คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Part 1
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
PROMISE OF LOVE
JIN ~ ME
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
Part 1
กาลครั้งหนึ่งมีเด็กผู้ชาย 2 คน ที่ผูกพันกันมากคนแรกนามว่า เจ้าชาย จิน แห่งราชวงศ์ อาคานิชิ ราชวงศ์ที่ปกครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ แคว้นหนึ่ง คนสุดท้าย เจ้าชาย คาซึยะ แห่งราชวงศ์ คาเมนาชิ ปกครองแคว้นเล็กๆ
ซึ่งยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นใหญ่เช่นอาคานิชิ และได้ส่งตัวเจ้าชายคาซึยะ เป็นเครื่องบรรณาการ เพื่อแสดงความจงรักภักดีที่แคว้นเล็กมีต่อแคว้นใหญ่
ขณะนั้น เจ้าชายน้อยคาซึยะ ยังเล็กมาก ด้วยความที่หน้าตาหน้ารักเหมือนเด็กหญิง ผิวขาวนวลละเอียดราวหิมะ (โห
สโนไวท์เกิดใหม่เป็นชายหรือนี่ : ผู้แต่ง 555+)
ปากแดงระเรื่อ ราวกลีบกุหลาบ (นี่ก็อีก โอ้ ออโรร่ามาเกิดใหม่อีกแล้วอ่ะเนี่ย)
และรอยยิ้มที่หวานตรึงใจทำให้ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็นก็อดที่จะรักและเอ็นดูไม่ได้ แต่มีเพียงเด็กผู้ชายคนเดียวที่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเด็กที่มาใหม่เอาเสียเลย เพราะทุกคนต่างพากันสนใจเด็กคนนั้นกันหมด
จากที่ทุกคนเคยสนใจเขา แต่ตอนนี้ไม่มีใครเลย ได้แต่แอบเจ็บใจอยู่เงียบๆ
คอยดูเถอะ !!! อย่าเผลอแล้วกัน พ่อจะทุบกระดองให้แตกเลย ไอ้เต่า !!!!
เด็กชายตาคมแฝงแววดื้อรั้นกับผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ปากเผยอเล็กน้อยเผยให้เห็นถึงความเซ็กซี่ตั้งแต่
ยังเด็กที่อายุใกล้เคียงกับไอ้เต่า ที่เขาพูดถึงเมี่อครู่นี้
คิดอย่างหมั่นไส้พร้อมนัยตาคมปลาบคู่นั้นที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่คนร่างเล็กที่เค้าพูดถึงอย่างไม่วางตา
..........................
เจ้าชายน้อยคาซึยะ เพิ่งมาอยู่ที่ราชวังนี้ได้ไม่นานก็ผูกไมตรีจิตจนได้เพื่อนรุ่นเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกของบรรดาทหาร
ที่มีบ้านอยู่ใกล้วัง เพราะเจ้าชายน้อยคาซึยะมักจะขออนุญาตพระราชา และพระราชินีออกไปเล่นข้างนอกเป็นประจำ
โดยไม่นึกเฉลียวใจสักนิดว่า ในวังก็มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับตนเองเหมือนกัน เพราะเจ้าชายจินไม่เคยโผล่หน้ามาให้อีกฝ่ายเห็นเลยสักครั้ง และก็ไม่มีใครที่จะยอมบอกเรื่องนี้กับเจ้าชายน้อยเลย ทุกคนพากันกลัวอารมณ์ที่รุนแรงของใครอีกคนเมื่อถูกขัดใจ
ด้วยความที่ไม่อยากเห็นหน้าไอ้เด็กที่หน้าเหมือน "จิ้งจก" ทุกคนดูอย่างไรนะว่า น่ารัก
แล้วที่ไอ้เต่าไม่รู้ว่าเขาอยู่ในวังเหมือนกันเพราะเขาขอท่านพ่อและท่านแม่ว่า
ไม่ให้บอกใคร และสั่งคนอื่นด้วยห้ามพูดเนื่องจากไม่ต้องการเห็นหน้าเด็กคนนั้น
ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาไอ้เต่าที่หน้าเหมือนจิ้งจกที่เจ้าชายว่านี้ชัดๆสักที
(ถ้าได้เห็นแล้วจะอึ้ง ว่าเหมือนกว่าที่คิด 5555+ ร้อเร่นน่ะ : ผู้แต่ง)
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
กลางดึกคืนหนึ่ง ตึก...ตึก...
เฮือก!!!
เจ้าชายน้อยคาซึยะสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นทันที เมื่อสดับรับฟังเสียงเสียงหนึ่งที่หน้าประตูนอกห้องเขา
รีบลุกขึ้นนั่งทำหน้าเหรอหรา เมื่อกี้หูเราไม่ได้ฝาดนี่ แล้วก็ไม่ได้ฝันไปด้วย แล้วเสียงเมื่อกี้มันเสียง
อะไรอ่ะ >_< ชักอยากรู้ กลัวก็กลัว แต่ความอยากรู้ อยากเห็นมีมากกว่า
จึงค่อยๆเลื่อนตัวลงจากเตียงนุ่มในห้องบรรทมที่บรรยากาศสลัวๆ ด้วยแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามายามค่ำคืน
ก่อนจะเดินช้าๆไปที่ประตูแล้วแง้มมันออก...ไม่พบอะไร
แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าให้ตามหาเจ้าของเสียงนั้นไป
เจ้าชายน้อยเดินไปตามทางที่ทอดยาวคล้ายกับไม่มีที่สิ้นสุด ทางไม่มืดนัก เพราะผนังราชวังมีการจุดคบเพลิง
ไว้เป็นระยะๆ จึงทำให้มีแสงสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นทางเดิน
เดินตรงมาได้สักพักก็มีบันไดให้ขึ้นไป
เอ... จะขึ้นดีไหมเนี่ย ตั้งแต่มายังที่นี่ก็ยังไม่เคยลองขึ้นไปเลย ข้างบนมีอะไรนะ
อยากรู้จัง เอาล่ะ ขึ้นก็ขึ้น
(คินไดอิจิฉบับเต่าน้อยมาแล้วจ้า)
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
หลังจากลังเลคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจขึ้นบันไดไปยังชั้นบนทันที
ในที่สุดก็ขึ้นมาถึง จากที่ต้องขึ้นบันไดที่ค่อนข้างยาวสักหน่อย
ด้วยแสงสลัวๆจึงทำให้เห็นว่าข้างหน้ายังคงมีทางให้เดินตรงไปเรื่อยๆ
ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มมากขึ้น เจ้าชายน้อยจึงเดินสำรวจไปเรื่อยๆ
พบว่าที่ข้างบน มีห้องเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากทั้งสองข้าง
กำแพงพนังราชวังที่เห็นจากแสงสลัวนั้นไม่ปรากฏลวดลายใดเช่นเดียวกับตัวราชวังในส่วนอื่น
เจ้าชายน้อยแห่งคาเมนาชิจึงจัดการเดินดูทีละห้อง แต่ทุกห้องก็ถูกล็อคไม่สามารถเปิดเข้าไปได้
จนกระทั่งถึงห้องๆหนึ่ง ที่พอเจ้าชายน้อยจับลูกบิดประตูดูแล้วพบว่ามันไม่ได้ถูกล็อค
รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมามากกว่าเมื่อคราวแรกเสียอีกกับการผจญภัยในพระราชวังยามค่ำคืนและอยากรู้ว่าข้างในมีอะไรนะ
จึงแง้มประตูแล้วมองเข้าไปดูลาดเลาก่อนกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่เพราะประตูห้องต้องเปิดจากทางด้านขวามือ
เจ้าชายน้อยคาซึยะจึงเห็นเพียงด้านซ้ายของห้องเท่านั้น
ภายในมีแสงไฟสีส้มสว่างอยู่ทั่วห้อง ที่ผนังห้องมีหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งเป็นกระจกไม่ต่างจากห้องของเขาติดอยู่ 2 บาน
วิวทิวทัศน์ภายนอกมืด หากแต่ไม่มืดมากเนื่องจากได้แสงจันทร์ช่วยส่องให้บรรยากาศดูไม่มืดมิดจนเกินไป
ผ้าม่านหลุยที่ทำจากผ้าลูกไม้สีขาวประดับอยู่ที่หน้าต่างทุกบาน เตียงใหญ่มีผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ริมผนังฝั่งตรง
ข้ามกับประตูที่เขายืนแอบเป็นถ้ำมองอยู่ ไม่ใช่สิ แอบดูอยู่ ที่พื้นตรงกลางห้องมีพรมสีแดงถูกถักทอด้วยเส้นไหมหลากสี
เป็นลวดลายวิจิตสวยงาม มันถูกปูอยู่หน้าเตียง มองไปทางซ้ายมือ ก็แลเห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่มุมห้องใกล้กับประตู
คงจะเป็นโต๊ะสำหรับใช้อ่านหนังสือ เพราะหนังสือหลายเล่มถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่บนชั้นติดกับผนังด้านหนึ่งเหนือโต๊ะหนังสือขึ้นมา
ปากกาและที่เสียบปากกาอยู่ตรงมุมขวามือของโต๊ะ เพื่อสะดวกต่อการหยิบใช้
เก้าอี้ทำจากไม้เนื้อดีเช่นเดียวกับโต๊ะหนังสือ ถูกแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ เบาะที่รองนั่งและพนักเป็นเบาะนุ่ม ตั้งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือนั่น
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ต้องมีคนใช้ห้องนี้อยู่แน่ๆ เจ้าชายน้อยคาซึยะคิด ก็จากข้าวของในห้องที่เขาเห็นก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าต้องมีคนอยู่แน่
แต่...เอ ในเมื่อมีคนใช้ห้องนี้ แล้วคนผู้นั้นไปไหนนะ เวลานี้ก็ดึกดื่นมากแล้วด้วยสิ อยากรู้จังว่าใครกันนะที่อยู่ห้องนี้
จากความรู้สึกของเขารับรู้ได้ว่าเจ้าของห้องต้องอายุไล่เลี่ยกันกับเค้าแน่ๆ จึงอยากที่จะทำความรู้จักเอาไว้
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ทันใดนั้น !!
เจ้าชายน้อยคาซึยะตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป หลังจากแอบดูอยู่นาน มองไปด้านขวามือที่เมื่อกี้ตนมองไม่เห็น
ก็พบกับตู้ไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม มันถูกตั้งอยู่ริมผนังห้องข้างประตูที่เขาเพิ่งเปิดเข้ามานั่นเอง
"อืม ไม่มีใครอยู่ในห้องจริงๆด้วยแฮะ เอ...แล้วเขาไปไหนนะ ดึกดื่นค่อนคืนถึงเพียงนี้แล้ว"
เจ้าชายน้อยตรัสเบาๆกับพระองค์เองพลางเดินดูรอบห้อง ห้องสวยจัง สวยแล้วก็กว้างพอๆกับห้องของเขาเลย
"เจ้าเป็นใครน่ะ !!! แล้วเข้ามาทำอะไรในห้องข้า แถมในเวลาเช่นนี้อีก" เสียงใครคนนึงพูดขึ้น
หันกลับไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจทันที ก็พบกับเด็กผู้ชายคนนึงทำหน้าตาบูดบึ้ง ยืนอยู่ที่ประตูห้องนอนที่
เจ้าชายน้อยคาซึยะเพิ่งเดินผ่านเข้ามาได้สักพัก แล้วก็เป็นต้องยืนอึ้งตะลึงด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เด็กผู้ชายผิวขาว หน้าตาหล่อเข้ม...นี่มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเราอยู่ที่นี่ด้วยจริงๆหรือนี่
"ท่านเป็นใครกัน" เจ้าชายน้อยตรัสถามขึ้นหลังจากเงียบกันอยู่นาน
"ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามเจ้า" เจ้าชายจินซ่อนอาการหัวใจวาบหวิวไว้ภายใต้ใบหน้าที่ก้าวร้าวนั่น
"ข้าชื่อ คาเมนาชิ คาซึยะ" เจ้าชายน้อยคาซึยะตอบเสียงใสอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ กลับไป
พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ไปให้อีกฝ่าย ((รอยยิ้มหากิน กร๊ากกก : ผู้แต่ง))
"...เมะ คาเมะจัง" เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเด็กหนุ่มร่างบาง
"คาเมะจัง !!!" แต่ร่างบางก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวแต่อย่างใด เจ้าของเสียงคนเดิมจึงตะโกนด้วยเสียงอันดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างหูอีกฝ่าย
"อ๊ะ..." สะดุ้งสุดตัว สติสตางค์กลับมาครบในทันที
"เป็นอะไร นั่งใจลอยไปไหน หืม" เสียงเดิมถามอย่างล้อๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกลับมายอมรับรู้สิ่งรอบตัวเสียที
หลังจากเรียกอยู่นานแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียที
"ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะมีอะไรหรือเปล่า" เจ้าชายน้อยคาซึยะทึ่ขณะนี้ เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มน้อยเต็มตัว
หากแต่พระพักตร์ยังคงหวานราวอิสตรีเช่นเดิมตรัสกลบเกลื่อน ก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับบ้าง เพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของเพื่อนรัก
"เออใช่ ลืมไปเลย ขอโทษทีนะ คือ..." ได้แต่อ้ำอั้งอยู่ ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรดี แล้วก็ควรจะบอกดีหรือไม่
"อะไรล่ะ ก็บอกมาสิ" เจ้าชายน้อยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายมัวแต่อ้ำอึ้งไม่พูดออกมาเสียที
"เอ่อ... คาเมะจังรู้เรื่องที่พระราชาทรงเลือกพระคู่หมั้นให้เจ้าชายจินแล้วหรือยัง" ในที่สุดจุนโนะก็พูดออกมาจนได้ หลังจากที่พูดติดๆ ขัดๆอยู่นาน
"คาเมะจัง !!" ร่างสูงโปร่งเอ่ยทักขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าชายน้อยของเขานั่งนิ่ง สายพระเนตรทอแสงวูบลงอย่างเห็นได้ชัด
"อ่ะ หืม...อะไรหรอ" หลังจากเรียกสติคืนมาได้ ก็ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แห้งแล้ง จนคนฟังใจหาย
"เป็นอะไรหรือเปล่า หืม" ถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเนื่องรู้ใจเจ้าตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าเขาดี อาจจะดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก
พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบผมสีน้ำตาลอ่อนของคนตรงหน้า ด้วยความที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้ทั้งสองคน
สนิทสนมกันเป็นพิเศษและพระราชาก็ทรงแต่งตั้งให้จุนโนะเป็นทหารคนสนิทของเจ้าชายน้อยคาซึยะ
"ไม่มีอะไรหรอก แล้ว... ตกลงกันได้หรือยังว่าจะจัดงานเมื่อไหร่น่ะ" เจ้าชายน้อยเงยพระพักตร์ขึ้นสบเนตรกับตาเรียวของร่างสูงโปร่ง
ด้วยแววเนตรวูบไหวจนจุนโนะชักหวั่นใจในหนทางความรักของเจ้าตัวเล็กขึ้นมาตะหงิดๆ ด้วยนิสัยของพระราชา ก็รู้ๆกันอยู่ว่า
ถ้าทรงตัดสินพระทัยอะไรแล้วก็จะไม่ล้มเลิกเด็ดขาด
"ยังหรอก เพราะตอนนี้ก็ยุ่งๆกันอยู่ เหตุการณ์บ้านเมืองก็กำลังน่าเป็นห่วงข้าคิดว่า หากจะจัดงานขึ้นก็น่าจะจัดหลังจากนี้
คงต้องรอให้เหตุการณ์มันสงบกว่านี้ก่อนเสียก่อน" จุนโนะบอกตามที่คิด เพราะตัวเองก็ยังไม่รู้ราย
"หรอ" เจ้าชายน้อยตรัสขึ้น พลางรู้สึกถึงความโล่งอก เอ... แล้วทำไมเราตั้งรู้สึกโล่งอกด้วยนะที่ท่านพี่จินจะยังไม่ต้องเข้าพิธีหมั้นหมาย
"คาเมะจัง !" จุนโนะเรียกเจ้าชายน้อยที่เหม่อลอยอีกครั้ง อาการน่าเป็นห่วงแฮะ
"หืม เอ่อ จุนโนะ คือ ซึยะขออยู่คนเดียวสักพักนะ" เจ้าชายคาซึยะสะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันหน้าไปหาจุนโนะก่อนจะพูด เวลานี้เขาอยากอยู่คนเดียวจริงๆ
"อืม ตามใจแล้วกันนะ แล้วอย่าคิดมากล่ะ" จุนโนะตอบ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป แน่นอนอาการน่าเป็นห่วง ในใจก็อดที่จะนึกห่วงไม่ได้
เจ้าตัวเล็กยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ เราไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
ก็ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่รู้เลย ว่าคิดยังไงกับเจ้าชาย มีทางเดียวคือคงต้องรอให้ถึงเวลานั้น เวลาที่ทั้งคู่ต่างรู้ใจตัวเองแล้ว
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
กุบกับ!! กุบกับ!! กุบกับ !!
"อีกราว 3 ลูกธนูแล่น เราก็จะเข้าสู่เขตเมืองหลวงกันแล้ว!!! เร็วๆเข้า ต้องถึงวังก่อนมืดนะ" ชายหนุ่มร่างใหญ่ได้สัดส่วนตะโกนขึ้นเสียงดัง
ขณะอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่สีดำ ท่าทางสง่างามทั้งม้าทั้งผู้ที่อยู่บนหลังมัน
หลังกลับจากนำทหารไปตรวจตามหัวเมืองต่างๆกำลังควบม้านำทหารกลับวัง
"ทำไมเจ้าชายทรงรีบเสด็จกลับวังจังวะ” ยูอิจิทหารเอกเอ่ยถามคนที่ขี่ม้าข้างๆตนขึ้น
"อ้อ จะมีอะไรล่ะ ก็คงจะรีบกลับไปหาใครบางคนที่รออยู่วังน่ะสิ” อุเอดะพูดด้วยน้ำเสียงอันดัง หวังให้คนที่ถูกเอ่ยถึงได้ยิน
แล้วก็ได้ผล ถึงแม้ว่าเจ้าชายจะยังคงทรงม้าไปโดยไม่ได้หันกลับมา แต่ถ้าตอนนี้เจ้า 2 คนนี้เห็นหน้าเจ้าชายของตนแล้วก็คงอด
ที่จะหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็งไม่ได้เป็นแน่ เพราะว่าตอนนี้เจ้าชายจินพระพักตร์แดงราวลูกตำลึงสุกไปถึงไหนต่อไหนแล้วน่ะสิ
ถึงแม้ว่าจะยังคงพยายามทำพระพักตร์ให้เป็นปกติให้มากที่สุดอยู่ก็ตาม
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
"ท่านพี่เพคะ ทรงไม่คิดว่าการกระทำเช่นนี้ มันจะเป็นการหักหาญน้ำใจลูกหรอกหรือเพคะ"
พระราชินีอายะกล่าวถามพระสวามีอย่างติดกังวล เพราะนิสัยเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นเป็นอย่างไร
ใครขัดใจได้เสียที่ไหน เป็นไม่ยอมท่าเดียว
"อืมมม...” พระราชาทรงกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เพราะงานนี้มันเป็นการผูกสัมพันธไมตรีกับแคว้นที่เข้มแข็ง เป็นการแต่งงานเพื่อแคว้นเลยทีเดียว
บ้านเมืองขณะนี้ แค่กำลังพลแคว้นเราไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้
จึงต้องขอความช่วยเหลือจากอีกแคว้นที่เข้มแข็งด้านทหารและกำลังพล นี่เป็นวิธีเดียวจริงๆ
"ข้าคิดว่า จะลองพูดกับเจ้าตัวดูก่อน ผลจะออกมาอย่างไรค่อยคิดหาทางกันอีกทีแล้วกัน”
พระราชาทรงตรัสตอบหลังจากที่เงียบอย่างใช้ความคิดซักพัก
"เพคะ ท่านพี่ เอ่อ แล้วใครจะเป็นฝ่ายพูดกับลูกล่ะเพคะ” พระราชินีอายะตรัสถามพระสวามี
"อืม เอาเป็นว่าข้าจะพูดกับลูกเองแล้วกัน” พระราชาสรุป
"เอ่อ โปรดอย่าทรงใช้ความรุนแรงกับลูกนะเพคะ” พระราชินีตรัสด้วยความเป็นห่วงบุตรชายอย่างเหลือล้น
เนื่องจากทรงรู้ว่าสวามีพระนางเป็นเช่นไร และลูกชายพระนางเป็นเช่นไร
" อืม เจ้าเห็นข้าเป็นคนอย่างไรกัน ฮึ” พระราชาตอบอย่างขัดใจ ไม่เชื่อกันเลยหรือ
อย่างไรนะ ((ก็เพราะรู้น่ะสิว่าพระราชาเป็นคนยังไงถึงได้พูดเตือนขึ้นอ่ะ
ไม่งั้นไม่พูดหรอก ^^))
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
" เจ้าชาย ! เจ้าขาย ! พระราชาทรงเรียกให้เข้าเฝ้าพะยะค่ะ” โคคิ หัวหน้านายกองตะโกนบอกเจ้าชายจิน เมื่อเห็นว่าเจ้าชายเสด็จกลับมาถึงวังแล้ว
" อืม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ แล้วท่านพ่อทรงอยู่ที่ไหนล่ะ” เจ้าชายจินทรงตอบก่อนจะตรัสถามโคคิกลับไป
ท่านพ่อทรงมีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ เพราะในใจของเขาตอนนี้กำลังสังหรณ์ใจไม่ดีคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆแต่มันคือเรื่องอะไรนี่สิ
"อยู่ที่สวนด้านหน้าพระราชวังพะยะค่ะ” โคคิตอบ เฮ้อ นี่ถ้าเจ้าชายทรงรู้ว่าพระราชาทรงเรียกพบเรื่องอะไรนะ
จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเนี่ย เจ้าชายคงยอมหรอก ต๊าย โคคิไม่อยากจะคิดเล้ย
((เฮ้ พี่คิ พี่คิ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นแต๋วไปจริงๆหรอก เหอ เหอ))
"อืม แล้วคาซึยะล่ะ” เอ่ยถามด้วยความคิดถึง ก็ไม่ได้พบหน้าคนตัวเล็กมาตั้ง 2 วันเต็มๆแล้วน่ะสิ และก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเจ้าตัวเล็กหายไปไหน
ทุกทีเมื่อรู้ว่าเขามาถึงแล้ว เป็นต้องวิ่งออกมาต้อนรับเค้าเป็นคนแรกเสมอ
"ก็อยู่ที่สวนด้านหน้าวังเช่นกันพะยะค่ะ” ถามมาโคคิก็ตอบไป เพียงแต่ว่าซึยะจังจะยังคงอยู่ที่นั่นนะ เพราะที่เขาเห็นน่ะ มันสักพักใหญ่ๆแล้วน่ะสิ ^^
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~* *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
"เก็บเอาไปคิดนะ แล้วอย่าลืมให้คำตอบพ่อล่ะ”
น้ำเสียงของผู้พูดดูจะอ่อนลงจากช่วงแรกๆที่เรียกอีกฝ่ายเข้าพบ
"ครับ” เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ด้วยใบหน้าที่ครุ่นคิด
อีกฝ่ายเมื่อเห็นลูกชายเดินไปแล้วก็ถอนหายใจออกมา หวังว่าคำตอบที่เจ้าจะให้พ่อคงเป็นคำตอบที่พ่อหวังไว้ หากไม่อย่างนั้นอาณาจักรเราคง...
คิดอะไรไปเรื่อย แล้วจึงหันหลังทรงพระดำเนินไปจากตรงนั้น เพื่อไปพักผ่อน
เฮ้อ ร่างกายพระองค์นี่ดูเหมือนจะอ่อนแอลงไปมากจริงๆ ไม่อยากให้สิ่งที่เขากลัวเกิดขึ้นเลย
หลังจากที่ร่างสูงเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว สายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นั่งบนหินก้อนใหญ่โดยเอนตัวพิงต้นไม้อยู่ จึงเดินไปดู
เพราะรู้ว่าเป็นใคร ในใจหวาดหวั่น คนตรงหน้าจะได้ยินเรื่องที่เขาคุยกับท่านพ่อหรือเปล่านะ อีกใจหนึ่งก็อยากให้ได้ยิน
เพราะอยากรู้ว่าร่างที่แสนบอบบางน่าทะนุถนอมตรงหน้านี้จะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร จะมีใจให้กันแม้เพียงน้อยนิดหรือไม่
หรือจะมีเพียงพระองค์ที่คิดไปเองฝ่ายเดียว แต่อีกใจก็ไม่อยากให้ร่างบางได้ยินเลย เนื่องจากไม่อยากให้คนที่พระองค์ทรงรักเข้าใจผิดและกลุ้มใจด้วยเรื่องนี้
ในเมื่อพระองค์ก็ทรงรู้และสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้านั้นหวงพระองค์มากเพียงใด แต่มันไม่ใช่ด้วยความรู้สึกและในฐานะที่พระองค์อยากจะได้รับจากคนตัวเล็กคนนี้
เดินเข้าไปใกล้ อีกไม่ถึง 3 ก้าวก็จะถึงตัวแล้ว นึกแปลกใจไม่น้อยว่าเหตุใดร่างเล็กจึงยังไม่รู้สึกตัวอีก ก็ทุกครั้งที่เขาเล่นแบบนี้
แล้วร่างบางก็เป็นต้องรู้ตัวก่อนเสียทุกครา ครั้งนี้เลยอดที่จะแปลกพระทัยไม่ได้ เอ หรือว่านั่งคิดอะไรเพลินจนไม่รู้ตัวว่าพระองค์เดินมาข้างหลังนะ
พอเดินไปถึงตัว จึงยื่นมือไปแตะเบาๆที่หัวไหล่บาง...ซึ่งถูกปกคลุมด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณเนื้อดี ยังไม่ขยับแฮะ ตัดสินใจเดินอ้อมไปอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งอยู่
เห็นว่ากำลังก้มหน้าอยู่ จึงเลื่อนสายตาไปบริเวณที่เจ้าชายน้อยทรงมอง
ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกหรือน่าสนใจเลย ย่อเข่าลงนั่งยองๆ สายตาคมจ้องมองไปที่หน้าขาวอมชมพูของคนที่ก้มหน้าอยู่ อ้าวหลับอยู่เหรอ
แล้วรอยยิ้มก็ระบายอยู่บนใบหน้าร่างสูงน้อยๆอย่างนึกเอ็นดู เฮ้อ เพลียมาจากที่ใดกันนะ
ถึงมาหลับเอาตรงนี้ได้เนี่ย อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอกโดยที่ไม่กลัวว่าคนในอ้อมแขนจะตื่น เพราะว่าเจ้าตัวเล็กคนนี้ขี้เซาน่ะสิ
พาไปนอนบนห้องให้ดี ไม่ใช่มานอนตากน้ำค้างตากยุงอยู่อย่างนี้ นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย กลัวว่าเจ้าตัวจะไม่สบายเอา
to be con.......part 2
******************************
ความคิดเห็น