คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ความร้าวฉาน
ฮัตสึกะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
.
.
.
เด็กสาวผมสีน้ำตาลไม่ได้อยู่ในตอนเย็นวันนั้นที่มิโดริมะกล่าวถึง
เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แล้วก็ไม่มีใครบอกเธอเลยด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เธอรู้แค่ว่ามุราซากิบาระกับพี่เซย์จูโร่เกิดกระทบกระทั่งกันขึ้นมานิดหน่อยและตอนนี้ทั้งสองคนคุยกันและตกลงกันได้แล้วเรียบร้อย
ทว่าความรู้สึกที่คอยบอกเธอมาตลอดว่ามีอะไรกำลังเปลี่ยนแปลงมันยังคงอยู่
มันกระซิบเตือนเธออยู่เสมอทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาในโรงยิม
สิ่งเหล่านั้นทำให้เธอไม่รู้สึกว่าโรงยิมนั้นเป็นสถานที่ที่เธออยากมาอีกต่อไป
เพราะทั้งสายตาของทุกคนที่แสดงออกมาถึงความเหนื่อยล้าและความตั้งใจที่มีให้กับบาสมันหายไปทั้งหมด
อาโอมิเนะที่ไม่มาซ้อมอีกต่อไปแล้ว ไฮซากิที่ตอนนี้หนักข้อขึ้นหลังจากรุ่นพี่นิจิมุระไม่อยู่
มุราซากิบาระที่ค่อย ๆ หายหน้าหายตาไปจากเวลาชมรม
และท้ายที่สุด
พี่เซย์จูโร่ที่ทำตัวห่างเหินราวกับเป็นคนละคนกับเซย์จูโร่ที่วันนั้นยังเดินไปส่งเธอถึงบ้านอยู่
เขาไม่ทักทายตอบและไม่แม้แต่จะกล่าวอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่เธอพยายามจะพูดกับเขา ชายเจ้าของเรือนผมสีแดงก็เบนสายตามามองเพียงแปปเดียวและเดินไปทางอื่นแทน
โมโมอิเป็นเพียงไม่กี่คนที่ถามเธอถึงเรื่องนี้
แต่ว่าฮัตสึกะเองก็ไม่รู้จะตอบว่าเพราะทำไม
หรือเพราะอะไรถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
เธอทำได้เพียงแค่ยิ้มและส่ายหน้าให้กับหญิงสาวผมสีชมพูแทนคำตอบ
ช่วงหลายวันมานี้ไม่ค่อยมีงานให้เธอทำมากสักเท่าไหร่ที่ชมรม
เธอเลยไปนั่งเล่นที่โรงยิมแยกของชมรมวอลเล่บอลบ่อย ๆ
ฮัตสึกะไม่เคยโดดชมรมบ่อยขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ที่เข้าเป็นผู้จัดการคนที่สองของชมรมบาสเทโควจนริตะแปลกใจที่ทำไมพักนี้เพื่อนของเธอถึงได้มาที่นี่ไม่เว้นวัน(แต่ก็ดี
มาช่วยเด็กใหม่ฝึกเสิร์ฟลูกที)
แถมยังเข้ามาเล่นด้วยบางครั้งบางคราวแต่ไม่ใช่ในฐานะของวิงสไปเกอร์แล้วทว่าเป็นลิเบโร่แทน
ริตะเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ
กับเพื่อนของตัวเองที่ใช้มือหมุนลูกวอลเล่ไปมาด้วยความเบื่อหน่าย
กัปตันของชมรมวอลเล่บอลหญิงเรียกเหล่าเด็กสาวสมาชิกชมรมไปพักครึ่งก่อนจะฝึกซ้อมกันอีกรอบ
ทำให้ตอนนี้ริตะไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเรียกเข้าสนาม
หญิงสาวผมดำยกนิ้วโป้งให้กับรุ่นพี่สาวก่อนจะหันไปหาเพื่อนของตัวเอง
“ช่วงนี้เธอมาที่นี่บ่อยนะเนี่ย
ในที่สุดก็ตัดสินใจจะย้ายชมรมได้แล้วละสิ”
ฮัตสึกะหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเอนหัวไปพิงกับผนังโรงยิม
ดวงตาสีเหลืองของเจ้าตัวสะท้อนแสงเป็นประกาย เธอส่ายหน้ากับตัวเองก่อนจะพูดออกมา
“ไม่หรอก
ฉันแค่รู้สึกอยากพักนิดหน่อย”
“ก็เลยมาพักที่นี่น่ะนะ?!” ริตะกุมท้องหัวเราะก่อนจะปาดน้ำตาของตัวเองที่ไหลจากการหัวเราะได้
“ฉันดีใจนะเนี่ยที่เธอชอบที่นี่มากพอให้กลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้”
ฮัตสึกะยิ้มให้กับเพื่อนของตัวเองและไม่ได้พูดอะไรต่อ
เพราะถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะพูดอย่างนั้นแต่ว่าริตะไม่ได้ตั้งใจที่จะหมายความไปทางที่ไม่ดีหรอก
เพื่อนของเธอไม่เคยเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ฉันถามเรื่องอะไรบางอย่างได้ไหมฮัตสึ”
ริตะเว้นช่องว่างให้ความเงียบมาแทนที่ แต่แล้วก็พูดขึ้น
“ทำไมเธอยังทนอยู่กับชมรมนั้นทั้ง
ๆ ที่เธอชอบวอลเล่บอล”
“...”
ฮัตสึกะขมวดคิ้ว
เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองชอบวอลเล่บอล
แล้วทำไมริตะถึงคิดอย่างนั้น
“ฉันที่เล่นวอลเล่บอลเหรอ?”
ฮัตสึกะนึกภาพของตัวเองออก
แต่ว่าเธอกลับรู้สึกว่าไม่พร้อมตอนนี้ จริง ๆ แล้วเธอน่ะก็ชอบวอลเล่บอล
แต่เหตุผลที่ไม่เข้าชมรมวอลเล่บอลไม่ใช่ว่าเพราะชมรมของเทโควไม่ดี
ไม่ใช่เพราะว่าเธอเบื่อริตะหรืออะไร
เธอแค่...
ฮัตสึกะหน้าแดงด้วยความเขินอายพลางกระซิบออกมา
“ฉันแค่ไม่อยากทำ...
แล้วก็... ฉัน... อยากเป็นลิเบโร่ที่รับลูกของริตะคนแรกในการแข่งขันอย่างเป็นทางการล่ะ”
มิซากิกะพริบตาปริบ ๆ
ดวงตาของเจ้าตัวหรี่ลงก่อนจะเผยอยิ้มชั่วร้ายออกมาให้เห็น
“ที่แท้เพื่อนสาวแสนสนิทสุดที่รักของฉัน...”
ริตะยกมือขึ้นมาแล้วขยับเข้ามาใกล้
ฮัตสึกะเหงื่อตกก่อนจะค่อย ๆ ถอยออกห่างสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปซีดเซียวจนเหมือนกระดาษ
มือทั้งสองข้างของเด็กสาวผมดำจักจี้เข้าที่เอวของฮัตสึพลางเสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังลั่นท่ามกลางสายตาของรุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อน
ๆ ในชมรมวอลเล่บอลหญิง
.
.
.
เหตุผลของอิซากายะ ฮัตสึกะมันก็แค่เท่านั้นเอง
ตอนนี้ฮัตสึกะอยู่ปีสาม เช่นเดียวกันกับเหล่ารุ่นปาฏิหาริย์
เธอเป็นเด็กสาวผู้เป็นที่รักของเพื่อน ๆ
และเช่นเดียวกัน เป็นที่รักของเหล่าคนในชมรมบาสเกตบอล
ฮัตสึกะยังคงทำหน้าที่เป็นผู้จัดการชมรมเหมือนดังเดิม
ส่วนอาคาชิก็ยังคงถือตัวกับฮัตสึกะราวกับเป็นคนแปลกหน้าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ช่วงที่ผ่านมานี้เธอเลยไม่ได้คุยกับพี่เซย์เลย เว้นแต่คุยเรื่องในการทำหน้าที่ของผู้จัดการที่เขาจะพูดด้วย
เธอยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีเยี่ยมอยู่เสมอ
เธอพยายามช่วยโมโมอิจังให้ได้มากที่สุดเพราะว่าเธอเข้าใจดีว่าในฐานะของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในกลุ่มจะเสียใจขนาดไหนที่ต้องมาเห็นความสัมพันธ์อันดีของเพื่อน
ๆ สลายไปต่อหน้าต่อตาโดยทำอะไรไม่ได้เลย
.
.
.
ในวันจบการศึกษาเธอเดินกลับบ้านตามปกติโดยที่ริตะมาส่งถึงครึ่งทาง
ท้องฟ้ายามโพล้เพล้ของกรุงโตเกียววันนี้สวยงามยิ่งกว่าวันใดเท่าที่เธออยู่อาศัยมาสามปี
เรื่องเล่าจากคุณยายที่เธอเจอที่ศาลเจ้ายังคงอยู่จิตใจของเธอมาตลอด
เรื่องเกี่ยวกับคำอธิษฐานต่อฟากฟ้าในกรุงโตเกียว
ถ้าไม่ได้ไปอธิษฐานกับเทพเธอก็จะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
แต่ท้องฟ้างั้นเหรอ?
ฮัตสึกะเลิกคิ้วขึ้น
แต่แล้วก็ยกมือทั้งสองขึ้นมาประสานกัน
เธออธิษฐานใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ
เด็กสาวก็ลืมตาขึ้นและลดมือลงก่อนจะยิ้มกับตัวเองแล้วก็เดินต่อไปภายใต้แสงไฟจากข้างทางที่เริ่มสว่างขึ้น
ความคิดเห็น