ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ^^มารักกันอีกได้ไหม 4^^
ตอนที่ 4
“คุณแม่ครับผมจะแต่งงาน” เมธัสเอ่ยกับมารดาที่โต๊ะอาหารเย็นวันหนึ่ง จบคำพูดของเขา คุณกรองแก้วก็รวบช้อนเข้าหากันทันที จากนั้นจึงยกน้ำขึ้นดื่ม หญิงสูงวัย ปรายตามองไปทางฟาริดาแวบหนึ่ง
เห็นสตรีที่ตนเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย ทำทีเป็นป้อนข้าวภัทรเมธ อย่างตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษแต่มือบางๆ ที่สั่นๆนั้น หาหลุดรอดไปจากสายตาหญิงสูงวัยไม่
จนเธออดรู้สึกเวทนาหญิงสาวไม่ได้ ไม่รู้ทำกำเวรอะไรกันไว้ ถึงต้องมาคลาดแคล้วกัน แล้วยังต้องมาเห็นหน้ากันทุกวันให้ปวดใจยิ่งขึ้นไปอีก
จะว่าไปสองคนนี้ก็ทิฐิไม่แพ้กัน เมธัสก็ดื้อด้านไม่ฟังใครหรืออะไรเลย ส่วนฟาริดานั้น ก็ไม่พยายามชี้แจงอะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนจะปล่อยให้เมธัสเข้าใจผิด ไปเสียอย่างเฉยๆ คิดแล้วคุณกรองแก้วลอบถอนใจออกมาเบาๆ โดยมิให้ใครสังเกตเห็น
“เมื่อไหร่ล่ะลูก” ถามบุตรชายออกไป ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ก็อีกประมาณสักอาทิตย์สองอาทิตย์ หลังจากที่แอนนากลับมาแหละครับ”
เมธัสตอบอย่างไม่ยินดียินร้ายเท่าใดนัก แต่คุณกรองแก้วคิดว่า มันออกจะผิดปกติเกินไปเสียหน่อย สำหรับคนที่ต้องการจะแต่งงาน เพราะอย่างน้อยว่าที่เจ้าบ่าว ควรจะมีท่าทีตื่นเต้นดีใจมากกว่านี้ แต่นี่อะไรทำยังกับเด็กกำลังเล่นขายของอย่างนั้นแหละ
“ทำไมถึงรีบร้อนนักล่ะตาเมธ รู้จักกันยังไม่ถึงสามปีเลย จะไม่ให้เวลาหนูแอนนาเขาบ้างหรือลูก”
“ไม่ล่ะครับ! สำหรับเราสองคน ถ้าเป็นได้แต่งพรุ่งนี้ก็ยังช้าไปด้วยซ้ำ”
“เฮ่อ! วัยรุ่นสมัยนี้ใจร้อนจริงนะ” กล่าวจบคุณกรองแก้วก็ค้อนให้บุตรชาย
เมธัสมองมารดา แล้วอมยิ้มน้อยๆ “ผมคิดว่าคนเราถ้าลองรักกันแล้ว เรื่องเวลาไม่สำคัญนักหรอกครับคุณแม่ อย่าว่าแต่สามปีเลย ถ้าคนมันจะไม่ดีไม่ซื่อสัตย์ต่อกันแล้วล่ะก็ จะคบกันมาสักกี่ปีมันก็ทรยศกันได้”
เมธัสพูดพร้อมกับชำเรืองไปทางฟาริดา เห็นหล่อนวางช้อนที่ใช้ป้อนภัทรเมธลง หลังจากนั้นจึงหันไปทางคุณกรองแก้ว
“ฟางขอตัวก่อนนะค่ะคุณแม่ จะพาตาภัทรไปอาบน้ำน่ะค่ะ”
“ตามสบายจ๊ะฟาง มาตาภัทรมาให้ย่าหอมทีสิลูก”
เมื่อจบคำพูดของหญิงสูงวัย ฟาริดาก็จูงบุตรชาย ให้เดินเตาะแตะๆไปหาคุณกรองแก้วทันที พอใกล้คุณกรองแก้วเท่านั้นเด็กชายภัทรเมธ ก็โผเข้าหาย่าด้วยอาการประจบทันที“ มาหลานย่าหอมที
"อืม..! ชื่นใจจริงๆหลานย่า ข้างนั้นด้วยลูก..อืม!ชื่นใจ..”
“เอาล่ะ! คราวนี้ เข้าไปธุจ้าลุงเมธก่อนเร็ว”
ฟาริดาอดหันไปมองเมธัสไม่ได้ เห็นอาการคอแข็งของเขาแล้ว ไม่อยากอุ้มบุตรชายเข้าไปหาเลยจริงๆ
“ช่างเถอะค่ะ ตอนนี้คุณเมธัส คงอยากคุยเรื่องงานแต่งกับคุณแม่มากกว่าค่ะ
เดี๋ยวฟางพาลูกไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
พูดจบฟาริดาก็อุ้มบุตรชายตัวน้อยกระชับอ้อมแขน โดยไม่สนใจจะพาลูก ไปธุลุงเมธ ตามที่คุณกรองแก้วบอกแม้แต่น้อย ก็จะให้พาเข้าไปได้ยังไง ในเมื่อรู้ๆกันอยู่ว่า เมธัสนั้นไม่ได้ให้ความเอื้อเอ็นดู ต่อบุตรชายของเธอเลยแม้แต่น้อย
เพราะทุกวันนี้หน้าของบุตรชายเธอ เขายังไม่คิดจะมองด้วยซ้ำไป คนอะไรไม่รู้จักแยกแยะ แม้แต่เด็กซึ่งไม่รู้อะไรก็ยังจะรังเกียจ ฟาริดานึกตำหนิเมธัสในใจอย่างขวางๆ และเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว จะให้เธอภัทรเมธบุตรชายตัวน้อย ไปขวางหูขวางตาเขาทำไมกัน
คุณกรองแก้วคงรู้สถานะการณ์ชวนอึดอัดนี้ดี จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตาว่า
“งั้นตามสบายเถอะฟาง พาลูกไปอาบน้ำเสียเถอะจ๊ะ”
เมื่อมารดาเลี้ยงกล่าวอนุญาติแล้ว ฟาริดาก็รีบพาบุตรชายของตน ไปยังห้องโดยทันที
"เดี๋ยวขอผมไปช่วยฟางอีกแรงนะครับคุณแม่"
ภาคภูมิรีบลุกขึ้น แล้วกล่าวขออนุญาตคุณกรองแก้วเบาๆ จากนั้นจึงเดินตามฟาริดาออกมาอีกคน
"มาฟาง!พี่อุ้มลูกเอง"
ภาคภูมิเอ่ยขอบุตรชายจากฟาริดา หญิงสาวก็ยื่นบุตรให้แต่โดยดี
"รักกันจริ๊ง! รักกันให้ตลอดเถอะ เด็กจะได้ไม่มีปัญหา"
เมธัสเอ่ยเหมือนเยาะๆอะไรบางอย่าง ทำให้คุณกรองแก้วหันมาสบตาเขานิ่ง
"ใช่! ตาเมธ ถ้าคนสองคนรักกันจริง แล้วตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน เมี่อวันหนึ่งพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหา ทั้งสองก็จะร่วมกันประคับประคอง รักของตนไปจนตลอดรอดฝั่งได้ แต่ถ้าไม่รักกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนดีขนาดไหน ก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แม่ไม่ขัดขวางหรอก ถ้าลูกจะแต่งงานกับแอนนา เพราะสำหรับแม่แล้ว ความสุขของลูกคือเป้าหมายสูงสุดของแม่ ลูกตัดสินใจเลือกใคร แม่ก็เต็มใจรับเขาเป็นสะใภ้เสมอ และแม่จะยินดียิ่งขึ้น ถ้าเขาเป็นคนที่ลูกรักอย่างจริงใจ ไม่ใช่ลูกตัดสินใจเลือกเขา เพราะต้องการประชดใครบางคน "
คุณกรองแก้วพูดได้เท่านั้น ก็ลุกจากไปอีกคนทิ้งเมธัส ให้จมอยู่กับความคิดของตนเพียงลำพัง
แค่คิดถึงแค่รักมันก็ผิด
ไม่มีสิทธิ์ฉุดยื้อวันเก่าเก่า
รักขมขมบาดลึกเป็นแผลเน่า
เพราะมัวเมากับรักลวงลวง
อย่าเก็บอย่าจำในหัวใจ
ไม่ต้องไปรักใครให้กลัดหนอง
เอารักร้ายร้ายทิ้งลงตรงคลอง
อย่ามัวหมองกับคนไม่รักดี
“คุณแม่ครับผมจะแต่งงาน” เมธัสเอ่ยกับมารดาที่โต๊ะอาหารเย็นวันหนึ่ง จบคำพูดของเขา คุณกรองแก้วก็รวบช้อนเข้าหากันทันที จากนั้นจึงยกน้ำขึ้นดื่ม หญิงสูงวัย ปรายตามองไปทางฟาริดาแวบหนึ่ง
เห็นสตรีที่ตนเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย ทำทีเป็นป้อนข้าวภัทรเมธ อย่างตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษแต่มือบางๆ ที่สั่นๆนั้น หาหลุดรอดไปจากสายตาหญิงสูงวัยไม่
จนเธออดรู้สึกเวทนาหญิงสาวไม่ได้ ไม่รู้ทำกำเวรอะไรกันไว้ ถึงต้องมาคลาดแคล้วกัน แล้วยังต้องมาเห็นหน้ากันทุกวันให้ปวดใจยิ่งขึ้นไปอีก
จะว่าไปสองคนนี้ก็ทิฐิไม่แพ้กัน เมธัสก็ดื้อด้านไม่ฟังใครหรืออะไรเลย ส่วนฟาริดานั้น ก็ไม่พยายามชี้แจงอะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนจะปล่อยให้เมธัสเข้าใจผิด ไปเสียอย่างเฉยๆ คิดแล้วคุณกรองแก้วลอบถอนใจออกมาเบาๆ โดยมิให้ใครสังเกตเห็น
“เมื่อไหร่ล่ะลูก” ถามบุตรชายออกไป ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ก็อีกประมาณสักอาทิตย์สองอาทิตย์ หลังจากที่แอนนากลับมาแหละครับ”
เมธัสตอบอย่างไม่ยินดียินร้ายเท่าใดนัก แต่คุณกรองแก้วคิดว่า มันออกจะผิดปกติเกินไปเสียหน่อย สำหรับคนที่ต้องการจะแต่งงาน เพราะอย่างน้อยว่าที่เจ้าบ่าว ควรจะมีท่าทีตื่นเต้นดีใจมากกว่านี้ แต่นี่อะไรทำยังกับเด็กกำลังเล่นขายของอย่างนั้นแหละ
“ทำไมถึงรีบร้อนนักล่ะตาเมธ รู้จักกันยังไม่ถึงสามปีเลย จะไม่ให้เวลาหนูแอนนาเขาบ้างหรือลูก”
“ไม่ล่ะครับ! สำหรับเราสองคน ถ้าเป็นได้แต่งพรุ่งนี้ก็ยังช้าไปด้วยซ้ำ”
“เฮ่อ! วัยรุ่นสมัยนี้ใจร้อนจริงนะ” กล่าวจบคุณกรองแก้วก็ค้อนให้บุตรชาย
เมธัสมองมารดา แล้วอมยิ้มน้อยๆ “ผมคิดว่าคนเราถ้าลองรักกันแล้ว เรื่องเวลาไม่สำคัญนักหรอกครับคุณแม่ อย่าว่าแต่สามปีเลย ถ้าคนมันจะไม่ดีไม่ซื่อสัตย์ต่อกันแล้วล่ะก็ จะคบกันมาสักกี่ปีมันก็ทรยศกันได้”
เมธัสพูดพร้อมกับชำเรืองไปทางฟาริดา เห็นหล่อนวางช้อนที่ใช้ป้อนภัทรเมธลง หลังจากนั้นจึงหันไปทางคุณกรองแก้ว
“ฟางขอตัวก่อนนะค่ะคุณแม่ จะพาตาภัทรไปอาบน้ำน่ะค่ะ”
“ตามสบายจ๊ะฟาง มาตาภัทรมาให้ย่าหอมทีสิลูก”
เมื่อจบคำพูดของหญิงสูงวัย ฟาริดาก็จูงบุตรชาย ให้เดินเตาะแตะๆไปหาคุณกรองแก้วทันที พอใกล้คุณกรองแก้วเท่านั้นเด็กชายภัทรเมธ ก็โผเข้าหาย่าด้วยอาการประจบทันที“ มาหลานย่าหอมที
"อืม..! ชื่นใจจริงๆหลานย่า ข้างนั้นด้วยลูก..อืม!ชื่นใจ..”
“เอาล่ะ! คราวนี้ เข้าไปธุจ้าลุงเมธก่อนเร็ว”
ฟาริดาอดหันไปมองเมธัสไม่ได้ เห็นอาการคอแข็งของเขาแล้ว ไม่อยากอุ้มบุตรชายเข้าไปหาเลยจริงๆ
“ช่างเถอะค่ะ ตอนนี้คุณเมธัส คงอยากคุยเรื่องงานแต่งกับคุณแม่มากกว่าค่ะ
เดี๋ยวฟางพาลูกไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
พูดจบฟาริดาก็อุ้มบุตรชายตัวน้อยกระชับอ้อมแขน โดยไม่สนใจจะพาลูก ไปธุลุงเมธ ตามที่คุณกรองแก้วบอกแม้แต่น้อย ก็จะให้พาเข้าไปได้ยังไง ในเมื่อรู้ๆกันอยู่ว่า เมธัสนั้นไม่ได้ให้ความเอื้อเอ็นดู ต่อบุตรชายของเธอเลยแม้แต่น้อย
เพราะทุกวันนี้หน้าของบุตรชายเธอ เขายังไม่คิดจะมองด้วยซ้ำไป คนอะไรไม่รู้จักแยกแยะ แม้แต่เด็กซึ่งไม่รู้อะไรก็ยังจะรังเกียจ ฟาริดานึกตำหนิเมธัสในใจอย่างขวางๆ และเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว จะให้เธอภัทรเมธบุตรชายตัวน้อย ไปขวางหูขวางตาเขาทำไมกัน
คุณกรองแก้วคงรู้สถานะการณ์ชวนอึดอัดนี้ดี จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตาว่า
“งั้นตามสบายเถอะฟาง พาลูกไปอาบน้ำเสียเถอะจ๊ะ”
เมื่อมารดาเลี้ยงกล่าวอนุญาติแล้ว ฟาริดาก็รีบพาบุตรชายของตน ไปยังห้องโดยทันที
"เดี๋ยวขอผมไปช่วยฟางอีกแรงนะครับคุณแม่"
ภาคภูมิรีบลุกขึ้น แล้วกล่าวขออนุญาตคุณกรองแก้วเบาๆ จากนั้นจึงเดินตามฟาริดาออกมาอีกคน
"มาฟาง!พี่อุ้มลูกเอง"
ภาคภูมิเอ่ยขอบุตรชายจากฟาริดา หญิงสาวก็ยื่นบุตรให้แต่โดยดี
"รักกันจริ๊ง! รักกันให้ตลอดเถอะ เด็กจะได้ไม่มีปัญหา"
เมธัสเอ่ยเหมือนเยาะๆอะไรบางอย่าง ทำให้คุณกรองแก้วหันมาสบตาเขานิ่ง
"ใช่! ตาเมธ ถ้าคนสองคนรักกันจริง แล้วตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน เมี่อวันหนึ่งพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหา ทั้งสองก็จะร่วมกันประคับประคอง รักของตนไปจนตลอดรอดฝั่งได้ แต่ถ้าไม่รักกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนดีขนาดไหน ก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แม่ไม่ขัดขวางหรอก ถ้าลูกจะแต่งงานกับแอนนา เพราะสำหรับแม่แล้ว ความสุขของลูกคือเป้าหมายสูงสุดของแม่ ลูกตัดสินใจเลือกใคร แม่ก็เต็มใจรับเขาเป็นสะใภ้เสมอ และแม่จะยินดียิ่งขึ้น ถ้าเขาเป็นคนที่ลูกรักอย่างจริงใจ ไม่ใช่ลูกตัดสินใจเลือกเขา เพราะต้องการประชดใครบางคน "
คุณกรองแก้วพูดได้เท่านั้น ก็ลุกจากไปอีกคนทิ้งเมธัส ให้จมอยู่กับความคิดของตนเพียงลำพัง
แค่คิดถึงแค่รักมันก็ผิด
ไม่มีสิทธิ์ฉุดยื้อวันเก่าเก่า
รักขมขมบาดลึกเป็นแผลเน่า
เพราะมัวเมากับรักลวงลวง
อย่าเก็บอย่าจำในหัวใจ
ไม่ต้องไปรักใครให้กลัดหนอง
เอารักร้ายร้ายทิ้งลงตรงคลอง
อย่ามัวหมองกับคนไม่รักดี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น