ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องศาที่ 361 {Yaoi}

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter 2 : ความทรงจำ [100เปอร์เซ็นต์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 358
      14
      9 ส.ค. 55









    chapter 2 : ควมทรจำ


     





     

    ผมมาหยุดยืนที่หน้ารั้วสูงตระหง่านของบ้านหลังโตสีขาวอีกครั้ง  และเป็นอีกครั้งที่ผมไม่อยากย่างกรายเข้าไปในบ้านหลังนี้

     

     

    ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน ...จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปข้างใน

     

     

    "อ้าว! คุณรันมายืนรอนานรึยังคะ?  ทำไมไม่เรียกป้าล่ะ"  ป้าแม่บ้านที่เห็นผมเข้าพอดีรีบกระวีกระวาดมาเลื่อนรั้วให้ แต่ผมห้ามไว้

     

     

    "วันนี้ผมไม่เข้าบ้านนะครับ  ฝากบอกพ่อด้วยว่าผมไปทำรายงานบ้านทีม"

     

     

    ป้าแม่บ้านพยักหน้ามึนๆ "ค่ะๆ ได้ค่ะ"

     

     

    "ขอบคุณครับ"

     

     

     

    หลังจากโกหกคำโตเสร็จสิ้น ผมก็โบกแท็กซี่ไปลงบ้านไอ้ทีมทันที  มันดูจะงงไม่น้อยที่เห็นผมเสร่อมาหาถึงบ้าน  แต่มันก็คงไม่งงมากเท่าไหร่ เพราะจะว่าไปผมก็มาบ่อยอยู่เหมือนกัน -_-

     

     

    "ไงมึง วันนี้มีเรื่องเหี้ยไรมาอีกล่ะ" ถามเหมือนจะรู้แกว  ก็ปกติผมมาบ้านมันแต่ล่ะทีก็มีเรื่องกับที่บ้านมาทั้งนั้น

     

     

    "ไม่มีอ่ะ ถอยดิ๊" ผมใช้ไหล่ดันไหล่มันให้พ้นประตู ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาสีฟ้าของมัน  ประหนึ่งว่าเป็นเจ้าของซะเอง ฮ่าๆๆ

     

     

    "ไม่มีแล้วมาหากูทำไม เสียวตูดนะโว๊ยย"

     

     

    ผมถึงกับงิ้ด แทงใจดำกูอีก  "สัด!"

     

     

    ไอ้ทีมหัวเราะร่าก่อนจะเดินไปเล่นดอทเอหน้าคอมพ์ที่เปิดค้างไว้อยู่(ไหนบอกจะกลับมาเล่าย HoN ไงฟร่ะ)  ส่วนผมก็ได้แต่นอนนิ่งๆอยู่ที่เดิม  มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นเมฆรวมกลุ่มกันเป็นสีดำ  ฝนจะตกอีกแล้วหรอวะ? เอาเถอะ จะตกก็ตกมา...ตกมาเลย

     

     

    "ไอ้ทีม...ถามจริง  กูเหมือนตุ๊ดหรอวะ?"

     

     

    "เฮ้ย! นี่มึงคิดมากเรื่องที่กูพูดหรอวะ?  กูพูดเล่น เสียวเหี้ยไรกัน กูพูดเล่นเว๊ยมึง!"

     

     

    ผมแค่นหัวเราะ "หึหึ เออ กูรู้มึงพูดเล่น  กูไม่ได้คิดมากที่มึงพูดหรอก  แต่กูแค่อยากรู้...มึงคิดว่ากูเหมือนมั้ยวะ?"

     

     

    "เอาตรงๆเลยป่ะ?"

     

     

    "อือ"

     

     

    "จริงๆเลยนะ"

     

     

    "เออ!"

     

     

    ไอ้ทีมเว้นจังหวะไปนานจะผมใจหาย  เหี้ย...พูดมาซักทีสิวะ!!

     

     

    "ตรงๆนะมึง ...กูว่ามึงแม่งตุ๊ดว่ะ"

     

     

    "..." ผมอ้าปากค้าง  หัวมึนวิ้งไปสามวินาที

     

     

    "กร๊ากกก ฮ่าๆๆๆๆ หน้ามึงโคตรซีดอ่ะไอ้รัน  กูล้อเล่นเว้ย!! ช็อคเลยหรอวะมึง"

     

     

    ป้าบ!

     

     

    ผมตบเกรียนมันฉาดใหญ่  "ส้นตีนเหอะ! เอาจริงๆดิวะ!"

     

     

    ไอ้ทีมลูบหัวพลางมองผมแค้นๆ  "สาดด ตบมาได้  แล้วมึงจะถาม  จะอยากรู้ไปทำห่าอะไรวะ?  อย่าบอกนะว่ามึงคิดมากเรื่องที่พวกไอ้ปรายมันชอบล้อมึงอ่ะ"

     

     

    น่านน  เสือกรู้อีก!

     

     

    "ก็เปล่า" ผมตอบเสียงเบา  แต่ดูเหมือนจะเบาไปหน่อยจนไอ้ทีมจับไต๋ได้  มันเลยหัวเราะลั่น

     

     

    "ฮ่าๆๆๆ มึงนี่แม่งเซนซิทีฟว่ะ  กูจะบอกให้นะเว้ยว่าสำหรับกูแล้วมึงไม่ใช่เว้ย"

     

     

    "..."

     

     

    "แล้วเชื่อดิ ไอ้พวกที่ล้อๆมึงมันก็ไม่คิดว่ามึงเป็นจริงๆหรอก มันก็ล้อตามไอ้ปรายไปอย่างนั้นแหละ"

     

     

    ผมเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอก "จริงหรอวะ?"

     

     

    "เออ จริงดิ  มึงคิดว่าโง่ๆงงๆ อย่างมึงเป็นตุ๊ดหรอวะ  ถุย! ถ้าเป็นจริง มึงคงเป็นตุ๊ดที่ควายมาก"

     

     

    "สัด! เยอะไปและมึงเยอะไปและ"

     

     

    "แล้วอยู่ดีๆทำไมคิดมากเรื่องนี้วะ เห็นไอ้ปรายแม่งล้อมาตั้งนานมึงไม่เห็นคิดไรเลย"

     

     

    ผมถอนหายใจ  พลางถอดถุงเท้าไปด้วยเมื่อรู้สึกว่าเริ่มอึดอัดกับอากาศที่ชื้นขึ้นเรื่อยๆ

     

     

    "กูก็ไม่ได้คิดไรมากหรอกถามดูเฉยๆ"

     

     

    "เออ ให้มันจริงเหอะ  ...เออ สงสัยอย่าง  ทำไมไอ้ปรายมันล้อมึงตุ๊ดวะ?"

     

     

    ผมเบ้ปาก  "ไม่รู้แม่งมัน"

     

     

    "ควาย"  ด่าจบมันก็หันไปต่อสู้กับคู่หูในจอคอมพ์ต่อ  ทิ้งให้ผมนอนมองท้องฟ้าอมฝนผ่านหน้าต่างที่เริ่มขึ้นเป็นฝ้าจางๆอยู่คนเพียงเดียว

     

     

    ที่บอกไม่รู้น่ะผมโกหก ....เพราะวันนี้ปรายเฉลยมาแล้วว่าทำไมถึงล้อผมว่าตุ๊ดแล้วก็หาเรื่องแกล้งผมมาโดยตลอด

     

     

    ตอนนี้ผมรู้ ...ผมรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร

     

     

    ปรายก็แค่ชอบผู้หญิงคนนึงที่เคยมาสารภาพรักกับผมแล้วผมปฏิเสธไป  ผมไม่รู้ว่าเธอเสียใจแค่ไหน  มารู้อีกทีเธอก็ย้ายไปเรียน ม.4 ที่โรงเรียนอื่นแล้ว

     

     

    แต่การย้ายโรงเรียนตอน ม.4 ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหน  ผมก็เลยไม่เคยคิดตะหงิดใจ

     

     

    พึ่งมารู้วันนี้แหละว่าปรายชอบสายโซ่..

     

     

    ก็นะ สายโซ่สวยเพอร์เฟ็คซะขนาดนั้น ไม่ชอบก็ตุ๊ดแล้ว

     

     

    แต่ทำไงได้ ตอนนั้นมันเป็นช่วงแรกๆที่ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดทิ้งผมไปพอดี...ผมก็เลยไม่มีกะจิตกะใจจะไปอินเลิฟกับผู้หญิงที่ไหน

     

     

    รวมทั้งคนเพอร์เฟ็คอย่างสายโซ่ด้วย

     

     

    ทุกสิ่งเป็นเพราะแม่...แม่คนเดียวที่ทำให้ผมมองผู้หญิงเปลี่ยนไป ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปโรงเรียนด้วยชุดนักเรียนตัวโคร่งของไอ้ทีม -_-  กางเกงแม่งจะหลุดตูดรึเปล่าวะเนี่ย

     

     

    "ไอ้ห่าทีมกูว่ามึงควรลดน้ำหนักด่วนเลยว่ะ ใส่กางเกงไซส์ใหญ่ฉิบหาย"

     

     

    "พ่องสิ กูอ่ะหุ่นมาตรฐานหล่อล่ำบึก  มึงมันไอ้แห้งขี้โรคเองช่วยไม่ได้"

     

     

    ผมพ่นหายใจ เหอะ ทำมาว่ากูแห้งมึงอ่ะปริชัดๆ!

     

     

    "เออๆ ไม่ต้องบ่นน่า เดี๋ยวแดกข้าวกลางวันเสร็จก็เรียนพละพอดี มึงค่อยถือโอกาสเปลี่ยนเอาล่ะกัน"

     

     

    เออว่ะ  ผมยังมีชุดพละในล็อคเกอร์นี่หว่า

     

     

    และวันนี้ฝนก็ตกลงมาอีกจนได้  ทำให้พวกเราไม่ต้องลงไปเข้าแถวอีกแล้ว(ก็ดีเมือนกันแหะ  แอบอยากให้ฝนแม่งตกทุกเช้าซะแล้วสิ หึหึ)

     

     

    "เฮ้ยไอ้ทีมไอ้รัน เตะบอลกัน!"  ไอ้โอบเพื่อนซี้ไอ้ปรายตะโกนมาจากหน้าห้อง  เออ เอาเข้าไปไม่เข้าแถวเลยถือโอกาสเล่นบอลเลยว่างั้น

     

     

    "เออดีๆ!  ไอ้รันมึงเล่นป่าว" ไอ้ทีมตะโกนกลับตอบรับคำชวนทันที  แต่ผมมองชุดหลวมฉิบหายที่ตัวเองใส่อยู่แล้วก็มีอันต้องส่ายหัว

     

     

    "ไม่ไหวว่ะ กางเกงหลุดตูดกูพอดี" พูดจบไอ้ทีมก็ไม่ตื้อครับ มันแจ้นไปเตะบอลกับพวกไอ้โอบทันที  เออ ว่าแต่ทำไมอยู่ดีๆไอ้โอบแม่งเสือกชวนผมเล่นบอลวะ  ไอ้ปรายไม่ด่าเอารึไง?

     

     

    แล้วผมก็ได้คำตอบเมื่อมองไปยังโต๊ะประจำของไอ้ปราย  เห็นมันนอนฟุ่บอยู่กับโต๊ะครับ  แปลกแหะ เห็นปกติต้องหาเรื่องเล่นบาสเล่นบอลมันซะทุกเช้า  ไหงวันนี้มานอนนิ่งเป็นก้อนขี้ซะได้

     

     

    แต่ก็ช่างเหอะ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมซักหน่อย...

     

     

     

    "ธนากรณ์มาช่วยอาจารย์ตรวจคะแนนควิซหน่อยสิ" จู่ๆอาจารย์นนท์อาจารย์ประจำวิชาคณิตศาสตร์ก็เดินมาสะกิดไอ้ปรายเฉยเลยครับ  เป็นที่รู้กันว่าไอ้ปรายเป็นลูกรักอาจารย์นนท์ เนื่องจากมันท็อปเลขสายชั้นมาโดยตลอด  โดนใช้งานประจำแหละ (สมน้ำหน้า!)

     

     

    เห็นมันงัวเงียตื่นขึ้นมาหวัดดีอาจารย์ หน้างี้แดงเถือกเหมือนคนไม่สบาย แถมแก้มมันยังขึ้นรอยช้ำจากหมัดที่ผมฝากไว้ตั้งแต่เมื่อวานอีกด้วย  จะว่าไปแล้ว...เมื่อวานผมไม่น่าลงไม้ลงมือเลยแหะ (น่าจะลงตีนแม่งเลย)

     

     

    "จารย์ครับ ผมช่วยดีกว่า  ผมว่างพอดี" แล้วก็ไม่รู้ผีป่าซาตานที่ไหนดลใจให้ผมพูดไปอย่างนั้น  แถมไม่พูดเปล่า ยังเสือกเดินไปเกาะไหล่อาจารย์นนท์อีก!

     

     

    อาจารย์นนท์ทำหน้างง รวมถึงไอ้ปรายด้วย

     

     

    "อ..เอางั้นหรอ"

     

     

    "เอางั้นสิครับจารย์  ป่ะ วันนี้ผมฟิต โคตรรรรอยากช่วยงานจารย์เลย" ว่าแล้วผมก็ผลักๆดุนๆอาจารย์ให้ออกจากห้องไป

     

     

     

    ใช่ว่ากูรู้สึกผิดนะ  กูก็แค่ว่างเท่านั้นเอง!!! (จริ๊งจริงงง)...

     

     

     

     

     

     

     

     

    แล้วผมก็แทบจะทึ้งหัวตัวเอง!  แม่งไม่น่าหาเหากิน เอ๊ย! หาเหาใส่หัวเลยกู  นึกว่าตรวจคะแนนแค่ห้องผมห้องเดียว  ...ที่ไหนได้ ทั้งสายชั้นครับ!! พระเจ้า!มึนตึ้บได้อีก!

     

     

    แล้วกว่าอาจารย์นนท์จะยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระก็ปาไปเกือบคาบสาม!  ผมเดินไร้วิญญาณเข้ามาเรียนอย่างมึนๆ

     

     

    "ไปไหนมาวะไอ้รัน?" ไอ้ทีมถามครับ

     

     

    "ไปทำงานให้จารย์นนท์มาว่ะ  คาบนี้มึงจดดีๆเว้ย  กูไม่ไหวแล้ว ของีบแปป" ว่าแล้วผมก็ฟุ่บลงกับพื้นโต๊ะเพื่อเติมพลัง  ได้ยินเสียงไอ้ทีมโวยวายเข้ามาในห้วงฝัน

     

     

    "เชี่ย! กูก็ง่วงเหมือนกันนะเว้ย! เอาเปรียบสัดหมา!"

     

     

     

     

     

     

     

     

    ออดดดดดด

     

     

    เสียงสวรรค์บอกเวลาพักเที่ยงทำให้ผมได้สติตื่นขึ้นมา

     

     

    ป้าบ!

     

     

    อ้าวไอ้ห่าทีม อยู่ดีๆมาโบกกบาลกูทำไมฟร่ะ!

     

     

    "แม่งเชี่ยรันกวนตีน กูปลุกตั้งนานเสือกไม่ตื่น แต่พอออดปุ๊บมึงตื่นปั๊บเลยนะสัด!"

     

     

    ฮ่าๆๆๆ แน่นอนกูมันเซียนรู้แกวเกมส์เฟ้ยยย

     

     

     

     

    หาววว

     

     

    ผมเดินหาวหวอดมาตลอดทางเดินมาโรงอาหาร  ชักจะไม่มีกะจิตกะใจอยากกินข้าวแล้วว่ะ ง่วงฉิบหาย

     

     

    "มึงกินไรวะ?"  ไอ้ทีมถาม

     

     

    "ไม่รู้ว่ะ  มึงอ่ะ?"

     

     

    "ข้าวมันไก่ป่ะ คนน้อยดี"

     

     

    "เออมึงซื้อให้กูด้วยดิ  เดี๋ยวกูจองโต๊ะให้"

     

     

    ไอ้ทีมมองผมเคืองๆ  "เอาเปรียบตลอดนะมึง"  แต่แม่งก็ยอมไปซื้อให้อยู่ดีอ่ะแหละ  ฮ่าๆๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "อ้าวทำไมรันมานั่งคนเดียวล่ะ? ทีมไปไหนซะล่ะเนี่ย?" จังหวะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ สัปงกจนหัวจะจิ้มโต๊ะอยู่แล้ว แพรก็ทักเข้าให้ซะก่อน

     

     

    ผมเงยหน้ายิ้มทักตอบ  "เดี๋ยวมันก็มาครับ ไปซื้อข้าวอยู่"

     

     

    "ใช้เพื่อนหรอคนนิสัยไม่ดี"

     

     

    "ฮ่าๆๆ ไม่ดีมากๆด้วย"

     

     

    แพรยิ้มหวาน  "ให้แพรนั่งด้วยได้มั้ย"

     

     

    "อ่า...ได้ครับได้สิ"  มันที่สาธารณะนี่  มาขอผมทำไม

     

     

    แพรชวนผมคุยอยู่ซักพัก ไอ้ทีมก็เดินมานั่งข้างผมพร้อมข้าวมันไก่สองจาน

     

     

    "เฮ้ยทำไมไก่มันไม่บาลานซ์เลยวะ?  ขอกูเลือดเยอะฉิบหาย แต่ไก่โคตรน้อย  ของมึงไก่ล้วนเยอะโพดด!" ผมโวยครับ อะไรวะแม่ง!

     

     

    "เออ ทำไมอ่ะ มึงไม่ชอบกินเลือดหรอวะ?"

     

     

    "ก็กินได้"

     

     

    "เอองั้นก็กินไป จะบ่นเพื่อ!" ว่าแล้วมันก็โซ้ยแหลกไม่สนใจผมอีกต่อไปครับ  แม่งผมว่ามันต้องแอบจิ๊กไก่ผมไปแล้วเอาเลือดจานมันมาใส่ให้ผมแทนแหงเลย เพราะปกติเชี่ยทีมแม่งไม่กินเลือด

     

     

    แพรที่เหมือนจะอ่านสถานการณ์ออกขำยกใหญ่  T^T ชะตากรรมผมมันน่าขำขนาดนั้นเลยหรอครับแพร

     

     

     

    "แค่กๆ" แต่กินไปได้ไม่กี่คำ ผมก็รับรู้ถึงสิ่งปกติบางอย่าง  ผมเริ่มรู้สึกร้อนผ่าว  รู้สึกร้อนในอกอย่างรุนแรง

     

     

    "แค่กๆๆ"

     

     

    "เฮ้ย! ตัวมึงผื่นขึ้นแดงไปหมดเลยอ่ะ!! เป็นเชี่ยไรวะ!"  ไอ้ทีมโวยลั่น  ผมมองตามแขนตัวเองก็พบว่ามีตุ่มเล็กแดงขึ้นอยู่เต็มไปหมด มันคันยิกๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกคลื่นไส้แล้วก็เสียดแน่นไปทั้งอก

     

     

    "แค่กๆๆ"

     

     

    "ตายแล้ว! รันแพ้ข้าวมันไก่หรอ!"  เฮ้ยไม่ใช่มั้ง! กินออกบ่อย

     

     

    "แค่กๆ" ผมรู้สึกแย่หนักขึ้นเรื่อยๆ  ตาเริ่มพร่าแล้ว

     

     

    "ไอ้รันมึงเป็นไรวะ?!"

     

     

    "รันๆๆ รันเป็นอะไรอ่ะ!"

     

     

     

     

    "เฮ้ย! เกิดไรขึ้นวะ!!"

     

     

    เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นแทรกเสียงไอ้ทีมกับแพร  แล้วผมก็รู้สึกเหมือนว่าร่างตัวเองลอยได้  โชคร้ายที่ดวงตาพร่ามัวเหลือเกิน เลยทำให้มองภาพตรงหน้าได้ไม่ค่อยถนัด...แต่กระนั้นดวงตาสีน้ำตาคู่แกร่งกลับชัดเจน  เสมือนจุดโฟกัสเดียวในกล้องโพรารอยด์



     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "นักเรียนคะๆ! ตั้งสติหน่อยค่ะ" เสียงเรียกพร้อมแรงตบที่ใบหน้าทำให้ผมได้สติ  เจ้าหน้าที่ประจำห้องพยาบาลให้ผมกินยาอะไรซักอยาก  ไม่นานผมก็วิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำจนหมดไส้หมดพุง  ก่อนจะโดนบังคับให้กินยาแก้แพ้ตามลงไปอีก

     

     

    "ไปกินอะไรผิดสำแดงมาเนี่ยเรา  ดีนะไม่แพ้มาก" เจ้าหน้าที่พยุงผมไปพักที่เตียงแล้วก็ถามไปด้วย

     

     

    "ข้าวมันไก่ครับ  แต่ปกติกินไม่เคยแพ้"

     

     

    "วันนี้ป้าคนขายแกอาจจะใส่อะไรลงไป  บางทีแกอาจจะใส่เครื่องปรุงบางอย่างเพิ่มในน้ำจิ้ม  ถ้าไม่รู้ว่าอะไร ทีหลังก็อย่าไปกินแล้วกัน เดี๋ยวแพ้อีกจะยุ่ง  เข้าใจมั้ย? แล้วทางที่ดีก็ให้ผู้ปกครองพาไปหาหมอด้วยนะถ้ามีอาการอะไรกำเริบขึ้นมาอีก"

     

     

    ผมพยักหน้ารับเบาๆ  รู้สึกอ่อนเพลียจนไม่อยากทำอะไรเลยแม้กระทั่งลืมตา

     

     

    แต่บางอย่างยังติดค้างเป็นคำถามอยู่...

     

     

    "แล้วใครพาผมมาหรอครับ"

     

     

    "จะใครซะอีกล่ะ ก็ไอ้เจ้าปรายนั่นแหละ  รายนั้นน่ะมาประจำ ไม่รู้จะหาเรื่องเจ็บตัวทำไมนัก"

     

     

    "หรอครับ"  ผมครางรับรู้เบาๆก่อนจะหลับตาลง  ทิ้งให้สติหลุดลอยไปกับห้วงนิทรา

     

     

     

    แต่ภาพสุดท้ายก่อนจะเผลอหลับไปจริงๆคือภาพดวงตาสีน้ำตาลแข็งแกร่งคู่นั้น...เป็นดวงตาของปรายที่ติดอยู่ในความทรงจำของผมมาตั้งแต่กลางวัน

     

     

    ดวงตาสีเหมือนอัลมอนด์  เข้มและอ่อนในคราวเดียว...

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตอน ม.ต้น

     

     

     

    ผมเก้ๆกังๆยืนรับแสงแดดอยู่หน้าสุดของแถวนักเรียนชาย  ก็เป็นเพราะตัวเตี้ยนี่แหละเลยได้ยืนอยู่หน้าแถวตลอดตั้งแต่ตอนประถมแล้ว  ปิดเทอมผมอุตส่าห์ฟิตตื่นไปออกกำลังกายทุกเช้า  ไหงเปิดเทอมมาดันได้มาอยู่หน้าสุดของแถวอีกเนี่ย เฮ้ออ ท้อใจวุ้ย

     

     

    มองซ้ายมองขวาก็เห็นแต่เพื่อนนักเรียนใหม่ก็เลยไม่รู้จะไปคุยกับใคร  ผมล่ะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี่เลย  อุตส่าห์บอกแม่แล้วว่าขึ้นม.ต้นขออยู่โรงเรียนเดิม แต่แม่ก็ไม่ให้ บอกว่าโรงเรียนนี้ดีกว่า ให้ลองมาสอบดู ...เสือกติดอีก ....แล้วจะหาเพื่อนใหม่ได้มั้ยเนี่ย -_-

     

     

    แล้วผอ.หัวเหม่งโรงเรียนนี้ก็พูดต้อนรับนักเรียนใหม่ซะยาวเหยียด คือแดดมันร้อนนะเฟ้ย ยิ่งมองเหม่งสะท้อนอัลตร้าไวโอเล็ตของผอ.ก็ยิ่งแสบตา  ผมรู้สึกเหมือนตัวเองตาจะบอดได้เลยอ่ะ T^T

     

     

    "แฮ่กๆๆ"  เด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมายืนหน้าสุดแถวนักเรียนชายห้องข้างๆ  มันเด่นมากเลยครับ เพราะสายตั้งแต่วันแรกกันเลยทีเดียว

     

     

    แขนเล็กผอมนั่นยกขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง และถึงแม้จะดูเหนื่อยฉิบหายแต่ริมฝีปากแดงๆกลับฉีกยิ้มกว้าง

     

     

    "มีทิชชู่ป่ะ ขอหน่อยดิ" ผมสะดุ้งเล็กน้อยที่นายตัวเล็กผู้มาสายสะกิดถาม

     

     

    "ม..ไม่มีอ่ะ"

     

     

    "โหย หัดพกมั่งดิ"

     

     

    เอ้า! ไม่พกเองล่ะวะ

     

     

    ผมมองนายตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าสุดเหมือนกันขำๆ เพราะพอผมไม่มีทิชชู่ให้ เขาก็เช็ดเหงื่อกับแขนเสื้อยกใหญ่  ผิวขาวที่ขาวกว่าลูกคนจีนอย่างผมซะอีกสะท้อนแดดแข็งกับเหม่งผอ.  ทำให้ตอนนี้ตาผมเริ่มพร่าล่ะ -_-

     

     

    "นายชื่อไรอ่ะ" ตัวเล็กหันมาถาม  ผมรู้สึกว่าริมฝีปากสีสดนั่นไม่หยุดยิ้มเลยแหะ จะมีความสุขอะไรกันนักกันหนา แดดร้อนจะตายห่าแล้วเนี่ย

     

     

    แต่ในเมื่อถามมาก็ต้องตอบไป ถึงจะอยู่คนล่ะห้องก็เถอะ  มีเพื่อนต่างห้องไว้บ้างก็เวิร์คดีเหมือนกัน  คิดได้ดังนั้นผมเลยอ้าปากตอบไป  "เราชื่อรัน"

     

     

    "อ่าฮะ  เราชื่อปรายนะ"

     

     

    ได้ข่าวว่ายังไม่ได้ถามนะ ฮ่าๆๆ

     

     

    แล้วริมฝีปากเล็กก็จ้อไม่หยุด...

     

     

    "นี่รู้จักกระสุนปืนลูกปรายมะ  นั่นแแหละชื่อเรา"

     

     

    ผมได้แต่พยักหน้าฟังเงียบๆ เพราะไม่รู้จะไปพูดแทรกปรายได้ตอนไหน รายนั้นไม่เว้นจังหวะให้ผมแทรกเลยอ่ะ -_-

     

     

    ผมเลยมองปรายพูดไปพร้อมรอยยิ้มอยู่อย่างนั้น  ปรายที่ตัวสูงพอๆกับผม  ขาวกว่าผม  และสดใสยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ในตอนนี้เสียอีก

     

     

     

     

    การพบกันครั้งแรกในวันแรกของการเปิดเทอมนั้น  อยู่ในความทรงจำของผมมาจนถึงทุกวันนี้

     

     

    และหลังจากวันนั้นผมกับปรายก็ถือว่าสนิทกันในระดับหนึ่ง  ปรายมักจะหาเรื่องมาจ้อกับผมประจำตอนเข้าแถว  จำได้เลยว่าปรายเคยเอาโยโย่มาอวดจนโดนอาจารย์ยึด ตอนนั้นเจ้าตัวเสียใจมากร้องไห้ใหญ่เพราะบอกว่าอุตส่าห์เก็บตังค์ซื้อเองอยู่หลายเดือน

     

     

    เราอยู่ชมรมซูโดกุด้วยกันก็เลยยิ่งสนิทกันเข้าไปใหญ่

     

     

     

    จนกระทั่ง...ความสูงของปรายเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้ตำแหน่งการยืนเข้าแถวของปรายเริ่มขยับไปด้วย ในขณะที่ผมยืนอยู่ที่เดิม...เผลอแปปเดียวปรายก็ไปยืนอยู่เกือบหลังสุดของแถวซะแล้ว

     

     

     

    พอ ม.สอง  ปรายก็ย้ายชมรมไปอยู่ชมรมบาส  ส่วนผมที่ไม่ชอบออกกำลังกายก็ยังจงรักภักดีต่อชมรมซูโดกุอยู่เหมือน

     

     

     

    แต่กระนั้นเราก็ยังทักทายกันทุกครั้งที่เดินสวนเวลาเปลี่ยนคาบเรียน หรือบังเอิญเจอกันที่โรงอาหาร

     

     

     

    พอ ม.3  เหมือนปรายจะเล่นกีฬามากไปหน่อย ตัวก็เลยสูงพรวดพราด  แถมผิวที่เคยขาวกว่าผม ก็คล้ำแดดจนออกแทนไปเบาๆ  ตัวที่เคยผอมเก้งก้างก็ดูจะแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม (แต่ดูยังไงก็ผอมอยู่ดี)

     

     

    ปรายที่เคยเป็นปรายธรรมดา  กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอม  มีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังกลุ่มใหญ่

     

     

    ชื่อปรายเป็นอันดับแรกในบอร์ดคะแนนเรียนดีของระดับชั้น  ปรายเป็นชื่อแรกที่ใครๆนึกถึง

     

     

     

    แต่น่าแปลก  ปรายยังทักทายผมในทุกครั้งที่เจอ  ปรายยังยิ้มสดใสสู้รัศมีพระอาทิตย์  ปรายยังทำให้ผมยิ้มตามได้ทุกครั้งเวลาที่มองไปเห็น  ปรายที่เป็นที่สนใจของใครๆยังดีต่อผมเหมือนวันแรกที่เจอกัน

     

     

     

    ปิดเทอมผมภาวนาให้เราได้อยู่ห้องเดียวกันตอนขึ้น ม. 4

     

     

    แล้วคำขอของผมก็เป็นจริง ...แต่ปรายมาพร้อมคำพูดที่ว่า

     

     

     

    "ว่าไงไอ้ตุ๊ด"

     

     

     

     

    จริงๆแล้วในสายตาของผม ปรายก็ยังสดใสและโดดเด่นอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ  เพียงแต่ในใจผม ...มันก่อเมฆดำขึ้นมาซะแล้วก็เท่านั้นเอง











     

    ...............

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...............

     

     

     

     

     

     

     

    ผมตื่นขึ้นมาตอนเลิกเรียนพอดี  เห็นแพรกับไอ้ทีมนั่งเฝ้าอยู่ที่ปลายเตียง  ไอ้ทีมกำลังนั่งเล่น psp อยู่ มันไม่รู้เลยด้วยซ้ำมั้งว่าผมตื่นแล้ว  ผิดกับแพรที่พอเห็นผมลืมตาปุ๊บ รายนั้นก็ร้องเรียกชื่อผมปั๊บ

     

     

    "รัน!"

     

     

    ผมยิ้มแหยๆ พลางเกาท้ายทอย  "หวัดดี"  เป็นคำพูดที่งี่เง่ามาก -_-

     

     

    "แพรขอโทษนะ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลย  ไม่รู้ด้วยว่ารันเป็นอะไร  ถ้าแพรได้สติกว่านี้คงรีบพารันมาห้องพยาบาล ไม่ปล่อยให้ไออยู่ตั้งนานหรอก  ขอโทษนะ"  แพรคงรู้สึกผิดมาก เพราะพูดไปก็แทบจะยกมือไหว้ผมไปด้วยอยู่แล้ว

     

     

    "ไม่เป็นไรๆ" ผมได้แต่บอกอย่างนั้น

     

     

    "แล้วนี่มึงไม่เป็นไรแล้วใช่ป่ะ?" ไอ้ทีมเงยหน้าจากจอ psp มาถามผม  โหยย กูล่ะซึ้งใจจริงๆ อุตส่าห์ละจากเกมเพื่อมาถามไถ่กูเนี่ย -_-

     

     

    "เออ ก็ไม่ตายอ่ะ"

     

     

    "หรอวะ  เสียดายว่ะ"

     

     

    อ้าวไอ้นี่่ -_-

     

     

    "รันไม่เป็นไรจริงๆแล้วใช่มั้ย?"

     

     

    "อ่า ครับๆ สบายดีมาก"

     

     

    "เฮ้ออ แพรค่อยโล่งใจหน่อย  รู้มั้ยตอนบ่ายแพรเอาแต่ห่วงรันซะจนเรียนไม่รู้เรื่องเลย"

     

     

    ได้ยินอย่างนั้นไอ้ทีมถึงกับไอค่อกแค่กเลยครับ  เอ่อ ผมก็อยากไอเหมือนกันแหะ -_- (ถ้าอ้วกได้ก็น่าสน)

     

     

    "งั้นถ้ารันไม่เป็นไรแล้ว แพรขอตัวกลับบ้านก่อนนะ แม่โทรตามหลายรอบแล้ว"

     

     

    ผมยิ้มแห้งๆอย่างคนไม่ชินกับการอยู่กับผู้หญิง "อ่าครับ หวัดดีครับ"

     

     

    ลับหลังแพร ไอ้ทีมเดินมาใช้เท้าสะกิดหน้าแข้งผมยิก  "กูว่าแพรชอบมึงแหงเลยว่ะ"

     

     

    "มึงก็คิดไป  ไม่ใช่หรอก"

     

     

    หวังว่าคงจะไม่ใช่อ่ะนะ

     

     

    "แล้วนี่มึงไปไหนต่อ กลับบ้านเลยป่ะ" ผมถาม

     

     

    "ไม่อ่ะ เดี๋ยวกูแวะเกมส์เซ็นเตอร์ก่อน กูอยากได้เกมจีบสาวเวอร์ชั่นล่าสุด เห็นไอ้ต๋าแม่งมาสปอยล์ทั้งวันว่าเจ๋งสัด"

     

     

    ผมทำหน้าเซ็ง  "จีบอยู่ได้สาวในเกม  ชีวิตจริงไม่จีบเข้าไปล่ะ"

     

     

    "ก็ของจริงไม่มีใครเอากูนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ"

     

     

    แล้วเราก็ฮาครืนกันไปซักพักก่อนที่จะตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้าน  ....สถานที่ที่ผมไม่ชอบเข้าไปเหยียบซักเท่าไหร่

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินลากเท้าไปตามขอบสนามฟุตบอลของโรงเรียนอย่างอ้อยอิ่ง อยากจะยื้อเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  แต่ดูจากสีท้องฟ้าแล้วไม่น่าจะยื้อได้นานแหะ  ฝนเริ่มตั้งเค้าอีกแล้ว -_-

     

     

    อยู่ดีๆลูกบอลลูกหนึ่งก็กลิ้งหลุนๆมาอยู่ที่ส้นเท้าของผม  ผมก้มลงไปเก็บก่อนจะสอดส่ายสายตาหาเจ้าของเจ้าลูกกลมๆ  แต่ก็ไม่ยักจะเห็นใครเตะบอลอยู่ในสนามเลยแม้แต่คนเดียว ...ชิหายและ ผีเล่นกูป่ะวะสาดด

     

     

    "อะแฮ่ม!"  เสียงกระแอมไอของใครคนหนึ่งทำให้ผมหันหลังไปมอง  เห็นปรายนั่งอยู่บนอัฒจรรย์ชั้นบนสุด  ผมเดาะลูกบอลในมือเบาๆสองครั้งก่อนจะขว้างคืนปรายไปแบบซั่วๆ

     

     

    แต่คนแขนยาวก็เอื้อมไปรับได้อย่างไม่มีบิดพริ้ว  เมพสัด -_-

     

     

    ผมกำลังจะหันหลังเดินต่อ  แต่เสียงห้าวนั่นเรียกไว้ด้วยคำถาม

     

     

    "ตอนเช้ามึงช่วยกูทำไม"

     

     

    อ๋อ เรื่องตรวจคะแนนควิซนี่เอง

     

     

    ผมหันไปตอบเสียงเรียบ  "ไม่ได้ช่วย  มึงเหอะ ตอนกลางวันช่วยกูทำไม"

     

     

    ไอ้ปรายยักไหล่ขณะที่กำลังปั่นบอลให้หมุนติ้วด้วยนิ้วชี้เพียงนิ้วเดียว  "กูก็ไม่ได้ช่วยมึงเหมือนกัน"

     

     

    ผมเบ้ปาก ใครมันจะไปเชื่อ  "มึงช่วยกูชัดๆ"

     

     

    "ก็บอกว่าไม่ได้ช่วยไง"

     

     

    "หึ โอเค เชื่อก็ได้"

     

     

    ไอ้ปรายหยุดเล่นบอล  มันจ้องผมสายตาดุ  เหอะ กลัวตายล่ะ -_-

     

     

    "อย่ามามองกูอย่างนั่นนะไอ้ตุ๊ด"

     

     

    คำพูดล้อว่าผมเป็นตุ๊ดของปรายทำให้ผมมองปรายเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง

     

     

    "ลาล่ะ"

     

     

    แต่ในขณะที่ผมเดินไปได้แค่สองก้าว  แรงปะทะที่ไม่แรงนักตรงศีรษะก็ทำให้ผมเซไป

     

     

    ปรายขว้างลูกบอลใส่หัวผม...มันก็ไม่แรงนักหรอก  ไม่แรงจริงๆนะ  เพียงแต่โพรงจมูกผมมันแฉะๆ

     

     

    ผมหันไปมองปรายด้วยสายตาตำหนิ  ก่อนที่เจ้าตัวจะทำตาโตเหมือนตกใจอะไรซักอย่างแล้วรีบกระโจนลงมาหาผมอย่างรวดเร็วจนมถึงกับก้าวถอยหลังหวาดๆ เพราะกลัวว่าแม่งจะเข้ามาต่อยซ้ำ

     

     

    แต่ผิดคาด...ร่างสูงของปรายที่เข้ามายืนประชิดแบบฉับพลันถลกชายเสื้อของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่จะใช้เนื้อผ้าขาวเช็ดเบาๆที่ปลายจมูกของผม

     

     

    แน่นอนว่าผมถึงกับสะดุ้ง  "ทำไรวะ!?"

     

     

    ปรายเอ็ดเสียงดุ  "เฉยๆเหอะน่า"

     

     

    ตอนปรายปล่อยชายเสื้อลงผมถึงได้เห็นรอยเลือดสีแดงสดติดเป็นทางยาว  ผมรีบคลำปลายจมูกของตัวเองทันที  เฮ้ย!!เลือดกำเดาผมออกเลยหรอวะ

     

     

    ผมจ้องปรายโกรธๆ เล่นแรงไปแล้วนะเว้ย!

     

     

    และก็เหมือนปรายจะรู้ตัว  มันประคองให้ผมเงยหน้าก่อนจะพูดเสียงอ้อมแอ้มเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนัก  "กูขอโทษ"

     

     

    "ห๊ะ! มึงพูดไรนะ"

     

     

    คราวนี้ไอ้ปรายจ้องหน้าผมนิ่ง เสียงอ่อนลงมาก "ขอโทษไง  กูไม่ได้ตั้งใจทำมึงขนาดนี้จริงๆนะ"

     

     

    ก็จริง  ตอนที่ลูกบอลอัดมาก็ไม่เจ็บเท่าไหร่  แต่ทำไมเลือดกำเดาแม่งไหลวะ  กูงง -_-

     

     

     

    ปรายพาผมไปนั่งที่อัฒจรรย์ก่อนจะบังคับให้ผมเงยหน้าไว้  แล้วเจ้าตัวก็วิ่งหายไป  เห็นบอกว่าจะไปหาน้ำแข็งแถวโรงอาหารมาประคบให้

     

     

    รอไม่นานร่างสูงก็วิ่งกลับมาพร้อมผ้าห่อน้ำแข็งขนาดเท่าห่อเด็กทารกในมือ  คือกูแค่กำเดาออกเองนะ ไม่ได้ขาดครึ่งตัวถึงจะต้องใช้น้ำแข็งมากมายมหาศาลขนาดนั้น -_-

     

     

    ปรายนั่งลงข้างๆผม ก่อนจะทิ้งน้ำแข็งส่วนหนึ่งออก (นั่นไงกูว่าและว่าแม่งต้องใช้ครึ่งทิ้งครึ่ง -_-)  มันค่อยๆใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบจมูกผมเบาๆ(ซึ่งก็ไม่ใช่จะเบาอะไรนักหรอกครับ -_-)

     

     

    "แม่งไม่ถนัดว่ะ  มึงนอนลงมาเลยดิ"

     

     

    ผมมองปรายหวาดๆ  "เอาจริงดิ"

     

     

    "เออ!"

     

     

    แล้วผมก็ค่อยๆทิ้งตัวนอนลงไป เมื่อเห็นด้วยกับปรายว่าท่ามันไม่ถนัดจริงๆ  แต่พอจะวางหัวลงกับที่นั่งอัฒจรรย์ปรายกลับเขยิบเอาหน้าตักมารองหัวผมเอาไว้แทน  ผมกะจะโวยวาย  แต่ก็คิดว่าเงียบไว้ดีกว่า สะดิดสะดิ้งไปเดี๋ยวแม่งด่ากูตุ๊ดอีก -_-

     

     

    แล้วปรายเองก็ดูไม่ลำบากใจอะไร (ก็เป็นคนเสนอตักมาให้รองเองนี่หว่า)  ผมก็เลยนอนนิ่งๆให้ปรายประคบน้ำแข็งให้ไปอย่างนั้น

     

     

    "กูขอโทษนะเว้ย กูไม่ได้ตั้งใจ" ปรายพูดขึ้นมาอีก

     

     

    "เออ ช่างแม่งเหอะ" ผมปัดๆไป ไม่ถึงตายซักหน่อย

     

     

    "กูรู้สึกผิดจริงๆนะเว้ย  กูไม่เคยทำให้ใครเจ็บตัวถึงขนาดเลือดออกมาก่อน  แล้วยิ่งเป็นมึง ..แม่งยิ่งแล้วใหญ่เลยว่ะ"  เสียงที่อ่อนเบาของปรายแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกผิดจริงๆ

     

     

    "แล้วทำไมเป็นกูต้องยิ่งแล้วใหญ่ด้วยวะ?"

     

     

    "ก็เพราะมึงมันทั้งเตี้ยทั้งแห้ง  แม่งผู้ใหญ่รังแกเด็กชัดๆ"

     

     

    "อ้าวไอ้สัด  ตอนนี้กูสูงร้อยเจ็ดสองแล้วนะเว้ย!"

     

     

    "เออกูแปดสองไง ฮ่าๆๆ"  เสียงหัวเราะบาดจิตของปรายทำเอาผมแทบจะลุกขึ้นเอาเรื่อง แต่ปรายเสือกกดผมไว้ก่อนเลยจำใจต้องนอนลงไปเหมือนเดิม

     

     

    ปรายหลุดหัวเราะเบาๆ "ขอโทษจริงๆนะเว้ย"

     

     

    "เออรู้แล้ว! พูดอยู่ได้"

     

     

    "มึงเจ็บมากป่ะวะ"

     

     

    ผมพ่นหายใจอย่างหงุดหงิด  "มึงเห็นกูอ่อนขนาดนั้นเลยหรอวะ"

     

     

    "ก็เออดิ"

     

     

    ผมแย่งผ้าห่อน้ำแข็งในมือมันมาประคบเองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง  ตอนนี้หัวเสียจนอยากจะเตะมันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

     

     

    "เฮ้ย! นอนไปดิ เดี๋ยวกูทำให้"

     

     

    "ไม่ต้อง  มึงจะไหนก็ไปเหอะ"

     

     

    ไอ้ปรายยักไหล่เหมือนไม่อยากจะแคร์ ก่อนจะเขยิบตูดห่างผมไปไกลพอสมควร

     

     

    ผมประคบเย็นจนเลือดหยุดไหล ก่อนจะวางผ้าที่เหลือน้ำแข็งอยู่แค่ไม่กี่ก่อนไว้ข้างตัว

     

     

    ทั้งผมและปรายยังคงนั่งอยู่ที่เดิม  เงียบเชียบไร้ซึ่งบทสนา  จนกระทั่งปรายเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน...

     

     

    "เราพูดดีๆกันครั้งสุดท้ายเหมือนไหร่วะ?"

     

     

    ผมถึงกับขมวดคิ้ว  มาไม้ไหนของแม่งวะเนี่ย

     

     

    "ช่างเหอะ  ยังไงมึงก็เป็นคนที่ทำให้กูเสียใจอยู่ดี" 

     

     

    "..."

     

     

    "ว่าแต่..มึงเจอโซ่บ้างป่าววะ?"

     

     

    "ไม่อ่ะ" ผมตอบตามจริง  เพราะหลังจากวันสุดท้ายของการสอบ ผมก็ไม่เห็นสายโซ่อีกเลย

     

     

    "หรอ  ..."  มันตัดบทไว้แค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นจากอัฒจรรย์และเดินจากไป

     

     

    ผมนั่งคิดทบทวนอยู่ที่เดิม ...จริงๆแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเรามันก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น  ถ้ามองเผินๆก็เหมือนเพื่อนแกล้งกันมากกว่า  เพราะปรายไม่เคยทำร้ายร่างกายผม  ปกติก็ล้อเสียงกวนๆซะมากกว่า  ปรายไม่เคยแสดงท่าทีไม่พอใจเวลาเราต้องทำรายงานกลุ่มเดียวกัน  เพื่อนปรายทุกคนล้อผมบ้างเป็นลูกคู่ให้ปรายเวลาหาเรื่องล้อผม แต่ไม่มีใครแอนตี้ผม  พวกนั้นยังเฮฮากับผมตามประสาเพื่อนร่วมห้อง

     

     

    เพียงแค่เราไม่ได้ยิ้มให้กันเหมือนเดิม  ไม่ได้พูดภาษาดอกไม้ใส่กันเหมือนเดิมแบบสมัยยังอยู่ ม.ต้น

     

     

     

    ในสายตาเพื่อนร่วมห้อง มองว่าผมกับปรายเป็นคู่กัดที่เรียกเสียงหัวเราะซะมากกว่าคู่กัดจริงจัง ประมาณว่าเกลียดกันฉิบหาย จะฆ่ากันตายวันละสามหน

     

     

     

     

     

    แต่ถ้าคุณเป็นผม  คุณจะใจหายมั้ย?

     

    จากเพื่อนที่ดีต่อเรามาโดยตลอด  อยู่ดีๆก็มาร้ายใส่  มาล้อว่าคุณผิดเพศ  โดยที่คุณไม่รู้สาเหตุ 

     

     

    บอกตามตรงนะ ช่วงแรกๆที่โดนปรายแกล้งอย่างนั้นผมเสียเซล์ฟฉิบหาย  ส่องพฤติกรรมตัวเองวันละหลายตลบว่ากูเป็นตุ๊ดหรอฟร่ะ

     

     

    จนนานๆเข้าก็เริ่มชิน  ประมาณว่ามึงอยากล้อก็ล้อไป  กูไม่ได้เป็นซะอย่าง

     

     

     

    แต่พอมารู้เหตผลเมื่อวานว่ามันล้อผมทำไม  ก็ใจหายแวบไปเหมือนกัน...

     

     

     

    .......

     

     

     

     

    กว่าจะออกจากโรงเรียนมา BTS ได้ก็ปาไปเกือบหนึ่งทุ่ม  ผมรอรถไฟอยู่ไม่นานสัญญาณก็ดังเตือนก่อนโบกี้จะเปิดรับผู้โดยสาร  ผมไม่รอช้าก้าวเข้าไปหาเสาพิงทันที (ที่นั่งไม่สนอ่ะครับ เอาไว้ให้ผู้หญิงนั่งเถอะ เราสุภาพบุรุษพอ ฮ่าๆๆ)

     

     

    ระหว่างที่รถไฟกำลังเคลื่อนตัวผมก็ควักไอพอดมาเล่มเกมแก้เซ็งๆ  เล่นไปซักพักก็รู้สึกเหมือนมีใครซักคนเอื้อมมือสะกิดจากทางด้านหลัง  ผมกดพอสเกมไว้ก่อนจะหันไปมองเจ้าของมือที่สะกิดไหล่ผมไม่หยุด

     

     

    "เฮ้ย!"  สาบานได้ว่าผมช็อคจนแทบวิญญาณหลุดออกจากร่างเลยครับ

     

     

    ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มแฉ่งอวดลักยิ้มที่แก้มซ้าย  "หวัดดีรัน  จำเราได้มั้ย ^_^"

     

     

    บอกผมทีเหอะ...ว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่สายโซ่  ผู้หญิงที่ผมเคยปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดีเมื่อสองปีก่อน

     

     

    แต่ในเมื่อใช่มันก็ต้องใช่ครับ ...ผมจะปฏิเสธความจริงไปได้ยังไงล่ะ T_T

     

     

    ทำไมพระเจ้าต้องให้เรามาเจอกันด้วยนะ  โฮๆ ผมยังไม่พร้อมเผชิญหน้าเลยอ่ะ  ความรู้สึกผิดมันยังท่วมท้นไม่หาย

     

     

    สายโซ่ที่เห็นผมนิ่งไป โบกมือตรงหน้าผมไหวๆ เหมือนจะเช็คว่าผมยังมีสติอยู่หรือไม่  "ไหวมั้ยเนี่ยรัน  ว่าไง  จำเราได้มั้ย? เราสายโซ่ไง"

     

     

    จำได้สิครับ  โคตรแม่นเลยแหละ T^T

     

     

    "ว..หวัดดี" ผมพยายามยิ้มตอบ 

     

     

    "จะกลับบ้านหรอ?"

     

     

    "อ่า...ครับ"

     

     

    "แล้วขึ้น BTS ทุกวันเลยป่ะ  ปกติเราก็กลับเวลานี้  ไม่เห็นเคยเจอ"

     

     

    "ก็ขึ้นทุกวัน  แต่พอดีวันนี้กลับช้าหน่อย"

     

     

    "อ๋อ แสดงว่าปกติกลับเร็วกว่านี้ใช่มะ"

     

     

    "อ่าครับ"

     

     

    "งั้นพรุ่งนี้รอเราหน่อยสิ"

     

     

    "!!!"

     

     

    "เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะได้เอาเฟรนด์ชิพของรันมาคืนไง"

     

     

    เฟรนด์ชิพไรหว่า?

     

     

    "แหมอย่างงสิ  ก็เฟรนด์ชิพที่รันเคยให้เราไปเขียนตอน ม.3 ไง  แต่ตอนนั้นรันทำเราเฮิร์ตพอดีเลยลืมคืน  วันนี้มาเจอก็ดีแล้ว จะได้คืนได้ซักที นอนแน่นิ่งอยู่หัวเตียงเรามาเป็นปีๆแล้วเนี่ย"

     

     

    เอ่อ  ถ้าจะนานขนาดนั้นก็ไม่ต้องคืนก็ได้มั้ง

     

     

    "โซ่เอาไปเลยก็ได้นะ"

     

     

    "ได้ไงล่ะ!  เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะเอามาคืนนะ  เจอกันที่นี่โอเคมั้้ย?"

     

     

    "อ่าา"  เอางั้นหรอ?

     

     

    "เอาเบอร์รันมาด้วยสิ  เผื่อพรุ่งนี้หาตัวไม่เจอ"

     

     

    ผมช็อคครับ  ไม่ดีมั้งงง

     

     

    แต่พอเห็นสายโซ่ล้วงเอาซัมซุงแกแล็คซี่รุ่นล่าสุดออกมาเตรียมเมมเบอร์ผมแล้วก็ต้องจำใจให้ครับ  ไม่งั้นเดี๋ยวผู้หญิงเค้าเสียหน้า  พอบอกเลขครบสิบหลักแล้วรถไฟก็แล่นมาถึงสถานีที่สายโซ่ต้องลงพอดี  เราก็เลยต้องแยกย้ายกันไป

     

     

    แต่ก่อนที่ขาเล็กๆจะก้าวพ้นประตู  สายโซ่ก็หันหัลบมาพูดกับผมด้วยรอยยิ้มเสียก่อน

     

     

    "รันไม่ต้องอึดอัดใจขนาดนั้นก็ได้  เรามีแฟนแล้วแหละ  เราหายเสียใจเพราะรันไปนานแล้ว"

     

     

    "..."

     

     

    "กลับดีๆนะ  พรุ่งนี้เจอกัน"

     

     

     

    ตอนนั้นเอง ...ผมคิดถึงปราย

     

    คิดว่าปรายจะยังชอบสายโซ่อยู่มั้ย?

     

    คิดว่าปรายจะเป็นยังไงถ้ารู้ว่าสายโซ่มีแฟนแล้ว?

     

    ปรายจะเสียใจมั้ย? แล้วถ้าเสียใจ..ต้องใช้เวลานานมั้ยถึงจะหาย?

     

     

     

     

    ผมล่ะอยากจะรู้คำตอบมันซะตอนนี้เลยจริงๆ...

     

     

     

    แต่ก็นะ...มันเป็นไปได้ซะที่ไหน -_-

     

     

     

     

     







    100 เปอร์เซ็นต์









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×