คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ไคโจ
“โย่
ฮัตสึ เปลี่ยนมาเล่นลิเบโร่แล้วงั้นเหรอ?” เด็กสาวผมสีดำเดินเข้ามาในโรงยิม
ซึ่งในตอนนั้นเองฮัตสึกะกำลังฝึกรับลูกวอลเล่กับกำแพงอยู่
“อา
เจ๋งใช่มะ ฉันรอรับลูกเสิร์ฟเอสของเธอตลอดอยู่แล้ว ตอนแรกฉันเข้าใจว่ารับลูกเซ็ตจากเธอสนุก
แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ารับลูกเสิร์ฟของเธอจากอีกฝั่งของเน็ตสนุกกว่าซะอีก”
“ฮ่ะ
ฉันหวังในตัวเธอนะนิจูจัง” ริตะหัวเราพลางถามต่อ “แล้วเรื่องบาสล่ะ”
“ฉันชอบในกีฬาบาสนะ
มันสุดยอดมาก รู้ไหมมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าได้ลองอะไรใหม่ ๆ อีกครั้ง
มันทำให้ฉันรู้สึกถึงอิสระที่จะได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ
เหมือนกับที่ฉันกำลังทำอยู่กับตำแหน่งของตัวเองในวอลเล่บอลนั่นแหละ
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ลงเล่นก็ตาม”
ฮัตสึกล่าวพลางในดวงตาของเธอพร่าวพราวด้วยประกายแสงเจิดจรัส
“เอาจริง
ๆ ถ้าไม่บอก ก็ไม่รู้นะเนี่ยว่าเธอชอบวอลเล่มาก่อน
มันคือความรู้สึกเวลาที่เธอชอบอะไรสักอย่างเพราะเธอกำลังคิดว่า ‘นั่นล่ะ อิสระ’ มันทำให้เธอสามารถปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาได้ที่สุด”
ริตะพูดพลางโยนบอลขึ้นแล้วกระโดดตบลงอีกฟากของสนามในโรงยิมที่ว่างเปล่าและไร้ผู้คน
“นี่รู้ไหมฮัตสึ
ฉันเคยคิดว่าถ้าไม่มีเธอเล่นด้วยจะทำยังไง จะทำได้ดีไหม แต่พอได้ลองจริง ๆ แล้ว
ถึงคนอื่นจะตบลูกที่ฉันพาสให้ดีมากแค่ไหน ฉันก็จะนึกถึงเธอตลอดฮัตสึกะ
เพราะเธอเป็นคนแรกที่ยอมตบลูกของฉันและทำให้ฉันก้าวเข้ามาเป็นเซ็ตเตอร์ได้”
เธอพูดก่อนจะหยิบอีกลูกขึ้นมา
“เธอเองก็ดูเหมือนจะหาทางของตัวเองได้แล้วใช่ไหมล่ะ
บาสน่ะ”
“ฉัน...
ไม่รู้สิ ริตะ ฉัน... อยากทำมันทั้งคู่เลย”
ฮัตสึกะพูดแล้วหันไปมองเพื่อนของตัวเองด้วยสายตาอันแสนจริงจัง
“ฮ่ะ
ยัยบ้า ฉันกะแล้วเชียว เธอนี่เกินคนจริง ๆ” ริตะหัวเราะ “ลิเบโร่และเมเนเจอร์เหรอ”
“อื้อ”
ฮัตสึพยักหน้า
“ฉันเชื่อว่าเธอทำได้นะ
นี่จัง”
เพื่อนรักทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนที่จะโดนขัดจังหวะจากคุณครูพละที่เดินเข้ามาดูในโรงยิมเพราะเห็นว่าไฟเปิดไว้
แต่พอเห็นว่าเป็นนักกีฬาม.ต้นที่ได้ไปเข้าค่ายระดับชาติก็ยอม ๆ ปล่อยไป แต่ทว่าเตือนมาด้วยความหวังดี
“พวกเธอรีบกลับเถอะ
เดี๋ยวรถไฟเที่ยวสุดท้ายก็หมดแล้ว
ก่อนกลับก็อย่าลืมล็อคโรงยิมแล้วก็ปิดไฟให้เรียบร้อยซะล่ะ”
“ค่า”
เด็กสาวทั้งสองขานรับก่อนจะตกลงกันรีบเด็บข้าวของกลับบ้าน
(เป็นหนึ่งในช่วงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฮัตสึกะไม่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้)ในวันจบการศึกษาม.ต้นของริตะและฮัตสึก็จบลงที่เท่านั้นก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อที่อื่น
ฮัตสึกะได้มาเรียนต่อที่ไคโจ(เพราะว่าย้ายกลับไปที่บ้านเกิด
พ่อกับแม่กลับมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้วเลยตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมแทน)
ส่วนริตะไปเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในแถบโตเกียวอีกที่
ส่วนรุ่นปาฏิหาริย์ก็แยกย้ายกันไปตามโรงเรียนอื่น
ๆ
อาคาชิ
เซย์จูโร่ อยู่ที่ราคุซัน เกียวโต
มุราซากิบาระ
อัตสึชิ อยู่ที่โยเซ็น อากิตะ
มิโดริมะ
ชินทาโร่ อยู่ที่ชูโตคุ โตเกียว
อาโอมิเนะ
ไดกิและโมโมอิ ซัทสึกิ อยู่ที่โทโอ โตเกียว
คิเสะ
เรียวตะ อยู่ที่ไคโจ คานางาวะ
คุโรโกะ
เท็ตสึยะ อยู่ที่เซย์ริน โตเกียว
ซึ่งในตอนแรกฮัตสึกะก็ไม่รู้หรอกว่าทุกคนไปต่อกันที่ไหนบ้าง
แต่พอได้คุยกับโมโมอิซัง
เธอถึงกับแทบพ่นนม(ที่กินเป็นกิจวัตรก่อนนอน)ตอนที่กำลังดื่มอยู่ออกมาทันที
เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอคิเสะ
เรียวตะที่นี่น่ะสิ
ในบรรดากลุ่มคนจากรุ่นปาฏิหาริย์
เธอสนิทกับโมโมอิมากที่สุด รองลงมาก็คือเรียวตะ จะว่าโชคดีก็ได้
แต่ว่าถ้าจะบอกว่าโชคไม่ดีก็พูดได้(สำหรับเธอคงเป็นโชคไม่ดีซะมากกว่า)
เธอคิดว่าจะหลุดจากการต้องไปตามช่วยเขาจากการรุมล้อมของเด็กสาวผู้คลั่งไคล้ในหน้าตาของเขาแล้วเสียอีก
แถมเธอยังโดนเล็งมากจากกลุ่มแฟนคลับของเขาอยู่แล้วเป็นทุนเดิมแบบนี้เธอยิ่งแล้วใหญ่
แถมอีกอย่างนะ เขาเป็นคนเดียวนอกเหนือจากริตะที่รู้ว่าเธอชอบรุ่นพี่นิจิมุระ(สนิทกันถึงขั้นนั้นแหละ)
เธอภาวนาขอต่อเทพเจ้า อย่าให้เขาฉันตั้งแต่วันแรกได้ไหมคะ
ก่อนวันที่จะเปิดเรียนเพียงวันเดียว
ทว่า....โชคไม่เข้าข้างเธอเอาเสียเลย
ฮัตสึกะแอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าประตูโรงเรียนก่อนจะแอบแวบเข้าไปผ่านรั้วอย่างง่ายดาย
(มีสายตาบางคู่มองเธอด้วยความรู้สึกประหลาด ๆ โดยที่เจ้าตัวรู้ดี
แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปงั้นแหละ)
เจ้าตัวหลับตาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางกุมกระเป๋าเอาไว้แน่น
กลัวว่ามันจะโผล่ไปให้ใครเห็น
อย่างน้อยก็โชคดี
ไม่เจอหมอนั่นที่นี่
ขอบคุณพระเจ้า
ฮัตสึกะคิดในใจ
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรู้สึกได้ว่ามีใครยืนอยู่ด้านหน้าของตัวเอง
ทำให้เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย
ทว่าเมื่อดวงตาของตนเองสบตากับคนตรงหน้าตัวของฮัตสึกะก็แข็งทื่อเป็นหิน
คิเสะ
เรียวตะยืนอยู่หน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้มกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาโบกมือให้เพื่อนของตนเองเล็กน้อยก่อนจะแอบเดินย่องออกไปพลางยกมือขึ้นมาทำท่าทางบอกว่า
‘ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับที ขอบคุณ’
ก่อนที่เรียวตะจะเดินหายไปปล่อยให้ฮัตสึกะยืนกุมกระเป๋าตัวเองอยู่อย่างนั้น
ไม่กี่นาทีต่อมา
เสียงเตือนของข้อความที่ส่งมาจากคิเสะก็ดังขึ้น เธอเปิดมันขึ้นอ่านด้วยความจำใจ
‘ฮัตสึกัจจิไม่เห็นบอกเลยว่ามาเรียนต่อที่นี่!’
ฮัตสึกะคิดในใจพลางกลอกตา ก็จงใจจะไม่บอกว่าจะบอกน่ะคิเสะคุง
ขอโทษทีนะ เธอพิมพ์ตอบอีกฝ่าย
‘พอดีกะว่าจะมาบอกวันนี้เลยน่ะค่ะ’
คิเสะส่งอิโมจิหรี่ตาตอบกลับมา
.
.
.
หญิงสาวผมสีน้ำตาลถูกรู้จักในชื่อของลิเบโร่หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับม.ต้น
จากการไปเข้าค่ายระดับประเทศมา
ทำให้เธอเป็นที่สนใจของชมรมวอลเล่บอลไคโจมากเป็นพิเศษ
นอกจากการเป็นที่รู้จักในวงการของวอลเล่บอลแล้ว
เธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะของผู้จัดการชมรมบาสเกตบอลสุดเนี้ยบของม.ต้นเทโควด้วย
(ประกอบกับคิเสะที่ไปเร่งเร้ารุ่นพี่บอกว่า ‘อยากให้ฮัตสึกะเป็นผู้จัดการชมรม!’
ก่อนจะโดนปาลูกบาสใส่โดยรุ่นพี่คาซามัตสึ) ทำให้ในตอนนี้ตัวเธอเองก็เป็นที่สนใจของชมรมบาสไคโจเช่นกัน
เวลากลางวันคิเสะชวนเธอไปกินข้าวทำให้วันนี้เธอต้องบอกให้เพื่อนของตัวเองมุ่งหน้าไปก่อน
แล้วเธอจะค่อยตามไปเพราะมีนัด
เธอและชายหนุ่มผมสีเหลืองพบกันที่ทางเดินพอดีเลยเดินเข้าโรงอาหารไปพร้อมกันก่อนที่จะไปซื้อข้าวในโรงอาหาร
คิเสะที่เห็นรุ่นพี่นั่งอยู่ก็โบกมือให้พวกเขาพลางชวนให้ฮัตสึกะเข้าไปนั่งด้วยกัน
ถ้าให้ฮัตสึกะเดาพวกเขาคงมาจากชมรมบาสทั้งหมด(พูดง่าย
ๆ ว่าถือโอกาสแนะนำเธอให้รุ่นพี่รู้จักพวกเขาจะได้ตัดสินใจว่าจะขอร้องกึ่งบังคับฮัตสึกะเข้าชมรมดีไหม)
เธอพยักหน้าให้พวกเขาเป็นการเคารพก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่ว่างและกินข้าวของตัวเองไปพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับคิเสะไปตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
ทว่ารุ่นพี่กลับนั่งเงียบตักข้าวกินใครกินมัน
ไม่แม้แต่จะสบตา(กันเอง)เลยด้วยซ้ำ
ดูท่าทางแล้วเหมือนหุ่นยนต์ซะมากกว่า
ดวงตาสีเหลืองของฮัตสึกะจ้องพวกเขาเรียงคนก่อนจะเบนสายตากลับมาที่เพื่อนตัวเองตรงหน้าต่อ
“ผมดีใจมากเลยล่ะที่ฮัตสึกัจจิอยู่ที่นี่
แค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรแล้วถ้าเธอเข้าชมรมบาส”
เขากล่าวก่อนที่จะตักข้าวกลางวันเข้าปากของตัวเอง
คิเสะซังน่ะไม่กังวล
แต่เธอสิต้องครุ่นคิดให้หนักเลยล่ะ อิซากายะพยักหน้าเออออไปกับคำพูดของคิเสะ
เพราะว่าที่เขาพูดมามันก็จริง?(ส่วนที่เขาบอกว่าดีใจ เอาจริง ๆ
แล้วเธอก็ดีใจเหมือนกันนะที่เจอคิเสะที่นี่)
“แล้วชมรมวอลเล่บอลล่ะ
ไม่ใช่ว่าฮัตสึกัจจิตกลงไปแล้วใช่ไหม?”
ฮัตสึกะส่ายหน้า
“ยังเลยนะคะ แต่ก็คิดดูก่อน เพราะว่าไม่แน่ใจว่าจะเข้าดีไหม”
ซึ่งประโยคนั้นทำให้เหล่ารุ่นพี่หันไปกระซิบกันเองก่อนจะรีบหันมากินข้าวของตัวเองแล้วกระดิกนิ้วเรียกให้ชายเจ้าของเรือนผมสีเหลืองเข้าไปหากลุ่มพวกเขา
ฮัตสึกะเลิกคิ้วขึ้นเพราะการกระทำลับ ๆ
ล่อ ๆ ของพวกรุ่นพี่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
เธอนั่งรอจนกว่าเพื่อนของตัวเองจะพูดคุยกับรุ่นพี่เสร็จ
คิเสะกลับมานั่งที่ตามเดิมพร้อมกับรอยยิ้มเริงร่า
“รุ่นพี่บอกว่าอยากให้เธอเป็นผู้จัดการชมรมแน่ะฮัตสึกัจจิ!” คิเสะพูดแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมา
แต่ฮัตสึกะเลิกคิ้วขึ้น
“ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยอยากรู้จักฉันเลยน่ะนะ?”
คิเสะหัวเราะก่อนจะกระซิบบอกกับหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลว่า
“พวกเขาไม่ค่อยคุ้นชินกับการคุยกับผู้หญิงเท่าไหร่น่ะฮัตสึกัจจิ
อย่าไปถือสาพวกเขาเลยนะ”
ฮัตสึกะพยักหน้าเบา ๆ
ก่อนที่ในหัวสมองจะเริ่มทำการประมวลผลที่ได้รับมาแล้วสรุปได้ว่า
ออ
ที่แท้พวกเขาก็เป็นพวกขี้อายนี่เองเหรอเนี่ย?
“งั้นฉันจะเอาเรื่องนี้กลับไปคิดอีกทีแล้วกันนะ
” ฮัตสึกะกล่าวกับเพื่อนของตนก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองโดยที่ไม่ลืมโบกมือลา
เพื่อน ๆ
ของฮัตสึกะที่รออยู่ที่ห้องเรียนต่างถามถึง ‘นายแบบคนนั้น’
กันยกใหญ่ ซึ่งแน่นอนแล้วว่าต้องได้เวลาทำเงิน
ขายโปสการ์ดที่มีลายเซ็นของเจ้าตัวในราคาที่ได้กำไรงาม ๆเล็กน้อยให้กับเหล่าสาวกของคิเสะ
เรียวตะ
(มันดีก็ตรงนี้แหละนะ)
[อ้อ โปสการ์ดน่ะ
ฮัตสึกะเคยขอให้คิเสะเซ็นให้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งเจ้าตัวก็ทำทีเป็นแฟนคลับ???แล้วทำเนียนไปขอลายเซ็น และมาเฉลยทีหลังว่าเอาจริง
ๆ แล้วก็ไม่ใช่หรอกนะ]
.
.
.
‘ฮัตสึกัจจิ!’
ข้อความของคิเสะถูกส่งมา
มันแจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของฮัตสึกะ
เธอยกมันขึ้นมาดูและกำลังรอว่าอีกฝ่ายจะพิมพ์อะไรต่อ
‘วันพรุ่งนี้ไปเซย์รินกัน!’
อิซากายะ ฮัตสึกะลังเลนิดหน่อย
เพราะว่าเธอไม่ค่อยอยากพลาดคาบประวัติศาสตร์วันพรุ่งนี้สักเท่าไหร่ แต่เธอจะลองหยั่งเชิงอีกฝ่ายก่อนแล้วกัน
‘มีอะไรแลกเปลี่ยนแทนกับคาบประวัติศาสตร์ที่ฉันเสียไปไหม?’
อีกฝ่ายกำลังคิดหาคำตอบ
เขาพิมพ์แล้วพิมพ์อีกเพราะฮัตสึกะเห็นว่ามีข้อความกำลังจะถูกส่งมาอยู่หลายรอบแต่แล้วก็หายไปเฉย
ๆ
‘เป็นเมเนเจอร์ทีมไงล่ะ☆⌒(ゝ。∂)’
ถึงแม้ว่าสีหน้าของหญิงสาวในตอนนี้จะนิ่งเรียบจนเหมือนขอนไม้
แต่ว่าภายในใจกลับมีแต่ความรู้สึกอยากจะปาหมอนอัดฝาบ้าน
นั่นไม่ใช่ของแลกเปลี่ยนที่ดีเลยสักนิด! แถมอีโมจิน่าหมั่นไส้นั่น... ฮัตสึกะคิดในใจพลางพิมพ์ตอบกลับไปด้วย
‘งั้นเอาไว้วันหลังแล้วกันนะคะ’
‘เดี๋ยวก่อน ๆ ฮัตสึกัจจิ’
ฮัตสึกะคิดกับตัวเอง
ถ้าไปเซย์รินก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ เธอน่ะอยากเจอกับคุโรโกะด้วยเพราะว่าเขาบอกว่าเขาอยากจะเอาสมุดสรุปวิชาประวัติศาสตร์สำหรับม.ปลายมาแลกกับวิชาเคมีที่เธอทำไว้ในวันจบ
แต่ว่าทั้งสองคนดันลืมไปซะสนิท
เลยตกลงกันว่าถ้าเจอเมื่อไหร่ก็ค่อยแลกกันตอนนั้นแล้วกัน
ถ้างั้นก็... ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ฮัตสึกะหันไปมองที่จอโทรศัพท์ตัวเองหลังครุ่นคิดอยู่นานก็เห็นข้อความเพิ่งถูกส่งมาจากคิเสะเพิ่ม
‘งั้น ๆ วันพรุ่งนี้ถ้าฮัตสึกัจจิไปด้วย ขากลับผมเลี้ยงไอศกรีมแล้วกัน’
เหะ ไอศกรีม
ฮัตสึกะนึกแล้วก็อยากกินอยู่พอดี ถ้างั้นก็สุดยอดล่ะ
‘ค่ะ วันพรุ่งนี้ฉันตกลงไปนะ’
ตบท้ายด้วยคิเสะส่งอิโมจิหรี่ตา (¬
¬ ) มาให้อีกรอบ
ฮัตสึกะและคิเสะเจอกันที่โรงเรียนก่อนจะไปที่โรงเรียนเซย์รินอีกที
ทั้งสองไปถึงที่เซย์รินก็ทันเวลาตอนที่พวกคุโรโกะกำลังซ้อมอยู่พอดี
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คิเสะถูกเหล่าสาวรุมล้อมไว้จนเดินตามมาไม่ทัน
ฮัตสึกะเลยต้องมุ่งหน้าไปก่อนพลางภาวนาในใจว่า โชคดีมีชัยคิเสะคุง(ยกมือชูสองนิ้วให้กำลังใจ)
[ฮัตสึกัจจิ!!!!! แว้กก(จมไปกับผู้คน)]
เธอเห็นนักกีฬาบาสกำลังวุ่นกับการซ้อมพอดิบพอดี
ไม่รู้ว่าจะไปขอใครดีเลยถือวิสาสะเข้าไปในโรงยิมพร้อมกับเดินไปทางด้านของผู้หญิงที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นผู้จัดการทีม
ซึ่งอีกฝ่ายสังเกตเห็นเธอและชุดยูนิฟอร์มสีเทาของโรงเรียนก็เลยเข้าใจว่ามาจากไคโจทันที
เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลโค้งให้กับฝ่ายตรงข้ามพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่เตรียมไว้เพื่อการพูดคุยกับผู้อื่นโดยเฉพาะ
“ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามาโดยพลการนะคะ
พอดีฉันมาเพื่อตามหาคุโรโกะ เท็ตสึยะซังค่ะ”
“อะ...อ้อ
คุโรโกะคุงงั้นเหรอ” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลตัดสั้นหันไปเรียกเด็กหนุ่มผมสีฟ้าอ่อนมาจากข้างสนาม
“มาแล้วครับอิซากายะซัง”
คุโรโกะทักทายอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์
เจ้าของชื่อยิ้มพลางโบกมือให้กับเพื่อนของตัวเองแล้วยกสมุดขึ้นมา
แน่นอนว่าอีกฝ่ายพยักหน้าที่นิ่งเรียบของตัวเองก่อนจะเดินกลับไปแถวกระเป๋าตัวเองแล้วก็หยิบสมุดของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสองแลกสมุดกันเป็นที่เรียบร้อยฮัตสึกะก็แนะนำตัวเองใหม่กับคนที่เธอเข้าใจผิดไปว่าเป็นผู้จัดการทีม
เอาจริง ๆ แล้วเธอคนนั้นคือ ริโกะ ไอดะ เป็นโค้ชของทีมบาสเกตบอลเซย์ริน
ฮัตสึกะที่รู้ก็มองอีกฝ่ายด้วยตาที่วาววับเป็นประกายขึ้นมาทันที
โค้ชไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ หรอก แถมยังเป็นโค้ชที่อายุเท่านี้เอง
น่านับถือมาก ๆ เลย
แต่ว่าในใจของไอดะที่เห็นสายตาของเด็กสาวที่มองตัวเองด้วยความเทิดทูนขนาดนั้นก็เหงื่อตกหน่อย
ๆ เธออายนะเนี่ยที่มีคนมองแบบนี้น่ะ!
“อิซากายะซังมาที่นี่ไม่ใช่แค่จะมาแลกเปลี่ยนสมุดกับผมหรอกใช่ไหม?”
คุโรโกะกระซิบถามเด็กสาวที่ยืนมองดูการซ้อมอย่างเงียบเชียบด้วยดวงตาสีเหลืองทั้งสองคู่ที่ทำให้ฮัตสึกะ
‘เหมือน’ อาคาชิแทบไม่มีเพี้ยน
“...” ฮัตสึกะหันมายิ้มให้กับชายผมสีฟ้าอ่อนแต่ว่าไม่ได้ตอบอะไร
ถึงปากของอีกฝ่ายจะยิ้มแต่ว่าในดวงตาสีเหลืองคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็น
เพราะว่าเจ้าตัวกำลังสนใจคางามิ
ไทกะอยู่นี่เอง เท็ตสึยะละสายตาไปมองตามที่ที่ฮัตสึกะจับจ้องอยู่เมื่อกี้บ้าง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ
ฉันออกจะดีใจด้วยซ้ำไปที่คุโรโกะซังมีเพื่อนร่วมทีมสุดวิเศษแบบนั้นน่ะ”
เธอหัวเราะเล็ก ๆ
กับตัวเองก่อนที่จะเริ่มได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าสาว ๆ ที่ดังมาจากด้านนอกของโรงยิมจนกระทั่งเจ้าตัวที่พยายามเดินเข้ามาโผล่หน้ามาในที่สุด
“แถมอีกอย่างฉันไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อประเมินความสามารถของใครจริง
ๆ นะคะ ฉันแค่ถูกไหว้วานให้มาด้วยเฉย ๆ”
คุโรโกะมองไปทางต้นเสียงก่อนจะพบว่าคิเสะ
เรียวตะยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับวงล้อมสาว ๆ ที่เข้ามาขอถ่ายรูปและลายเซ็นจากเจ้าตัว
“โดนล่อด้วยร้านไอศกรีมที่อยากกินพอดี
ช่วยไม่ได้เลยนะคะตัวฉันเนี่ย” ฮัตสึกะส่ายหน้ากับตัวเองก่อนจะหันไปมองทางคุโรโกะแล้วยิ้มแหย
ๆ ให้
ไม่นานนักหลังจากที่ทุกคนได้สติว่าคิเสะเข้ามาที่นี่แล้วและเจ้าของผมสีหลืองนั้นยังได้แนะนำตัวเองว่าเป็น
‘รุ่นปาฏิหาริย์ที่เก่งน้อยที่สุด’ ก็ถูกคางามิท้าทายให้เล่นบาสเกตบอลด้วยทันทีซึ่งจบดด้วยการที่คิเสะซึ่งเหนือกว่าในทุกด้านเอาชนะ
1-1 ครั้งนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
ฮัตสึกะที่ย้ายตัวเองไปอยู่ข้าง ๆ
กับริโกะก็โดนอีกฝ่ายถามจี้ขึ้นมา
“เธอเป็นผู้จัดการทีมของไคโจงั้นเหรอ?
หรือ...?”
ฮัตสึกะส่ายหน้าให้กับทั้งสองคำถามของริโกะ
“ฉันแค่มาตัดสินใจค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากเจอริโกะซังอีกนะคะ”
ฮัตสึกะยิ้มให้กับอีกฝ่ายด้วยความจริงใจก่อนที่จะเดินออกจากโรงยิมไปหลังจากที่คิเสะพูดคุยกับคุโรโกะเรื่องทาบทามตัวของอีกฝ่ายมาอยู่ไคโจด้วย
(ซึ่งแน่นอนว่ายังไงคุโรโกะก็ปฏิเสธ) แต่ก่อนจะออกไปเธอบอกกับคุโรโกะว่า
“ฉันเป็นกำลังใจให้คุโรโกะคุงเอาชนะพวกเขาให้ได้นะ”
.
.
.
ไอศกรีมโคนจากพนักงานถูกส่งมาถึงมือของเด็กสาวผมสีน้ำตาลมัดหางม้า
ดวงตาสีเหลืองของเจ้าตัวเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น แก้มแดงระเรื่อจนเหมือนเด็กน้อย
ๆ ที่ตื่นเต้นไม่มีเพี้ยน
เธอขอบคุณพี่สาวพนักงานก่อนจะหันกลับแล้วเดินไปทางที่คิเสะยืนรออยู่(ซึ่งเจ้าตัวก็กำลังมองเงินในกระเป๋าตังค์ตัวเองตาละห้อย)
แต่ว่าพอมายืนอยู่ตรงหน้าของชายผมสีเหลืองเธอกลับมีสีหน้านิ่งเรียบยิ่งกว่าแผ่นน้ำแข็งบนลำธารในหน้าหนาวเสียอีก
“นายไม่ได้คิดว่าจะอ่อนข้อให้กับพวกเขาหรอกใช่ไหม?”
ฮัตสึกะช้อนตาตัวเองขึ้นมองอีกฝ่ายฉับพลัน ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายเองก็หรี่ตามองเธอพลางขมวดคิ้ว
สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ไม่มีทาง”
“ดี” เด็กสาวตอบกลับสั้น ๆ คราวนี้สีหน้าของเธอผ่อนคลายลงบ้างก่อนจะพูดออกมาอีก
“นั่นแหละสิ่งที่ผู้จัดการทีมอยากได้ยิน”
คิเสะเลิกคิ้วมองตามฮัตสึกะที่เดินนำหน้าไปก่อน
สมองของเขากำลังประมวลคำพูดที่ได้ยินก่อนจะหัวเราะออกมา
“พูดแล้วรักษาสัญญาด้วยนะฮัตสึกัจจิ!”
ฮัตสึกะตกลงเป็นผู้จัดการทีมไคโจเรียบร้อย
แน่นอนว่าเด็กสาวได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคุณครู โค้ช และนักกีฬาบาสในทีม
(โดยเฉพาะรุ่นพี่โมริยามะ : ซึ่งคิเสะสงสัยว่าทำไมถึงมองฮัตสึกะว่าน่ารักกันนะ?
ยัยนั่นเหมือนยักษ์ไม่พอยังมีแรงเหนือกอริลล่าอีกต่างหาก)
ความคิดเห็น