คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 5
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~
PROMISE OF LOVE
JIN - ME
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~
part 5
“จ่ะ แม่ โทโมะจะรีบไปรีบกลับนะจ๊ะ โทโมะรักแม่ที่สุดเลย” กล่าวออกมาพลางก้มหน้างุดๆ ก่อนที่จะโผเข้ากอดแม่อีกครั้ง บัดนี้นางไม่ต้องหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้วเรื่องความรู้สึกที่มีให้กับยูอิจิ ถึงแม้นางจะกังวลเรื่องอนาคตของตนกับยูอิจิว่ามันจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป เพราะนางกับยูอิจิอยู่ห่างไกลกันมากถึงเพียงนี้ แต่นางก็เชื่อว่า ระยะทางมิใช่เรื่องใหญ่ หากใจเรายังคงมั่น ยูอิจิ-โทโมะ
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“โทโมะจ๊ะ ไม่ลืมอะไรแล้วนะ” คุณแม่เอ่ยถามบุตรสาวก่อนออกเดินทาง
“จ่ะแม่ แม่จ๋าอยู่ทางนี้ก็ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ โทโมะเป็นห่วงแม่จัง ว่าแต่ว่าเราน่ะ โฉะองพี่ฝากดูแลแม่ด้วยนะจ๊ะ” ร่างบางตาโตบอกแม่ก่อนที่จะหันไปพูดฝากฝังกับน้องชาย
“พี่โทโมะ ผมอยากไปเยี่ยมพี่ยูด้วยจัง ให้ผมไปด้วยไม่ได้หรอครับ” โฉะองเริ่มอ้อนพี่สาว เขาเป็นห่วงพี่ยูจริงๆนี่นา ยิ่งรู้ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่รู้สึกตัวเลยจนป่านนี้ก็ยิ่งเป็นห่วง
“ไม่ได้จ่ะ ถ้าโฉะองไปอีกคนแล้วใครจะอยู่ดูแลแม่ล่ะจ๊ะ น่านะ พี่ไปแล้วพี่จะรีบกลับมาบอกอาการของยูอิจิให้รู้อีกทีนะ อ้อแล้วก็จะบอกยูอิจิด้วยว่าโฉะองฝากเยื่ยมด้วย ดีไหมจ๊ะ นะเด็กดี” ร่างบางต้องใช้ลูกล่อลูกชน และเหตุผลขึ้นมาเพื่อให้น้องชายยอมฟัง จนในที่สุดโฉะองก็ยอมฟัง ไม่รบเร้าที่จะขอตามพี่สาวไปเยี่ยมยูอิจิอีก
“งั้นโทโมะไปนะจ๊ะแม่ พี่ไปแล้วนะโฉะอง เอ่อ เคอิจิโร่จัง ข้าฝากแม่และน้องชายด้วยนะ” ร่างบางกล่าวลาแม่และน้องชาย จากนั้นจึงหันไปสบตาชายหนุ่มร่างโปร่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆโฉะองน้องชายของนางพลางเอ่ยฝากแม่และน้องให้ชายหนุ่มช่วยเป็นธุระดูแลให้ระหว่างที่นางไม่อยู่
“อืม ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจะดูแลอย่างดีเลย รีบไปเถอะกว่าจะถึงก็อีกตั้งไกลนะ” ร่างโปร่งกล่าวตอบโทโมะ ก่อนที่ร่างบางจะออกเดินทางไปพร้อมโคคิ โดยการขี่ม้าไป ซึ่งโทโมะเองก็มีพื้นฐานในการขี่ม้าอยู่แล้ว ฝีมือการพร่ำสอนของครูฝึกสอนจำเป็นหรืออาจจะเป็นอาสาฝึกสอนเสียเองอย่างยูอิจิเมื่อครานั้น จึงไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางครั้งนี้เท่าใดนัก
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ณ โถงพระราชวังแคว้นอายาเสะ
“ลูกหญิงจะว่าอย่างไร ถ้าหากพ่อจะส่งลูกไปหมั้นกับเจ้าชายจินแห่งอาคานิชิซึ่งเป็นพันธมิตรกันมาช้านานตามพระราชสาส์นที่ส่งมา” พระราชาอายาเสะตรัสถามราชธิดาซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้เบื้องล่างบัลลังก์ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงอ่านพระราชสาส์น
“ลูกแล้วแต่ท่านพ่อเพคะ” ราชธิดาพระองค์เดียวแห่งแคว้นอายาเสะทรงตรัสตอบพระราชาผู้เป็นพ่อ
“ลูกหญิงประสงค์ที่จะไปหรือไม่” พระราชาทรงตรัสถามน้ำเสียงอ่อนโยน
“ประสงค์เพคะ ลูกประสงค์ที่จะไปเพคะ” ทรงตรัสตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง พระนางอยากไปเหลือเกิน เมื่อครั้งยังเยาว์พระนางเคยไปอยู่ที่อาคานิชิอยู่พักหนึ่ง ได้รู้จักท่านพี่จิน บัดนี้พระนางอยากพบท่านพี่มาก อยากรู้เหลือเกินว่าขณะนี้ท่านพี่ทรงเป็นอย่างไรบ้าง จะยังจำกันได้บ้างหรือไม่
“อืมมม พ่อจะได้ให้ลูกหญิงถือสาส์นไปให้มอบให้กับพระราชาอาคานิชิเสียเลย เอาไว้สักพักก่อนแล้วพ่อค่อยส่งลูกไปแล้วกัน เพราะทางฝ่ายเขาจะได้ไม่เห็นว่าทางเราอยากไปเสียจนเนื้อตัวสั่น” พระราชาทรงกล่าวกับราชธิดา พลางส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้
“เพคะท่านพ่อ” เจ้าหญิงฮารุกะทรงตรัสตอบพระราชากลับไป
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ป่านนี้จะรู้สึกตัวหรือยังนะ เฮ้อ เป็นห่วงจัง
“เอ่อ โคคิ อีกไกลหรือไม่ กว่าจะถึง” ร่างบางเอ่ยถามออกไป ขณะนี้ใจของนางล่วงล้ำหน้าไปอยู่เคียงกับยูอิจิเสียก่อนแล้ว ทั้งที่เพิ่งออกเดินทางมาได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง
“เอ่อ คือ ก็ยังอีกไกลโขอยู่น่ะครับ ถ้าเดินทางโดยไม่หยุดพักจากนี้ก็คงจะเป็นเวลาอีก 10 กว่าวันเห็นจะได้” โคคิเอ่ยตอบกลับไป เข้าใจดีว่าร่างบางที่อยู่บนหลังม้าอีกตัวนั้น เป็นห่วงเพื่อนของเขามากเพียงใด และประสงค์ที่จะไปถึงให้เร็วดั่งใจนึกนั่นอีก ความรู้สึกหาได้ต่างกันไม่แม้แต่น้อย เป็นห่วงจับใจ
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อไป แต่มีอะไรบางอย่างผิดปกติจนร่างบางจับสังเกตได้จึงแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม ดวงอาทิตย์ถูกเมฆหนาบดบังจนไร้แสงแยงตาเมื่อร่างบางมองขึ้นไป และพบกับสิ่งผิดปกติจริงๆ นั่นคือ มีนกตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินวนอยู่รอบๆคนทั้งสอง สูงขึ้นไปหลายไมล์นัก ร่างบางเป่าปากตัวเอง พลางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นแล้วกางออก สักพักนกตัวนั้นก็บินวนลงมาเรื่อยๆจนมาเกาะอยู่ที่แขนข้างหนึ่งของร่างบาง โคคิเองก็มองตามตาแทบไม่กระพริบ เพราะเขาไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน คนที่บังคับนกได้อย่างนี้ และสิ่งที่เห็นต่อไปต้องทำให้ร่างบึกบึนตะลึงมากขึ้นคือ ร่างบางหยิบอะไรบางอย่างที่คล้ายกับกระดาษแผ่นเล็กๆที่ขดม้วนไว้ออกมาจากบริเวณขาข้างหนึ่งของนกตัวนั้นออกมา จากนั้นจึงคลี่ออกแล้วเพ่งสายตาไปที่กระดาษแผ่นจ้อยนั่น
“เอ่อ ในนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไรบ้างครับ” โคคิเอ่ยถามร่างบางอย่างเกรงใจเต็มที แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้เพราะเห็นว่าคิ้วร่างบางขมวดจนเป็นปม และมีน้ำคลออยู่ที่ดวงตากลมโตนั่นทันทีที่อ่านจบ
“คือ โคคิ ข้า... ข้าจะกลับบ้าน
” พูดออกมาได้ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาทันที จนโคคิอดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากร่างบาง คิดว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากว่าต้องพาร่างบางกลับบ้านจริงๆอย่างที่เจ้าตัวต้องการ
หลังจากที่เดินทางโดยไม่ได้หยุดพักก็กลับมาถึงบ้านอันเป็นจุดมุ่งหมายในช่วงเย็นของวันที่ 2 นับจากวันที่ได้รับจดหมายที่เคอิจิโร่ฝากมากับนกที่ทั้งนางและอีกคนช่วยกันเลี้ยงและช่วยกันฝึก พลันเห็นน้องชายยืนรออยู่หน้าบ้าน จึงรีบลงจากม้าแล้วตรงเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากน้องชายก็ทำให้ร่างบางถึงกับล้มทั้งยืนทันที จนโคคิที่ลงจากหลังม้าแล้วเดินตามหลังร่างบางเข้ามารับไว้ก่อนที่จะล้มลงกองกับพื้น จากนั้นก็พาร่างบางของโทโมะมานั่งลงที่เก้าอี้หน้าบ้าน แล้วเอ่ยถามโฉะองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
“หลังจากวันนั้นที่พวกพี่ออกเดินทาง แม่ก็อาการทรุดลงกะทันหัน แล้วก็...” โฉะองเล่าให้ฟังตั้งแต่ออกเดินทางจนมาหยุดลงเพราะไม่สามารถพูดได้แล้ว พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มปริ่มขึ้นอีกครั้งของวัน และโคคิก็พอที่จะเดาออกทันทีโดยไม่ต้องให้เด็กน้อยฝืนใจเล่าจนจบ จากนั้นจึงดึงร่างเล็กของเด็กน้อยเข้ามากอดไว้หลวมๆพลางลูกศีรษะปลอบโยน อีกมือก็ยื่นไปแตะเบาๆที่บ่าแบบบางนั่นเพื่อเป็นการให้กำลังใจโทโมะที่นั่งอยู่ข้างๆ
การเดินทางจึงถูกเลื่อนออกไปอึกสักระยะจนกว่างานศพแม่จะเสร็จสิ้นลง และโคคิยังต้องอยู่ช่วยงานอีกแรง ถ้าจะให้เขาดูอยู่เฉยๆก็เห็นว่าไม่สมควร เพราะเขามาอยู่รบกวนที่บ้านแม่หญิงโทโมะเสียนาน ถ้าไม่ช่วยก็กระไรอยู่ และเขาคงไม่อาจกลับไปพบหน้าเพื่อนได้เป็นแน่
ในที่สุดโคคิก็ต้องเดินทางกลับสู่หัวเมืองเทโงชิเพียงลำพัง เนื่องจากโทโมะขออยู่เพื่อดูแลชาวบ้าน และที่สำคัญน้องชายคือครอบครัวที่สำคัญเพียงหนึ่งเดียวของร่างบางในขณะนี้ที่นางต้องดูแลให้ดีที่สุด ไม่อยากที่จะจากไปไหนไกลอีกเป็นครั้งที่สองถึงแม่หญิงจะเป็นห่วงยูอิจิมากมายเพียงใดก็ตาม นางก็ทำได้แต่เพียงฝากความคิดคำนึงไปกับสายลมให้พัดพาไปหายูอิจิเท่านั้น เผื่อคนผู้นั้นจะรับรู้ได้
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ที่นี่ที่ไหนกันนะ แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร รอบตัวเหตุใดจึงมืดมิดเช่นนี้ อากาศรอบตัวเย็นจัดจนร่างสูงต้องถูมือตัวเองไปมาเพื่อคลายความหนาวเย็นให้จางลง
“ยูอิจิ ยูอิจิ” เสียงเรียกแผ่วเบาของใครสักคนดังขึ้น ไม่บ่งบอกว่าเสียงนั้นมาจากทิศทางใด จนร่างสูงต้องเพ่งมองไปรอบตัว เพื่อค้นหาเจ้าของเสียงนั่น เขาจำเสียงนั้นได้ดี เขาต้องการพบเจ้าของเสียงเสียงนั้นมาตลอด คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกอยู่ในทุกอนู ของความคำนึงถึง
“แม่หญิงโทโมะ!! ... แม่หญิงโทโมะ!!” ร่างสูงตะโกนตอบเสียงเสียงนั้น พลางหมุนตัวมองไปรอบๆบริเวณแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีใคร ไม่มีเจ้าของเสียงนั้นที่เขาอยากพบนักอยากพบหนา
“ยูอิจิ ยูอิจิ” เสียงเรียกนั้นดูเหมือนว่าจะดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ร่างสูงอดที่จะมองหาไม่ได้ พลันสายตาไปหยุดอยู่ที่คนหนึ่งคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ร่างสูงมากขึ้น ผู้หญิงสาวคนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา
“พ่อยูอิจิจ๊ะ เหตุใดจึงได้มาอยู่ที่นี่เล่าจ๊ะ” แม่ของแม่หญิงโทโมะเดินเข้ามาหายูอิจิ พลางเอ่ยกับร่างสูงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เอ่อ คือ ... แม่หญิง ... ท่านเป็น” ร่างสูงถามออกมา เมื่อรู้สึกว่าเขาคุ้นตาในร่างบางของหญิงผู้นี้มาก่อนแน่ๆ
“แม่คือแม่ของโทโมะไงจ๊ะ จำได้หรือไม่ว่าเราเคยพบกันเมื่อนานมาแล้ว ครั้งที่เจ้ามาเล่นกับโฉะองลูกของแม่น่ะ” ร่างบางแนะนำตัวเอง พลางถามร่างสูงถึงเหตุการณ์ในอดีตที่พบกันเป็นครั้งแรกด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่ถูกส่งไปให้
“อ๋อ เอ่อ ครับ จำได้ แล้วผมควรไปทางใดดี ในเมื่อรอบกายข้ามืดมิดเช่นนี้” ร่างสูงเอ่ยถามออกไป เขาไม่รู้ว่าควรเดินไปทางใดดี ความมืดมิดรอบกายทำให้เขาไม่มั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป ทิศทางใดที่จะทำให้เขาได้พบกับผู้คนที่เป็นที่รักยิ่งอีกครั้ง ร่างบางของแม่หญิงยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านขวามือของร่างสูง พร้อมกับพูดขึ้น
“เดินไปทางนี้ เดินไปเรื่อยๆ แล้วเจ้าจะพบทางออกที่จะสามารถกลับไปหาทุกคนได้อีกครั้ง” ร่างสูงมองไปตามมือนั้นที่ชี้ออกไป พอหันมาที่ที่แม่ของแม่หญิงโทโมะยืนอยู่ก็ไม่พบใคร คล้ายกับว่าไม่เคยมีใครยืนอยู่ด้วยซ้ำ ร่างสูงจึงออกเดินไปในทิศทางที่แม่ของคนที่เขารักชี้นำไป เดินไปเรื่อยๆจึงจะพบทางออก
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“รับพระกายาหารรับยาหรือยังครับคาซึยะจัง” ร่างสูงโปร่งของทหารคนสนิทเอ่ยถามขึ้นในเย็นของวันหนึ่ง
“รับแล้วล่ะจุนโนะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คาซึยะไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว” ร่างบางของเจ้าชายน้อยตรัสตอบทหารคนสนิทกลับไป ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงมากนัก เพราะรู้ดีว่าจุนโนะมีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง หลังจากที่ได้ข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายจิน และคนอื่นๆ พระราชาและพระราชินีก็ทรงพระประชวรเสียอีก ถึงจะค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว ทำให้หน้าที่ทุกอย่างตกเป็นของจุนโนะและโคอิจิซึ่งเป็นทหารคนสนิทของพระราชา ส่วนตัวเขาเองนั้นก็ได้แต่ไม่สบายและคอยเป็นภาระให้จุนโนะเข้าเสียอีก
“หรือครับ งั้นก็พักผ่อนเสียนะครับ จะได้หายเร็วๆ” จุนโนะเอ่ยบอกพร้อมกับพาร่างบางของเจ้าชายคาซึยะจากริมหน้าต่างห้องบรรทมไปยังเตียงนอน เพื่อให้พักผ่อน
“จุนโนะ คาซึยะเป็นภาระของจุนโนะหรือเปล่า” จู่ๆเจ้าชายน้อยก็ทรงตรัสถามออกไป ดวงหน้าเจ้าชายน้อยไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดใด ทำเอาทหารคนสนิทอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ได้แต่คิดว่าเหตุใดจึงทำให้เจ้าชายน้อยของเขาคิดเช่นนี้ได้
“ครับเป็น คาซึยะจังเป็นภาระหน้าที่ที่ข้าจักต้องดูแลให้ดีที่สุด เป็นภาระที่หนักมาก แต่ข้าอยากให้คาซึยะจังรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า คาซึยะจังเป็นภาระที่ข้ายินดีและเต็มใจแบกรับไว้เอง ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับคนดี ทำใจให้สบายนะ” ร่างสูงโปร่งกล่าวปลอบใจเจ้าชาย พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนไปให้ เขาคิดอย่างที่พูดไปจริงๆ คนตรงหน้านี้เป็นภาระสำหรับเขาจริงๆ เป็นภาระที่เขายินดีที่รับผิดชอบเอาไว้เอง เพื่อรอคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าตัวน้อยนี้มารับช่วงดูแลต่อไป หากแต่เวลานี้ความหวังเหล่านั้นมันกลับเลือนรางหายไปเสียสิ้น เมื่อได้รับข่าวร้ายนั้น ไม่มีอีกแล้วผู้ที่จะมารับช่วงดูแลเด็กน้อยพลัดถิ่นผู้นี้ ไม่ว่าจะรอเนิ่นนานเพียงใด ก็ไม่มีวันที่คนที่เจ้าตัวเล็กรอคอยเขาจะกลับมาหาอีกแล้ว ไม่มี....
“นอนพักผ่อนได้แล้วนะครับ” พูดจบก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ร่างบางก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ณ ระเบียงด้านหน้าวัง
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนอยู่เพียงลำพัง ยืนตากน้ำค้างอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน พลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี ท้องฟ้าคืนนี้มีดาวดวงน้อยใหญ่ส่องแสงประกายระยิบระยับ ช่างสวยสดงดงามเสียจริง มองแล้วก็ทำให้นึกไปถึงใครคนหนึ่งที่มีความงดงามเช่นดวงดาวเหล่านี้ ทหารคนสนิทของเจ้าชายจิน อุเอดะ ทัตสึยะ ข้าอยากพบเจ้าเหลือเกิน นานเพียงใดแล้วนะ ที่เราจากกันไกลถึงเพียงนี้ เจ้าอยู่บนนั้นใช่หรือไม่หนอ หากใช่ แล้วเจ้ามองเห็นข้าหรือไม่ เห็นใครคนหนึ่งที่ต้องการเจ้าเสียเหลือเกิน ใครคนหนึ่งที่สำนึกผิดที่เป็นคนทำให้คนที่รักเขาต้องเสียใจถึงเพียงนี้ ใครคนหนึ่งที่ไม่มีสักลมหายใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ได้รักเจ้า
.
ทัตสึยะ
..
รักเหลือเกิน...............
คิดได้เพียงเท่านี้ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องหยุดความคิดนั้นลงแทบจะในทันที เมื่อสายตาร่างสูงโปร่งพลันเหลือบไปเห็นเบื้องล่างนอกประตูวังราวกับมีกองทัพทหารเดินขบวนเข้ามาอย่างนั้น สงสัยเต็มทีจึงเพ่งสายตามองไปยังกองทัพนั่น ไม่นานความปิติยินดีก็แล่นเข้าสู่หัวใจร่างสูงโปร่งทันที เมื่อเห็นว่าใครขี่ม้านำขบวนมา แล้วยังจะผู้ติดตามซึ่งขี่ม้าเยื้องไปทางด้านหลังทั้งสองด้านอีก สิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของร่างสูงโปร่งเต้นไม่เป็นจังหวะ เร็วเท่าความคิดนั่นคือการกระทำที่ร่างสูงโปร่งวิ่งลงไปยังเบื้องล่างไม่นานนักร่างสูงก็มาถึงประตูวัง จึงตรงเข้าไปตะโกนบอกพวกทหารที่เข้าเวรเฝ้าประตูวังอยู่นั้นให้เปิดประตูออกเพื่อต้อนรับเจ้าชายจินและบุคคลอื่นๆให้เข้ามาในเขตวัง จากนั้นจุนโนะก็ทำหน้าที่เป็นม้าเร็วนำข่าวดีไปบอกแก่พระราชาและพระราชินีทันที
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“อืมมมม... แสบตาจัง จุนโนะช่วยปิดม่านให้หน่อยสิ” เจ้าชายน้อยทรงลืมหรี่ดวงเนตรขึ้นในเช้าวันถัดมา พลางส่งเสียงบอกให้จุนโนะช่วยปิดม่านให้เพราะแสงแดงที่ส่องผ่านเข้ามาทำให้พระองค์แสบเนตรจนไม่สามารถที่จะนอนต่อไปได้
“หืม แสบตาหรือ นี่คาซึยะจะไม่ตื่นขึ้นมาต้อนรับพี่อย่างที่เคยแล้วหรือไร” เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นพลางอมยิ้มน้อยๆกับภาพตรงหน้าที่ไม่ได้เห็นเสียเป็นเวลานาน และเป็นเสียงที่ทำให้เจ้าชายน้อยทรงต้องลืมพระเนตรขึ้นในทันทีที่ได้ยินเลยทีเดียว
“ท่าน...พี่” พูดขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา เอ่ยติดขัดอย่างคนที่ไม่แน่ใจว่าภาพที่เห็นนั้นจะเป็นเพียงความฝันหรืออย่างใด
“ครับ คาซึยะ พี่กลับมาแล้วนะครับคนดี” เจ้าชายตรัสพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่าย อยากพบเหลือเกิน ตลอดเวลาที่ผ่านมา อยากพบมาตลอด เป็นห่วงอีกฝ่ายมากมายเพียงใด เจ้าตัวเล็กจะสัมผัสถึงบ้างหรือไม่หนอ
“ท่านพี่...” มีเรื่องที่อยากจะพูดอยากจะบอกอีกมากมายเหลือเกิน แต่คำพูดเหล่านั้นกลับถูกกลืนหายเข้าไปจนหมด พูดได้เพียงเท่านั้นก็ร่ำไห้ออกมาทันที พระองค์คิดว่าจะไม่ได้พบเจอท่านพี่อีกแล้วในชีวิตนี้ รักท่านพี่เหลือเกิน รักมากที่สุด
เห็นดังนั้นเจ้าชายจินก็ทรงเดินเข้ามาหาและดึงร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมากอดแนบอก พลางลูบเส้นพระเกศาสีน้ำตาลอ่อนยาวระที่นอนอย่างทะนุถนอม ร่างสูงยิ่งเพิ่มแรงกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นเมื่อรับรู้ถึงแรงสะอื้นไห้ จากคนตัวเล็กที่เขาแสนรักในอ้อมแขน พักใหญ่ร่างบางจึงค่อยสงบลง จากนั้นเจ้าชายจินจึงได้รับรู้ถึงไอร้อนที่ระเหยออกมาจากร่างเล็กในอ้อมกอด ทำให้เจ้าชายจินทรงตกใจและเป็นห่วงมาก จึงดันตัวคนตัวเล็กออกเบาๆ แล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของร่างบาง จึงรับรู้ถึงความร้อนบนหน้าผากมนนั่น
“คาซึยะไม่สบายหรือครับ” ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง พลางดันตัวร่างบางให้ลงนอนอีกครั้ง พร้อมกับบอกคนตัวเล็กบนเตียงว่าจะออกไปตามคนให้ไปเอายามาให้ แต่ก็ถูกคนบนเตียงรั้งเอาไว้เสียก่อน จึงทำได้เพียงแค่ตะโกนออกไปนอกห้องให้นางกำนัลที่อยู่ข้างนอกเข้ามา แล้วสั่งให้ไปเอายาและอาหารมาให้เจ้าชายคาซึยะที่ห้อง
“ท่านพี่เพคะ อยู่กับคาซึยะอีกสักประเดี๋ยวได้หรือไม่เพคะ” เจ้าชายคาซึยะทรงถามเจ้าชายจินขึ้น พลางหลบสายตาเจ้าชายจินเป็นการใหญ่ เมื่อสบตากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ เจ้าชายจินเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งยิ้มออกมา ยื่นมือมาลูบพระเกศาสีน้ำตาลอ่อนอย่างเบามือ นึกเอ็นดูคนตรงหน้าไม่น้อยทีเดียว ก็ท่าทีอย่างนี้แหละที่ทำให้พระองค์หลงรักร่างบางคนนี้จนไม่อาจที่จะทอดถอนใจได้ ไม่ว่าจะทรงห้ามพระทัยเพียงใดก็ตาม นึกไปก็ยิ้มให้คนบนเตียงไป
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“เอ่อ คือ ...เจ้า... เจ้าชายจินทรงเข้าเฝ้าพระราชากับพระราชินีแล้วหรือทัตสึยะ” จุนโนะพยายามหาเรื่องที่จะพูดคุยกับร่างบางหน้าสวยก่อน ถึงจะยังรู้สึกผิดไม่หายก็ตามกับเรื่องที่ได้ทำไว้ แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายทำเมินเฉยกับเขาอย่างที่ทำอยู่นี้เลย
“อืม เข้าเฝ้าแล้ว” หากแต่ร่างบางตรงหน้านั้นไม่อยากที่จะพูดคุยหรือเห็นหน้าบุคคลตรงหน้าอีก จึงตอบสั้นๆได้ใจความกลับไป แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง โดยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ทำให้ร่างสูงโปร่งหน้าหมองลงทันที เจ้าคงไม่อยากแม้แต่จะพบหน้าข้าจริงๆสินะ มันก็สมควรแล้วนี่นากับสิ่งที่เขาทำไว้ แต่... ไม่คิดที่จะให้โอกาสให้ข้าได้แก้ตัวสักครั้งเลยหรือ....................
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“น้องอายะ วันนี้ข้าจะส่งทหารไปรับเจ้าหญิงฮารุกะมาอยู่ที่แคว้นเรา น้องเห็นว่าอย่างไรเล่า” พระราชาตรัสถามพระราชินีอายะ หลังจากที่พระราชาทรงรอดูสถานการณ์ของบ้างเมืองมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว ว่าไม่มีการรุกรานหรือก่อกวนจากแคว้นใดกลุ่มใด จึงตัดสินพระทัยที่จะรับเอาเจ้าหญิงฮารุกะมาอยู่ที่นี่
“น้องว่าก็ดีเหมือนกันนะเพคะ จินกับเจ้าหญิงฮารุกะจะได้สนิทสนมกันเร็วๆ” พระราชินีทรงเห็นด้วยกับพระราชา ยิ่งไปรับมาอยู่ที่นี่เร็วเท่าไหร่ จินกับเจ้าหญิงจะได้สนิทกันเร็วขึ้นเท่านั้น พระนางทรงอยากอุ้มพระโอรสหรือหระธิดาองค์น้อยๆพระทัยแทบขาดแล้ว โดยไม่มั่นใจว่า ถ้าจินไม่ยอมอภิเษกกับเจ้าหญิงฮารุกะ พระนางจะต้องทรงรอคอยไปอีกนานเท่าใด พระชนม์ของพระนางและพระราชาก็ทรงมากขึ้นทุกวัน และด้วยความที่สุขภาพของพระองค์ทั้งสองก็ทรงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เกรงว่าจะรอจนถึงวันนั้นไม่ไหว
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
.
..
..
..
TO BE CON
.. part 6
ความคิดเห็น