คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Part 6
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~
PROMISE OF LOVE
JIN - ME
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~
part 5
เวลาผ่านไป ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวของทั้งสองคู่ดีขึ้นเลย เจ้าชายจินก็ยังคงดูแลเจ้าชายคาซึยะเป็นอย่างดีเช่นที่เคยเป็นมาเสมอ โดยที่ต้องเก็บความรู้สึกของพระองค์เอาไว้ภายในเช่นเดียวกับเจ้าชายคาซึยะ ซึ่งไม่แน่พระทัยว่าเจ้าชายจินจักทรงคิดตรงกันหรือไม่ จึงไม่กล้าบอกความรู้สึกออกไปเสียที มันจะดีไม่น้อยเลยถ้ายังคงมีกันเพียงแค่สองคนเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่ต้องพูดกล่าวคำๆนั้นออกมา แต่...จากนี้ไปจะมีบุคคลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เข้ามาแทรกกึ่งกลางระหว่างเจ้าชายจินและเจ้าชายคาซึยะ ทำให้ต้องเจ็บปวดมากขึ้น หากยังไม่เอื้อนเอ่ยคำๆนั้นออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ เรื่องคงไม่จบลงง่ายๆ คำๆเดียวที่จะสามารถแก้ไขทุกอย่างได้ แต่ถ้าไม่รีบพูดออกไปแล้วล่ะก็...
มันก็อาจที่จะสายจนเกินแก้ได้เช่นกัน
+-+-+-+แล้วเจ้าชายจินและเจ้าชายคาซึยะล่ะ ทั้งสองจะทรงหาทางออกเช่นไรกับปัญหาหัวใจที่ดูเหมือนจะตีบตันนี้ เมื่อเจ้าหญิงฮารุกะแห่งแคว้นอายาเสะมาถึง...........................
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ส่วนอีกคู่ที่ยังคงแง่งอนกันอยู่ จุนโนะ ทหารคนสนิทของเจ้าชายคาซึยะก็ยังคงหาโอกาสที่จะพูดคุยและปรับความเข้าใจกับ อุเอดะ ทหารคนสนิทของเจ้าชายจิน แต่ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจุนโนะจะพยายามเท่าใด ความสำเร็จก็ยิ่งห่างไกลมากขึ้นเท่านั้น เหมือนยิ่งตามไขว่คว้าก็ยิ่งหนีห่างออกไปอีกเท่าตัวหากเป็นผู้อื่น แต่เป็นอุเอดะแล้วไม่ใช่แค่เท่าตัว แต่อาจเป็น 2 เท่าหรือ 3 เท่าก็เป็นได้ เวลาที่เจ้าชายจินและเจ้าชายคาซึยะทรงอยู่ด้วยกัน จักต้องมีจุนโนะอยู่ด้วยตลอด หากแต่ไร้วี่แววของใครบางคนที่สำคัญต่อจุนโนะเหลือเกิน เพราะอุเอดะยังคงเข้าใจว่าจุนโนะมีใจให้เจ้าชายคาซึยะ และคงนึกสนุกเท่านั้นที่ทำอย่างนั้นกับเขา
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“ท่านพี่เพคะ ท่านพี่เพคะ พาฮารุกะไปเที่ยวชมอุทยานหน่อยสิเพคะ” เสียงใสของเจ้าหญิงฮารุกะดังขึ้นในขณะที่เจ้าชายจินและเจ้าชายน้อยทรงอยู่ในห้องหนังสือ
“แต่เจ้าหญิง พี่กำลัง...”
“นะเพคะ นะ นะ ตั้งแต่มาถึงยังไม่มีใครพาฮารุกะชมพระราชวังเลย นะ เพคะ” เจ้าชายจินทรงตรัสแต่ยังไม่ทันจะจบประโยค เจ้าหญิงฮารุกะก็ทรงขัดขึ้นเสียก่อน พลางอ้อนให้เจ้าชายจินทรงพาออกไปชมอุทยานให้ได้
“แต่...” เจ้าชายจินก็ยังจะปฏิเสธ พลางส่งสายตาไปที่เจ้าชายน้อยที่ทรงประทับนั่งฝั่งตรงข้ามพลางทำสีพระพักตร์เรียบเฉยอย่างขอความเห็น(พระทัย)
“ท่านพี่ทรงพาเจ้าหญิงฮารุกะไปเถอะเพคะ คาซึยะอยู่กับจุนโนะได้ ไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ” เจ้าชายน้อยคาซึยะทรงตอบกลับไป พร้อมกับยิ้มให้เจ้าชายจินและเผื่อแผ่ไปให้เจ้าหญิงฮารุกะ เจ้าหญิงเองก็ทรงส่งยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน แต่เจ้าชายจินกลับยิ้มเจื่อนๆไปให้ร่างเล็กที่ยังคงนั่งอยู่
“งั้นเดี๋ยวพี่มานะครับ” เจ้าชายจินตรัสบอกเจ้าชายน้อยก่อนที่จะทรงพระราชดำเนินออกจากห้องไปพร้อมกับเจ้าหญิงฮารุกะ
เฮ้อ ...........
“คาซึยะจัง...” จุนโนะเรียกชื่อเจ้าชายน้อย เมื่อเห็นว่าเจ้าชายน้อยของเขาพระพักตร์เศร้าๆ พร้อมกับทอดถอนพระทัยออกมาเฮือกใหญ่
“จุนโนะ คาซึยะไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วงนะ” เจ้าชายน้อยทรงตรัสออกไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องเป็นกังวล จากนั้นจึงส่งยิ้มเหงาๆไปให้ ก็พระองค์เป็นคนเลือกเองนี่นา ที่จะให้เรื่องดำเนินไปเช่นนี้ ต่อให้บอกความรู้สึกออกไป แล้วจะแน่พระทัยได้อย่างไร ว่าท่านพี่จะทรงรู้สึกเช่นเดียวกับพระองค์ ถึงแม้องค์เองจะเอ่ยออกไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“ท่านพี่เพคะ” เจ้าหญิงฮารุกะทรงเรียกคนที่เหม่อมาได้สักครู่ขึ้น
“ครับเจ้าหญิง” เจ้าชายหนุ่มทรงตรัสขานรับฝ่ายถาม
“คือ ฮารุกะอยากรู้มานานแล้วเพคะว่า เอ่อ คือ ... เหตุใดเจ้าชายคาซึยะจึงใช้คำว่าเพคะด้วยล่ะเพคะ ฮารุกะได้ยินตั้งแต่ตอนเด็กๆที่ฮารุกะมาอยู่ที่นี่สักพักแล้ว” เจ้าหญิงทรงถามออกไปด้วยความอยากรู้ พระนางทรงอยากรู้มานานแล้ว เพราะเจ้าชายคาซึยะทรงเป็นโอรสมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงใช้คำว่าเพคะได้ เมื่อมีโอกาสถามถึงแม้จะไม่ได้ถามกับเจ้าตัวก็ตาม แต่ก็เป็นคนที่อยู่ใกล้และอยู่ด้วยกันกับเจ้าตัวมากที่สุดแล้ว น่าจะรู้ถึงสาเหตุที่เจ้าชายคาซึยะทรงใช้คำนั้น
“อ๋อ คือ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับเจ้าหญิง ก็เมื่อก่อนตอนเด็กๆ พวกเราชอบที่จะเล่นเป็นกษัตริย์ มีพระราชาพระราชินีอะไรแบบนี้ แล้วพี่เล่นเป็นพระราชา ส่วนคาซึยะเล่นเป็นพระราชินี ส่วนพวกจุนโนะก็เล่นเป็นลูกๆอย่างไรล่ะครับ” เจ้าชายจินทรงเล่าให้เจ้าหญิงฮารุกะฟังถึงวันวานเมื่อเยาว์วัยของพระองค์ เล่าไปพลางก็ทรงพระสรวลขำขันองค์เองเมื่อก่อนไปพลาง คิดแล้วก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ทุกที เมื่อก่อนยังไม่ทันที่จะได้เห็นหน้าค่าตาเจ้าตัวเล็กก็ไปกล่าวหาว่าหน้าเหมือนจิ้งจกบ้างล่ะ เป็นเต่าบ้างล่ะ คิดไปพลางยิ้มก็กับองค์เองไป
“ก็เลยติดที่จะเรียกอย่างนั้นกระมังครับเจ้าหญิง เนื่องจากเมื่อก่อนจะเล่นบ่อยมาก แทบทุกวันเลยก็ว่าได้” เหตุที่ทำให้พระองค์เล่าเรื่องที่เป็นเสมือนความทรงจำดีดีที่ควรเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนพระองค์เองให้เจ้าหญิงฮารุกะฟังอย่างสนุกสนานเช่นนี้ก็เป็นเพราะพระองค์รู้สึกเอ็นดูเจ้าหญิงเหมือนเป็นพระขนิษฐาจริงๆของพระองค์เอง ถึงแม้ว่าบางครั้งจะดูไม่ค่อยยินดีสักเท่าไหร่นักก็ตาม
“อืม เพคะ อย่างนี้นี่เอง จากที่ฮารุกะฟังท่านพี่ทรงเล่าให้ฟังนี่ ดูเหมือนว่าท่านพี่จะทรงรักและเอ็นดูเจ้าชายคาซึยะมากเลยนะเพคะ ฮารุกะอยากมีพี่ชายอย่างนี้บ้างจัง” เจ้าหญิงฮารุกะสรุปในทันทีที่ฟังเรื่องราวจบ และสันนิษฐานจากท่าทางในขณะที่เจ้าชายจินทรงเล่าเรื่องให้ฟังก็พอที่จะรู้อยู่บ้างว่าเจ้าชายจินจะต้องทรงรักเจ้าชายคาซึยะมากเช่นกัน จนพระนางเองก็อดที่จะรู้สึกอิจฉาลึกๆไม่ได้
“....ครับรักมาก คาซึยะเป็นคนสำคัญครับ” เจ้าชายจินทรงเงียบไปสักพักก็ทรงตรัสต่อ ทรงยอมรับแต่โดยดีว่ารู้สึกเช่นไรกับเจ้าชายน้อย โดยไม่มีปิดบัง ถึงแม้ว่าบุคคลที่เจ้าชายทรงตรัสด้วยนั้นจะทรงเป็นพระคู่หมั้นของพระองค์เองก็ตาม
“เพคะ แบบนี้ฮารุกะก็มาแทรกกลางระหว่างท่านพี่กับเจ้าชายคาซึยะสินะเพคะ” เจ้าหญิงฮารุกะตรัสด้วยน้ำเสียงใส พระพักตร์มีรอยยิ้มระบายอยู่โดยทั่ว ไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความหม่นหมองในดวงพระเนตรให้เจ้าชายจินทรงเห็น ตรัสจบก็ทรงยิ้มล้อเลียนไปให้เจ้าชายจิน สงสัยว่าการที่พระนางมาประทับอยู่ที่นี่คงจะไม่ใช่มาในฐานะเจ้าสาวของท่านพี่เสียแล้วสิเนี่ยนะ
“ก็....” เจ้าชายจินทรงตรัสอันใดไม่ออกทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แต่คาซึยะหาได้คิดเช่นเดียวกันกับพี่ไม่ แล้วจะให้พี่ทำเช่นไรล่ะเจ้าหญิง” เจ้าชายจินตรัสอย่างหาที่ปรึกษา โดยที่เจ้าตัวก็หารู้ไม่ว่าได้พูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับขอคำปรึกษาจากร่างบางที่เดินเคียงข้างไปเสียแล้ว
“ไว้เป็นหน้าที่ของฮารุกะเองดีกว่าเพคะ เชื่อใจฮารุกะได้เลย เรื่องนี้ฮารุกะถนัดเพคะ” เจ้าหญิงทรงรับปากเจ้าชายว่าจะช่วย แต่ก็ไม่ทรงบอกว่าจะช่วยด้วยวิธีการใด และแล้วรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยก็ฉายชัดที่ใบหน้าสวยหวานของเจ้าหญิงฮารุกะทันที โดยที่เจ้าชายจินไม่ทันได้สังเกตเห็น
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
และแล้วก็มาถึงแผนการของเจ้าหญิงฮารุกะที่จะทรงทำให้เจ้าชายคาซึยะหลงรักเจ้าชายจิน
มีคนเคยบอกว่าจะยิงแม่ทัพต้องยิงม้าก่อน
ดังนั้น
.
เจ้าหญิงฮารุกะจึงตัดสินใจที่จะถามเอาความจากทหารคนสนิทของเจ้าชายคาซึยะก่อนดีกว่า
แต่ผลที่ออกมานั้นกลับทำให้เจ้าหญิงทรงไม่พอพระทัยเท่าใดนัก เพราะจุนโนะนอกจากจะไม่บอกเรื่องใดใดแล้วนั้นยังคิดว่าเจ้าหญิงฮารุกะนั้นคิดไม่ดีกับเจ้าชายน้อยของเขาเอาเสียอีก
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“จุนโนะ คาซึยะเข้านอนแล้วหรือ” เจ้าชายจินทรงตรัสถามทหารคนสนิทของเจ้าชายน้อยขึ้น เนื่องจากไม่ทรงเห็นเจ้าตัวเล็กที่ห้องสมุดเมื่อพระองค์กลับเข้าไปหาด้วยคิดว่าอีกฝ่ายยังคงรออยู่ เมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงเดินไปที่ห้องบรรทมของเจ้าชายน้อยและได้พบกับจุนโนะที่หน้าประตูห้องนั้นเอง
“ครับ เชิญเจ้าชายครับ” จุนโนะตอบรับ และเอ่ยเชื้อเชิญให้เจ้าชายจินทรงเข้าไปหาเจ้าชายน้อยอย่างรู้หน้าที่ เนื่องจากเจ้าชายจินจะทรงเข้าไปหาเจ้าชายคาซึยะทุกคืนก่อนเข้าบรรทมเสมอ
“ เอ่อ เจ้าชายครับ” จุนโนะเอ่ยรั้งอีกฝ่ายเอาไว้
“มีอะไรรึจุนโนะ”
“คือว่า เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้ทูลบอกกับเจ้าชายจินเลยครับ คือว่า ก่อนที่ท่านจักทรงกลับมานั้น มีทหารส่งข่าวมากราบทูลพระราชินี ว่าทั้งเจ้าชายจินและคนอื่นๆจักไม่กลับมาอีกแล้วครับ ทำให้พระราชินีและพระราชาที่ทรงพระประชวรอยู่แล้วยิ่งประชวรหนักขึ้นครับ” เขาจำเป็นต้องบอก เขามีลางสังหรณ์ว่ามันจักต้องเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วมีรึจะใช้ชื่อเจ้าชายมาล้อเล่นเช่นนี้ได้
“เจ้าว่าอันใดนะ ใครบังอาจส่งข่าวมาเช่นนี้” เจ้าชายจินทรงถามกลับด้วยน้ำเสียงเข้ม ใครกันนะที่บังอาจทำเรื่องเช่นนี้ ก็พระองค์ทรงให้คนส่งข่าวมาบอกที่ราชวังว่า พระองค์จักต้องอยู่ที่เทโงชิต่ออีกสักระยะ เนื่องจากมีทหารจำนวนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส จำเป็นที่จักต้องอยู่เพื่อรักษาตัวให้ค่อยยังชั่วขึ้นสักเล็กน้อยก่อนจึงจักกลับวัง
“มัตสึจุนครับ ข้ารู้สึกว่ามันแปลกๆน่ะครับ” เขาเองก็หารู้ไม่ว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น แต่เรื่องนี้มันจักต้องมีเงื่อนงำแอบแฝงอย่างแน่นอน
“มัตสึจุนงั้นรึ งั้นเจ้าไปบอกโชตะให้ไปเรียกมัตสึจุนมาพบข้าที่อุทยานหน้าวังในช่วงเที่ยงของวันนี้แล้วกัน ข้าจักสอบสวนเรื่องนี้เอง ส่วนตอนนี้ข้าจักเข้าไปหาคาซึยะก่อน” เจ้าชายจินทรงตรัส มัตสึจุนงั้นรึ เหตุใดมัตสึจุนจึงทำเช่นนี้ได้ เขาจักต้องสอบสวนให้รู้ความโดยเร็วเสียแล้ว
“ครับ งั้นเชิญครับ”
“อืม”
จากนั้นเจ้าชายจึงเสด็จเข้าไปในห้องบรรทมของเจ้าชายน้อย สายพระเนตรมุ่งตรงไปที่เตียงทันทีเพื่อมองหาผู้ที่เป็นเสมือนดวงหฤทัยของพระองค์ ทรงเดินเข้าไปใกล้เตียงมากยิ่งขึ้น ภาพที่เห็นทำให้เจ้าชายจินทรงสีพระพักตร์เป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นที่พระองค์ต้องออกไปข้างนอกกับเจ้าหญิงฮารุกะโดยทิ้งเจ้าตัวเล็กไว้คนเดียว เจ้าตัวรู้สึกน้อยใจมากเพียงใด พระองค์เองรู้ดีถึงความรู้สึกของร่างบางผู้นี้ แต่จะให้พระองค์ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อคนคนนี้หาได้คิดเช่นพระองค์ไม่
เฮ้อ.....
เดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆเจ้าชายคาซึยะที่ยังคงบรรทมหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม พลางเอาพระหัตถ์ปัดปอยเกศาน้ำตาลอ่อนของคนตัวเล็กออกให้อย่างเบามือ แย้มพระสรวลอ่อนๆระบายทั่วพระพักตร์เมื่อทอดพระเนตรท่าทีของเจ้าตัวเล็กที่ทำพระพักตร์มู่ขมวดคิ้วแล้วคลายออก ขยับตัวเล็กน้อยคล้ายกำลังจะตื่นแต่แล้วก็นิ่งไปอีกครั้ง น่ารักจริงๆ คาซึยะจัง คิดก่อนที่จะโน้มพระพักตร์ลงไปใกล้แล้วจุมพิตลงบนหน้าผากเนียนนั้นอย่างอ่อนโยนทำให้พระองค์ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากแป้งหอมที่หน้าผากและยาสระผมจากคนตัวเล็ก แต่แล้วเจ้าชายก็ทรงต้องเงยพระพักตร์ขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงของร่างบางด้านใต้ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าคนเบื้องพระพักตร์เพียงแค่ละเมอเท่านั้นก็ทรงแย้มพระสรวลออกมาอย่างนึกเอ็นดู ส่วนเจ้าตัวเล็กนั้นก็ยังคงละเมอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนฟังไม่ได้ศัพท์นัก พระองค์เพียงแค่ได้ยินว่ามีชื่อของพระองค์เองปะปนอยู่ด้วย แต่ด้วยความอยากรู้ว่าคนที่องค์เองรักนั้นละเมออะไรออกมาจึงก้มลงไปฟังใกล้ๆ เมื่อได้สดับรับฟังคำบางคำที่ร่างบางละเมอออกมาแล้วนั้น ก็ทำให้พระทัยของผู้ที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อนั้นพองโตแน่นจนคับอกทันที
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
พระราชาแห่งอาคานิชิทรงยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างห้องบรรทม พลางทำพระพักตร์ครุ่นคิด นี่พระองค์ควรทำเช่นใดดีกับเรื่องที่จินโอรสเพียงองค์เดียวของพรองค์บอกเมื่อครู่ คิดพลางทอดถอนพระทัยออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักพระทัยเต็มที
“เอ่อ ท่านพี่เพคะ ทรงกลัดกลุ้มเรื่องอันใดหรือเพคะ” พระราชินีอายะทรงตรัสถามขึ้น หลังจากที่ทรงเดินเข้ามาในห้องบรรทมแล้วพบว่าพระสวามีทรงทำพระพักตร์เคร่งเคียด
“เมื่อครู่นี้จินมาพบพี่ แล้วบอกว่าไม่ประสงค์ที่จักหมั้นหมายกับเจ้าหญิงฮารุกะ” พระราชาตรัสตอบด้วยพระสุรเสียงเครียดขึง ละสายพระเนตรจากท้องฟ้าหันมาทอดพระเนตรพระราชินีด้วยแววพระเนตรเชิงขอความเห็น
“จริงหรือเพคะ แล้วท่านพี่จักทรงทำเช่นใดต่อไปเพคะ เป็นเช่นนี้แล้วเราอาจผิดใจกับแคว้นอายาเสะซึ่งเป็นพันธมิตรกับแคว้นเรามาช้านานนะเพคะ” พระราชินีกล่าวอย่างกังวล
“ใช่ ข้อนั้นพี่ทราบดี แต่จักให้พี่ทำเช่นใดได้เล่า หรือจักให้พี่บังคับขืนใจลูกละหรือ พี่หาทำได้ไม่ เราเลี้ยงลูกโดยตามใจมาตลอด พี่คิดว่ามันสายไปเสียแล้วที่จะมาบังคับลูกเอาตอนนี้ เพราะมันอาจกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดีเสียก็เป็นได้” พระราชาทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงเครียดเช่นเดิม
“แต่ท่านพี่ ถ้าเราตามใจลูก บ้านเมืองเราอาจมีภัยนะเพคะ หรือจะลองพูดกับเจ้าหญิงฮารุกะดูก่อนเพคะ และเพื่อมิให้เสียน้ำใจที่อายาเสะส่งเจ้าหญิงฮารุกะมาให้ เราก็รับเจ้าหญิงมาเป็นราชธิดาแทน น้องเองก็รักเจ้าหญิงฮารุกะดังลูกคนหนึ่งเช่นกันเพคะ แล้วท่านพี่มีความเห็นเช่นใดเพคะ” พระราชินีทรงออกความเห็น พระนางคิดว่าวิธีนี้น่าจักเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พอจักทำได้ในขณะนี้แล้ว หากไม่เช่นนั้นแล้วพระนางยังทรงมองไม่พบทางออกสำหรับเรื่องนี้เลย
“พี่ก็คิดว่าคงต้องทำเช่นที่น้องแนะจริงๆเสียแล้ว เพราะถ้าไม่ทำอันใดสักอย่างแล้ว พี่ก็หาได้มองเห็นทางเลือกอื่นอีกไม่” พระราชาทรงตรัสพระสุรเสียงคลายความกังวลลงมาก
“เพคะ แล้ววันพรุ่งน้องจักพูดกับเจ้าหญิงฮารุกะเอง ผู้หญิงด้วยกันย่อมพูดกันง่ายกว่า ได้แต่หวังว่าเจ้าหญิงจักทรงเข้าพระทัยเรานะเพคะ” พระราชินีทรงหวังเช่นนั้น
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
เฮ้อ เหมือนยกภูเขาออกจากอกเสียจริง หลังจากที่พระองค์ได้บอกท่านพ่อไปเช่นนั้น ไม่ว่าอนาคตจักต้องพบกับสิ่งใดพระองค์ก็หาได้หวั่นเกรงไม่ แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังคงวิตกถึงผลที่จักตามมากับการตัดสินพระทัยของตนเองในครานี้เช่นกัน นี่พระองค์ต้องไปพูดกับเจ้าหญิงฮารุกะให้เข้าใจเสียก่อน เพราะเจ้าหญิงอาจเกลี่ยกล่อมพระราชบิดาให้เข้าพระทัยได้บ้างกับเรื่องนี้ ใครจะหาว่าพระองค์เห็นแก่ตัวก็ย่อมได้ พระองค์ยอมรับ เพราะหากเป็นเรื่องของคาซึยะแล้วพระองค์ไม่มีทางยอมแพ้แน่ เมื่อรับรู้ว่าคาซึยะก็รู้สึกเช่นเดียวกับพระองค์แล้ว ไม่ว่ายากเย็นเพียงใด พระองค์จักฝ่าฟันไปให้ถีงวันนั้นให้ได้
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
หลังจากที่พระราชินีทรงตรัสกับเจ้าหญิงฮารุกะให้เข้าพระทัยแล้วนั้น ก็ทรงเรียกเจ้าชายจินให้เข้าเฝ้าทันที
“แม่ได้ทำตามความปรารถนาของลูกแล้ว และบัดนี้แม่ของฟังเหตุผลที่ทำให้เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายได้หรือไม่เจ้า” พระราชินีทรงตรัสถามเจ้าชายจินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้ว่าจินจักมีนิสัยเอาแต่ใจมาแต่เด็ก แต่พระนางก็ทรงเชื่อว่าสิ่งที่จินทำหรือตัดสินใจนั้น จักต้องมีเหตุมีผลเสมอ ถึงแม้ว่าจักเป็นเพียงเหตุผลที่เจ้าตัวจักเข้าใจเพียงผู้เดียวก็ตาม
“เอ่อ ...คือ... ข้า” เจ้าชายจินทรงตรัสอย่างติดขัดยิ่งนัก พระองค์รู้สึกลำบากพระทัยกับการที่จักต้องบอกถึงเหตุผลของการยกเลิกการหมั้นเหลือเกิน ด้วยเกรงว่าตัวพระองค์นั้นไม่อาจแน่ใจได้ว่าหากพระองค์ตรัสออกไปท่านแม่จักทรงยอมรับเหตุผลของพระองค์ได้หรือไม่
“ลูก รักคาซึยะ แม่กล่าวถูกใช่หรือไม่เจ้า” พระราชินีตรัสตอบแทนเจ้าชายจิน เมื่อทรงสังเกตเห็นว่าลูกรักมีอาการผิดปกติ เนื่องจากเมื่อก่อนหากว่าจินทำผิดไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใดเจ้าตัวก็ยอมรับและบอกถึงเหตุผลที่ทำเช่นนั้นอย่างไม่มีอิดเอื้อนแต่อย่างใด แต่ในครานี้เหตุใดจึงไม่เป็นเช่นนั้นเล่า ไม่เพียงเท่านั้นพระนางยังทรงสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของโอรสผู้เป็นที่รักยิ่ง หลังการได้พบกันของเด็กชายทั้งสอง จากเด็กที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้างก็กลับกลายเป็นความห่วงใยเอาใจใส่บุคคลอื่น เด็กที่มีแต่ความกระด้างกลายเป็นอ่อนโยนถึงเพียงนี้ ทั้งหมดนี้เกิดจากการมาของคาซึยะเจ้าชายน้อยจากต่างแดนผู้นี้ทั้งสิ้น
“เอ่อ ครับ ท่านแม่ ลูกรักคาซึยะ” ในที่สุดพระองค์ก็ตัดสินใจตรัสออกไปด้วยพระสุรเสียงแน่วแน่ เนื่องจากหาได้มีเหตุผลใดไม่ที่จักต้องปิดบังไว้ ถึงอย่างไรท่านแม่ก็ทรงรู้อยู่ดี
“แล้วพ่อเจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่ ว่าลูกรักคาซึยะ สำหรับแม่แล้วแม่หารับได้ไม่ กับการที่ผู้ชายสองคนจักรักกันเช่นคู่รัก แต่เรื่องนี้แม่จักไม่พูดอันใดมากนัก แม่อยากให้ท่านพ่อเป็นผู้ตัดสินมากกว่า” กับเรื่องนี้พระนางหาได้แปลกพระทัยไม่เลย กับการที่จินโอรสของพระนางจักรักกับคาซึยะ เนื่องจากพระนางนั้นทรงเห็นถึงความรัก ความผูกพัน และความห่วงหาอาทรของเด็กทั้งสองตั้งแต่เด็ก
“ท่านพ่อทรงทราบแล้วครับ”
“แล้วท่านพ่อว่าอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง” ไม่ว่าท่านพี่จักทรงมีความเห็นอันใดกับเรื่องนี้ พระนางก็ทรงเห็นด้วย พระนางทรงเคารพในการตัดสินพระทัยของท่านพี่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่กับเรื่องนี้เช่นกัน
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ถึงแม้ว่าท่านพ่อจักทรงหารับได้เช่นเดียวกับท่านแม่ไม่ พระองค์ก็ไม่สนพระทัยแล้ว ที่ท่านพ่อทรงตรัสนั่นก็ถูก แต่ความรู้สึกของพระองค์เองเล่า และที่สำคัญยิ่งคือ คาซึยะ คาซึยะจักเป็นเช่นไร รู้สึกอย่างไร
“เจ้ารักคาซึยะ รักได้พ่อหาห้ามไม่ แต่ถ้าคิดที่จักยกให้เป็นพระราชินีต่อไปนั้น พ่อสั่งห้าม เจ้าจักต้องมีราชินีที่เป็นหญิง และโอรสหรือธิดาที่จักสืบสันติวงศ์ของเรา โอรสหรือธิดานั้นก็จักต้องกำเนิดจากราชินีเท่านั้น แต่หากเก็บคาซึยะเป็นสนมก็ย่อมได้ แต่เจ้าจักต้องมีราชินีเมื่อถึงเวลา เจ้าจักปฏิเสธหาได้ไม่”
“ไม่ว่าข้าจักเลือกอันใด อย่างไรเสียข้าก็หนีการอภิเษกราชินีหาได้ไม่เช่นนั้นหรือ” พระองค์คิดถึงที่ตรัสกับท่านพ่อเมื่อวันวาน ไม่ว่าอย่างไรเราสองคนก็หาไปด้วยกันได้ไม่เช่นนั้นหรือ ถึงจักรักเจ้าได้แต่ก็หาได้ยกย่องอย่างเปิดเผยได้ไม่ นี่ข้าควรทำเช่นใดดี
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“เจ้าชายพะยะค่ะ มัตสึจุนได้ฆ่าตัวตายแล้ว ภายในห้องขังระหว่างที่พักการสอบสวนพะยะค่ะ” นายทหารเคตะเข้ามาทูลความกับเจ้าชายจิน หลังจากพบว่ามัตสึจุนซึ่งเป็นนักโทษข้อหากราบทูลความเท็จกับพระราชินีจนทำให้ประชวรนั้นฆ่าตัวตายเสียแล้ว
“เจ้าว่าอันใดนะ มัตสึจุนน่ะรึ เป็นเช่นนี้แล้วเราจักรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นผู้บงการให้กราบทูลท่านแม่ไปเช่นนั้นกัน” เจ้าชายจินทรงตรัสพระสุรเสียงเครียด มัตสึจุนนั้นไม่ว่าจักทำเช่นใด ทรมานหรือพูดกันดีๆ ก็หาได้มีคำพูดหลุดออกจากปากเจ้าตัวแม้เพียงคำเดียวไม่ ย่อมแสดงว่าผู้ที่สั่งให้เจ้านั่นมาหาใช่บุคคลธรรมดาไม่
TO BE CON
part 7
ความคิดเห็น