ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ^^มารักกันอีกได้ไหม 3^^
ตอนที่ 3
หลังจากยอมจำนนท์ต่อเหตุผลของเมธัส ฟาริดาตัดใจทำงานต่อไป เธอพยายามไม่ใส่ใจต่อพฤติกรรมแผลงๆของเมธัสเท่าใดนัก คิดว่าเขาคงไม่ทำทำอะไรเกินเหตุกว่านี้ แต่ทำงานได้ไม่นาน ประตูห้องเมธัสก็ถูกผลักออกอย่างแรง ตามติดมาด้วยมินตราหรือมิ้น ที่วิ่งร้องไห้โฮ..ออกมาจากห้องเมธัส เท่านั้นยังไม่พอยังมีแฟ้มโยนตามหลัง ของหล่อนมาด้วยมันเกิดอะไรขึ้น?
ฟาริดาวางปากกาลงอย่างงงงัน หันไปมองทางมินตรา ที่หลับหูหลับตารวบรวบเอกสารบนโต๊ะทั้งสิ้น มากองรวมกันไว้รวดเดียวครบทุกอย่าง เธอจึงเดินไปยังโต๊ะของมินตราทันที ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นมิ้น" สิ้นคำถามเธอเท่านั้น มินตราก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง พร้อมกับโผเข้าเธอหาทันที
“มิ้นอยู่ไม่ได้แล้วค่ะพี่ฟาง คุณเมธัสน่ะใจร้ายเหลือเกิน"
ฟาริดาปล่อยให้มินตราร้องให้กับบ่าเธอจนหนำใจ จากนั้นจึงค่อยๆดันหล่อนขึ้น
“อะไรกันมิ้น ถึงขนาดต้องออกเชียวหรือ แล้วเราได้งานใหม่หรือยัง อย่าลืมนะว่าคุณยายป่วย เราอยู่ต้องใช้เงินนะจ๊ะ"
คำพูดของฟาริดาทำให้อีกฝ่ายถึงกับอึ้ง ฟาริดาจึงค่อยดันหล่อนให้นั่งลงไปบนเก้าอี้อีกครั้ง
“ถ้ามิ้นมีที่ไปแล้วสบายใจ พี่ก็จะไม่รั้งไว้หรอกนะมิ้น แต่นี่ตัวมิ้นเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจะไปไหน แล้วพี่จะปล่อยให้มิ้นไปง่ายๆได้ยังไง เอาอย่างนี้นะมิ้น พี่จะเข้าไปคุยกับคุณเมธัสเอง ให้มิ้นมีหน้าที่ช่วยงานพี่เท่านั้น ส่วนตัวพี่จะค่อยรับใช้เขาเอง"
ฟาริดากล่าวเท่านั้น แล้วก็เดินไปยังห้องทำงานของท่านประธานหญ่าย..!ทันที
พอไปถึงห้องเมธัส ฟาริดาก็ต้องโมโห เมื่อเมธัสแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย เหมือนไม่รับรู้ การมาของหล่อนแม้แต่น้อย
ฟาริดาถอนใจเฮือกบอกกับตนเองว่า อย่าพยายามใส่ใจกับพฟติกรรมใดๆทั้งสิ้นของเมธัส เธอต้องอดทนเพื่อมินตรา
“ดิฉันขอคุยด้วยหน่อย ใช้เวลาไม่นาน”
นั้นแหละเมธัสถึงวางปากกาลง แล้วเงยหน้ามองหล่อนอย่างเสียไม่ได้ แต่ไม่นาน
ฟาริดาก็ต้องอึดอัด เมื่อเมธัสเริ่มที่จะจ้องหน้าเธอแบบจริงจัง และจ้องแบบตาไม่กระพริบเสียด้วย ฟาริดาเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ เมื่อสายตาของเขาไม่ได้หยุดที่ไปหน้าเท่านั้น แต่เขากำลังมองต่ำลงไปที่ริมฝีปาก คอ บ่า ไหล่ และดูเหมือนมันจะหยุดอยู่แถวๆอกของเธอ
หญิงสาวกัดริมฝีปากนิ่ง นึกอยากข่วนหน้าเขานัก ยิ่งเห็นเขานั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจยิ่งโมโห ฟาริดาบอกับตัวเองว่า อย่าประหม่าไปกับพฤติกรรมของเขาเป็นอันขาด เพราะเมธัสกำลังเขย่าขวัญเธอนั้นเอง
เขาต้องการให้เธอขาดประสิทธิภาพในการสื่อสาร ฟาริดามองไปทางเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา แล้วรีบนั่งลงไปทันที เพื่อซ้อนตัวจากสายตาซอกแซกและร้อนแรงของเขา แต่เธอก็ทันได้เห็นสายตาเยาะๆของเมธัสที่มองมาทางเธอแวบหนึ่ง
“ว่ามา” เมธัสกล่าวแล้วเหลือบตาขึ้นมองเธอ อย่างเป็นต่อ
ฟาริดาเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตน เพราะรู้สึกว่ามันแห้งผาก ลอบสูดลมหายใจเข้าปอดไม่ให้เขาเห็น เธอรู้สึกเสียเปรียบเขาเมื่อต้องเผชิญหน้าในสถานการณ์แบบนี้ แปลกจริงเมื่อก่อนตอที่ยังรักกัน เธออยากอยู่ไกล้อยากคุยกับเขาทุกเวลา แต่มาวันนี้กลับไม่รู้ว่าจะคุย หรือต้องพูดอย่างไร เขาถึงจะเข้าใจและมองอะไรได้ดีขึ้น
สำหรับเธอปัจจุบันนี้การพูดกลับเมธัสเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะจะพูดอะไรผลก็คือ ลบไปเสียทุกอย่าง มาตอนนี้ฟาริดาชักกลัว กลัวว่าเจตนาดีที่จะช่วยมินตรา จะกลายเป็นว่า เธอทำให้ มินตราต้องตกที่นั่งลำบากไปกว่าเดิม
“คุณไม่ควรแสดงอาการ หรือพูดจารุนแรงกับมินตราอย่างนั้น”
ฟาริดานั่งเกร็งหยุดฟังว่า เมธัสจะกล่าวอะไรต่อหรือไม่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบจึงพูดต่อ
“มินตราขวัญเสียมาก ถึงขนาดเก็บของจะลาออกจากงาน”
“ก็ออกไปสิ! ถ้าไม่มีความอดทน คนไม่มีความอดทนจิตใจอ่อนไหวผมไม่ชอบ”
ท้ายประโยคเสียงของเมธัสขึ้นจมูก และฟาริดาก็รู้ดีว่าเธอโดนแขวะเข้าให้แล้ว ฟาริดาค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา บอกกับตัวเองว่าต้องอดทน เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เมธัสเป็นคนมีจิตใจดีและอ่อนโยน แต่ที่เป็นอย่างนี้จะว่าไปเธอก็มีส่วนมิใช่น้อย
“จะพูดอย่างนั้นมันก็ถูกค่ะ แต่คุณต้องเมตตามินตราบ้าง เขาเป็นผู้หญิงนะคะถูกคุณดุเข้าก็กลัวลานแล้ว อีกอย่างถ้าเขาออกจากงานไปตอนนี้ เขาก็จะลำบากและมันไม้ใช้เขาคนเดียว เพราะคุณยายเขาก็กำลังป่วยอยู่ด้วย ถ้าเขาตกงานก็จะมีเรื่องร้อนใจตามมาหลายอย่าง ถ้าคุณเห็นว่าเขาทำงานไม่ถูกใจ ก็อย่าไปใช้เขาสิค่ะ เพราะหน้าที่ต่างๆที่คุณใช้เขาในวันนี้มันหน้าที่ของฉัน ถ้าคุณไม่เห็นแก่มินตราก็เห็นแก่คุณยายแก่ๆของเขาเถอะคะ อย่าให้ท่านต้องทุกข์ใจไปกับหลานอีกคน เพราะป่วยทางกายก็ทุกข์พออยู่แล้ว”
ฟาริดาลอบมองเมธัสเห็นเขายังนิ่งอยู่ ดูไม่ออกจริงว่าคิดอะไร
“หรือว่าคุณกลัว” เธอกล่าวแล้วมองหน้าเขาอย่างท้าทาย เท่านั้นเองเมธัสก็ชักสีหน้า แล้วกระชากเสียงใส่เธอห้วนๆ
“กลัวอะไรของเธอฟาริดา?”
“กลัวที่จะอยู่ใกล้ฉัน กลัวว่าจะกลับรักฉัน”
ฟาริดากล่าวเนิบๆ แต่มันทำให้เมธัสแทบเต้นที่เลยเดียว เขาเคล้นเสียงใส่หญิงสาว อย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
“สำคัญตัวผิดไปแล้วฟาริดา ความรู้สึกคึกคะนองแบบเด็กๆของผม มันหมดไปนานแล้ว เธอคิดว่าผมเคยรักหรืออาลัยเธอนักหนาหรือ เธอมันก็แค่ดอกไม่ใกล้มือ ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ใกล้อะไรก็คว้าสิ่งนั้น”
ฟาริดาถึงกับสะอึกเมื่อฟังคำของเขา ยอกแสลงใจขึ้นมาทันใด แต่เมธัสก็ไม่ยอมจบแค่นั้น
“เธอคิดหรือฟาริดาว่าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่รู้ที่มาที่ไป พ่อเป็นใคร ?แม่อยู่ไหน? อย่างเธอ ผมจะเอามาเลี้ยงดุอุ้มชูออกหน้าออกตา”
ฟาริดายังคงก้มหน้านิ่ง ไม่โต้เถียงใดๆต่อคำเชือดเชือนของเขาทั้งสิ้น หางตาเห็นเงาดำๆของเมธัสเคลื่อนไหวมาใกล้ แล้วเธอก็แทบผงะเมื่อเขาโนมใบหน้ามาใกล้เธอมาก ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาทีเดียว
“เธอรู้อะไรไหม?”เมธัสกล่าวแล้วจ้องหน้าฟาริดานิ่ง
“แอนนาว่าที่เจ้าสาวของผมน่ะ เขาเหนือกว่าเธอทุกอย่าง สวยกว่า ดีกว่า ไม่โลเลหลายใจ รู้จักอดทนรอคอย พ่อเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แม่ก็ใช่ย่อยถึงเป็นต่างชาติ แต่ตระกูลเขาก็มีธุระกิจมากมาย และที่สำคัญ.......” เมธัสหยุดพูดและมองฟาริดาอย่างหมิ่นๆ “เขายังไม่มีผัว”
ฟาริดารู้สึกไร้ค่ายิ่งนักกับคำพูดของเมธัส เธอรู้สึกตัวเล็กลงไปทุกที เมธัสเคลื่อนตัวมาพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์
“เอาล่ะ! เอาเป็นว่าฉันจะเห็นแก่ยายแก่ๆ นับจากนี้ไป เธอก็คอยมารับใช้ฉัน ในหน้าที่ของเลขาอย่างเดิม ส่วนมินตรานั้นก็ช่วยงานเธอไปก็แล้วกัน แต่รู้ไว้อย่างน่ะฟาริดา เธอเองไม่เคยมีอิทธิพลใดๆกับฉันเลย ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน..........”
ฟาริดายังคงนิ่งสองมือกำกระโปรงของตนแน่น พยายามสกัดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เมธัสปลายตามองหญิงสาวด้วยความสะใจ เขาจะไม่ให้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป ไม่ว่าสงสาร เมตตา หรือเห็นใจ ผู้หญิงไม่ใช่หรือที่เอาหัวใจรักของเขาไปเหยียบย้ำจนปัจจุปันมันได้กลายเป็นหินไปเสียแล้ว
“เอาล่ะไปได้ ฉันเสียเวลาทำงานกับเรื่องไร้แก่นสารของเธอ มานานพอสมควรแล้ว” จบคำพูดของเมธัส ฟาริดาจึงลุกขึ้นทันที ทั้งๆที่แข่งขาสั่นไปหมด แต่เธอก็ฝืนยืนขึ้น จะไม่ยอมให้เขาเห็น ถึงความอ่อนแอของเธอเป็นอันขาด
สักวันเมธัสจะต้องได้รับผลกรรมที่ทำกับเธอวันนี้ ฟาริดาคิดอย่างปวดร้าวใจเขาไม่เคยรักเธอเลยหรือ เธอมันก็แค่ดอกไม้ริมทาง นับว่าที่ผ่านมาเมธัสเป็นดาราตุ๊กตาทองทีเดียว ที่ทำให้ เธอหลงคิดไปว่า เขาช่างรักเธอเสียเหลือเกิน.... ฟาริดาคิดอย่างขมขื่นใจ
เป็นคนอื่นไปแล้วใช่ไหม
แต่ก่อนแต่ไรคิดว่ารู้จัก
มาวันนี้กลับเศร้าใจนัก
เธอไม่เคยจะรักไม่แลกัน
คนดีวันนั้นหายไปไหน
เขาจากไกลไปนานหรือเปล่า
มาวันนี้ใจระทมรวดร้าว
อยากรู้ข่าวคราวคนดีของใจ
สิ้นเยื่อสิ้นใยเจ็บน้อยกว่า
แต่นี่กลับมาว่าไม่รักฉัน
สะใจนักหรือที่ทำร้ายกัน
ทั้งทั้งฉันภักดีมิเสื่อมคลาย......
หลังจากยอมจำนนท์ต่อเหตุผลของเมธัส ฟาริดาตัดใจทำงานต่อไป เธอพยายามไม่ใส่ใจต่อพฤติกรรมแผลงๆของเมธัสเท่าใดนัก คิดว่าเขาคงไม่ทำทำอะไรเกินเหตุกว่านี้ แต่ทำงานได้ไม่นาน ประตูห้องเมธัสก็ถูกผลักออกอย่างแรง ตามติดมาด้วยมินตราหรือมิ้น ที่วิ่งร้องไห้โฮ..ออกมาจากห้องเมธัส เท่านั้นยังไม่พอยังมีแฟ้มโยนตามหลัง ของหล่อนมาด้วยมันเกิดอะไรขึ้น?
ฟาริดาวางปากกาลงอย่างงงงัน หันไปมองทางมินตรา ที่หลับหูหลับตารวบรวบเอกสารบนโต๊ะทั้งสิ้น มากองรวมกันไว้รวดเดียวครบทุกอย่าง เธอจึงเดินไปยังโต๊ะของมินตราทันที ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นมิ้น" สิ้นคำถามเธอเท่านั้น มินตราก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง พร้อมกับโผเข้าเธอหาทันที
“มิ้นอยู่ไม่ได้แล้วค่ะพี่ฟาง คุณเมธัสน่ะใจร้ายเหลือเกิน"
ฟาริดาปล่อยให้มินตราร้องให้กับบ่าเธอจนหนำใจ จากนั้นจึงค่อยๆดันหล่อนขึ้น
“อะไรกันมิ้น ถึงขนาดต้องออกเชียวหรือ แล้วเราได้งานใหม่หรือยัง อย่าลืมนะว่าคุณยายป่วย เราอยู่ต้องใช้เงินนะจ๊ะ"
คำพูดของฟาริดาทำให้อีกฝ่ายถึงกับอึ้ง ฟาริดาจึงค่อยดันหล่อนให้นั่งลงไปบนเก้าอี้อีกครั้ง
“ถ้ามิ้นมีที่ไปแล้วสบายใจ พี่ก็จะไม่รั้งไว้หรอกนะมิ้น แต่นี่ตัวมิ้นเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจะไปไหน แล้วพี่จะปล่อยให้มิ้นไปง่ายๆได้ยังไง เอาอย่างนี้นะมิ้น พี่จะเข้าไปคุยกับคุณเมธัสเอง ให้มิ้นมีหน้าที่ช่วยงานพี่เท่านั้น ส่วนตัวพี่จะค่อยรับใช้เขาเอง"
ฟาริดากล่าวเท่านั้น แล้วก็เดินไปยังห้องทำงานของท่านประธานหญ่าย..!ทันที
พอไปถึงห้องเมธัส ฟาริดาก็ต้องโมโห เมื่อเมธัสแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย เหมือนไม่รับรู้ การมาของหล่อนแม้แต่น้อย
ฟาริดาถอนใจเฮือกบอกกับตนเองว่า อย่าพยายามใส่ใจกับพฟติกรรมใดๆทั้งสิ้นของเมธัส เธอต้องอดทนเพื่อมินตรา
“ดิฉันขอคุยด้วยหน่อย ใช้เวลาไม่นาน”
นั้นแหละเมธัสถึงวางปากกาลง แล้วเงยหน้ามองหล่อนอย่างเสียไม่ได้ แต่ไม่นาน
ฟาริดาก็ต้องอึดอัด เมื่อเมธัสเริ่มที่จะจ้องหน้าเธอแบบจริงจัง และจ้องแบบตาไม่กระพริบเสียด้วย ฟาริดาเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ เมื่อสายตาของเขาไม่ได้หยุดที่ไปหน้าเท่านั้น แต่เขากำลังมองต่ำลงไปที่ริมฝีปาก คอ บ่า ไหล่ และดูเหมือนมันจะหยุดอยู่แถวๆอกของเธอ
หญิงสาวกัดริมฝีปากนิ่ง นึกอยากข่วนหน้าเขานัก ยิ่งเห็นเขานั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจยิ่งโมโห ฟาริดาบอกับตัวเองว่า อย่าประหม่าไปกับพฤติกรรมของเขาเป็นอันขาด เพราะเมธัสกำลังเขย่าขวัญเธอนั้นเอง
เขาต้องการให้เธอขาดประสิทธิภาพในการสื่อสาร ฟาริดามองไปทางเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา แล้วรีบนั่งลงไปทันที เพื่อซ้อนตัวจากสายตาซอกแซกและร้อนแรงของเขา แต่เธอก็ทันได้เห็นสายตาเยาะๆของเมธัสที่มองมาทางเธอแวบหนึ่ง
“ว่ามา” เมธัสกล่าวแล้วเหลือบตาขึ้นมองเธอ อย่างเป็นต่อ
ฟาริดาเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตน เพราะรู้สึกว่ามันแห้งผาก ลอบสูดลมหายใจเข้าปอดไม่ให้เขาเห็น เธอรู้สึกเสียเปรียบเขาเมื่อต้องเผชิญหน้าในสถานการณ์แบบนี้ แปลกจริงเมื่อก่อนตอที่ยังรักกัน เธออยากอยู่ไกล้อยากคุยกับเขาทุกเวลา แต่มาวันนี้กลับไม่รู้ว่าจะคุย หรือต้องพูดอย่างไร เขาถึงจะเข้าใจและมองอะไรได้ดีขึ้น
สำหรับเธอปัจจุบันนี้การพูดกลับเมธัสเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะจะพูดอะไรผลก็คือ ลบไปเสียทุกอย่าง มาตอนนี้ฟาริดาชักกลัว กลัวว่าเจตนาดีที่จะช่วยมินตรา จะกลายเป็นว่า เธอทำให้ มินตราต้องตกที่นั่งลำบากไปกว่าเดิม
“คุณไม่ควรแสดงอาการ หรือพูดจารุนแรงกับมินตราอย่างนั้น”
ฟาริดานั่งเกร็งหยุดฟังว่า เมธัสจะกล่าวอะไรต่อหรือไม่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบจึงพูดต่อ
“มินตราขวัญเสียมาก ถึงขนาดเก็บของจะลาออกจากงาน”
“ก็ออกไปสิ! ถ้าไม่มีความอดทน คนไม่มีความอดทนจิตใจอ่อนไหวผมไม่ชอบ”
ท้ายประโยคเสียงของเมธัสขึ้นจมูก และฟาริดาก็รู้ดีว่าเธอโดนแขวะเข้าให้แล้ว ฟาริดาค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา บอกกับตัวเองว่าต้องอดทน เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เมธัสเป็นคนมีจิตใจดีและอ่อนโยน แต่ที่เป็นอย่างนี้จะว่าไปเธอก็มีส่วนมิใช่น้อย
“จะพูดอย่างนั้นมันก็ถูกค่ะ แต่คุณต้องเมตตามินตราบ้าง เขาเป็นผู้หญิงนะคะถูกคุณดุเข้าก็กลัวลานแล้ว อีกอย่างถ้าเขาออกจากงานไปตอนนี้ เขาก็จะลำบากและมันไม้ใช้เขาคนเดียว เพราะคุณยายเขาก็กำลังป่วยอยู่ด้วย ถ้าเขาตกงานก็จะมีเรื่องร้อนใจตามมาหลายอย่าง ถ้าคุณเห็นว่าเขาทำงานไม่ถูกใจ ก็อย่าไปใช้เขาสิค่ะ เพราะหน้าที่ต่างๆที่คุณใช้เขาในวันนี้มันหน้าที่ของฉัน ถ้าคุณไม่เห็นแก่มินตราก็เห็นแก่คุณยายแก่ๆของเขาเถอะคะ อย่าให้ท่านต้องทุกข์ใจไปกับหลานอีกคน เพราะป่วยทางกายก็ทุกข์พออยู่แล้ว”
ฟาริดาลอบมองเมธัสเห็นเขายังนิ่งอยู่ ดูไม่ออกจริงว่าคิดอะไร
“หรือว่าคุณกลัว” เธอกล่าวแล้วมองหน้าเขาอย่างท้าทาย เท่านั้นเองเมธัสก็ชักสีหน้า แล้วกระชากเสียงใส่เธอห้วนๆ
“กลัวอะไรของเธอฟาริดา?”
“กลัวที่จะอยู่ใกล้ฉัน กลัวว่าจะกลับรักฉัน”
ฟาริดากล่าวเนิบๆ แต่มันทำให้เมธัสแทบเต้นที่เลยเดียว เขาเคล้นเสียงใส่หญิงสาว อย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
“สำคัญตัวผิดไปแล้วฟาริดา ความรู้สึกคึกคะนองแบบเด็กๆของผม มันหมดไปนานแล้ว เธอคิดว่าผมเคยรักหรืออาลัยเธอนักหนาหรือ เธอมันก็แค่ดอกไม่ใกล้มือ ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ใกล้อะไรก็คว้าสิ่งนั้น”
ฟาริดาถึงกับสะอึกเมื่อฟังคำของเขา ยอกแสลงใจขึ้นมาทันใด แต่เมธัสก็ไม่ยอมจบแค่นั้น
“เธอคิดหรือฟาริดาว่าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่รู้ที่มาที่ไป พ่อเป็นใคร ?แม่อยู่ไหน? อย่างเธอ ผมจะเอามาเลี้ยงดุอุ้มชูออกหน้าออกตา”
ฟาริดายังคงก้มหน้านิ่ง ไม่โต้เถียงใดๆต่อคำเชือดเชือนของเขาทั้งสิ้น หางตาเห็นเงาดำๆของเมธัสเคลื่อนไหวมาใกล้ แล้วเธอก็แทบผงะเมื่อเขาโนมใบหน้ามาใกล้เธอมาก ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาทีเดียว
“เธอรู้อะไรไหม?”เมธัสกล่าวแล้วจ้องหน้าฟาริดานิ่ง
“แอนนาว่าที่เจ้าสาวของผมน่ะ เขาเหนือกว่าเธอทุกอย่าง สวยกว่า ดีกว่า ไม่โลเลหลายใจ รู้จักอดทนรอคอย พ่อเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แม่ก็ใช่ย่อยถึงเป็นต่างชาติ แต่ตระกูลเขาก็มีธุระกิจมากมาย และที่สำคัญ.......” เมธัสหยุดพูดและมองฟาริดาอย่างหมิ่นๆ “เขายังไม่มีผัว”
ฟาริดารู้สึกไร้ค่ายิ่งนักกับคำพูดของเมธัส เธอรู้สึกตัวเล็กลงไปทุกที เมธัสเคลื่อนตัวมาพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์
“เอาล่ะ! เอาเป็นว่าฉันจะเห็นแก่ยายแก่ๆ นับจากนี้ไป เธอก็คอยมารับใช้ฉัน ในหน้าที่ของเลขาอย่างเดิม ส่วนมินตรานั้นก็ช่วยงานเธอไปก็แล้วกัน แต่รู้ไว้อย่างน่ะฟาริดา เธอเองไม่เคยมีอิทธิพลใดๆกับฉันเลย ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน..........”
ฟาริดายังคงนิ่งสองมือกำกระโปรงของตนแน่น พยายามสกัดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เมธัสปลายตามองหญิงสาวด้วยความสะใจ เขาจะไม่ให้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป ไม่ว่าสงสาร เมตตา หรือเห็นใจ ผู้หญิงไม่ใช่หรือที่เอาหัวใจรักของเขาไปเหยียบย้ำจนปัจจุปันมันได้กลายเป็นหินไปเสียแล้ว
“เอาล่ะไปได้ ฉันเสียเวลาทำงานกับเรื่องไร้แก่นสารของเธอ มานานพอสมควรแล้ว” จบคำพูดของเมธัส ฟาริดาจึงลุกขึ้นทันที ทั้งๆที่แข่งขาสั่นไปหมด แต่เธอก็ฝืนยืนขึ้น จะไม่ยอมให้เขาเห็น ถึงความอ่อนแอของเธอเป็นอันขาด
สักวันเมธัสจะต้องได้รับผลกรรมที่ทำกับเธอวันนี้ ฟาริดาคิดอย่างปวดร้าวใจเขาไม่เคยรักเธอเลยหรือ เธอมันก็แค่ดอกไม้ริมทาง นับว่าที่ผ่านมาเมธัสเป็นดาราตุ๊กตาทองทีเดียว ที่ทำให้ เธอหลงคิดไปว่า เขาช่างรักเธอเสียเหลือเกิน.... ฟาริดาคิดอย่างขมขื่นใจ
เป็นคนอื่นไปแล้วใช่ไหม
แต่ก่อนแต่ไรคิดว่ารู้จัก
มาวันนี้กลับเศร้าใจนัก
เธอไม่เคยจะรักไม่แลกัน
คนดีวันนั้นหายไปไหน
เขาจากไกลไปนานหรือเปล่า
มาวันนี้ใจระทมรวดร้าว
อยากรู้ข่าวคราวคนดีของใจ
สิ้นเยื่อสิ้นใยเจ็บน้อยกว่า
แต่นี่กลับมาว่าไม่รักฉัน
สะใจนักหรือที่ทำร้ายกัน
ทั้งทั้งฉันภักดีมิเสื่อมคลาย......
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น