ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหมีขาว

    ลำดับตอนที่ #7 : - Helping hand -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13
      0
      20 มี.ค. 60

    STAR


     

    เจ้าหญิงคริสตินที่เพิ่งรู้ถึงชื่อของตนว่าเป็นเจ้าหญิงทระนงซึ่งเป็นหนึ่งในตำนานอันน่าเหลือเชื่อนั่น 

     

    เจ้าหญิงทระนงอะไรกัน! เธอยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ล่ากวางไปวันๆอยู่เลยเมื่อวาน มันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่ว่าเธอต้องปราบจอมมารนี่ก็เรื่องหลอกลวงใช่ไหม?

     

    ใบหน้าของสาวน้อยผมบลอนด์ซีดเผือดลงเรื่อยๆความคิดเริ่มไม่อยู่นิ่งเพราะเอาแต่ทบทวนในสิ่งที่เธอได้ยินไปเมื่อกี้ สมองเริ่มเบลอจากการคิดมากจนทำให้เจ้าหญิงตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ เสียงหรือสิ่งรอบข้างไม่สามารถทำให้เธอออกมาจากพื้นที่ของตัวเองได้เลยจนนางฟ้าแม่ทูนหัวที่เรียกเธออยู่นานสองนานต้องยื่นมือเล็กเข้ามาเขย่าตัวเธอให้ออกมาจากภวังค์

     

    "เจ้าหญิงคริสติน!"

    .

    .

    .

     

    ทั้งสามเงียบไปชั่วขณะหลังจากที่คริสตินหลุดออกจากภวังค์แล้วแต่มองหน้าทั้งสองสลับกันไปมานิ่งๆจนกระทั่งเจ้าหญิงผมบลอนด์พูดออกมา

     

    "เรื่องนี้มันอะไรกันน่ะคะ"

     

    นางฟ้าเด็กหัวสีชมพูกับสาววัยกลางคนมองหน้ากันเล็กน้อยแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย นี่เจ้าหญิง

    คริสตินของพวกเธอเครื่องพังไปแล้วเรอะ!?

     

    "เรื่องในตำนานที่ว่าฉันเป็นเจ้าหญิงทระนงน่ะค่ะ... มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอคะ แล้วเรื่องที่ว่าฉันต้องปราบจอมมารร่วมกับอีกสามคนที่เหลือน่ะ นั่นเรื่องจริงเหรอ?"

     

    นางฟ้าแม่ทูนหัวกับสโนว์ไวท์มองหน้ากันชั่วขณะอีกรอบ คราวนี้สโนว์ไวท์เป็นฝ่ายพูดบ้าง 

     

    "จากคำทำนายที่กลายเป็นตำนานของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ชั้นเดียวกับเหล่าทวยเทพแต่มีร่างกายเนื้อและได้รับการยกย่องจากเหล่ากษัตริย์องค์ก่อนๆน่ะนะ"

     

    "แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไงล่ะว่าฉันคือเจ้าหญิงผู้ทระนง ไม่ใช่เจ้าหญิงคนอื่นๆ บางทีพวกคุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ" 

     

    ดวงตาของคริสตินลอกแลกไปมา เรื่องปราบมารอะไรเนี่ยเธอไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย แล้วทำไมยังต้องมาทิ้งฉันไว้กลางป่าอีกล่ะ ถ้าหากอยากให้ฉันโตมาเป็นผู้กล้าก็เลี้ยงฉันแบบผู้ชายก็ได้นี่นา!

     

    "ใช่ เจ้าเนี่ยแหละ  เจ้าหญิงผู้ทระนงผู้มีจิตใจอ่อนโยนและเข้มแข็ง" หญิงสาวผมสีดำย้ำกับเธออีกรอบ ดวงตาคมสีเดียวกับผมของเธอจ้องมองเข้ามายังนัยน์ตาของเจ้าหญิงผมบลอนด์

     

    คนที่เพิ่งอยากจะล่ากวางไปเมื่อไม่กี่ตอนที่แล้วเนี่ยนะ เป็นพวกอ่อนโยน!!!

     

    “.... อย่างนั้น ฉันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแต่ต้องไปยกเลิกการรอคอยเจ้าชายจาก 7 อาณาจักรอะไรนี่แล้วสินะ...” เจ้าหญิงคริสตินพึมพำกับตัวเองแล้วบอกกับทั้งสองคนที่กำลังรอคำตอบของเธออยู่

     

    “ในฐานะของเจ้าหญิงผู้ทระนง ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันต้องไปบอกพ่อกับแม่... เอ่อ พระราชากับพระราชินีเมือง**** ก่อนที่เราจะเดินทางตามแผนการในตำนานอะไรนั่นต่อไปดีกว่า”

     

    ไวท์สตรอมกับนางฟ้าแม่ทูนหัวฉีกยิ้มกว้างแล้วกระโจนเข้าไปกอดเจ้าหญิงคริสติน

    พร้อมๆกันจนเจ้าหญิงล้มลงไปกองกับพื้น นางฟ้าแม่ทูนหัวร้องออกมาอย่างดีใจ

     

    “นี่สิท่านเจ้าหญิงของนางฟ้า!

     

    หลังจากที่ทั้งสามลงไปคลุกฝุ่นกับพื้น พวกเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่ไวท์สตรอม(หรือสโนว์ไวท์)จะเบ้ปากแล้วต้องบอกอะไรบางอย่างกับเจ้าหญิงผม

    บลอนด์และนางฟ้าตัวน้อยผมสีชมพู

     

    “แต่ว่าฉันไม่สามารถไปกับพวกเธอได้หรอกนะ... เพราะว่าตอนนี้ฉันหนีออกจากอาณาจักรมานานมากเกินไปแล้ว น้องสาวฉันคงกำลังโมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยละมั้งเนี่ยที่ฉันทิ้งงานไว้ให้ตั้งขนาดนั้น... ดังนั้น สรุปได้ว่า ฉันต้องกลับไปดูแลเมืองของตัวเองพักใหญ่ๆเลยล่ะนะ...”

     

    นางฟ้าแม่ทูนหัวถอนหายใจ “เฮ้อ เพิ่งจะได้เจอกันเองนะไวท์สตรอม น่าเสียดายจริงๆเลย”

     

    ทั้งสามออกเดินทางจากที่กระท่อมกลางป่าแล้วแยกทางกันไป ตอนนี้เจ้าหญิง

    คริสตินเหลือเพียงแค่ตัวเธอกับนางฟ้าเด็กหัวทวินเทลสีชมพูที่อ้างตัวเองว่าเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวแล้ว...

     

     

    เจ้าชายหมีขาวที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าประตูวังในเมืองหน้ากากด้วยความอ้ำอึ้งถูกเชิญเข้าไปด้านในจากคำเชิญของหญิงแต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาวกับหน้ากากปิดใบหน้าส่วนบนสีทอง เขาจ้องมองปี่เซี๊ยะอย่างไม่ละสายตา

     

    ตอนนี้หญิงสาวที่ว่าเดินนำเขาเข้าไปด้านในจนแทบจะลับสายตาทำให้เจ้าชายต้องรีบวิ่งสาวอุ้งเท้าตามเธอไป ปี่เซี๊ยะเดินตามหลังเจ้าชายมาพร้อมเสียงของประตูที่ปิดดังปังจนเจ้าชายสะดุ้ง

     

    “เอาละท่านแขกรับเชิญพิเศษ ระหว่างที่เรากำลังเดิน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ข้าจะแนะนำตัวไปด้วยแล้วกัน”

     

    หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวค่อยๆลดระดับความเร็วในการเดินจนร่นมาอยู่ข้างๆเจ้าชาย เธอค่อยเปิดปากขึ้นพูดอีกครั้ง

     

    “ข้าคือ[โค้ดเนม ; นางฟ้า] เป็นผู้ปกครองดินแดน[โค้ดเนม ; หน้ากาก]

     

    นางฟ้า? นางฟ้าที่ปี่เซี๊ยะบอกว่าเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของเหล่าทวยเทพสินะ?

     

    “จะชมข้าขนาดนั้นมันก็เกินไป”  หญิงสาวในหน้ากากสีทองหันมามองเจ้าชายอยู่แวบหนึ่งด้วยสีหน้าภายใต้หน้ากากที่เจ้าชายไม่สามารถรู้ได้ว่าเธอกำลังทำหน้ายังไงแล้วก็หันไปมองเด็กชายสีขาวที่เดินอยู่ด้านหลัง(นี่เธออ่านใจผมได้เหมือนปี่เซี๊ยะงั้นเหรอ?!)

     

    “ ปี่เซี๊ยะ.... นี่ท่านเอาเรื่องที่ทำให้ข้าอับอายนี่ไปบอกคนอื่นอย่างงั้นหรือคะ?

     

    เด็กชายสีขาวที่ในตอนนี้สวมหน้ากากสีทองแบบเดียวกับนางฟ้ายิ้มออกมาอย่างสดใส  ฮื่อ.. ให้ตายเถอะ ยังไงเขาก็เหมือนเด็กอยู่ดี(เจ้าชายคิดในใจแล้วพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเบาๆ) นางฟ้าหันกลับไปทางด้านหน้าแล้วเดินต่อไปเลิกสนใจกับสิ่งที่ปี่เซี๊ยะพูดให้เจ้าชายฟังเรื่องของตัวเอง

     

    พวกเขาทั้งสามคนเดินบนทางเดินในปราสาทไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูคู่บานยักษ์สีแดงที่มีรูปปั้นแปลกๆอยู่ด้านหน้าและกลิ่นเปรี้ยวๆลอยออกมาจากด้านใน  นางฟ้าผลักประตูเข้าไปเบาๆ  เสียงเสียดสีของประตูนั้นดังไปทั่วทางเดินดังเอี๊ยดอ๊าดเสียวสันหลังของเจ้าชายเมืองCไม่เบา

     

    “กลิ่นค่อนข้างที่จะน่ารำคาญ  ข้าขอโทษด้วย แต่ว่าช่วงนี้ยุ่งมากเลย แล้วพวกท่านก็รีบมากันซะเหลือเกิน สาวน้อยอย่างข้าค่อนข้างละอายใจยิ่งนักที่ต้องเผยห้องทำงานในแบบฉบับที่ยังไม่เก็บกวาดนี่ให้เห็น...”

     

    “นี่ท่านนางฟ้ากล้าเรียกตัวเองว่าสาวน้อยอยู่อีกเหรอเนี่ย ได้ข่าวว่าสิ้นฤดูหนาวนี้ท่านก็ก้าวเข้าหลัก---.....”

     

    ยังไม่ทันที่เด็กชายสีขาวจะพูดจบเขาก็ถูกเสกให้หายไป เหลือเพียงตุ๊กตารูปกวางที่วางแหมะอยู่บนพื้นห้องอย่างน่าเวทนา  เจ้าชายหมีขาวที่เกิดความสงสัยในอายุของนางฟ้าก็รีบปัดคำถามนั้นทิ้งทันใดโดยไม่ต้องหาข้ออ้างไหนมาสงสัยอีก

     

    “เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่านะ เจ้าชายแห่งเมือง C ผู้ต้องคำสาป”

     

    นางฟ้ากวาดเอาสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะลงแล้วเอาแผนที่อาณาจักรต่างๆขึ้นมาวางแทน เธอวางม้วนกระดาษในมือหลายๆอันลงข้างๆ เจ้าชายมองเธอด้วยความสงสัย นางฟ้าผายมือให้เจ้าชายไปนั่งลงบนแท่นศิลาที่ว่างอยู่ข้างๆกัน แล้วเขาก็เดินตาม

     

    “เจ้าชายรู้เรื่องภารกิจที่เธอเพิ่งจะยกเลิกไปใช่ไหม ...”

     

    เขาในร่างหมีตัวยักษ์พยักหน้า

     

    “ภารกิจเรื่องที่ว่าตามหาตัวเจ้าหญิงเพื่อแต่งงานด้วยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไร้สาระใช่ไหมล่ะ? ใครจะไปอยากแต่งงานกับคนที่ยังไม่รู้จักแม้แต่นิสัย   เพิ่งเจอกันแปบๆและช่วยเหลือเจ้าหญิงออกมาจากป่าพิศวงบ้าบอนั่นได้ก็รักกันแล้ว นั่นมันเรื่องโกหกทั้งเพ...”

     

    นางฟ้าที่ตอนนี้เริ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก็รีบตั้งสติเพื่อเล่าเรื่องใหม่  แต่เจ้าชายก็ไม่ได้ปฏิเสธความคิดแบบนางฟ้าหรอกนะ ถึงแม้ว่าใครสักคนหนึ่งใน 7 เจ้าชายจะเป็นคนช่วยเธอแต่ว่าเธอจะตกหลุมรักเขาคนนั้นได้ในทันใดและยอมรับข้อตกลงที่ต้องใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดไปกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันเนี่ยนะ?  เป็นใครก็ต้องมีกระอักกระอ่วนใจกันบ้างแหละ

     

    “แต่ว่านั่นไม่ได้ไร้สาระไปทั้งหมดหรอกนะท่านเจ้าชาย  เจ้าหญิงที่ท่านกำลังตามหาอยู่น่ะไม่ใช่กระจอกหรอกนะ... เธอเป็นถึงเจ้าหญิงผู้ทระนงที่จะมาเปลี่ยนชะตาของดินแดนทั้งสามให้อยู่ในความสงบสุขเชียวนะ”

     

    ดินแดนทั้งสาม? เรื่องอะไรกันเนี่ย?

     

    “ดินแดนทั้งสามที่ว่าก็คือดินแดนความจริง ดินแดนตรงกลาง กับดินแดนหลอกลวงไงล่ะ... แต่รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอก เอาเป็นว่า เจ้าชายสามารถไปได้ทั้ง 2 ดินแดนก็เลยไม่รู้สึกแปลกไงล่ะ”

     

    “ช่วงที่ผ่านมานี้ดินแดนความจริงเริ่มแข็งข้อระหว่างอาณาจักรต่างๆ ดินแดนความจริงมีอยู่สามอาณาจักร ก็คือ H, X, Z อาณาจักรที่นำดินแดนความจริงทั้งหมดอยู่ก็คือ อาณาจักร X ถือเป็นผู้นำของดินแดนความจริง”

     

    “พวกเขาเริ่มที่จะคิดว่าตัวเองเป็นพวกอยู่เหนือใครทั้งหมดและคิดจะยึดครองดินแดนตรงกลางก่อนที่จะใช้อาณาจักรในดินแดนตรงกลางที่มีประชาชนที่สามารถข้ามไปได้ทั้งสองฝั่งและมีประชากรมากที่สุดเข้าตีและทำสงครามกับดินแดนหลอกลวงเพื่อยึดเอามาเป็นของตัวเองทั้งหมด”

     

    “เป็นแผนที่ค่อนข้างง่ายมากๆในการเดาทาง และเริ่มต้นมานี้พวกเขาก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวบ้างแล้วแต่เรายังคงรู้ไม่เท่าไหร่ว่าพวกเขาเริ่มลงมือทำอะไรแล้วบ้าง  ถ้าหากสงครามระหว่างดินแดนตรงกลางกับความจริงเริ่มเมื่อไหร่ก็เตรียมตัวบอกลาความสงบสุขได้...”

     

    นางฟ้าโบกมือกลางอากาศแล้วม้วนกระดาษที่เธอวางไว้เมื่อกี้ก็ลอยขึ้นมาคลี่ตัวเองต่อหน้าเจ้าชายและนางฟ้า แสดงให้เห็นถึงคำทำนายที่เล่นขึ้นมาเป็นภาพเหตุการณ์วนซ้ำไปมาไม่มีที่สิ้นสุด  ภาพของสงคราม เงาความมืดจอมมาร และแผ่นดินที่แห้งแล้ง ไร้เสียงและวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ ทิ้งไว้เพียงเศษซากปรักหักพังเกลื่อนกลาดไปทั่ว

     

    “เมื่อทั้งสองดินแดนทำสงครามกันก็จะเกิดวันที่จอมมารบุกโลกเร็วมากขึ้นเพื่อกวาดล้างเอาความโกลาหลออกและล้างโลกใบนี้ใหม่ให้เหมือนกับตอนที่ยังไม่มีใครตั้งเป็นดินแดนเหมือนตอนนี้”

     

    “ผู้คน อารายธรรม ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรต่างๆในปัจจุบันจะหายไปจนหมด”

     

     เจ้าชายเงียบไปพักใหญ่ๆเขาไม่กล้าที่จะคิดอะไรเลยว่าถ้าถึงวันที่จอมมารปรากฏตัวขึ้นมาแล้วพวกเขา จะทำยังไง ท่านพ่อ ท่านแม่ เพื่อนๆพวกนั้น... ต้องมาตกอยู่ในสภาวะสงครามที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนอย่างนั้นน่ะเหรอ...

     

    “เมื่อเวลาที่จอมมารมาถึง กลุ่มของผู้ที่จะมาช่วยให้ดินแดนทั้งสามไม่โดนจอมมารกลืนกินจะโผล่ตัวออกมา ซึ่งมีทั้งหมดสี่คน ชื่อเรียกของพวกเขาแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน คือ

    0 เจ้าหญิงผู้ทระนง

    I เจ้าชายหมีขาว

    II อัศวินดอนกิโฆเต้

    III ขุนนางมังกรดำ”

     

    “นี่เป็นแค่คำทำนายของฉันเมื่อก่อนที่ยังไม่เกิดขึ้น  ตราบใดที่ยังไม่เกิดสงครามขึ้นน่ะนะ จนตอนนี้พวกชาวเมืองทั่วๆไปคิดว่ามันกลายเป็นตำนานที่แต่งขึ้นมาหลอกเด็กไปหมดแล้ว นั่นก็ดี สถานการณ์จะได้ควบคุมง่ายขึ้น”

     

    หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวถอนหายใจเบาๆ พลางสะบัดมือแล้วม้วนกระดาษที่ฉายภาพสงครามนั้นก็ถูกพับเก็บไปวางไว้บนโต๊ะที่เดิม เธอเอาปากกาขนนกที่จุ่มอยู่บนขวดหมึกออกมาเขียนลงบนแผนที่ ทำเป็นตัวกากบาทบนอาณาจักรทั้ง 7 ที่เข้าร่วมการค้นหาเจ้าหญิงแล้ววงกลมไว้บนกากบาทที่กาลงบนเมือง C อีกที

     

    เจ้าชายที่มองไม่เห็นการกระทำของนางฟ้าก็ได้แต่มองหญิงสาวใต้หน้ากากสีทองไปเรื่อยๆพลางจินตนาการใบหน้าครึ่งบนของอีกฝ่าย  เอ... นั่นสิน้า ทำไมต้องเอาหน้ากากปิดไว้กันนะ?

     

    ด้วยความที่เจ้าชายลืมตัวและเผลอคิดสิ่งนั้นออกมา นางฟ้าก็หัวเราะเล็กน้อยแล้วหันมาทางเจ้าชาย

     

    “มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของอาณาจักรน่ะค่ะ... แต่ว่าจะเอาออกก็ได้นะคะ ถ้าเจ้าชายไม่สบายใจ” นางฟ้าเลื่อนมือไปยังด้านหลังศีรษะของตัวเองเตรียมที่จะปลดหน้ากากออก แต่ว่าเจ้าชายห้ามเอาไว้ก่อน  เพราะว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับหน้ากากเท่าไหร่หรอก

    “พ่อและแม่ของเจ้าหญิงเมือง**** ที่รับรู้เรื่องตำนานนั้นก็เสนอที่จะช่วยเหลือด้วยเจ้าหญิงของทั้งคู่ ด้วยสาเหตุที่ว่า...”

     

    “หากว่าถ้าเธอต้องมาเป็นเจ้าหญิงที่ต้องรอคอยความช่วยเหลืออย่างเดียวและรอให้ผู้อื่นมาช่วยให้โลกหลุดพ้นอันตราย มันก็ไม่มีหลักฐานประกันว่าธิดาของพวกเขาจะรอดจนกว่าโลกจะปลอดภัย เลยให้นางเป็นคนปราบเองซะเลย”

     

    นี่... เป็นความคิดที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลยนะเนี่ย....

     

    เจ้าชายหมีขาวคิดในใจ พลางส่ายหัวของตัวเองที่ตอนนี้เป็นหมีขั้วโลกอยู่เบาๆ นางฟ้ายิ้ม

     

    “ความจริงฉันเองก็คิดแบบนั้นแหละค่ะ แต่ว่านั่นถือเป็นสิ่งที่ดีนะคะ เพราะว่ารักเธอ จึงทำเพื่อเธอขนาดนั้น...” นางฟ้าวางปากกาขนนกลงบนขวดหมึกตามเดิมแล้วกวักมือเรียกเจ้าชายให้เดินตามเธอมาอีกรอบ

     

    ทั้งคู่ไปหยุดอยู่หน้าชั้นหนังสือในห้องทำงานของเธอ มือเรียวของนางฟ้ายื่นไปดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้น ทันทีที่ดึงออกมา หนังสือเล่มนั้นก็เด้งกลับไปอยู่ที่เดิม เสียงเคลื่อนตัวของชั้นหนังสือยักษ์ดังครืดคราดไปทั่วห้อง ฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณกลบกลิ่นเปรี้ยวที่เขาเผชิญเมื่อกี้ให้กลายเป็นกลิ่นอับของหนังสือเก่าๆแทน

     

    เมื่อชั้นหนังสือขนาดมหึมานั้นเคลื่อนตัวเสร็จ เจ้าชายก็พบกับห้องลับด้านในที่ค่อนข้างมืดพอตัว ฝุ่นที่คละคลุ้งปิดทัศนวิสัยของเจ้าชายจนหมด แต่แล้วก็มีแสงสว่างขึ้นเมื่อนางฟ้าก้าวเท้าเข้าไปด้านใน แสงเหล่านั้นทำให้เขาเห็นสิ่งของในห้องได้มากขึ้นกว่าเดิมบ้าง

     

    โห! นี่น่ะเหรอระบบเปิดไฟอัตโนมัติ! ศิวิไลซ์สุดๆ!!’  

     

    สิ่งของในห้องถูกวางอย่างเป็นระเบียบแตกต่างจากภายนอกอย่างเห็นได้ชัด กองหนังสือแยกออกเป็นกองตามหมวดหมู่ ขวดน้ำยาเวทมนตร์และสิ่งของในการปรุงวางไว้บนชั้นที่มีกระจกใสกั้นอยู่ ม้วนกระดาษถูกวางบนชั้นอย่างเรียบร้อย  ตรงกลางของห้องมีแท่นศิลาแบบเดียวกับที่เขานั่งเมื่อกี้อยู่ แต่คราวนี้ไม่ได้ว่างให้เขานั่ง มีสร้อยคอเส้นหนึ่งที่ถูกประดับด้วยทับทิมสีแดงและตัวสร้อยสีทองกับขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีม่วงอมน้ำเงินน่าสยองวางอยู่ตรงกลาง

     

    “เมื่อเราเลือกเจ้าหญิงได้แล้ว ต่อมา เราก็จะทำการเลือก [I เจ้าชายหมีขาว] ผู้ที่เป็นหนึ่งในผู้ล้มจอมมารร่วมกับ [0 เจ้าหญิงผู้ทระนง] และอีกสองคนในคำทำนายที่ได้กล่าวไปแล้ว”

     

    “ซึ่งนั่นก็คือท่านยังไงล่ะ เจ้าชายจากเมืองC

     

    นางฟ้าหยุดเดินแล้วชี้นิ้วมายังหมีขั้วโลกตัวยักษ์ด้วยร้อยยิ้มบนใบหน้า  ถึงแม้ว่าหน้าของเธอจะมีรอยยิ้มก็ตามที แต่การที่ไม่สามารถเห็นใบหน้าส่วนบนของเธอได้มันทำให้รู้สึกว่ายิ้มของนางฟ้านี่ไม่น่าไว้ใจสุดๆเอาซะเลย

     

    “แน่นอนว่าจะเกิดการแข่งขันขึ้น และผู้ที่เก่งกาจนั้นจะสามารถเอาชนะในการตามหาได้ แต่ทว่ามันช่างเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ เพราะว่าผู้ที่เก่งกาจย่อมต้องเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของทุกๆคน และอาจจะโดนกำจัดออกก่อนใครเพื่อนเหมือนกับท่านตอนนี้ไงเจ้าชาย”

     

    “และที่สำคัญที่ข้าจะบอกก็คือ ข้าเป็นคนที่เอาน้ำยานั่นให้เพื่อนๆของท่านเอาไปให้ท่านกินยังไงล่ะคะ! นั่นเป็นผลงานที่ข้าภูมิใจมากๆเลยนะ และนั่นยังเป็นสัญลักษณ์อีกด้วยว่าท่านคือผู้ที่ถูกเลือก!

    นางฟ้าผายมือออกอย่างภาคภูมิใจพลางหัวเราะคิกคักไปด้วย รอยยิ้มจากเดิมกว้างขึ้นเล็กน้อย เจ้าชายที่รู้ความจริงดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ  นี่คนที่ทำให้เขากลายร่างมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วงั้นเหรอเนี่ย! อยู่ตรงหน้าเขามาตลอดที่ผ่านไปเมื่อกี้ด้วย

     

    ดวงตาของเจ้าชายเปลี่ยนมาเป็นสายตาดุร้ายทันทีที่รู้ว่านางฟ้าเป็นคนเอาน้ำยาเปลี่ยนร่างนั่นมาให้เพื่อนเขาแล้วเพื่อนเขาก็เอามาให้กิน  ชั่วร้าย... นางฟ้านี่ชั่วร้ายสุดๆเลยนี่นา!!!

     

    “แต่ว่า เจ้าชาย... อย่าเพิ่งใช้อุ้งมือหมีขั้วโลกขนาดยักษ์ตะปบข้าลงไปนอนหมอบบนพื้นในคราวเดียวเลยจะดีกว่านะคะ”

     

    นางฟ้าทำมือห้ามเจ้าชายไว้ก่อนเมื่อเห็นเจ้าชายเริ่มมีอาการโมโหอย่างเห็นได้ชัดจากท่าทางและสายตาแล้ว คงอยากจะฆ่าเธอให้ตายคาอุ้งมือหมีนั่นในตอนนี้เลยด้วยซ้ำไป

     

    “เพราะเรื่องที่ว่าพวกเจ้าชายเหล่านั้นเอาไปให้ท่านน่ะ เป็นแผนที่พวกเขาคิดขึ้นมาเองตั้งแต่ตอนแรกแล้วค่อยมาขอน้ำยาเวทมนตร์จากข้า... เพื่อนๆของท่านเนี่ย ดูท่าทางจะไม่อยากยอมแพ้เลยสินะคะ”

     

    แต่ยังไงก็เป็นความผิดของท่านอยู่ดี ท่านนางฟ้า ที่ท่านยอมทำตามที่พวกเขาขอ ถ้าท่านไม่ทำตามไปซะอย่าง แผนของพวกเขาก็ไม่สำเร็จหรอก...  เจ้าชายคิดในใจ

     

    “ถึงแม้ว่าข้าไม่ให้พวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงจะไปหาพ่อมดแม่มดแถวอื่นอยู่ดีท่านเจ้าชาย ดีแล้วล่ะที่ข้าให้พวกเขาไป เพราะไม่งั้นท่านอาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้อีกก็ได้นะ”

     

    นางฟ้ายิ้มอย่างคนมีไพ่เหนือกว่าและหยิบสร้อยคอขึ้นมาจากแท่นศิลากลางห้อง  หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เขา  แต่เจ้าชายถอยหลังไปเรื่อยๆจนตัวเขาครึ่งหนึ่งโผล่ออกมานอกห้องลับนั่น กองหนังสือด้านหน้าห้องอยู่ข้างๆเขาพอดี เจ้าชายตัดสินใจผลักกองหนังสือนั่นล้มขวางทางเดินกั้นเขาไว้ระหว่างตัวเองกับนางฟ้า  

     

    เขาตัดสินใจใช้โอกาสนี้วิ่งหนีทันที  เขาหันกลับไปมองที่นางฟ้าก็พบว่าเธอไม่เดินตามมาแล้วและหยุดอยู่กับที่พลางกัดฟันกรอด  ประตูอยู่ตรงหน้าของเจ้าชายไปสามก้าว อีกนิดนึงเขาก็สามารถหนีออกจากห้องได้แล้ว!!

     

    ปัง!!!!

     

    เขาใช้ร่างกายหมีขาวอันหนักอึ้งกระแทกประตูผ่านไปอย่างง่ายดาย  ทางเดินโล่งว่างปรากฏสู่สายตา ในที่สุดเขาก็หนีพ้น

     

    เท้าทั้งสี่ของเจ้าชายรีบวิ่งไปบนทางเดิน ย้อนกลับไปทางที่เขามา    เสียงหัวเราะแหลมสูงดังขึ้นมาจากด้านในห้องที่เขาเพิ่งวิ่งหนี  นี่เมื่อกี้เขาเผลอปล่อยตัวไปกับคนน่ากลัวแบบนั้นได้ยังไงกันนะ

     

    แหม ท่านนี่ช่างคิดมากจริงๆเลย ไม่มีสมาธิเลยนะ

     

    เสียงอันคุ้นเคยของเด็กชายสีขาวดังขึ้นมาในหัวของเขา ทำให้เขากลับมามีสติกับทางด้านหน้า แต่ว่ากลับถูกกวางตัวยักษ์สีขาวปิดทางไว้

     

    ดะ ได้ยังไงกัน ไม่ใช่ว่าปี่เซี๊ยะถูกเสกให้กลายเป็นตุ๊กตากวางไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาถึงมายืนอยู่ด้านหน้าปิดทางออกแบบนี้ได้ยังไงกัน

     

    “ท่านเจ้าชาย  นี่ท่านไม่ไว้ใจข้าขนาดนี้เลยเหรอคะ”

     

    เสียงของนางฟ้าดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวพร้อมหน้ากากสีทองโผล่ขึ้นมาด้านหลังเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ในมือของเธอยังคงมีสร้อยคออันที่เขาเห็นในห้องนั้นอยู่ เธอเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เจ้าชายหมดทางหนี

     

    ดวงตาของเจ้าชายลอกแลกไปมา เขากลัวจนแทบจะไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาตายตรงนี้แล้วใครจะดูแลอาณาจักรล่ะ  ความคิดแวบแรกที่เข้ามาในหัวของเขาเลยก็คือใบหน้าของพ่อและแม่ของเขา

     

    ท่านพ่อครับ ท่านแม่ครับ ผมขอโทษ นอกจากจะทำให้ผิดหวังแล้ว ผมยังไม่ได้ตอบแทนท่านพ่อท่านแม่เลยครับ.....

     

    เจ้าชายหลับตาลงแล้วรอคอยความเจ็บปวดและความทรมานจากนางฟ้า

     

    ......

     

    แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเลย เขาไม่รู้สึกอะไรอีกเลย หรือว่าเขาตายไปแล้ว?   เสียงหัวเราะของนางฟ้าและปี่เซี๊ยะ(ที่ตอนนี้กลายร่างเป็นเด็กชายสีขาวเหมือนเดิม)ดังขึ้นมา ทำให้เจ้าชายต้องลืมตาดูรอบๆตัวเองอีกครั้ง

     

    “นี่ท่านเจ้าชาย ท่านลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าพวกเราสามารถรับรู้ความคิดของท่านได้น่ะ”

     

    ปี่เซี๊ยะพูดย้ำเรื่องที่ว่าพวกเขาสามารถอ่านความคิดได้อีกรอบ เจ้าชายที่เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้คิดอะไรลงไปก็เกิดอาการอายขึ้นมาทันที

     

    “ก็ข้ากลัวนี่นา แถมอีกอย่างนั่นเป็นความคิดที่ดีนะ!

     

    เจ้าชายที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้ก็ตัวแข็งทื่อและใช้เวลาในการประมวลผลสักสองถึงสามวิ

     

    หะ? นี่ตัวเขากลับมาเป็นมนุษย์แล้วเหรอ?

     

    เจ้าชายก้มมองตัวเองและยื่นมือขึ้นมาดู ตัวของเขากลับกลายเป็นมนุษย์ เสื้อผ้าที่เขาจำได้ว่าใส่ไว้ก็อยู่ครบทุกอย่าง แต่ว่ากลับมีสร้อยคอทองคำที่ประดับด้วยทับทิมสีแดงตรงกลางห้อยอยู่ที่คอของเขา มันเป็นสร้อยที่อยู่ในมือของนางฟ้าเมื่อกี้นี่นา?  

     

    งั้นก็แสดงว่าที่นางฟ้าพยายามจะเดินเข้ามาก็เพื่อเอาสร้อยคอมาใส่ให้เรางั้นสิ?  เจ้าชายคิดในใจพลางเบนสายตาไปมองที่นางฟ้า ตอนนี้หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวคนนั้นกำลังใช้สายตาภายใต้หน้ากากสำรวจร่างกายของเจ้าชายอย่างละเอียดซึ่งมันค่อนข้างทำให้เขาขนลุกขึ้นมาหน่อยๆ

     

    “อวัยวะครบ  เสื้อผ้าครบ  เสียงของท่านเจ้าชายก็ปกติ ... อืม... ยังดีที่เสียงไม่หาย” นางฟ้าพึมพำกับตัวเองพลางใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งลูบคางของตัวเองเบาๆ

     

    “เสียงของท่านเจ้าชายนี่เท่มากเลยนะ เสื้อก็ด้วย” นางฟ้ายิ้มร่าแล้วหยิบเอาขวดแก้วที่ใส่น้ำแปลกๆที่เขาเห็นในห้องลับนั่นออกมาจากใต้เสื้อคลุม

     

    เหอะๆ โดนชมแบบนี้ก็เขินเหมือนกันนะเนี่ย....

     

    “เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนแล้ว ข้าจะให้พรท่านแล้วกันนะเจ้าชาย” เธอยื่นขวดนั่นมาให้เขา แล้วพูดต่อ “ค่อยๆดื่มน้ำนี่หลังจากที่ข้าให้พรเสร็จนะ”

     

    “แต่ว่าข้าจะเชื่อใจท่านได้ยังไงว่าท่านจะไม่ใส่ยาพิษลงในนี้” 

     

    เจ้าชายมองนางฟ้าตาขวาง ใครจะไปไว้ใจคนน่ากลัวหลังจากที่ทำกับเขาไปก่อนหน้านี้กันล่ะ? แต่หญิงสาวตรงหน้าเขากลับยิ้มให้อย่างอบอุ่น

     

    “เรื่องอะไรข้าจะให้คนสำคัญอย่างเจ้าตายล่ะเจ้าชายเมือง C ถ้าท่านตายนั่นก็หมายความว่า ข้าจะต้องตายอย่างแน่นอนด้วยไม่ใช่รึยังไง.. แถมข้ายังทำให้ท่านกลายเป็นมนุษย์อีกด้วยนะ”

     

    นางฟ้ายังคงยืนยันคำเดิมให้เขาทำตามที่เธอบอก แต่มันก็จริงอย่างที่นางฟ้าว่า เธอมีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องฆ่าเขาในตอนนี้ด้วยล่ะ?

    “เอาล่ะ .....ข้าให้ท่านสามารถตายได้ 2 ครั้งบนโลกใบนี้ จงกลับมาครบทั้ง 32 ประการ ครับทั้งกาย ครบทั้งจิตของเจ้า ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถโต้แย้งคำขอของข้าได้”

     

    หลังจากที่นางฟ้าพูดเสร็จ เจ้าชายก็เปิดขวดแล้วกระดกของเหลวที่อยู่ภายในให้หมดในคราวเดียว รสชาติฝาดลิ้นแปลกๆกับรสเปรี้ยวๆแล่นอยู่บนลิ้นทันทีที่เขากลืนมันไปจนหมด หรือว่าบางทีนี่อาจจะเป็นที่มาของกลิ้นเปรี้ยวๆแปลกๆที่อยู่ในห้องทำงานของท่านนางฟ้าเมื่อกี้

     

    “เอาล่ะ ต่อมาข้าจะอธิบายให้ว่าสร้อยคอนั่นน่ะ คือสร้อยคอที่เมื่อท่านอยากจะเปลี่ยนร่างเมื่อไหร่ก็ให้สวมมันไว้และห้ามทำหลุด ถ้าท่านถอดออกท่านจะคืนร่างกลับเป็นหมีขั้วโลกดังเดิม คราวนี้ท่านคงจะพอโล่งใจได้แล้วสินะ” นางฟ้ายิ้มให้เจ้าชาย

     

    “อ้ะ แต่ว่า ข้าลืมบอก ห้ามใส่มันไว้ตลอดเวลานะ เพราะอาจจะทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ และมันยังดูดพลังงานของท่านอีกด้วย อาจทำให้ท่านเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ดังนั้นข้าแนะนำเวลาใส่ให้ท่านใส่เฉพาะตอนที่ท่านต้องการพูดคุยหรือเจรจาอะไรจะดีกว่านะ”

     

    นางฟ้าตบบ่าของเจ้าชายเบาๆ เจ้าชายมองหน้าของนางฟ้าแบบไม่ไว้ใจ อะไรที่ได้มาง่ายๆย่อมต้องแลกด้วยสิ่งแบบนี้ทุกทีสิน่า... เจ้าชายถอนหายใจเบาๆ

     

    ข้อนี้ข้าเห็นด้วยกับท่านนะ ท่านเจ้าชาย

     

    เสียงของเด็กชายดังขึ้นมาจากศีรษะของเจ้าชายได้ตรงเวลาพอดีเป๊ะ เด็กชายสีขาวยกนิ้วโป้งแล้วชูให้เขาดู เจ้าชายหัวเราะเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็มีคนคิดแบบเดียวกันล่ะนะ...

     

    “แล้วก็ ต่อไปสถานที่ที่ท่านจะต้องไปน่ะเจ้าชาย... ที่นั่นคือดินแดนแห่งไฟ ตามหามังกรเพลิงให้ได้แล้วชิงเอาดาบกับโล่ศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อใช้ในสนามรบ  นั่นเป็นสิ่งที่ท่านต้องทำมากที่สุดในตอนนี้แล้ว เพราะถ้าจะเข้าสนามรบแต่ไม่มีอาวุธเข้าสู้เนี่ย มันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายโดยใช่เหตุ”

     

    เจ้าชายเหงื่อตกทันทีที่ได้ยินคำว่ามังกร มังกรอะไรกัน พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานไม่ใช่เหรออ!!! แล้วมันจะมีจริงได้ยังไงกันล่ะ? แล้วดินแดนแห่งไฟนั่นมันดูอันตรายจะตาย  นี่นางฟ้ากะส่งเขาไปตายใช่ไหม!?

     

    “นี่ท่านจะให้ข้าไปผจญดินแดนแห่งไฟที่ชื่อดูอันตรายนั่นน่ะเหรอ? เพื่อโล่กับดาบเนี่ยนะ?” เจ้าชายคิดๆดูแล้วมันไม่คุ้มกับการเอาชีวิตไปเสี่ยงเลยนะนั่น

     

    “กลัวเหรอเจ้าชาย ท่านมีข้าอยู่ทั้งคนนะ อย่าลืมสิ” เสียงของเด็กชายสีขาวดังขึ้นมา ปี่เซี๊ยะยิ้มให้เจ้าชายที่ตอนนี้ดูเหมือนจะสติแตกเต็มที ร่างสีขาวสั่นเล็กน้อยเพราะการหัวเราะ

     

    “สัตว์เทพ ปี่เซี๊ยะเทพพิทักษ์อยู่ฝ่ายเดียวกับท่านเลยนะ”

     

    .............................................

     

    ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พวกเจ้าชายก็เริ่มออกเดินทางไปยังดินแดนแห่งไฟที่มีอะไรอยู่ก็ไม่รู้มากมายรอพวกเขาอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×