ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    PROMISE OF LOVE

    ลำดับตอนที่ #7 : Part 7

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 51


     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

    PROMISE OF LOVE

     

    part 7

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

     

    พะยะค่ะ  เคตะตอบ  สีหน้าเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน

     

    อืม  ข้าจักไปดูเสียหน่อย  จากนั้นเจ้าชายจินก็ทรงดำเนินนำเคตะไปยังคุกที่ใช้ขังมัตสึจุนไว้  เพื่อจัดการกับปัญหาอะไรอย่างอื่นต่อไป

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    ในขณะเดียวกันนั้น  ได้มีสาส์นเจริญสัมพันธไมตรีจากแคว้นคุซาโนะ  ส่งมายังแคว้นอายาเสะ  สำหรับพระราชาอายาเสะแล้วนั้น  ทรงสนพระทัยในแคว้นอาคานิชิเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  โดยเฉพาะเรื่องที่อาคานิชิมีทั้งแร่และทรัพยากรต่างๆมากมาย  มากกว่าแคว้นใกล้เคียงยิ่งนัก  และรู้ด้วยว่าคุซาโนะนั้นคิดเช่นใด  จึงได้ก่อกวนอาคานิชิเรื่อยมา  ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนักหากพระองค์จักตอบรับเจริญสัมพันนั้น  แต่จากการที่พระองค์ได้ส่งตัวฮารุกะธิดาเพียงองค์เดียวไปเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายจินแล้ว  จึงไม่มีเหตุผลอื่นใดที่เขาจักต้องรับสัมพันจากคุซาโนะ แต่หากอาคานิชิบิดพริ้วคำสัญญาเมื่อใดแล้วนั้นจักได้เห็นดีกัน

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    จุนโนะ!  จุนโนะ!”  เจ้าชายน้อยทรงตรัสเรียกทหารคนสนิทที่ดูคล้ายกับจะเหม่อลอยไปไหนเสียไกล นี่พระองค์อุตส่าห์ชวนออกมานั่งเล่นที่ริมธารในอุทยานแล้วนะ  ทั้งที่อากาศก็แสนจะดี  ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไปนัก  ดอกไม้ต่างๆนั้นก็บานสะพรั่งเต็มไปด้วยสีสันสดสวยจากดอกไม้นานาพันธุ์  รวมทั้งเสียงนกที่บินผ่านไปมา  บางตัวก็แวะพักโดยบินไปเกาะที่กิ่งไม้ใกล้  แต่ด้วยเหตุใดกันนะ  ที่ทหารคนสนิทของพระองค์เป็นเช่นนี้ได้

    จุนโนะ!!”  ตัดสินใจเรียกด้วยเสียงอันดังอีกครั้ง

    อ่ะ ครับ  อีกฝ่ายจึงสะดุ้งตื่นจากการเหม่อลอยทันที

    เจ้าเป็นอันใด  แล้วเหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนี้เล่า  เจ้าชายน้อยทรงตรัสถามไปอย่างที่ทรงสงสัย  ก็เมื่อก่อนผู้ที่เหม่อลอยนั้นมักเป็นพระองค์เองนี่นา  และอีกฝ่ายจักต้องเป็นผู้ให้กำลังใจ  แต่ขณะนี้ดูคล้ายว่ามันจักสลับกันหรือไรกันนะ

    เปล่าครับ  ข้าหาได้เป็นอันใดไม่  จุนโนะตอบ  เพราะเขาไม่อยากให้เจ้าชายน้อยต้องทรงเป็นกังวลเรื่องของเขา  เท่านี้เจ้าชายก็ทรงมีเรื่องให้กลัดกลุ้มมากพอแล้ว

    ตามใจ  ถ้าเจ้าไม่อยากบอก  คาซึยะไม่ถามก็ได้  เสียงที่ตรัสออกไปนั้นหาใช่น้ำเสียงแห่งการประชดประชันไม่  หากแต่มันเป็นเสียงที่แสดงถึงความเข้าใจในทหารสนิทว่ารู้สึกเช่นใด  เพราะพระองค์เองก็มีบางช่วงเวลาและบางเรื่องที่ไม่ต้องการให้ใครรู้เช่นกัน

    ครับ  จุนโนตอบรับก่อนที่ต่างฝ่ายต่างพากันเงียบไปอีกครั้ง

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    เจ้าชาย  ทรงสังเกตหรือไม่ว่าวันนี้อากาศดีเป็นพิเศษ  ส่วนดอกไม้ก็บานเต็มอุทยาน  สวยจริง  ต้นไม้ก็อุดมสมบูรณ์  หญ้าก็ขึ้นเขียวขจีเชียว  หรือท่านว่าอย่างใด  อุเอดะทหารคนสนิทของเจ้าชายจินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นกว่าปกติ

    อืม  ข้าว่ามันออกจะแปลกทีเดียวนะ  ช่วงนี้  เจ้าชายจินทรงตรัสตอบอุเอดะออกไปทำเอาอีกฝ่ายทำหน้าไม่เข้าใจ

    ก็เจ้าน่ะสิ  พักนี้ข้ารู้สึกว่าเจ้าจักช่างพูดช่างจาขึ้นจนข้าสงสัยว่าเจ้านี่ผิดปกติแล้วหรือไรน่ะสิ  เจ้าชายเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายสงสัยเรื่องใดจึงตรัสทรงตอบตามที่รู้สึกออกไป  จนอีกฝ่ายที่มีรอยยิ้มระบายอยู่ทั่วใบหน้านั้นต้องเจื่อนยิ้มลงทันที

    ก็...  ข้าหาได้เป็นอันใดไม่นี่เจ้าชาย  อุเอดะตอบกลับไปพลางพยายามยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดและไม่ให้อีกฝ่ายจับผิดสังเกตได้อีก

    อืม  ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้ารู้ก็ไม่เป็นไร  แต่หากต้องการที่ปรึกษาล่ะก็  ข้ายินดี  อย่าลืมล่ะ  เราไม่ได้เป็นเพียงเจ้านายกับทหารเท่านั้น  แต่เรายังเป็นเพื่อนกันนะ  เจ้าชายจินทรงตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  พลางส่งยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้ทหารคนสนิทกลับไป

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    ฮิโระ  พี่ยูฟื้นแล้วหรือยัง  แล้วอาการล่ะเป็นอย่างไรบ้าง  เจ้าชายคาซึยะทรงตรัสถามอุจิ  ฮิโระ  นางกำนัลของพระองค์  ซึ่งถูกส่งไปให้คอยดูแลยูอิจิที่ห้องตรวจ

    เพคะเจ้าชาย  ท่านยูอิจิยังหาได้มีทีท่าว่าจักฟื้นแต่อย่างใดเพคะ  ส่วนอาการทั่วไปท่านหมอหลวงคิมุระได้กล่าวว่า  ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วง  เพียงรอเวลาว่าเมื่อใดจักฟื้นเท่านั้นเพคะเจ้าชาย  ฮิโระรายงานถึงอาการของยูอิจิซึ่งถูกส่งตัวมาที่ห้องตรวจของเรือนหมอหลวงได้หลายเวลาแล้ว  ตั้งแต่กลับมาถึงราชวัง  หากแต่ยังไม่มีท่าทีว่าจักฟื้น  คล้ายกับคนนอนหลับทั่วไป  และรอคอยใครสักคนมาปลุกให้ตื่นขึ้นเท่านั้น  หากแต่คนปลุกนั้นคงอยู่ห่างออกไปไกลแสนไกลเหลือเกิน...

    อย่างนั้นรึ  แล้วท่านพี่ทรงมาเยี่ยมบ้างหรือไม่เล่าฮิโระ  เจ้าชายน้อยตรัสตอบรับก่อนที่จักทรงถามอีกฝ่ายถึงเจ้าชายจิน

    ก็มานะเพคะ  เมื่อครู่นี่เอง  นี่ก็เพิ่งกลับออกไปได้พักใหญ่แล้วเพคะ  แล้วเจ้าชายคาซึยะจักทรงเข้าไปเยี่ยมท่านยูอิจิหรือไม่เพคะ  ฮิโระทูลถาม

    อืม  ข้ามานี่  ข้าก็ตั้งใจจะมาเยี่ยมพี่ยูเสียหน่อย  มิได้มาเสียนานแล้วด้วย  เจ้าชายน้อยทรงตรัสตอบก่อนที่จักเดินตามฮิโระเข้าไปในห้องตรวจเพื่อเยี่ยมยูอิจิ

     

    ภายในห้องตรวจนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นยาหม้อ  และสมุนไพรนานาชนิดซึ่งมีกลิ่นหอมตามแบบฉบับของยาสมุนไพรทั่วไป  ห้องนั้นไม่เล็กมาก  เตียงตรวจคนไข้ตั้งเรียงกัน  2-3  เตียงโดยหันหัวเตียงติดชิดผนังห้องและทุกเตียงจักมีโต๊ะเล็กๆตั้งไว้เพื่อวางแจกันดอกไม้เพิ่มความสดชื่นให้กับคนไข้  เจ้าชายน้อยทรงดำเนินไปที่เตียงด้านในสุดของห้อง  ผ่านสองเตียงแรกซึ่งปราศจากร่างคนป่วยไป  พระองค์เห็นผู้ที่นอนทอดกายยาวบนเตียงด้านในสุดตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว  ร่างนั้นดูผอมบางลงถนัดตา  เนื่องจากไม่ได้สติมาเป็นเวลานานจึงไม่สามารถกินอันใดได้  ผิวที่เคยเนียนสวยนั้นบัดนี้กลับคล้ำลงและมีสีเหลืองซีดๆ  ส่วนใบหน้านั้นก็ซีดไม่แพ้กัน  แต่มองดูแล้วคล้ายคนหลับทั่วๆไป  ริมฝีปากยังคงมีสีแดงระเรื่อดังเดิม  อีกกี่เวลาหนอที่ริมฝีปากนั้นจักซีดตามผิวกายและใบหน้า  เจ้าชายน้อยทรงยื่นพระหัตถ์ไปจับกุมมือผู้ที่นอนไร้สติบนเตียงไว้  พี่ยูเมื่อใดกัน  เมื่อใดท่านจักฟื้นเสียทีเล่า  คาซึยะหาใจคอดีไม่แล้ว  พี่ยู  พี่ยู................................................  เขายังจำได้ดีถึงวันที่พบกันครั้งแรก  วันนั้นพระองค์ดำเนินผ่านหน้าบ้านพี่ยู  แล้วได้ยินเสียงโวยวายดังลั่น  แล้วพี่ยูก็วิ่งออกมาชนพระองค์เข้าพอดี  ยังไม่ทันที่พระองค์และพี่ยูจักได้ลุกขึ้นก็มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินตามออกมาอย่างรวดเร็ว  มาคว้าเอาตัวพี่ยูไป  แล้วใช้ไม้ตีที่บั้นท้ายและหลังของพี่ยูอย่างแรง  ตอนนั้นพระองค์ตกพระทัยกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก  จึงเข้าไปดึงตัวพี่ยูออกมาทั้งที่ตัวพระองค์ก็เล็กนิดเดียว  แต่พระองค์ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด  เนื่องจากวันนั้นท่านพี่ทรงไปด้วย  ใครๆต่างก็รู้ดีว่าท่านพี่เป็นใคร

    จากนั้นก็ใช้อภิสิทธิ์ของการเป็นเจ้าชายเอาตัวพี่ยูเข้ามาฝึกเป็นทหารในวังตั้งแต่ยังเด็ก  เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าผู้ที่จักเป็นทหารได้นั้นจักต้องอายุ  16  ปีขึ้นไป  ตลอดเวลาที่อยู่ที่วังด้วยกันนั้นพี่ยูเป็นพี่ชายที่ดีเสมอมา  คอยดูแลน้องๆเสมอ  นั่นก็คือ  พระองค์  ท่านพี่  จุนโนะ  และอุเอดะ  พระองค์รักพี่ชายคนนี้มากนักกับคนที่อยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนเช่นพระองค์แล้วนั้น  และหากพี่ยูเป็นอันใดไป  พระองค์คง..........

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    อะท่าน!  อย่างเพิ่งลุกสิ  ท่านเพิ่งฟื้นจากไข้นะ  บัดเดี๋ยวไข้กลับจะแย่เอา  เสียงเล็กของชายร่างแบบบางร้องขึ้น  หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องนอนแล้วเห็นผู้ที่นอนอยู่  จู่ๆก็พรวดพราดลุกขึ้นเสียเร็ว  จึงทำให้ต้องร้องห้ามออกไปด้วยความเป็นห่วง

    ท่าน!  ท่านเป็นใครกัน  แล้วเหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่  ที่นี่คือที่ใดกัน  ชายร่างใหญ่ที่เพิ่งฟื้นจากไข้เอ่ยถามอีกฝ่ายหลายประโยครัว

    ท่านพูดถามข้าเป็นชุดเช่นนี้  แล้วจักให้ข้าตอบคำถามใดก่อนเล่าท่าน  ชายร่างบางเอ่ยถาม

    เอ่อ  คือ  เอาเป็นว่าท่านเป็นใคร  ชื่อเสียงเรียงนามท่านเล่า  ส่วนข้า  ซากุระอิ  โช  เป็นทหารในวังอาคานิชิ  โชพยายามสกัดกลั้นความร้อนใจของตนเอาไว้  แล้วจึงค่อยถามอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ปิดบัง  เพราะหากคนตรงหน้านี้เป็นผู้ที่ช่วยเขาไว้นั้น  ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจักต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นทหารอาคานิชิ  เขาได้แต่หวังว่าคนผู้นี้คงจะหาใช่ข้าศึกไม่

    ที่นี่คือ  หมู่บ้านอาราชิ  ข้า  มาซากิ  ไอบะ  เป็นชาวบ้านธรรมดา  ทำอาชีพเหมืองพลอย  เขาหาได้เข้าใจในตัวเองไม่ว่าเหตุใดจึงรู้สึกดีกับชายผู้นี้ยิ่งนัก  ทั้งที่เพิ่งพบเพิ่งรู้จักกันในเร็ววันนี้เท่านั้น  ทั้งที่รูปร่างหน้าตาก็หาได้ดีไปกว่าผู้คนทั่วไปไม่  อาจด้อยกว่าเสียด้วยซ้ำในเรื่องหน้าตา

    แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร  ท่านพาข้ามารึ  แล้วท่านพบข้าที่ใดกัน  โชเริ่มใจร้อน  จึงเอ่ยรัวคำถามอีกฝ่ายอีก

    เฮ้อ  เอาล่ะ  ในเมื่อขอท่านให้ถามทีละคำถามหาได้ไม่แล้วนั้น  ข้าก็จักเล่าให้ท่านฟังอย่างคร่าวๆแล้วกัน  ไอบะกล่าวขึ้นอย่างเหนื่อยใจกับชายผู้นี้  ก่อนที่จักเล่าให้อีกฝ่ายฟังถึงเรื่องที่เจ้าตัวประสงค์ต้องการที่จักรู้

    อ้อ  สรุปแล้ว  ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าไว้สินะ  อย่างไรเสียข้าต้องขอบใจท่านมาก  โชกล่าวขึ้นอย่างจริงใจ  เขาเริ่มรู้สึกดีกับชายร่างบางผู้นี้เสียแล้วสิ  เพราะเหตุใดกัน  เขาก็หาได้เข้าใจไม่

    คราวนี้ก็ถึงคราที่ท่านต้องบอกข้าแล้วล่ะว่าเหตุใดท่านจึงบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น  ไอบะเอ่ยถามอีกฝ่าย เนื่องจากเป็นห่วงคนตรงหน้ายิ่งนัก

    เอาล่ะ  ในเมื่อท่านเล่าถึงสิ่งที่ข้าปรารถนาที่จักรู้ให้ข้าฟังแล้ว  ข้าก็จักเล่าเท้าความให้ท่านฟังบ้าง  คือว่า ท่านรู้เรื่องที่เจ้าชายจินทรงนำทัพไปปราบปรามคุซาโนะที่เทโงชิหรือไม่  โชเท้าความโดยถามอีกฝ่ายไป

    อื้ม  ข้าก็เคยได้ยินผู้คนเขาพูดเช่นกัน  ว่าแต่มีอันใดรึ  ไอบะถามกลับเขาเริ่มอยากรู้เสียแล้วสิ  ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น  หากเป็นเช่นนั้นชายตรงหน้าเขานี่ล่ะ  เป็นหนึ่งในทัพปราบปรามด้วยเช่นนั้นหรือ  ถึงได้บาดเจ็บถึงเพียงนี้  แต่เขาก็อดที่จักแปลกใจมิได้ว่า  ที่นี่อยู่ห่างไกลจากเทโงชิมาก  แล้วเหตุใด...  หรือเป็นเพราะมาหมดแรงเอาที่นี่พอดิบพอดีกัน

    เมื่อการปราบปรามสำเร็จ  ข้ามีหน้าที่เป็นม้าเร็วเพื่อส่งข่าวให้ทางราชวังรับรู้  และจักต้องแจ้งพระราชินีว่าเจ้าชายจินทรงต้องอยู่ที่เทโงชิต่อสักระยะ  เนื่องจากทหารบาดเจ็บกันมาก  ทั้งที่ข้าเองก็ระมัดระวังตัวแต่ก็พลาดพลั้งจนได้  เมื่อข้าเดินทางถึงซึ่งคงจักเป็นที่หมู่บ้านนี้นั่นแหละ  มีคนตามข้ามาและทำร้ายข้าเมื่อสบโอกาส โดยาอาศัยจังหวะที่ข้าเพลียจากการเดินทางไกลและการรบด้วยจึงทำให้พลาดพลั้งเสียท่าพวกมัน  โชเล่าอธิบายเสียยืดยาว

    แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าเป็นพวกนั้นน่ะเป็นพวกใดกัน  ไอบะถามอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้  หากแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเกรงใจเต็มที  เนื่องจากเขารู้ดีว่ารบกวนอีกฝ่ายมากเกินควรแล้วที่โชจักต้องมานั่งเล่าให้เขาฟัง  ทั้งที่เขาเองก็เป็นคนนอก  แม้มันอาจเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกันก็ตาม

    ตอนนี้ข้ายังให้คำตอบหาได้ไม่...  โชบอกพลางทำหน้าครุ่นคิด

    ....

    ข้าเสียเวลามากพอแล้ว  เห็นทีข้าคงต้องขอตัวลากลับเสียทีเป็นไร  ข้าขอขอบใจท่านอีกครั้งที่ช่วยข้าไว้  โชกล่าวลาอีกฝ่าย  ถึงแม้ว่าเขาจักไม่อยากจากคนตรงหน้าไปก็ตาม  หากแต่เขามีหน้าที่สำคัญที่จักต้องทำ  แคว้นมาก่อนเสมอสำหรับเขา  เรื่องอื่นใดหามีความสำคัญเทียมเท่าไม่

    ท่านจะออกเดินทางทันทีเลยหรือ  ไอบะถามอย่างเป็นห่วง

    ใช่  ข้ามีเวลาไม่มากนักแล้ว  ป่านนี้ท่านจินคงจักกลับไปถึงวังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  คงจักสงสัยเต็มทีว่าข้าหายไปไหน  เหตุใดจึงไม่ทำหน้าที่ให้เสร็จสิ้น  โชตอบน้ำเสียงมุ่งมั่น  หากแต่ประโยคหลังนั้นเจ้าตัวพูดพลางทำหน้าเคร่งเครียด

    แต่...  ท่านเพิ่งฟื้นไข้  ไอบะแย้ง

    ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว  อย่ากังวลไปเลยท่าน  ข้าต้องไปแล้ว  ขอให้ท่านโชคดี  กล่าวจบโชซึ่งแต่งตัวกลับเป็นชุดทหารเรียบร้อยแล้วนั้น  ได้ผลุนผลันเดินออกไปทันทีโดยมีร่างแบบบางยืนมองดูอยู่เบื้องหลังด้วยแววตาเศร้าสร้อย  หากแต่มันไม่อาจเทียบเท่ากับความรู้สึกภายในหัวใจร่างบางได้เลยแม้เพียงน้อยนิด

     

    เขาเสียเวลาไปมากแล้ว  เขาจักต้องกลับวังให้เร็วที่สุด  เนื่องจากเขานั้นเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากขึ้นทุกทีแล้วขณะนี้  กลับไปวังครานี้จุดมุ่งหมายของเขาได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่ต้องแจ้งการอยู่ที่เทโงชิต่อของท่านจิน  เป็นเขาถูกลอบทำร้ายระหว่างทางแทน  พวกมันคงวางแผนที่จักทำอันใดสักอย่างอย่างแน่นอน

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    แหวนนั่น  ท่านได้แต่ใดมารึ  จุนโนะเอ่ยถามเจ้าชายน้อยซึ่งยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างภายในห้องบรรทมด้วยน้ำเสียงล้อเลียน  เขาเห็นเจ้าชายคาซึยะทรงยืนมองดูแหวนที่นิ้วก้อยพระองค์เองแล้วแย้มโอษฐ์น้อยแย้มโอษฐ์ใหญ่อยู่พระองค์เดียว  ทั้งที่ตั้งแต่เด็กๆแล้ว  เขาจำได้ว่าเจ้าชายน้อยท่านนี้นั้นไม่เคยสวมแหวนที่นิ้วก้อยเลยสักครั้ง  ไม่ใช่แค่ไม่เคยเห็นแหวนที่นิ้วก้อยเล็กนั่น  หากแต่ไม่ว่านิ้วใดก็ไม่เคยเห็นทั้งนั้น  เพราะปกติแล้ว  คนตัวเล็กท่านนี้ไม่เคยสวมแหวนเลยสักครั้งต่างหาก  ครานี้จึงคิดว่าไม่ปกติเสียแล้วสิ  หรือท่านจินจักทรงประทานมาเนี่ย

    อะ  จุนโนะนั่นเอง  คาซึยะตกใจหมด  อ้อ  แหวนวงนี้รึ  ท่านพี่ทรงประทานให้มาน่ะ ...  นี่จุนโนะ  เจ้าอย่าได้ทำหน้าล้อเลียนข้าเช่นนั้นนะ  เจ้าชายน้อยทรงตอบรับ  ใช่ท่านพี่ทรงประทานให้มาจริงๆนั่นแหละ  พร้อมด้วยคำบอกรักท่พระองค์เองหาได้คาดคิดไว้ไม่  แต่เมื่อเห็นถึงใบหน้าและสายตาของผู้ที่ตัวสูงกว่าจึงร้องโวยวายง๊องแง๊งขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก

    ข้าหาได้ทำหน้าเช่นที่คาซึยะจังว่านั่นสักหน่อย  จุนโนะพูดแย้งขึ้น  ทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มล้อเลียนระบายอยู่ทั่วไป  และเสียงหัวเราะเล็กน้อยบ่งบอกถึงความเอ็นดูในคนตรงหน้ายิ่งนัก

    ก็เจ้านั่นแหละ  ที่ทำหน้าล้อเลียนข้าเช่นนั้น  ไม่พูดกับจุนโนะแล้ว  เจ้าชายน้อยทรงว่าทหารคนสนิทกลับไป  แล้วหันพระพักตร์ไปมองที่นอกหน้าต่างเช่นเดิม  ถึงแม้ว่าพระองค์จักรู้สึกผิดต่อเจ้าหญิงฮารุกะก็ตาม หากแต่พระองค์ก็อดไม่ได้ที่จักรู้สึกดีและมีความสุขกับการที่ทั้งพระองค์และท่านพี่พระทัยตรงกัน  ถึงกระนั้นก็ตามพระองค์และท่านพี่ก็อภิเษกกันมิได้อยู่ดี  เหลือเวลาอีกกี่มากน้อยเพียงใดกันนะที่เรายังจักได้อยู่ร่วมกันเช่นนี้ โดยที่ท่านพี่ยังไม่ทรงอภิเษกออกไป  จากนี้ไปพระองค์อยากที่จักใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จักทำได้.............

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น  ด้วยจิตใจอันร้อนรุ่มของจุนโนะที่ต้องการจักอธิบายและบอกความรู้สึกทั้งหมดให้อุเอดะได้รับรู้  ไม่ว่ามันจักสายไปแล้วหรือไม่ก็ตาม  ขอเพียงแค่เขาได้บอกมันออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้เพียงเท่านั้น  แม้ว่าอีกฝ่ายจักโยนมันทิ้งหรือเหยียบย่ำความรู้สึกของเขาก็ตาม  เขาก็เต็มใจยอมรับมัน  เพราะทั่งหมดเป็นความผิดของเขาเอง  เขาผิดเองที่ไม่เคยสำรวจหัวใจตัวเองจึงทำให้กว่าจักรู้ว่าตัวเองคิดเช่นใดกับอีกฝ่าย  ก็ทำให้เจ้าตัวเจ็บช้ำเกินกว่าที่จักยอมรับฟังคำอุทธรณ์ใดใดจากเขาได้  จึงตามหาเจ้าชายจินเนื่องจากเขารู้ดีว่าผู้เป็นนายอยู่ที่ใดคนสนิทก็ย่อมอยู่ด้วยเสมอ  จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดที่เขาจักตามหาร่างบางเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง  เมื่อหาจนพบแล้วจึงขออนุญาตเจ้าชายจินเพื่อขอตัวอุเอดะ  เนื่องจากดูสีหน้าอีกฝ่ายแล้วเห็นทีคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จักบอกกับเจ้าตัวเอง  เขาจึงต้องหาตัวช่วยเพื่อให้จุดประสงค์ของเขานั้นง่ายขึ้น

    .........  ร่างบางหน้าสวยจำยอมต้องเดินตามร่างโปร่งมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ในเมื่อท่านจินกล่าวออกมาเช่นนั้นแล้วนี่นา  ทั้งที่ตัวเขาเองนั้นไม่ได้อยากพบร่างสูงโปร่งคนนี้เลยแม้แต่น้อย  ไม่อยากแม้แต่การที่จักได้ยินเรื่องของคนคนนี้เลยด้วยซ้ำ  เกลียดอีกฝ่ายงั้นหรือ  ไม่ใช่เลย  ที่เกลียดคือตัวเขาเองต่างหากที่ไปรักคนคนนี้  คนที่เห็นเขาเป็นเพียงของเล่นหรือสัตว์เลี้ยงเชื่องๆที่นึกอยากเล่นด้วยก็มาคลอเคลียแต่พอนึกเบื่อก็จากไปอย่างไม่ใยดี  แล้วทำเหมือนกับว่าระหว่างเราไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    เอ่อ ...  คือ...    ร่างสูงโปร่งพูดติดขัด  เหตุใดนะเขาจึงพูดไมออกเช่นนี้  ทั้งที่เขาเองก็เตรียมหาคำพูดมาแล้วแท้ๆ  แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายเขากลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น

    เจ้ามีเรื่องอันใดจักพูดกับข้า  หากไม่มีข้าขอตัว  ร่างบางหน้าสวยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ  หลังจากรอฟังอีกฝ่ายอยู่นาน  หากแต่ร่างสูงก็ยังหาพูดเรื่องใดออกมาไม่  เขาจึงขอตัว ไม่อยากอยู่ต่อหน้าคนคนนี้นานนัก  พูดจบกำลังหันหลังเพื่อที่จักเดินจากไป  แต่ร่างบางจำต้องหยุดอยู่กับที่เพียงเท่านั้น  เนื่องจากมีมือใหญ่ของใครบางคนเอื้อมมาจับข้อมือตนเพื่อรั้งไว้ไม่ให้ไปไหน  ร่างบางจำต้องหันหน้ากลับมามองร่างสูงเจ้าของมือใหญ่นั่น  โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว  มือใหญ่ของอีกคนก็ฉุดรั้งข้อมือบางเข้าหาตัว  ร่างที่ไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักถลาเข้าไปปะทะกับอกกว้างของอีกคน  แต่ยังไม่ทันที่จะได้ดันตัวเองออกอุเอดะกลับรู้สึกถึงแขนแกร่งที่โอบกอดเขาไว้  เขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดอยู่เช่นนั้น  และยิ่งทำอะไรไม่ถูกมากขึ้นเมื่อ

    ข้ารักเจ้า  ร่างสูงโปร่งกระซิบลงที่ข้างใบหูของร่างในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคน ด้วยลมหายใจอุ่นๆของร่างที่โอบกอดเขาอยู่รินรดที่ต้นคอเป็นเหตุให้ใบหน้าสวยมีสีแดงระเรื่อขึ้น

    .............  ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์  เนื่องจากว่าร่างบางยังคงไม่หายตกใจกับการกระทำและคำสารภาพรักของบุคคลที่เขาไม่คาดคิดว่าจักได้ยินมาก่อน

    จุนโนะเมื่อเห็นว่าไม่มีการขัดขืนจากบุคคลในอ้อมกอด  จึงดันไหล่ทั้งสองข้างของอุเอดะออกมา  แล้วก้มหน้าลงไปใกล้ๆใบหน้าสวยของอุเอดะ  สายตาคมจับจ้องไปที่กลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อน่าลิ้มชิมรสยิ่งนักในสายตาเขา  จุนโนะค่อยๆบรรจงสัมผัสกลีบปากอิ่มเบาๆ  หากแต่ร่างบางของอุเอดะนั้นเรียกสติกลับมาได้ทันเสียก่อน  จึงออกแรงผลักดันคนตรงหน้าออกทันที  ด้วยความที่ยังเคลิบเคลิ้มกับกลีบปากอิ่มยังไม่หาย  ร่างสูงจึงเซถลาถอยหลังไป  2-3  ก้าว  กำลังที่จักพูดอะไรบางอย่างออกไป  แต่แล้วก็ถูกร่างบางพูดตัดหน้าไปเสียก่อน

    เจ้าหาได้รักขาไม่หรอก  ข้ารู้  เจ้าเพียงแค่สงสารข้าเท่านั้น  ที่ข้าไม่มีใคร  ฉะนั้นหากไม่รักข้าก็จงเลิกการกระทำเช่นนี้เสียที  อุเอดะตะโกนะออกไปเสียงดังอย่างสุดที่จักทน  ขอร้องหากไม่มีใจให้กันก็อย่าได้มาทำกับเขาเช่นนี้  รู้บ้างไหมว่ามันเจ็บ...

    ใช่  ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีใคร  เจ้าไม่อยากที่จักรักใครอีก  เพราะเจ้ากลัวที่จักต้องพบเจอกับความผิดหวังเช่นที่เคยเป็นมา  แม้กระทั่งพ่อแม่ก็ยังขายเจ้าให้กับหอแดง(นางโลม)ตั้งแต่เด็ก  ข้ารู้เจ้าเจ็บปวด  เพราะเหตุนี้จึงทำให้ข้าอยากที่จักดูแลเจ้าตลอดไป  ความรู้สึกนี้หาใช่ความสงสารไม่  หากแต่มันคือความรักที่ข้ามีให้กับเจ้า..........  ตั้งแต่พบกันครั้งแรกที่ตลาดนอกวังแล้ว.......   ร่างสูงโปร่งพร่ำบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้  ตั้งแต่พบกันครั้งแรก รอยยิ้มที่อีกฝ่ายให้มานั้นทำให้เขามิอาจละสายตาไปจากคนคนนี้ได้อีกเลย

    ..........พอที  ข้าไม่อยากฟังอะไรจากเจ้าอีก    ร่างบางตะโกนขึ้นเสียงดังหลังจากหยุดฟังอีกฝ่ายพูด ใบหน้าสวยแดงก่ำเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาที่รินไหลลงมาไม่ขาดสาย  จากนั้นจึงวิ่งออกไปจากตรงนั้น  เพื่อไปแอบร้องไห้ยังสถานที่ที่เป็นดั่งสถานที่แห่งความทรงจำของเขากับอีกคน

    อีกแล้วใช่ไหม  เป็นเช่นนี้อีกแล้ว  หนทางของเราสองคนไม่มีวันที่จักบรรจบกันได้อย่างนั้นหรือ  หากย้อนเวลากลับไปได้  ก็คงดีสินะ  ร่างสูงโปร่งพร่ำพลางหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง  เมื่อร่างบางวิ่งจากไปแล้ว  ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จักฉุดรั้งบุคคลที่เปรียบเสมือนดวงใจของเขาไว้ได้เช่นนั้นหรือ  ไม่มีวันที่จักกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก  ทัตสึยะเด็กผู้ชายผิวขาว  ผมดำขลับ ร่าเริงสดใส  กลีบปากสีแดงระเรื่อ  และมีรอยยิ้มที่สามารถทำให้โลกสดใสขึ้นภายในพริบตาที่เคยมีให้เขาตลอดมา  ไม่มีอีกแล้วใช่ไหม  รอยยิ้มเช่นนั้น  ที่อยู่ในใจของเขาตลอดมา  และจะอยู่ตลอดไป.................

    เขารู้ว่าสถานที่ที่ร่างบางไปนั้นคือที่ใด  แต่เขาไม่อาจที่จักตามไปได้อีกแล้ว  เพราะทุกอย่างมันคงไม่สามารถย้อนคืนกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

     

    ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีใบไม้เขียวขจีเต็มต้น  ห่างออกไปไม่ไกลมีลำธารน้ำใสไหลรินเอื่อยๆ  หญ้าสีเขียวต้นเล็กๆ  ขึ้นปกคลุมพื้นดินอยู่ทั่วไป  สถานที่นี้เงียบสงบยิ่งนัก  มีเพียงเสียงน้ำในลำธารที่ไหลไปเรื่อยๆตลอดทาง และเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนซึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่  สถานที่แห่งความทรงจำที่แสนสุข...................

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TO    ……    BE    …….    CON   ………..   PART       8

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×