ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    PROMISE OF LOVE

    ลำดับตอนที่ #1 : Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 62


    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

    PROMISE OF LOVE

     

    JIN ~ ME

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    Part 1

     

    กาลครั้งหนึ่งมีเด็กผู้ชาย 2 คน ที่ผูกพันกันมากคนแรกนามว่า เจ้าชาย จิน แห่งราชวงศ์ อาคานิชิ ราชวงศ์ที่ปกครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ แคว้นหนึ่ง คนสุดท้าย เจ้าชาย คาซึยะ  แห่งราชวงศ์  คาเมนาชิ  ปกครองแคว้นเล็กๆ

    ซึ่งยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นใหญ่เช่นอาคานิชิ  และได้ส่งตัวเจ้าชายคาซึยะ เป็นเครื่องบรรณาการ  เพื่อแสดงความจงรักภักดีที่แคว้นเล็กมีต่อแคว้นใหญ่

     

    ขณะนั้น เจ้าชายน้อยคาซึยะ  ยังเล็กมาก  ด้วยความที่หน้าตาหน้ารักเหมือนเด็กหญิง  ผิวขาวนวลละเอียดราวหิมะ (โห

    สโนไวท์เกิดใหม่เป็นชายหรือนี่  : ผู้แต่ง 555+)

    ปากแดงระเรื่อ  ราวกลีบกุหลาบ (นี่ก็อีก โอ้  ออโรร่ามาเกิดใหม่อีกแล้วอ่ะเนี่ย)

    และรอยยิ้มที่หวานตรึงใจทำให้ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็นก็อดที่จะรักและเอ็นดูไม่ได้ แต่มีเพียงเด็กผู้ชายคนเดียวที่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเด็กที่มาใหม่เอาเสียเลย เพราะทุกคนต่างพากันสนใจเด็กคนนั้นกันหมด 

    จากที่ทุกคนเคยสนใจเขา แต่ตอนนี้ไม่มีใครเลย  ได้แต่แอบเจ็บใจอยู่เงียบๆ

    คอยดูเถอะ !!! อย่าเผลอแล้วกัน พ่อจะทุบกระดองให้แตกเลย ไอ้เต่า !!!!

    เด็กชายตาคมแฝงแววดื้อรั้นกับผิวขาวเนียนน่าสัมผัส  ปากเผยอเล็กน้อยเผยให้เห็นถึงความเซ็กซี่ตั้งแต่

    ยังเด็กที่อายุใกล้เคียงกับไอ้เต่า  ที่เขาพูดถึงเมี่อครู่นี้ 

    คิดอย่างหมั่นไส้พร้อมนัยตาคมปลาบคู่นั้นที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่คนร่างเล็กที่เค้าพูดถึงอย่างไม่วางตา

     

    ..........................

     

    เจ้าชายน้อยคาซึยะ   เพิ่งมาอยู่ที่ราชวังนี้ได้ไม่นานก็ผูกไมตรีจิตจนได้เพื่อนรุ่นเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกของบรรดาทหาร

    ที่มีบ้านอยู่ใกล้วัง เพราะเจ้าชายน้อยคาซึยะมักจะขออนุญาตพระราชา และพระราชินีออกไปเล่นข้างนอกเป็นประจำ

    โดยไม่นึกเฉลียวใจสักนิดว่า ในวังก็มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับตนเองเหมือนกัน เพราะเจ้าชายจินไม่เคยโผล่หน้ามาให้อีกฝ่ายเห็นเลยสักครั้ง และก็ไม่มีใครที่จะยอมบอกเรื่องนี้กับเจ้าชายน้อยเลย ทุกคนพากันกลัวอารมณ์ที่รุนแรงของใครอีกคนเมื่อถูกขัดใจ

     

    ด้วยความที่ไม่อยากเห็นหน้าไอ้เด็กที่หน้าเหมือน  "จิ้งจก" ทุกคนดูอย่างไรนะว่า น่ารัก

    แล้วที่ไอ้เต่าไม่รู้ว่าเขาอยู่ในวังเหมือนกันเพราะเขาขอท่านพ่อและท่านแม่ว่า

    ไม่ให้บอกใคร และสั่งคนอื่นด้วยห้ามพูดเนื่องจากไม่ต้องการเห็นหน้าเด็กคนนั้น

    ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาไอ้เต่าที่หน้าเหมือนจิ้งจกที่เจ้าชายว่านี้ชัดๆสักที

    (ถ้าได้เห็นแล้วจะอึ้ง  ว่าเหมือนกว่าที่คิด 5555+  ร้อเร่นน่ะ : ผู้แต่ง)

     

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

     

    กลางดึกคืนหนึ่ง ตึก...ตึก... 

    เฮือก!!! 

    เจ้าชายน้อยคาซึยะสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นทันที  เมื่อสดับรับฟังเสียงเสียงหนึ่งที่หน้าประตูนอกห้องเขา

    รีบลุกขึ้นนั่งทำหน้าเหรอหรา  เมื่อกี้หูเราไม่ได้ฝาดนี่ แล้วก็ไม่ได้ฝันไปด้วย แล้วเสียงเมื่อกี้มันเสียง

    อะไรอ่ะ >_< ชักอยากรู้  กลัวก็กลัว แต่ความอยากรู้  อยากเห็นมีมากกว่า

    จึงค่อยๆเลื่อนตัวลงจากเตียงนุ่มในห้องบรรทมที่บรรยากาศสลัวๆ ด้วยแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามายามค่ำคืน

    ก่อนจะเดินช้าๆไปที่ประตูแล้วแง้มมันออก...ไม่พบอะไร

     

    แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าให้ตามหาเจ้าของเสียงนั้นไป

     

    เจ้าชายน้อยเดินไปตามทางที่ทอดยาวคล้ายกับไม่มีที่สิ้นสุด ทางไม่มืดนัก เพราะผนังราชวังมีการจุดคบเพลิง

    ไว้เป็นระยะๆ จึงทำให้มีแสงสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นทางเดิน 

    เดินตรงมาได้สักพักก็มีบันไดให้ขึ้นไป

    เอ... จะขึ้นดีไหมเนี่ย ตั้งแต่มายังที่นี่ก็ยังไม่เคยลองขึ้นไปเลย ข้างบนมีอะไรนะ 

    อยากรู้จัง เอาล่ะ ขึ้นก็ขึ้น

    (คินไดอิจิฉบับเต่าน้อยมาแล้วจ้า)

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    หลังจากลังเลคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจขึ้นบันไดไปยังชั้นบนทันที

     

    ในที่สุดก็ขึ้นมาถึง จากที่ต้องขึ้นบันไดที่ค่อนข้างยาวสักหน่อย

    ด้วยแสงสลัวๆจึงทำให้เห็นว่าข้างหน้ายังคงมีทางให้เดินตรงไปเรื่อยๆ

     

    ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มมากขึ้น เจ้าชายน้อยจึงเดินสำรวจไปเรื่อยๆ 

    พบว่าที่ข้างบน มีห้องเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากทั้งสองข้าง

    กำแพงพนังราชวังที่เห็นจากแสงสลัวนั้นไม่ปรากฏลวดลายใดเช่นเดียวกับตัวราชวังในส่วนอื่น

     

    เจ้าชายน้อยแห่งคาเมนาชิจึงจัดการเดินดูทีละห้อง แต่ทุกห้องก็ถูกล็อคไม่สามารถเปิดเข้าไปได้ 

    จนกระทั่งถึงห้องๆหนึ่ง ที่พอเจ้าชายน้อยจับลูกบิดประตูดูแล้วพบว่ามันไม่ได้ถูกล็อค 

    รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมามากกว่าเมื่อคราวแรกเสียอีกกับการผจญภัยในพระราชวังยามค่ำคืนและอยากรู้ว่าข้างในมีอะไรนะ 

    จึงแง้มประตูแล้วมองเข้าไปดูลาดเลาก่อนกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่เพราะประตูห้องต้องเปิดจากทางด้านขวามือ 

    เจ้าชายน้อยคาซึยะจึงเห็นเพียงด้านซ้ายของห้องเท่านั้น

     

    ภายในมีแสงไฟสีส้มสว่างอยู่ทั่วห้อง ที่ผนังห้องมีหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งเป็นกระจกไม่ต่างจากห้องของเขาติดอยู่ 2 บาน 
    วิวทิวทัศน์ภายนอกมืด หากแต่ไม่มืดมากเนื่องจากได้แสงจันทร์ช่วยส่องให้บรรยากาศดูไม่มืดมิดจนเกินไป 
    ผ้าม่านหลุยที่ทำจากผ้าลูกไม้สีขาวประดับอยู่ที่หน้าต่างทุกบาน เตียงใหญ่มีผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ริมผนังฝั่งตรง
    ข้ามกับประตูที่เขายืนแอบเป็นถ้ำมองอยู่  ไม่ใช่สิ  แอบดูอยู่ ที่พื้นตรงกลางห้องมีพรมสีแดงถูกถักทอด้วยเส้นไหมหลากสี
    เป็นลวดลายวิจิตสวยงาม มันถูกปูอยู่หน้าเตียง
     มองไปทางซ้ายมือ  ก็แลเห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่มุมห้องใกล้กับประตู 
    คงจะเป็นโต๊ะสำหรับใช้อ่านหนังสือ เพราะหนังสือหลายเล่มถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่บนชั้นติดกับผนังด้านหนึ่งเหนือโต๊ะหนังสือขึ้นมา  
    ปากกาและที่เสียบปากกาอยู่ตรงมุมขวามือของโต๊ะ เพื่อสะดวกต่อการหยิบใช้

    เก้าอี้ทำจากไม้เนื้อดีเช่นเดียวกับโต๊ะหนังสือ ถูกแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ เบาะที่รองนั่งและพนักเป็นเบาะนุ่ม  ตั้งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือนั่น

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    ต้องมีคนใช้ห้องนี้อยู่แน่ๆ  เจ้าชายน้อยคาซึยะคิด ก็จากข้าวของในห้องที่เขาเห็นก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าต้องมีคนอยู่แน่

    แต่...เอ  ในเมื่อมีคนใช้ห้องนี้ แล้วคนผู้นั้นไปไหนนะ  เวลานี้ก็ดึกดื่นมากแล้วด้วยสิ อยากรู้จังว่าใครกันนะที่อยู่ห้องนี้ 
    จากความรู้สึกของเขารับรู้ได้ว่าเจ้าของห้องต้องอายุไล่เลี่ยกันกับเค้าแน่ๆ จึงอยากที่จะทำความรู้จักเอาไว้

     

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     

    ทันใดนั้น !!

     

    เจ้าชายน้อยคาซึยะตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป หลังจากแอบดูอยู่นาน มองไปด้านขวามือที่เมื่อกี้ตนมองไม่เห็น 

    ก็พบกับตู้ไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม มันถูกตั้งอยู่ริมผนังห้องข้างประตูที่เขาเพิ่งเปิดเข้ามานั่นเอง

    "อืม  ไม่มีใครอยู่ในห้องจริงๆด้วยแฮะ  เอ...แล้วเขาไปไหนนะ  ดึกดื่นค่อนคืนถึงเพียงนี้แล้ว"

    เจ้าชายน้อยตรัสเบาๆกับพระองค์เองพลางเดินดูรอบห้อง ห้องสวยจัง  สวยแล้วก็กว้างพอๆกับห้องของเขาเลย

    "เจ้าเป็นใครน่ะ !!!  แล้วเข้ามาทำอะไรในห้องข้า   แถมในเวลาเช่นนี้อีก" เสียงใครคนนึงพูดขึ้น

     

    ในขณะที่เจ้าชายน้อยคาซึยะกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงเด็กผู้ชายที่ฟังดูก็รู้ว่าเอาแต่ใจขนาดไหนดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง
    หันกลับไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจทันที ก็พบกับเด็กผู้ชายคนนึงทำหน้าตาบูดบึ้ง ยืนอยู่ที่ประตูห้องนอนที่
    เจ้าชายน้อยคาซึยะเพิ่งเดินผ่านเข้ามาได้สักพัก แล้วก็เป็นต้องยืนอึ้งตะลึงด้วยกันทั้งสองฝ่าย

    เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงนะ น่ารักจัง  เจ้าชายจินดำริในพระทัย แต่ไม่ได้ตรัสออกไป

    เด็กผู้ชายผิวขาว หน้าตาหล่อเข้ม...นี่มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเราอยู่ที่นี่ด้วยจริงๆหรือนี่

    "ท่านเป็นใครกัน" เจ้าชายน้อยตรัสถามขึ้นหลังจากเงียบกันอยู่นาน
    "ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามเจ้า" เจ้าชายจินซ่อนอาการหัวใจวาบหวิวไว้ภายใต้ใบหน้าที่ก้าวร้าวนั่น
    "ข้าชื่อ คาเมนาชิ คาซึยะ" เจ้าชายน้อยคาซึยะตอบเสียงใสอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ กลับไป 
    พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ไปให้อีกฝ่าย ((รอยยิ้มหากิน กร๊ากกก : ผู้แต่ง))

    ………………………………………………
    …………………………….
    …………….

    "...เมะ คาเมะจัง"   เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเด็กหนุ่มร่างบาง
    "คาเมะจัง !!!"   แต่ร่างบางก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวแต่อย่างใด เจ้าของเสียงคนเดิมจึงตะโกนด้วยเสียงอันดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างหูอีกฝ่าย
    "อ๊ะ..."   สะดุ้งสุดตัว สติสตางค์กลับมาครบในทันที
    "เป็นอะไร นั่งใจลอยไปไหน หืม"   เสียงเดิมถามอย่างล้อๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกลับมายอมรับรู้สิ่งรอบตัวเสียที 
    หลังจากเรียกอยู่นานแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียที
    "ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะมีอะไรหรือเปล่า" เจ้าชายน้อยคาซึยะทึ่ขณะนี้ เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มน้อยเต็มตัว 
    หากแต่พระพักตร์ยังคงหวานราวอิสตรีเช่นเดิมตรัสกลบเกลื่อน ก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับบ้าง เพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของเพื่อนรัก
    "เออใช่  ลืมไปเลย  ขอโทษทีนะ  คือ..."  ได้แต่อ้ำอั้งอยู่ ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรดี แล้วก็ควรจะบอกดีหรือไม่
    "อะไรล่ะ ก็บอกมาสิ" เจ้าชายน้อยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายมัวแต่อ้ำอึ้งไม่พูดออกมาเสียที
    "เอ่อ... คาเมะจังรู้เรื่องที่พระราชาทรงเลือกพระคู่หมั้นให้เจ้าชายจินแล้วหรือยัง"  ในที่สุดจุนโนะก็พูดออกมาจนได้ หลังจากที่พูดติดๆ ขัดๆอยู่นาน
    "คาเมะจัง !!"   ร่างสูงโปร่งเอ่ยทักขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าชายน้อยของเขานั่งนิ่ง สายพระเนตรทอแสงวูบลงอย่างเห็นได้ชัด
    "อ่ะ หืม...อะไรหรอ" หลังจากเรียกสติคืนมาได้  ก็ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แห้งแล้ง  จนคนฟังใจหาย
    "เป็นอะไรหรือเปล่า หืม" ถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเนื่องรู้ใจเจ้าตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าเขาดี  อาจจะดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก 
    พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบผมสีน้ำตาลอ่อนของคนตรงหน้า ด้วยความที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้ทั้งสองคน  
    สนิทสนมกันเป็นพิเศษและพระราชาก็ทรงแต่งตั้งให้จุนโนะเป็นทหารคนสนิทของเจ้าชายน้อยคาซึยะ
    "ไม่มีอะไรหรอก  แล้ว... ตกลงกันได้หรือยังว่าจะจัดงานเมื่อไหร่น่ะ" เจ้าชายน้อยเงยพระพักตร์ขึ้นสบเนตรกับตาเรียวของร่างสูงโปร่ง
    ด้วยแววเนตรวูบไหวจนจุนโนะชักหวั่นใจในหนทางความรักของเจ้าตัวเล็กขึ้นมาตะหงิดๆ ด้วยนิสัยของพระราชา  ก็รู้ๆกันอยู่ว่า 
    ถ้าทรงตัดสินพระทัยอะไรแล้วก็จะไม่ล้มเลิกเด็ดขาด
    "ยังหรอก  เพราะตอนนี้ก็ยุ่งๆกันอยู่   เหตุการณ์บ้านเมืองก็กำลังน่าเป็นห่วงข้าคิดว่า  หากจะจัดงานขึ้นก็น่าจะจัดหลังจากนี้ 
    คงต้องรอให้เหตุการณ์มันสงบกว่านี้ก่อนเสียก่อน" จุนโนะบอกตามที่คิด  เพราะตัวเองก็ยังไม่รู้ราย
    ละเอียดมากนัก รู้แค่ว่าพระราชาทรงหาพระคู่หมั้นให้เจ้าชายจินเท่านั้น
    "หรอ" เจ้าชายน้อยตรัสขึ้น  พลางรู้สึกถึงความโล่งอก  เอ... แล้วทำไมเราตั้งรู้สึกโล่งอกด้วยนะที่ท่านพี่จินจะยังไม่ต้องเข้าพิธีหมั้นหมาย
    "คาเมะจัง !"   จุนโนะเรียกเจ้าชายน้อยที่เหม่อลอยอีกครั้ง  อาการน่าเป็นห่วงแฮะ
    "หืม  เอ่อ  จุนโนะ  คือ  ซึยะขออยู่คนเดียวสักพักนะ" เจ้าชายคาซึยะสะดุ้งเล็กน้อย  แล้วหันหน้าไปหาจุนโนะก่อนจะพูด เวลานี้เขาอยากอยู่คนเดียวจริงๆ
    "อืม  ตามใจแล้วกันนะ  แล้วอย่าคิดมากล่ะ" จุนโนะตอบ  ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป แน่นอนอาการน่าเป็นห่วง  ในใจก็อดที่จะนึกห่วงไม่ได้ 
    เจ้าตัวเล็กยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่  แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ  เราไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
    ก็ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่รู้เลย ว่าคิดยังไงกับเจ้าชาย มีทางเดียวคือคงต้องรอให้ถึงเวลานั้น  เวลาที่ทั้งคู่ต่างรู้ใจตัวเองแล้ว
    หวังว่ามันคงไม่สายจนเกินไปนะ

    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*


    กุบกับ!!  กุบกับ!!  กุบกับ !!

    "อีกราว  3  ลูกธนูแล่น  เราก็จะเข้าสู่เขตเมืองหลวงกันแล้ว!!! เร็วๆเข้า  ต้องถึงวังก่อนมืดนะ" ชายหนุ่มร่างใหญ่ได้สัดส่วนตะโกนขึ้นเสียงดัง 
    ขณะอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่สีดำ ท่าทางสง่างามทั้งม้าทั้งผู้ที่อยู่บนหลังมัน

     

    หลังกลับจากนำทหารไปตรวจตามหัวเมืองต่างๆกำลังควบม้านำทหารกลับวัง
    "ทำไมเจ้าชายทรงรีบเสด็จกลับวังจังวะ” ยูอิจิทหารเอกเอ่ยถามคนที่ขี่ม้าข้างๆตนขึ้น
    "อ้อ จะมีอะไรล่ะ ก็คงจะรีบกลับไปหาใครบางคนที่รออยู่วังน่ะสิ”   อุเอดะพูดด้วยน้ำเสียงอันดัง  หวังให้คนที่ถูกเอ่ยถึงได้ยิน  
    แล้วก็ได้ผล ถึงแม้ว่าเจ้าชายจะยังคงทรงม้าไปโดยไม่ได้หันกลับมา แต่ถ้าตอนนี้เจ้า 2  คนนี้เห็นหน้าเจ้าชายของตนแล้วก็คงอด
    ที่จะหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็งไม่ได้เป็นแน่  เพราะว่าตอนนี้เจ้าชายจินพระพักตร์แดงราวลูกตำลึงสุกไปถึงไหนต่อไหนแล้วน่ะสิ 
    ถึงแม้ว่าจะยังคงพยายามทำพระพักตร์ให้เป็นปกติให้มากที่สุดอยู่ก็ตาม


    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*


    "ท่านพี่เพคะ  ทรงไม่คิดว่าการกระทำเช่นนี้  มันจะเป็นการหักหาญน้ำใจลูกหรอกหรือเพคะ"
    พระราชินีอายะกล่าวถามพระสวามีอย่างติดกังวล เพราะนิสัยเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นเป็นอย่างไร
    ใครขัดใจได้เสียที่ไหน  เป็นไม่ยอมท่าเดียว

    "อืมมม...” พระราชาทรงกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก   เพราะงานนี้มันเป็นการผูกสัมพันธไมตรีกับแคว้นที่เข้มแข็ง เป็นการแต่งงานเพื่อแคว้นเลยทีเดียว  
    บ้านเมืองขณะนี้ แค่กำลังพลแคว้นเราไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้
    จึงต้องขอความช่วยเหลือจากอีกแคว้นที่เข้มแข็งด้านทหารและกำลังพล นี่เป็นวิธีเดียวจริงๆ
    "ข้าคิดว่า จะลองพูดกับเจ้าตัวดูก่อน ผลจะออกมาอย่างไรค่อยคิดหาทางกันอีกทีแล้วกัน”
    พระราชาทรงตรัสตอบหลังจากที่เงียบอย่างใช้ความคิดซักพัก
    "เพคะ ท่านพี่ เอ่อ  แล้วใครจะเป็นฝ่ายพูดกับลูกล่ะเพคะ” พระราชินีอายะตรัสถามพระสวามี
    "อืม  เอาเป็นว่าข้าจะพูดกับลูกเองแล้วกัน”   พระราชาสรุป
    "เอ่อ  โปรดอย่าทรงใช้ความรุนแรงกับลูกนะเพคะ” พระราชินีตรัสด้วยความเป็นห่วงบุตรชายอย่างเหลือล้น 
    เนื่องจากทรงรู้ว่าสวามีพระนางเป็นเช่นไร และลูกชายพระนางเป็นเช่นไร
    " อืม  เจ้าเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน ฮึ” พระราชาตอบอย่างขัดใจ ไม่เชื่อกันเลยหรือ
    อย่างไรนะ ((ก็เพราะรู้น่ะสิว่าพระราชาเป็นคนยังไงถึงได้พูดเตือนขึ้นอ่ะ
    ไม่งั้นไม่พูดหรอก ^^))


    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*


    " เจ้าชาย ! เจ้าขาย ! พระราชาทรงเรียกให้เข้าเฝ้าพะยะค่ะ” โคคิ หัวหน้านายกองตะโกนบอกเจ้าชายจิน  เมื่อเห็นว่าเจ้าชายเสด็จกลับมาถึงวังแล้ว
    " อืม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ  แล้วท่านพ่อทรงอยู่ที่ไหนล่ะ” เจ้าชายจินทรงตอบก่อนจะตรัสถามโคคิกลับไป
    ท่านพ่อทรงมีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ  เพราะในใจของเขาตอนนี้กำลังสังหรณ์ใจไม่ดีคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆแต่มันคือเรื่องอะไรนี่สิ
    "อยู่ที่สวนด้านหน้าพระราชวังพะยะค่ะ” โคคิตอบ เฮ้อ นี่ถ้าเจ้าชายทรงรู้ว่าพระราชาทรงเรียกพบเรื่องอะไรนะ
    จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเนี่ย  เจ้าชายคงยอมหรอก ต๊าย  โคคิไม่อยากจะคิดเล้ย
    ((เฮ้ พี่คิ พี่คิ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นแต๋วไปจริงๆหรอก เหอ เหอ))
    "อืม แล้วคาซึยะล่ะ”  เอ่ยถามด้วยความคิดถึง  ก็ไม่ได้พบหน้าคนตัวเล็กมาตั้ง 2  วันเต็มๆแล้วน่ะสิ และก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเจ้าตัวเล็กหายไปไหน
    ทุกทีเมื่อรู้ว่าเขามาถึงแล้ว เป็นต้องวิ่งออกมาต้อนรับเค้าเป็นคนแรกเสมอ
    "ก็อยู่ที่สวนด้านหน้าวังเช่นกันพะยะค่ะ” ถามมาโคคิก็ตอบไป  เพียงแต่ว่าซึยะจังจะยังคงอยู่ที่นั่นนะ  เพราะที่เขาเห็นน่ะ มันสักพักใหญ่ๆแล้วน่ะสิ ^^


    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

     "เก็บเอาไปคิดนะ  แล้วอย่าลืมให้คำตอบพ่อล่ะ”
    น้ำเสียงของผู้พูดดูจะอ่อนลงจากช่วงแรกๆที่เรียกอีกฝ่ายเข้าพบ
    "ครับ” เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป  ด้วยใบหน้าที่ครุ่นคิด


    อีกฝ่ายเมื่อเห็นลูกชายเดินไปแล้วก็ถอนหายใจออกมา หวังว่าคำตอบที่เจ้าจะให้พ่อคงเป็นคำตอบที่พ่อหวังไว้ หากไม่อย่างนั้นอาณาจักรเราคง...
    คิดอะไรไปเรื่อย  แล้วจึงหันหลังทรงพระดำเนินไปจากตรงนั้น  เพื่อไปพักผ่อน
    เฮ้อ  ร่างกายพระองค์นี่ดูเหมือนจะอ่อนแอลงไปมากจริงๆ  ไม่อยากให้สิ่งที่เขากลัวเกิดขึ้นเลย

    หลังจากที่ร่างสูงเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว สายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นั่งบนหินก้อนใหญ่โดยเอนตัวพิงต้นไม้อยู่ จึงเดินไปดู  
    เพราะรู้ว่าเป็นใคร ในใจหวาดหวั่น คนตรงหน้าจะได้ยินเรื่องที่เขาคุยกับท่านพ่อหรือเปล่านะ อีกใจหนึ่งก็อยากให้ได้ยิน  
    เพราะอยากรู้ว่าร่างที่แสนบอบบางน่าทะนุถนอมตรงหน้านี้จะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร  จะมีใจให้กันแม้เพียงน้อยนิดหรือไม่  
    หรือจะมีเพียงพระองค์ที่คิดไปเองฝ่ายเดียว  แต่อีกใจก็ไม่อยากให้ร่างบางได้ยินเลย   เนื่องจากไม่อยากให้คนที่พระองค์ทรงรักเข้าใจผิดและกลุ้มใจด้วยเรื่องนี้
    ในเมื่อพระองค์ก็ทรงรู้และสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้านั้นหวงพระองค์มากเพียงใด แต่มันไม่ใช่ด้วยความรู้สึกและในฐานะที่พระองค์อยากจะได้รับจากคนตัวเล็กคนนี้
    เดินเข้าไปใกล้ อีกไม่ถึง  3  ก้าวก็จะถึงตัวแล้ว นึกแปลกใจไม่น้อยว่าเหตุใดร่างเล็กจึงยังไม่รู้สึกตัวอีก ก็ทุกครั้งที่เขาเล่นแบบนี้  
    แล้วร่างบางก็เป็นต้องรู้ตัวก่อนเสียทุกครา ครั้งนี้เลยอดที่จะแปลกพระทัยไม่ได้   เอ หรือว่านั่งคิดอะไรเพลินจนไม่รู้ตัวว่าพระองค์เดินมาข้างหลังนะ
    พอเดินไปถึงตัว จึงยื่นมือไปแตะเบาๆที่หัวไหล่บาง...ซึ่งถูกปกคลุมด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณเนื้อดี ยังไม่ขยับแฮะ ตัดสินใจเดินอ้อมไปอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ 
    เห็นว่ากำลังก้มหน้าอยู่ จึงเลื่อนสายตาไปบริเวณที่เจ้าชายน้อยทรงมอง
    ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกหรือน่าสนใจเลย ย่อเข่าลงนั่งยองๆ สายตาคมจ้องมองไปที่หน้าขาวอมชมพูของคนที่ก้มหน้าอยู่ อ้าวหลับอยู่เหรอ 
    แล้วรอยยิ้มก็ระบายอยู่บนใบหน้าร่างสูงน้อยๆอย่างนึกเอ็นดู เฮ้อ เพลียมาจากที่ใดกันนะ
    ถึงมาหลับเอาตรงนี้ได้เนี่ย อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอกโดยที่ไม่กลัวว่าคนในอ้อมแขนจะตื่น   เพราะว่าเจ้าตัวเล็กคนนี้ขี้เซาน่ะสิ  
    พาไปนอนบนห้องให้ดี ไม่ใช่มานอนตากน้ำค้างตากยุงอยู่อย่างนี้   นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย  กลัวว่าเจ้าตัวจะไม่สบายเอา

     

     

     

    to be con.......part 2

     

     

     

    ******************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×