ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    PROMISE OF LOVE

    ลำดับตอนที่ #5 : Part 5

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 51


    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~
    PROMISE OF LOVE
       
    JIN - ME
    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

     part 5
         

     

     

     

    จ่ะ  แม่  โทโมะจะรีบไปรีบกลับนะจ๊ะ  โทโมะรักแม่ที่สุดเลย  กล่าวออกมาพลางก้มหน้างุดๆ  ก่อนที่จะโผเข้ากอดแม่อีกครั้ง  บัดนี้นางไม่ต้องหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้วเรื่องความรู้สึกที่มีให้กับยูอิจิ  ถึงแม้นางจะกังวลเรื่องอนาคตของตนกับยูอิจิว่ามันจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป  เพราะนางกับยูอิจิอยู่ห่างไกลกันมากถึงเพียงนี้  แต่นางก็เชื่อว่า  ระยะทางมิใช่เรื่องใหญ่  หากใจเรายังคงมั่น  ยูอิจิ-โทโมะ

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    โทโมะจ๊ะ ไม่ลืมอะไรแล้วนะ  คุณแม่เอ่ยถามบุตรสาวก่อนออกเดินทาง

    จ่ะแม่  แม่จ๋าอยู่ทางนี้ก็ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ  โทโมะเป็นห่วงแม่จัง  ว่าแต่ว่าเราน่ะ  โฉะองพี่ฝากดูแลแม่ด้วยนะจ๊ะ  ร่างบางตาโตบอกแม่ก่อนที่จะหันไปพูดฝากฝังกับน้องชาย

    พี่โทโมะ  ผมอยากไปเยี่ยมพี่ยูด้วยจัง  ให้ผมไปด้วยไม่ได้หรอครับ  โฉะองเริ่มอ้อนพี่สาว  เขาเป็นห่วงพี่ยูจริงๆนี่นา  ยิ่งรู้ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่รู้สึกตัวเลยจนป่านนี้ก็ยิ่งเป็นห่วง

    ไม่ได้จ่ะ  ถ้าโฉะองไปอีกคนแล้วใครจะอยู่ดูแลแม่ล่ะจ๊ะ  น่านะ  พี่ไปแล้วพี่จะรีบกลับมาบอกอาการของยูอิจิให้รู้อีกทีนะ  อ้อแล้วก็จะบอกยูอิจิด้วยว่าโฉะองฝากเยื่ยมด้วย  ดีไหมจ๊ะ  นะเด็กดี  ร่างบางต้องใช้ลูกล่อลูกชน  และเหตุผลขึ้นมาเพื่อให้น้องชายยอมฟัง  จนในที่สุดโฉะองก็ยอมฟัง  ไม่รบเร้าที่จะขอตามพี่สาวไปเยี่ยมยูอิจิอีก

    งั้นโทโมะไปนะจ๊ะแม่  พี่ไปแล้วนะโฉะอง  เอ่อ  เคอิจิโร่จัง  ข้าฝากแม่และน้องชายด้วยนะ  ร่างบางกล่าวลาแม่และน้องชาย  จากนั้นจึงหันไปสบตาชายหนุ่มร่างโปร่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆโฉะองน้องชายของนางพลางเอ่ยฝากแม่และน้องให้ชายหนุ่มช่วยเป็นธุระดูแลให้ระหว่างที่นางไม่อยู่

    อืม  ไม่ต้องห่วงหรอก  ข้าจะดูแลอย่างดีเลย  รีบไปเถอะกว่าจะถึงก็อีกตั้งไกลนะ  ร่างโปร่งกล่าวตอบโทโมะ  ก่อนที่ร่างบางจะออกเดินทางไปพร้อมโคคิ  โดยการขี่ม้าไป  ซึ่งโทโมะเองก็มีพื้นฐานในการขี่ม้าอยู่แล้ว ฝีมือการพร่ำสอนของครูฝึกสอนจำเป็นหรืออาจจะเป็นอาสาฝึกสอนเสียเองอย่างยูอิจิเมื่อครานั้น  จึงไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางครั้งนี้เท่าใดนัก

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    ณ โถงพระราชวังแคว้นอายาเสะ

     

    ลูกหญิงจะว่าอย่างไร ถ้าหากพ่อจะส่งลูกไปหมั้นกับเจ้าชายจินแห่งอาคานิชิซึ่งเป็นพันธมิตรกันมาช้านานตามพระราชสาส์นที่ส่งมา  พระราชาอายาเสะตรัสถามราชธิดาซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้เบื้องล่างบัลลังก์ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงอ่านพระราชสาส์น

    ลูกแล้วแต่ท่านพ่อเพคะ  ราชธิดาพระองค์เดียวแห่งแคว้นอายาเสะทรงตรัสตอบพระราชาผู้เป็นพ่อ

    ลูกหญิงประสงค์ที่จะไปหรือไม่  พระราชาทรงตรัสถามน้ำเสียงอ่อนโยน

    ประสงค์เพคะ  ลูกประสงค์ที่จะไปเพคะ   ทรงตรัสตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง  พระนางอยากไปเหลือเกิน เมื่อครั้งยังเยาว์พระนางเคยไปอยู่ที่อาคานิชิอยู่พักหนึ่ง  ได้รู้จักท่านพี่จิน  บัดนี้พระนางอยากพบท่านพี่มาก  อยากรู้เหลือเกินว่าขณะนี้ท่านพี่ทรงเป็นอย่างไรบ้าง  จะยังจำกันได้บ้างหรือไม่

    อืมมม  พ่อจะได้ให้ลูกหญิงถือสาส์นไปให้มอบให้กับพระราชาอาคานิชิเสียเลย  เอาไว้สักพักก่อนแล้วพ่อค่อยส่งลูกไปแล้วกัน  เพราะทางฝ่ายเขาจะได้ไม่เห็นว่าทางเราอยากไปเสียจนเนื้อตัวสั่น  พระราชาทรงกล่าวกับราชธิดา  พลางส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้

    เพคะท่านพ่อ  เจ้าหญิงฮารุกะทรงตรัสตอบพระราชากลับไป

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    ป่านนี้จะรู้สึกตัวหรือยังนะ เฮ้อ เป็นห่วงจัง

    เอ่อ  โคคิ  อีกไกลหรือไม่  กว่าจะถึง  ร่างบางเอ่ยถามออกไป  ขณะนี้ใจของนางล่วงล้ำหน้าไปอยู่เคียงกับยูอิจิเสียก่อนแล้ว  ทั้งที่เพิ่งออกเดินทางมาได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง

    เอ่อ  คือ  ก็ยังอีกไกลโขอยู่น่ะครับ  ถ้าเดินทางโดยไม่หยุดพักจากนี้ก็คงจะเป็นเวลาอีก  10  กว่าวันเห็นจะได้  โคคิเอ่ยตอบกลับไป  เข้าใจดีว่าร่างบางที่อยู่บนหลังม้าอีกตัวนั้น  เป็นห่วงเพื่อนของเขามากเพียงใด  และประสงค์ที่จะไปถึงให้เร็วดั่งใจนึกนั่นอีก  ความรู้สึกหาได้ต่างกันไม่แม้แต่น้อย  เป็นห่วงจับใจ

    จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก  ต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อไป  แต่มีอะไรบางอย่างผิดปกติจนร่างบางจับสังเกตได้จึงแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม  ดวงอาทิตย์ถูกเมฆหนาบดบังจนไร้แสงแยงตาเมื่อร่างบางมองขึ้นไป  และพบกับสิ่งผิดปกติจริงๆ นั่นคือ  มีนกตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินวนอยู่รอบๆคนทั้งสอง  สูงขึ้นไปหลายไมล์นัก  ร่างบางเป่าปากตัวเอง  พลางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นแล้วกางออก  สักพักนกตัวนั้นก็บินวนลงมาเรื่อยๆจนมาเกาะอยู่ที่แขนข้างหนึ่งของร่างบาง  โคคิเองก็มองตามตาแทบไม่กระพริบ  เพราะเขาไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน  คนที่บังคับนกได้อย่างนี้  และสิ่งที่เห็นต่อไปต้องทำให้ร่างบึกบึนตะลึงมากขึ้นคือ  ร่างบางหยิบอะไรบางอย่างที่คล้ายกับกระดาษแผ่นเล็กๆที่ขดม้วนไว้ออกมาจากบริเวณขาข้างหนึ่งของนกตัวนั้นออกมา จากนั้นจึงคลี่ออกแล้วเพ่งสายตาไปที่กระดาษแผ่นจ้อยนั่น

    เอ่อ  ในนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไรบ้างครับ  โคคิเอ่ยถามร่างบางอย่างเกรงใจเต็มที  แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้เพราะเห็นว่าคิ้วร่างบางขมวดจนเป็นปม  และมีน้ำคลออยู่ที่ดวงตากลมโตนั่นทันทีที่อ่านจบ

    คือ  โคคิ  ข้า...  ข้าจะกลับบ้าน…”   พูดออกมาได้ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาทันที  จนโคคิอดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากร่างบาง  คิดว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากว่าต้องพาร่างบางกลับบ้านจริงๆอย่างที่เจ้าตัวต้องการ

     

     

    หลังจากที่เดินทางโดยไม่ได้หยุดพักก็กลับมาถึงบ้านอันเป็นจุดมุ่งหมายในช่วงเย็นของวันที่ 2 นับจากวันที่ได้รับจดหมายที่เคอิจิโร่ฝากมากับนกที่ทั้งนางและอีกคนช่วยกันเลี้ยงและช่วยกันฝึก  พลันเห็นน้องชายยืนรออยู่หน้าบ้าน  จึงรีบลงจากม้าแล้วตรงเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น  เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากน้องชายก็ทำให้ร่างบางถึงกับล้มทั้งยืนทันที  จนโคคิที่ลงจากหลังม้าแล้วเดินตามหลังร่างบางเข้ามารับไว้ก่อนที่จะล้มลงกองกับพื้น  จากนั้นก็พาร่างบางของโทโมะมานั่งลงที่เก้าอี้หน้าบ้าน  แล้วเอ่ยถามโฉะองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

    หลังจากวันนั้นที่พวกพี่ออกเดินทาง  แม่ก็อาการทรุดลงกะทันหัน  แล้วก็...  โฉะองเล่าให้ฟังตั้งแต่ออกเดินทางจนมาหยุดลงเพราะไม่สามารถพูดได้แล้ว  พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มปริ่มขึ้นอีกครั้งของวัน  และโคคิก็พอที่จะเดาออกทันทีโดยไม่ต้องให้เด็กน้อยฝืนใจเล่าจนจบ  จากนั้นจึงดึงร่างเล็กของเด็กน้อยเข้ามากอดไว้หลวมๆพลางลูกศีรษะปลอบโยน  อีกมือก็ยื่นไปแตะเบาๆที่บ่าแบบบางนั่นเพื่อเป็นการให้กำลังใจโทโมะที่นั่งอยู่ข้างๆ

    การเดินทางจึงถูกเลื่อนออกไปอึกสักระยะจนกว่างานศพแม่จะเสร็จสิ้นลง  และโคคิยังต้องอยู่ช่วยงานอีกแรง  ถ้าจะให้เขาดูอยู่เฉยๆก็เห็นว่าไม่สมควร  เพราะเขามาอยู่รบกวนที่บ้านแม่หญิงโทโมะเสียนาน  ถ้าไม่ช่วยก็กระไรอยู่  และเขาคงไม่อาจกลับไปพบหน้าเพื่อนได้เป็นแน่

    ในที่สุดโคคิก็ต้องเดินทางกลับสู่หัวเมืองเทโงชิเพียงลำพัง  เนื่องจากโทโมะขออยู่เพื่อดูแลชาวบ้าน  และที่สำคัญน้องชายคือครอบครัวที่สำคัญเพียงหนึ่งเดียวของร่างบางในขณะนี้ที่นางต้องดูแลให้ดีที่สุด  ไม่อยากที่จะจากไปไหนไกลอีกเป็นครั้งที่สองถึงแม่หญิงจะเป็นห่วงยูอิจิมากมายเพียงใดก็ตาม  นางก็ทำได้แต่เพียงฝากความคิดคำนึงไปกับสายลมให้พัดพาไปหายูอิจิเท่านั้น  เผื่อคนผู้นั้นจะรับรู้ได้

     

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    ที่นี่ที่ไหนกันนะ  แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร  รอบตัวเหตุใดจึงมืดมิดเช่นนี้  อากาศรอบตัวเย็นจัดจนร่างสูงต้องถูมือตัวเองไปมาเพื่อคลายความหนาวเย็นให้จางลง

     

    ยูอิจิ  ยูอิจิ  เสียงเรียกแผ่วเบาของใครสักคนดังขึ้น  ไม่บ่งบอกว่าเสียงนั้นมาจากทิศทางใด  จนร่างสูงต้องเพ่งมองไปรอบตัว  เพื่อค้นหาเจ้าของเสียงนั่น  เขาจำเสียงนั้นได้ดี  เขาต้องการพบเจ้าของเสียงเสียงนั้นมาตลอด  คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกอยู่ในทุกอนู ของความคำนึงถึง

    แม่หญิงโทโมะ!! ... แม่หญิงโทโมะ!!”  ร่างสูงตะโกนตอบเสียงเสียงนั้น  พลางหมุนตัวมองไปรอบๆบริเวณแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น  ไม่มีใคร  ไม่มีเจ้าของเสียงนั้นที่เขาอยากพบนักอยากพบหนา

                    ยูอิจิ  ยูอิจิ  เสียงเรียกนั้นดูเหมือนว่าจะดังขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้ร่างสูงอดที่จะมองหาไม่ได้  พลันสายตาไปหยุดอยู่ที่คนหนึ่งคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ร่างสูงมากขึ้น  ผู้หญิงสาวคนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา

    พ่อยูอิจิจ๊ะ  เหตุใดจึงได้มาอยู่ที่นี่เล่าจ๊ะ  แม่ของแม่หญิงโทโมะเดินเข้ามาหายูอิจิ  พลางเอ่ยกับร่างสูงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    เอ่อ คือ ... แม่หญิง ... ท่านเป็น  ร่างสูงถามออกมา  เมื่อรู้สึกว่าเขาคุ้นตาในร่างบางของหญิงผู้นี้มาก่อนแน่ๆ

    แม่คือแม่ของโทโมะไงจ๊ะ  จำได้หรือไม่ว่าเราเคยพบกันเมื่อนานมาแล้ว  ครั้งที่เจ้ามาเล่นกับโฉะองลูกของแม่น่ะ  ร่างบางแนะนำตัวเอง  พลางถามร่างสูงถึงเหตุการณ์ในอดีตที่พบกันเป็นครั้งแรกด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่ถูกส่งไปให้

    อ๋อ  เอ่อ  ครับ  จำได้  แล้วผมควรไปทางใดดี  ในเมื่อรอบกายข้ามืดมิดเช่นนี้  ร่างสูงเอ่ยถามออกไป เขาไม่รู้ว่าควรเดินไปทางใดดี  ความมืดมิดรอบกายทำให้เขาไม่มั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป  ทิศทางใดที่จะทำให้เขาได้พบกับผู้คนที่เป็นที่รักยิ่งอีกครั้ง  ร่างบางของแม่หญิงยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านขวามือของร่างสูง  พร้อมกับพูดขึ้น

    เดินไปทางนี้  เดินไปเรื่อยๆ  แล้วเจ้าจะพบทางออกที่จะสามารถกลับไปหาทุกคนได้อีกครั้ง  ร่างสูงมองไปตามมือนั้นที่ชี้ออกไป  พอหันมาที่ที่แม่ของแม่หญิงโทโมะยืนอยู่ก็ไม่พบใคร  คล้ายกับว่าไม่เคยมีใครยืนอยู่ด้วยซ้ำ  ร่างสูงจึงออกเดินไปในทิศทางที่แม่ของคนที่เขารักชี้นำไป  เดินไปเรื่อยๆจึงจะพบทางออก

     

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

     

    รับพระกายาหารรับยาหรือยังครับคาซึยะจัง  ร่างสูงโปร่งของทหารคนสนิทเอ่ยถามขึ้นในเย็นของวันหนึ่ง

    รับแล้วล่ะจุนโนะ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  คาซึยะไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว  ร่างบางของเจ้าชายน้อยตรัสตอบทหารคนสนิทกลับไป  ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงมากนัก  เพราะรู้ดีว่าจุนโนะมีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง  หลังจากที่ได้ข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายจิน  และคนอื่นๆ  พระราชาและพระราชินีก็ทรงพระประชวรเสียอีก  ถึงจะค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว  ทำให้หน้าที่ทุกอย่างตกเป็นของจุนโนะและโคอิจิซึ่งเป็นทหารคนสนิทของพระราชา  ส่วนตัวเขาเองนั้นก็ได้แต่ไม่สบายและคอยเป็นภาระให้จุนโนะเข้าเสียอีก

    หรือครับ  งั้นก็พักผ่อนเสียนะครับ  จะได้หายเร็วๆ  จุนโนะเอ่ยบอกพร้อมกับพาร่างบางของเจ้าชายคาซึยะจากริมหน้าต่างห้องบรรทมไปยังเตียงนอน  เพื่อให้พักผ่อน

    จุนโนะ  คาซึยะเป็นภาระของจุนโนะหรือเปล่า  จู่ๆเจ้าชายน้อยก็ทรงตรัสถามออกไป  ดวงหน้าเจ้าชายน้อยไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดใด  ทำเอาทหารคนสนิทอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ  ได้แต่คิดว่าเหตุใดจึงทำให้เจ้าชายน้อยของเขาคิดเช่นนี้ได้

    ครับเป็น  คาซึยะจังเป็นภาระหน้าที่ที่ข้าจักต้องดูแลให้ดีที่สุด  เป็นภาระที่หนักมาก  แต่ข้าอยากให้คาซึยะจังรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า  คาซึยะจังเป็นภาระที่ข้ายินดีและเต็มใจแบกรับไว้เอง  ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับคนดี  ทำใจให้สบายนะ  ร่างสูงโปร่งกล่าวปลอบใจเจ้าชาย  พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนไปให้  เขาคิดอย่างที่พูดไปจริงๆ  คนตรงหน้านี้เป็นภาระสำหรับเขาจริงๆ  เป็นภาระที่เขายินดีที่รับผิดชอบเอาไว้เอง  เพื่อรอคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าตัวน้อยนี้มารับช่วงดูแลต่อไป  หากแต่เวลานี้ความหวังเหล่านั้นมันกลับเลือนรางหายไปเสียสิ้น เมื่อได้รับข่าวร้ายนั้น  ไม่มีอีกแล้วผู้ที่จะมารับช่วงดูแลเด็กน้อยพลัดถิ่นผู้นี้  ไม่ว่าจะรอเนิ่นนานเพียงใด  ก็ไม่มีวันที่คนที่เจ้าตัวเล็กรอคอยเขาจะกลับมาหาอีกแล้ว  ไม่มี....

    นอนพักผ่อนได้แล้วนะครับ  พูดจบก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ร่างบางก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

     

     

     ระเบียงด้านหน้าวัง

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนอยู่เพียงลำพัง  ยืนตากน้ำค้างอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน  พลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี  ท้องฟ้าคืนนี้มีดาวดวงน้อยใหญ่ส่องแสงประกายระยิบระยับ  ช่างสวยสดงดงามเสียจริง  มองแล้วก็ทำให้นึกไปถึงใครคนหนึ่งที่มีความงดงามเช่นดวงดาวเหล่านี้  ทหารคนสนิทของเจ้าชายจิน  อุเอดะ  ทัตสึยะ  ข้าอยากพบเจ้าเหลือเกิน  นานเพียงใดแล้วนะ  ที่เราจากกันไกลถึงเพียงนี้  เจ้าอยู่บนนั้นใช่หรือไม่หนอ  หากใช่  แล้วเจ้ามองเห็นข้าหรือไม่  เห็นใครคนหนึ่งที่ต้องการเจ้าเสียเหลือเกิน  ใครคนหนึ่งที่สำนึกผิดที่เป็นคนทำให้คนที่รักเขาต้องเสียใจถึงเพียงนี้  ใครคนหนึ่งที่ไม่มีสักลมหายใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ได้รักเจ้า …….

     

    ทัตสึยะ……………..

     

     

    รักเหลือเกิน...............

     

     

    คิดได้เพียงเท่านี้ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องหยุดความคิดนั้นลงแทบจะในทันที  เมื่อสายตาร่างสูงโปร่งพลันเหลือบไปเห็นเบื้องล่างนอกประตูวังราวกับมีกองทัพทหารเดินขบวนเข้ามาอย่างนั้น  สงสัยเต็มทีจึงเพ่งสายตามองไปยังกองทัพนั่น  ไม่นานความปิติยินดีก็แล่นเข้าสู่หัวใจร่างสูงโปร่งทันที  เมื่อเห็นว่าใครขี่ม้านำขบวนมา  แล้วยังจะผู้ติดตามซึ่งขี่ม้าเยื้องไปทางด้านหลังทั้งสองด้านอีก  สิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของร่างสูงโปร่งเต้นไม่เป็นจังหวะ  เร็วเท่าความคิดนั่นคือการกระทำที่ร่างสูงโปร่งวิ่งลงไปยังเบื้องล่างไม่นานนักร่างสูงก็มาถึงประตูวัง  จึงตรงเข้าไปตะโกนบอกพวกทหารที่เข้าเวรเฝ้าประตูวังอยู่นั้นให้เปิดประตูออกเพื่อต้อนรับเจ้าชายจินและบุคคลอื่นๆให้เข้ามาในเขตวัง  จากนั้นจุนโนะก็ทำหน้าที่เป็นม้าเร็วนำข่าวดีไปบอกแก่พระราชาและพระราชินีทันที

     

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    อืมมมม... แสบตาจัง  จุนโนะช่วยปิดม่านให้หน่อยสิ  เจ้าชายน้อยทรงลืมหรี่ดวงเนตรขึ้นในเช้าวันถัดมา  พลางส่งเสียงบอกให้จุนโนะช่วยปิดม่านให้เพราะแสงแดงที่ส่องผ่านเข้ามาทำให้พระองค์แสบเนตรจนไม่สามารถที่จะนอนต่อไปได้

    หืม  แสบตาหรือ  นี่คาซึยะจะไม่ตื่นขึ้นมาต้อนรับพี่อย่างที่เคยแล้วหรือไร  เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นพลางอมยิ้มน้อยๆกับภาพตรงหน้าที่ไม่ได้เห็นเสียเป็นเวลานาน  และเป็นเสียงที่ทำให้เจ้าชายน้อยทรงต้องลืมพระเนตรขึ้นในทันทีที่ได้ยินเลยทีเดียว

    ท่าน...พี่  พูดขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา  เอ่ยติดขัดอย่างคนที่ไม่แน่ใจว่าภาพที่เห็นนั้นจะเป็นเพียงความฝันหรืออย่างใด

    ครับ  คาซึยะ  พี่กลับมาแล้วนะครับคนดี  เจ้าชายตรัสพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่าย อยากพบเหลือเกิน  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  อยากพบมาตลอด  เป็นห่วงอีกฝ่ายมากมายเพียงใด  เจ้าตัวเล็กจะสัมผัสถึงบ้างหรือไม่หนอ

    ท่านพี่...  มีเรื่องที่อยากจะพูดอยากจะบอกอีกมากมายเหลือเกิน  แต่คำพูดเหล่านั้นกลับถูกกลืนหายเข้าไปจนหมด  พูดได้เพียงเท่านั้นก็ร่ำไห้ออกมาทันที  พระองค์คิดว่าจะไม่ได้พบเจอท่านพี่อีกแล้วในชีวิตนี้  รักท่านพี่เหลือเกิน  รักมากที่สุด

    เห็นดังนั้นเจ้าชายจินก็ทรงเดินเข้ามาหาและดึงร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมากอดแนบอก  พลางลูบเส้นพระเกศาสีน้ำตาลอ่อนยาวระที่นอนอย่างทะนุถนอม  ร่างสูงยิ่งเพิ่มแรงกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นเมื่อรับรู้ถึงแรงสะอื้นไห้  จากคนตัวเล็กที่เขาแสนรักในอ้อมแขน  พักใหญ่ร่างบางจึงค่อยสงบลง  จากนั้นเจ้าชายจินจึงได้รับรู้ถึงไอร้อนที่ระเหยออกมาจากร่างเล็กในอ้อมกอด  ทำให้เจ้าชายจินทรงตกใจและเป็นห่วงมาก  จึงดันตัวคนตัวเล็กออกเบาๆ  แล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของร่างบาง  จึงรับรู้ถึงความร้อนบนหน้าผากมนนั่น

    คาซึยะไม่สบายหรือครับ  ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง  พลางดันตัวร่างบางให้ลงนอนอีกครั้ง  พร้อมกับบอกคนตัวเล็กบนเตียงว่าจะออกไปตามคนให้ไปเอายามาให้  แต่ก็ถูกคนบนเตียงรั้งเอาไว้เสียก่อน  จึงทำได้เพียงแค่ตะโกนออกไปนอกห้องให้นางกำนัลที่อยู่ข้างนอกเข้ามา  แล้วสั่งให้ไปเอายาและอาหารมาให้เจ้าชายคาซึยะที่ห้อง

    ท่านพี่เพคะ  อยู่กับคาซึยะอีกสักประเดี๋ยวได้หรือไม่เพคะ  เจ้าชายคาซึยะทรงถามเจ้าชายจินขึ้น  พลางหลบสายตาเจ้าชายจินเป็นการใหญ่  เมื่อสบตากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ  เจ้าชายจินเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งยิ้มออกมา  ยื่นมือมาลูบพระเกศาสีน้ำตาลอ่อนอย่างเบามือ  นึกเอ็นดูคนตรงหน้าไม่น้อยทีเดียว  ก็ท่าทีอย่างนี้แหละที่ทำให้พระองค์หลงรักร่างบางคนนี้จนไม่อาจที่จะทอดถอนใจได้  ไม่ว่าจะทรงห้ามพระทัยเพียงใดก็ตาม นึกไปก็ยิ้มให้คนบนเตียงไป

     

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    เอ่อ คือ ...เจ้า... เจ้าชายจินทรงเข้าเฝ้าพระราชากับพระราชินีแล้วหรือทัตสึยะ  จุนโนะพยายามหาเรื่องที่จะพูดคุยกับร่างบางหน้าสวยก่อน  ถึงจะยังรู้สึกผิดไม่หายก็ตามกับเรื่องที่ได้ทำไว้  แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายทำเมินเฉยกับเขาอย่างที่ทำอยู่นี้เลย

    อืม  เข้าเฝ้าแล้ว  หากแต่ร่างบางตรงหน้านั้นไม่อยากที่จะพูดคุยหรือเห็นหน้าบุคคลตรงหน้าอีก  จึงตอบสั้นๆได้ใจความกลับไป  แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง  โดยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย  ทำให้ร่างสูงโปร่งหน้าหมองลงทันที  เจ้าคงไม่อยากแม้แต่จะพบหน้าข้าจริงๆสินะ  มันก็สมควรแล้วนี่นากับสิ่งที่เขาทำไว้  แต่...  ไม่คิดที่จะให้โอกาสให้ข้าได้แก้ตัวสักครั้งเลยหรือ....................

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    น้องอายะ  วันนี้ข้าจะส่งทหารไปรับเจ้าหญิงฮารุกะมาอยู่ที่แคว้นเรา  น้องเห็นว่าอย่างไรเล่า  พระราชาตรัสถามพระราชินีอายะ  หลังจากที่พระราชาทรงรอดูสถานการณ์ของบ้างเมืองมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว  ว่าไม่มีการรุกรานหรือก่อกวนจากแคว้นใดกลุ่มใด  จึงตัดสินพระทัยที่จะรับเอาเจ้าหญิงฮารุกะมาอยู่ที่นี่

    น้องว่าก็ดีเหมือนกันนะเพคะ  จินกับเจ้าหญิงฮารุกะจะได้สนิทสนมกันเร็วๆ  พระราชินีทรงเห็นด้วยกับพระราชา  ยิ่งไปรับมาอยู่ที่นี่เร็วเท่าไหร่  จินกับเจ้าหญิงจะได้สนิทกันเร็วขึ้นเท่านั้น  พระนางทรงอยากอุ้มพระโอรสหรือหระธิดาองค์น้อยๆพระทัยแทบขาดแล้ว  โดยไม่มั่นใจว่า  ถ้าจินไม่ยอมอภิเษกกับเจ้าหญิงฮารุกะ พระนางจะต้องทรงรอคอยไปอีกนานเท่าใด  พระชนม์ของพระนางและพระราชาก็ทรงมากขึ้นทุกวัน  และด้วยความที่สุขภาพของพระองค์ทั้งสองก็ทรงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก  เกรงว่าจะรอจนถึงวันนั้นไม่ไหว

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    …………………………………………….

     

     

     

    ……………………..

     

     

     

    ………..

     

     

     

    ..

     

     

     

    TO BE CON    ……..      part 6

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×