ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    PROMISE OF LOVE

    ลำดับตอนที่ #3 : Part 3

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 51


    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

    PROMISE OF LOVE

     

    JIN ~ ME

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    Part 3

     

    รุ่งขึ้น

     

    "เจ้าชายทรงแน่ใจแล้วหรือครับ ที่ทรงให้คำตอบพระราชาไปเช่นนั้น"  ร่างบางหน้าสวยหวานของทหารคนสนิทของเจ้าชายจินถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะเขาเองก็รู้ใจเจ้าชายจินดีพอๆกับที่จุนโนะเข้าใจคาซึยะ ถึงความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กัน

    "ดีแล้วล่ะ ข้าคิดดีแล้ว"  เจ้าชายจินทรงตอบกลับเสียงเรียบ แต่ถ้าฟังดีๆจะรู้ว่าน้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดของเจ้าของเสียงอยู่ลึกๆ

    "เอ่อ แล้วคาซึยะล่ะ..."  ยังไม่ทันที่อุเอดะจะพูดจบเจ้าชายก็ทรงตรัสขึ้นมา

    "ก็เพราะคาซึยะบอกให้ข้าตอบตกลงรับหมั้นไปกับท่านพ่อน่ะสิ"  เจ้าชายตรัสน้ำเสียงตัดพ้อบุคคลที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ แค่ไม่รัก พระองค์ก็เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บอย่างไรแล้ว นี่ยังผลักไสให้พระองค์ไปกับคนอื่นอีก

    อุเอดะได้ฟังก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เบาๆ ไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน นี่เขาสามารถช่วยอะไรได้บ้างนะ เพื่อที่จะให้เจ้าชายกับคาซึยะลงเอยกันได้

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    "ท่านพี่เพคะ น้องไม่คิดเลยว่าลูกจะตอบรับการหมั้นหมายโดยไม่โวยวาย ทุกทีเป็นต้องอาละวาดไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ถึงจะยอมเข้าใจ หรือไม่เราก็ต้องเป็นฝ่ายยอมถอดใจเสียเอง"  พระราชินีอายะกล่าวกับพระสวามีอย่างโล่งอก เพราะถ้าจินปฏิเสธ พระนางและพระสวามีคงไม่รู้ว่าจะทำเช่นใดเหมือนกัน

    "อืม นั่นสินะ เมื่อตอนที่ข้าบอก เจ้าตัวได้แต่ปฏิเสธเสียงแข็งจนข้านึกหวั่นใจขึ้นมา แต่ข้าก็รู้สึกภูมิใจที่ลูกยังเห็นแก่บ้านเมือง"  พระราชาตรัสตามความรู้สึกจริงๆ เพราะถ้าจินปฏิเสธ พระองค์ก็ไม่รู้จะจัดการเช่นใดดีเช่นกัน

    "วันพรุ่งข้าจะส่งสาห์นไปยังแคว้นอายาเสะ เพื่อขอให้ทางฝ่ายนั้นส่งตัวเจ้าหญิงฮารุกะมาที่แคว้นอาคานิชิเรา จะได้คุ้นเคยกับคนที่นี่เร็วๆ ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงจะทรงเคยประทับอยู่ที่นี่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ก็เถอะ อายะ น้องมีความเห็นอย่างไรบ้าง"  พระราชาตรัสถามความเห็นจากพระราชินี

    "น้องจะมีความเห็นอย่างไรได้ล่ะเพคะ น้องว่าความคิดนี้ก็ดีนะเพคะ เพระจินกับเจ้าหญิงฮารุกะ จะได้สนิทสนมกันมากกว่าเดิม"  พระราชินีอายะเห็นด้วยกับพระสวามี

    "อืม งั้นเอาตามนี้แล้วกัน"  พระราชาทรงตรัส

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    "พระราชา! พระราชา! พระราชาพะย่ะค่ะ"  ทหารนายหนึ่งวิ่งอย่างกระหืดกระหอบเข้ามาที่ห้องพักของพระราชา

    "เรียว มีอะไรรึ จึงได้รีบร้อนเช่นนั้น"  พระราชินีอายะตรัสถามคนที่จู่ๆก็วิ่งอย่างเหนื่อยหอบเข้ามาในขณะที่พระราชาทรงพักผ่อนอยู่ด้วยพระสุรเสียงติดจะตำหนิในที

    "เอ่อ คือ พระราชินีพะย่ะค่ะ คือ แคว้นคุซาโนะบุกเข้าโจมตีหัวเมืองเทโงชิทางตอนใต้ของเราพะย่ะค่ะ"  นิชิกิโด เรียวรองแม่ทัพกราบทูลความแก่พระราชินี เพื่อขอรับคำสั่ง

    "ตายจริง! ท่านพี่ก็ไม่สบายเสียด้วยสิ"  พระราชินีตรัสกับองค์เอง ก่อนจะถามถึงเจ้าชายจิน และให้โทดะ เอริกะ นางกำนัลประจำองค์ของพระนางไปตามเจ้าชายจินให้รีบเข้าเฝ้าโดยด่วน

    พักใหญ่ เจ้าชายจินก็ทรงมาถึงห้องพักของพระราชา

    "ท่านแม่! ข้าจะนำทหารไปปราบปรามทหารคุซาโนะ และช่วยเทโงชิเองครับ"  เมื่อมาถึงก็ทรงทูลพระราชินีเกือบจะทันที เลือดขัตติยาสูบฉีดพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง เขาเป็นห่วงเทโงชิยิ่งนัก ไม่ว่าเมืองใดเขาก็ห่วงทั้งนั้น ป่านนี้ผู้คนราษฎรเทโงชิจะเป็นเช่นไรบ้าง คงลำบากน่าดู เพราะฉะนั้นเขาต้องไปให้เร็วที่สุด

    "จ่ะ แม่อนุญาติ ขอให้ลูกและทุกคนปลอดภัยกลับมาและช่วยเทโงชิได้สำเร็จนะจ๊ะ"   ผู้เป็นแม่อนุญาตให้ลูกอันเป็นที่รักและอวยพรให้ปลอดภัยเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ความรู้สึกในครานี้หาได้เหมือนเช่นทุกคราไม่ หากแต่ในครานี้พระนางทรงรู้สึกพระทัยหายอย่างประหลาด ทรงไม่อยากให้ลูกรักไป แต่เมื่อทรงเห็นถึงสีหน้าและแววตาของลูกชาย พระนางก็ทรงรับรู้ได้ทันทีว่าไม่อาจที่จะฉุดรั้งเขาไว้ได้

    "ขอบพระทัยครับ ท่านแม่"  เจ้าชายกล่าวขอบพระทัยพระราชินี ก่อนที่จะทรงเข้าไปรับอ้อมแขนของพระนางที่ทรงกางออกเพื่อให้เจ้าชายได้เข้าไปซุกพระพักตร์อยู่ด้านใน สักพักพระราชินีก็จับไหล่ทั้งสองข้างของเจ้าชายและดันออกช้าๆ พลางสบตาลูกชายนิ่ง ก่อนจะตรัส

    "ไปเถอะลูก"  เหตุใดนะ คำๆนี้จึงกล่าวออกมาได้อย่างยากลำบากเช่นนี้ แต่เพื่อบ้านเมืองเพื่อราษฎรแล้วละก็... ไม่ว่าจะต้องสละเรื่องส่วนตัวถึงเพียงใด พระนางก็พร้อมที่จะทำเสมอ

    "ครับ"  จากนั้นเจ้าชายจินก็ทรงเดินออกจากห้องพักของพระราชาเพื่อไปตระเตรียมไพร่พลกองทัพทหาร เรื่องนี้ไม่อยากบอกคาซึยะจังเลย กลัวว่าจะเป็นห่วงเป็นกังวลเหมือนเช่นทุกครั้ง

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    ณ สวนด้านข้างพระราชวัง

    "คาซึยะจังเป็นอะไรไป หืม เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือครับ"  จุนโนะเอ่ยถามเจ้าชายน้อยของเขาที่เอาแต่นั่งเหม่อมาได้สักพักแล้ว ทั้งที่ตัวเขาเองก็อยู่ด้วยตลอด

    "หืมม.. เปล่าหรอก เมื่อคืนนอนไม่หลับน่ะ" เจ้าชายคาซึยะทรงตรัสตอบทหารคนสนิทกลับไป เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นกังวล

    เมื่อคืนหลังจากที่ท่านพี่เดินออกจากห้องไปแล้ว พระองค์ก็ลืมพระเนตรขึ้นมาเห็นเพียงประตูห้องบรรทมที่ค่อยๆถูกปิดลงเบาๆจากพระหัตถ์ของคนที่พระองค์ทั้งห่วงและหวงผู้นั้นด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่เหลือเกิน เนื่องจากพระองค์ไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อน มันแน่นหน้าอกจนหายใจแทบไม่ออก หัวใจมันหวิวๆราวกับยืนอยู่บนที่สูงแล้วมองลงมาเบื้องล่าง หัวใจมันมีอาการวาบหวิวทุกครั้งเมื่อยามอยู่ใกล้ และเมื่อนึกไปถึงบทสนทนาเมื่อครู่มันยิ่งทำให้พระทัยดวงน้อยนี้เจ็บแปลบขึ้นมาอย่างประหลาด รู้สึกอยากลุกขึ้นไปกอดและรั้งท่านพี่ไว้แล้วบอกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่พระองค์ตรัสไปเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง องค์เองก็ไม่เข้าพระทัยว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่รู้จะปรึกษาใคร เพราะพระองค์เองไม่แน่ใจว่าจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหลายที่พระองค์เพิ่งเคยสัมผัสนี้ให้ใครฟังได้หมด ไม่มั่นใจจริงๆ ตอนนี้พระองค์นั้นสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใดดี

    จุนโนะเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก ได้แต่ปล่อยให้เจ้าชายน้อยของเขาอยู่ในความคิดองค์เองต่อไป

    เฮ้อ ... หนทางความรักของคาซึยะจังจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ ทั้งที่ทั้งคู่ต่างก็มีใจตรงกัน หรือผู้อยู่เบื้องบนต้องการที่จะพิสูจน์คนทั้งคู่หรือไร หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอให้คนทั้งคู่ผ่านการทดสอบของพระองค์ด้วยเถิด จุนโนะอธิษฐานในใจพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองฟ้า พระองค์ทรงได้ยินคำอธิษฐานของข้าที่ส่งผ่านม่านฟ้าอันแสนไกลเพื่อไปยังพระองค์หรือไม่ ข้าจะไม่ขออะไรเพื่อตัวข้าเอง หากเพียงข้าปรารถนาที่จะได้เห็นบุคคลทั้ง 2 อันเป็นที่รักยิ่งแห่งข้านั้นมีความสุขและสมหวัง ข้าก็ไม่ต้องการอะไรเพื่อตัวข้าเองซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีใครที่พร้อมจะมอบความรักเช่นที่เจ้าชายทั้งสองมีต่อกันให้ข้าก็ตาม 

    หลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จุนโนะก็สังเกตเห็นท่าทีของคนข้างกาย คาซึยะจังร้องไห้!!! ทำเอาทหารคนสนิทตกใจทำอะไรไม่ถูกทันที เนื่องจากตลอดเวลาที่รู้จักกันนั้น เขาไม่เคยเห็นเจ้าชายน้อยพระองค์นี้ร้องไห้เลยสักครั้ง

    "คาซึยะจังเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ"  จุนโนะระล่ำระลักถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับเดินมานั่งที่ม้าหินข้างๆเจ้าชายน้อย

    "ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดข้าจึงร้องไห้ ฮึก..ข้าสับสนไปหมดแล้ว"  เจ้าชายคาซึยะทรงตรัสตอบทหารคนสนิทโดยที่พระสุรเสียงใสยังคงติดสะอื้นอยู่ พระองค์ไม่เข้าพระทัยเลยว่าองค์เองเป็นอันใดกันแน่ เหตุใดจึงร้องไห้ออกมาเช่นนี้ ทั้งที่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่พระองค์ก็ไม่เคยแม้แต่อยากที่จะร้องไห้เลยสักครั้ง แต่ครานี้เหตุใด...

    มีเพียงสิ่งเดียวที่พระองค์รู้สึกในขณะนี้คือเป็นห่วงท่านพี่เหลือเกิน เป็นห่วงมาก มากจนไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เหตุใดจึงเป็นห่วงถึงเพียงนี้ องค์เองก็ไม่เข้าพระทัยเช่นกัน

    ร่างสูงโปร่งเมื่อเห็นว่าเจ้าชายน้อยของเขายังคงร้องไห้อยู่ จึงยกมือขึ้นมาแล้วใช้นิ้วโป้งวาดเช็ดน้ำตาให้ร่างบางอย่างอ่อนโยน และการกระทำเช่นนี้ก็ส่งผลให้ร่างบางหน้าสวยทหารคนสนิทของเจ้าชายจิน ที่เป็นคนอาสามาตามเจ้าชายคาซึยะให้ไปพบเจ้าชายจินตามคำสั่งถึงกับชะงักทำอะไรไม่ถูกไปอีกคน รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากเห็นภาพๆนี้เลย แต่ก็ต้องแข็งใจทำหน้าที่ที่ตัวเองอาสานี้ให้ลุล่วงเสียก่อน

    "คาซึยะจัง เจ้าชายจินทรงเรียกให้เข้าเฝ้าครับ"  หลังจากที่ยืนทำใจอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากทั้งสองคนพอสมควรได้สักพัก จึงตัดสินใจส่งเสียงเรียกออกไป

    "เห ท่านพี่เรียกข้าหรือ"  เจ้าชายคาซึยะหันหน้าไปทางต้นเสียง เห็นว่าเป็นอุเอดะ ทหารคนสนิทของท่านพี่จึงถามออกไป

    "ครับ ได้ยินพระองค์ทรงตรัสว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ให้เรียกคาซึยะจังเข้าเฝ้าด่วนครับ"  ร่างบางหน้าสวยเอ่ยตอบกลับไป โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองทหารคนสนิทของเจ้าชายน้อยของเขาแต่อย่างใด

    "งั้นหรือ อืมมมจุนโนะข้าขอตัวไปหาท่านพี่ก่อนแล้วกันนะ หรือเจ้าจะตามไปด้วยก็ได้"  เจ้าชายน้อยทรงตรัสตอบรับกับอุเอดะ ก่อนที่จะหันไปตรัสบอกกับร่างสูงโปร่งของทหารคนสนิท

    "เอ่อ พอดีข้ามีเรื่องที่จะต้องปรึกษาจุนโนะเขาสักหน่อยน่ะครับ"  ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะทันได้ตอบอะไร ร่างบางหน้าสวยก็ตอบตัดหน้าไปเสียก่อน เพราะเขาไม่อยากให้จุนโนะตามคาซึยะจังไป เขาอยากให้เจ้าชายจินทรงได้อยู่กับคาซึยะจัง 2 คน โดยไม่มีทั้งเขาและจุนโนะ

    "อืม งั้นข้าขอตัวนะ เดี๋ยวท่านพี่จะคอยนาน"  ตรัสจบก็ทรงเดินกึ่งวิ่งจากไปทันที แม้ไม่เอ่ยถามว่าท่านพี่ทรงอยู่ทีใด เขาก็รู้ว่าที่ที่ชอบไปเป็นประจำของท่านพี่คือที่ใด

    "เหตุใดเจ้าจึงห้ามข้า"  ร่างสูงโปร่งหันมาถามคนข้างๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าชายน้อยของเขาเดินลับตาไปแล้ว เขารู้ทำไมจะไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว คนตรงหน้าไม่ได้มีเรื่องจะคุยกับเขาหรอก เพียงแต่ไม่อยากให้เขาตามคาซึยะจังไปเข้าเฝ้าเจ้าชายจินด้วยเท่านั้นเอง และเหตุผลที่ไม่อยากให้เขาไปนั้นก็ทำให้เขาใคร่รู้ยิ่งนัก

    "ก็...ข้า ก็...ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเป็นก้างชิ้นยาวระหว่างเจ้าชายทั้งสองน่ะสิ"  ร่างบางตอบตะกุกตะกัก ก็เขาคิดเช่นนั้นจริงๆนี่ แล้วเหตุใดเขาต้องพูดเหมือนจริงๆแล้วเหตุผลที่เขามีมันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดไปอย่างนี้นะ

    "จริงเร้อ หาได้มีเหตุผลอื่นนะ"  ร่างสูงโปร่งนึกอยากแกล้งคนตรงหน้าขึ้นมาอีก ความจริงแล้วเขาน่ะรู้ใจร่างบางแสนสวยคนนี้แล้วน่ะสิ หึหึ ยิ่งแกล้งให้โกรธหรือเขินจนทำอะไรไม่ถูกยิ่งน่ารักในสายตาเขายิ่งนัก เพราะเหตุใดกันนะ

    "ก็...ไม่นี่ จะให้ข้ามีเหตุผลอื่นใดอีกเล่า"  ร่างบางเริ่มมีอารมณ์เมื่อรู้ตัวว่าถูกแกล้งให้โมโห

    "ก็...อย่างเช่น...อืม... เจ้าไม่อยากให้ข้าเอาใจคาซึยะจังมากนัก เพราะเจ้าหวงข้า เป็นต้น"  ร่างสูงโปร่งยกตัวอย่างให้ร่างบางหน้าสวยฟังพร้อมกับทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ยิ่งแกล้งแล้วได้ผลอย่างนี้แล้วยิ่งสนุก

    "บ้า เจ้า...เจ้า... ไอ้คนหลงตัวเอง อย่าหวังเลยว่าข้าจะคิดเช่นนั้นกับเจ้า"  ร่างบางยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่มีความจำเป็นใดใดที่ต้องพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป ในเมื่ออีกฝ่ายมีใจให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ตัวเขา บอกไปก็มีแต่จะเจ็บเอง  ตัวเขาไม่มีความกล้าพอที่จะเอื้อนเอ่ยคำคำนั้นออกไป คำที่สำคัญที่สุด หากมันต้องแลกมาซึ่งความเกลียดชังที่คนคนนี้จะหยิบยื่นให้เขานั้น เขาก็ยินดีที่จะเก็บคำนั้นไว้ในใจตลอดไป

    "อ๋อ เจ้าหาได้มีใจให้ข้าไม่สินะ"  ร่างสูงโปร่งยังคงแกล้งร่างบางต่อไป เพราะเหตุใดนะ เขาจึงอยากฟังคำคำนั้นจากปากคนตรงหน้ายิ่งนัก รู้แต่ว่าสนุกและมีความสุขที่ได้ชวนทะเลาะ และรู้สึกสบายใจทุกครั้งเมื่อยามอยู่ใกล้ เป็นห่วงทุกครั้งที่ร่างบางออกสู่สนามรบ แม้เขาจะรู้ดีอยู่แล้วว่าระดับฝีมือของร่างบางนั้นไม่เป็นรองใคร แต่เขาก็ยังคงอดห่วงไม่ได้อยู่ดี

    จุนโนะยังคงใช้ความพยายามต่อไปที่จะให้อีกฝ่ายบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกมา จนในที่สุดความพยายามก็ประสบผลสำเร็จอย่างสวยงามดังที่คาด ร่างบางหลุดปากพูดคำคำนั้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ทำเอาเจ้าตัวรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะว่าคำนั้นได้ถูกถ่ายทอดไปสู่ประสาทการรับรู้ของอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คำคำนั้นทำให้หัวใจของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพองโตจนคับอก ส่วนร่างบางแสนสวยนั้นแทบอยากจะมุดดินหนีหายไปเดี๋ยวนั้นเสียให้ได้ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นผสมกับอาการเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกนั้นเป็นสิ่งดึงดูดให้อีกฝ่ายกระทำการตามอำเภอใจ โดยการที่รั้งร่างบางให้เข้ามาแล้วก้มลงประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากอิ่มของร่างบางทันที โดยที่ผู้ถูกกระทำยังคงตะลึง ทำอะไรไม่ถูกจึงไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด จูบที่เนิ่นนาน ค่อยๆบดเบียดริมฝีปากเบาๆ อย่างอ่อนโยน แต่ด้วยความที่เป็นจูบครั้งแรกของร่างบาง จึงทำให้ตัวเขาถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงทันที เนื่องจากไม่กล้าหายใจ แต่ยังไม่ทันที่จะถึงพื้น เพราะจุนโนะได้คว้าร่างบอบบางนั้นเข้ามาในอ้อมกอดเสียก่อน ในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูง ทำให้หัวใจของร่างบางเต้นแรงเหมือนดังเช่นว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้อย่างนั้น เมื่อตั้งสติได้จึงรีบผลักผู้ที่โอบกอดเขาไว้อย่างอ่อนโยนออกอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือนั้นดังๆว่า

    "ในเมื่อเจ้าหาได้คิดเช่นข้าไม่  เจ้าก็ไม่ควรที่จะกระทำเช่นนี้กับเจ้า อย่าทำเหมือนข้าเป็นเช่นของเล่นของเจ้า ที่นึกอยากจะเล่นก็เข้ามาเล่น พอนึกเบื่อแล้วก็โยนมันทิ้งไป"

    "เอ่อ ไม่..."  ร่างสูงโปร่งที่กำลังจะปฏิเสธว่าเขาหาได้คิดเช่นที่ร่างบางกล่าวหาไม่ แต่ก็ถูกร่างบางพูดขึ้นตัดหน้าเสียก่อน

    "พอที ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีก"  ร่างบางตะโกนออกไป พร้อมกับน้ำตาหยดแรกที่ไหลออกมา เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้จึงตัดสินใจกลับหลังหันและวิ่งจากไปทันที โดยที่ร่างสูงโปร่งไม่อาจที่จะเอ่ยรั้งผู้ที่วิ่งจากไปได้เลย

    เขาได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของผู้ที่วิ่งจากไปด้วยความรู้สึกต่างๆมากมาย ที่ประเดประดังกันเข้ามาในคราเดียวกัน และเมื่อนึกถึงประโยคที่ร่างบางแสนสวยพูดแล้วนั้น  ++ในเมื่อเจ้าหาได้คิดเช่นข้าไม่  เจ้าก็ไม่ควรที่จะกระทำเช่นนี้กับข้า++  เหตุใดจึงทำเช่นนั้นกับร่างบาง เหตุใดจึงทำเช่นนั้นกับอีกฝ่าย คิดซ้ำไปซ้ำมาเขาก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ เสี้ยววินาทีที่ร่างบางกำลังจะหายลับไปกับมุมพระราชวังนั้น ร่างสูงโปร่งปรารถนาที่จะวิ่งเข้าไปรั้งร่างอีกฝ่ายไว้ไม่ให้จากไป เพราะเขารู้สึกดังกับว่าจะไม่ได้พบร่างเล็กน่าถนุถนอมนั้นอีก รู้สึกกลัวว่าจะต้องจากกันชั่วนิรันดร์ กลัวจนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่การที่จะก้าวขาไปเพื่อฉุดรั้งร่างบางนั้นไว้

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    "คาซึยะจัง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่สัญญาว่าจะกลับมาหาซึยะจังนะครับ"  เจ้าชายจินทรงกล่าวต่อเจ้าชายน้อยอย่างอ่อนโยน พลางยกมือขึ้นมาลูบศีรษะซึ่งมีพระเกศาสีน้ำตาลอ่อนสลวยปกคลุมอยู่อย่างเบามือ แววพระเนตรที่ทรงมองนั้นแสดงออกถึงความห่วงใยในร่างบางตรงหน้ายิ่งนัก

    "เพคะท่านพี่  คาซึยะเข้าใจดี ว่าท่านพี่ทรงเป็นห่วงเมืองและราษฏร  คาซึยะเองก็เป็นห่วงเช่นกัน  คาซึยะสัญญาว่าจะรอท่านพี่กลับมาเพคะ"  เจ้าชายน้อยทรงกล่าวตอบเจ้าชายจิน เพราะไม่อยากให้เจ้าชายจินทรงเป็นห่วง

    "แล้วท่านพี่จะเดินทัพเมื่อใดเพคะ"  เจ้าชายคาซึยะทรงกล่าวถาม เพื่อที่จะได้เตรียมพระองค์เตรียมพระทัยได้ถูก ถึงแม้พระองค์จะไม่อยากให้ท่านพี่ไป เพราะพระองค์รู้สึกเป็นห่วงท่านพี่เหลือเกินก็ตาม แต่พระองค์ก็หาทำได้ไม่ที่จะฉุดรั้งมิให้ท่านพี่ไป พระองค์ไม่อาจเห็นแก่ตัวเช่นนั้นได้

    "เอ่อ...ความจริงแล้วพี่จะต้องเดินทัพเดี๋ยวนี้แล้ว แต่นี่พี่ต้องการที่จะบอกคาซึยะจังก่อนที่พี่จะไป"  เจ้าชาย    จินทรงเงียบอยู่สักพักก่อนจะบอกออกไป แม้พระองค์จะทรงเป็นห่วงบ้านเมืองและราษฎรเพียงใด ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ไม่สามารถที่จะทิ้งร่างบางที่เป็นดังดวงหฤทัยไปโดยไม่บอกกล่าวได้

    "เพคะท่านพี่"  เจ้าชายน้อยทรงตรัสรับ แววพระเนตรวูบไหวแฝงไว้ด้วยความห่วงใยในผู้ที่อยู่ตรงหน้ายิ่งนัก

    "ระหว่างที่พี่ไม่อยู่ พี่ฝากท่านแม่ด้วย ท่านก็อายุมากแล้ว แล้วก็ดูแลตัวเจ้าเองให้ดีด้วยเช่นกัน รับปากพี่สิ มิเช่นนั้นพี่คงหามีสมาธิในการไปปราบปรามครานี้ไม่เป็นแน่ เพราะพี่ยังมีห่วงอยู่ทางนี้ สัญญากับพี่ได้หรือไม่"  เจ้าชายจินทรงฝากฝังเรื่องสำคัญใว้กับคนสำคัญ

    "เอ่อ เพคะท่านพี่  คาซึยะจะดูแลท่านป้า เพราะคาซึยะเองก็รักท่านป้าดังท่านแม่อีกคนของคาซึยะก็ไม่ปาน แล้วคาซึยะก็สัญญาว่าจะดูแลตัวเองเช่นกันเพคะ เพราะฉะนั้นท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ไปรบด้วยความสบายใจ และสามารถปราบปรามคุซาโนะสำเร็จกลับมานะเพคะ"  เจ้าชายคาซึยะทรงตรัสตอบรับสัญญาที่อีกฝ่ายขอไว้ เพราะพระองค์ไม่ต้องการให้ท่านพี่สู้กับคุซาโนะทั้งที่ยังมีจิตใจที่กังวลถึงคนทางนี้ ถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่สามารถทำตามที่สัญญาได้ทั้งหมดก็ตาม แต่กว่าที่พระองค์จะกล่าวตอบรับออกไปได้ ก็แสนยากลำบากเหลือเกิน เนื่องจากท่านพี่ทรงตรัสดังเช่นว่าจะไม่ทรงกลับมาอีก แล้วฝากให้พระองค์ดูแลทุกอย่างที่นี่แทน หรือพระองค์จะกังวลไปเอง ก็หารู้ได้ไม่

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    "ซึยะ  ยังไม่เข้านอนอีกหรือครับ"  ทหารคนสนิทกล่าวถามเจ้าชายเต่าน้อยที่ยังทรงยืนเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรีกาลตรงระเบียงฝั่งทิศเหนือ  แต่เจ้าชายน้อยก็ทรงหาได้ยินไม่  ยังคงยืนเหม่อลอยต่อไป  จุนโนะจึงตัดสินใจสะกิดเรียกเจ้าชายน้อยของเขา  เขาไม่อยากเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้  วันนี้ก็เป็นวันที่ 30 แล้ว  ตั้งแต่เจ้าชายจินทรงนำทัพไปปราบปรามคุซาโนะและช่วยเทโงชิ  และตั้งแต่วันนั้นคาซึยะจังก็ไม่ทรงเสวยอะไรเลย  ถ้าไม่บังคับกันจริงๆ
    หน้าที่หลักของเขาขณะนี้คือ  ดูแลคาซึยะจังในระหว่างที่เจ้าชายไม่อยู่  ไม่ให้คาซึยะจังเป็นอะไรไปเด็ดขาด
                   "อ้าวจุนโนะ มีอะไรหรือ"  เจ้าชายน้อยทรงหันมาตรัสถามคนที่สะกิดเมื่อครู่
                    "ยังไม่นอนอีกหรือครับ ดึกแล้วนะ"  ร่างสูงโปร่งกล่าวทวนประโยคเดิม  ที่เมื่อครู่เขาพูดไป  หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้ยิน
                    "นอนไม่หลับน่ะ  พอล้มตัวลงนอน  คาซึยะก็เห็นภาพที่น่ากลัวมาก  คาซึยะไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้นอีก  เจ้าชายน้อยทรงกล่าวตอบทหารคนสนิทกลับไป  พระองค์ไม่อยากเข้าบรรทมเลย  เมื่อหลับเนตรลงพระองค์ก็เห็นภาพท่านพี่ทรงโดนทำร้ายด้วยอาวุธนานาชนิด  พระวรกายเต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่  และภาพสุดท้ายที่ได้เห็นคือ
    ภาพที่ท่านพี่ทรงบรรทมไร้สติจมกองโลหิต พระวรกายแน่นิ่งปราศจากการเคลื่อนไหวใดใด  และดวงพระเนตรคมที่เปิดอยู่ราวกับต้องการที่จะเห็นใครสักคนที่เป็นดังดวงใจ

    ใครสักคนที่ห่วงแสนห่วงว่าถ้าปราศจากพระองค์นั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นไร  พระโอษฐ์ที่ปิดไม่สนิทของท่านพี่ดูคล้ายกำลังที่จะเอื้อนเอ่ยคำบางคำที่ไม่เคยพูดออกไป  หรือคำสั่งเสียกับบุคคลอันเป็นที่รัก
                    "ซึยะจังเป็นห่วงเจ้าชายจินหรือครับ"  กล่าวถามไป ทั้งที่ภายในใจนั้นรู้ดีอยู่แล้ว
                    "ใช่  คาซึยะเป็นห่วงมากๆเลย   คาซึยะอยากรู้ว่าเวลานี้ท่านพี่จะทรงทำอะไรอยู่  จะทรงได้รับบาดเจ็บหรือไม่"  ภาพเหล่านั้นยังคงติดพระเนตรและยังคงตามมาหลอกหลอนพระองค์อยู่ทุกครา ไม่ว่าพระองค์จะทำกิจอันใด
                    "อย่าห่วงไปเลย  คาซึยะจังก็รู้นี่ครับว่า เจ้าชายจินน่ะ ทรงมีความสามารถเพียงใด  ย่อมไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆหรอก จริงไหมครับ เจ้าชายน้อย"  จุนโนะพูดปลอบเจ้าชายคาซึยะ และต่อท้ายประโยคด้วยคำล้อเลียน เรียกสายพระเนตรค้อนให้ส่งมาได้ดีนัก  ถึงเขาจะกล่าวปลอบไปเช่นนั้น แต่เขาก็อดที่จะกังวลไม่ได้เช่นเดียวกัน  และความกังวลนี้มันก็ทำให้เขานึกถึงความรู้สึกในวันนั้น  วันที่เขาทำได้เพียงยืนมองแผ่นหลังของร่างบางหน้าสวยที่วิ่งจากไปขึ้นมา
    หรือมันจะเป็นลางบอกเหตุหรือไร อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

      
     *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

     

    ^
    ^^

    ^^^

    ^^^^

    ^^^^^

    ^^^^^^

    ^^^^^^^

    ^^^^^^^^

    TO  BE  CON……………PART  4

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×