คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ข้อต่อรอง
ข้อต่อรอง
ในขณะที่รถอีแต๋นกำลังแถแถ๊ดๆ ไปตามทางลูกรังเรื่อยๆ .. ถ้าคิดว่าคนเมืองกรุงอย่างเจ้าตากลมจะนั่งชื่นชมความงามของธรรมชาติ ด้วยการกวาดตามองสองฝั่งทางเต็มไปด้วยต้นองุ่นที่สุกเต็มต้น แล้วฮัมเพลงคลาสสิคเบาๆ เหมือนหน้าตามุ้งมิ้ง โมเอ้ แล้วหล่ะก็ ..
จะบอกว่ากำลังคิดผิด! ..
“I wanna heallll!! . I wanna feellll!!!! . What I thought was never realllllll!!!!!!!!!!! . I want to let go of the pain . I've held so longgggggg โอ้เย่เย้~~~”
พ่อ เลี้ยงอคแทคยอนหันไปมองคนผู้โดยสารที่นั่งแหกปากแล้วเบ้ปาก ส่ายหัว .. บางทีนี่อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของเขาที่พาเจ้าตัวป่วน ขึ้นรถมาด้วย
เร่งเครื่องยนต์อีกนิดเพื่อให้ถึงที่หมายเร็วขึ้น ส่วนหนึ่งก็หวังให้เสียงเครื่องยนต์ดังกลบเสียงของคนข้างๆ
แต่ แม้ว่าเสียงรถอีแต๋นคันโก้ จะแผดเสียงดังมากแค่ไหนก็ตาม ผู้โดยสารตากลมก็พยายามแผดเสียงของตัวเองให้ดังมากแค่นั้น ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร จนคนที่นั่งฟังหูแทบหนวก
ตึ๊ก ตึ๊ก ตึ๊กกก ก!!!!
“อ๊ายยยย.. ว้อท .. ”
ไม่ไหวแล้วโว๊ย!!
แทคยอนเริ่มหัวเสีย กับมลพิษทางเสียง เขาตัดสินใจใช้มือข้างหนึ่ง ปิดปากอิ่ม ปิดกั้นเสียงแหลมๆ ด้วยความรวดเร็ว
“.. น๊า อี๊ .. แอะ อายอำอ้าอะไออองอายเอี่ย อ่อยอิ๊!!!” (แหว่ะ แคร่ก นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ยปล่อยสิ!!)
“สัญญา ก่อนว่าถ้าปล่อยแล้ว เอ็งจะไม่แหกปากอีก ” เค้นเสียงเข้มดุ จนกระทั้งเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆจึงปล่อยมือออกแล้วหันไปบังคับพวง มาลัยรถต่อ
“ฉันร้องเพลงเว่ย ไม่ใช่แหกปาก หรือนายไม่ชอบเพลงนี้ เอาเพลงไหมม่ะ I've tried so hardddd!! And got so far .But in the enddd. It doesn't even matter ~~”
“โอยย เพลงไหนก็ไม่เอาทั้งนั้นแหล่ะ เอ็งนั่งๆเงียบเถอะน่า ข้าหนวกหู”
“อันรั้ย หนวกหง หนวกหู อารายย นี่นายไม่เคยฟังลิงกินผักเหรอ ”
“หืม? .. เขาอ่านว่า Linkin Park (ลินคินพาร์ค) ลิงกินผักที่ไหนเล่า แถวนี้ข้าเห็นมีแต่ลิงกินองุ่น”
“นั้น แหล่ะ ๆ ลินคินพาร์ค ฉันว่าเสียงแหกปากยังเพราะกว่าเสียงเครื่องรถอีแต๋นของนายเยอะเลยนะ โด่วว เอ๊ะ เดี๋ยวๆ นายว่าใคร ลิงกินองุ่น ฉันไม่ใช่ลิงนะ เดี๋ยวจะโดน!”
ตาเรียวเหร่ดูคู่หมั้นตากลมนั่งฮึดฮัด เริ่มเม้งแตกอีกรอบ แล้วได้ แต่หัวเราะคิกคัก ก่อนจะยิ้มรับกับสายตาเฉือดเชือน แม้เจ้าตัวจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ลิง แต่มือขาวๆ ก็เอื้อมคว้าพวงองุ่นข้างทางด้วยความเร็ว ได้อย่างชำนิชำนาญ แล้วยัดองุ่นในมือเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ต่างจากลิงเลยสักนิด
เอิ่ม... ก็ไหนว่าไม่ใช่ลิงงัย ...
ลอบยิ้มนิดๆ เมื่อผู้โดยสารตากลมสำลักองุ่นไอแคร่กๆ รีบควานหาน้ำมาดื่มอึกใหญ่
“มองแบบนี้หมายความว่าไงห่ะ” คนถูกมองเอ่ยถามแบบเคืองๆ หรี่ตามอง ปากอิ่มเบ้เบะ
“เปล่า นี่ “ เขาส่ายหัว พยายามไม่มองใบหน้าหวานๆ กับตากลมๆ ที่จ้องมาเหมือนจับผิด เพราะยิ่งมองก็ยิ่งเคลิ้ม ถึงจะเป็นคู่หมั้นของเจ้าตากลมนี่มาสามปี แต่ไม่เคยมีสักวินาทีที่ได้อยู่ใกล้กันมากขนาดนี้เลย
เขาทำงานอยู่ที่ไร่องุ่นกับโรงบ่มตลอดหลายปี นับตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก ในขณะที่เจ้าตากลมก็ไม่เคยเหยียบมาที่นี่เลยตั้งแต่ย้ายไปอยู่ในเมืองหลวง เมื่อหลายสิบปีก่อน
ทั้งสองคนเหมือนคนแปลกหน้า แม้ว่าจะเคยเรียนห้องเดียวกันใน ‘Oxford ‘ ก็ตาม
“ชริ! ขี้ โกหก .. เฮ่ออ ช่างเหอะ ๆ นายรีบขับสิ ฉันง่วงหล่ะ ขอนอนเอาแรงก่อน อ่อ อย่าลืมนะ ถ้าถึงที่ไร่แล้วนายโทรไปบอกป๊ากับหม่าม๊าฉันด้วยว่าเราจะถอนหมั้นกัน เพราะนายก็คงไม่อยากหมั้นกับฉันใช่ไหมหล่ะ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ
“...”
“เฮ่อออ ฉันหน่ะขอยกเลิกงานหมั้นกับป๊าแล้วนะ แต่ป๊าบอกว่าต้องให้นายเป็นคนโทรไปยกเลิกเอง ถ้าขืนฉันดื้อแพ่งมากๆ ป๊าจะลดตำแหน่งฉัน แล้วก้จะตัดออกจากกองมรดกด้วย ป๊าหน่ะใจร้ายที่สุดเลย พับผ่าสิ นี่นายยอมให้พวกผู้ใหญ่หัวโบราณคลุมถุงชนได้ไง เป็นลูกกตัญญูเกินไปป่ะ นี่ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้นะ ฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นแน่ ”
แทคยอนส่ายหัว สูดลมหายใจลึกๆพยายามปั้นรอยยิ้ม
อยากจะบอกอีกฝ่ายเหลือเกินว่า ตนต่างหากเป็นคนขอหมั้น และมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องความกตัญญู แต่เลือกจะเงียบไม่ต่อปากต่อคำมากกว่า
“ข้าว่าถ้าเอ็งง่วงก็นอนเถอะ ถึงไร่แล้วข้าจะปลุก"
นิชคุณปรือตาทำท่าจะหลับแต่ต้องสะดุ้งเมื่อถูกสะกิด
“เอ็ง เอ็ง นิชคุณ ตื่นก่อนเถอะ”
“อะไรหล่ะ มีอะไรอีก ถึงแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง หรือว่านายอยากฟังเพลง?? อ่า ก็ได้ ๆ I wanna heallll!! . I wanna feellll!!!”
“ว๊ากก ไม่ใช่ ! หยุดร้องนะ ข้าจะบอกว่ารถติดหล่ม เอ็งช่วยลงไปเข็นทีสิ ข้าจะเร่งเครื่อง”
“ห๊ะ ?!!!! ...“ ปรือตาสะลึมสะลือ อาการง่วงเหงาหาวนอน ในคราวแรก หายวับไปทันทีที่ได้ยินคำสั่ง หรี่ตา เงี่ยหูฟัง " ...นะ นายว่าไงนะ ไหน ขอแบบช้าๆชัดๆ อีกทีสิ"
"ข้าบอกว่ารถติดหล่ม ให้เอ็งลงไปเข็น ส่วนข้าจะเร่งเครื่อง"
นิชคุณเหวอเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยประโยคเดิมเป๊ะ
พูดจิงดิ๊ ???
นี่ใช้เร๊อะ .. ใช้น้องคุนนี่เข็นอิแต๋น หน่ะนะ .. มันใช่เร๊อะ ?!! มันไม่ใช่นะ ไม่ใช่ !!
มารับช้า ทำให้หิวจนตาลายเกือบจะเป็นลมตาย ยังไม่เคือง เท่ากับใช้ให้ไปเข็นรถเลยนะบอกเลย.. นี่ควรทำเยี่ยงไรกับมันดี .. ตบหัวหลุดซ่ะดีไหม ?!!
"ไม่มีทาง ทำไมฉันต้องเข็นด้วย นายขับไม่ดีเอง ก็ลงไปเข็นเองดิ เรื่องไรมาใช้ฉันอ่ะ!"
"ถ้างั้นเอ็งเร่งเครื่อง ข้าจะลงไปเข็น"
"ฉันขับอีแต๋นไม่เป็น"
"ถ้างั้นเอ็งก็ลงไปเข็น"
"ไม่เอา!!"
"แล้วเอ็งจะเอายังไงหล่ะ เข็นก็ไม่เอา ขับก็ไม่เป็น"
"ไม่รู้"
เป็นคำตอบง่ายๆ สั้นๆ แต่ทำให้แทคยอนถึงกับกุมขมับ อันที่จริงเขาก็พอจะรู้ว่าคู่หมั้นเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผลและดื้อรั้นมาบ้างแล้ว แต่พอได้มาเจอกับตัว เห็นกับตา มันมากกว่าที่คาดคิดไว้เยอะจนเหนื่อยใจ ..
"งั้นก็เดิน" แทคยอนตัดบท ร่างสูงใหญ่โดดลงจากรถอย่างว่องไว และออกก้าวเดินไปตามทาง
"เฮ้ย! เดินได้ไง ฉันเดินไม่ไหวแล้ว ไหนจะรถ ไหนจะของ แถมตอนนี้ยังปวดขาอีก ฉันไม่เดินหรอก"
"ถ้างั้นเอ็งก็นั่งรอให้มันมืดอยู่แบบนั้นหล่ะ เดี๋ยวคงมีคนงานผ่านมา!!" เขาบอกเสียงดุ และเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่หันกลับมามอง ยอมรับว่าโกรธมาก เพราะยังไม่เคยต้องมารับมือกับความเอาแต่ใจแบบเด็กๆของคู่หมั้นมาก่อน ..
"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป ก็ได้ๆ ฉันเข็นก็ได้"
สองเท้าชะงัก หันหลังมอง แล้วเดินกลับมาที่รถ ก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อเห็นคู่หมั้นมีท่าทีที่อ่อนลง และโดดไปยืนอยู่ท้ายรถตั้งท่าเตรียมจะดัน
"เอ็งออกแรงตอนที่ข้านับให้สัญญาณตอนเร่งเครื่องนะ พร้อมไหม.."
"อือ" นิชคุณสูดลมหายใจลึก อยู่ในท่าเตรียมพร้อม
"เอานะ หนึ่ง สอง ส้ามมม ดันเลย!!!"
ปรื้นน ปรื้นนน
ฮึ่บบบ! ..
มือเรียวออกแรงดันตามจังหวะ
ปรื้น ปรื้น ปรื้นนนนน
แผละ แผละ แผละ
"เฮ้ย!! ว๊ากก... " แรงเหวี่ยงของล้อที่ติดอยู่ในหล่มโคลนข้นหนืด ทำให้มันดีดกระเซ็นเลอะคนเข็น ตั้งแต่โคนผมจรดปลายเท้า "..อี๊ เลอะหมดเลย แหวะ สกปรก อี๊ๆ นายแกล้งฉันใช่ไหมเนี่ย! "
"...ฮ่า... ข้าไม่ได้แกล้ง เอาน่า เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำที่บ้าน" แทคยอนรีบแก้ตัว แต่ก็หัวเราะร่วน
"ห้ามหัวเราะนะ!"
"อาก็ได้ ไม่หัวเราะหล่ะ งั้นเอ็งดันอีกครั้งนะ ออกแรงมากกว่านี้อีกหน่อย"
นิชคุณยู่จมูก ทำปากขมุบขมิบบ่น และเมื่อคนขับตะโกนเร่ง บวกกับอารมณ์เหวี่ยงตอนนี้ จึงออกแรงดันสุดชีวิต
ฮึ่บบบบบ !!!!!!!!!!!
ปรื้นนนนนน
ผลก็คือรถอีแต๋นทะยานหลุดออกจากหล่ม แล้วขึ้นไปอยู่บนถนนตามเดิม แต่คนออกแรงดัน หน้าทิ่มหัวคะมำลงโคลน ขาชี้ฟ้า
แผละ!!
“ว๊ากกก แคร่ก ๆ แมร่งเอ๋ย!!! ”
“อ้าว เฮ้ย!..” แทคยอนหันขวับ รีบผุดลงจากรถไปประคองให้คู่หมั้นลุกขึ้นนั่งด้วยความเป็นห่วง แต่พอได้เห็นหน้าขาวๆเปื้อนโคลนก็ทั้งขำ ทั้งตกใจ “ .. เอ็งเป็นไงบ้าง”
“ฮืออ ฉันเกลียดเรื่องเฮงซวยแบบนี้ที่สุดเลย เกลียดที่นี่ด้วย ฉันไม่มีวันยอมอยู่ที่นี่แน่ๆ ฮือออ เกลียดดดด” เบะปากทั้งเจ็บ ทั้งอาย รู้สึกขายหน้าจนอยากร้องไห้
แทคยอนสะอึก ... แม้จะรู้ดีว่าคู่หมั้นแค่พาล แต่ลึกๆแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้ เพราะ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำว่า เกลียดออกจากปากของคนที่เคยวิ่งเล่น และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในวัยเยาว์
“อ่ะ นี่ผ้า.. ” เขาระงับความเศร้า ฝืนยิ้มเจื่อนๆ แล้วยื่นผ้าสะอาดให้ “ .. รีบเช็ดหน้าก่อนเดี๋ยวโคลนเข้าตา”
“ไม่ต้องยุ่ง! นายแกล้งฉัน” มือเรียวปัดมันทิ้ง ก่อนจะรั้งคอเสื้อของตัวเองขึ้นมาเช็ดถู แต่เพราะเสื้อมันเลอะอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ พอเลอะก็เช็ดอีก เวียนซ้ำไปเรื่อยจนกระทั้ง
“โอ๊ะ! ...” ตากลมปิดปี๋ พยายามลืมขึ้น แต่เจ็บแสบจนต้องร้องโอด ” .. โอยยแสบตาอ่ะ ”
“หืม?!! เป็นอะไร ไหนขอข้าดูสิหน่อยสิ เอ็งแสบตาเหรอ? .. ” แทคยอนที่อดทนมองการกระฟัดกระเฟียดอยู่นานเอ่ยถามอย่าร้อนรน “ .. โคลนเข้าตาใช่ไหม?!”
“ยุ่งอะไรด้วย!”
“เฮ้! ไม่ ๆ ..” รีบคว้าขอ้มือเล็กๆ ไว้ ก่อนที่มันจะถูกยกขึ้นมาขยี้ลงบนเปลือกตา “ ..อย่าขยี้ตานะ เดี๋ยวข้าจะค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดให้ ”
“ไม่ต้องยุ่ง!!” มือเรียวปัดป้องความหวังดีอีกครั้ง ทั้งที่ตอนนี้ยังลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ่ำ
“หยุดทำตัวเป็นเด็กงี่เง่า เอาแต่ใจได้แล้ว!! ..” คราวนี้ แทคยอนหมดความอดทน เขาเริ่มเอ็ดตะโรเสียงดัง มือหนาคว้าข้อมือเล็กๆไว้แน่น แล้วยุดให้อยู่เฉย
“ ..ถ้าในโคลนมันมีเชื้อโรค ทำให้ตาอักเศบจะทำไง เอ็งอยากตาบอดเหรอ!!”
ตาบอด!
‘เด็กงี่เง่า’ นิ่งอึ้ง อ้าปากค้าง อาการดื้อดึง กระฟัดกระเฟียด หยุดชะงักกึก เหมือนสับสวิตซ์เบรกเกอร์เมนหลัก
“ตาบอด ! ฮืออ ไม่เอา ฉันไม่อยากตาบอด”
“งั้นก็นั่งอยู่เฉยๆ .. ” เขาส่ายหัว ทำท่าระอาใจ ค่อย ๆ ใช้ผ้าสะอาดซับลงบนเปลือกตาเบาๆ แล้วเอ็ดเสียงอ่อนลง “ .. คราวหน้าเอ็งก็อย่าดื้อจนต้องเจ็บตัวแบบนี้อีกรู้ไหม”
ปลายนิ้วเชยคางมนให้แหงนหงายขึ้นก่อนจะค่อยๆเช็ดคราบบนพวงแก้มนุ่มจนสะอาด “เอาหล่ะ เสร็จแล้ว ทีนี้เอ็งลองค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ นะดูสิว่ายังแสบอยู่ไหม
ดวงตากลมแป๋ว ค่อยๆเปิดขึ้น ช้า ๆ
วินาที่ที่ได้สบตากับความห่วงใยที่มีมากมายที่อยู่ในดวงตาเรียวของอีกฝ่าย มันทำให้อารมณ์ขุ่นมัว กรุ่นโกรธของเขาค่อย ๆ หายไปจนนิ่งอึ้ง ..
“ไง ยังแสบรึเปล่า?? .. ” แทคยอนกังวล เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไป เขาห่ริมฝีปากเบาลมอุ่นลงบนเปลือกตากลมอย่างช้า ๆ “...ดีขึ้นไหม??”
“อืมม ค่อยยังชั่วแล้ว ขอบใจ เรารีบไปกันเถอะ” ตากลมเมินหลบ ลุกขึ้นยืน แล้วถอดเสื้อนอกออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวบาง
“ฮะเฮ้ย!! เอ็งจะถอดเสื้อทำไม .. ” แทคยอนเหวอตาแทบถลน รีบคว้าแขนเรียวของนิชคุณไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะถอดเสื้อกล้ามชื้นแฉะออก จากร่างกาย “ ..ห้ามถอดนะ!”
“ก็มันเลอะ แล้วก็เหม็นด้วย”
“เอ็งก็ทนเอาสิ ไม่ใช่นึกจะถอดก็ถอด ไม่รู้จักอายบ้างรึไง?!” เอ่ยเสียงเคร่งเครียด
“อายใครเล่า แถวนี้มีแต่นายกับต้นองุ่น อีกอย่างนายก็เป็นผู้ชาย ฉันจะอายทำไมเนี่ย หรือจะให้ฉันอายต้นองุ่นหล่ะ พิลึกคนจริง”
“ไม่รู้หล่ะ ยังงัยเอ็งก็ห้ามถอด .. ” ออกคำสั่งเสียงห้วน ตาดุมองด้วยความไม่พอใจชัดเจน เมื่อความรู้สึกหวงแหนเรือนกายขาวผ่อง ของคู่หมั้นแล่นเข้ามาจุกในอกจนทนไม่ไหว “..ถ้าขืนเอ็งดื้อ ข้าจะให้เอ็งเดินกลับ ”
กล่าวคำว่า ‘เดินกลับ’ จบก็กระแทกเท้าปึงปังกลับขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องยนต์รอ แล้วชะโงกหน้าบูดๆออกมาเรียกเสียงดัง “ .. นี่ตกลงเอ็งจะเดินกลับเหรอ!”
อะไรว๊า จู่ ๆ ก็โกรธ วัยทองป่ะเนี่ย ..
“เฮ้ย! รอเดี๋ยวสิ ฉันไปด้วย” นิชคุณเหวอ เกาหัวแกรก แล้วรีบวิ่งกลับไปขึ้นรถ
“คลุมไว้” มือหนาฉวยเอาเสื้อคลุมตัวใหญ่หลังเบาะโปะลงบนไหล่เนียน
“ตะ..” นิชคุณอ้าปากจะเอ่ยปฎิเสธ แต่แววตาคมดุดันกลับตวัดมองจ้อง และชักสีหน้าไม่พอใจมาก จึงใจจำต้องคลุมไว้ และเพราะว่าไม่เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของคนตัวใหญ่กว่า บรรยากาศในรถก็เลยพลอยอึดอัดตามไปด้วย ทำให้เขาจำเป็นต้องหาทางออกให้ตัวเองด้วยการนั่งหลับตาแล้วแสร้งว่ากำลังหลับ
แต่จะ ‘ว่าแสร้ง’ ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น นิชคุณก็หลับไปจริงๆ ด้วยความอ่อนเพลีย ..
แทคยอนลอบมองใบหน้าที่พริ้มหลับอย่างพึงใจ ขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่นานนัก เจ้าอีแต๋นคันโก้ก็พาคนทั้งคู่มาถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ
“คุณตื่นเถอะถึงไร่แล้ว “
“คร่อกกก ฟรี่ ”
“คุณ ตื่นเถอะถึงแล้ว ”
“อือ ” คนหลับขยับปากแจ๊บ ๆ แล้วซืดน้ำลายลงคอ ก่อนจะหลับต่อ
แทคยอถอนหายใจ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้อุดรูจมูกรั้น ก่อนจะใช้มืออีกข้างปิดปากอิ่มไว้ ทำให้คนหลับดีดตัวนั่งหอบ เพราะหายใจไม่ออก
“อืออ แคร่ก ๆ !!!”
“ .. ฮ่า .. ตื่นได้สักทีนะ ถึงไร่แล้ว ” ปากเรียวระบายยิ้ม ก่อนจะลงจากรถ
หึ่ยย ไอ้บ้าเอ้ย! ..
คนพึ่งตื่นเบะปาก บ่นพึมพำ ปรือตามองรอบตัว หลังจากนั้นจึงตามลงไป แล้วบิดขี้เกียจ ก่อนจะหันไปห้ามแทคยอนที่กำลังจะยก พาหนะคู่ใจของตนลงจากท้ายกระบะ
“เฮ้ ๆ นายไม่ต้องยกรถลงหรอก เดี๋ยวก็ต้องยกกลับขึ้นไปอยู่ดี เหนื่อยเปล่าๆ นายรีบไปโทรศัพท์เหอะ”
“หมายความว่าไง แล้วเอ็งจะให้ข้าโทรศัพท์ไปไหนเหรอ???”
“อ้าวว นายก็โทรศัพท์ไปบอกป๊ากับหม่ามี๊ขอฉันไงว่า เราจะยกเลิกงานหมั้น ส่วนฉันจะไปบอกคุณพ่อกับคุณแม่ของนายเอง แล้วจะไปอธิบายให้พวกท่านเข้าใจ นายจะได้ไม่โดนด่าไง”
“ใครบอกเอ็งว่าข้าจะยกเลิกงานหมั้น มีแต่จะโทรไปเร่งงานแต่งให้เร็วขึ้นหล่ะไม่ว่า ส่วนเอ็งถ้าอยากจะคุยกับพ่อแม่ข้า ก็คงต้องไปคุยที่โบสถ์นะ เพราะพ่อกับแม่ข้าไปสวรรค์เกือบจะห้าปีแล้ว”
“ห่ะ หมายความว่าไง ฉันนึกว่านายถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับฉันซ่ะอีก”
“แล้วข้าไปบอกเอ็งตอนไหนว่าถูกบังคับ เอ็งพูดคนเดียว คิดคนเดียวมาตลอดเลย เมาองุ่นเหรอไง .. “ แทคยอนส่ายหัวกลั้นยิ้ม ก่อนจะตัดบท “ .. เลิกพูดเถอะแล้วมาช่วยกันยกรถสิมันหนัก ”
“นายเป็นคนขอฉันหมั้น?!”
“อือ”
“ตลก! จะเป็นไปได้ไง เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ นายเพี้ยนรึเปล่าเนี้ย”
“ข้าหมั้นกับเอ็งมาสามปี ทำไมข้าจะไม่รู้จักเอ็งหล่ะ เอ็งชื่อ นิชคุณ หรเวชกุล ชื่อเล่นว่าคุณ แต่ แม่เอ็งเรียกคุนนี่ พ่อเอ็งเรียกเอ็งว่าไอ้แสบ เอ็งจบ high school ที่ TAG ก่อนจะไปต่อ Oxford หลังจากนั้นก็กินเที่ยว มาเรื่อย ๆ นานๆก็เข้าไปเซ็นเอกสารที่บริษัทฯ สักครั้ง ตลอดเวลาสามปี ที่หมั้นกันมา เอ็งมีแฟน 27 คน เป็นผู้ชาย 18 เป็นผู้หญิง 9 คน แฟนผู้หญิงสองคนสุดท้ายของเอ็ง ชื่อซูจี กับเฟย ส่วนผู้ชาย ใช้ Code ลับเพราะเป็นมาเฟีย กับยากูซ่า เอ อะไรนะ?? …”
หยุดพูดแล้วแกล้งทำท่าคิด ก่อนจะกระตุกยิ้ม “ .. อ่อ B1 กับ B2 “
นิชคุณอ้าปากค้าง กระพริบตาปริบ ๆ
ก็เงิบ สิครับ จะรออะไรหล่ะ ...
ไอ้หนุ่มชาวไร่นี่น่ากลัวสึดดดด
มันคงไม่ใช่ 007 เวอร์ชั่นเกาหลี ปลอมตัวมาสืบราชการลับที่ไร่องุ่นหรอกใช่ม๊ายยย !!
“นะ นาย เป็นโรคจิตรึเปล่าเนี่ย!!” นิชคุณผวา ถอยกรู ทำหน้าประหนึ่งว่าเจอโจรโรคจิต
“เปล่า .. แต่ข้ามองว่าการหมั้นกับเอ็งก็เหมือนการปลูกองุ่นหน่ะ แค่ต้องใส่ใจ ต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ไม่ต้องดูแลใกล้ชิดมาก ข้าถึงปล่อยให้เอ็งเป็นอิสระตั้งสามปี แต่ว่าตอนนี้ใกล้จะได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว เอ็งก็เลยต้องกลับมาอยู่กับข้าไง ”
“บะ บ้าไปแล้ว นี่มันชีวิตคนนะ นายเห็นเป็นเรื่องเล่น ๆ ได้ไง ก็ได้ ถ้านายไม่ยอมโทรไปยกเลิกงานหมั้นงี่เง่าของเรา ฉันจะเป็นคนกลับไปบอกป๊ากับหม่ามี๊ เองว่าจะถอนหมั้นกับนาย “
“แล้วเอ็งไม่กลัวว่าจะถูกลดตำแหน่ง กับตัดออกจากกองมรดกเหรอ”
จึก!! เจ็บจี๊ดเหมือนถูกจี้ใจดำ
นิชคุณเบ้ปากหันมาแยกเขี้ยวใส่คู่หมั้นที่ยิ้มล้อเลียน
“เอ่อ!! ฉันยอมให้ป๊าลดตำแหน่ง ฉันเป็นแค่พนักงานทำความสะอาด หรือตัดออกจากกองมรดก แต่ ไม่ยอมแต่งกะคนบ้าๆบอๆแบบนายหรอก ชริ!!”
“แน่ใจนะ”
“หลีกเลย ฉันจะกลับบ้าน”
“กลับยังไงหล่ะ รถเอ็งยางแตก”
“ฉันมีเงิน .. ” มือล้วงในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดอ้า อวดเงินมากมายและบัตรเครดิตที่คนทั่วไปไม่สามารถสมัครได้ ถ้าไม่มีเทียบเชิญ “ ..และมันมากพอจะพาฉันออกไปจากไร่ได้”
“อู้หูววว เอ็งรวยจางงง” แทคยอนแกล้งทำตาโต ราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยเห็นเงินเป็นฟ่อนมาก่อนทั้งที่เห็นอยู่ทุกวัน และมีมากกว่าคนขี้อวดหลายเท่า
“หลีกไป ฉันรีบ” มือเรียวผลักร่างสูงใหญ่ให้พ้นทาง เดินไปรื้อกระเป๋า เสื้อผ้าสองชุด ยัดใส่เป้ใบเล็ก ๆ แล้วสะพายบนบ่า ก่อนจะเหลือบตามองลูกรักที่ยางแบนติดพิ้นแล้วตัดสินใจทิ้งไว้ที่นี่ดีกว่าจะลากไปให้เป็นภาระ แล้วออกเดิน ..
“รวยก็ดีแล้ว .. “ เจ้าของไร่องุ่นหรี่ตามองคู่หมั้นด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มแต้มที่มุมปาก “ .. แต่ถ้าต่อไปนี้เอ็งจนหล่ะ”
“ ฮ่า .. ไม่มีทาง แบร่ ” ร่างบางเดินที่กำลังเดินออกห่างหันกลับมา ปลายนิ้วเรียวรั้งเปลือกตาล่างลง แล่บลิ้นให้ก่อนจะเบ้ปาก แล้วเดินต่อ
“เอ ถ้าบริษัท ขายไวน์ไม่มีไวน์ให้ขายจะเป็นไงน๊า”
ชะงักอึ้งราวกับตกบ่อโคลน ขาเรียวติดหนีด ก้าวไม่ออก ใบหน้าหวานตวัดกลับมามอง
“มะ หมายความว่าไง?”
แทคยอนยักไหล่ ไม่ตอบคำถาม แล้วทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้าน
“อ้าวว พี่แทค กลับมาแล้วเหรอครับ .. ” จางอูยองเดินหอบเอกสารแฟ้มโตมาทักทายพี่ชาย ก่อนจะหันไปยิ้มให้ว่าที่พี่สะใภ้ที่ยืนอึน
“ .. สวัสดีครับ คุณคงเป็นคุณนิชคุณใช่ไหม ผมจางอูยองครับเป็นลูกพี่ลูกน้อง กับพ่อเลี้ยงแทคยอน ออ พี่แทค พี่มาก็ดีแล้ว วันนี้ ‘ชาโตว์ มาร์โกซ์’ ยื่นข้อเสนอมาอีกแล้วนะ คราวนี้ เกือบห้าสิบล้านแหน่ะ พี่จะให้ผมปฎิเสธเหมือนทุกครั้งไหม”
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งปฎิเสธนะ อูยอง .. ” แทคยอนยิ้มบางๆ ยักคิ้วให้คู่หมั้นที่ยืนหน้าซีด ก่อนจะเอื้อมมือคว้าแฟ้มข้อเสนอ “ชาโตว์ มาร์โกซ์ (Château Margaux)” ซึ่งเป็นโรงไวน์เก่าแก่ในเมืองบอร์โด ประเทศฝรั่งเศส ที่มักจะมาขอซื้อไวน์จากไร่ของเขาอยู่บ่อย ๆ แต่เขาก็ปฏิเสธเสียทุกครั้ง เพราะเลือกที่จะส่งไวน์ให้บริษัทของนิชคุณแทน
“ .. ข้าขอคิดดูก่อนบางที ข้าอาจเปลี่ยนใจ ขายไวน์ให้ชาร์โตว์ แทนบริษัทของคนแถวๆ นี้”
นิชคุณย่นคิ้วเข้าหากัน เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อกับแม่ที่บอกว่าแทคยอนเป็นไวน์เมกเกอร์อันดับหนึ่งเอเชีย และเป็นคนขายไวน์ให้กับบริษัทของเขา
และถ้ายกเลิกงานหมั้น ก็หมายความว่า แทคยอนอาจจะใช้เป็นข้ออ้างเลิกส่งไว้มาให้เขา และนั้นอาจทำให้บริษัทส่งออกไวน์ของเขาต้องล้มละลาย
เจ้าของไร่เจ้าเล่ห์เดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วโปกข้อเสนอของบริษัทใหม่ในมือให้นิชคุณดู ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ
“ นี่ รู้อะไรไหมนิชคุณ ‘ชาโตว์ มาร์โกซ์ ‘ ให้มากกว่าบริษัทเอ็งตั้งสามเท่า แหม เป็นข้อเสนอน่าสนใจสุด ๆเลยน๊า ว่าไหม คิคิ อา ข้าอยากรวยจังเลย อยากมีเงินเป็นฟ่อน ๆ บ้างจังเลย รับข้อเสนอชาโตซ์ ดีมั๊ยน๊า รับดีไหมน๊า “
“อะ อ๊ากก ไอ้บ้า นะ นายนี่มัน ทุเรศสุดๆเลยอ่ะ อย่ามากดดันกันด้วยวิธีทุเรศๆแบบนี้สิ”
คนถูกด่าไม่สะทกสะท้าน แต่กลับยิ้มหวาน จนตาหยี หน้าขึ้นริ้ว
“เอ็งสนใจจะฟังข้อต่อรองไหมหล่ะ คุณคู่หมั้น”
“ข้อต่อรองอะไร?!!!!”
“เอ็งมีเวลา สามเดือน ทำให้องุ่นต้นนั้น ..” ปลายนิ้วชี้ไปที่ต้นองุ่นยืนต้นแห้งๆ ใกล้ตาย ต้นหนึ่งที่ปลูกอยู่ริมสวน
“.. ออกดอก ติดผล ถ้าเอ็งทำได้ ข้าจะยอมทำตามใจเอ็ง ทุกเรื่องไม่เว้น แม้แต่เรื่องถอนหมั้น และมันก็จะไม่มีผลต่อธุรกิจของเอ็งด้วย ข้าจะส่งไวน์ให้เอ็งเหมือนเดิม แม้ว่าเราจะถอนหมั้นกันแล้วก็ตาม แต่ถ้า สามเดือนแล้วมันยังไม่มีลูก เราจะแต่งงานกัน แล้วเอ็งก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่กับข้า เพื่อแลกกับเรื่องธุรกิจ ตกลงไหม”
นิชคุณยืนนิ่ง เม้มปากแน่น แบบโกรธจัด เพราะรู้ดีว่าถูกแกล้ง แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือก และข้อต่อรองก็น่าสนใจไม่น้อย จึงตัดสินใจรับข้อต่อรองแกมบังคับนี้
“แล้วฉันมีทางเลือกอีกหรือไงกันเล่า!!”
“เอ็งนี่มันน่ารักจริงๆ แก้มแดง ๆ ปากแดงๆ น่ารักที่สุดเชียว.. ” แทคยอนยิ้ม ใช้หลังมือไล้แก้มเนียนที่ขึ้นสีแดง “ .. ยิ่งโกรธก็ยิ่งน่ารัก”
“ไอ้เจ้าเล่ห์ ไอ้โรคจิต ต้องมาชมเลยนะ ฉันไม่เคลิ้ม” มือเรียวตบแผละ และสะบัดหน้าออก ก่อนจะกลืนน้ำลาย มองต้นองุ่นใกล้ตายสลับกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้าของไร่ แล้วถอนหายใจ
แค่ปลูกองุ่น มันคงไม่ยากเท่าไหร่หรอก .. มั้ง! ..
.
.
.
“แล้วคืนนี้จะให้ฉันไปนอนที่ไหนหล่ะ ” นิชคุณเริ่มถามหาที่พักเพราะอยากล้างตัว
“อูยอง”
“ครับ”
“พาว่าที่พี่สะใภ้ ไปบ้านพักคนงานสิ”
“ห่ะ นายจะให้ฉันไปนอนที่บ้านพักคนงาน!!!”
“อือ หรือเอ็งจะนอนกับข้าหล่ะ ถ้างั้น ไม่ต้องปลูกองุ่นหรอก .. ” ตาเรียวกรุ้มกริ่ม หรี่มองใบหน้าขาวใส ทำท่าหื่นกระหาย พร้อมๆกับใช้ปลายลิ้นไล่เลียไปตามริมฝีปาก
“ .. คืนนี้เราเข้าหอเลยดีกว่านะเมียจ๋า
“อะไอ้ทะลึ่ง! “
“ มามะ จุ๊บ ๆ “ ร่างสูงใหญ่สาวเท้าหนาเข้าประชิด หลับตา ห่อปาก ยื่นหน้าเข้าใกล้
“ วะ ว๊ากก อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะไอ้บ้า !! .. ” ตวาดใส่เจ้าของไร่อย่างเหลืออด “ .. ไม่งั้น ฉันจะโกรธนายจริงๆ ด้วย ชริ! ” แยกเขี้ยวขู่ฟ่อ แล้วรีบวิ่งตามอูยองไป ..
คนโดนขู่กรอกตาขึ้นฟ้า ส่ายหัว และส่งยิ้ม ตาเรียวมองตามร่างโปร่งของคู่หมั้น ที่เลี้ยวหายไปอีกมุมหนึ่งของบ้านพัก อย่างนึกเอ็นดู
แน่นอน .. ว่าที่ที่เขาจัดให้นิชคุณไปพัก ไม่ใช่บ้านพักคนงานอย่างที่กล่าวอ้างหรอก
เขาแค่หาเรื่องชวนคู่หมั้นคุย เพื่อสร้างความสนิทสนม คุ้นเคย เพียงแต่ว่ามันเป็นวิธีการชวนคุย ที่ไม่ต่างอะไรกับการชวนทะเลาะ ก็เท่านั้นเอง ..
นึกขำตัวเองที่ทำตัวชวนคู่หมั้นทะเลาะ ได้ตลอดเวลา แทนที่จะพูดกันดี ๆ
.. แต่ ด่าไป ทะเลาะกันไป ก็สนิทกันเร็วดีนะ ว่ามั้ย!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุยกัน คุยกัน
แหมกว่าจะมาต่อเนอะ เพื่อนรีดแอบ ค้อนเค้าอะดิ คิคิ ..
ก็กานพิมพ์แล้วลบสองรอบหล่ะ นั่งแก้คาแรคเตอร์หนูนิชตลอดเลย 55
คือตอนแรกกะจะให้หนูนิช เป็นลูกแหง่ ทำอะไรไม่เป็นติดหรู ห่วงสบาย แต่พิมพ์แล้วรำคาญมาก แล้วก็ไม่อยากให้เป็นฟิค Yaoi แบบ ชายxกะเทยลูกแหง่ กานชอบ ชายXชาย ผลัดกันแมน ผลัดกันกวน บ้าง แบบนี่น่าจะแต่งได้อินมากกว่า มั้งนะ 555
สังเกตุเนอะฟิคของกานส่วนใหญ่ร้อยละ 98. % นายเอกต้องงี่เง่า เอาแต่ใจ หรือไม่ก็น่าสงสาร แต่อยู่ในระดับพอประมาณ นะค่ะ ถ้าเกินไป มากไป นี่ก็จะเริ่มรำคาญแทนพระเอก เผลอๆ อาจจะแต่งให้พระเอกมีเมียใหม่ 55
เฮ่ออออ เพ้ออะไรก็ไม่รู้ ไปดีกว่า
อ่อ ยังไม่ตรวจคร่า กราบขออภัยในความงี่เง่าด้วย
Enjoy reading
kanka
ความคิดเห็น