ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องศาที่ 361 {Yaoi}

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1 : เมื่อฝนหลงฤดู

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 55


     




     

     




     

      

                Story : องศาที่ 361

                Summary : ???

                Date : 1/8/12

                Note :

               
    องศาที่ 361

    เป็นเรื่องของคนสองคนที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ

    แนบเนียน

    และกลมกลืน...

     

    ไม่ใช่รักแรกพบ ที่แบบว่าเจอปุ๊บไฟติดปั๊บ ต้องฟีทเจอร์ริ่งกันถึงจะหาย 

    แต่เป็นความทรงจำที่สวยงาม


     

     
     

    "ซีเชื่อว่าคนเราทุกคนต้องมีเรื่องราวที่อยากจะจำไปตลอดชีวิต

    มีสิ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำ  ไม่ว่าจะลึกหรือตื้น

    และสิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เปลี่ยนเรา

    เปลี่ยนเราช้าๆ...

    เปลี่ยนชีวิตเดิมๆที่เคยมีแค่ 360 องศาของเรา

    ให้เป็น 361 ....โดยไม่รู้ตัว"









                 ปล.อย่าได้คิดว่ามันจะเป็นฟิคหม่นๆ คนแต่งมันเกรียน ขอให้ได้รู้ไว้โดยทั่วกัน 555
                



     









    .........................

     

                   






     



     

    12.00 น.

     

     

     

     

    "รัน! รัน! รันหยุดก่อน!"

     

     

    ขาผมหยุดชะงักก่อนที่จะหันไปมองต้นเสียง  ผมจำได้ครับว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมห้อง  แต่หลังจากที่ปิดเทอมไปสามเดือนผมก็จำชื่อเธอไม่ได้แล้วอ่ะ -_-

     

     

    "??"

     

     

    "เย็นนี้รันว่างมั้ย?"

     

     

    ถึงจะว่าง แต่ใบหน้าแดงระเรื่อเหมือนจะเขินของเธอก็ทำให้ผมตัดสินใจโกหก ด้วยการส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

     

    เธอเบ้ปาก  "ว้า! แย่จัง แล้วพรุ่งนี้ล่ะ?"

     

     

    "..."  แน่นอนว่าผมส่ายหัว

     

     

    "มะรืนอ่ะ?"

     

     

    "..." ผมก็ส่ายหัวอีกนั่นแหละ

     

     

    ผู้หญิงตรงหน้ามีท่าทีผิดหวังอย่างชัดเจน จนผมเกือบจะใจอ่อนตอบว่าว่างไปแล้ว  เว้นเสียแต่ว่า..

     

     

    "มันไม่ไปด้วยหรอก แพรไม่รู้รึไงว่าไอ้นี่น่ะมันเป็นเกย์!" เสียงห้าวที่คุ้นเคยสอดแทรกเข้ามาระหว่างผมกับผู้หญิงที่ผมพึ่งจะสำเหนียกขึ้นมาได้(หลังจากอยู่ห้องเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ม.4)ว่าเธอชื่อแพร

     

     

    ผมนิ่งเฉยให้กับคำสบประมาทนั่น  แต่แพรเถียงแทน

     

     

    "น้อยๆหน่อยปราย  รันไม่ได้เป็นอย่างที่ปรายว่าซักหน่อย"

     

     

    ไอ้ตัวสูงที่ผมจำโคตรแม่นเพราะเห็นหนังหน้าของมันมาตั้งแต่ ม.ต้น จีบปากจีบคอพูด  "หรออ  ไม่เชื่อลองถามมันดูดิ" ว่าพลางยักคิ้วกวนส้นตีนมาทางผม

     

     

    ผมมองไอ้ปรายกับพวกพ้องสี่ห้าคนของมันที่ทำหน้าล้อเลียนหลิ่วตากันไปมาอย่างเซ็งอารมณ์ ก่อนจะเดินออกมาจากบริเวณนั้น โดยไม่สนใจเสียงเรียกรั้งไว้ของแพร ผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ

     

     

    "รัน! เดี๋ยวก่อนสิรัน! รัน! รัน!"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    17.00 น.

     

     

     

    ผมเดินแกว่งจาคอบที่ยังมีกลิ่นหนังเหม็นหืนอยู่จางๆไปตามทางซอยเข้าบ้าน  ชะลอฝีเท้าลงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้บ้านหลังโตเข้าไปทุกทีๆ  สายลมพัดแผ่วเหมือนจะมาช่วยปลอบประโลมใจ

     

     

    แต่โลกแห่งความเป็นจริงเป็นสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้  สุดท้ายผมก็เดินมาถึงบ้านสีขาวปลอดหลังใหญ่สุดซอย  ...บ้านของผมเอง

     

     

    บ้านของผมใหญ่มาก สไตล์โรมันและยังดูใหม่เอี่ยม  ที่สวนมีพื้นที่มากพอให้รถไปจอดได้หลายสิบคัน สนนรวมเนื้อที่แล้วก็ไร่กว่า  ซึ่งถือว่าใหญ่มากสำหรับบ้านในเมืองกรุง

     

     

    แต่ว่า...ผมไม่รักบ้าน

     

     

    ผมไม่อยากเข้าไปในบ้านหลังนั้น

     

     

    เพราะหลังจากที่ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดจากผมไป ...บ้านก็ไม่เคยมีความหมายใดกับผมอีกเลย

     

     

     

     

     

    ที่สำคัญเธอคนนั้นคือผู้หญิงที่ผมเรียกว่า 'แม่' มาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้

     


              และแม่ก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่า ... ผมไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงเอาซะเลย  ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ตาม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    chapter 1 : เมื่อฝนหลงฤดู

     

     

     

     

    ผมเหวี่ยงจาคอบใบแฟบลงบนโต๊ะเรียน ก่อนจะทิ้งก้นลงนั่งบนเก้าอี้แล้วฟุบหน้านอนตามลงไป  วันนี้ฝนตกหนักตั้งแต่เช้าจนสนามหญ้าเปียกแฉะก็เลยไม่มีการเข้าแถวเหมือนทุกๆวัน แถมไอ้เพื่อนเวรของผมก็เสือกมาสายเป็นกิจวัตร ทำให้ทุกเช้าผมต้องอะโลนจนชิน

     

     

    บรรยากาศตอนนี้ก็ดีน่านอนฉิบหาย...เอาเป็นว่าผมจะนอนรอมันก็แล้วกันนะ

     

     

    "รัน!"

     

     

    ใครเรียกวะ คนกำลังจะเคลิ้มอยู่แล้วเชียว...

     

     

    ผมเงยหน้ามามองเจ้าของเสียงที่ตะโกนเรียกชื่อผมซะดังลั่น ทั้งๆที่เธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าผมแท้ๆ  ผมเลิกคิ้วแทนคำถามประมาณว่ามีอะไรรึเปล่า?

     

     

    "แหะๆ เมื่อวานขอโทษแทนปรายด้วยนะ  เห็นเดินหนีไปเลย โกรธหรอ?"

     

     

    ผมส่ายหัว พูดเสียงยานคางเพราะความง่วง "เปล่าหรอกกก"

     

     

    พอได้ยินอย่างนั้นแพรเลยยิ้มหวาน  "เฮ้ออ ค่อยยังชั่วหน่อย  แต่รันก็อย่าไปถือสาปรายมันเลยนะ  มันก็ปากหมางี้แหละ"

     

     

    ผมแค่นหัวเราะแกนๆแบบไม่มีเสียง "ช่างเหอะ  เราชิน"  ผมโดนไอ้หมาบ้านั่นล้อมาตั้งแต่ ม.4  ไม่ชินให้มันรู้ไป

     

     

    แล้วจู่ๆแพรก็ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับผมซะงั้น  "วันนี้ไม่เข้าแถว มีเวลาตั้งนานกว่าจะถึงคาบแรก  รันสอนการบ้านเลขให้เราหน่อยสิ"

     

     

    ผมถึงกับหน้าเหวอ  แพรอ้อนเสียงหวาน "นะรันนะ น้าๆ แพรทำไม่ได้จริงๆอ่ะ อะไรก็ไม่รู้ย๊ากยาก"

     

     

    พอเจอมุขอ้อนเข้าไปผมก็เลยได้แต่เลยตามเลย  เอางั้นก็ได้...

     

     

     

    ผมล้วงเอาสมุดเลขจากกระเป๋ามากางบนโต๊ะ ก่อนจะพลิกหน้าล่าสุดที่มีการบ้านเกือบยี่สิบข้อ

     

     

    ดูแพรจะดีใจใหญ่ที่ผมยอมสอน เธอปรบมือแปะๆยิ้มกว้างจนตาหยี

     

     

     

    ฟึ่บ!

     

     

     

    แต่อยู่ดีๆก็มีมือที่สามมาคว้าสมุดเลขของผมไปหน้าตาเฉยด้วยความเร็วสปีดไวกว่านรก  ผมกับแพรมองตามสมุดเลขที่ตกไปอยู่ในมือผู้มาใหม่ตาค้าง  ประมาณว่า 'มึงมาจากไหน?  มึงมายังไง?  ใครเชิญมึงมา?'

     

     

    "ปราย!!" แพรแผดเสียงไม่พอใจใส่หัวขโมยมือไวทันที  แต่เจ้าของชื่อกลับลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่มีความผิดอะไร  มันดูดไมโลที่ถือไว้ด้วยมือขวาก่อนจะหมุนควงสมุดเลขของผมเล่นด้วยมือซ้าย ท่าทางกวนตีนฉิบหายจะวายป่วง -_-

     

     

    "ยืมก่อนนะ"

     

     

    "ปราย!" แพรตะโกนเรียกเสียงดัง  เอาแล้วโว๊ย เจ้าแม่จะลงมั้ยเนี่ย

     

     

    แต่ไม่ทันที่แพรจะลุกขึ้นวีน ไอ้เปรตที่ชื่อปรายก็วิ่งแจ้นออกไปจากห้องเสียแล้ว  พร้อมด้วย...สมุดเลข...ของผม -_-

     

     

     

    ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะหันมาสังเกตสีหน้าของแพรที่ตอนนี้เหมือนจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว  น่ากลัวแหะ

     

     

    "วอหนึ่งเรียกวอสอง!! สวัสดีพี่น้องชาวโลก!!" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากประตูห้อง เรียกให้เพื่อนร่วมชั้นหันไปสนใจมันเป็นจุดเดียว ...ไอ้ทีม เพื่อนเพี้ยนของผมเองครับ

     

     

    จะแหกปากหาพ่อมึงรึไง -_-

     

     

    มันปรี่มายังที่นั่งข้างผมทันที  "ไงมึง เมื่อคืนได้อ่านฟอร์เวิร์ดเมล์กูป่าว ถ้ายังไม่ได้เปิดดูมึงรีบกลับไปดูเลยนะเว้ย ของดีทั้งนั้น"

     

     

    ของดีของมึงไม่พ้นรูปโป๊ ลิงค์โลดคลิปหลุดอ่ะดิ

     

     

    "อ้าวแพรหวัดดี" ไอ้ทีมทักแพรอย่างงงๆ  มันคงงงว่าแพรมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ไงแหงๆ

     

     

    "แพรมาขอให้รันสอนการบ้านน่ะ" แพรก็เหมือนจะรู้ว่าไอ้ทีมคิดอะไรครับ ตอบเป๊ะโดยไม่ต้องถามกันเลยทีเดียว

     

     

     

    พอได้ยินแพรพูดอย่างนั้นไอ้ทีมเลยยิ้มล้อๆส่งมาทางผม  "เสน่ห์แรงใช้เล่นนะเนี่ยเพื่อนกู"

     

     

    "เออ มึงพึ่งรู้หรอ"

     

     

    แพรหัวเราะคิกคักเลยพอได้ยินผมพูดยังงั้น  หมายความว่าไงเนี่ย

     

     

    "นึกว่าผู้หญิงห้องเราจะแห่กันไปชอบไอ้ปรายหมดซะแล้ว  มึงต้องขอบคุณแพรนะเนี่ยที่เมินไอ้ปรายมาหามึงเนี่ย แถวบ้านเรียกชอบของแปลก"

     

     

    ผมหัวเราะฝืดๆ ตลกตายล่ะมึง -_-

     

     

    "ทีมก็ ..รันไม่ใช่ของแปลกซักหน่อย  รันออกจะน่ารัก  เฮ้ยๆ! แต่แพรไม่ได้ชอบรันนะ" แพรพูดหน้าแดง  แล้วจะหน้าแดงไปเพื่อ  ผมคิดนะคร้าบบบ

     

     

    "ฮ่าๆๆ"

     

     

    "แล้วแพรก็ไม่อยากชอบปรายด้วย  ไม่อยากไปแย่งทึ้งกับใครเค้า"

     

     

    มันก็จริงอ่ะนะ...

     

     

    ผมมองทอดสายตาออกไปตรงประตูห้องที่มีเสียงอึกทึกโวยวายไม่ขาด  เป็นปรายกับแก๊งค์เพื่อนๆของมันนั่นแหละครับ  พวกมันกำลังเล่นบาสโดยใช้ป้ายห้องเป็นเสมือนแป้นชู้ตกันอยู่  ช่างไม่แคร์สถานที่จริงๆเลยนะพวกมึง

     

     

    ท่ามกลางเด็กผู้ชายเกือบสิบคน  ปรายโดดเด่นออกมา อาจจะด้วยส่วนสูงและหน้าตา หรือเสียงหัวเราะที่สดใสเกินกว่าใครก็แล้วแต่ ...สิ่งเหล่านั้นทำให้ปรายเป็นอันดับต้นๆที่เพื่อนๆและอาจารย์นึกถึง

     

     

     

    นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องผลการเรียนที่โอเว่อร์ของมันอีกนะ -_-

     

    ก็ไม่แปลกหรอกที่สาวๆจะรุมชอบมัน ...ผู้ซึ่งปากหมาและกวนตีนฉิบหายในสายตาผม

     

     

    ส่วนเหตุผลที่มันชอบกวนบาทาผมตลอดเวน่ะหรอ...หึหึ จะบอกให้ก็ได้

     

    ...ว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน -_-

     

     

     

    ไม่รู้สิ  รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเป้าหมายที่ถูกแกล้งเข้าเสียแล้ว  งานหลักของมันก็คือหาเรื่องล้อว่าผมเป็นตุ๊ด  งานรองคือหาจังหวะขัดขาจนเดี๋ยวนี้ผมจับไต๋หาจังหวะมันได้ถูกเกือบหมดแล้ว  ส่วนงานอดิเรกก็สลับกันไปแล้วแต่มุขที่มันจะสรรหามาประลองกับผมในแต่ละวัน  ซึ่งก็ไม่เคยจะซ้ำกันหรอก

     

     

    แม่ง... มีปัญหาเหี้ยไรกับกูนัก  กูก็แค่นักเรียนธรรมดาๆนะเว้ย จะเอาไรไปต่อกร ท่านปรายของสาวๆอย่างมึงได้ทุกวี่ทุกวัน

     

     

     

    หึ...ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ  ผมเป็นนักเรียนระดับธรรมดา  ก็อยู่ในนอร์มอลกราฟอ่ะครับ ไม่ดีเว่อร์โดดเด้ง แล้วก็ไม่เหี้ยซะจนโดดเด่น

     

     

    เป็นแค่นักเรียนทั่วๆไป...ถ้าให้เปรียบก็คงเป็นสีโทนอ่อน  ในขณะที่ปรายเป็นโทนสีร้อนแรง สะดุดตา..

     

     

    ไม่แปลกที่ในห้องผมจะมีไอ้ทีมเป็นเพื่อนซี้กับเขาอยู่แค่คนเดียว  ในขณะที่ปรายมีเพื่อนเท่าฝูงควาย ทั้งในห้องนอกห้อง ไม่พ้นแม้กระทั่งรุ่นพี่รุ่นน้อง  แม่งนับภารโรงด้วยป่าวก็ไม่รู้มัน 

     

     

     

    "วอหนึ่งเรียกทุกวอ!! จารย์แม่เสด็จแล้วเว้ยยย!" ไอ้ทีมตะโกนลั่นเมื่อเรด้าหนวดแมงสาบของมันจับพลังอาจารย์ประจำของห้องเราได้  และก็เหมือนเล่นมายากลเลยครับ นักเรียกทุกคนวิ่งกลับเข้าที่นั่งสงบเป็นศพไร้ชีวิตกันเลยทีเดียว -_- ถุย ไอ้พวกผักกาดโรยหน้า! (ผักชีไม่ใช่หรอ?)

     

     

    อาจารย์ภัสรินเดินปั้นยิ้มเข้ามา  ร้องเท้าส้นเข็มกระทบพื้นห้องดังแต้กแต้ก

     

     

    "นักเรียนทำความเคารพ"  ไอ้แจ๊คหัวหน้าห้องสั่งก่อนที่ทุกคนจะสาหวาดดดีกันเสียงยานประหนึ่งถุงเท้าไอ้เชี่ยทีม

     

     

    "เอ้า! อาทิตย์หน้าจะไหว้ครูแล้ว เสนอชื่อตัวแทนถือพานมาเร็ว ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง" สิ้นเสียงอาจารย์ภัสรินก็เกิดเสียงฮือฮาปนบ่นเบาๆประมาณว่า ไหว้ครูอีกแล้วหรอ? ทำไมแม่งเร็วจัง(วะ?) รู้สึกเหมือนพึ่งไหว้ไปเองนี่หว่า?

     

     

    "ธนากรณ์ครับจารย์!! อุ๊บ! ล้อเล่นคร้าบบ" เสียงไอ้โอบเพื่อนซี้ของไอ้ท่านปรายตะโกนเสนอชื่อจริงของคุณท่านเค้าซะดังลั่นก่อนจะปิดปากตัวเองแน่นเหมือนนึกอะไรออก

     

     

    ก็คงจะนึกคำขู่เมื่อปีที่แล้วของปรายได้ล่ะมั้ง

     

     

    ก็คือว่า ตอนม.4 ไอ้ปรายมันถูกเลือกให้ถือพาน ซึ่งแม่งบ่นว่าเซ็งฉิบหายเพราะถือมาทุกปีตั้งแต่อนุบาล  มันก็เลยขู่เพื่อนทั้งห้องว่าถ้าม.5 มีใครเสือกเสนอชื่อมันให้ถือพานอีก มันเอาตาย!

     

     

    อาจารย์ภัสรินทำหน้างงปนเหวี่ยงหน่อยๆ  "ตกลงจะเอายังไงไม่ทราบหึ๊?"

     

     

    แล้วก็เป็นทีของสาวๆกันบ้าง เสียงเล็กงุ้งงิ้งของพวกเธอเถียงกันดังก่อนจะสรุปออกมาได้ว่า... 

     

     

    "แพรพิมพ์ค่ะอาจารย์!"  ก็ไม่แปลกนะ เพราะแพรก็น่ารักอยู่ ถึงผมจะจำเธอไม่ค่อยได้ซักเท่าไหร่ก็เหอะ -_-

     

     

    "แล้วผู้ชายล่ะ?"

     

     

    "รันค่ะอาจารย์"  เป็นเสียงแพรนั่นเองที่ดังแหวกชาวบ้านคนอื่นเค้า

     

     

    ผมถึงกับเอ๋อ  ...ผม..หรอ -_-  ไม่ดีกว่ามั้ง

     

     

    "รันหรอ เอ่อๆก็ดีๆ  มีใครจะค้านมั้ย?" อาจารย์ภัสรินหันมามองผมก่อนจะถามความเห็นอื่น  แต่ทุกคนไม่ได้ค้านอะไร...

     

     

    ยกเว้น...เชี่ยปราย

     

     

    "ผมค้านครับ!!"  เพื่อนทุกคนหันไปมองหน้าหล่อๆของมันเป็นตาเดียว รวมทั้งผมด้วย

     

     

    "ว่าไง เธอจะเสนอชื่อใครฮะธนากรณ์?"

     

     

    ไอ้ปรายยิ้มกว้างจนตาคมกลายเป็นขีดคล้ายสระอิ ก่อนจะเหล่มามองผมด้วยสายตาแปลกๆ ที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย  ริมฝีปากสีอมส้มนั้นพูดมั่นใจ 

     

     

    "เสนอตัวเองครับ!"

     

     

     

    เอากับมันสิ ...กวนตีนสัดหมา -_-

     

     

     

     

    ไม่ใช่ว่าผมอยากจะถือนักหรอกไอ้พานไหว้ครูน่ะ  แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจมัน  ปีที่แล้วทำเป็นจะเป็นจะตายตอนถูกเลือกให้ถือพาน  ปีนี้เสือกเสนอตัวจะถือซะงั้น

     

    ว้าวุ่นนะมึงอ่ะ =_=

     

     

     

    "มีใครจะเสนอชื่ออื่นอีกมั้ย?  ถ้าไม่มีจะให้โหวตแล้วนะ"

     

     

    แล้วคิดว่าใครจะชนะโหวตล่ะครับ  ระหว่างท่านปรายผู้ยิ่งใหญ่ กับไอ้รันเด็กหลังห้องอย่างผม

     

     

     

    ไม่เห็นต้องถาม -_-

     

     

     

    ผู้หญิงแทบทุกคน ยกเว้นแพรกับเพื่อนคนอื่นอีกนิดหน่อยเลือกผม  ที่เหลือ...เลือกมันกันหมด  รวมถึงกลุ่มเพื่อนของมันด้วย  ซื้อเสียงก็บอกมา -_-

     

    ไอ้ปรายหันมายักคิ้วใส่ผม ซึ่งผมก็ไม่ว่าไรครับ  เรื่องของมึงเหอะ  อยากถือก็ถือไปดิ

     

    แต่แอบเห็นนะว่าแพรหน้าจ๋อยไปเลย

     

     

     

    อาจารย์ภัสรินรวมคะแนนโหวต(ซึ่งแม่งก็โคตรจะเอกฉันท์อ่ะครับ)ก่อนจะสรุป  "งั้นผู้ชายเป็นธนากรณ์ส่วนผู้หญิงเป็นแพรพิมพ์นะ"

     

     

    "เดี๋ยวค่ะอาจารย์  ผู้หญิงขอโหวตด้วยสิคะ"

     

     

    "เธอจะเสนอชื่อใครอีกล่ะ"  ดูอาจารย์จะเพลียนะครับ  พักมั้ย -_-

     

     

    "ชาลินีค่ะอาจารย์"

     

     

    อือหือออ... ไม่ต้องโหวตหรอก ผมรู้ผลแล้วล่ะ

     

     

    ชาลินีหรือว่ากี้ค่อนข้างดังเลยล่ะครับ เพราะว่าเธอทำงานวงการบันเทิงด้วย ก็ไม่ถึงขั้นนางเอก  แต่ว่าดังมากในอินเตอร์เน็ต  ผมแอบเห็นเธอเล่นเอ็มวีของนักร้องดังอยู่สองสามเพลง

     

     

    ถ้าในสายตาผู้ชายอย่างผมแล้ว ...กี้แมร่งบรมโคตรน่ารักเลยครับ

     

    ดังนั้นไม่ต้องเดาเลยว่าผลจะเป็นยังไง

     

     

    และก็อย่างที่คาดนั่นแหละครับ กี้ถูกเลือกให้ถือพาน  แต่ดูแพรก็ไม่ว่าอะไร เพราะเห็นก็ยกมือโหวตให้กี้อยู่เหมือนกัน

     

    อาจารย์ภัสรินปาดเหงื่อที่หน้าผาก  "ไม่มีเรื่องมากอะไรอีกแล้วนะ  สรุปธนากรณ์กับชาลินีนะ  พรุ่งนี้เธอสองคนก็ฟังประกาศเรียกไปซ้อมดีๆล่ะ"

     

     

    "เดี๋ยวครับจารย์!!!"

     

     

    อาจารย์ภัสรินหน้าช็อคไปเบาๆ ประมาณว่า นี่พวกมึงยังจะค้านอะไรกันอีกหรอ?

     

     

    "มีปัญหาอะไรอีกไม่ทราบห๊ะธนากรณ์"

     

     

    ปรายพูดไปยิ้มกวนไปอย่างอารมณ์ดี  "ผมลืมไปครับว่าต้องขึ้นรับเกียรติบัตรเรียนดี  คงจะถือพานไม่ได้"

     

     

    เชี่ยแม่งกวนตีนว่ะ ...

     

    อาจารย์ภัสรินทำหน้าประหนึ่งจะพ่นไฟได้ แต่ต้องทำใจเย็นไว้เพื่อรักษามาด(?)  "โอเค  งั้นให้รันถือ  ตกลงนะ โอเคตามนี้! เรียนได้แล้ว  เปิดหนังสือหน้าสิบเอ็ด!!!"

     

     

    เป็นการตัดบทที่ยอดเยี่ยมไปเลยจอร์จ -_- 

     

     

     

    ผมเหล่มองแพร เห็นรายนั้นทำหน้าจ๋อย  เหล่มองกี้ก็เห็นยู่หน้าไม่พอใจซักเท่าไหร่  จะเหล่มองไอ้ปรายก็...ไม่เอาดีกว่า เบื่อแม่ง!  เรื่องเยอะฉิบหาย!







     

     

     

     

     

    และหลังจากนั้นผมก็เรียนไปหลับไป  เสียงฝนที่ตกเปาะแปะพร้อมไอเย็นชื้นหวิดจะเอาสติผมไปอยู่เรื่อย  ผมคิดถึงที่นอน คิดถึงผ้าห่ม ...อยากทิ้งกบาลตัวเองลงกับหมอนนุ่มๆ...

     

     

    โป๊ก!

     

     

    ผมลูบหัวตัวเองที่โดนไอ้ทีมเอากล่องดินสอเหล็กบ้องเข้าให้ พร้อมบ่น "พ่องตาย ตีกูเพื่อ??"

     

     

    "ไปเรียนได้แล้วมึงอ่ะ  กูไปล่ะนะ จะรีบไปขอบิท HoN เชี่ยต๋ามันเดี๋ยวโดนแย่งคิว!"  มันว่าก่อนจะวิ่งแจ้นออกนอกห้องด้วยความเร็วแปดหมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมง(เว่อร์เพื่อ? -_-)  คาบคอมพ์ล่ะทำเป็นรีบ ทีคาบอื่นที่ต้องเดินไปเรียนห้องอื่นล่ะทำเป็นอ้อยอิ่ง  แล้วถามจริงบ้านไม่มีคอมพ์รึยังไง  ตื่นเต้นหาพ่อง?

     

     

    แต่ก็ดูทุกคนจะตื่นเต้นและกระตือรือร้อนกันหมดจริงๆครับ  เพราะหันไปซ้ายขวาก็พบว่ารอบห้องไม่เหลือใครเลย ...อยากจะถามว่า คาบคอมพิวเตอร์ สำคัญขนาดนั้นเลยหรือกระไร -__-

     

     

    ผมถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ  ห่าฝนข้างนอกยังทิ้งตัวลงมาไม่ขาดสาย  ทำให้ท้องฟ้าวันนี้กลายเป็นสีเทาจางๆ เหมือนมีคนเอาสีมาแต้มไว้ ...ก็นะทำไงได้ มันเข้าหน้าฝนแล้วนี่นา

     

     

     

    ขณะที่ผมกำลังก้าวพ้นประตูห้องเพื่อไปเรียนคอมพ์ ใครคนหนึ่งก็ใช้ขาพาดกั้นไว้ไม่ให้ผมเดินออกจากประตูไป...เป็นไอ้ปรายนั่นเองที่ยืนกอดอกมองผมอย่างเป็นต่อ

     

     

    ผมถอนหายใจเซ็งก่อนจะเดินไปออกอีกประตูหนึ่งแทน  แต่แม่งก็ยังวิ่งมาขวางไว้ก่อนอยู่ดี

     

     

    "มีปัญหาไรไม่ทราบ"

     

     

    "ป่าว" มันลอยหน้าลอยตาตอบได้กวนตีนที่สุดถึงที่สุด จนอยากจะประเคนรางวัลโนเบลล์สาขากวนบาทาระดับโลกให้แม่งฟรีๆ

     

     

    "ไม่มีก็ถอยไปดิว่ะ" ผมชักหงุดหงิดล่ะ

     

     

    ไอ้ปรายวางมือบนไหล่ผมดังปุ  "อย่ายุ่งกับแพร...กูขอเตือน"  มันพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น

     

     

    ผมปัดมือมันออก "เหอะ ไร้สาระว่ะ!"

     

     

    "หึ คิดว่าไร้สาระก็ดี  อย่ายุ่งก็แล้วกัน"

     

     

    ตอนแรกก็ว่าจะไม่ถามแล้วนะ เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่อง แต่ขอซักหน่อยเหอะ  "ถ้ายุ่งแล้วจะทำไมวะ?"

     

     

    ไอ้ปรายก้มลงมากระซิบข้างหูผมแผ่วเบา

     

     

    "แพรก็จะต้องเสียใจ  เพราะมึงมันตุ๊ดยังไงล่ะจ๊ะ ฮ่าๆๆ"

     

     

    เสียงห้าวที่ถูกบีบให้เล็กแหลมข้างหูทำให้ผมฟิวส์ขาด  ผมผลักมันด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนมันเซไป  ผมกัดปากมองหน้ามันอย่างไม่พอใจก่อนจะตามไปต่อยปากแม่งอีกที คราวนี้ร่างสูงโปร่งนั่นถึงกับล้มหงายหลังไป

     

     

    "บอกกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่ใช่ตุ๊ด!" ผมพูดไปหอบไป เพราะใช้พลังงานมากไปหน่อย  รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองคงหน้าแดงตัวสั่นไปหมดแล้ว

     

     

    ไอ้ปรายใช้นิ้วโป้งปาดเลือดที่มุมปากออกเบาๆ  มันยิ้มเยาะ  "อย่างมึงน่ะ แถวบ้านกูเรียกตุ๊ด"

     

     

    ผมรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ...

     

     

    "เพราะคงไม่มีผู้ชายดีๆที่ไหนปฏิเสธผู้หญิงดีๆอย่างสายโซ่ได้หรอก...ไอ้รันมึงน่ะมันตุ๊ด!"

     

     

    ผมจ้องตามันกลับด้วยดวงตาที่ไม่มีพลังจะแข็งแกร่งได้เท่าดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นของมัน

     

     

    "จำไว้เลยว่ากูจะแย่งผู้หญิงทุกคนของมึง ...ไอ้ตุ๊ด"

     

     

    ผมสู้ดวงตาน้ำตาอัลมอนด์คู่นั้นไม่ได้  เพราะว่าดวงตาของผมเป็นสีดำ...

     

     

    สีเดียวกับตาของแม่ผม ..

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทิ้งไว้ให้  ทำให้ผมสู้ใครเค้าไม่ได้

     

     

     

    ผมไม่รู้ว่าเสียงฟ้าร้องครืนๆในใจผมมันเกิดขึ้นได้ยังไง  แต่ที่รู้คือมันดังกว่าเสียงฟ้าผ่าของจริงในโลกภายนอกเสียอีก

     

     

    วันนี้ประเทศไทยเป็นฤดูฝน ทำให้ฝนตกลงมา

     

     

    แต่ในใจผมที่ไม่มีฤดูกาลกลับมีฝนตกลงมาด้วย

     

     

    ผมคิดว่า ...มันคงเป็นฝนหลงฤดู ...ที่พลัดหลงเข้ามาในใจของผมนั่นเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100 เปอร์เซ็นต์
     




    ไม่มีใครเพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่าง

    เอาเป็นว่าค่อยๆดูกันไปนะคะ

    ปล.เรื่องนี้ต่างจากเรื่องที่แล้วมากเลยอ่ะ 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×