอซึ่งทำให้ลำคอนั้นดูขาวนวลมากขึ้นกว่า เดิม ชุดที่เธอใส่เป็นเพียงแค่เสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาว ทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างเหลือล้น... แม้ว่าจะเป็นการแต่งตัวสไตล์ธรรมดาที่สาวแก้มป่องชอบ
แต่วันนี้เธอก็ดูแปลกไปอยู่ดี....
มินซอนเยหลับตานิ่งเมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดได้โจมตีเข้ามาหาเธออย่างรุนแรง
นี่คืออานโซฮี ให้ตายสิ แกกำลังคิดอะไรอยู่!
“โซฮี...” ในที่สุดสาวผมสั้นก็หาเสียงของตัวเองพบ เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เสียงของตัวเองนั้นแหบพร่า
“เธอดู....” สวยเหลือเกิน สาว หน้าหวานขมวดคิ้วเมื่อความคิดหนึ่งแทรกเข้ามาในสมอง หากเธอยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกไป ซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก “เธอดูน่ารักมากๆเลย”
“ขอบคุณค่ะพี่ซอนเย” สาวแก้มป่องยิ้มบางๆให้คนผมสั้น
มิ นซอนเยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนที่เธอจะตัดสินใจเบือนหน้าไปทางอื่นแทน โชคดีที่เธอนั้นไม่ได้แสดงออกท่าทีอะไรออกไปมากนัก หากเธอกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่นึกถึงว่าหญิงสาวหน้ากลมที่ยืนอยู่ ข้างๆเธอนั้นดูดีถึงเพียงไหน เธอพยายามที่จะไม่นึกถึงริมฝีปากอวบอิ่มที่น่าจูบนั่น...
เธอ ปาร์คเยอึนแล้วก็อานโซฮี ได้เดินเข้าไปในผับหรู แม้ว่าทุกๆคนนั้นจะไม่ได้เอ่ยอะไรแต่เธอก็ยังคงรู้สึกถึงสายตาที่กำลังจ้อง มองมาอยู่ดี แล้วสาวแก้มป่องก็กระซิบขอเธอไปหาอะไรดื่มเล็กน้อย ก่อนที่คนผมสั้นจะพูดอะไร ร่างบางๆก็เดินไปแล้ว
แล้ววันนี้ดูอาน โซฮีดูสดใสร่าเริงมากกว่าที่เธอเคยเห็น แววตาของสาวแก้มป่องแวววาว วันนี้สาวหน้ากลมดูสวยน่ารักอย่างไร้ที่ติ นี่เป็นสิ่งที่คนผมสั้นหยุดคิดไม่ได้เลย แล้วสิ่งนี้ก็คือปัญหาที่แท้จริงของเธอ....
แล้วสาวใบหน้าเรียวสวยต้องทำหน้านิ่วอย่างไม่พอใจนักเมื่อเห็น คิมจุนซู นักแสดงที่เธอพอจะรู้ว่ามีชื่อเสียงในด้านลบเท่าใด
ไอ้บ้านั่น... มินซอนเยมองอย่างไม่พอใจนักเมื่อดูชายหนุ่มผู้นั้นแสดงท่าทางออกมาอย่าง โจ่งแจ้งว่าชอบสาวหน้ากลมถึงเพียงไหน เธอดูออกได้จากแววตา และมือของไอ้บ้านั่นที่กำลังเอื้อมมือไปจับมือของหญิงสาวหน้ากลม
นี่โซฮีคงไม่ได้ชอบไอ้หมอนั้น.....ใช่มั้ย?
เธอไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนได้เดินเข้ามาหาเธอก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงมือของใครบางคนที่กำลังเกี่ยวแขนของเธอไว้....
มินซอนเยหันหน้าไปมองคนๆนั้น ก่อนที่จะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่เดินมาหาเธอนั้นเป็น ‘แฟนเก่า’ ของเธอเอง....
“เอ่อ...สวัสดี ฮวายอน”
หญิงสาวยิ้มบางๆ “นี่แค่ทักทายเหรอ? จะไม่จูบฉันหน่อยเหรอ?”
มิ นซอนเยนิ่งงันไปเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด ดูเหมือนว่าคนรักเก่าของเธอยังคงพยายามทำทุกวิธีทางที่จะทำให้ทุกอย่างกลับ มาเป็นเหมือนเดิม แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอได้จบลงไปตั้งนานแล้ว คนผมสั้นเหลือบไปจ้องมองอานโซฮีโดยอัตโนมัติเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ หากสาวหน้ากลมยังคงยืนคุยกับคิมจุนซูอยู่.... สาวหน้าเรียวหวานพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา
“บอกความจริงฉันมาเถอะ” เธอได้ยินเสียงของฮวายอนพูดออกมาเบาๆ เธอเขยิบเข้ามาใกล้เกินความจำเป็นจนเธอรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆของอีกฝ่าย
คนผมสั้นค้นพบว่าตัวเองได้ผงะถอยออกไป หากเธออกคิดไม่ได้ว่าเธอจะหลบหนีมั้ย? หากว่าอีกฝ่ายเป็นสาวแก้มป่อง....
ความจริง? ใบหน้าเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความมึนงง
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไนน่ะ?”
“ก็เรื่องของเธอกับโซฮีไง แม้ว่าทุกๆคนจะคิดจริงๆว่าพวกเธอนั้นคบกันจริงๆแต่ว่าฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริงใช่มั้ยล่ะ?
บางทีมันอาจจะเป็นแผนของเธอสองคนที่จะกั้นตัวเธอออกจากบรรดาแฟนคลับของเธอก็ได้” สาวผมแดงเพลิงสันนิษฐาน
“ให้ตายสิ ซอนเย เรื่องแค่นี้เธอน่าจะบอกฉันนะ”
มินซอนเยนิ่งเงียบไป เธออดที่จะแปลกใจไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายนั้นเดาได้ถูกกับเหตุผลที่เธอทำแบบนี้...
“ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร” คนผมสั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นๆ เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมอารมณ์
“ไม่ เอาน่า ซอนเย เธอไม่ไว้ใจฉันเหรอ? ฉันรู้ดีว่าเธอไม่ได้ชอบโซฮีจริงๆหรอก ฉันหมายถึงว่า โซฮีก็เป็นคนดีนะ แต่ว่าเธอน่ะ.... เธอก็รู้นี่ เธอจะชอบยัยเด็กนั่นได้ยังไง? ดูยัยนั่นออกจะ.....จืดชืด น่าเบื่อยังไงก็ไม่รู้”
สาวใบหน้าหวานนิ่งเงียบเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา เธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของคนที่เธอเคยรัก!
คน ผมสั้นจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งราวกับว่าไม่เคยมองอีกฝ่ายในด้านนี้มาก่อน แล้วเธอก็รู้ว่าเธอนั้นงี่เง่าขนาดไหนที่เคยคบกับผู้หญิงคนนี้...
สาวใบหน้าเรียวสวยสะบัดแขนให้ออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย “ฉันว่าเธอน่ะเข้าใจผิดแล้วล่ะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงแข็ง
“โซฮีเป็นคนที่น่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว เค้าก็เป็นคนเดียวที่ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเบื่อเวลาที่ฉันอยู่กับเค้า”
คนผมสั้นเห็นแววตาที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เธอไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
“ขอตัวนะ...” สาวหน้าหวานบอกลาเพียงสั้นๆ ก่อนที่จะปล่อยให้ฮวายอนยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น...
แล้วขาของมินซอนเยก็ก้าวยาวๆตรงเข้าไปหาสาวแก้มป่องที่ยังคุยอยู่กับชายหนุ่มคนนั้นอย่างควบคุมไม่อยู่
คนผมสั้นค่อยๆเลื่อนมือเข้าไปโอบเอวบางๆของอานโซฮีก่อนที่จะดึงร่างบางเข้ามาใกล้ๆกับเธอเกินกว่าที่จำเป็น
เพราะ เธอต้องการแสดงให้ฮวายอนเห็นว่าความจริงนั้นเป็นอย่างไร แล้วที่สำคัญเธอต้องแสดงละครให้คนอื่นๆเห็นว่าพวกเธอนั้นเป็นคู่รักกันจริงๆ
เธอยิ้มบางๆให้กับคิมจุนซู
“สวัสดีค่ะ จุนซู ไม่ได้เจอกันนานเลยนะค่ะ”
“เอ่อ... อืม หวัดดีครับ ซอนเย ฉันแค่อยากจะถามเรื่องข่าวลือของพวกเธอนั้นแหล่ะ ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มพูดอย่างอึกอักเมื่อเห็นสายตาคมสวยจ้องมองมาเมื่อเขาหันไปยิ้มบางๆ ให้อานโซฮี
“เรื่องจริงก็เหมือนกับที่เค้าได้ลือกันน่ะค่ะ” มินซอนเยตอบเย็นๆ “คุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยถ้าฉันจะพาแฟนของฉันไปที่อื่น? เราอยากจะคุยกันนิดหน่อยน่ะ”
“โอ้... ไม่ๆ ไม่เป็นไร ผมรู้สึกยินดีที่ได้คุยกับคุณนะครับ โซฮี” ชายหนุ่มผงกหน้าให้ทั้งสองก่อนที่จะเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“ขอบคุณมากๆเลยค่ะ พี่ซอนเย” อานโซฮีเอ่ยออกมาเบาๆขณะที่พวกเธอกำลังเดินออกไป
“พี่รู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการความช่วยเหลือน่ะ?”
มินซอนเยยิ้มบางๆเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนที่จะยักไหล่ “แล้วไอ้หมอนั้นทำอะไรให้เธออึดอัดหรือเปล่า?”
อาน โซฮีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดกับหนุ่มคนนั้น “อืม...พี่เค้าก็ดูน่ารักแล้วก็ดูเป็นมิตรดี แต่ว่าฉันไม่อยากจะเสียมารยาทปลีกตัวออกก่อนน่ะค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยออกมา “ที่จริงพี่ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันใช่มั้ยค่ะ?”
“เอ่อ...อืม” คนผมสั้นสารภาพ
“โอ้ย พี่ซอนเย....” อานโซฮีมองอีกฝ่ายอย่างซึ้งใจ “ฉันไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงดี”
สาวใบหน้าเรียวสวยส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย “ได้เสมอเลย....”
“พี่เริ่มรู้สึกอึดอัดแล้ว เธอจะว่าอะไรมั้ยถ้าเราจะออกไปยืนสูดอากาศตรงระเบียงหลังร้านน่ะ?”
“ไม่ค่ะ พี่พูดถูก ฉันเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกแล้วล่ะ พวกเค้าเชิญแขกมาเยอะเกินไปหรือเปล่าเนี้ย?”
“ฉันเห็นพี่คุยอยู่กับพี่ฮวายอนด้วยแหล่ะ” เสียงใสๆเอ่ยขึ้นขณะที่เธอจับระเบียงหินอ่อน
“อ่อ...ใช่” มินซอนเยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ดูวันนี้พี่เค้าสวยเป็นพิเศษเลยนะค่ะ พี่ว่ามั้ย?” สาวแก้มป่องถามยิ้มๆ
“โซฮีดูสวยกว่าอีก” คนผมสั้นตอบแบบไม่ทันคิดก่อนที่เธอจะนิ่งค้างไป แต่ดูสาวแก้มป่องไม่ได้สังเกตอะไรเท่าใดนัก....
“พวกเค้าไปหมดแล้ว พี่ซอนเย ไม่ต้องเล่นละครแล้วล่ะ”
สาวหน้าหวานกำลังจะเอ่ยปากบอกว่าเธอหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ แต่เธอต้องหยุดคำพูดนั้นไว้
เธอเพียงแต่ยิ้มบางๆให้สาวแก้มป่อง ก่อนที่ความรู้สึกแปลกๆจะเข้ามาก่อกวนภายในจิตใจ ....
แล้วคนผมสั้นก็ต้องแปลกใจ เมื่ออยู่ๆเธอก็เลื่อนนิ้วมือเรียวยาวไปสัมผัสแก้มนุ่มๆของอีกฝ่ายโดยที่เธอไม่ได้คาดคิด..
แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้แก้มป่องๆนั้นแดงขึ้นมาเรื่อๆ หากสาวแก้มป่องยังคงยิ้มบางๆอยู่ แม้ว่าเธอจะแปลกใจกับการกระทำของอีกฝ่ายก็ตาม
นี่มันคงเป็นช่วงเวลาที่บ้าคลั่ง.....หรือไม่ก็เป็นความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน?
คน ผมสั้นจ้องมองสาวใบหน้ากลมนิ่ง ก่อนที่เธอจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมอยู่ๆเธอถึงเลื่อนฝ่ามือไปจับหลังคอ ของหญิงสาวก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบอีกฝ่ายเบาๆ
แล้วเธอก็จูบ หญิงสาวแก้มป่อง ริมฝีปากอุ่นๆสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลและอ้อยอิ่ง เนิ่นนานพอที่จะลิ้มรสความหอมหวานของอีกฝ่าย ลิ้นอุ่นๆแตะริมฝีปากอิ่มของสาวหน้ากลมเบาๆ...
แล้วเธอก็รู้สึกว่า ทุกอย่างหยุดนิ่ง เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้อันตธานหายไปหมด หากเธอยังคงรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆอันนุ่มนวลตรงริมฝีปาก....
และแล้วเธอก็รู้สึกตัวว่าเธอได้ทำอะไรลงไป—เธอกำลังจูบอานโซฮี—คนผมสั้นผงะตัวออกอย่างตกใจ มือของเธอเลื่อนออกจากคอขาวนวลของอีกฝ่ายแทบจะทันที...
แล้ว เธอก็จ้องมองสาวหน้ากลมนิ่ง แก้มป่องๆแดงเข้ม ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ แล้วอย่างอื่นในสายตาของสาวตรงหน้าที่เธอไม่สามารถอธิบายได้เท่าใดนัก— เหมือนกับว่ากังวล? หรือว่าเสียใจ?
ให้ตายสิ.... เราทำอะไรลงไปน่ะ?
“พี่ขอโทษ!” คนผมสั้นร้องออกมา น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความกังวลและตกใจ
“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นนะ—พี่แค่...เอ่อ มันเป็นเรื่องผิดพลาดแล้วพี่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด พี่สัญญา”
สายตาคมของคนผมสั้นเหลือบไปเห็นคนหลายคนที่มองมาทางเธอและอานโซฮี แม้ว่าตรงนี้จะไกลขนาดไหนแต่เธอมั่นใจว่า
พวกเค้าต้องเห็นเธอจูบโซฮีอย่างแน่นอน....
“มัน เป็นแค่การแสดงอย่างหนึ่ง.... เพราะว่าพี่เห็นคนพวกนั้นมองมาที่เรา แล้วเราก็ต้องหาเหตุผลว่าทำไมเราต้องออกมาที่นี้...” คนผมสั้นให้เหตุผล เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหญิงสาวแก้มป่องจะไม่สังเกตใบหน้าที่เริ่มแดงเข้ม ของเธอ...
“โซฮียกโทษให้พี่ได้มั้ย?”
ดูเหมือนสาวหน้ากลมจะนิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่ค่ะ พี่ซอนเย มันก็แค่จูบเฉยๆ แล้วอีกอย่างนี่ก็เป็นแค่การแสดง พี่ซอนเยไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
สาวหน้าหวานไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเพราะว่าความมืดนั้นบดบังใบหน้าขาวนวลของอีกฝ่ายที่เบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง
แต่เธอรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของอานโซฮีนั้นแปลกไป ดูเหมือนจะสั่นๆ? แต่เธอก็ไม่ใส่ใจนักในตอนนั้น
เธอเพียงแต่รู้สึกโล่งอกที่เธอหาเหตุผลมาอ้างได้สำเร็จ....
แต่เธอเพิ่งจะรู้สึกถึงปัญหาที่แท้จริงในตอนนี้
มันไม่ใช่ที่เธอเผลอไปจูบอานโซฮี.... แต่ปัญหาที่แท้จริงของเธอก็คือ เธอยังคงอยากจูบสาวแก้มป่องอยู่...
แล้วนี่เธอควรจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี?
ความคิดเห็น