คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : (1) วันสอบหรรษา
(1)
วันสอบหรรษา
ไม่อยากจะเซดนะคะทุกคนว่า ตั้งแต่ฉันไปของร้องพี่ชายให้ช่วยติวเข้ม ฉันต้องอ่านหนังสือเรียนวันละหลายพันหน้า =[]=!! ฮีแกเล่นเลาะความรู้ตั้งแต่อนุบาลของฉันออก แล้วปูพื้นฐานใหม่ให้หมดกันเลยทีเดียว ถ้าฉันสอบไม่ติดห้องวิทย์ฯ นี่ ฉันคงไม่มีหน้าไปพบครอบครัวแล้วล่ะ Y____Y นอกจากนี้ การเรียนของฉันก็ค่อยๆดีขึ้นมาตามลำดับ ถึงตอนมอสามฉันจะจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยสามจุดหกกว่าๆ ก็เถอะ แต่คะแนนโอเน็ตฉันก็ได้หกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ขึ้นทุกวิชานะขอบอก >W< ส่วนความสัมพันธ์กับหลิงก็ไม่คุยกันเหมือนเดิม และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ฉันโดนแฟนคลับหลิงถล่มยับ ฉันกล้าสาบานว่าพวกนางส่งข้อความมาด่าฉันในเฟสบุ๊คกับไลน์ไม่ต่ำกว่าวันละร้อยข้อความ สุดท้าย ฉันเลยแก้ปัญหาด้วยการปิดโซเชียลเน็ตเวิร์กให้หมด และขายโทรศัพท์เครื่องนั้นไป เรื่องราวก็ยังไม่จบง่ายๆ เมื่อฉันโดนแฟนคลับนางหนึ่งของหลิงใส่ร้ายว่า การที่จู่ๆฉันก็เรียนเก่งขึ้นมาเป็นเพราะฉันเล่นยา =..= อุต๊ะ! ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แต่ก็ยังมีคนเชื่ออีกนะ สุดท้ายเรื่องราวก็บานปลายใหญ่โต (เกือบได้ขึ้นหน้าหนึ่งดราม่า แอดดิคนะขอบอก) จนพ่อฉันต้องมาเคลียร์ ตอนจบความจริงก็ถูกเปิดเผย คนที่ใส่ร้ายฉันเกือบโดนเด้งออกจากโรงเรียน ส่วนฉันก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไปเรื่อยๆมาจนถึงวันที่สอบเข้าห้องวิทย์ฯ ใช่แล้ว! วันนี้ฉันกำลังจะสอบเข้าห้องวิทย์ฯค่า โอ๊ย! ตื่นเต้น >W<
“นิ วันนี้พร้อมสอบรึเปล่า?” พี่ชายถามฉันขณะขับรถวนหาที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน
“ก็พร้อมนะ เฮ้ย! จอดตรงนี้ๆ” ฉันชี้ที่โล่งข้างๆรถเก๋งสีขาว ฮีแกพยักหน้าเป็นเชิงว่ารู้แล้ว ก่อนจะขับไปจอดตรงนั้น แต่ทันทีที่ลงจากรถ ฉันรู้สึกผิดที่คิดชี้ให้พี่ชายมาจอดตรงนี้ เพราะคนที่ลงมาจากรถคันนั้นคือ หลิงกับพ่อของเขา -__-++
คงไม่ต้องบอกนะว่า ฉันไม่ชอบเขาขนาดไหน
“อ้าว! โฮชิพาใครมาสอบน่ะ” พ่อของหลิงถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ ขณะที่ฉันกับพี่ชายยกมือไหว้
“ผมพาศนิมาครับ คุณอาสบายดีนะครับ” พี่ชายฉันตอบก่อนจะเดินไปไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบพ่อหลิงราวกับรู้จักกันมานาน อืม... อันที่จริงมันก็นานอยู่นะ เริ่มแรกคือ พ่อของหลิงกับพ่อของฉันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตขึ้นก็แยกย้ายกับไปทำงาน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะไปมาหาสู่กัน พ่อหลิงทำงานในบริษัทผลิตของเล่น เลยเอาของเล่นมาให้พี่ชายฉันบ่อยๆ เพราะตอนนั้นพ่อแม่ยังไม่มีฉันที พ่อของหลิงกับพี่ชายของฉันก็เลยสนิทกันมาก แต่ช่วงนี้คงไม่ค่อยได้เจอกันละมั้ง เพราะทั้งคู่เดินคุยกันเพลินจนนำหน้าฉันกับหลิงแล้ว -__-
“ว่าไงยัยโง่ O__<” เมื่อพ่อของนางเดินออกไป นางก็เริ่มทำนิสัยไม่ดีใส่ฉันทันที
“ฉันไม่ได้โง่นะ -___-++” ฉันตอบกลับ ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“นอกจากโง่แล้วยังขาสั้นอีกนะ” หลิงเดินตามมาด้วยท่าทีสบายๆ เหอะ! ไอ้คนตัวสูง ไอ้คนขายาว รอฉันโตให้สุดก่อนเถอะ ฉันเตะก้านคอนายแน่ -O-
“นายก็อยู่ในหมวดไม่หล่อแล้วปากเสียเหมือนกันนะ” เอาจริงๆ หน้าตาเขาอาจจะจัดอยู่ในหมวดคนดูดีได้ด้วยซ้ำ หน้าขาวๆ กลมๆ ของเขารับตาสองชั้นที่อยู่ภายใต้แว่นตากรอบเหล็กทรงสี่เหลี่ยม และจมูกโด่งแบบคนจีนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เขายังมีฟันกระต่ายน่ารักๆ ที่จะเห็นทุกครั้งเวลาปากบางสีแดงนั้นยิ้ม แต่อย่าคิดว่าฉันชอบเขาไป -__- ฉันแค่อธิบายให้เห็นหน้าตาเขาชัดขึ้นเท่านั้นเอง
“พูดเหมือนตัวเองสวย” หลิงหันมายักคิ้วใส่ฉันหนึ่งที
“เอาจริงๆ ฉันก็สวยนะ ‘^’ ” คราวนี้กลับเป็นหลิงที่ทำหน้าตาเหยเก
“หลงตัวเองชัดๆ”
“ใครหลงตัวเองกัน? ไม่มี ความจริงล้วนๆย่ะ ^^”
“หรอ~” หลิงทำเสียงล้อเลียน
“แต่ฉันเห็นตรงนี้คนถึงนะ” ว่าแล้วหลิงก็เดินนำหน้ามาขวางทางฉัน ก่อนจะย่อลงมาให้มีระดับความสูงเท่ากัน แล้วเอานิ้วยาวๆของเขามาจิ้มหน้าผาก
“ไอ้คนป่าเถื่อน!” ฉันเซถอยหลังสองสามก้าว พลางเอามือปิดตรงที่หลิงจิ้ม ฉันไม่ได้กระแดะอ่อนแออะไรนะ หลิงเแรงยอะมากก ถึงแม้ว่าจะใช้แค่นิ้วเดียว เขาก็สามารถทำให้ฉันเซได้ -^-
“กระแดะอ่อนแออีกแล้ว -.-” แหม... พูดเหมือนตัวเองแรงน้อยจังเลยนะ
“กระแดะเตี่ยอะไรล่ะ? ตัวเองแรงเยอะเป็นหมีควาย จิ้มใครใครก็เซ =o=”
“เราว่าศนิกระแดะไปเองมากกว่า: P” พูดจบนางก็หันมาแลบลิ้นใส่ ก่อนจะวิ่งนำไปหาพ่อของนางที่เดินคุยกับพี่ชายฉันจนไปถึงหน้าโรงเรียนแล้ว
“ไอ้...” ด่ายังไม่ทันจบ ขายาวๆของนางก็ไปถึงที่ที่คุณอากับพี่ชายยืนคุยกันอยู่ ส่วนฉันที่โดนทิ้งอยู่ตรงนี้ทำได้เพียงแค่เดินเตาะแตะๆ.___.
“ศนิ หลิงแกล้งอะไรลูกละ หืม?” สงสังคุณอาเห็นหน้าฉันหงอยๆ ท่านเลยเป็นคนแรกที่ทักฉันเมื่อไปถึง
“แกล้งนิเยอะมากเลยค่ะ เยอะมากกก” ฉันลากเสียงยาว พลางจิกตามองหลิงอย่างจงใจ ทำเอาคุณอากับพี่ชายหัวเราะไปตามๆกัน
“หลิงอย่าไปแกล้งน้องเขาสิลูก ^^” คุณอายิ้ม ขณะหันไปดุหลิง
“ผมไม่ได้แกล้งสักหน่อย -3-” หลิงทำหน้ามุ้ย ก่อนจะเอาหัวไปซบไหล่พ่อของเขา ฉันอยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินว่า อีตอแห_ แต่มันก็คงเป็นเพียงแค่ความฝัน
“หลิงยังอ้อนคุณอาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” เมื่อพี่ชายฉันทักแบบนี้ หลิงเลยเลิกซบ แล้วหันมาบ่นอุบอิบกับพี่ชายฉันแทน
“ไม่ได้อ้อนสักหน่อย -////-”
“ไม่อ้อน แล้วทำไมหน้าแดงอะ” ฉันแซวบ้าง >W<
“ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย” หลิงพูดเสียงลอดไรฟัน เหอะ! คิดว่าฉันจะยอมให้เขารังแกฝ่ายเดียวรึไง
“คุณอา หลิงว่านิอีกแล้ว T U T”
“เอ๊ะ! เจ้าลูกคนนี้นี่ พ่อบอกว่าอย่ารังแกน้องไง” คุณอาดุพลางหยิกเอวหลิง จนเขาก็งอตัวด้วยความเจ็บ
“พ่อ! ผมไม่ได้แกล้งนินะ T V T” แต่พูดไปก็เท่านั้น ในเมื่อคุณอาหยิกเอวอีกข้างด้วยความหมั่นไส้ โฮะๆ ทำไมฉันรู้มีความสุขขนาดนี้เนี่ย >___<
แต่ความสุขของฉันก็อยู่ได้ไม่นาน T___T เพราะทันทีที่เริ่มสอบวิชาแรก เวลาแห่งหายนะก็เริ่มขึ้น!! วิชาที่ฉันสอบเป็นวิชาคณิตศาสตร์ มีทั้งหมดสามสิบห้าข้อ หกสิบคะแนน แสดงวิธีทำทุกข้อ โดยมีเวลาสองชั่วโมงในการทำ QWQ ปกติคณิตก็เป็นวิชาที่ปลุกความเป็นควายในตัวฉันอยู่แล้ว พอเจอข้อสอบคณิตยากๆเข้าไป ฉันก็กลายเป็นควาย ที่มีพร็อพเป็นฟางและกระดิ่งควายทันที โอ๊ยยย! ออกข้อสอบเพื่อฆ่าเด็กรึไง ;__ ;
ฉันนั่งสมาธิทำใจให้เย็น ก่อนจะเปิดข้อสอบ แล้วเลือกทำข้อที่ฉันคิดว่า เคยผ่านตามาก่อน จากนั้นก็เริ่มทำข้อที่โจทย์ยาวๆ ฉันจะขีดสิ่งที่โจทย์ถาม จากนั้นก็ค่อยขีดสิ่งที่โจทย์กำหนดให้ แล้วมาตั้งสมการ หรือแสดงวิธีทำ แล้วเวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฉันทำได้ประมาณสิบแปดข้อ อย่างน้อยก็ผ่านครึ่งแหละ -3- ระหว่างทำฉันก็แอบเหล่มองเด็กคนหนึ่งจากโรงเรียนชายล้วนที่นั่งทางขวา เขาดูเหมือนจะทำเสร็จแล้ว เพราะตอนนี้เขานั่งฟุบลงไปโต๊ะ พร้อมมีซาว์นเป็นเสียงกรนเบาๆ ประกอบ ส่วนทางซ้ายของฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าเธอมาจากโรงเรียนไหน เพราะฉันไม่เคยเห็นเครื่องแบบของเธอมาก่อนกำลังนั่งสะสึกสะอื้น ฉันอยากจะไปกระชากขอเธอแล้วพูดว่า ‘เฮ้! ข้อสอบมันก็มีข้อง่ายอยู่นะ เลิกร้องไห้สักที ฉันไม่มีสมาธิ!!!’ คิดไปก็เท่านั้น -_-^ ฉันเลยเลิกสนใจสิ่งรอบข้างก่อนจะรีบปั่นข้อสอบให้เสร็จ ก่อนอาจารย์คุมสอบจะบอกหมดเวลา
ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากห้องสอบด้วยสภาพอิดโรย TUT
“นิ ข้อสอบยากขนาดนั้นเลยหรอ o_O?” ทันทีที่พี่ชายเห็นสภาพฉันดูไม่จืดตอนออกมาจากห้องสอบ ฮีแกก็ทิ้งเท็กซ์บุ๊คเล่มใหญ่ ก่อนจะเข้ามาพยุงฉันให้นั่งบนเก้าอี้ตรงระเบียงได้อย่างปลอดภัย
“ก็ประมาณที่พี่เก็งให้นินั่นแหละ T^T”
“งั้นก็ยากพอสมควรอะดิ”
“งืม TT___TT” ก่อนอื่น ทุกคนต้องเข้าใจความหมายของคำว่า การเก็งข้อสอบสำหรับคนทั่วไป และสำหรับฉันก่อน การเก็งข้อสอบสำหรับคนทั่วไปนั้นคือ การเอาข้อสอบปีเก่าๆมาลองทำดู แล้วพบว่าเรื่องส่วนใหญ่มันออกเรื่องนี้ ก็เลยเน้นเรื่องนี้ แต่การเก็งข้อสอบสำหรับฉันคือ การอ่านทั้งหมด (แล้วมันจะเรียกว่าเก็งทำไมฟร่ะ!!)
“ปล่อยๆไปเถอะ ถ้าคิดว่าทำดีแล้วก็ไม่ต้องเครียดหรอก” พูดจบฮีแกก็ส่งยิ้มหล่อมาให้ ก่อนจะหยิบกล่องข้าวลายหมีพูมาวางบนตักฉัน
“คนที่โรงอาหารน่าจะเยอะ พี่เลยทำข้าวกล่องมาด้วย”
“^[]^”
“ยิ้มอะไร =___=^^”
“ผู้ชายคนนี้อบอุ่นจัง ฮิๆ ^[]^” ฉันแซวพี่ชาย ก่อนจะลงมือกินตามคำสั่ง
“กินๆไปเหอะน่า”
ฉันใช้เวลาไม่กี่นาทีในการจัดการอาหารในกล่องข้าวให้เกลี้ยง จนคนทำอดสงสัยไม่ได้ว่า ฉันไปตายอดตายอยากมาจากไหน = =’’ การทำข้อสอบมันใช้ก็พลังงานเหมือนกันนะ ยิ่งทำข้อสอบยากมากเท่าไหร่ พลังงานที่ใช้ก็ยิ่งมากเท่านั้น!! อีกอย่างฉันต้องกินเผื่อข้อสอบวิทย์ด้วย QWQ
เมื่อเข้าสอบวิชาวิทยาศาสตร์ ฉันก็รู้สึกว่า ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ *-* เพราะข้อสอบวิทย์ง่ายกว่าคณิตมากกก ถึงแม้ว่าจะมีข้อเยอะกว่าก็เถอะ = =^ มีข้อทั้งหมดห้าสิบข้อ ข้อเขียนสิบข้อ ให้เวลาสองชั่วโมงเหมือนกันเด๊ะ ฉันมั่นใจมากๆว่า ฉันสามารถทำข้อกาได้เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนข้อเขียนก็ยากพอควร โดยเฉพาะข้อที่ให้เขียนโครงงานวิทยาศาสตร์จากสถานการณ์ที่กำหนดให้ สถานการณ์ในข้อสอบคือ สถานการณ์น้ำท่วม ตอนนั้นเวลาใกล้หมดแล้ว ฉันเลยรีบๆแถเรื่อง แพจากขวดน้ำพลาสติก ฉันคิดว่าโครงงานนี้ไม่น่าจะผ่านหรอก มันเหมือนงานประดิษฐ์กิ๊กก๊อกมากกกว่า =[]= ถ้าจะโดนตัดคะแนนก็โดนข้อนี้ไปข้อนึง ส่วนข้อเขียนที่เหลือก็เป็นเกี่ยวกับการทดลองที่เคยๆทำมาในมอต้น เช่น ทดสอบสารอาหาร ประมาณนี้
พอสอบเสร็จก็มีอาจารย์กับรุ่นพี่มาเก็บข้อสอบไป ก่อนจะบอกให้นักเรียนที่นั่งสอบออกจากห้องกลับบ้านได้ ก่อนกลับฉันไม่ลืมที่จะสวัสดีอาจารย์กับรุ่นพี่งามๆเหมือนตอนเข้าห้องสอบ ^/\^
“เดี๋ยว! เธอคนที่ไหว้ฉันน่ะ ชื่ออะไร?” อาจารย์คุมสอบเรียกฉันเสียงดัง
“ศนิปภาคย์ ภานุมาศเดชาค่ะ” ฉันตอบกลับอย่างฉะฉาน เพราะคนที่จะทักฉันมีอยู่ไม่กี่เหตุผลหรอก หนึ่งในนั้นคือ พวกเขารู้สึกว่าฉันหน้าคล้ายพี่ชาย เลยถามลองดู
“น้องพี่โฮชิหรอ O[]O!!” รุ่นพี่ผู้ชายที่ช่วยอาจารย์คุมห้องสอบเผลอโพล่งออกมาเสียงดัง เห็นไหมว่า ฉันพูดผิดซะที่ไหนกันล่ะ =__=
“ค่ะ ^^; ”
“ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆ” อาจารย์พูดพลางเอาตบไหล่ฉันดังปัก!
“^^;” ที่ยิ้มไม่ใช่อะไรหรอกนะ ฉันเจ็บแต่ตะโกนออกมาไม่ได้เท่านั้นเอง
“ครูไม่มีอะไรแล้วแหละ ฝากความคิดถึงไปให้พี่ชายเธอด้วย บอกเขาว่า ฉันยังจำเรื่องที่เขาเอาหมากฝรั่งมาวางตรงเก้าอี้ฉันได้แม่นเลยนะ ^^” อาจารย์ส่งยิ้มหวานให้ฉันเกินเหตุ ก่อนจะเดินไปนอกห้องกับรุ่นพี่คนนั้น ฉันอยากอยากรู้จังเลยว่าอาจารย์คนนี้ชื่ออะไร ดูเหมือนพี่ชายฉันไปทำวีรกรรมกับแกเอาไว้เยอะทีเดียว -__-
“บรึ๋ย! นิเจออาจารย์หน้าเหี่ยวๆ ย่นๆ ตัวท่วมๆป่ะ ที่เดินลงไปกับการ์ดเมื่อกี้” พอฉันเดินออกนอกห้อง ฮีแกก็รีบยิงคำถามใส่ฉันทันที
“เดี๋ยวๆ ใครคืออาจารย์คนนั้น การ์ดด้วย =[]=” ฉันยังไม่รู้เลยว่าคนที่พี่ชายถามคือใคร ฮีแกซบหน้าลงบนฝ่ามือด้วยท่าทีสิ้นหวังสุดๆ ก่อนจะตอบคำถามฉัน
“อาจารย์ที่ลงไปเมื่อกี้ คนที่เรียกแกแล้วถามชื่ออะ”
“นึกออกๆ อาจารย์คนนั้นฝากความคิดถึงพี่ด้วย” ฉันตอบขณะที่เรากำลังเดินลงบันได
“แล้วพูดอะไรอีกไหม?”
“อืม... แกบอกว่า ยังจำเรื่องที่พี่เอาหมากฝรั่งไปวางตรงเก้าอี้ได้อยู่” พี่ชายทำหน้าตกใจ ก่อนจะพึมพำเบาๆว่า โหดเรือหาย เรื่องก็ผ่านไปตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ลืมอีก
“อาจารย์คนนั้นชื่ออะไรอะ ‘ v ’ เวลานิเจอจะได้ทัก”
“ชื่ออาจารย์เมตตา ถ้าสอบติดห้องวิทย์ฯ ระวังแกไว้คนแรกเลยนะ ”
“ไปทำวีรกรรมกับเขาไว้เยอะล่ะสิ = =*”
“ก็นะ” ฮีแกยักไหล่ประมาณว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เราที่ต้องมีทั้งคนชอบคนเกลียด แต่อย่างน้อย คนเกลียดฮีแกก็น้อยกว่าคนชอบแหละเพราะอย่างแรก ฮีแกเรียนเก่งมาก และอย่างที่สอง ฮีแกเป็นคนตลกนิดๆ ออร่านักเรียนไอคิวสูงเลยไม่ค่อยแผ่มากเท่าไหร่ คนเลยชอบอยู่กับฮีแก ; w ; ผิดกับฉันโดยสิ้นเชิง เรียนก็ไม่เก่ง พูดก็น้อย ปริมาณเพื่อนก็เลยน้อยตาม ยิ่งโดนแฟนคลับหลิงถล่ม ปริมาณเพื่อนของฉันเลยน้อยลงไปใหญ่ ;____; ดังนั้นเวลาสอบเสร็จ เด็กวัยเดียวกับฉันก็จะไปเริงร่าแถวๆลานช่อฟ้า สถานทีที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า และบรรดาติวเตอร์ชั้นนำ ถ้าเทียบกับกรุงเทพ ลานช่อฟ้าก็คล้ายๆกับสยามสแควร์นั่นแหละ
“สอบเสร็จะไปไหนต่อป่ะ” พี่ชายถาม ขณะขับรถออกจากลานจอดรถ
“ก็อยากไปซื้อหนังสือนะ พี่ไปส่งนิที่ลานช่อฟ้าได้ป่ะ” ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยได้ไปก็เถอะ แต่ถ้าฉันอยากอ่านหนังสือเล่มใหม่ หรือแบบฝึกหัดที่มีอยู่ทำจนหมดเล่มแล้ว ฉันก็จะหาเวลาออกมาซื้อที่ร้านหนังสือแถวๆลานช่อฟ้า พร้อมกับถือโอกาสเปิดหูเปิดตาไปด้วย ^__^
“เออดี ถึงไม่ไปพี่ก็บังคับให้ไปอยู่แล้ว พี่ต้องเอางานไปให้เพื่อนน่ะ =__,=” ฮีแกพูด ก่อนจะแซงรถคันข้างหน้า
“เอางานให้เพื่อนหรือนัดสาวไว้ :P” ทันทีที่พูดจบ ฮีแกก็เอามือข้างหนึ่งมาดันหัวฉัน แต่สงสัยดันแรงไปหน่อย หัวของฉันเลยโป๊กเข้ากับหน้าต่างรถไปเต็มๆ TUT
“ขอโทษที :P เล่นแรงไปหน่อย”
เมื่อเช้าก็โดนหลิงจิ้มหน้าผาก ตอนนี้ก็หัวโป๊กหน้าต่างรถอีก T W T ทำไมมีแต่คนชอบทำร้ายฉันกันจัง แต่อย่าคิดนะว่า ฉันจะยอมให้โดนแกล้งฝ่ายเดียว ฉันเลยเอานิ้วจี้เอวพี่ชายที่กำลังขับรถอยู่
และแล้ว เราก็มาถึงลานช่อฟ้าโดยสวัสดิภาพ =[]=
“ถ้าพี่ขับรถไม่แข็ง ปานนี้รถคว่ำตายทั้งคันหมดแล้วรู้ไหม” ฮีแกเอ็ดฉัน ก่อนจะเดินสะบัดตูดเข้าไปในร้านสตาร์บัค ส่วนฉันที่อยู่สภาพหูชา เพราะโดนพี่ชายบ่นตลอดทางเรื่อง การเล่นอะไรเป็นเด็กๆ เลยเดินเตาะแตะไปที่ซีเอ็ด เมื่อถึงที่หมาย ฉันจึงดิ่งเข้าไปตรงโซนวรรณกรรม ก่อนจะเลือกหาหนังสือใหม่ๆมาอ่าน ส่วนตัวแล้วฉันคิดว่า ฉันมีความสุขเวลาอยู่กับหนังสือมากกว่าอยู่กับคนซะอีก >___<
จึกๆ
หลังจากเลือกไปได้สักพัก ฉันก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกินแขน เมื่อฉันหันไปดูก็พบว่า ปิงปองกำลังสะกิดแขนฉันอยู่ เขาชี้ไปตรงที่ข้างๆฉันเป็นเชิงให้ฉันหลบหน่อย เขาจะเดิน
“ขอโทษนะ.____.” ฉันเขยิบขึ้นไปข้างหน้า เลยทำให้มีทางเล็กๆที่พอให้เขาเดินผ่านไป
“มาคนเดียวหรอ” โธ่พ่อคุณ! ทำท่าเหมือนจะเดินไปไกล ที่ไหนได้ ดันมายืนข้างฉันซะงั้น = =^ พันธุ์เดียวกับหลิงเลย
“อาฮ่ะ นายก็มาคนเดียวเหมือกันหรอ?” ฉันถามขณะย่อลงไปดูหนังสือที่อยู่ล่างชุดของชั้น
“มากับกลุ่มมะม่วงที่คาราโอเกะน่ะ” ปิงปองหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาก่อนจะเปิดมันผ่านๆ
“อาฮ่ะ...” ฉันครางในลำคอเป็นเชิงตอบรับ ก่อนจะบ่อยให้ความเงียบปกคลุมไปสักพัก
“ศนิคิดว่า ตัวเองจะสอบติดห้องวิทย์ฯ ไหม?” จู่ๆ ปิงปองก็ถามขึ้นมา
“ก็น่าจะติดนะ แต่คงไม่ใช่ลำดับต้นๆหรอก” นี่ไม่ได้ถ่อมตัวเลยนะ ฉันคิดอย่างนี้จริงๆ และฉันก็ไม่อยากให้หลิงทำตามที่สาบานไว้ด้วย เพราะมันคงจะสยองน่าดู =___=^
“’งั้นหรอ J” ปิงปองยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งส่งมาให้ฉัน แล้วเขาก็เดินจากไปโดยทิ้งท้ายว่า
“ขอให้สมหวังนะ”
อะไรของหมอนั่นกันนะ -o- ฉันมองตามเขาไป ก่อนจะอ่านชื่อหนังสือที่อยู่ในมือ
A Series of Unfortunate Events อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย
ความคิดเห็น