ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Knb | fanfic || OC] Inori no Sora ท้องฟ้าแห่งคำอธิษฐาน(Rewrite)

    ลำดับตอนที่ #12 : ไคโจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 635
      36
      24 เม.ย. 64


    “โย่ ฮัตสึ เปลี่ยนมาเล่นลิเบโร่แล้วงั้นเหรอ?” เด็กสาวผมสีดำเดินเข้ามาในโรงยิม ซึ่งในตอนนั้นเองฮัตสึกะกำลังฝึกรับลูกวอลเล่กับกำแพงอยู่

     

    “อา เจ๋งใช่มะ ฉันรอรับลูกเสิร์ฟเอสของเธอตลอดอยู่แล้ว ตอนแรกฉันเข้าใจว่ารับลูกเซ็ตจากเธอสนุก แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ารับลูกเสิร์ฟของเธอจากอีกฝั่งของเน็ตสนุกกว่าซะอีก”

     

    “ฮ่ะ ฉันหวังในตัวเธอนะนิจูจัง” ริตะหัวเราพลางถามต่อ “แล้วเรื่องบาสล่ะ”

     

    “ฉันชอบในกีฬาบาสนะ มันสุดยอดมาก รู้ไหมมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าได้ลองอะไรใหม่ ๆ อีกครั้ง มันทำให้ฉันรู้สึกถึงอิสระที่จะได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ เหมือนกับที่ฉันกำลังทำอยู่กับตำแหน่งของตัวเองในวอลเล่บอลนั่นแหละ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ลงเล่นก็ตาม” ฮัตสึกล่าวพลางในดวงตาของเธอพร่าวพราวด้วยประกายแสงเจิดจรัส

     

    “เอาจริง ๆ ถ้าไม่บอก ก็ไม่รู้นะเนี่ยว่าเธอชอบวอลเล่มาก่อน มันคือความรู้สึกเวลาที่เธอชอบอะไรสักอย่างเพราะเธอกำลังคิดว่า นั่นล่ะ อิสระมันทำให้เธอสามารถปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาได้ที่สุด” ริตะพูดพลางโยนบอลขึ้นแล้วกระโดดตบลงอีกฟากของสนามในโรงยิมที่ว่างเปล่าและไร้ผู้คน

     

    “นี่รู้ไหมฮัตสึ ฉันเคยคิดว่าถ้าไม่มีเธอเล่นด้วยจะทำยังไง จะทำได้ดีไหม แต่พอได้ลองจริง ๆ แล้ว ถึงคนอื่นจะตบลูกที่ฉันพาสให้ดีมากแค่ไหน ฉันก็จะนึกถึงเธอตลอดฮัตสึกะ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ยอมตบลูกของฉันและทำให้ฉันก้าวเข้ามาเป็นเซ็ตเตอร์ได้” เธอพูดก่อนจะหยิบอีกลูกขึ้นมา

     

    “เธอเองก็ดูเหมือนจะหาทางของตัวเองได้แล้วใช่ไหมล่ะ บาสน่ะ”

    “ฉัน... ไม่รู้สิ ริตะ ฉัน... อยากทำมันทั้งคู่เลย” ฮัตสึกะพูดแล้วหันไปมองเพื่อนของตัวเองด้วยสายตาอันแสนจริงจัง

     

             “ฮ่ะ ยัยบ้า ฉันกะแล้วเชียว เธอนี่เกินคนจริง ๆ” ริตะหัวเราะ “ลิเบโร่และเมเนเจอร์เหรอ”

     

    “อื้อ” ฮัตสึพยักหน้า

     

    “ฉันเชื่อว่าเธอทำได้นะ นี่จัง”

     

    เพื่อนรักทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนที่จะโดนขัดจังหวะจากคุณครูพละที่เดินเข้ามาดูในโรงยิมเพราะเห็นว่าไฟเปิดไว้ แต่พอเห็นว่าเป็นนักกีฬาม.ต้นที่ได้ไปเข้าค่ายระดับชาติก็ยอม ๆ ปล่อยไป แต่ทว่าเตือนมาด้วยความหวังดี

     

    “พวกเธอรีบกลับเถอะ เดี๋ยวรถไฟเที่ยวสุดท้ายก็หมดแล้ว ก่อนกลับก็อย่าลืมล็อคโรงยิมแล้วก็ปิดไฟให้เรียบร้อยซะล่ะ”

     

    “ค่า” เด็กสาวทั้งสองขานรับก่อนจะตกลงกันรีบเด็บข้าวของกลับบ้าน

     

    (เป็นหนึ่งในช่วงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฮัตสึกะไม่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้)ในวันจบการศึกษาม.ต้นของริตะและฮัตสึก็จบลงที่เท่านั้นก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อที่อื่น

     

    ฮัตสึกะได้มาเรียนต่อที่ไคโจ(เพราะว่าย้ายกลับไปที่บ้านเกิด พ่อกับแม่กลับมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้วเลยตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมแทน) ส่วนริตะไปเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในแถบโตเกียวอีกที่

     

    ส่วนรุ่นปาฏิหาริย์ก็แยกย้ายกันไปตามโรงเรียนอื่น ๆ

    อาคาชิ เซย์จูโร่ อยู่ที่ราคุซัน เกียวโต

    มุราซากิบาระ อัตสึชิ อยู่ที่โยเซ็น อากิตะ

    มิโดริมะ ชินทาโร่ อยู่ที่ชูโตคุ โตเกียว

    อาโอมิเนะ ไดกิและโมโมอิ ซัทสึกิ อยู่ที่โทโอ โตเกียว

    คิเสะ เรียวตะ อยู่ที่ไคโจ คานางาวะ

    คุโรโกะ เท็ตสึยะ อยู่ที่เซย์ริน โตเกียว

     

    ซึ่งในตอนแรกฮัตสึกะก็ไม่รู้หรอกว่าทุกคนไปต่อกันที่ไหนบ้าง แต่พอได้คุยกับโมโมอิซัง เธอถึงกับแทบพ่นนม(ที่กินเป็นกิจวัตรก่อนนอน)ตอนที่กำลังดื่มอยู่ออกมาทันที

     

    เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอคิเสะ เรียวตะที่นี่น่ะสิ

     

    ในบรรดากลุ่มคนจากรุ่นปาฏิหาริย์ เธอสนิทกับโมโมอิมากที่สุด รองลงมาก็คือเรียวตะ จะว่าโชคดีก็ได้ แต่ว่าถ้าจะบอกว่าโชคไม่ดีก็พูดได้(สำหรับเธอคงเป็นโชคไม่ดีซะมากกว่า)

     

    เธอคิดว่าจะหลุดจากการต้องไปตามช่วยเขาจากการรุมล้อมของเด็กสาวผู้คลั่งไคล้ในหน้าตาของเขาแล้วเสียอีก  แถมเธอยังโดนเล็งมากจากกลุ่มแฟนคลับของเขาอยู่แล้วเป็นทุนเดิมแบบนี้เธอยิ่งแล้วใหญ่

     

    แถมอีกอย่างนะ เขาเป็นคนเดียวนอกเหนือจากริตะที่รู้ว่าเธอชอบรุ่นพี่นิจิมุระ(สนิทกันถึงขั้นนั้นแหละ) เธอภาวนาขอต่อเทพเจ้า อย่าให้เขาฉันตั้งแต่วันแรกได้ไหมคะ ก่อนวันที่จะเปิดเรียนเพียงวันเดียว

     

    ทว่า....โชคไม่เข้าข้างเธอเอาเสียเลย

     

     

     

     

     


    ฮัตสึกะแอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าประตูโรงเรียนก่อนจะแอบแวบเข้าไปผ่านรั้วอย่างง่ายดาย (มีสายตาบางคู่มองเธอด้วยความรู้สึกประหลาด ๆ โดยที่เจ้าตัวรู้ดี แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปงั้นแหละ)

     

    เจ้าตัวหลับตาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางกุมกระเป๋าเอาไว้แน่น กลัวว่ามันจะโผล่ไปให้ใครเห็น

     

    อย่างน้อยก็โชคดี ไม่เจอหมอนั่นที่นี่

    ขอบคุณพระเจ้า ฮัตสึกะคิดในใจ

     

     

    เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรู้สึกได้ว่ามีใครยืนอยู่ด้านหน้าของตัวเอง ทำให้เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย ทว่าเมื่อดวงตาของตนเองสบตากับคนตรงหน้าตัวของฮัตสึกะก็แข็งทื่อเป็นหิน

     

    คิเสะ เรียวตะยืนอยู่หน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้มกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาโบกมือให้เพื่อนของตนเองเล็กน้อยก่อนจะแอบเดินย่องออกไปพลางยกมือขึ้นมาทำท่าทางบอกว่า

     

             ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับที ขอบคุณ

     

    ก่อนที่เรียวตะจะเดินหายไปปล่อยให้ฮัตสึกะยืนกุมกระเป๋าตัวเองอยู่อย่างนั้น

     

    ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงเตือนของข้อความที่ส่งมาจากคิเสะก็ดังขึ้น เธอเปิดมันขึ้นอ่านด้วยความจำใจ

     

    ฮัตสึกัจจิไม่เห็นบอกเลยว่ามาเรียนต่อที่นี่!’

     

    ฮัตสึกะคิดในใจพลางกลอกตา ก็จงใจจะไม่บอกว่าจะบอกน่ะคิเสะคุง ขอโทษทีนะ เธอพิมพ์ตอบอีกฝ่าย  พอดีกะว่าจะมาบอกวันนี้เลยน่ะค่ะ

     

    คิเสะส่งอิโมจิหรี่ตาตอบกลับมา

     

     

    .

    .

    .

     

     

    หญิงสาวผมสีน้ำตาลถูกรู้จักในชื่อของลิเบโร่หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับม.ต้น จากการไปเข้าค่ายระดับประเทศมา ทำให้เธอเป็นที่สนใจของชมรมวอลเล่บอลไคโจมากเป็นพิเศษ

     

    นอกจากการเป็นที่รู้จักในวงการของวอลเล่บอลแล้ว เธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะของผู้จัดการชมรมบาสเกตบอลสุดเนี้ยบของม.ต้นเทโควด้วย (ประกอบกับคิเสะที่ไปเร่งเร้ารุ่นพี่บอกว่า อยากให้ฮัตสึกะเป็นผู้จัดการชมรม!’ ก่อนจะโดนปาลูกบาสใส่โดยรุ่นพี่คาซามัตสึ) ทำให้ในตอนนี้ตัวเธอเองก็เป็นที่สนใจของชมรมบาสไคโจเช่นกัน

     

    เวลากลางวันคิเสะชวนเธอไปกินข้าวทำให้วันนี้เธอต้องบอกให้เพื่อนของตัวเองมุ่งหน้าไปก่อน แล้วเธอจะค่อยตามไปเพราะมีนัด

     

    เธอและชายหนุ่มผมสีเหลืองพบกันที่ทางเดินพอดีเลยเดินเข้าโรงอาหารไปพร้อมกันก่อนที่จะไปซื้อข้าวในโรงอาหาร คิเสะที่เห็นรุ่นพี่นั่งอยู่ก็โบกมือให้พวกเขาพลางชวนให้ฮัตสึกะเข้าไปนั่งด้วยกัน

     

    ถ้าให้ฮัตสึกะเดาพวกเขาคงมาจากชมรมบาสทั้งหมด(พูดง่าย ๆ ว่าถือโอกาสแนะนำเธอให้รุ่นพี่รู้จักพวกเขาจะได้ตัดสินใจว่าจะขอร้องกึ่งบังคับฮัตสึกะเข้าชมรมดีไหม)

     

    เธอพยักหน้าให้พวกเขาเป็นการเคารพก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่ว่างและกินข้าวของตัวเองไปพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับคิเสะไปตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทว่ารุ่นพี่กลับนั่งเงียบตักข้าวกินใครกินมัน ไม่แม้แต่จะสบตา(กันเอง)เลยด้วยซ้ำ 

     

    ดูท่าทางแล้วเหมือนหุ่นยนต์ซะมากกว่า ดวงตาสีเหลืองของฮัตสึกะจ้องพวกเขาเรียงคนก่อนจะเบนสายตากลับมาที่เพื่อนตัวเองตรงหน้าต่อ

     

    “ผมดีใจมากเลยล่ะที่ฮัตสึกัจจิอยู่ที่นี่ แค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรแล้วถ้าเธอเข้าชมรมบาส” เขากล่าวก่อนที่จะตักข้าวกลางวันเข้าปากของตัวเอง

     

    คิเสะซังน่ะไม่กังวล แต่เธอสิต้องครุ่นคิดให้หนักเลยล่ะ อิซากายะพยักหน้าเออออไปกับคำพูดของคิเสะ เพราะว่าที่เขาพูดมามันก็จริง?(ส่วนที่เขาบอกว่าดีใจ เอาจริง ๆ แล้วเธอก็ดีใจเหมือนกันนะที่เจอคิเสะที่นี่)

     

    “แล้วชมรมวอลเล่บอลล่ะ ไม่ใช่ว่าฮัตสึกัจจิตกลงไปแล้วใช่ไหม?”

     

    ฮัตสึกะส่ายหน้า “ยังเลยนะคะ แต่ก็คิดดูก่อน เพราะว่าไม่แน่ใจว่าจะเข้าดีไหม”

     

    ซึ่งประโยคนั้นทำให้เหล่ารุ่นพี่หันไปกระซิบกันเองก่อนจะรีบหันมากินข้าวของตัวเองแล้วกระดิกนิ้วเรียกให้ชายเจ้าของเรือนผมสีเหลืองเข้าไปหากลุ่มพวกเขา

     

    ฮัตสึกะเลิกคิ้วขึ้นเพราะการกระทำลับ ๆ ล่อ ๆ ของพวกรุ่นพี่แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เธอนั่งรอจนกว่าเพื่อนของตัวเองจะพูดคุยกับรุ่นพี่เสร็จ คิเสะกลับมานั่งที่ตามเดิมพร้อมกับรอยยิ้มเริงร่า

     

    “รุ่นพี่บอกว่าอยากให้เธอเป็นผู้จัดการชมรมแน่ะฮัตสึกัจจิ!” คิเสะพูดแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมา

     

    แต่ฮัตสึกะเลิกคิ้วขึ้น “ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยอยากรู้จักฉันเลยน่ะนะ?”

     

    คิเสะหัวเราะก่อนจะกระซิบบอกกับหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลว่า

     

             “พวกเขาไม่ค่อยคุ้นชินกับการคุยกับผู้หญิงเท่าไหร่น่ะฮัตสึกัจจิ อย่าไปถือสาพวกเขาเลยนะ”

     

    ฮัตสึกะพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่ในหัวสมองจะเริ่มทำการประมวลผลที่ได้รับมาแล้วสรุปได้ว่า

     

    ออ ที่แท้พวกเขาก็เป็นพวกขี้อายนี่เองเหรอเนี่ย?

     

             “งั้นฉันจะเอาเรื่องนี้กลับไปคิดอีกทีแล้วกันนะ ” ฮัตสึกะกล่าวกับเพื่อนของตนก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองโดยที่ไม่ลืมโบกมือลา

     

    เพื่อน ๆ ของฮัตสึกะที่รออยู่ที่ห้องเรียนต่างถามถึง นายแบบคนนั้นกันยกใหญ่ ซึ่งแน่นอนแล้วว่าต้องได้เวลาทำเงิน ขายโปสการ์ดที่มีลายเซ็นของเจ้าตัวในราคาที่ได้กำไรงาม ๆเล็กน้อยให้กับเหล่าสาวกของคิเสะ เรียวตะ

     

    (มันดีก็ตรงนี้แหละนะ)

     

    [อ้อ โปสการ์ดน่ะ ฮัตสึกะเคยขอให้คิเสะเซ็นให้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ทำทีเป็นแฟนคลับ???แล้วทำเนียนไปขอลายเซ็น และมาเฉลยทีหลังว่าเอาจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่หรอกนะ]

     

    .

    .

    .

     

    ฮัตสึกัจจิ!’

     

    ข้อความของคิเสะถูกส่งมา มันแจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของฮัตสึกะ เธอยกมันขึ้นมาดูและกำลังรอว่าอีกฝ่ายจะพิมพ์อะไรต่อ

     

    วันพรุ่งนี้ไปเซย์รินกัน!’

     

    อิซากายะ ฮัตสึกะลังเลนิดหน่อย เพราะว่าเธอไม่ค่อยอยากพลาดคาบประวัติศาสตร์วันพรุ่งนี้สักเท่าไหร่ แต่เธอจะลองหยั่งเชิงอีกฝ่ายก่อนแล้วกัน

     

             มีอะไรแลกเปลี่ยนแทนกับคาบประวัติศาสตร์ที่ฉันเสียไปไหม?

     

    อีกฝ่ายกำลังคิดหาคำตอบ เขาพิมพ์แล้วพิมพ์อีกเพราะฮัตสึกะเห็นว่ามีข้อความกำลังจะถูกส่งมาอยู่หลายรอบแต่แล้วก็หายไปเฉย ๆ

     

             เป็นเมเนเจอร์ทีมไงล่ะ☆⌒(ゝ。∂)’

     

    ถึงแม้ว่าสีหน้าของหญิงสาวในตอนนี้จะนิ่งเรียบจนเหมือนขอนไม้ แต่ว่าภายในใจกลับมีแต่ความรู้สึกอยากจะปาหมอนอัดฝาบ้าน

     

    นั่นไม่ใช่ของแลกเปลี่ยนที่ดีเลยสักนิด! แถมอีโมจิน่าหมั่นไส้นั่น... ฮัตสึกะคิดในใจพลางพิมพ์ตอบกลับไปด้วย

     

             งั้นเอาไว้วันหลังแล้วกันนะคะ

     

             เดี๋ยวก่อน ๆ ฮัตสึกัจจิ

     

    ฮัตสึกะคิดกับตัวเอง ถ้าไปเซย์รินก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ เธอน่ะอยากเจอกับคุโรโกะด้วยเพราะว่าเขาบอกว่าเขาอยากจะเอาสมุดสรุปวิชาประวัติศาสตร์สำหรับม.ปลายมาแลกกับวิชาเคมีที่เธอทำไว้ในวันจบ แต่ว่าทั้งสองคนดันลืมไปซะสนิท เลยตกลงกันว่าถ้าเจอเมื่อไหร่ก็ค่อยแลกกันตอนนั้นแล้วกัน

     

    ถ้างั้นก็... ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

     

    ฮัตสึกะหันไปมองที่จอโทรศัพท์ตัวเองหลังครุ่นคิดอยู่นานก็เห็นข้อความเพิ่งถูกส่งมาจากคิเสะเพิ่ม

     

             งั้น ๆ วันพรุ่งนี้ถ้าฮัตสึกัจจิไปด้วย ขากลับผมเลี้ยงไอศกรีมแล้วกัน

     

    เหะ ไอศกรีม ฮัตสึกะนึกแล้วก็อยากกินอยู่พอดี ถ้างั้นก็สุดยอดล่ะ

     

             ค่ะ วันพรุ่งนี้ฉันตกลงไปนะ

     

    ตบท้ายด้วยคิเสะส่งอิโมจิหรี่ตา (¬ ¬ ) มาให้อีกรอบ

     

     

     

     

     

    ฮัตสึกะและคิเสะเจอกันที่โรงเรียนก่อนจะไปที่โรงเรียนเซย์รินอีกที ทั้งสองไปถึงที่เซย์รินก็ทันเวลาตอนที่พวกคุโรโกะกำลังซ้อมอยู่พอดี

     

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คิเสะถูกเหล่าสาวรุมล้อมไว้จนเดินตามมาไม่ทัน ฮัตสึกะเลยต้องมุ่งหน้าไปก่อนพลางภาวนาในใจว่า โชคดีมีชัยคิเสะคุง(ยกมือชูสองนิ้วให้กำลังใจ)

    [ฮัตสึกัจจิ!!!!! แว้กก(จมไปกับผู้คน)]

     

    เธอเห็นนักกีฬาบาสกำลังวุ่นกับการซ้อมพอดิบพอดี ไม่รู้ว่าจะไปขอใครดีเลยถือวิสาสะเข้าไปในโรงยิมพร้อมกับเดินไปทางด้านของผู้หญิงที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นผู้จัดการทีม

     

    ซึ่งอีกฝ่ายสังเกตเห็นเธอและชุดยูนิฟอร์มสีเทาของโรงเรียนก็เลยเข้าใจว่ามาจากไคโจทันที

     

    เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลโค้งให้กับฝ่ายตรงข้ามพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่เตรียมไว้เพื่อการพูดคุยกับผู้อื่นโดยเฉพาะ

     

    “ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามาโดยพลการนะคะ พอดีฉันมาเพื่อตามหาคุโรโกะ เท็ตสึยะซังค่ะ”

     

    “อะ...อ้อ คุโรโกะคุงงั้นเหรอ” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลตัดสั้นหันไปเรียกเด็กหนุ่มผมสีฟ้าอ่อนมาจากข้างสนาม

     

    “มาแล้วครับอิซากายะซัง” คุโรโกะทักทายอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์

     

    เจ้าของชื่อยิ้มพลางโบกมือให้กับเพื่อนของตัวเองแล้วยกสมุดขึ้นมา แน่นอนว่าอีกฝ่ายพยักหน้าที่นิ่งเรียบของตัวเองก่อนจะเดินกลับไปแถวกระเป๋าตัวเองแล้วก็หยิบสมุดของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน

     

    หลังจากที่ทั้งสองแลกสมุดกันเป็นที่เรียบร้อยฮัตสึกะก็แนะนำตัวเองใหม่กับคนที่เธอเข้าใจผิดไปว่าเป็นผู้จัดการทีม เอาจริง ๆ แล้วเธอคนนั้นคือ ริโกะ ไอดะ เป็นโค้ชของทีมบาสเกตบอลเซย์ริน ฮัตสึกะที่รู้ก็มองอีกฝ่ายด้วยตาที่วาววับเป็นประกายขึ้นมาทันที

     

    โค้ชไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ หรอก แถมยังเป็นโค้ชที่อายุเท่านี้เอง น่านับถือมาก ๆ เลย

     

    แต่ว่าในใจของไอดะที่เห็นสายตาของเด็กสาวที่มองตัวเองด้วยความเทิดทูนขนาดนั้นก็เหงื่อตกหน่อย ๆ เธออายนะเนี่ยที่มีคนมองแบบนี้น่ะ!

     

    “อิซากายะซังมาที่นี่ไม่ใช่แค่จะมาแลกเปลี่ยนสมุดกับผมหรอกใช่ไหม?” คุโรโกะกระซิบถามเด็กสาวที่ยืนมองดูการซ้อมอย่างเงียบเชียบด้วยดวงตาสีเหลืองทั้งสองคู่ที่ทำให้ฮัตสึกะ เหมือนอาคาชิแทบไม่มีเพี้ยน

     

    “...” ฮัตสึกะหันมายิ้มให้กับชายผมสีฟ้าอ่อนแต่ว่าไม่ได้ตอบอะไร ถึงปากของอีกฝ่ายจะยิ้มแต่ว่าในดวงตาสีเหลืองคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็น

     

    เพราะว่าเจ้าตัวกำลังสนใจคางามิ ไทกะอยู่นี่เอง เท็ตสึยะละสายตาไปมองตามที่ที่ฮัตสึกะจับจ้องอยู่เมื่อกี้บ้าง

     

    “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ ฉันออกจะดีใจด้วยซ้ำไปที่คุโรโกะซังมีเพื่อนร่วมทีมสุดวิเศษแบบนั้นน่ะ”

     

    เธอหัวเราะเล็ก ๆ กับตัวเองก่อนที่จะเริ่มได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าสาว ๆ ที่ดังมาจากด้านนอกของโรงยิมจนกระทั่งเจ้าตัวที่พยายามเดินเข้ามาโผล่หน้ามาในที่สุด

     

    “แถมอีกอย่างฉันไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อประเมินความสามารถของใครจริง ๆ นะคะ ฉันแค่ถูกไหว้วานให้มาด้วยเฉย ๆ” 

     

    คุโรโกะมองไปทางต้นเสียงก่อนจะพบว่าคิเสะ เรียวตะยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับวงล้อมสาว ๆ ที่เข้ามาขอถ่ายรูปและลายเซ็นจากเจ้าตัว

     

    “โดนล่อด้วยร้านไอศกรีมที่อยากกินพอดี ช่วยไม่ได้เลยนะคะตัวฉันเนี่ย” ฮัตสึกะส่ายหน้ากับตัวเองก่อนจะหันไปมองทางคุโรโกะแล้วยิ้มแหย ๆ ให้

     

    ไม่นานนักหลังจากที่ทุกคนได้สติว่าคิเสะเข้ามาที่นี่แล้วและเจ้าของผมสีหลืองนั้นยังได้แนะนำตัวเองว่าเป็น รุ่นปาฏิหาริย์ที่เก่งน้อยที่สุดก็ถูกคางามิท้าทายให้เล่นบาสเกตบอลด้วยทันทีซึ่งจบดด้วยการที่คิเสะซึ่งเหนือกว่าในทุกด้านเอาชนะ 1-1 ครั้งนี้ไปได้อย่างง่ายดาย

     

    ฮัตสึกะที่ย้ายตัวเองไปอยู่ข้าง ๆ กับริโกะก็โดนอีกฝ่ายถามจี้ขึ้นมา

     

    “เธอเป็นผู้จัดการทีมของไคโจงั้นเหรอ? หรือ...?”

     

    ฮัตสึกะส่ายหน้าให้กับทั้งสองคำถามของริโกะ “ฉันแค่มาตัดสินใจค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากเจอริโกะซังอีกนะคะ”

     

    ฮัตสึกะยิ้มให้กับอีกฝ่ายด้วยความจริงใจก่อนที่จะเดินออกจากโรงยิมไปหลังจากที่คิเสะพูดคุยกับคุโรโกะเรื่องทาบทามตัวของอีกฝ่ายมาอยู่ไคโจด้วย (ซึ่งแน่นอนว่ายังไงคุโรโกะก็ปฏิเสธ) แต่ก่อนจะออกไปเธอบอกกับคุโรโกะว่า

     

    “ฉันเป็นกำลังใจให้คุโรโกะคุงเอาชนะพวกเขาให้ได้นะ”

     

    .

    .

    .

     


    ไอศกรีมโคนจากพนักงานถูกส่งมาถึงมือของเด็กสาวผมสีน้ำตาลมัดหางม้า ดวงตาสีเหลืองของเจ้าตัวเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น แก้มแดงระเรื่อจนเหมือนเด็กน้อย ๆ ที่ตื่นเต้นไม่มีเพี้ยน

     

    เธอขอบคุณพี่สาวพนักงานก่อนจะหันกลับแล้วเดินไปทางที่คิเสะยืนรออยู่(ซึ่งเจ้าตัวก็กำลังมองเงินในกระเป๋าตังค์ตัวเองตาละห้อย)

     

    แต่ว่าพอมายืนอยู่ตรงหน้าของชายผมสีเหลืองเธอกลับมีสีหน้านิ่งเรียบยิ่งกว่าแผ่นน้ำแข็งบนลำธารในหน้าหนาวเสียอีก

     

    “นายไม่ได้คิดว่าจะอ่อนข้อให้กับพวกเขาหรอกใช่ไหม?” ฮัตสึกะช้อนตาตัวเองขึ้นมองอีกฝ่ายฉับพลัน ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายเองก็หรี่ตามองเธอพลางขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

     

    “ไม่มีทาง”

     

    “ดี” เด็กสาวตอบกลับสั้น ๆ คราวนี้สีหน้าของเธอผ่อนคลายลงบ้างก่อนจะพูดออกมาอีก “นั่นแหละสิ่งที่ผู้จัดการทีมอยากได้ยิน”

     

    คิเสะเลิกคิ้วมองตามฮัตสึกะที่เดินนำหน้าไปก่อน สมองของเขากำลังประมวลคำพูดที่ได้ยินก่อนจะหัวเราะออกมา

     

    “พูดแล้วรักษาสัญญาด้วยนะฮัตสึกัจจิ!

     

     

     

     

    ฮัตสึกะตกลงเป็นผู้จัดการทีมไคโจเรียบร้อย แน่นอนว่าเด็กสาวได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคุณครู โค้ช และนักกีฬาบาสในทีม (โดยเฉพาะรุ่นพี่โมริยามะ : ซึ่งคิเสะสงสัยว่าทำไมถึงมองฮัตสึกะว่าน่ารักกันนะ? ยัยนั่นเหมือนยักษ์ไม่พอยังมีแรงเหนือกอริลล่าอีกต่างหาก)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×