คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Part 10
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
PROMISE OF LOVE
part 10
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
“ตกลง เอาตามนี้แล้วกัน แล้วอย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายไปสู่ภายนอกได้ล่ะ อาจทำให้ผู้ที่คิดร้ายต่อแคว้นเริ่มเคลื่อนไหวได้” โคอิจิกล่าวสรุปและกำชับกับทุกคน
“ส่วนงานพระศพ จักจัดเป็นการภายใน จักไม่ให้ผู้ใดรู้ว่าท่านทาเคชิและท่านอายะทรงสิ้นพระชนม์แล้ว หากเข้าใจแล้วก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันได้แล้ว” จุนโนะกล่าวเสริม
“ท่านคาซึยะครับจากนี้ไป โปรดอย่าห่างจากข้าหรือท่านโคอิจินะครับ จนกว่าจักจบเรื่อง” จุนโนะกล่าวกับเจ้าชายน้อยในขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันออกจากห้องไป เหลือเพียงโคอิจิเพียงผู้เดียว
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว แล้วเมื่อใดจักจบเรื่องวุ่นวายเสียทีนะ” เจ้าชายน้อยทรงตอบรับ พลางพร่ำกับองค์เอง
“ก็จนกว่าพวกทาคาฮิสะจักกลับมานั่นแหละครับ” โคอิจิกล่าวขึ้นลอยๆ ให้ได้ยินกันทั้งสองคนภายในห้อง
..........................................................................
สองเดือนผ่านพ้น วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ทุกวันมีแต่ความเงียบเหงา ตัวเจ้าชายน้อยเองก็ทรงอยู่กับจุนโนะตลอดเวลา จนจุนโนะต้องคอยตามเฝ้าเจ้าชายองค์น้อยแม้เวลาบรรทม จุนโนะต้องนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่วางไว้ริมห้องตลอดทั้งคืน ซึ่งบางคืนก็ได้มีแขกไม่ได้รับเชิญบุกเข้ามาในห้องบรรทมของเจ้าชายน้อย แต่ก็โดนจุนโนะจัดการไปเรียบร้อย โคอิจิก็ทำหน้าที่แทนเจ้าชายจินไปโดยปริยาย เจ้าหญิงฮารุกะก็ทรงไม่มาป้วนเปี้ยนกับเจ้าชายน้อยเหมือนช่วงแรกๆ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้จุนโนะและโคอิจิวางใจและประมาทได้ ที่สำคัญนางกำนัลยูมิและนางกำนัลนานามิก็จำต้องเก็บปากเก็บคำ เพื่อไม่ให้หลุดปากพูดกันเรื่องที่ได้ยินมา ส่วนคนอื่นต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตัวกันต่อไป เพื่อรอคอยวันที่ ทาคาฮิสะและทหารที่ไปตรวจราชการกลับมา...................
“ท่านโคอิจิครับ ทาคาฮิสะและพวกทหารกลับกันมาแล้วครับ” โชกล่าวกับโคอิจิที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง หลังจากได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้
“อืม เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเจ้าไปตามทาคาฮิสะและจุนโนะมาพบข้าด่วน” โคอิจิสั่งการ พลางปิดหนังสือในมือที่อ่านค้างไว้ลงบนโต๊ะ
“ครับ” โชกล่าวตอบรับก่อนรีบเดินออกไปทันที
ถึงเวลาสะสางคดีความแล้วสินะ หลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว โดยที่กำชับทุกคนไม่ให้พูดถึงอีก อีกฝ่ายจักได้ตายใจ พวกเขาจักได้ลงมือได้สะดวกขึ้น
“ข้ามาแล้วครับ ท่านโคอิจิ” ทาคาฮิสะเคาะประตูห้องก่อนเข้ามาข้างใน หลังจากได้รับอนุญาตจากโคอิจิแล้ว
“อืม ข้ามีเรื่องจักคุยกันเจ้าน่ะ” โคอิจิกล่าวกับอีกฝ่าย
“ครับ ข้าเองก็มีเรื่องจักรายงานท่านพอดี” ทาคาฮิสะกล่าว
“มีอันใดรึ ว่ามาสิ” โคอิจิกล่าวถามอีกฝ่าย
“คือ ข้าพบความผิดปกติครับ พวกเราพบพวกอายาเสะมากมายอยู่ในแคว้นเรา ข้าคิดว่ามันมากผิดปกตินะครับ ข้ารู้สึกถึงลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง” ทาคาฮิสะรายงานสั่งที่พบเห็นจากการที่ไปตรวจราชการ
“หึ เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้จริงๆ แล้วในเมืองหลวงเจ้าสังเกตหรือไม่ว่ามีพวกอายาเสะมากมายเพียงใดกัน” โคอิจิกล่าวเสียงเข้ม จากนั้นจึงถามอีกฝ่ายกลับด้วยน้ำเสียงเดิม
“ครับ มากเป็น 2 ใน 5 ของผู้คนเมืองเราเสียอีก ข้าหวั่นใจว่าจักเกิดเหตุร้ายต่อแคว้น” ทาคาฮิสะตอบ ถึงแม้ว่าเขานั้นจักรู้สึกหวั่นใจในลางสังหรณ์ของตัวเอง แต่เขาก็รู้ว่าท่านโคอิจิต้องมีแผนในใจแล้วเป็นแน่ จึงทำให้เขาคลายความกังวลลงได้บ้าง
“นั่นปะไร พวกมันคงคิดที่จักกลืนอาคานิชิเราสินะ หึไม่มีทาง เราต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ก่อนพวกมันรู้ตัว” โคอิจิกล่าวเสียงเข้ม ดวงตาเป็นประกายมีความหวัง
“ครับ” ทาคาฮิสะตอบรับเห็นด้วย
หลังจากนั้นก็เป็นการเรียกทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์และเกี่ยวข้องมารวมกันในห้องประชุม ส่วนพวกที่เป็นพยานก็เก็บตัวไว้ก่อน แล้วจึงค่อยเบิกตัวพยานทีหลัง และให้ยูมิไปเรียกเจ้าหญิงฮารุกะให้มาที่ห้องประชุม เพื่อทำการสอบสวน หรือถ้าเรียกให้ถูกคือการแจ้งความผิดให้อีกฝ่ายรู้เห็นจะชัดเจนและตรงที่สุด เมื่อเจ้าหญิงมาถึง การสอบสวนก็เริ่มขึ้น เวลาผ่านไปสักพัก สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆสำหรับทางฝ่ายของเจ้าหญิงที่ไม่สามารถหาข้อแก้ต่างใดใดที่ฟังดูดีเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิดได้เลย ยิ่งมีพยานรู้เห็นเพิ่มมากขึ้น สีหน้าของเจ้าหญิงฮารุกะก็ยิ่งซีดเผือดมากขึ้นไปอีก ทั้งพยานที่ได้ยินเรื่องที่พูดคุยกันในห้อง และพยานที่เห็นตอนเจ้าหญิงสั่งการอีกหลายคนถูกทยอยกันมาเพื่อเป็นพยานในความผิด ไม่ให้เจ้าหญิงดิ้นหลุดอีกต่อไป จนเจ้าตัวให้การสารภาพในความผิดทั้งหมดรวมทั้งเรื่องที่คับแค้นใจ ซึ่งเป็นเหตุให้กระทำความผิดนั้นออกมาอย่างอัดอั้นตันใจเต็มที บทลงโทษที่พอจักทำได้ในตอนนี้คือ สั่งขังคุก เพื่อรอให้เจ้าชายจินทรงกลับมาตัดสินอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ก็หาได้น่าไว้วางใจไม่ ทุกคนยังต้องคอยระวังตัวกันต่อไป เนื่องจากอีกคนที่สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหญิงยังไม่สามารถตามจับตัวได้ และไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
เวลาผ่านไปจวบจนครบ 3 ปี เหลืออีกเพียง 10 เดือนเท่านั้น การปราบปรามที่ NewS หมู่บ้านยามาชิตะเสร็จสิ้นลง ทางเราต้องสูญเสียกำลังทหารไปเป็นจำนวนมาก และอีกไม่น้อยเลยที่ต้องบาดเจ็บสาหัส เจ้าชายจินจึงจำเป็นต้องทรงประทับที่ยามาชิตะต่อไปอีกสักระยะ ตามคำเรียกร้องของเหล่าชาวบ้านที่ยังคงเป็นห่วงสุขภาพของเจ้าชายจินผู้เป็นที่รักและเหล่าทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองและพวกเขาอย่างสุดความสามารถ
“อืม ข้าว่าจักถามเจ้าเสียนานแล้วโคคิ” อุเอดะที่กำลังเดินเล่นอยู่แถวๆเรือนพยาบาลทหารที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างให้กล่าวถามขึ้น การปราบปรามครานี้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เลยออกมาเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกกับโคคิ
“เจ้าจักถามอันใดล่ะ” โคคิที่เดินอยู่ข้างๆกันหันมาถามอีกฝ่ายที่เดินตัวลอย เนื่องไม่มีบาดแผลที่ยังไม่หายดีเช่นตน
“ก็ แม่หญิงโทโมะน่ะสิ คนที่เจ้ายูอิจิมีใจให้น่ะ” อุเอดะกล่าวบอกอีกฝ่าย พลางหันมาสบตาคนข้างๆด้วยแววตาเป็นประกายสดใส
“เจ้าอยากรู้รึ มาข้าจักพาเจ้าไปเอง อยู่ละแวกนี้แหละ เดินไปหน่อยก็ถึงแล้ว” โคคิบอกเพื่อนพลางเดินนำอีกฝ่ายผ่านซากปรักหักพังของบ้านแต่ละหลัง เนื่องจากการรุกรานของคุซาโนะ ซึ่งตอนนี้กำลังถูกซ่อมแซมปรับปรุงโดยฝีมือชาวบ้านและทหารที่แข็งแรงดีเพื่อไปยังบ้านของผู้ที่พวกเขาต้องการพบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก โคคิจัดการเคาะประตูบ้านทันที เมื่อถึงบ้านหลังที่เป็นจุดหมายของพวกเขา สักพักก็ยังคงเงียบ จึงจัดการเคาะอีกครั้ง ผลคือเงียบเช่นเดิม
“มาหาใครฮะ” เสียงเด็กหนุ่มกล่าวถามขึ้นจากด้านหลังของคนทั้งสอง จึงทำให้คนที่ถูกถามต้องหันมาหาคนถามทันที ภาพที่เห็นคือ หนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ตาโต ริมฝีปากอิ่มใบหน้าคล้ายใครคนหนึ่งที่โคคิเคยพบมาเมื่อหลายปีก่อน
“พี่มาหาแม่หญิงโทโมะครับ ไม่ทราบว่าเขาอยู่หรือไม่” โคคิสบตาอีกฝ่ายแล้วถามกลับไป นึกแปลกใจไม่น้อยว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน เด็กคนนี้ยังตัวเล็กอยู่เลย เวลาพูดคุยเขาก็ต้องก้มหน้าลงไปคุยด้วยซ้ำ แต่บัดนี้มิต้องแล้ว กลับสามารถพูดคุยกันได้อย่างธรรมดา โดยที่เขาไม่ต้องโน้มตัวเพื่อคุยกับเด็กคนนั้นอีก
“อ๋อ พี่โทโมะ ไม่อยู่ที่บ้านหรอกครับ ออกไปช่วยดูแลพวกทหารอยู่ที่เรือนพักแน่ะฮะ” หนุ่มน้อยตอบกลับไปอย่างฉะฉาน คนฟังไม่ได้มีทีท่าแปลกใจกับท่าทีของหนุ่มน้อยคนนี้เลย เป็นเพราะไม่ว่าเวลาจักผ่านไปกี่ปี เด็กคนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากร่างกายที่เติบโตขึ้นกว่าวันนั้นเท่านั้นเอง
“งั้นหรือครับ พี่ขอบใจมากนะ” โคคิกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย เขาอยากรู้จริงว่าเด็กคนนี้จักยังจำเขาได้หรือไม่ แต่คิดได้เพียงเท่านั้น เนื่องจากหนุ่มน้อยได้ถามสวนความคิดโคคิขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ครับ พี่เป็นเพื่อนของพี่ยูใช่ไหมฮะ” หนุ่มน้อยถามโคคิ ทำไมเขาจักจำมิได้เล่า ผู้มีพระคุณที่จัดการงานศพให้แม่ของเขา หากไม่มีพี่คนนี้สักคนเขากับพี่สาวคงทำอะไรไม่ถูกเป็นแน่ อีกฝ่ายเมื่อได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มกว้างออกมาทันที ที่หนุ่มน้อยจำตนได้
“ครับ พี่เอง” โคคิกล่าว “แล้วนี่พี่ทัตสึยะ เพื่อนพี่กับพี่ยูครับ” โคคิกล่าวแนะนำเพื่อนหน้าสวยให้หนุ่มน้อยรู้จัก
“ครับพี่ทัต ข้าขอเรียกพี่อย่างนี้ได้หรือไม่ครับ ข้าชื่อโฉะอง เป็นน้องชายของพี่โทโมะครับ” โฉะองขออนุญาต และเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต จึงแนะนำตัวเองเสร็จสรรพโดยไม่ต้องให้โคคิช่วยแนะนำให้ โฉะองยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ได้รู้จักและได้พบกับเพื่อนของพี่ยูอีกครั้ง แต่แล้วก็ค่อยๆหุบยิ้มลง เนื่องจากเป็นเวลา 2 ปีแล้วที่เจ้าชายจินนำทหารมาช่วยบ้านเรา และเพิ่งช่วยได้สำเร็จ เขายังไม่ได้เห็นหน้าคนที่เขาต้องการพบมาตลอด แม้ว่าเขาจักไปช่วยพี่โทโมะที่เรือนพักทหารก็ตาม เขาไม่กล้าถามพี่โคคิและพี่ทัตเรื่องพี่ยู เนื่องจากกลัวคำตอบที่จะได้รับ
“เป็นอันใดไปรึ เราน่ะ” โคคิกล่าวถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเจื่อนยิ้มลง ใบหน้าคล้ายกับต้องการที่จักถามอะไรบางอย่าง หากแต่ไม่กล้าถามออกมา
“คือ พี่ยูล่ะฮะ พี่ยูมาด้วยหรือไม่ฮะ” โฉะองกล่าวถามอย่างไม่ค่อยฉะฉานอย่างที่เคยนัก จนโคคินึกแปลกใจ เมื่อได้ยินคำถามของเด็กหนุ่ม โคคิถึงกับให้คำตอบไม่ได้เลยทีเดียว
“พี่ยูเขามาไม่ได้หรอก ต้องอยู่ช่วยงานอะไรบางอย่างที่วังน่ะ” เสียงหนึ่งตอบไป และแน่นอน หาใช่เสียงโคคิไม่ หากแต่เป็นอุเอดะนั่นเองที่ตอบแทนให้ เขาไม่อยากให้เด็กน้อยต้องมาเป็นกังวลหากล่วงรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ยูอิจิไม่สามารถมาร่วมปราบปรามครั้งนี้ด้วย
“อ๋อ อืมครับ ใช่แล้ว พี่ยูเขาไม่ว่างน่ะ ช่วงนี้ที่วังกำลังยุ่งๆอยู่ครับ” โคคิรีบพยายามปรับสมองให้ตามความคิดของอุเอดะให้ทัน แล้วจึงกล่าวเสริมออกไป
“ครับ แล้วเรื่องที่พี่ยูได้รับบาดเจ็บเมื่อครั้งนั้น พี่ยูหายดีแล้วใช่ไหมครับ” โฉะองตอบรับ ก่อนที่จักถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงยูอิจิมากมาย ก็แน่ล่ะ พี่ยูน่ะ เหมือนพี่ชายจริงๆของเขาเลยนี่นา
“เอ่อ คือ อ่า หายดีแล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะครับ” อุเอดะที่ดูเหมือนจักมีสติมากกว่าอีกคนตอบเด็กหนุ่มกลับไป หากถามจริงๆแล้วเขานั้นหารู้ไม่หรอกว่าเวลานี้ยูอิจิเพื่อนเขาเป็นเช่นใดบ้าง ก็พวกเขามาปราบปรามที่นี่เป็นเวลาจะ 3 ปีแล้วนี่นา แต่ก็หาได้มีข่าวจากวังหลวงส่งมาไม่แต่อย่างใด
“ครับ” โฉะองตอบรับ ยอมเชื่อที่อีกฝ่ายพูด หากแต่ในใจจริงของเขานั้นรับรู้ได้ว่าที่พี่ชายคนนี้พูดนั้นหาใช่เรื่องจริงไม่ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดไม่ที่จักให้อีกฝ่ายตอบตามจริง เนื่องจากเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจักรับความจริงนั้นได้หรือไม่ และมันต้องทำให้พี่ชายทั้งคนต้องลำบากใจด้วย เขาจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเสีย แทนที่จักถามมันออกไป
“เอ่อ พวกพี่บอกว่าต้องการพบพี่โทโมะใช่ไหมครับ เดี๋ยวข้าพาพวกพี่ไปพบพี่โทโมะแล้วกัน ตามมาเลยครับ” โฉะองที่ดูเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงธุระของพี่ชายทั้งสอง เมื่อกล่าวจบจึงเดินนำหน้าคนทั้งสองไปเรือนพักทหารทันที
“แม่หญิงเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยหรือไม่ ข้าต้องขอขอบใจท่านและชาวบ้านมากนัก ที่คอยดูแลและปฐมพยาบาลให้กับทหารของเรา” เจ้าชายจินทรงกล่าวกับร่างบางตาโตที่ทำหน้าที่เป็นพยาบาลจำเป็นอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะ ทางเราต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกท่าน หากไม่เช่นนั้นแล้ว เมืองนี้จักเป็นเช่นใด ยากที่จักเดาได้นัก” ร่างบางทูลความกับเจ้าชาย
“งั้นข้าก็คงต้องบอกท่านกลับไปบ้างว่า ไม่เป็นไรเช่นกัน เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ข้าจักต้องทำอยู่แล้วด้วย” เจ้าชายกล่าวกลับ พระองค์ทรงจำได้ว่าแม่หญิงผู้นี้เป็นหญิงคนเดียวกันกับเมื่อหลายปีก่อน และเป็นคนที่ยูอิจิมีใจให้
“พี่โทโมะฮะ พี่โทโมะ” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทั้งสองที่กำลังพูดคุยกล่าวคำขอบคุณกันอยู่นั้นต้องหันไปตามเสียงนั้นทันที และเมื่อหญิงสาวเห็นว่าใครเป็นคนเรียกตัวเอง ก็ได้ส่งยิ้มหวานกลับไปให้คนเรียก
“อ้าวโฉะอง ว่าอย่างไร ไปเล่นซนที่ใดมากัน หืม ทุกทีเป็นต้องมาช่วยพี่มิใช่รึ” หญิงสาวกล่าวกับหนุ่มน้อยเมื่ออีกฝ่ายเดินมาถึง
“พี่โทโมะนี่ก็คนหนึ่ง ข้าหาใช่เด็กเล็กๆที่เอาแต่เล่นซนเช่นเมื่อก่อนไม่แล้วนะ ข้าโตพอที่จักช่วยพี่ทำงานได้แล้ว พี่ก็รู้ดีนี่นา” โฉะองทำหน้าบูด กล่าวกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงน้อยใจในที เฮ้อ ท่านพี่ก็เป็นเช่นนี้เสมอนั่นแหละ ที่เห็นว่าเขายังคงเป็นเด็กเล็กๆอยู่ ทั้งที่ปีนี้เขาก็ย่างเข้าสู่ปีที่ 14 ของชีวิตแล้ว เขาก็รู้ดีอยู่ว่าในสายตาของพี่สาวแล้วอย่างไรเสียก็ยังคงเห็นคนเป็นน้องยังเด็กอยู่วันยันค่ำ แม้ว่าคนเป็นน้องนั้นจักโตเพียงใดแล้วก็ตาม
“จ่ะ จ่ะ แล้วทานอะไรหรือยังล่ะ นี่ก็ครึ่งวันแล้ว หิวหรือไม่ พี่จักได้ทำอาหารให้ทาน” โทโมะถามฝ่ายน้องชาย นี่ก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนวันแล้ว น้องชายเขาจักทานอันใดหรือยังนะ
“ยังเลยฮะพี่โทโมะ อ้อ พี่โทโมะ พี่จำพี่โคคิได้หรือไม่ฮะ คนที่มาบอกข่าวอาการป่วยของพี่ยูครั้งนั้นน่ะฮะ” โฉะองตอบรับ แล้วจึงถามพี่สาวกลับไป และเมื่อยามะพีได้ยินประโยคสุดท้ายกลับชะงักงันทันที ถ้วยยาที่อยู่ในมือพลันหลุดร่วงลงพื้นส่งเสียงดังจนทุกคนบริเวณนั้นต้องหันมาทันที
“เอ่อ จ่ะ เหตุใดพี่จึงจักจำมิได้เล่า” โทโมะกล่าวเสียงแผ่วเบา พลางก้มลงไปเก็บเศษถ้วยยาที่แตกขึ้นมา ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางยังคงนึกถึงยูอิจิอยู่เสมอ ต้องการที่จักพบกับยูอิจิอีกครั้ง แต่นางรู้ดีว่าเป็นได้แค่ความฝัน นางไม่มีทางที่จักพบกับยูอิจิได้อีก เว้นเสียแต่รอชาติหน้าภพหน้าเท่านั้น เราคงได้พบได้รักกันอีกครั้ง...............
“พี่โทโมะฮะ เอ่อ พี่เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือไม่เนี่ย” โฉะองกล่าวถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นพี่ จึงเอามือขึ้นแนบบนหน้าผากมนของพี่สาวเพื่อทำการวัดไข้
“เปล่าหรอกจ่ะ พี่สบายดี น้องอย่าห่วงเลย อ่อ ผู้นี้ใช่หรือไม่ ท่านโคคิเพื่อนของยูอิจิน่ะ” โทโมะกล่าวกับน้องชาย เนื่องจากไม่อยากให้น้องชายเป็นกังวลเรื่องของนาง จึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
“อ่อ ครับ นี่พี่โคคิ ส่วนนี่ก็พี่ทัต ทัตสึยะ เป็นเพื่อนของพี่ยูเหมือนกันฮะ” โฉะองทำหน้าที่แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน เช่นเดียวกับเมื่อก่อนที่ตัวเขาเองเป็นคนแนะนำให้พี่ยูและพี่สาวตนรู้จักกัน
“ค่ะ ท่านโคคิ ครั้งนั้นต้องขอขอบคุณท่านมาก ท่านทัตสึยะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” โทโมะกล่าวกับทั้งสองคน พลางโค้งให้เล็กน้อย ส่วนอีกสองคนก็ส่งยิ้มให้กลับไป
“อืม แม่หญิงโทโมะนี่ก็หน้าตาสะสวยดีนี่นา ข้าไม่แปลกใจเลยที่เจ้ายูอิจิมันจักเพ้อฝันถึงเพียงนั้น” อุเอดะกล่าวกับโคคิยิ้มๆ พลางนึกถึงใบหน้านวลของหญิงสาว เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนอีกครั้ง
“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าเห็นนะ ข้ายังอึ้งทึ่งกับความสวยของแม่หญิงผู้นั้นเลย” โคคิกล่าว นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ตนมายังที่นี่เพื่อบอกอาการของยูอิจิเพื่อนรักให้แม่หญิงโทโมะได้รับรู้ และชวนให้ไปเยี่ยมด้วยกัน เฮ้อ คงเป็นกรรมของทั้งสองคนที่จักไม่ได้พบกัน เนื่องจากเดินทางไม่ถึงครึ่งทางก็ต้องเดินทางกลับเนื่องจากแม่ของแม่หญิงป่วยหนัก และเสียในที่สุด จึงทำให้แม่หญิงตัดใจไม่ไปเยี่ยมยูอิจิเพื่อที่จักอยู่เป็นขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านต่อไป
To be con...........Part 11
ความคิดเห็น