คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : - Helping hand -
เจ้าหญิงคริสตินที่เพิ่งรู้ถึงชื่อของตนว่าเป็นเจ้าหญิงทระนงซึ่งเป็นหนึ่งในตำนานอันน่าเหลือเชื่อนั่น
เจ้าหญิงทระนงอะไรกัน!
เธอยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ล่ากวางไปวันๆอยู่เลยเมื่อวาน มันเกิดอะไรขึ้น
แล้วที่ว่าเธอต้องปราบจอมมารนี่ก็เรื่องหลอกลวงใช่ไหม?
ใบหน้าของสาวน้อยผมบลอนด์ซีดเผือดลงเรื่อยๆความคิดเริ่มไม่อยู่นิ่งเพราะเอาแต่ทบทวนในสิ่งที่เธอได้ยินไปเมื่อกี้
สมองเริ่มเบลอจากการคิดมากจนทำให้เจ้าหญิงตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ
เสียงหรือสิ่งรอบข้างไม่สามารถทำให้เธอออกมาจากพื้นที่ของตัวเองได้เลยจนนางฟ้าแม่ทูนหัวที่เรียกเธออยู่นานสองนานต้องยื่นมือเล็กเข้ามาเขย่าตัวเธอให้ออกมาจากภวังค์
"เจ้าหญิงคริสติน!"
.
.
.
ทั้งสามเงียบไปชั่วขณะหลังจากที่คริสตินหลุดออกจากภวังค์แล้วแต่มองหน้าทั้งสองสลับกันไปมานิ่งๆจนกระทั่งเจ้าหญิงผมบลอนด์พูดออกมา
"เรื่องนี้มันอะไรกันน่ะคะ"
นางฟ้าเด็กหัวสีชมพูกับสาววัยกลางคนมองหน้ากันเล็กน้อยแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
นี่เจ้าหญิง
คริสตินของพวกเธอเครื่องพังไปแล้วเรอะ!?
"เรื่องในตำนานที่ว่าฉันเป็นเจ้าหญิงทระนงน่ะค่ะ...
มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอคะ
แล้วเรื่องที่ว่าฉันต้องปราบจอมมารร่วมกับอีกสามคนที่เหลือน่ะ นั่นเรื่องจริงเหรอ?"
นางฟ้าแม่ทูนหัวกับสโนว์ไวท์มองหน้ากันชั่วขณะอีกรอบ
คราวนี้สโนว์ไวท์เป็นฝ่ายพูดบ้าง
"จากคำทำนายที่กลายเป็นตำนานของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ชั้นเดียวกับเหล่าทวยเทพแต่มีร่างกายเนื้อและได้รับการยกย่องจากเหล่ากษัตริย์องค์ก่อนๆน่ะนะ"
"แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไงล่ะว่าฉันคือเจ้าหญิงผู้ทระนง
ไม่ใช่เจ้าหญิงคนอื่นๆ บางทีพวกคุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ"
ดวงตาของคริสตินลอกแลกไปมา
เรื่องปราบมารอะไรเนี่ยเธอไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย
แล้วทำไมยังต้องมาทิ้งฉันไว้กลางป่าอีกล่ะ ถ้าหากอยากให้ฉันโตมาเป็นผู้กล้าก็เลี้ยงฉันแบบผู้ชายก็ได้นี่นา!
"ใช่
เจ้าเนี่ยแหละ เจ้าหญิงผู้ทระนงผู้มีจิตใจอ่อนโยนและเข้มแข็ง"
หญิงสาวผมสีดำย้ำกับเธออีกรอบ
ดวงตาคมสีเดียวกับผมของเธอจ้องมองเข้ามายังนัยน์ตาของเจ้าหญิงผมบลอนด์
คนที่เพิ่งอยากจะล่ากวางไปเมื่อไม่กี่ตอนที่แล้วเนี่ยนะ
เป็นพวกอ่อนโยน!!!
“.... อย่างนั้น
ฉันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแต่ต้องไปยกเลิกการรอคอยเจ้าชายจาก 7
อาณาจักรอะไรนี่แล้วสินะ...”
เจ้าหญิงคริสตินพึมพำกับตัวเองแล้วบอกกับทั้งสองคนที่กำลังรอคำตอบของเธออยู่
“ในฐานะของเจ้าหญิงผู้ทระนง
ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันต้องไปบอกพ่อกับแม่... เอ่อ พระราชากับพระราชินีเมือง****
ก่อนที่เราจะเดินทางตามแผนการในตำนานอะไรนั่นต่อไปดีกว่า”
ไวท์สตรอมกับนางฟ้าแม่ทูนหัวฉีกยิ้มกว้างแล้วกระโจนเข้าไปกอดเจ้าหญิงคริสติน
พร้อมๆกันจนเจ้าหญิงล้มลงไปกองกับพื้น
นางฟ้าแม่ทูนหัวร้องออกมาอย่างดีใจ
“นี่สิท่านเจ้าหญิงของนางฟ้า!”
หลังจากที่ทั้งสามลงไปคลุกฝุ่นกับพื้น
พวกเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่ไวท์สตรอม(หรือสโนว์ไวท์)จะเบ้ปากแล้วต้องบอกอะไรบางอย่างกับเจ้าหญิงผม
บลอนด์และนางฟ้าตัวน้อยผมสีชมพู
“แต่ว่าฉันไม่สามารถไปกับพวกเธอได้หรอกนะ...
เพราะว่าตอนนี้ฉันหนีออกจากอาณาจักรมานานมากเกินไปแล้ว
น้องสาวฉันคงกำลังโมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยละมั้งเนี่ยที่ฉันทิ้งงานไว้ให้ตั้งขนาดนั้น...
ดังนั้น สรุปได้ว่า ฉันต้องกลับไปดูแลเมืองของตัวเองพักใหญ่ๆเลยล่ะนะ...”
นางฟ้าแม่ทูนหัวถอนหายใจ “เฮ้อ
เพิ่งจะได้เจอกันเองนะไวท์สตรอม น่าเสียดายจริงๆเลย”
ทั้งสามออกเดินทางจากที่กระท่อมกลางป่าแล้วแยกทางกันไป
ตอนนี้เจ้าหญิง
คริสตินเหลือเพียงแค่ตัวเธอกับนางฟ้าเด็กหัวทวินเทลสีชมพูที่อ้างตัวเองว่าเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวแล้ว...
เจ้าชายหมีขาวที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าประตูวังในเมืองหน้ากากด้วยความอ้ำอึ้งถูกเชิญเข้าไปด้านในจากคำเชิญของหญิงแต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาวกับหน้ากากปิดใบหน้าส่วนบนสีทอง
เขาจ้องมองปี่เซี๊ยะอย่างไม่ละสายตา
ตอนนี้หญิงสาวที่ว่าเดินนำเขาเข้าไปด้านในจนแทบจะลับสายตาทำให้เจ้าชายต้องรีบวิ่งสาวอุ้งเท้าตามเธอไป
ปี่เซี๊ยะเดินตามหลังเจ้าชายมาพร้อมเสียงของประตูที่ปิดดังปังจนเจ้าชายสะดุ้ง
“เอาละท่านแขกรับเชิญพิเศษ ระหว่างที่เรากำลังเดิน
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ข้าจะแนะนำตัวไปด้วยแล้วกัน”
หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวค่อยๆลดระดับความเร็วในการเดินจนร่นมาอยู่ข้างๆเจ้าชาย
เธอค่อยเปิดปากขึ้นพูดอีกครั้ง
“ข้าคือ[โค้ดเนม ; นางฟ้า] เป็นผู้ปกครองดินแดน[โค้ดเนม ; หน้ากาก]”
นางฟ้า? นางฟ้าที่ปี่เซี๊ยะบอกว่าเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของเหล่าทวยเทพสินะ?
“จะชมข้าขนาดนั้นมันก็เกินไป” หญิงสาวในหน้ากากสีทองหันมามองเจ้าชายอยู่แวบหนึ่งด้วยสีหน้าภายใต้หน้ากากที่เจ้าชายไม่สามารถรู้ได้ว่าเธอกำลังทำหน้ายังไงแล้วก็หันไปมองเด็กชายสีขาวที่เดินอยู่ด้านหลัง(นี่เธออ่านใจผมได้เหมือนปี่เซี๊ยะงั้นเหรอ?!)
“ ปี่เซี๊ยะ....
นี่ท่านเอาเรื่องที่ทำให้ข้าอับอายนี่ไปบอกคนอื่นอย่างงั้นหรือคะ?”
เด็กชายสีขาวที่ในตอนนี้สวมหน้ากากสีทองแบบเดียวกับนางฟ้ายิ้มออกมาอย่างสดใส ฮื่อ.. ให้ตายเถอะ
ยังไงเขาก็เหมือนเด็กอยู่ดี(เจ้าชายคิดในใจแล้วพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเบาๆ) นางฟ้าหันกลับไปทางด้านหน้าแล้วเดินต่อไปเลิกสนใจกับสิ่งที่ปี่เซี๊ยะพูดให้เจ้าชายฟังเรื่องของตัวเอง
พวกเขาทั้งสามคนเดินบนทางเดินในปราสาทไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูคู่บานยักษ์สีแดงที่มีรูปปั้นแปลกๆอยู่ด้านหน้าและกลิ่นเปรี้ยวๆลอยออกมาจากด้านใน
นางฟ้าผลักประตูเข้าไปเบาๆ เสียงเสียดสีของประตูนั้นดังไปทั่วทางเดินดังเอี๊ยดอ๊าดเสียวสันหลังของเจ้าชายเมืองCไม่เบา
“กลิ่นค่อนข้างที่จะน่ารำคาญ ข้าขอโทษด้วย แต่ว่าช่วงนี้ยุ่งมากเลย
แล้วพวกท่านก็รีบมากันซะเหลือเกิน สาวน้อยอย่างข้าค่อนข้างละอายใจยิ่งนักที่ต้องเผยห้องทำงานในแบบฉบับที่ยังไม่เก็บกวาดนี่ให้เห็น...”
“นี่ท่านนางฟ้ากล้าเรียกตัวเองว่าสาวน้อยอยู่อีกเหรอเนี่ย
ได้ข่าวว่าสิ้นฤดูหนาวนี้ท่านก็ก้าวเข้าหลัก---.....”
ยังไม่ทันที่เด็กชายสีขาวจะพูดจบเขาก็ถูกเสกให้หายไป
เหลือเพียงตุ๊กตารูปกวางที่วางแหมะอยู่บนพื้นห้องอย่างน่าเวทนา เจ้าชายหมีขาวที่เกิดความสงสัยในอายุของนางฟ้าก็รีบปัดคำถามนั้นทิ้งทันใดโดยไม่ต้องหาข้ออ้างไหนมาสงสัยอีก
“เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่านะ
เจ้าชายแห่งเมือง C ผู้ต้องคำสาป”
นางฟ้ากวาดเอาสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะลงแล้วเอาแผนที่อาณาจักรต่างๆขึ้นมาวางแทน
เธอวางม้วนกระดาษในมือหลายๆอันลงข้างๆ เจ้าชายมองเธอด้วยความสงสัย นางฟ้าผายมือให้เจ้าชายไปนั่งลงบนแท่นศิลาที่ว่างอยู่ข้างๆกัน
แล้วเขาก็เดินตาม
“เจ้าชายรู้เรื่องภารกิจที่เธอเพิ่งจะยกเลิกไปใช่ไหม
...”
เขาในร่างหมีตัวยักษ์พยักหน้า
“ภารกิจเรื่องที่ว่าตามหาตัวเจ้าหญิงเพื่อแต่งงานด้วยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไร้สาระใช่ไหมล่ะ?
ใครจะไปอยากแต่งงานกับคนที่ยังไม่รู้จักแม้แต่นิสัย เพิ่งเจอกันแปบๆและช่วยเหลือเจ้าหญิงออกมาจากป่าพิศวงบ้าบอนั่นได้ก็รักกันแล้ว
นั่นมันเรื่องโกหกทั้งเพ...”
นางฟ้าที่ตอนนี้เริ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก็รีบตั้งสติเพื่อเล่าเรื่องใหม่
แต่เจ้าชายก็ไม่ได้ปฏิเสธความคิดแบบนางฟ้าหรอกนะ
ถึงแม้ว่าใครสักคนหนึ่งใน 7
เจ้าชายจะเป็นคนช่วยเธอแต่ว่าเธอจะตกหลุมรักเขาคนนั้นได้ในทันใดและยอมรับข้อตกลงที่ต้องใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดไปกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันเนี่ยนะ? เป็นใครก็ต้องมีกระอักกระอ่วนใจกันบ้างแหละ
“แต่ว่านั่นไม่ได้ไร้สาระไปทั้งหมดหรอกนะท่านเจ้าชาย
เจ้าหญิงที่ท่านกำลังตามหาอยู่น่ะไม่ใช่กระจอกหรอกนะ...
เธอเป็นถึงเจ้าหญิงผู้ทระนงที่จะมาเปลี่ยนชะตาของดินแดนทั้งสามให้อยู่ในความสงบสุขเชียวนะ”
ดินแดนทั้งสาม? เรื่องอะไรกันเนี่ย?
“ดินแดนทั้งสามที่ว่าก็คือดินแดนความจริง
ดินแดนตรงกลาง กับดินแดนหลอกลวงไงล่ะ... แต่รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอก
เอาเป็นว่า เจ้าชายสามารถไปได้ทั้ง 2 ดินแดนก็เลยไม่รู้สึกแปลกไงล่ะ”
“ช่วงที่ผ่านมานี้ดินแดนความจริงเริ่มแข็งข้อระหว่างอาณาจักรต่างๆ
ดินแดนความจริงมีอยู่สามอาณาจักร ก็คือ H,
X, Z อาณาจักรที่นำดินแดนความจริงทั้งหมดอยู่ก็คือ อาณาจักร X
ถือเป็นผู้นำของดินแดนความจริง”
“พวกเขาเริ่มที่จะคิดว่าตัวเองเป็นพวกอยู่เหนือใครทั้งหมดและคิดจะยึดครองดินแดนตรงกลางก่อนที่จะใช้อาณาจักรในดินแดนตรงกลางที่มีประชาชนที่สามารถข้ามไปได้ทั้งสองฝั่งและมีประชากรมากที่สุดเข้าตีและทำสงครามกับดินแดนหลอกลวงเพื่อยึดเอามาเป็นของตัวเองทั้งหมด”
“เป็นแผนที่ค่อนข้างง่ายมากๆในการเดาทาง
และเริ่มต้นมานี้พวกเขาก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวบ้างแล้วแต่เรายังคงรู้ไม่เท่าไหร่ว่าพวกเขาเริ่มลงมือทำอะไรแล้วบ้าง
ถ้าหากสงครามระหว่างดินแดนตรงกลางกับความจริงเริ่มเมื่อไหร่ก็เตรียมตัวบอกลาความสงบสุขได้...”
นางฟ้าโบกมือกลางอากาศแล้วม้วนกระดาษที่เธอวางไว้เมื่อกี้ก็ลอยขึ้นมาคลี่ตัวเองต่อหน้าเจ้าชายและนางฟ้า
แสดงให้เห็นถึงคำทำนายที่เล่นขึ้นมาเป็นภาพเหตุการณ์วนซ้ำไปมาไม่มีที่สิ้นสุด ภาพของสงคราม
เงาความมืดจอมมาร และแผ่นดินที่แห้งแล้ง ไร้เสียงและวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ
ทิ้งไว้เพียงเศษซากปรักหักพังเกลื่อนกลาดไปทั่ว
“เมื่อทั้งสองดินแดนทำสงครามกันก็จะเกิดวันที่จอมมารบุกโลกเร็วมากขึ้นเพื่อกวาดล้างเอาความโกลาหลออกและล้างโลกใบนี้ใหม่ให้เหมือนกับตอนที่ยังไม่มีใครตั้งเป็นดินแดนเหมือนตอนนี้”
“ผู้คน อารายธรรม ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรต่างๆในปัจจุบันจะหายไปจนหมด”
เจ้าชายเงียบไปพักใหญ่ๆเขาไม่กล้าที่จะคิดอะไรเลยว่าถ้าถึงวันที่จอมมารปรากฏตัวขึ้นมาแล้วพวกเขา
จะทำยังไง ท่านพ่อ ท่านแม่ เพื่อนๆพวกนั้น... ต้องมาตกอยู่ในสภาวะสงครามที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนอย่างนั้นน่ะเหรอ...
“เมื่อเวลาที่จอมมารมาถึง
กลุ่มของผู้ที่จะมาช่วยให้ดินแดนทั้งสามไม่โดนจอมมารกลืนกินจะโผล่ตัวออกมา
ซึ่งมีทั้งหมดสี่คน ชื่อเรียกของพวกเขาแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน คือ
0
เจ้าหญิงผู้ทระนง
I เจ้าชายหมีขาว
II อัศวินดอนกิโฆเต้
III ขุนนางมังกรดำ”
“นี่เป็นแค่คำทำนายของฉันเมื่อก่อนที่ยังไม่เกิดขึ้น ตราบใดที่ยังไม่เกิดสงครามขึ้นน่ะนะ
จนตอนนี้พวกชาวเมืองทั่วๆไปคิดว่ามันกลายเป็นตำนานที่แต่งขึ้นมาหลอกเด็กไปหมดแล้ว
นั่นก็ดี สถานการณ์จะได้ควบคุมง่ายขึ้น”
หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวถอนหายใจเบาๆ
พลางสะบัดมือแล้วม้วนกระดาษที่ฉายภาพสงครามนั้นก็ถูกพับเก็บไปวางไว้บนโต๊ะที่เดิม
เธอเอาปากกาขนนกที่จุ่มอยู่บนขวดหมึกออกมาเขียนลงบนแผนที่
ทำเป็นตัวกากบาทบนอาณาจักรทั้ง 7
ที่เข้าร่วมการค้นหาเจ้าหญิงแล้ววงกลมไว้บนกากบาทที่กาลงบนเมือง C อีกที
เจ้าชายที่มองไม่เห็นการกระทำของนางฟ้าก็ได้แต่มองหญิงสาวใต้หน้ากากสีทองไปเรื่อยๆพลางจินตนาการใบหน้าครึ่งบนของอีกฝ่าย เอ... นั่นสิน้า
ทำไมต้องเอาหน้ากากปิดไว้กันนะ?
ด้วยความที่เจ้าชายลืมตัวและเผลอคิดสิ่งนั้นออกมา
นางฟ้าก็หัวเราะเล็กน้อยแล้วหันมาทางเจ้าชาย
“มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของอาณาจักรน่ะค่ะ...
แต่ว่าจะเอาออกก็ได้นะคะ ถ้าเจ้าชายไม่สบายใจ”
นางฟ้าเลื่อนมือไปยังด้านหลังศีรษะของตัวเองเตรียมที่จะปลดหน้ากากออก
แต่ว่าเจ้าชายห้ามเอาไว้ก่อน
เพราะว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับหน้ากากเท่าไหร่หรอก
“พ่อและแม่ของเจ้าหญิงเมือง****
ที่รับรู้เรื่องตำนานนั้นก็เสนอที่จะช่วยเหลือด้วยเจ้าหญิงของทั้งคู่
ด้วยสาเหตุที่ว่า...”
“หากว่าถ้าเธอต้องมาเป็นเจ้าหญิงที่ต้องรอคอยความช่วยเหลืออย่างเดียวและรอให้ผู้อื่นมาช่วยให้โลกหลุดพ้นอันตราย
มันก็ไม่มีหลักฐานประกันว่าธิดาของพวกเขาจะรอดจนกว่าโลกจะปลอดภัย
เลยให้นางเป็นคนปราบเองซะเลย”
นี่...
เป็นความคิดที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลยนะเนี่ย....
เจ้าชายหมีขาวคิดในใจ
พลางส่ายหัวของตัวเองที่ตอนนี้เป็นหมีขั้วโลกอยู่เบาๆ นางฟ้ายิ้ม
“ความจริงฉันเองก็คิดแบบนั้นแหละค่ะ
แต่ว่านั่นถือเป็นสิ่งที่ดีนะคะ เพราะว่ารักเธอ จึงทำเพื่อเธอขนาดนั้น...”
นางฟ้าวางปากกาขนนกลงบนขวดหมึกตามเดิมแล้วกวักมือเรียกเจ้าชายให้เดินตามเธอมาอีกรอบ
ทั้งคู่ไปหยุดอยู่หน้าชั้นหนังสือในห้องทำงานของเธอ
มือเรียวของนางฟ้ายื่นไปดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้น ทันทีที่ดึงออกมา
หนังสือเล่มนั้นก็เด้งกลับไปอยู่ที่เดิม
เสียงเคลื่อนตัวของชั้นหนังสือยักษ์ดังครืดคราดไปทั่วห้อง
ฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณกลบกลิ่นเปรี้ยวที่เขาเผชิญเมื่อกี้ให้กลายเป็นกลิ่นอับของหนังสือเก่าๆแทน
เมื่อชั้นหนังสือขนาดมหึมานั้นเคลื่อนตัวเสร็จ
เจ้าชายก็พบกับห้องลับด้านในที่ค่อนข้างมืดพอตัว
ฝุ่นที่คละคลุ้งปิดทัศนวิสัยของเจ้าชายจนหมด
แต่แล้วก็มีแสงสว่างขึ้นเมื่อนางฟ้าก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
แสงเหล่านั้นทำให้เขาเห็นสิ่งของในห้องได้มากขึ้นกว่าเดิมบ้าง
‘โห! นี่น่ะเหรอระบบเปิดไฟอัตโนมัติ! ศิวิไลซ์สุดๆ!!’
สิ่งของในห้องถูกวางอย่างเป็นระเบียบแตกต่างจากภายนอกอย่างเห็นได้ชัด
กองหนังสือแยกออกเป็นกองตามหมวดหมู่
ขวดน้ำยาเวทมนตร์และสิ่งของในการปรุงวางไว้บนชั้นที่มีกระจกใสกั้นอยู่
ม้วนกระดาษถูกวางบนชั้นอย่างเรียบร้อย
ตรงกลางของห้องมีแท่นศิลาแบบเดียวกับที่เขานั่งเมื่อกี้อยู่
แต่คราวนี้ไม่ได้ว่างให้เขานั่ง มีสร้อยคอเส้นหนึ่งที่ถูกประดับด้วยทับทิมสีแดงและตัวสร้อยสีทองกับขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีม่วงอมน้ำเงินน่าสยองวางอยู่ตรงกลาง
“เมื่อเราเลือกเจ้าหญิงได้แล้ว ต่อมา
เราก็จะทำการเลือก [I เจ้าชายหมีขาว] ผู้ที่เป็นหนึ่งในผู้ล้มจอมมารร่วมกับ [0
เจ้าหญิงผู้ทระนง] และอีกสองคนในคำทำนายที่ได้กล่าวไปแล้ว”
“ซึ่งนั่นก็คือท่านยังไงล่ะ
เจ้าชายจากเมืองC”
นางฟ้าหยุดเดินแล้วชี้นิ้วมายังหมีขั้วโลกตัวยักษ์ด้วยร้อยยิ้มบนใบหน้า ถึงแม้ว่าหน้าของเธอจะมีรอยยิ้มก็ตามที แต่การที่ไม่สามารถเห็นใบหน้าส่วนบนของเธอได้มันทำให้รู้สึกว่ายิ้มของนางฟ้านี่ไม่น่าไว้ใจสุดๆเอาซะเลย
“แน่นอนว่าจะเกิดการแข่งขันขึ้น
และผู้ที่เก่งกาจนั้นจะสามารถเอาชนะในการตามหาได้
แต่ทว่ามันช่างเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ เพราะว่าผู้ที่เก่งกาจย่อมต้องเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของทุกๆคน
และอาจจะโดนกำจัดออกก่อนใครเพื่อนเหมือนกับท่านตอนนี้ไงเจ้าชาย”
“และที่สำคัญที่ข้าจะบอกก็คือ
ข้าเป็นคนที่เอาน้ำยานั่นให้เพื่อนๆของท่านเอาไปให้ท่านกินยังไงล่ะคะ! นั่นเป็นผลงานที่ข้าภูมิใจมากๆเลยนะ
และนั่นยังเป็นสัญลักษณ์อีกด้วยว่าท่านคือผู้ที่ถูกเลือก!”
นางฟ้าผายมือออกอย่างภาคภูมิใจพลางหัวเราะคิกคักไปด้วย
รอยยิ้มจากเดิมกว้างขึ้นเล็กน้อย
เจ้าชายที่รู้ความจริงดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่คนที่ทำให้เขากลายร่างมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วงั้นเหรอเนี่ย! อยู่ตรงหน้าเขามาตลอดที่ผ่านไปเมื่อกี้ด้วย
ดวงตาของเจ้าชายเปลี่ยนมาเป็นสายตาดุร้ายทันทีที่รู้ว่านางฟ้าเป็นคนเอาน้ำยาเปลี่ยนร่างนั่นมาให้เพื่อนเขาแล้วเพื่อนเขาก็เอามาให้กิน ชั่วร้าย... นางฟ้านี่ชั่วร้ายสุดๆเลยนี่นา!!!
“แต่ว่า เจ้าชาย...
อย่าเพิ่งใช้อุ้งมือหมีขั้วโลกขนาดยักษ์ตะปบข้าลงไปนอนหมอบบนพื้นในคราวเดียวเลยจะดีกว่านะคะ”
นางฟ้าทำมือห้ามเจ้าชายไว้ก่อนเมื่อเห็นเจ้าชายเริ่มมีอาการโมโหอย่างเห็นได้ชัดจากท่าทางและสายตาแล้ว
คงอยากจะฆ่าเธอให้ตายคาอุ้งมือหมีนั่นในตอนนี้เลยด้วยซ้ำไป
“เพราะเรื่องที่ว่าพวกเจ้าชายเหล่านั้นเอาไปให้ท่านน่ะ
เป็นแผนที่พวกเขาคิดขึ้นมาเองตั้งแต่ตอนแรกแล้วค่อยมาขอน้ำยาเวทมนตร์จากข้า...
เพื่อนๆของท่านเนี่ย ดูท่าทางจะไม่อยากยอมแพ้เลยสินะคะ”
แต่ยังไงก็เป็นความผิดของท่านอยู่ดี
ท่านนางฟ้า ที่ท่านยอมทำตามที่พวกเขาขอ ถ้าท่านไม่ทำตามไปซะอย่าง
แผนของพวกเขาก็ไม่สำเร็จหรอก...
เจ้าชายคิดในใจ
“ถึงแม้ว่าข้าไม่ให้พวกเขา
แต่พวกเขาก็ยังคงจะไปหาพ่อมดแม่มดแถวอื่นอยู่ดีท่านเจ้าชาย
ดีแล้วล่ะที่ข้าให้พวกเขาไป เพราะไม่งั้นท่านอาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้อีกก็ได้นะ”
นางฟ้ายิ้มอย่างคนมีไพ่เหนือกว่าและหยิบสร้อยคอขึ้นมาจากแท่นศิลากลางห้อง
หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เขา
แต่เจ้าชายถอยหลังไปเรื่อยๆจนตัวเขาครึ่งหนึ่งโผล่ออกมานอกห้องลับนั่น
กองหนังสือด้านหน้าห้องอยู่ข้างๆเขาพอดี
เจ้าชายตัดสินใจผลักกองหนังสือนั่นล้มขวางทางเดินกั้นเขาไว้ระหว่างตัวเองกับนางฟ้า
เขาตัดสินใจใช้โอกาสนี้วิ่งหนีทันที
เขาหันกลับไปมองที่นางฟ้าก็พบว่าเธอไม่เดินตามมาแล้วและหยุดอยู่กับที่พลางกัดฟันกรอด ประตูอยู่ตรงหน้าของเจ้าชายไปสามก้าว อีกนิดนึงเขาก็สามารถหนีออกจากห้องได้แล้ว!!
ปัง!!!!
เขาใช้ร่างกายหมีขาวอันหนักอึ้งกระแทกประตูผ่านไปอย่างง่ายดาย ทางเดินโล่งว่างปรากฏสู่สายตา
ในที่สุดเขาก็หนีพ้น
เท้าทั้งสี่ของเจ้าชายรีบวิ่งไปบนทางเดิน
ย้อนกลับไปทางที่เขามา
เสียงหัวเราะแหลมสูงดังขึ้นมาจากด้านในห้องที่เขาเพิ่งวิ่งหนี
นี่เมื่อกี้เขาเผลอปล่อยตัวไปกับคนน่ากลัวแบบนั้นได้ยังไงกันนะ…
‘แหม
ท่านนี่ช่างคิดมากจริงๆเลย ไม่มีสมาธิเลยนะ’
เสียงอันคุ้นเคยของเด็กชายสีขาวดังขึ้นมาในหัวของเขา
ทำให้เขากลับมามีสติกับทางด้านหน้า แต่ว่ากลับถูกกวางตัวยักษ์สีขาวปิดทางไว้
ดะ ได้ยังไงกัน
ไม่ใช่ว่าปี่เซี๊ยะถูกเสกให้กลายเป็นตุ๊กตากวางไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วทำไมเขาถึงมายืนอยู่ด้านหน้าปิดทางออกแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ท่านเจ้าชาย นี่ท่านไม่ไว้ใจข้าขนาดนี้เลยเหรอคะ”
เสียงของนางฟ้าดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา
หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวพร้อมหน้ากากสีทองโผล่ขึ้นมาด้านหลังเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ในมือของเธอยังคงมีสร้อยคออันที่เขาเห็นในห้องนั้นอยู่
เธอเดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เจ้าชายหมดทางหนี
ดวงตาของเจ้าชายลอกแลกไปมา
เขากลัวจนแทบจะไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาตายตรงนี้แล้วใครจะดูแลอาณาจักรล่ะ
ความคิดแวบแรกที่เข้ามาในหัวของเขาเลยก็คือใบหน้าของพ่อและแม่ของเขา
ท่านพ่อครับ ท่านแม่ครับ ผมขอโทษ
นอกจากจะทำให้ผิดหวังแล้ว ผมยังไม่ได้ตอบแทนท่านพ่อท่านแม่เลยครับ.....
เจ้าชายหลับตาลงแล้วรอคอยความเจ็บปวดและความทรมานจากนางฟ้า
......
แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเลย
เขาไม่รู้สึกอะไรอีกเลย หรือว่าเขาตายไปแล้ว?
เสียงหัวเราะของนางฟ้าและปี่เซี๊ยะ(ที่ตอนนี้กลายร่างเป็นเด็กชายสีขาวเหมือนเดิม)ดังขึ้นมา
ทำให้เจ้าชายต้องลืมตาดูรอบๆตัวเองอีกครั้ง
“นี่ท่านเจ้าชาย
ท่านลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าพวกเราสามารถรับรู้ความคิดของท่านได้น่ะ”
ปี่เซี๊ยะพูดย้ำเรื่องที่ว่าพวกเขาสามารถอ่านความคิดได้อีกรอบ
เจ้าชายที่เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้คิดอะไรลงไปก็เกิดอาการอายขึ้นมาทันที
“ก็ข้ากลัวนี่นา
แถมอีกอย่างนั่นเป็นความคิดที่ดีนะ!”
เจ้าชายที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้ก็ตัวแข็งทื่อและใช้เวลาในการประมวลผลสักสองถึงสามวิ
หะ?
นี่ตัวเขากลับมาเป็นมนุษย์แล้วเหรอ?
เจ้าชายก้มมองตัวเองและยื่นมือขึ้นมาดู
ตัวของเขากลับกลายเป็นมนุษย์ เสื้อผ้าที่เขาจำได้ว่าใส่ไว้ก็อยู่ครบทุกอย่าง แต่ว่ากลับมีสร้อยคอทองคำที่ประดับด้วยทับทิมสีแดงตรงกลางห้อยอยู่ที่คอของเขา
มันเป็นสร้อยที่อยู่ในมือของนางฟ้าเมื่อกี้นี่นา?
งั้นก็แสดงว่าที่นางฟ้าพยายามจะเดินเข้ามาก็เพื่อเอาสร้อยคอมาใส่ให้เรางั้นสิ? เจ้าชายคิดในใจพลางเบนสายตาไปมองที่นางฟ้า
ตอนนี้หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวคนนั้นกำลังใช้สายตาภายใต้หน้ากากสำรวจร่างกายของเจ้าชายอย่างละเอียดซึ่งมันค่อนข้างทำให้เขาขนลุกขึ้นมาหน่อยๆ
“อวัยวะครบ เสื้อผ้าครบ
เสียงของท่านเจ้าชายก็ปกติ ... อืม... ยังดีที่เสียงไม่หาย” นางฟ้าพึมพำกับตัวเองพลางใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งลูบคางของตัวเองเบาๆ
“เสียงของท่านเจ้าชายนี่เท่มากเลยนะ
เสื้อก็ด้วย”
นางฟ้ายิ้มร่าแล้วหยิบเอาขวดแก้วที่ใส่น้ำแปลกๆที่เขาเห็นในห้องลับนั่นออกมาจากใต้เสื้อคลุม
เหอะๆ
โดนชมแบบนี้ก็เขินเหมือนกันนะเนี่ย....
“เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนแล้ว
ข้าจะให้พรท่านแล้วกันนะเจ้าชาย” เธอยื่นขวดนั่นมาให้เขา แล้วพูดต่อ
“ค่อยๆดื่มน้ำนี่หลังจากที่ข้าให้พรเสร็จนะ”
“แต่ว่าข้าจะเชื่อใจท่านได้ยังไงว่าท่านจะไม่ใส่ยาพิษลงในนี้”
เจ้าชายมองนางฟ้าตาขวาง
ใครจะไปไว้ใจคนน่ากลัวหลังจากที่ทำกับเขาไปก่อนหน้านี้กันล่ะ?
แต่หญิงสาวตรงหน้าเขากลับยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“เรื่องอะไรข้าจะให้คนสำคัญอย่างเจ้าตายล่ะเจ้าชายเมือง
C ถ้าท่านตายนั่นก็หมายความว่า
ข้าจะต้องตายอย่างแน่นอนด้วยไม่ใช่รึยังไง..
แถมข้ายังทำให้ท่านกลายเป็นมนุษย์อีกด้วยนะ”
นางฟ้ายังคงยืนยันคำเดิมให้เขาทำตามที่เธอบอก
แต่มันก็จริงอย่างที่นางฟ้าว่า
เธอมีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องฆ่าเขาในตอนนี้ด้วยล่ะ?
“เอาล่ะ .....ข้าให้ท่านสามารถตายได้
2 ครั้งบนโลกใบนี้ จงกลับมาครบทั้ง 32 ประการ ครับทั้งกาย ครบทั้งจิตของเจ้า
ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถโต้แย้งคำขอของข้าได้”
หลังจากที่นางฟ้าพูดเสร็จ
เจ้าชายก็เปิดขวดแล้วกระดกของเหลวที่อยู่ภายในให้หมดในคราวเดียว
รสชาติฝาดลิ้นแปลกๆกับรสเปรี้ยวๆแล่นอยู่บนลิ้นทันทีที่เขากลืนมันไปจนหมด
หรือว่าบางทีนี่อาจจะเป็นที่มาของกลิ้นเปรี้ยวๆแปลกๆที่อยู่ในห้องทำงานของท่านนางฟ้าเมื่อกี้
“เอาล่ะ
ต่อมาข้าจะอธิบายให้ว่าสร้อยคอนั่นน่ะ
คือสร้อยคอที่เมื่อท่านอยากจะเปลี่ยนร่างเมื่อไหร่ก็ให้สวมมันไว้และห้ามทำหลุด
ถ้าท่านถอดออกท่านจะคืนร่างกลับเป็นหมีขั้วโลกดังเดิม
คราวนี้ท่านคงจะพอโล่งใจได้แล้วสินะ” นางฟ้ายิ้มให้เจ้าชาย
“อ้ะ แต่ว่า ข้าลืมบอก ห้ามใส่มันไว้ตลอดเวลานะ
เพราะอาจจะทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ และมันยังดูดพลังงานของท่านอีกด้วย
อาจทำให้ท่านเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
ดังนั้นข้าแนะนำเวลาใส่ให้ท่านใส่เฉพาะตอนที่ท่านต้องการพูดคุยหรือเจรจาอะไรจะดีกว่านะ”
นางฟ้าตบบ่าของเจ้าชายเบาๆ
เจ้าชายมองหน้าของนางฟ้าแบบไม่ไว้ใจ
อะไรที่ได้มาง่ายๆย่อมต้องแลกด้วยสิ่งแบบนี้ทุกทีสิน่า... เจ้าชายถอนหายใจเบาๆ
‘ข้อนี้ข้าเห็นด้วยกับท่านนะ
ท่านเจ้าชาย’
เสียงของเด็กชายดังขึ้นมาจากศีรษะของเจ้าชายได้ตรงเวลาพอดีเป๊ะ
เด็กชายสีขาวยกนิ้วโป้งแล้วชูให้เขาดู เจ้าชายหัวเราะเล็กน้อย
อย่างน้อยเขาก็มีคนคิดแบบเดียวกันล่ะนะ...
“แล้วก็
ต่อไปสถานที่ที่ท่านจะต้องไปน่ะเจ้าชาย... ที่นั่นคือดินแดนแห่งไฟ
ตามหามังกรเพลิงให้ได้แล้วชิงเอาดาบกับโล่ศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อใช้ในสนามรบ นั่นเป็นสิ่งที่ท่านต้องทำมากที่สุดในตอนนี้แล้ว
เพราะถ้าจะเข้าสนามรบแต่ไม่มีอาวุธเข้าสู้เนี่ย
มันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายโดยใช่เหตุ”
เจ้าชายเหงื่อตกทันทีที่ได้ยินคำว่ามังกร
มังกรอะไรกัน พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานไม่ใช่เหรออ!!! แล้วมันจะมีจริงได้ยังไงกันล่ะ? แล้วดินแดนแห่งไฟนั่นมันดูอันตรายจะตาย นี่นางฟ้ากะส่งเขาไปตายใช่ไหม!?
“นี่ท่านจะให้ข้าไปผจญดินแดนแห่งไฟที่ชื่อดูอันตรายนั่นน่ะเหรอ?
เพื่อโล่กับดาบเนี่ยนะ?” เจ้าชายคิดๆดูแล้วมันไม่คุ้มกับการเอาชีวิตไปเสี่ยงเลยนะนั่น
“กลัวเหรอเจ้าชาย
ท่านมีข้าอยู่ทั้งคนนะ อย่าลืมสิ” เสียงของเด็กชายสีขาวดังขึ้นมา
ปี่เซี๊ยะยิ้มให้เจ้าชายที่ตอนนี้ดูเหมือนจะสติแตกเต็มที ร่างสีขาวสั่นเล็กน้อยเพราะการหัวเราะ
“สัตว์เทพ
ปี่เซี๊ยะเทพพิทักษ์อยู่ฝ่ายเดียวกับท่านเลยนะ”
.............................................
ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
พวกเจ้าชายก็เริ่มออกเดินทางไปยังดินแดนแห่งไฟที่มีอะไรอยู่ก็ไม่รู้มากมายรอพวกเขาอยู่
ณ สถานที่แห่งนั้น
ความคิดเห็น