คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 2
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
PROMISE OF LOVE
JIN ~ ME
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
Part 2
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในหัวเมืองทางตอนเหนือภายใต้การปกครองของแคว้นอาคานิชิ
“โฉะอง! เข้าบ้านได้แล้ว เย็นมากแล้วนะ” เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังเก็บผ้าที่ตากอยู่บนราวซึ่งยืนเหม่อลอยอยู่ ให้รู้สึกตัวจากความคิดตนเอง แล้วหันไปที่ตัวต้นเหตุ นั่นคือ เด็กน้อยหน้าตาน่ารัก
อายุประมาณ 8 ขวบ ที่ยังคงยืนปักหลักอยู่ที่หน้าบ้านไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น คล้ายกับกำลังรอใครสักคน
เมื่อเก็บผ้าเสร็จก็เอาเข้าไปไว้ในบ้าน จากนั้นจึงเดินออกมาหาเจ้าตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าบ้าน มองจากด้านหลังก็ส่ายหัวไปมายิ้มแห้งๆกับตัวเอง น้องรอผู้ใดเหตุใด นางจึงจะไม่รู้ ก็ตัวนางเองบางทียังรู้สึกเหมือนรอคอยใครคนนั้นเช่นกัน
นึกไปถึงคำสัญญาของคนผู้นั้นที่ให้กับนางและเจ้าตัวเล็กว่า
“ข้าสัญญาว่าจะมาที่นี่อีกอย่างแน่นอน อย่างไรเสียข้าก็ต้องมาตรวจราชการที่หัวเมืองนี้อยู่แล้ว แล้วที่นี่ก็คือทางผ่าน ที่ต้องผ่านไปมาทุกครั้งด้วย” คิดแล้วก็ยิ้มบางเบากับตนเองอีกที นี่เพิ่งจากกันเมื่อตอนเที่ยงวันนี้เองนะ
ดูสิยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่จากกันนี่ยังไม่ยอมขยับไปไหนเลย ท่าทางจะติดคนผู้นั้นเข้าให้แล้วสินะ
พอเดินมาถึงเด็กน้อย ร่างบางจึงยื่นมือไปวางบนไหล่เล็กของน้องชาย ย่อตัวลงคุกเข่าให้หน้าตัวเองอยู่ในระดับเดียวกับคนตัวเล็กกว่า มองใบหน้าน่ารักของน้องใกล้ๆ พลางใช้มือขยี้ผมนุ่มเบาๆ
“ว่าอย่างไร มายืนรอเลยหรือ วันนี้น่ะเขาไม่มาแล้วล่ะจ่ะ วันพรุ่งค่อยออกมารอใหม่ก็ได้ วันนี้เย็นมากแล้ว รีบเข้าบ้านเถอะนะ” ร่างบางพูดขึ้นข้างๆโฉะองที่ยังไม่ยอมหันมามองหน้าสบตากับนาง
“พี่ว่าเขาจะมาไหม” เอ่ยถามเสียงออกจะเหงาๆ ก็มันเหงาจริงๆนี่ เขาไม่มีใคร ไม่มีเพื่อนที่รุ่นราวคราวเดียวกันสักคน มีแต่คนที่โตแล้ว แล้วเขาก็ต้องทำงานกัน ไม่มีใครว่างที่จะมาเล่นกับเขาสักคน
“เขาต้องมาสิ เพราะเขาให้สัญญาแล้วนี่นา เนอะ” ร่างบางพูดอย่างปลอบใจน้องชาย ทั้งที่นางยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาผู้นั้นจะมาจริงๆตามที่เคยพูดไว้หรือไม่ ก็คนที่เป็นทหารน่ะมีเวลาว่างมากเสียที่ไหน
แล้วที่มาตรวจราชการน่ะ ก็ใช่ว่าจะตรวจที่เดิมซ้ำบ่อยๆ อย่างน้อยก็ต้องตระเวนไปให้ทั่วเสียก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาตรวจที่เดิมอีกครั้ง
และไม่แน่ว่าคราต่อไปอาจเป็นทหารนายอื่นมาตรวจแทนก็เป็นได้ แล้วร่างบางก็ไม่รู้เช่นกันว่าอีกนานเพียงใดกว่าที่ทหารจะกลับมาตรวจที่หัวเมืองนี้อีก จึงได้แต่พูดปลอบใจให้น้องชายนางสบายใจขึ้นเท่านั้น
จากนั้นร่างบางก็ยืนขึ้นแล้วจูงมือน้องชายให้เดินตามเข้าบ้านไป ฝ่ายเด็กน้อยก็ทำตามอย่างว่าง่าย
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“อืมมมมม... อ๊ะ ท่านพี่! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ”
เจ้าชายน้อยคาซึยะรู้สึกองค์ตื่นขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วมือของเจ้าชายจินที่ปัดปอยผมออกให้อย่างอ่อนโยน
“กลับมาได้สักพักแล้ว แล้วก็เห็นเด็กที่ไหนก็ไม่รู้นั่งหลับพิงต้นไม้อยู่น่ะสิ” เจ้าชายจินแกล้งแหย่คนเพิ่งตื่น
พร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนไปให้ หวังที่จะได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะใสๆของคนตรงหน้าเช่นเคย ยิ้มเจื่อนลงทันที
เมื่ออีกฝ่ายไม่ยิ้มตอบเหมือนเคย จึงตรัสถามด้วยความเป็นห่วง
“คาซึยะ เป็นอะไรไป มีอะไรไม่สบายใจหรือครับ บอกพี่ได้นะ” คาซึยะจังเป็นอะไรนะ จำได้ว่าก่อนที่พระองค์จะไปตรวจราชการยังไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย จะว่าคิดถึงพระองค์ก็ไม่น่าใช่
เนื่องจากตอนนี้พระองค์ก็ทรงอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ คิดๆดู ก็...คาซึยะอยู่ที่สวนด้านหน้าวัง แล้วพระองค์ก็ทรงคุยกับท่านพ่อที่สวนหน้าวังเช่นกัน
หรือว่า!!! เจ้าตัวเล็กจะได้ยินที่พระองค์ทรงคุยกับท่านพ่อ ทำอย่างไรดี >_<
“เอ่อ คือ ท่านพี่ให้คำตอบกับท่านลุงไปว่าอย่างไรบ้างเพคะ เรื่อง เอ่อ ...” ร่างบางก้มหน้าก้มตาถามโดยไม่เงยหน้าสบตาร่างสูง จริงด้วยสิ คาซึยะได้ยินจริงๆ จะทำอย่างไรดี
“แล้วคาซึยะ ... อยากให้พี่ตอบท่านพ่อไปว่าอย่างไรล่ะครับ” ร่างสูงเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิงดูปฏิกิริยาคนตรงหน้าว่าจะทำเช่นไร แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อร่างบางตอบกลับมา
“ถ้าโดยหน้าที่ของเจ้าชายรัชทายาทเพียงพระองค์เดียวของพระราชาและราชินีอย่างท่านพี่แล้ว ซึยะก็อยากให้ท่านพี่ตอบตกลงรับปากเรื่องหมั้นหมายกับท่านลุงไปเพคะ”
ตรัสตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าชายจินอย่างมั่นคง ถึงแม้ว่าภายในพระทัยนั้นจะช่างขัดกับสิ่งที่พระองค์ตรัสออกไปก็ตาม
แต่เท่าที่ฟังมานั่นคือ การอภิเษกที่เป็นหน้าที่เพื่อแคว้น เพื่อประชาชน ผู้ที่เป็นเจ้าชายจะไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ว่าจะอภิเษกหรือไม่ ถึงจะปฏิเสธได้พระองค์ก็ไม่อยากให้ทรงปฏิเสธอยู่ดี
“สรุปแล้วคาซึยะอยากให้พี่ตอบตกลงเช่นนั้นหรือ” เจ้าชายจินตรัสถามด้วยพระสุรเสียงราบเรียบราวกับไม่มีความรู้สึก
แต่ภายในพระหฤทัยหาเป็นเช่นนั้นไม่ ภายในพระหฤทัยพระองค์กลับรู้สึกปวดร้าว ราวกับดวงฤทัยแตกสลาย เมื่อถูกผู้เป็นที่รักยิ่งผลักไสให้พระองค์ไปกับผู้อื่นเช่นนั้น
“เอาล่ะ พี่เข้าใจแล้ว พี่จะไปให้คำตอบท่านพ่อ ส่วนคาซึยะเองก็นอนหลับซะนะ” ร่างสูงพูดพลางส่งยิ้มอ่อนโยนให้
ยกมือขึ้นมาลูบพระเกศาสีน้ำตาลอ่อนนุ่มของร่างบางผู้เป็นดั่งดวงหฤทัย
เจ้าชายน้อยคาซึยะปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ยิ้มน้อยๆส่งไปให้เจ้าชายที่เขาแสนจะหวงแหนคนนี้ก่อนจะปิดเปลือกเนตรลง
เจ้าชายจินยังคงลูบเกศานุ่มต่อไปจนร่างบางหลับสนิทแล้วจึงลุกขึ้น จุมพิตบนหน้าผากเนียนด้วยความรักใคร่
ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ร่างบาง แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
หลังจากได้ฟังเรื่องจากเจ้าชายจินแล้ว ร่างบางหน้าสวยซึ่งเป็นทหารคนสนิทของเจ้าชายจินถึงกับอารมณ์เสียสุดๆ
เพราะเขาแน่ใจว่าผู้ที่นำความไปบอกเจ้าชายตัวน้อยของเขามีอยู่ผู้เดียวเท่านั้น นั่นคือทหารคนสนิทของเจ้าชายน้อยคาซึยะ จะเป็นใครอื่นอีกไม่ได้
เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ว่าจะเรื่องอะไร เจ้ายีราฟนั่นก็ต้องเอาความไปบอกกล่าวให้เจ้าชายตัวน้อยฟังทุกครั้งไป เดินไปพลางคิดไปพลางจนไม่ทันได้มองทาง
ตุ๊บ!!
“โอ๊ย! เฮ้ย!”
เสียงชนเข้ากับใครบางคน จนล้มก้นกระแทกพื้นเต็มๆ และคนที่ล้มก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือคนที่อารมณ์ไม่ดี
นึกบ่นอีกฝ่ายอยู่ในใจเมื่อครู่นี้เอง
“อูย เจ็บก้นชะมัด” ร่างบางบ่นอุบอิบพลางเอามือลูบก้นตัวเองป้อยๆ จู่ๆก็มีมือใครบางคนยื่นมาตรงหน้าเขา
หมายที่จะให้ยึดเป็นหลักในการลุกขึ้นยืน ร่างบางยื่นมือออกไปให้อีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวคำขอโทษ เฮ้ย!!
เสียงนี้ เสียงแหลมๆสูงๆอย่างนี้ ไม่มีใครอีกแล้ว
จุนโนะ!!
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครรีบชักมือกลับแทบไม่ทัน รีบลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองทันที โดยที่ยังไม่คลายจากอารมณ์เสีย
จึงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง
“เหตุใดเจ้าจึงเอาความไปบอกคาซึยะ” เอ่ยว่าขึ้นมาทันที โดยไม่กล่าวแจ้งแถลงไขเสียก่อน ทำเอาร่างสูงโปร่งตรงหน้างงเป็นยีราฟตาแตกเลยทีเดียว
“เจ้าพูดเรื่องอะไรเนี่ย ข้าไม่เข้าใจ” ร่างสูงโปร่งยืนทำหน้าเหรอหรา เมื่อไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องใด
“เจ้าอย่ามาทำหน้าไม่รู้เรื่องหน่อยเลย เรื่องที่เจ้าเอาความที่เจ้าชายจินจะต้องทรงหมั้นหมายไปบอกคาซึยะ
อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ เจ้าไม่รู้หรือไรว่าเรื่องนี้ต้องให้เจ้าชายทรงบอกเองน่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีกับคาซึยะถึงได้บอกไป
แต่ความรู้สึกของคาซึยะน่ะ ย่อมทรงอยากได้ยินจากปากเจ้าชายเองนะ ไม่ใช่จากปากคนอื่น ถึงจะสนิทกันก็เถอะ
เจ้าอยู่กับคาซึยะมานาน รู้หรือไม่ว่าคาซึยะมีใจต่อเจ้าชายน่ะ หรือแกล้งไม่รู้ หรือว่าเจ้าเองก็มีใจต่อคาซึยะเช่นกัน”
หลังจากพูดเสียยืดยาวอุเอดะก็ถึงกับหอบหายใจแรงเลยทีเดียว เนื่องจากพูดโดยไม่หยุดพักหายใจเลย แต่คนตรงหน้าก็ยังเงียบ ((ที่เงียบน่ะ คือยังงงอยู่))
“เปล่า ข้าไม่ได้มีใจต่อซึยะอย่างที่เจ้าว่าเสียหน่อย ซึยะก็เป็นเหมือนน้องชายของข้า ข้าไม่มีทางคิดอะไรเช่นนั้นได้หรอก” ร่
างสูงโปร่งอธิบายให้ร่างบางฟังทั้งที่เขาเองก็ยังคงงงอยู่เลย
“แต่เท่าที่ข้าเห็น ข้าว่าเจ้ามีใจต่อคาซึยะอยู่ดี” อุเอดะยังคงเถียงต่อ ก็เท่าที่เขาเห็นมันก็เป็นเช่นนั้นนี่นา ห่วงใย เอาใจใส่กันเหลือเกิน
เห็นแล้วหงุดหงิด โอ๊ย แล้วทำไมเขาต้องหงุดหงิดด้วยเนี่ย
“ข้าว่ามันแปลกๆอยู่นา เจ้าพูดแบบนี้น่ะ” ร่างสูงโปร่งถามพลางรี่ตามองอีกฝ่าย
“ทำไม มันแปลกอย่างไรที่ข้าพูดน่ะ” อุเอดะสงสัยเต็มกำลังแต่ยังทำเป็นไม่สนใจ
“ก็เจ้าพูดแบบนี้ หรือว่าเจ้าไม่พอใจที่ข้าเอาใจใส่ซึยะเพียงนี้” หลังจากหายงงแล้ว ก็นึกอยากแกล้งคนขึ้นมา
ก็ใบหน้าสวยตอนร่างบางโมโหน่ะ เป็นอะไรที่เขาชอบมากน่ะสิ
“ใช่ ข้าไม่พอจ..” พูดยังไม่ทันจบ เพราะรู้ตัวเสียก่อนว่าตัวเองพูดอะไรออกไป หยุดไม่ทันแล้ว จึงรีบหันหลังเดินจากไปทันที
ก่อนที่หัวใจจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอกนี่และก่อนที่ใบหน้าแสนสวยของเขาจะเกรียมเสียก่อน
พลางคิดอย่างอารมณ์ไม่ดีเพิ่มจากของเดิมเข้าไปอีก น่าเจ็บใจจริงๆเชียว
หลังจากร่างบางเดินจากไปแล้ว จุนโนะก็ยิ้มจนตาหยี เมื่อรู้ถึงความรู้สึกของคนที่เพิ่งเดินจากไปที่มีต่อเขา
ก่อนที่จะเดินกลับห้องเพื่อไปพักผ่อนโดยที่ใบหน้านั้นยังคงมีรอยยิ้มระบายอยู่ทั่วตลอดทางที่เดินไป
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ณ หมู่บ้านแห่งเดิม ในหัวเมืองทางตอนเหนือภายใต้การปกครองของแคว้นอาคานิชิ
หลังจากทำภารกิจประจำวันเสร็จ ก็เป็นเวลาหัวค่ำแล้วร่างบางจึงพาน้องชายเข้านอน
ในบ้านนี้มีกันอยู่ 3 คน มีตัวนางเอง แม่ แล้วก็โฉะองน้องชายคนเดียว
ส่วนพ่อเป็นหัวหน้าหมู่บ้านหลังจากอาสาออกรบเมื่อปีก่อนก็ไม่กลับมาอีกเลย ทิ้งให้นางและแม่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตามลำพัง
ไม่แปลกเลยที่น้องชายนางจะต้องเหงาอยู่คนเดียว ร่างบางนั่งบนฟูกนอนของน้องชายจนเจ้าตัวหลับแล้วจึงลุกขึ้นไปนอนที่ที่ของตนเอง
ห้องนี้นางนอนกับน้องชาย 2 คน ส่วนแม่ก็อยู่อีกห้อง ป่านนี้แม่คงหลับไปแล้วสินะ
แต่เหตุใดนางจึงนอนไม่หลับนะ แปลกจริง ตอนนี้คนผู้นั้นกำลังทำอะไรอยู่นะ จะได้หลับได้นอนหรือยังก็ไม่รู้สิ เฮ้อ ถอนหายใจออกมา
เอ...ว่าแต่ทำไมนางต้องไปคิดถึงคนผู้นั้นด้วยนะ ไม่เห็นเข้าท่าเลย คนไม่มีสัมมาคารวะ
ไม่รู้จักพี่ไม่รู้จักน้องเอาเสียเลย ให้ตายสิ ตั้งแต่เจอหน้ากันก็เอาแต่จ้องหน้าแล้วก็มีแต่คำพูดที่ไม่เข้าหูนางตลอด
สงสัยจังว่าตาผู้นั้นจะพูดดีๆเหมือนคนธรรมดาพูดเป็นบ้างหรือไม่ แล้วมันก็ทำให้นึกถึงเมื่อวานตอนเย็นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
////////////////////////////
“โฉะอง! โฉะอง! อยู่ไหนน่ะ มากินข้าวเย็นได้แล้ว” ร่างบางตะโกนเรียกผู้เป็นน้อง แต่ก็เงีบบ หายไปไหนของเขานะ
นี่ก็เย็นแล้วด้วยสิ ....เห.... เสียงใครหัวเราะแว่วมานะ น่าจะอยู่ไม่ไกลนักจากตรงนี้ เงี่ยหูฟังดีๆ ก็เสียงน้องชายตัวดีของนางเองนั่นแหละ เฮ้อ...ไปเล่นซนที่ใดอีกล่ะเนี่ย
ร่างบางเดินไปตามเสียงที่ดังแว่วมา ยิ่งเดินเสียงก็ยิ่งดูเหมือนจะดังขึ้น แล้วก็พาลฉุนขึ้นมาพลางนึกว่าหายไปไหน
ปล่อยให้เป็นห่วงอยู่ ที่แท้ก็แอบไปเล่นซนอยู่ในป่านี่เองให้ตายสิ ยิ่งเดินไปก็ยิ่งมีต้นไม้ขึ้นเยอะจนหนาตาแต่ก็
ไม่หนาแน่นนัก เดินไปสักพักก็เห็นควันไฟลอยขึ้นมา มีใครมาพักแรมแถวนี้นะ
เห...มีแต่ทหารเต็มไปหมดเลยนี่ ทำอย่างไรดีนะ จะเดินฝ่าเข้าไปเลยก็ดูไม่ดีแน่ แต่ถ้าจะให้ย้อนหลังกลับหรือไปทางอื่นก็ไม่ได้ด้วย
เพราะนางได้ยินเสียงน้องชายดังมาจากที่ที่พวกทหารพักแรมกันนี่นา
ร่างบางทำใจกล้าเดินเข้าไปหาพวกทหารทันที พลางคิดปลอบใจตัวเอง
“ไม่เป็นไปหรอก ไม่เห็นต้องกลัวเลย ทหารก็ทหารแคว้นเราด้วย”
พูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่เท้าก็ยังคงก้าวเดินต่อไป
“เอ่อ...อา...ทะ...ท่าน...” ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก เมื่อเดินมาถึงทหารนายที่นั่งอยู่ห่างจากกลุ่มออกมาไม่มากนัก
“หืม...” ทหารนายนั้นเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยทักตนขึ้นอย่างงงๆ โดยที่ไม่คิดที่จะเตรียมการป้องกันตัวเนื่องจากในขณะนี้พวกเขา
อยู่กลางป่าเช่นนี้ เพราะฟังจากเสียงแล้ว ไม่น่าจะเป็นคนร้ายได้ ก็เสียงน่ะหวานจับใจเสียขนาดนั้น
“คือ...ท่านเห็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ 8 ขวบ ผ่านมาแถวนี้บ้างหรือไม่คะ” ร่างบางพยายามกลั้นใจถามเต็มที่
กว่าจะถามออกไปได้ เล่นเอาเหนื่อยเลย แต่...คนตรงหน้านั้นกลับนิ่งไป ไม่พูดไม่จา เอาแต่จ้องใบหน้าหวานของร่างบางตา
ไม่กระพริบเลยน่ะสิ งงใหญ่แล้วเนี่ย จะมองอะไรนักหนานะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ร่างบางคิดอย่างไม่เข้าใจ
((เฮ้อ ไม่รู้ตัวหรือไงเนี่ยว่าตัวเองอ่ะสวยซะ ขนาดที่ทำให้ทหารคนนั้นอึ้งตะลึงไปเลยน่ะสิ ให้ตายเหอะ
แม่ปลาทองน้อยของฉัน -_-“))
เลิกสนใจคนตรงหน้าทันที เมื่อรับรู้ได้ว่าใกล้มืดเต็มที เป็นห่วงน้องอีกเป็นกำลัง จึงตัดสินใจเดินเข้าไปตรง
ที่ทหารอยู่เยอะๆ จะได้ได้ความเร็วๆ พวกทหารที่นั่งกันอยู่บ้างก็นั่งคุยเล่นกัน บ้างก็คุยกันอย่างเคร่งเครียด
บ้างก็เดินตรวจตราบริเวณนั้น เพื่อดูแลความปลดอภัยให้กับกระโจมกระโจมหนึ่งอย่างขะมักเขม้น
พอเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้าไปก็ถึงกับอึ้ง ((อีกแล้วสิ น้องเรานี่เสน่ห์แรงใช่เล่นแฮะ เหอ เหอ))
สายตาเหลือบไปเห็นน้องชายตนกำลังหัวเราะร่วนอยู่กับทหารนายหนึ่งที่พอมองดูดีดีแล้ว ... คนอะไรนะ ทำไมจมูกโตจัง
แถมปากยังห้อยอีกแน่ะ ยิ่งเวลาหัวเราะด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่เลย
“โฉะอง” ร่างบางส่งเสียงเรียกชื่อน้องชายด้วยเสียงเย็นอย่างคนที่กดความโมโหไว้ แล้วก็เหมือนน้องตัวดีของนางจะได้ยินแล้ว
"เจ้ามองข้าทำไม ข้าสังเกตมานานแล้วนะ เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าก็พูดมา ข้าจะเข้าบ้านแล้ว" โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ
"..............." อีกฝ่ายยังเงียบ
"หากไม่มี ข้าเข้าบ้านล่ะ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบ ก็ฉุนขึ้นมา กลับหลังหันจะเดินเข้าบ้าน แต่ก็มีมือใหญ่มาคว้าข้อมือบางของนาง รั้งไว้ไม่ให้ไป นางจึงหันหน้าไปมองคนที่จับข้อมือนางอยู่
"เอ่อ คือ... ข้ามองคนสวยน่ะ" ร่างสูงอ้ำอึ้ง พูดออกไปแล้วทำอย่างไรดีเขินชะมัด >_<
"เห! เจ้าว่าอะไรนะ" โทโมะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่นั่นก็สามารถทำให้หัวใจเต้นแรงได้เหมือนกัน ชักรำคาญเสียงหัวใจตัวเอง เหตุใดมันเต้นแรงอย่างนี้ล่ะ พยายามกลบเกลื่อนอย่างที่สุด กลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้
"เจ้าพูดอะไร หัดดูความเหมาะสมบ้างนะ ข้าอายุมากกว่าเจ้าด้วยซ้ำ ทำไมไม่เกรงใจกันบ้าง"
ร่างบางพูด โฉะองกระซิบกับนางตั้งแต่ออกเดินทางแล้ว เพราะนางกับน้องเดินล่วงหน้ามาก่อน ว่าพี่ยูอายุน้อยกว่าพี่ตั้งหลายปี เป็นถึงแม่ทัพแล้ว เก่งจัง
"สำหรับข้า เรื่องอายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าเราจะรักใครสักคน ก็รักที่ตัวเขา ไม่ใช่รักที่อายุ"
ร่างสูงเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาทันที พูดพร้อมกับมองตาร่างบางตรงหน้า
"เอ่อ แต่ข้าคิด ข้าไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า เพราะพึ่งพาอะไรไม่ได้ อีกอย่างเราก็เพิ่งรู้จักกันพบหน้ากันเป็นครั้งแรก เจ้าไม่สมควรพูดเช่นนั้น" เมื่อถูกยูอิจิจ้องหน้าใกล้ๆ ก็รีบเก็บอาการ แล้วพูดติดๆขัดๆออกไป นางคิดเช่นนั้นจริงๆ ตั้งแต่ที่เสียพ่อไป ร่างบางกับแม่ก็ต้องพึ่งพาตัวเองตลอด จึงอยากได้คู่ชีวิตที่นางสามารถพึ่งพาได้อย่างเต็มที่ และเป็นผู้นำที่ดีเหมือนพ่อ
"ใช่ เราเพิ่งพบกัน แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าพึ่งพาไม่ได้"
"อย่างไรก็แล้วแต่ สำหรับข้าเรื่องนี้ ข้ารับไม่ได้หรอก" โทโมะยังคงดื้อดึงต่อไป
"เจ้าถือ แต่ข้าไม่ถือนี่" ร่างสูงพูดสีหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นทันที เมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าว่ามันกำลังแดงจัด (เหอ เหอ)
"เจ้าไม่ถือ แต่ข้าถือ"
แล้วสองคนนี้ก็เถียงกันต่อไปอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร และคงจะไม่หยุดง่ายๆแน่ ถ้าไม่มี่ใครมาขัดซะก่อน
"พี่ยูฮะ" โฉะองเดินออกมาจากในบ้าน หลังจากที่รีบกินข้าวจนแทบติดคอแล้ว
"อ้าว กินข้าวเสร็จแล้วเหรอ เรา" ยูอิจิถาม พลางเดินเข้าไปหาเด็กชาย
"ครับ แล้วพี่ยูจะกลับแล้วหรือยังครับ" เด็กชายถามขึ้นอย่างไม่อยากให้กลับ
"โฉะอง พี่เขาจะต้องรีบกลับแล้วหล่ะ" ร่างบางชิงพูดขึ้นก่อนที่ยูอิจิจะทันได้พูดอะไร เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กน้อยจึงหันหน้าไปหาร่างสูง พลางทำตาละห้อย
"โฉะองครับ วันนี้พี่ยูต้องกลับก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้พี่จะมาใหม่นะ" ร่างสูงพูดพร้อมกับเอามือมาขยี้ผมเด็กชายตรงหน้าอย่างเอ็นดู
"จริงๆนะครับ" โฉะองถามย้ำให้แน่ใจ ก่อนจะกระโดดเข้าหายูอิจิทันทีเมื่อร่างสูงพยักหน้าตอบ
จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน ยูอิจิเดินจากไปเพื่อกลับไปยังที่พักแรม ส่วนร่างบางกับโฉะองหลังจากยืนส่งร่างสูงจนลับตาแล้วจึงหันหลังกลับเข้าบ้าน รุ่งขึ้นยูอิจิก็มาเล่นกับโฉะองตามที่สัญญากันไว้ แถมยังมีทหารมาร่วมวงอีก 3-4 นาย จนเวลาล่วงเลยไปบ่ายโมงแล้วก็ถึงเวลาที่พวกยูอิจิจะต้องกลับแล้ว และก่อนไปยูอิจิก็ให้สัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีกแน่ๆ
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ณ ระเบียงพระราชวังยามค่ำคืน สายลมโชยเอื่อยพัดเอาความเย็นเข้ามาปะทะที่ใบหน้าหล่อของร่างสูงที่ยืนอยู่เพียงลำพังอย่างอ่อนโยน เส้นผมนุ่มสีดำขลับปลิวสยายไปตามแรงลมที่พัดมาแต่เจ้าของเส้นผมนุ่มนั้นก็หาได้มีทีท่าว่าจะสนใจปัดมันออกจากใบหน้าไม่ ยังคงยืนเหม่อลอยมองไปยังท้องฟ้าอันกว้างไกล ราวกับว่าจะมองให้เห็นถึงใบหน้าคนที่อยู่ห่างไกล ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ คงหลับสบายไปแล้วสินะ จะคิดถึงกันอย่างที่เขากำลังคิดถึงร่างบางตาโตเหมือนกันหรือไม่ ไม่น่าเชื่อว่ากับคนที่เพิ่งพบกันจะทำให้เขาเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ไม่เคยยอมรับใครเข้ามาในใจสักคน แต่กับแม่หญิงนางนั้นเหตุใดจึงง่ายเหลือเกิน ทำไมถึงเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจของเขาได้ง่ายดายเช่นนี้
"ยูอิจิ มายืนทำอะไรอยู่ที่นี่เนี่ย" โคคิหัวหน้านายกองเดินเข้ามาถามคนที่ยืนเหม่ออยู่
"อ่ะ โคคิมีอะไรหรอ" ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาคนที่ยืนข้างหลัง
"เป็นอะไรไป ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้มาก่อน" ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของโคคิถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
"ก็...ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ว่าแต่เจ้าเถอะ ยังไม่นอนอีกหรือ" ยูอิจิพยายามกลบเกลี่อน เพราะไม่อยากโดนเพื่อนล้อเหมือนเมื่อตอนเด็กๆอีก ก่อนจะถามกลับ
"หึ...ยังไม่ง่วงน่ะ เลยว่าจะออกมาสูดอากาศที่ระเบียงสักหน่อย ก็มาเจอเจ้ายืนเหม่ออยู่นี่แหละ ว่าแต่เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ" ถามอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง
"อืม แล้วจะให้เป็นอะไรล่ะ" ยูอิจิถามกลับ พยายามกลบเกลื่อนอย่างเต็มที่
"ก็จากท่าทางของเจ้า ให้ข้าเดา ข้าก็ว่า เจ้าน่าต้องไปหลงรักแม่หญิงที่หัวเมืองใดมาเป็นแน่" ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน เรื่องแค่นี้เหตุใดเขาจะไม่รู้
"ก็...อืม ใช่แล้วล่ะ" ยูอิจิคิดที่จะปฏิเสธ แต่มาคิดอีกที ก็คงปิดเพื่อนที่สนิทและรู้ใจเขาขนาดนี้ไม่ได้แน่ เลยตัดสินใจยอมรับออกไป ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"ข้าว่าแล้วเชียว แล้วเจ้าไปถูกใจแม่หญิงจากเมืองใดเข้าล่ะ" โคคิอยากรู๊อยากรู้
"ก็หมู่บ้านยามาชิตะทางตอนเหนือน่ะ" ยูอิจิตอบเสียงเศร้ากว่าเดิม นี่เขาจะมีโอกาสได้พบแม่หญิงโทโมะอีกหรือไม่
"นางชื่อ โทโมะ น่ะ" กล่าวบอกเพื่อนราวกับจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก โคคิปล่อยให้เพื่อนได้ใช้ความคิดตามลำพัง ก่อนจะขอตัวไปนอน เพราะค่ำมากแล้ว ((เด็กอนามัยจัง นอนแต่หัวค่ำ แต่จริงๆแล้วเปล่าหรอก ก็คนสมัยก่อนอ่ะ เค้าก็นอนกันเร็วแบบนี้แหละ เพราะไม่มีพวกคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ให้ดูจนดึกดื่นน่ะสิ ^^))
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
to be con.......part 3
ความคิดเห็น