ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ^^มารักกันอีกได้ไหม^^

    ลำดับตอนที่ #2 : ^^มารักกันอีกได้ไหม 2^^

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 50


    ตอนที่ 2
    เช้าวันนี้ฟาริดางงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเข้ามาในบริษัท แล้วพบว่า โต๊ะทำงานของตนเอง ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกมาอยู่หน้าประตูห้องของท่านประธานใหญ่ แทนการได้เข้าไปอยู่ในห้องร่วมกับเขา
    หญิงสาวมองไปยังประตูห้องของเมธัส เหมือนต้องการให้มันทะลุผ่าน เข้าไปด้านในหรือจะให้ดี ให้มันทะลวงเข้าไปถึงขั้วหัวใจของเขาเลยก็ได้ เพราะเธออยากจะรู้นัก ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังคิด หรือว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่
    ฟาริดาวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทำงาน แล้วแล้วนั่งลงพยายามรวบรวมสมาธิของตน ให้มันกลับมาจดจ่ออยู่ที่งาน แล้วจากนั้นก็พึมพัมออกมาเบาๆว่า
    “ อืม! ก็ดีเหมือนกัน อยู่กันคนล่ะโลกได้ก็ยิ่งดี จะได้ไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน ให้สะสางกันไม่รู้จักจบจักสิ้นอย่างนี้ "
    แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหย่ง เมื่อมีเสียงห้าวห้วนพูดสะบัดๆ กลับมาว่า
    “ใช่..! เห็นด้วยอย่างยิ่ง อยู่ให้ไกลหูไกลตากันนะดีแล้ว เพราะเดี๋ยวเเอนนากลับมา เธอจะได้ไม่เข้าใจผิดในตัวผม และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ ว่าที่เจ้าสาวของผมนั้นทั้งเธอทั้งแสนดี และน่ารักๆ แบบนี้หายาก เรียกว่าผู้หญิงทั้งโลกก็คงทาบไม่ติด"
    กล่าวจบคนพูดก็หน้างอเสียเอง จากนั้นจึงเดินลงส้น ไปยังห้องทำงานของตน แล้วปิดประตูเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตามแบบที่เธอคุ้นเคยอยู่เป็นนิจ
    คิดๆไปฟาริดาก็ยังแปลกใจไม่หายอยู่ดี ไม่รู้จริงๆว่าเขาเปิดประตูออกมาตอนไหน เพราะเสียงของมันเบามาก นี้คงจะแอบคอยจับผิดเธออยู่บ่อยๆล่ะสินะ เห็นทีเธอต้องระมัดระวังตัว ให้มากขึ้นเสียแล้ว เวลาจะพูดจะจาอะไร เพราะมีคนจ้องจะหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา
    ฟาริดาบอกกับตัวเอง จากนั้นจึงหยิบแฟ้มขึ้นมาทำงาน เพราะเดี๋ยวท่านประธานหญ่าย.. จะมาค่อนขอดเอาได้ว่า เธอทำงานไม่คุ้มกับเงินเดือนของท่าน
    หญิงสาวทำงานไปได้พักใหญ่ ก็เห็นมินตราผู้ช่วยของเธอ วางโทรศัพท์ลงหน้าเสีย ไม่นานนักเจ้าหล่อนก็รีบลุกขึ้น แล้วเดินผ่านโต๊ะทำงานของเธอ ไปยังห้องของท่านประธานหญ่าย..!
    ฟาริดาขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเมธัสจะมาไม้ไหนอีก เพราะยิ่งนับวันคนๆนี้ก็ยิ่งพิลึกคนเข้าทุกที คิดเเล้วก็หันมาทำงานต่อ พยายามไม่ใส่ใจ พฤติกรรมขวางๆของเขานัก แต่ทำงานได้ไม่นานเท่าใดนัก ก็เห็นมินตราผู้ช่วยของเธอเดินหน้าซีดออกมาจากห้องของเมธัส แล้วเข้ามาขอแฟ้มการประชุมครั้งล่าสุดจากเธอ ฟาริดาพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงหยิบแฟ้มที่เขาต้องการขึ้นมา แล้วทำท่าจะลุกขึ้น เพื่อนำไปให้เมธัสด้วยตนเอง แต่กลับถูกมินตราทักท้วงไว้เสียก่อน
    “เออ! พี่ฟาง ไม่ต้องเอาไปเองหรอกค่ะ เดี๋ยวมิ้นเดินเอาไปให้ท่านเองจะดีกว่าค่ะ"
    ฟาริดาหันไปยิ้มให้ผู้ช่วยของตน อย่างสดใสแล้วกล่าวออกไปว่า
    " ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะมิ้น คือพี่มีเรื่องจะต้องคุยกับเขาด้วยนะจ๊ะ"
    มินตรายิ้มแหยๆให้เธอ แล้วพูดตะกุกๆตะกักๆออกมาว่า
    "เออ...มิ้นว่า มีอะไรพี่ฟางอธิบายกลับมิ้นก็ได้ค่ะ แล้วมิ้นจะไปชี้แจงกับท่านประธานเอง"
    ฟาริดาขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองดูลูกน้องของตน อย่างพินิจยิ่งกว่าเดิม
    “มันเกิดอะไรขึ้นมิ้น ?” ฟาริดาถามน้ำเสียงเข้มงวด เคล้นเอาคำตอบจากรุ่นน้อง
    "ไม่ทราบว่าคุณเมธัสเขาเป็นอะไรอีกล่ะมิ้น ไหนเธอช่วยอธิบายให้พี่ฟังหน่อยสิ…! มินตรา?" ฟาริดาถามแล้วจ้องหน้ามินตรา อย่างรอคอยคำตอบ
    “เอ่อ! เอ่อ..คือว่า..คือว่าคุณเมธัสเขาสั่งมิ้นไว้น่ะค่ะว่า"
    “เขาสั่งว่าอะไร?” หญิงสาวถามเสียงขึ้นจมูก
    “ เขาสั่งว่า.....” มินตราพูดได้แค่นั้น ก็ทำท่าจะร้ องให้เอาดื้อๆ
    “ก็บอกเขาไปสิ!ว่าผมสั่งคุณไว้ว่า ให้คุณเอาแฟ้มมาให้ผมด้วยตนเอง ถ้าไม่จำเป็นอย่าให้เขาเข้ามา แล้วเที่ยวเดินกรีดกรายอยู่ในห้องของผม เพราะว่าผมไม่ชอบพวกที่ใช้เส้นใช้สายเข้าทำงาน คนพวกนี้มักไม่ค่อยมีความสามารถอะไรหรอก เพราะถ้ามีจริงคงไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใคร" เมธัสจ้องหน้าฟาริดานิ่งขณะพูด จากนั้นจึงเดินเข้ามากระชากแฟ้ม ไปจากมือหล่อนหน้าตาเฉย
    ฟาริดาจ้องหน้าเขานิ่งแบบไม่หลบเช่นกัน แล้วทำปากขมุบขมิบกับเขา ให้ได้ยินกันสองคน “ทราม!” ฟาริดาทำปากขมุบขมิบให้เขาเห็น เธอไม่ต้องการให้มินตรา มารับรู้อะไรมากกว่านี้ เพราะเท่านี้หล่อนก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่แล้ว จากนั้นหญิงจึงเดินตามเมธัสไปที่ประตู กัดฟันพูดเบาๆกับเขาอีกว่า
    "นี่คุณเมธัส! ถ้าคุณโกรธเกลียดฉันมาก ก็ทำกับฉันคนเดียวสิค่ะ มินตราเขาไปรู้อะไรกับเราด้วย คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วน่ะ แล้วก็เป็นถึงประธานบริษัทเสียด้วย แต่ทำไมถึงชอบเอานิสัยของเด็กประถมมาใช้แบบนี้ล่ะค่ะ แล้วการที่คุณพาลพาโลไม่เลือกแบบนี้ มันก็จะทำให้ลูกน้องหมดศรัทธา ในตัวคุณมากขึ้นทุกวันนะค่ะ อีกหน่อยก็จะไม่มีใครเขาอยากจะร่วมงานกับคุณ"
    ฟาริดาต้องชะงักเท้าทันที เมื่อจู่ๆ เมธัสก็หยุดเดินกะทันหันแล้วโต้กลับเธอบ้าง
    “ก็ถ้าใครมันไม่พอใจก็ใสหัวออกไปสิ..! ใครไปรั้งไว้ แล้วอีกอย่างนะแม่เด็กจากกองขยะ คนอย่างฉันมีปัญญาจ้างคนอื่นที่เก่งๆ มีความรู้ความสามารถมากกว่าคนแบบพวกเธอที่ไม่ได้เรื่อง เป็นร้อยพันเท่า”
    จบคำพูดแบบพาลๆของเมธัส ฟาริดาก็จ้องหน้าเขานิ่ง แล้วเค้นเสียงออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า
    "เพราะอย่างนี้ไงคุณเมธัส เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ฉัน..ถึง..ไม่..เลือก..คุณ..!"
    เมื่อฟาริดาพูดออกไปแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองกำลังจะแตกสลาย เมื่อเห็นหน้าของเขาขาวซีดขึ้นทันตา แต่มันก็ไม่นานนักหรอก เมื่อเมธัสก็ยังเป็นเมธัสคนเดิม ที่เปี่ยมไปด้วยความยโสและจองหอง เขาตะเบ็งเสียงโต้เธอกลับมาว่า
    เงียบไปเลยฟาริดา..! เธอเองก็เหมือนกัน ถ้าไม่เพราะคุณแม่ฝากฝังไว้ล่ะก็ ฉันจะเรียกยามขึ้นมา แล้วรวบเอาทรัพย์สมบัติของเธอ โยนออกไปนอกบริษัททันที ไม่ปล่อยให้มาพูดจาไม่เกรงใจกันแบบนี้หรอก"
    “อืม! ดิฉันเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วล่ะค่ะ" ฟาริดาพยักหน้ามองเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ แล้วพูดต่อไปว่า
    “ที่ฉันอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็เพราะบารมีคุณแม่บุญธรรมสินะ คุณเลยไม่กล้าเอ่ยปากไล่กัน แต่คุณเลือกที่จะบีบฉันโดยการแว้งกัดคนรอบข้างๆฉันแทน ไม่เป็นไรค่ะถ้าอย่างนั้นก็........”
    ฟาริดาไม่พูดอะไรต่อ แต่เลือกที่จะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนแทน แล้วรวบรวมทรัพย์สมบัติของตน ที่อยู่บนโต๊ะทำงานทั้งหมด มากองรวมกันเอาไว้เพียงจุดเดียว
    หางตาเห็นเมธัสเดินมายืนมองเธอสักครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ตะคอกถามเธอออกมาว่า
    "นี่! เธอจะทำอะไรของเธอน่ะฟาริดา?”
    ฟาริดาชะงักมือที่กำลังเก็บของ เงยหน้าขึ้นมองเมธัส ซึ่งยืนทำหน้ายักษ์อยู่ใกล้ๆ
    แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไป โดยไม่ตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น
    “ฉันถามว่าเธอกำลังจะเธออะไรอยู่แม่คุณ ?”
    “ลาออก"ฟาริดาตอบสั้นๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นไปมองเมธัสแม้แต่น้อย
    “ไม่ได้น่ะ" คราวนี้เมธัสร้องเสียงหลงทีเดียว
    ฟาริดาจึงเงยหน้าขึ้น จ้องหน้าเขาเป็นคำถาม เห็นเมธัสทำหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็ยอมไขข้อข้องใจของเธอทันที
    "ก็ถ้าเธอลาออกไป ฉันก็จะเดือดร้อน คุณแม่ก็จะมาต่อว่าฉันอีกได้ว่ากลั่นแกล้งเธอ จนเธอทนไม่ได้ ทั้งๆทีตัวของเธอมันไม่มีความอดทนเอง ไม่ได้! เธอห้ามออกเป็นอันขาด จนกว่าฉันจะอนุญาตเข้าใจไหม..”
    อีกอย่างตอนที่เธอสมัครเข้ามา เธอก็ได้เซ็นสัญญากับทางบริษัทแล้วว่า จะทำงานจนครบหนึ่งปี ฉะนั้นถ้าเธอลาออกตอนนี้ ก็เท่ากับเธอเธอผิดสัญญา และบริษัทก็เอาเรื่องกับเธอจนถึงที่สุด"
    จบคำพูดของเขา ฟาริดาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ของตนอย่างอ่อนล้า หญิงสาวเอามือกุมขมับของตน แล้วพูดเสียงเนือยๆกับเขาว่า
    "นี่ฉันจะหนีไม่พ้นคุณจริงๆหรือ?"
    เมธัสมองสตรีเบื้องหน้า ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก มันทั้งแปรบใจและสะใจอยู่ลึกๆ ที่เห็นอีกฝ่ายทุกข์ร้อนใจ
    “ก็คงใช่!ชีวิตเราสองคน คงเกิดมาเพื่อใช้เวรใช้กรรม ให้กันและกันมั้ง รู้อย่างนี้แล้ว ก็จงอยู่ชดใช้ให้มันจบๆไปเสีย จะได้ไม่มีเวรมีกรรมต่อกันอีก" เมธัสพูดได้แค่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินห่างออกไป
    ฟาริดาหายใจระรวยอย่างล้าใจ นึกถึงยามรัก อะไรๆก็สวยสดงดงามไปหมด แต่พอยามฉังนั้น ยิ้มให้ก็ยังหาว่าเยาะเลย ฟาริดาคิดอย่างข่มขื่นใจ จะคิดถึงความหลังไปใย ในเมื่อสายน้ำย่อมไม่ไหลย้อนกลับ ยังไงๆเธอก็คืออดีตของเมธัส ส่วนเขานั้นก็จะเป็นปัจจุบัน ในหัวใจของเธอตลอดไป ………
    ฟังดูก็คงไม่ดีเท่าใดนัก เมื่อคนที่มีสามีแล้วอย่างเธอ จะคิดกลับชายอื่นอย่างนี้ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเธอไม่ได้มีสามีแบบปกติ เหมือนคนอื่นเขา เรื่องราวทุกอย่างนั้นมันยุ่งยาก และสลับซับซ้อนมากมาย จนเกินกว่าจะอธิบายได้ แล้วเมธัสก็เป็นฝ่ายเลือก ที่จะไม่ฟังคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น จากเธอเลยแม้แต่น้อย
    และถ้าเขาจะรับฟังคำอธิบายของเธอสักนิด ทุกอย่างมันคงง่ายกว่านี้ หรืออาจจะเป็นได้ว่า ที่เขาไม่ยอมรับฟังอะไรเลย นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการจะสลัดหล่อน ออกไปจากชีวิตเขา เหตุว่าเขาก็มีที่หมายใหม่ ที่พอเห็นกันอยู่แล้ว
    ฟาริดาคิดอย่างสะท้อนใจ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานของตน แล้วหลับตานิ่ง พยายามสกัดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ปล่อยให้มันจะไหลท่วมหัวใจไปเถอะ
    แต่อยากให้มันเอ่อออกมา ให้คนใจร้ายอย่างเมธัสได้เห็นก็พอ........
    สายน้ำไหลไปไม่ไหลกลับ
    เธอไปลับไกลใจไม่ห่วงหา
    เฝ้าอาลัยใจที่ไม่ย้อนมา
    ถวิลหาอยู่ทุกลมหายใจ
    ไกลตาไกลใจไม่คืนแล้ว
    ต้องคลาดแคล้วจากไปไม่คืนกลับ
    รักรอนแรมเร่ร้างล่วงลาลับ
    นาวารักต้องดับอับปางลง.........
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×