คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Part 9
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
PROMISE OF LOVE
part 9
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“ท่านอายะเพคะ ค่อยๆดื่มนมเข้าไปนะเพคะ” เสียงริซาโกะทูลราชินีในขณะที่กำลังป้อนนมให้ พยายามเรียกสติของตัวเองกลับมาให้อยู่กับร่องกับรอยให้มากที่สุด เวลานี้นางมีหน้าที่สำคัญมาก หาใช่เวลามานั่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไม่
“ท่านหมอหลวงมาแล้วเพคะ ท่านคาซึยะ” เอริกะที่มาพร้อมกับมากิกล่าวขึ้น สภาพภายในห้องที่ดูจักวุ่นวายเอามากๆทีเดียว
“อะ ท่านหมอ ช่วยตรวจอาการท่านลุงท่านป้าด้วย” เจ้าชายน้อยทรงร้องขอหมอหลวงพลางขยับพระวรกายออกห่างเพื่อหมอหลวงจักได้ตรวจอาการพระราชาได้สะดวกขึ้น เนื่องจากพระราชาและพระราชินีนั้นบัดนี้กลับนอนสงบหลับพระเนตรนิ่ง หายพระทัยรวยริน หากไม่สังเกตดีๆแล้ว อาจคิดว่าท่านทั้งสองไปเสียแล้วก็เป็นได้
“ครับ” หมอหลวงตอบรับ ก่อนที่จักหันไปตรวจอาการของพระราชาทันที เวลาผ่านไปสักพักท่ามกลางความกังวลใจของเจ้าชายน้อย และทุกคนที่อยู่ภายในห้อง
เมื่อเจ้าชายน้อยทรงเห็นว่าหมอหลวงละจากการตรวจร่างกายพระราชาแล้ว จึงถามถึงอาการของท่านลุงทันที แต่หมอหลวงก็หาได้ให้คำตอบใดไม่ บนใบหน้าของหมอหลวงมีเพียงคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหาหันแน่น และแววตาที่แสดงได้ถึงความวิตกกังวลใจ ร่างใหญ่ของหมอหลวงรีบเข้าไปตรวจดูอาการของพระราชินีที่ทรงบรรทมอยู่บนเตียงข้างๆพระราชา และเมื่อตรวจเสร็จก็เงยหน้าขึ้นสบตาเรียวสวยที่สะท้อนคำถามออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดของเจ้าชายน้อย เขามองดวงเนตรนั้นด้วยน้ำตาที่คลออยูบริเวณขอบตาล่างซึ่งมันพร้อมที่จักไหลลงมาได้ทุกเมื่อ ฝ่ายเจ้าชายน้อยทรงเห็นดังนั้น กลับทรงตรัสอันใดไม่ได้ไปชั่วขณะ ไม่ต้องการคำตอบใดใดจากปากได้รูปของหมอหลวงอีกแล้ว พระองค์รู้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายบัดนี้คล้ายกับหยุดนิ่ง ไม่มีแม้เสียงลมที่พัดผ่านเข้ามา มันช่างเงียบเหงาอ้าวง้าวเสียนี่กระไร พระองค์ได้สูญเสียบุคคลที่แสนรักไปถึง 3 คนในเวลาไล่เลี่ยกัน พระองค์มาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว ต้องอยู่ไกลจากท่านพ่อท่านแม่ พระองค์อยู่ที่นี่ก็ได้ท่านลุงและท่านป้านี่แหละที่เปรียบเสมือนท่านพ่อและท่านแม่ แต่บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว ทรงคิดไปน้ำพระเนตรก็ร่วงหล่นบนผ้าห่มซึ่งถูกยกขึ้นมาให้กับพระราชาเมื่อครู่ ร่างบางไม่คิดที่จักทรงห้ามน้ำใสๆที่กำลังแข่งกันรินไหลออกมาท่ามกลางสายตาทุกคู่ในห้อง เจ้าชายน้อยทรงร่ำไห้พลางกอดร่างอันไร้วิญญาณของพระราชา และยกแขนอีกข้างไปจับพระหัตถ์ของพระราชินีแน่น ด้วยความรักและความผูกพัน แล้วนี่พระองค์จักบอกกับท่านพี่เช่นใดดี ในเมื่อพระองค์สัญญาแล้วว่าจักดูแลท่านลุงและท่านป้า แต่นี่อะไร พระองค์กลับไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับท่านพี่ได้เลย.................
ทุกสายตาที่เอ่อนองไปด้วยน้ำตาของทุกคนภายในห้องต่างมองการกระทำของเจ้าชายน้อยผู้เป็นที่รักยิ่งด้วยดวงใจที่เจ็บช้ำเหลือคณา.....................
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“ท่านจุนโนะสุเกะ ท่านโคอิจิครับ โชได้กลับมาถึงแล้วครับ” นายทหารร่างบางนายหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกจุนโนะและโคอิจิที่อยู่บริเวณลานกว้างหน้าวัง โดยมีเรียวร่วมวงหารือกับทั้งสองคนด้วย หลังจากที่จัดเวรการตรวจราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โชกลับมาแล้วรึ ข้าคงมีเรื่องต้องคุยกับเจ้านั่นนานหน่อยเสียแล้ว ชิเงอากิ เจ้าไปตามเขามาพบพวกข้าเดี๋ยวนี้เลย” โคอิจิหันไปกล่าวกับทหารร่างบางที่นำความมาบอกตน
“ครับ” ชิเงอากิตอบรับ ก่อนที่จักออกวิ่งไปยังทิศทางที่เป็นที่ตั้งของเรือนพักของบรรดาทหารในวัง
“ท่านคิดเช่นใด ที่โชกลับมาช้าถึงเพียงนี้” จุนโนะหันไปกล่าวถามความคิดเห็นของคนทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
“ข้าก็หารู้ไม่ แต่เท่าที่ข้าได้รู้จักกับโชมา มันก็หลายปีดีดักแล้วนั้น ข้าเชื่อว่าคงมีเหตุการณ์ใดบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทางอย่างแน่นอน และนั่นต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้านั่นไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้ในทันที” โคอิจิกล่าวตามความคิดของตน เขาเชื่อว่าโชมิใช่คนเหลวไหลและคิดที่จักทรยศต่อแคว้นอย่างแน่นอน
“อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่คงไม่มีอะไรดีเท่ากับการฟังจากเจ้าตัวเองแล้วล่ะ” เรียวกล่าวเสริม
“ข้าพาโชมาพบแล้วครับ” เสียงชิเงอากิร้องบอกขึ้นมาแต่ไกลเมื่อเดินนำหน้าโชมาพบบุคคลที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ทาคาฮิสะ เจ้าไปเตรียมตัวออกตรวจราชการได้แล้ว” จุนโนะบอกทาคาฮิสะ เมื่อเห็นว่าได้เวลาออกเดินทางแล้ว หากออกเดินทางช้าก็จักถึงที่หมายช้าไปด้วย อีกอย่างพวกเขาต้องการพูดกับโชเท่านั้น
“ครับ” ชิเงอากิตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนที่จักออกเดินไปทำหน้าที่ของตน
เมื่อชิเงอากิเดินไปจนลับตาแล้วนั้น โคอิจิจึงขอให้โชเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายกลับมาช้าจนน่าผิดเกตุ หากสาเหตุที่อีกฝ่ายเล่านั้นมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จักเชื่อถือได้ เขาจักได้ทำการลงโทษและตักเตือน หากไม่เช่นนั้นแล้ว มันจักเป็นการเสียระบบการปกครองเสียหมด
“หึ ข้าคิดอยู่แล้วว่ามันจักต้องมาไม้นี้ เจ้าคิดว่ามันเป็นพวกไหนกัน หืม โช” โคอิจิกล่าวออกมาเสียงเครียด ก่อนที่จักถามอีกฝ่ายกลับอย่างขอความเห็น
“ข้ายังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวนักหรอกครับ เนื่องจากข้าคาดว่ามีหลายแคว้นนักที่ต้องการอาคานิชิเรา จึงย่อมพยายามทำทุกวิถีทางที่จักทำให้แคว้นเราล่มสลายในที่สุด” โชกล่าวตามความคิด หากแต่จริงๆแล้ว เขานั้นกลับปักใจเชื่อว่า ต้องเป็นคนของแคว้นคุซาโนะอย่างแน่แท้
“อืม งั้นรึ มีทางเดียวต้องรอดูกันต่อไปสินะ แล้วก็เตรียมตัวตั้งรับกับมันให้ดีด้วยก็แล้วกัน” จุนโนะสรุป หากเรายังไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร คงมีวิธีนี้วิธีเดียวสินะ เฮ้อ ดูเหมือนพวกเขาไร้ความสามารถกันเหลือเกิน ที่ไม่สามารถที่จักจัดการทุกอย่างที่นี่ให้เรียบร้อยได้ หากไม่มีท่านจิน จุนโนะคิดพลางถอนหายใจ หากให้เขาตอบจริงๆแล้วนั้น เขาก็ต้องคิดว่าเป็นพวกคุซาโนะเช่นเดียวกับที่โชคิด
ในขณะที่ทั้งสี่กำลังปรึกษาหารือปัญหาบ้านเมืองกันอย่างเคร่งเครียดนั้นเอง พลันมีเสียงร้องเรียกดังขึ้นทำให้ทั้งสี่คนต้องหันไปหาต้นตอที่มาของเสียงเรียกนั้นในทันที เนื่องจากฟังดูจากน้ำเสียงคนเรียกแล้วนั้น ดูจักร้อนรนและสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
“มีอันใดรึ นางกำนัลฮิโระ” โคอิจิกล่าวถามขึ้น
“ฮิโระ.... มีอันใดเกิดขึ้นกันแน่ เหตุใดน้องจึงร้องไห้เช่นนั้นเล่า” เรียวเอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใยในคนตรงหน้า เนื่องจากปกติแล้ว ฮิโระน้องสาวบุญธรรมของเขานั้นเข้มแข็ง ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นเลยสักครั้ง หากแต่ครานี้กลับร้องไห้ออกมาเสียมากมายเพียงนั้น จึงคาดว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงอันใดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“.....ท่านพี่เรียว.... ฮือออออออ..... คือ... อึก.. ว่า........” ฮิโระพูดขึ้นอย่างติดขัด เนื่องจากความเสียใจที่มากระทบจิตใจอันแสนอ่อนไหวบวกกับก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกกันอยู่ที่ลำคอบาง ทำให้พูดอะไรไม่สะดวกดังที่ใจคิด กล่าวออกมาได้เท่านั้นก็เอาแต่ร้องไห้ สะอึกสะอื้นจนคนถามรู้สึกปวดแปลบที่หัวใจขึ้นมา จึงดึงคนที่กำลังยืนร่ำไห้อยู่อย่างน่าสงสารเข้ามากอดไว้แน่นแนบอกแกร่งของตน
“ฮิโระ เจ้าเป็นอันใด หากเจ้าไม่ยอมพูดออกมาพวกพี่ก็จักหารู้เรื่องได้ไม่ แล้วพวกพี่จักช่วยน้องได้อย่างไรกันเล่า หืม” เรียวพูดปลอบคนในอ้อมกอดพลางลูบเส้นผมสีดำนุ่มมือเคลียไหล่เล็กอย่างอ่อนโยนไม่แพ้น้ำเสียงที่พูดออกไป
“ฮือออออออ...... ท่านพี่คะ ท่านทาเคชิและท่านอายะ ฮึก.. สิ้นพระชนม์แล้วค่ะ.... โฮฮฮฮฮฮฮฮ” ฮิโระพูดรัวขึ้นมาเสียงดังโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครผู้ใดมาถามซ้ำอีก โดยที่ยังไม่ได้ละใบหน้าหวานออกมาจากอกแกร่งของผู้เป็นพี่ชาย ร่ำไห้ด้วยความเสียใจ ชีวิตของนางและท่านพี่เรียวหากมิได้ท่านทั้งสองแล้ว นางยังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่านางและพี่ชายจักเป็นเช่นใดต่อไป เนื่องจากพวกนางมีกันแค่เพียงสองคนเท่านั้น ไม่มีใครอีกเลย ไม่มีจริงๆ จนได้พระเมตตาจากพระราชินีอายะทำให้นางและท่านพี่มีวันนี้ได้............
“เจ้าว่าอันใดนะ เอาเรื่องนี้มาล้อเล่น รู้รึไม่ว่ามีโทษถึงตายเชียวนะ” โคอิจิกล่าวขึ้นเสียงเข้ม หากแต่ใบหน้าและแววตานั้นหาได้แสดงความรู้สึกตรงกับเสียงเข้มที่เปล่งออกไปแม้เพียงน้อยนิด เขารู้ เขาเข้าใจ ว่ามันเป็นจริงดังที่เด็กฮิโระกล่าวจริงๆ แต่มันเกินความสามารถที่เขาจักยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงได้ พระราชาทาเคชิที่ทรงเมตตาเขามากมาย เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเขาเลยทีเดียว
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดกันอีกเลย ต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองกันต่อไป จะมีก็แต่เพียงเสียงร่ำไห้จากผู้ที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดเรียวเท่านั้น เรียวเองก็ได้แต่กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก เผื่อว่ามันจักอบอุ่นทดแทนความรู้สึกเสียใจจากการสูญเสียของทั้งเขาและฮิโระไปได้บ้าง หากแต่มันมิอาจที่จักทดแทนกันได้เลยแม้แต่น้อยกับสิ่งที่เสียไป
บ้านเมืองในยามนี้ ต่อไปมันจักมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอีกหรือไม่หนอ ท่านจินก็ทรงนำทัพไปปราบปรามที่NewS ซึ่งหารู้ไม่ว่าจักกลับมาเมื่อใด เขารู้สึกว่าภาระหน้าที่ในขณะนี้มันช่างหนักอึ้งเสียนี่กระไร นับจากท่านจินไปก็ได้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นถึง 3 เรื่องเลยงั้นรึ ทั้งที่ท่านจินไปยังไม่ครบปีด้วยซ้ำ เรื่องแรกการสูญเสียเพื่อนรักที่รู้จักกันมาแต่เด็กเช่นยูอิจิ ส่วนครานี้นั้นกลับเป็นบุคคลที่สำคัญยิ่ง สำคัญสำหรับพวกเขาทุกคน จากนี้มันจักมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ เขาไม่มีทางรู้ได้เลย จุนโนะคิดอย่างจนปัญญา พลางทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างคนที่ไม่รู้ว่าจักทำเช่นใดต่อไปดี
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“ท่านคาซึยะครับ ข้าอยากรู้ว่าวันนั้นใครเป็นคนนำโอสถมาถวายครับ” โคอิจิทูลถามเจ้าชายน้อย เขาจักต้องหาตัวคนร้ายให้จงได้ ไม่ว่าจักยากเย็นเพียงใดก็ตาม
“มากิน่ะ เอ่อ แต่คาซึยะไม่คิดว่ามากิจักทำการเช่นนั้นได้หรอกนะ” เจ้าชายน้อยทรงตอบก่อนที่จักพูดแก้ต่างให้กับโฮริคิตะ มากิ นางกำนัลของพระราชินี
“แล้วรู้หรือไม่ว่า ผู้ที่ปรุงโอสถถวายท่านทาเคชิและท่านอายะนั้นคือใครกัน” จุนโนะถามบ้าง หากเป็นคนที่วางแผน ก็น่าจักเป็นผู้ที่เป็นคนปรุงโอสถหรือนำโอสถมาถวายมากกว่าที่จักเป็นผู้อื่นไปได้
“คาซึยะว่า ให้ใครไปตามทั้งคนที่เอาโอสถมาและคนที่ปรุงโอสถมาคุยกันเลยไม่ดีกว่าหรือ น่าจักดีกว่ามาถามจากคาซึยะเพียงอย่างเดียว” เจ้าชายน้อยทรงสรุป เมื่อเห็นว่าการไต่ถามเช่นนี้รังแต่จะทำให้เสียเวลามากขึ้น จึงเสนอความคิดออกไป
“ครับ เป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว” โคอิจิเห็นด้วยกับความคิดของเจ้าชายคาซึยะ
“โช ไปตามนางกำนัลมากิและคนที่ปรุงโอสถให้มาพบพวกข้าที่นี่เดี๋ยวนี้เลยนะ” จุนโนะหันไปบอกกับโชที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
“ครับ” โชกล่าวตอบรับ ก่อนที่จักเดินออกไปจากห้องประชุมเพื่อไปทำหน้าที่ของเขา
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“เจ้าแน่ใจละหรือ ว่าหาได้มีผู้ใดเห็นในขณะที่เจ้าเอาโอสถที่เราเตรียมไว้ไปสลับกับที่เตรียมให้ท่านลุงและท่านป้า” เสียงหนึ่งพูดกับอีกคน
“ค่ะ ข้ามั่นใจ เนื่องจากข้าดูดีแล้วว่าหาได้มีผู้ใดอยู่ในบริเวณนั้นไม่ค่ะ” อีกเสียงพูดขึ้นภายในห้องนอนที่ปิดมิดชิด แต่หารู้ไม่ว่าที่ข้างนอกประตูนั้นมีใครบางคนที่เผอิญผ่านมาและได้ยินในเรื่องราวที่พูดกันนี้ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนในห้องนั้นจักพยายามพูดเสียงเบาเพียงใดก็ตาม
“อืมดีมาก งั้นเจ้าก็รีบออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วกัน ก่อนที่จักมีใครมาพบเข้า”
“ค่ะ”.
..................
“เสียงพูดกัน?” เด็กสาวคนหนึ่งกล่าวถามพื่อนที่เดินมาด้วยกัน โดยการกระซิบให้เบาที่สุดที่ข้างๆหูของอีกฝ่าย
“นั่นสิ แต่นี่มันห้องของเจ้าหญิงฮารุกะมิใช่รึ” คนถูกถามตอบกลับ
“จริงด้วยพี่ยูมิ งั้นเรื่องที่คนในห้องพูดกันก็......” เด็กสาวคนแรกถามและหยุดคำถามไว้แต่เพียงเท่านั้น เนื่องจากไม่กล้าพูดมากไปกว่านี้ พลางทำหน้าครุ่นคิด
“รีบไปจากตรงนี้เถอะนานามิ ก่อนที่คนในห้องจักออกมาพบเราเข้าเสียก่อน บัดเดี๋ยวจักไม่ทันการ” ยูมิเร่งอีกฝ่าย ในเมื่อพวกนางรู้แผนการชั่วร้ายของใครบางคนเข้าแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ หากโดนคนในห้องออกมาพบเข้า อาจโดนสั่งเก็บเสียทันทีก็อาจเป็นได้
“ค่ะ” อีกฝ่ายตอบรับ แล้วจึงรีบพากันเดินจากไปให้เร็วที่สุด ทั้งสองคิดตรงกันว่า จักต้องนำความไปบอกกล่าวท่านคาซึยะ ท่านจุนโนะและท่านโคอิจิให้เร็วที่สุด ชักช้าอาจไม่ทันการ
“มากิจัง เจอตัวแล้ว พอดีเลย ท่านโชเรียกพบแน่ะ เอ่อ มากิจัง แล้วรู้ไหมว่าใครเป็นคนปรุงโอสถถวายท่านทาเคชิและท่านอายะน่ะ” ยูมิกล่าวกับมากิ ก่อนที่จักถามอีกฝ่าย
“คนปรุงโอสถล่ะหรือ ก็ท่านหมอหลวงคิมุระอย่างไรเล่า มีอันใดรึยูมิจัง” มากิถามเด็กสาวกลับไปด้วยความสงสัย
“อ้าวก็ท่านโชให้พวกข้ามาตามเจ้า และผู้ที่ปรุงโอสถถวายท่านทาเคชิและท่านอายะให้ไปพบน่ะสิ” นานามิตอบ
“งั้นหรือ นี่เขาจักสอบสวนกันแล้วรึ” มากิกล่าวกับตัวเอง
“สอบสวน สอบสวนอันใด เกิดอะไรขึ้นรึ” นานามิถาม นางไม่เข้าใจเลย สอบสวนอันใด แล้วเหตุใดต้องสอบสวน ที่พวกนางออกมาตามมากินั่นก็เนื่องมาจากท่านโคอิจิใช้ แต่ด้วยเหตุอันใดนี่ พวกนางก็หารู้ไม่
“เจ้าไม่รู้เรื่องที่..... เอ่อ ........ เอาหูมานี่สิ.... ก็เรื่องที่ท่านทาเคชิและท่านอายะทรงถูกลอบปลงพระชนม์น่ะสิ” มากิกล่าวเฉลยโดยให้ทั้งสองคนเอียงหูมาใกล้แล้วจึงกระซิบให้เบาที่สุดให้อีกฝ่ายฟัง
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“ท่านโช พวกข้าพามากิและท่านหมอหลวงคิมุระซึ่งเป็นผู้ที่ปรุงโอสถมาพบแล้วค่ะ” ยูมิกล่าวบอกโช
“อืม งั้นพวกเจ้ารวมทั้งเจ้าทั้งสองคนด้วย นางกำนัลยูมิและนางกำนัลนานามิตามข้าไปพบท่านโคอิจิ ท่านจุนโนะและท่านคาซึยะด้วย” โชพูดเพียงเท่านั้น แล้วออกเดินนำกลับไปยังห้องประชุมที่ตนจากมาทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดได้ซักถามได้เลย
“ท่านจุนโนะสุเกะ ท่านคิดอย่างไร ท่านคิดว่าเป็นฝีมือผู้ใดกัน” โคอิจิกล่าวถามจุนโนะ เขาอยากรู้เพียงว่าจุนโนะจักมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นใด จักตรงกับที่เขาคิดไว้หรือไม่ เรื่องคนร้ายลอบปลงพระชนม์
“ถ้าให้ข้าตอบอย่างที่ข้าคิดแล้วล่ะก็........ คงไม่พ้นเจ้าหญิงฮารุกะแห่งอายาเสะ บอกตรงๆ ตั้งแต่เด็กๆที่เคยพบกัน ข้าไม่เคยไว้ใจหญิงผู้นั้นเลยสักครั้ง” จุนโนะกล่าวตามที่คิด ใครจักหาว่าเขาอคติต่อเจ้าหญิงนั่นก็ได้ เนื่องจากมีเรื่องราวมากมายที่เขารู้แต่คนอื่นอาจไม่รู้เกิดขึ้นมากมาย จนทำให้เขาไม่อาจที่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้ได้เลย
“เอ่อ แต่ เจ้าหญิงฮารุกะเป็นถึงอดีตคู่หมั้นของท่านพี่ คาซึยะว่าเจ้าหญิงคงไม่กล้า.........” เจ้าชายน้อยทรงกล่าวแย้ง
“ท่านคาซึยะ ท่านจำเจ้าคาสึจิ เต่าตัวแรกที่ข้าให้ท่านได้หรือไม่” จุนโนะถาม
“อื้ม ได้สิ ตอนนั้นคาซึยะเพิ่ง 10 ขวบเห็นจะได้ มีอันใดรึ” เจ้าชายน้อยทรงพยักหน้า แล้วกล่าวกับอีกฝ่ายพลางทำหน้าครุ่นคิด
“ใช่ครับ ตัวนั้นท่านจินเป็นคนตั้งชื่อให้มัน ชื่อ คาสึจิ ที่มาจากชื่อ ท่านจินและท่านคาซึยะ แต่จู่ๆ วันหนึ่งมันก็ตายไป วันนั้นท่านคงไม่มีวันลืม”
“ใช่ วันนั้นคาซึยะไม่มีวันลืม ภาพคาสึจิมันยังคงติดตรึงอยู่ในใจของคาซึยะ” เจ้าชายน้อยทรงกล่าวพลางน้ำพระเนตรคลอ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น และสภาพศพของคาสึจิแล้ว มันทำให้เด็กน้อยวัย 10 ขวบต้องจำมันไปจนวันตาย
“แล้วท่านรู้หรือไม่ว่า ฝีมือใคร” จุนโนะถามหยั่งเชิง
“เจ้า อย่าบอกนะว่า....” เจ้าชายน้อยตรัสค้างไว้
“ใช่ เจ้าหญิงฮารุกะ ไม่น่าเชื่อเลยใช่หรือไม่ครับ หากข้าไม่เห็นด้วยตาข้าเอง ข้าก็คงไม่เชื่อเช่นกัน ก็จากวันนั้นมา ข้าก็ไม่เคยไว้ใจคนคนนั้นอีกเลย และไม่ยอมให้เข้าใกล้ท่านคาซึยะได้อีก” จุนโนะกล่าว
“หากเป็นเช่นนั้น ข้ารู้สึกถึงลางสังหรณ์อะไรบางอย่างเสียแล้วสิ จุนโนะ พวกทหารที่ไปตรวจราชการจักกลับเมื่อใดกัน” โคอิจิกล่าวขึ้น หลังจากเงียบฟังมานาน ก่อนที่จักถามจุนโนะกลับ
“อืมมมมม คงราวๆ 2 เดือน มีอันใดรึ” จุนโนะตอบ
“ไม่มีอันใดมากหรอก ข้าแค่อยากรู้ถึงความผิดปกติบางประการภายในแคว้นเราเท่านั้นเอง จุนโนะ เสร็จเรื่องแล้ว ข้าวานท่านให้นำทหารสัก 3-4 นาย ไปตรวจรอบๆเมืองหลวงทีนะ อ้อ ท่านคงไม่ลืมที่จักปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาใช่หรือไม่ แล้วกลับมารายงานข้าด้วยว่ามีความผิดปกติมากน้อยเพียงใด” โคอิจิสั่งวานจุนโนะ หากเขาไปเองได้ เขาก็จักไป แต่นี่เขาต้องอยู่ที่นี่ เพื่อคุ้มครองท่านคาซึยะ และมีเรื่องอีกหลายอย่างที่เขาจักต้องทำด้วย อีกอย่างที่เขาไว้ใจให้จุนโนะไปแทนเขา แทนที่จักเป็นทหารนายอื่นไปนั่นคือ ความรอบคอบและช่างสังเกตของจุนโนะนั่นเอง
“ครับ” จุนโนะตอบรับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อกก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะให้รับรู้กันว่าผู้ใดมา เนื่องจากแต่ละคนนั้นจักมีรหัสลับของการเคาะประตูที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นผู้เคาะจึงไม่จำเป็นต้องส่งเสียงบอกผู้อยู่ในห้องก่อน
“เข้ามาได้ โช” จุนโนะกล่าวกับผู้ที่เคาะประตูอยู่นอกห้อง เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ โชจึงเปิดประตูนำผู้ที่ตนพามาให้เข้ามาในห้องด้วยเช่นกัน
“ข้าพานางกำนัลมากิและหมอหลวงคิมุระมาพบแล้วครับ” โชกล่าวหลังจากเข้ามาในห้องแล้ว
และแล้วการสอบสวนและการประชุมก็เริ่มขึ้น ทุกคนต่างบอกเล่าถึงกิจวัตรประจำวันในวันนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเกิดเรื่อง ว่าในขณะนั้นแต่ละคนทำกิจอันใดอยู่ และยูมิกับนานามิก็ไม่ลืมที่จักบอกกล่าวเรื่องราวที่ได้ยินมาจากห้องของเจ้าหญิงฮารุกะให้ทุกคนฟัง นั่นคือเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าชายน้อยทรงเชื่อในคำพูดของทหารคนสนิทมากขึ้น เมื่อได้ข้อสรุปแล้วว่าใครเป็นผู้วางแผนแล้ว ต่อมาก็ได้ปรึกษากันว่าจักทำอย่างไรให้เจ้าหญิงฮารุกะยอมรับแต่โดยดี หลังจากตกลงกันได้แล้วนั้น จึงจัดการประชุมเรื่องพิธีพระศพของพระราชาและพระราชินีต่อไป
To be con...........Part 10
ความคิดเห็น