สุสานหัวใจ Ivy Graveyard
เขาใช้สมองนำทางหัวใจ เธอใช้หัวใจนำทางสมอง การรักใครสักคน ระหว่างสมองกับหัวใจเราควรเลือกสิ่งใด
ผู้เข้าชมรวม
3,977
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผู้ชายดีๆ มักเป็นคนที่ "รักเธอมาก" แต่เธอไม่รัก
ผู้ชายเลวๆ มักเป็นคนที่ "รักเธอ(มั้ง)" แต่เธอรักทั้งใจ
คห.ในyoutube
บทนำ
ริมถนนสายบันเทิงยามราตรี หญิงชายคู่หนึ่งประคองกันและกันเดินบนทางเท้า แสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางและจากบรรดาร้านค้ายังเปิดสว่างแบบไฟล่อแมลงให้ติดกับดัก ทั้งคู่กำลังเดินเซไปข้างหน้า เสียงเพลงออน เดอะ ฟลอร์ของเจนนิเฟอร์ โลเปซฟิชเชอร์ริ่งพิทบูลล์ดังกระหึ่มอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มหยุดพักเพื่อให้หญิงสาวที่เขาช่วยประคองได้โก่งคอคายของเก่าออกมา เขาย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของอาหารที่ถูกสำรอกปนเปกับกลิ่นเหล้าอย่างดีโชยออกมาจากทั้งคู่ เขาทำท่ารังเกียจก่อนจะช่วยพยุงให้เธอเดินต่อไป เสียงดนตรีที่กระหึ่มค่อยๆเบาลง ผู้ชายกับผู้หญิงอีกคู่วิ่งออกมาจากงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าที่สนุกจนทำให้ลืมโลก ทั้งสองงอตัวอย่างเหนื่อยหอบแต่ดีใจที่ตามมาทัน
“ดูแลเธอดีๆล่ะ อย่าให้เสียชื่อเข้าใจมั้ย ไอ่น้องชาย” ชายหนุ่มอีกคนพูดพร้อมตบบ่าน้องชายอย่างหนักจนอีกฝ่ายถึงกับเข่าทรุดเซเกือบจะล้ม
“เราทำถูกใช่มั้ยค่ะที่ปล่อยให้ทั้งสองคนไปด้วยกัน” หญิงสาววิ่งตามมาชำเลืองมองหน้าเพื่อนสาวที่เมามากอาจถึงขั้นจำเลขที่บ้านไม่ได้
“ก็นี่มันแผนของเธอตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มพูด
“พี่ด้วยนั้นแหละ”
“อย่าห่วงน่า เรื่องจะจบอย่างมีความสุข”
“แน่นอนเรื่องจะจบลงแบบนั้น” ทั้งสองยุติการสนทนาและมองดูคนทั้งคู่ค่อยๆเดินโซซัดโซเซไกลออกไป
“ราว-จา-ปาย-หนาย” หญิงสาวผมกระเซิง สีน้ำตาลอ่อน รูปร่างได้มาตรฐานหญิงไทย ใบหน้าไม่มีอะไรโดดเด่น นอกจากดวงตาสีน้ำตาลที่มีความมุ่งมั่น จริงจัง และฉลาดอย่างที่ ผู้ชายร้ายๆเกลียด การแต่งตัวแสนจะมีศิลปะแบบ ศิลปินจิตหลุดโลก “ฉันชอบแบบนี้ ” เธอชอบพูดประโยคนี้เวลาถูกทักเรื่องรสนิยมการแต่งตัว เสื้อกั๊กยีนส์เก่าๆสวมทับเสื้อยืดแขนสั้นบ้างยาวบ้างตามแต่สภาพอากาศของวันนั้นกับกระโปรงพลิ้วๆแบบสาวชาวเล สีของมันจะแสบสันต์หรือแสนหวานตามอารมณ์ เธอคือหนึ่งในสมาชิกชมรมผู้คงแก่เรียน รักการอ่านและงานศิลปะทุกแขนงแต่เอาดีไม่ได้สักอย่างยกเว้นเรื่องภาษาต่างประเทศที่มีความชำนาญใช้งานได้ถึงเจ็ดภาษา ด้วยรูปร่าง หน้าตาและความเป็นศิลปินจึงทำให้เธอโดดเด่นมากแต่ไม่ใช่ในแบบดึงดูดผู้คนให้เข้าหามันกลับผลักพวกเขาให้หลีกและหลบหน้า อาจเพราะพวกเขาไม่อยากถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดเวลาอยู่ใกล้เธอ “มีเพื่อนตายเพียงหนึ่งย่อมดีกว่ามีเพื่อนกินนับร้อย” ปรัชญาการคบคนของเธอ แม้จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงจนถูกมองว่าแปลกประหลาดแต่เธอก็มีภายในที่เหมือนผู้หญิงทุกคน หมายถึงจิตใจซึ่งเกลียดเป็น และรักเป็น ไม่มีผู้หญิงคนไหนโดยเฉพาะผู้หญิงในสังคมของเธอที่ไม่หลงเสน่ห์ผู้ชายอย่างเขา ก็ผู้ชายที่กำลังช่วยพยุงเธอ ถ้าเธอเป็นขั้วบวก เขาคงเป็นขั้วลบ เขาซึ่งมีหัวแบบหัวกามเทพ ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มรับกับคิ้วหนารูปคันธนู ดวงตาสีน้ำตาล สวยเปล่งประกายแห่งความเชื่อมั่นในตัวเองมากถึงระดับที่เรียกได้ว่าเย่อหยิ่ง การแต่งกายไร้ที่ติตั้งแต่ทรงผมจนถึงรองเท้าที่สวม เนี้ยบจนเกือบเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเกย์ เขาคือเทพบุษสุดหล่อที่มาจากตระกูลร่ำรวย ดีพร้อมทุกอย่างยกเว้นสิ่งเลวร้ายเพียง สองสิ่งคือ หนึ่ง เขากลัวความผูกพันธ์ที่เป็นดังเชือกผูกมัดปีกแห่งอิสระซึ่งผู้ชายประเภทนี้รักและหวงแหน และสอง เขาเกลียดผู้หญิง อย่างเธอ “ตอนที่พระเจ้าสร้างคนอย่างยายหวานใจพระองค์คงกำลังเมา” เขาเคยพูดประโยคนี้ให้เพื่อนสนิทฟัง
สำหรับงานเลี้ยงคืนนี้พระเจ้าอาจจะไม่ได้เมาอย่างที่เขาเคยกล่าวหาหากแต่พระองค์กำลังทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าแม้แต่นางแม่มดอัปลักษณ์ก็กลายเป็นนางฟ้าโฉมงามได้เวลาที่คนเราเมา
“ราว-จา-ปาย-หนาย-หรา-เท้-ร๊าก” เธอถามซ้ำน้ำเสียงยานครางแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์
“ไปในที่ที่มีแค่เธอกับฉัน” เขาตอบด้วยเสียงล่องลอยเหมือนไม่ใช่เสียงของตัวเอง
“ฉ้าน-รัก- ร๊าก-คุณ” เธอพูดมองหน้าเขาด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอแล้วยิ้มอย่างไม่เข้าใจว่าที่เธอพูดนั้นมันมีความหมาย ทั้งสองหยุดเดินและเอนพิงรถสปอร์ตคันงามเพื่อพยุงตัว เธอทำท่าจะไถลลงไปกองพื้น เขาจึงโอบแขนรอบตัวเธอและพาเข้าไปนั่งในรถแล้วเดินอ้อมไปอีกทางนั่งลงประจำที่คนขับ รถถูกสตาร์ทเสียงเครื่องยนต์คำรามโอ้อวดก่อนจะขับไปยังจุดมุ่งหมายปลายทาง
****************************************************************************
แสงสีทองสว่างจ้าของอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดบานหน้าต่างกระจกปิดสนิทมีม่านบางๆแต่งริมผ้าด้วยลูกไม้สีขาวแต้มลายปักรูปดอกไม้สีแดงช่วยบังตาและแสงแดด ปกติก่อนตะวันจะขึ้นม่านจะถูกผูกรวบอย่างเรียบร้อยอยู่กลางบานหน้าต่างที่เปิดกว้างเตรียมต้อนรับเช้าวันใหม่ แต่...วันนี้...ต่างออกไป
“ไม่...ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้!!!” นายสงกานต์ ราชานนท์ตื่นก่อนนานแล้วหากแต่เขายังไม่ยอมรับความจริง เขาสบัดหัวไล่ความมึนงง และยังเมาค้าง ชำเลืองมองผู้หญิงที่ยังคงหลับหนุนแขนของเขาซึ่งตอนนี้มันชาจนเกือบจะไร้ความรู้สึก เขาเกร็งแขนและค่อยๆผลักหัวของเธอออกเบาๆ “บ้าฉิบ!” เสียงสบถของเขาทำให้เธอเริ่มขยับตัว เขาจึงรีบแกล้งหลับ
“ปวดหัว!” นางสาวหวานใจ รสสุคนธ์พูด ค่อยๆลืมตาขึ้น กะพริบตาสองสามทีเพื่อปรับให้ชินแสง เธอค่อยๆยันตัวขึ้น ยกมือกุมหัวที่เต้นตุบๆก่อนจะค่อยๆมองสำรวจตัวเอง ไม่มีเสื้อผ้าสวมอยู่สักชิ้นและยิ่งไปกว่านั้นมีผู้ชายนอนอยู่บนเตียงของเธอ
“ใคร?” เธอถามตัวเองเริ่มคลั่ง “ฉันฝัน!... ฝันดี?...” เธอพูดแล้วสบัดหัวไล่ความคิดนั้น “ไม่!-ไม่! ฝันร้ายต่างหาก!!!” แล้วก็จ้องมองที่ผู้ชายเปลือยคนนั้นอีก สงกานต์อยากจะแกล้งหลับต่อไปแต่คงเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนักถ้าหากหวานใจเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา เขาควรลืมตาไว้ เตรียมพร้อมป้องกันตัวด้วยดวงตาหวาดๆ คิ้วเข้มขมวดลงจนชนกัน เขาควรจะทำอย่างไร ยิ้มให้เธออย่างสดชื่นหรือแสร้งโกรธเพื่อกลบเกลื่อนแล้วก็ชิ่ง สมองซีกซ้ายยังไม่สร่างเมา เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากตีหน้าใสซื่อแต่เป็นการกระทำที่ผิดพลาดยิ่งกระตุ้นต่อมคลั่งในตัวเธออย่างจัง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เธอร้องเสียงดังลั่น
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เขาร้องเสียงดังลั่นเช่นกันจึงประเมินไม่ได้ว่าใครตกใจมากกว่ากัน เสียงร้องของทั้งสองดังแทบทำให้หลอดไฟบนเพดานหล่นแตก เมื่อหมดแรงจะร้องและต่างก็ปวดแก้วหู ทั้งสองจึงหยุดมองหน้ากันราวกับอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ต่างดาวที่หลงเข้ามาในโลกของตัวเอง
“เธอจะทำอะไรฉัน” เขาถามด้วยน้ำเสียงฟังงี่เง่าพลางดึงผ้าห่มแนบชิดตัวมากขึ้น กลัวว่าจะโดนอีกฝ่ายจู่โจม ไม่มี คำตอบจากเธอ สิ่งที่เขารับรู้คือแรงถีบแบบสุดแรงเกิด เขาพลัดตกจากเตียงนอนลงหงายหลังกุมท้องเปลือยล่อนจ้อน
“ช่วยด้วย!!!” สิ่งต่อมาที่หวานใจคิดออกเพื่อแก้ไขสถานการณ์ไม่คาดฝันคือร้องขอความช่วยเหลือที่ไม่มีวันมาถึง
“จะบ้ารึไง...เงียบ!” เขายืนตะโกนแข่งกับเสียงร้องอย่างสติแตกของเธอ
“ช่วยด้วยยย!!!”
“เฮ้ย...เงียบซิวะ!!!” เขายกมือสองข้างขึ้นปิดหูตัวเอง เมื่อมือสองข้างเปลี่ยนไปทำหน้าที่ใหม่ ของรักที่เขาพยายามกุมปิดไว้ในตอนแรกก็เผยให้เห็นเต็มสองตา มันเป็นภาพอุจาดตาที่สุดสำหรับสาวโสดเคยเวอร์จิ้นอย่างเธอแต่คงเป็นภาพศิลปะเรือนร่างที่งดงามที่สุดสำหรับคนรักงานศิลป์
“ออกไปปป!!!” เธอร้องลั่นเริ่มปาข้าวของพุ่งไปทุกทิศทุกทาง เขาวิ่งพล่านไปทั่วห้องมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง สวมมันอย่างรีบร้อนและเผ่นแน่บออกจากห้อง เธอกระโดดลงจากเตียงนอนไปปิดประตูลงกลอนแน่นแล้วหันหน้ากลับมาสำรวจร่างกายตัวเอง รู้สึกประสาทเสีย มือ แขนและขารู้สึกชาวาบราวถูกแช่อยู่ในห้องที่อุณหภูมิติดลบ เธอพิงร่างกับประตูห้องค่อยๆทบทวนและตั้งคำถาม
‘เกิดอะไรขึ้น’ เธอถามตัวเองและกำลังร้องไห้ ‘เขาเคยพูดว่าเกลียดฉัน’ เธอคิดถึงคำพูดร้ายๆที่ผ่านมาของสงกานต์นับตั้งแต่ได้รู้จักกัน เธอชอบเขาตั้งแรกครั้งแรกที่ได้ร่วมกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ด้วยกันและยังคงชอบเขาเรื่อยมาตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่ในรั้วมหาลัยเดียวกัน
‘ทำไม?’ เธอรู้จักเขาแต่คงรู้จักไม่ดีพอ เธอเคยรักเขา เคยเลิกรักเขาและสุดท้ายก็ยังคงรักเขา เธอกำลังร้องไห้ “เขาเกลียดฉัน” เธอพูดมันออกมาด้วยเสียงเบาและสั่นเครือ
สงกานต์วิ่งออกจากอาคารที่พักของหวานใจพลางทบทวนเหตุการณ์ ‘กุญแจรถ?’ เขาคลำหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงโชคดีที่มันยังอยู่
“ฉันพลาด?”
“บ้าเอ้ย!” เขาสบถและทุบพวงมาลัยรถเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะบิดกุญแจรถสตาร์ทเครื่องยนต์
“ฉันกับยายบ้านนอก ติสท์แตกนั้น?”
“โลกนี้มันบ้าไปแล้ว!” เขานั่งอยู่ในรถพยายามควบคุมสติอารมณ์ เขาลองสูดหายใจเข้าออกช้าๆยาวๆเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจให้ช้าลงจนอยู่ระดับปกติ เขาลองหลับตาและพยายามไม่คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเคยพูดว่า “ฉันเกลียดผู้หญิงแบบเธอ” พอหลับตาแทนที่สมองจะทำงานช้าลงมันกลับดึงภาพต่างๆออกมาจากความทรงจำอย่างเร็วจี่ “ถ้าเธอมาเรียกร้องให้ฉันรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฉันจะบอกเธอไปว่า ฉันเมามาก ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่มีสติ ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้และ ฉันจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเธอบนเตียงนั้นไม่ได้ ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั้ย ยายบ้านนอกติสท์แตก” เขาคิดฟุ้งซ่าน “ไม่-ต้อง-รับ-ผิด-ชอบ” ความคิดนี้กำลังทำให้เขารู้สึกแย่จนพะอืดพะอม เขาลองสบัดหัวแรงๆราวกับว่ามันจะขับไล่ภาพเมื่อคืนออกจากหัว ‘ฉัน-ไม่-ได้-ตั้ง-ใจ-ให้-มัน-เกิด-ขึ้น’ เขาคิดแต่เป็นความคิดที่ขัดแย้งกับความรู้สึกอย่างรุนแรง ถึงกระทั่งตอนนี้เขายังหาคำอธิบายให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรเขาจึงไร้ประสิทธิภาพในการควบคุมตัวเอง เขารู้แก่ใจดีว่าการดื่มเหล้าแค่นั้นไม่ถึงกับทำให้เมาปลิ้น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ไม่ครบทุกรายละเอียดอย่างนี้
หวานใจเมาล้มลงนอนหน้าห้องพักทั้งที่ยังไม่ไขประตู เขาเดินย้อนกลับไปช่วยเธอและเปิดประตูห้องเข้าไป พาไปนอนที่เตียง ทั้งเขาและเธอล้มลงไปพร้อมๆกัน เธอหลับไปทันทีที่ตัวสัมผัสฟูกนุ่ม เขาล้มคว่ำลงบนฟูกหนานุ่ม บนเตียงมือข้างหนึ่งพาดอยู่บนลำตัวของเธอเฉียดส่วนสำคัญไปนิดเดียว เขาผงกหัวขึ้น
“ยายบ้านนอกนี้ถ้าจะเมาเอาเรื่อง” เขาพูดเสียงออแอ้มองใบหน้าของเธอซึ่งห่างจากใบหน้าของเขาเพียงหนึ่งฝ่ามือ
“มองใกล้ๆยายนี้หน้าตาก็ใช้ได้แฮะ ถ้าเลิกทำผมทรงรังนก ฟูฟ่อง เธอจะดูเป็นยังไง” เขาพูด ยังคงมองใบหน้าของเธอในหัวเริ่มจินตนาการถึงความงามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกของทรงผมและเครื่องแต่งกายอาร์ตติสซะจิตหลุด เขาค่อยๆเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกใบหน้าของเธอเผยให้เห็นผิวเรียบเนียนใสไร้เครื่องสำอาง ตอนนี้แก้มแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์เหล้าที่ฉูบฉีดเลือดให้วิ่งผล่านไปทั่วร่าง เขาค่อยๆเคลื่อนมือจากเส้นผม แม้จะกระเซิงไม่เป็นทรงหากแต่นุ่มลื่นเพราะไม่เคยผ่านการทำร้ายผมด้วยสารเคมี เขาได้กลิ่นหอมจางๆคล้ายกลิ่นดอกไม้ พยายามนึกว่าเป็นกลิ่นของดอกอะไรที่เขารู้จักแต่นึกไม่ออก เขาขยับตัวเข้าไปใกล้เธออีกเพื่อสูดกลิ่นหอมนั้นเผื่อจะนึกชื่อดอกไม้ออก เขาเข้าใกล้เธอเกินไปแล้ว
“ฉันกำลังทำบ้าอะไรว่ะ!!!” เขาได้สติรีบดึงตัวเองออกห่างจากตัวเธอลุกนั่งพรวดพราดแต่ยังอยู่บนเตียงเดียวกันและยังใกล้เธอมากเกินไป ใจของเขาเต้นรัวแรงแทบจะได้ยินเสียงของมันดังออกมาข้างนอกอกเพียงเพราะเขากำลังมองดูริมฝีปากของเธอ ริมฝีปากนั้นบางแต่ดูนุ่มด้วยเนื้อหนัง สีแดงชุ่มชื่นเหมือนผลเชอรี่สุก เขากำลังเม้มปากเผลอเลียริมฝีปากขณะจินตนาการว่าถ้าได้กินเชอรี่สุกตอนนี้จะสุขใจสักแค่ไหน
“บ้าฉิบ!” เขาหยุดความคิดของตัวเองด้วยการสบถเสียงดังและสั่นหัวแรงๆ เสียงของเขาดังพอทำให้เธอตื่น เธอบิดตัวด้วยท่าทางอึดอัดก่อนจะค่อยๆลืมตาปรือ ดวงตาหยาดเยิ้มสมบูรณ์แบบฉบับของคนเมาปลิ้น เธอมองใบหน้าของเขาและยิ้มหวานทำให้ตาหยีแล้วก็พาดแขนทั้งสองลงบนไหล่ของเขาที่ตกตะลึงนั่งนิ่ง
“เท้-ร๊ากกก” เธอพูดลากเสียงยาวแล้วโอบแขนทั้งสองข้างรอบคอของเขา ดึงให้เขาโน้มตัวลงมา เขาพยายามขืนตัวไว้อย่างสุดจะทานทน
“เธอ–เธอ-จะ-จะ-จะทำอะไร” เขาตื่นเต้นจนพูดติดอ่างแต่ความหวังโชติช่วงก็ดับวูบลงเมื่อแขนของเธอค่อยๆเลื่อนไหลออกจากตัวเขา ลงไปวางอย่างไร้เรี่ยวแรงและไร้ทิศทาง เธอเหมือนจะหลับไปอีก เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใจยังคงเต้นรัว ยังคงมองอยู่ที่ใบหน้าของเธอและเลื่อนไปมองเสื้อกั๊กสวมทับเสื้อยืดมันดูน่าอึดอัดและกระโปรงตัวยาวคลุมเข่านั้นก็รุ่มร่ามน่าจะทำให้ร้อน เธอขยับตัวอย่างอึดอัดอีก เขาเริ่มจินตนาการและเคลื่อนมือไปที่เสื้อกั๊กยีนส์
“ฉันแค่จะช่วยให้เธอไม่อึดอัด” เขาพูดและถอดเสื้อตัวนั้นออกให้เธอ เมื่อไม่มีเสื้อหนาหนักเช่นนั้นปกคลุมตัวด้านบนทำให้เขาเห็นจังหวะการกระเพื่อมขึ้นลงขณะที่เธอหายใจเข้าออก เขาอยากหยุดมองแต่ในหัวจินตนาการเตลิดไปไกล เขาพยายามควบคุมตัวเองและเปลี่ยนที่พักสายตาไปไว้ตรงอื่นไม่ใช่หน้าอกของเธอ เขาพาดวงตาของเขากลับมาหยุดตรงริมฝีปากของเธออีกครั้ง
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันจูบเธอ” เขาถามตัวเองแต่กำลังคาดหวังให้เธอตอบ
“ฉ้าน ร๊าก ร๊าก ร๊าก คูนนน” เธอละเมอพูดเสียงยานคราง เขาถือว่านั้นคือคำตอบอนุญาตแล้วเขาก็ทำตามใจต้องการเลิกสนใจสมองที่พยายามส่งเสียงเตือนภัย ‘นายจะต้องยุ่งยากในภายหลัง’ เสียงนั้นดังขึ้นในหัว ‘ยายนี้ร้ายกว่าที่เห็น นายกำลังติดกับดัก’ เสียงนั้นเตือนอีกแต่เขาไม่สนใจ ทันทีที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอมันเหมือนมีดาวนับล้านระเบิดอยู่ในหัวและใจเหมือนถูกระเบิดตูมขยายทางให้เลือดไหลเวียนได้มากขึ้นเร็วขึ้นดีขึ้นจนรู้สึกได้ถึงความร้อนในร่างกาย เขาบดริมฝีปากลงหนักขึ้นแต่ไม่ถึงกับรุนแรงกำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกราวลิ้มรสชาดของผลเชอรี่สุกเคลือบน้ำผึ้งกลิ่นหอมยวนใจ เขายังคง ลุกล้ำเข้าไปเหมือนเธอจะตอบสนองสัมผัสแผ่ว เบาในตอนแรกและ เริ่มฝืนมันเมื่อเขายังคงลุกล้ำเข้าไปในดินแดนอันหวงห้ามของเธอ แต่ทว่าเขาปล่อยใจไปไกลเกินกว่าจะถอยกลับ ไม่ ฟังเสียงเตือนในหัว ไม่สนการปฏิเสธจากตัวเธอ เขาบังคับและในที่สุดก็ควบคุมให้เธอเกิดความรู้สึกร่วมไปพร้อมๆกัน เขารู้ว่ากำลังทำผิดต่อเธอแต่เขาก็ไม่สามารถหยุดมันได้
ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างสงกานต์กับหวานใจครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีแรกของการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นผ่านไป เมื่อหวานใจพยายามบอกตัวเองให้ ลืมและทำเป็นว่าไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น สงกานต์จึงสนองตอบด้วยการไม่ชอบหวานใจมากขึ้นและประกาศให้เธอรู้ว่าเขาเกลียดผู้หญิงแบบนี้ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองยังคงดำเนินต่อไปมีเรื่องราวทั้งที่สุขและทุกข์ เกิดขึ้นมากมาย ให้คนทั้งคู่ได้เรียนรู้ ได้รู้ว่าความรักที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร
“ความรักที่แท้จริงนั้นย่อมไม่มีสิ่งชั่วร้ายเจือปน”- ขงจื้อ
ผลงานอื่นๆ ของ ด.ญ.ใบ้ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ด.ญ.ใบ้
ความคิดเห็น